อยากรู้ด้วยคนครับ แต่ของผมเดิน 6 sq.mm.ไปแล้ว 555

ขอเกาะกระทู้ด้วยคนครับ อยากรู้เหมือนกันนอกจากขนาดกับราคาแล้ว ถ้าเอา 6 มาเล่นกับเครื่องเสียงจะมีอะไรหรือเปล่า

แต่ผมเดาเล่นๆว่า ที่อาจารย์หมูหวานแนะนำ แค่ 4 เพราะอาจจะดูจากชุดที่ใช้อยู่ แล้วเห็นว่าสองขนาดนี้ไม่เห็นผล ต่างกันมากก็ได้ครับ  เพราะผมเคยคุยกับช่างไฟตอนจะให้มาเดินสายที่ครัว เพื่อใช้กับเตาอบ  ผมบอกมีขนาดใหญ่สุดแค่ไหน ช่างบอกแค่เบอร์4ก็ใช้กับไมโครเวฟได้ 5-6 ตัวแล้วพี่ จะเอาใหญ่ๆไปทำไม555

แต่กับเรื่องเสียงผมก็อยากรู้เหตุผล เหมือนกันครับ ว่าใช้กับพวกชุดหูฟัง ที่กินไฟไม่เยอะจะต่างถึงขนาดรู้สึกได้หรือเปล่า

เดินทั้งทีซื้อสาย audiophile เลยครับ ซึ่งสายพวกนี้มาตรฐานจะเป็น 10 awg หรือว่า 6sq.mm. ดังนั้นตอบว่า 6 ครับ ฟันธง 555+

ก็เห็นบอกว่าลงทุนน้อย ผลตอบแทนสูง ก็เลยไม่อยากลงทุนมากครับ 555 แต่ jps in wall ก็แอบอยู่ในสารระบบนิดหน่อย วันนั้นที่คุยกับพี่หมูหวานก็มีพูดถึง cardas in wall อยู่เหมือนกันครับ
ว่าแต่มียี่ห้อและแนวเสียงแนะนำมั้ยครับ? 

คุณแชมป์ครับ สาย Fuhrer 3x6 sq.mm นี่เป็นสาย audio grade หรือปล่าวครับ แล้วหาซื้อได้ที่ไหนครับ?

คือจำได้ว่าหมูหวานเคยบอกว่า 6 sqmm สายมันจะใหญ่มากครับ แค่ 4 sqmm ก็ถือว่าใหญ่แล้ว สำหรับผลแตกต่างคงไม่ต่างกันมากเท่าไหร่ครับ ส่วนสายก็เป็นสายไฟที่ใช้เดินตามบ้านทั่วๆไปครับไม่ใช่ Audio Grade 

ขอบคุณครับพี่สมเกียรติ
ตอนนี้ผมมาเดินโฮมโปรครับ ยังไม่เจอ 6 สแควร์มิลแบบที่มีสายกราวด้วย มีแต่ขนาด 4 สแควร์มิลที่มีสายกราวด้วย (เป็นสามเส้น) 

ดูกระทู้นี้ด้วยครับ

https://forum.munkonggadget.com/detail.php?id=171521

ขอบคุณครับพี่สมเกียรติ กระทู้ที่พี่แปะให้นี่ผมยังไม่เคยอ่านเลย สรุปว่าผมได้คำตอบแล้วครับว่าต้องไปที่ 6 เลย จะแจ่ม^^
วันนี้ปฏิบัติการตามล่าสายไฟและกล่องตู้ไฟผมล้มเหลวเพราะโฮมโปรไม่มีสิ่งที่ผมต้องการ สรุปพรุ่งนี้ต้องหามาให้ครบละครับ อิอิ

ต้องตอบแบบนี้ครับ คือผมเคยคิดเหมือนกันว่า 6 หรือ 4 ซึ่งจริงๆแล้ว 6  SQM นั้นถ้าว่าทางความต้องการทางไฟฟ้าแบบเชิงวิศวะ มันไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปใช้กับเครื่องเสียงที่มีหม้อแปลงตัวกระจิ๊ดเดียวหรอกครับ มันต้องใช้เดินสายไฟกับแอร์ระดับ 3 ตันนู่นเลย

แต่อย่างว่า ถ้าเราจะเอาสายไฟมาใช้ในลักษณะออดิโอไฟล์ บางทีต้องก้าวข้ามความสงสัยของช่างไฟครับ ตอนนั้นช่างไฟมันซักไซร้ผมมาก ผมบอกว่าเรื่องกู ทำตามที่บอกเหอะ 555 เพราะเราไปอธิบายเรื่องเสียงให้ช่างไฟฟังยังไงก็ไม่เข้าใจครับ

สายไฟที่หน้าตัดมีพื้นที่มากกว่าใหญ่กว่า สามารถส่งต่อกำลังไฟไปได้เร็วกว่ามากกว่าในเวลาที่ต่างกัน อาจจะวัดด้วยเครื่องยาก แต่วัดด้วยการฟังนี่ฟังออกครับ สายใหญ่กว่า ตัวนำดีกว่า ให้ไดนามิก และความรู้สึกด้านพละกำลังที่ดีกว่า นี่ยังไม่นับพวกเสียงทุ้มต่ำที่ฟังไม่เจอจากสายไฟเส้นเล็กๆนะครับ

6 SQM แพงกว่าไม่มากนัก แต่ทำงานลำบากกว่ามาก เผลอๆๆมือแหกหมด ผมแนะนำให้ใช้เบอร์ 6 สำหรับไฟขั้วบวกกับลบ ส่วนกราวด์ให้ใช้ 4 SQM ก็พอครับ และสาเหตุสำคัญคือไหนๆก็มาถึงตรงนี้แล้ว ฆ่าควายทั้งตัว อย่าเสียดายรากผักชีพริกไทกระเทียมเลย ต้องจัดให้เต็มครับ !!!

555

ขอบคุณครับเฮียมั่น
และด้วยประการฉะนี้ก็ต้องเป็น 6 เท่านั้นครับ lol

ผมใช้สายไฟยี่ห้อANTครับ ร้านแถวบ้านมียี่ห้อเดียวเลือกไม่ได้555 ผมใช้แบบนี้ครับ สายไฟใช้เบอร์6 สายกราวด์เบอร์4ครับ แต่ของผมเดินทั้งบ้านครับ
พอดีสร้างบ้านใหม่ตอนนั้นเลยจัดเต็มครับเท่าที่งบอำนวยครับ แต่ก็คุ้มกับสิ่งที่ได้รับกลับมาครับ หาปลั๊กผนังดีๆใส่ครับ ฟินเลยครับเวลาฟังเพลง

เท่าที่ถามดู ไม่ใช่ Audio Grade ครับ ตอนซื้อผมฝากเสี่ยขวัญซื้อจากโรงงานเลยครับ 

เช้านี้ผมได้ค้นคว้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับสายไฟและขนาดของมันอีกหน่อย ก็พอจะจับความได้ว่าสายไฟสำหรับ Audio Grade นั้น จะแบ่งได้คร่าวๆ ประมาณ 3 กลุ่ม ซึ่งผมขอจัดระดับกลุ่มเองโดยอ้างอิงถึงสเปคสายไฟของ Shunyata ประมาณนี้นะครับ ก็คือ

1. Entry level หรือ กลุ่มแรกเริ่มหัดฟัง
2. Advance หรือ กลุ่มพี่ฟังจนเริ่มชำนาญ
3. Professional หรือ กลุ่มออดิโอไฟล์

สายไฟในกลุ่มแรก (entry level) จะมีหน้าตัดเฉลี่ยที่ 12Gauge หรือ 3.31 สแควร์มิล ซื่งส่วนมากจะใช้ในสายไฟรุ่นต้นๆ เช่นพวก Shunyata Venom3 (ส่วน venom3s นั้นมีหน้าตัด14 Gauge ซึ่งเท่ากับ 2 สแควร์มิลเท่านั้น [เล็กกว่า]) 

สายไฟกลุ่มที่สอง (Advance) จะมีหน้าตัดเฉลี่ยที่ 10Gauge หรือ 5.26 สแควร์มิล ซึ่งส่วนมากจะใช้ในสายไฟรุ่นกลางๆ ในระดับราคา สองสามหมื่นบาท เช่น Shunyata รุ่น Alpha

สายไฟกลุ่มที่สาม (Professional หรือ Audiophile) จะมีหน้าตัดเฉลี่ยอยู่ที่ 8Gauge หรือ 8.36 สแควร์มิล ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นสายไฟรุ่นตัวท๊อปๆระดับราคาห้าหมื่นบาทขึ้นไป เช่น Shunyata รุ่น Sigma สายไฟพวกนี้จะใหญ่มากๆ หรือถ้าเป็นยี่ห้อ JPS ก็ต้องระดับ Kaptovator ขึ้นไป... (แต่ pangea ac9 ก็ใหญ่ 9AWG นะเอ้อ!)

ทีนี้ พอกลับมาพูดถึงว่า เดินสายไฟใหม่มาจากตู้จนถึงชุดตั้งโต๊ะ ผมควรจะใช้สายกี่สแควร์มิลดี? 
คำตอบที่ได้จากเมื่อคืนก็คือ 6 สแควร์มิล ซึ่งก็คือเหลือๆ ล้นๆ ซึ่ง ณ.ตอนนี้ผมใช้สายไฟในระบบทั้งหมด3เส้นเป็น Shunyata Venom 3 สองเส้น และ 3s เส้นนึง เท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นสายไฟรุ่นหัดฟังมากๆ ... แต่ ถ้าวันหน้าวันหลังผมอยากเปลี่ยนไปใช้ Shunyata Sigma หละ? สายไฟขนาด 6 สแควร์มิล น่าจะไม่ใหญ่พอ ^^

เอาเป็นว่าถ้าเล่นเซฟๆไปก่อน 6 sq.mm. ก็พอที่จะรองรับการขยับขยายซิสเต้มสายไฟขึ้นไปอีกระดับเพราะว่าตอนนี้สายไฟที่ติดมากับบ้านก็มีขนาดเล็กกว่าสายไฟท้ายเครื่องที่เราๆส่วนมากใช้กันอยู่ หรือเผื่อวันข้างหน้าถ้าจะอัพเป็นสายไฟระดับกลางๆก็ยังเอาอยู่

ทั้งนี้ทั้งนั้นผมเพียงอยากจะโน๊ตและตั้งข้อสังเกตุไว้ว่า สำหรับนักเล่นระดับเทพนั้น สายไฟขนาด 6sq.mm.นั้น เมื่อดูตามสเป็คแล้ว ก็ยังไม่น่าจะใหญ่พอที่จะรองรับสาย AC ตัวท๊อปๆในตลาดนะครับ (*-*)

ตารางเทียบขนาดหน้าตัดสายไฟครับ

ขอบคุณครับคุณแชมป์ :) 
ผมคิดว่าผมคงจะใช้ ไทยยาซากินี่หละครับ จะพยายามหาแบบสามเส้นให้ได้ครับ

ไมพูดถึงแนวเสียงนะครับ
----------
เล็กไปใช้ไฟเยอะไป...สายไหม้
ใช้ใหญ่ไปก็ใชวาจะดี
เหมือนน้ำกับท่อน้ำครับ ทอใหญน้ำน้อยก็เอือย....ท่อเล็กน้ำแรงก็พุ่ง
สวนสายกราวน์ใหญไว้ก่อนได้เปรียบ
สายกราวน์ก็เหมือนถังขยะ...ถังเล็กเต็มก็ล้น
พวกจั๊มสั้นๆ...ก็ไมจำเป็นต้องใหญ่อะไร...เลือกแนวเสียงสายทีชอบมาเลยครับ
เพียงแต่ไฟหาฉนวนที่มีความทนทานหน่อย
-------------
เอาไว้คำนวน...ครับ
Voltage Drop Calculator
http://www.calculator.net/voltage-drop-calculator.html

อันนี่คำนวนให้ดู 18awg 1cm. โหลด230V  5A  เป็นพันวัตต์เลยนะครับ
ดรอปนิดเดียวเอง ...พวกสายจั๊มในเต้ารับ...ไมจำเป็นต้องใหญ่อะไร...เลือกแนวเสียงสายทีชอบมาเลยครับ

ระวังเรื่อง Surge ด้วยนะครับ เวลาฟ้าร้อง ฟ้าผ่า ใครมีวิธีป้องกันบ้างครับ  

สายไฟที่หน้าตัดมีพื้นที่มากกว่าใหญ่กว่า สามารถส่งต่อกำลังไฟไปได้เร็วกว่ามากกว่าในเวลาที่ต่างกัน อาจจะวัดด้วยเครื่องยาก แต่วัดด้วยการฟังนี่ฟังออกครับ สายใหญ่กว่า ตัวนำดีกว่า ให้ไดนามิก และความรู้สึกด้านพละกำลังที่ดีกว่า นี่ยังไม่นับพวกเสียงทุ้มต่ำที่ฟังไม่เจอจากสายไฟเส้นเล็กๆนะครับ
------------
ขออ้างที่เฮียพูดหน่อย
หลักการง่ายๆครับ
โทนตำเบสหนักจะใช้ไฟเยอะ
สายเส้นเล็ก..เรียกกระแสฉับพลันไม่ทัน  ไดนามิก และความรู้สึกด้านพละกำลัง เลยด้อย
ส่วนสายที่ใหญ่  เรียกกระแสฉับพลันทัน  ไดนามิก และความรู้สึกด้านพละกำลัง เลยดีกว่า
เลยทำใหญ่กลุ่นนักเล่นเครืองเน้นใหญ่ไว้กอน

เฮียตอบได้ชัดเจน ครบถ้วนทุกกระบวนความครับ โดยเฉพาะเรื่องช่าง บางทีเราไปแสดงตัวว่ารู้มากกว่าไม่ได้  ประมาณว่ากูเป็นช่างนะโว๊ย  อย่าเถียงกูเรียนมา555

จริงๆที่ผมอยากรู้คือ เคยมีใครใช้สายเบอร์ 4 แล้วเปลี่ยนไป 6 บ้าง (เพราะไม่เคยเห็นใครพูดถึง)อยากรู้ถึงประสบการณ์การใช้งานว่าเป็นอย่างไรบ้าง เป็นแค่ความอยากรู้ครับ

Cardas ก็ฟังดูน่าสนใจนะครับ ผมเคยใช้ jps in wall นะก็ถือว่าโอเคครับ แต่ก็อยากเปลี่ยนเหมือนกัน 555+
จริงๆ ก็อยากลองซื้อพวกสายไฟแบ่งตัดแบบนี้มาลองเทียบดูให้หมดเหมือนกันว่าแต่ละเส้นบุคลิกเป็นอย่างไรแล้วตอนเดินสายไฟก็ลงทุนทำทีเดียวไปเลยน่าจะดีนะครับ แต่ปัญหาคือพอรู้บุคลิกสายไฟแล้วจะมีอาการคันอยากเปลี่ยนมันอีกรึเปล่าในอนาคต อาจจะตัดปัญหาไปเลยด้วยการใช้สายไฟธรรมดานี่แหล่ะจะได้ไม่คัน 555+

ขอบคุณ คุณ tiger-silver
สำหรับสาระเพิ่มเติมครับ :)

พี่สมเกียรติ เรื่องไฟกระชากนี่ผมไม่แน่ใจว่าไอตัวรางไฟผมมันมีป้องกันอะไรขนาดไหนเหมือนกันเพราะหน้าตามันธรรมด๊าธรรมดา แต่คิดว่าพอผมเดินสายไฟใหม่เสร็จแล้วผมคงจะลองทั้งแบบต่อตรงเข้าเต้า และแบบต่อผ่านรางไฟ ว่าเสียงแบบไหนชอบใจมากกว่ากัน เรื่องเสียงมาก่อน เรื่องพังค่อยว่ากันทีหลังละครับ 555 

คุณ ellevoid
สนใจขายต่อ jps แดงมั้ยหละครับ ผมต้องการ 7 เมตรครับ ถ้าซื้อมือหนึ่งก็คง 18666 บาท แต่ถ้าซื้อมือสองจากคุณ ellevoid ก็ถูกลงไปหมื่นกว่าบาทเลยทีเดียว 555 น่าสนๆ :p

ได้เข้าไปอ่านลิ้งเรื่องฟ้าผ่าทั้งสี่ลิ้งที่พี่สมเกียรติแปะให้อ่านแล้ววิตกจริตไปเลย ... ไอตัวรางไฟที่ผมมีนี่คงไม่ได้เรื่องละครับ สรุปผมต้องหาตัว surge arrester อะไรนั่นมาติดเพิ่มที่ตู้ไฟตามที่คุณ Hsung แนะนำไว้ในกระทู้เก่าๆแล้วครับ ไม่งั้นแจ๊คพอทขึ้นมานี่เศร้าเลยครับ ... เริ่มเสียว 

พี่ Hsung นี่ผมสงสัยว่า ใช่เทพเจ้าทอร์จำแลงกายลงมาหรือเปล่า555

ปล.เข้าไปอ่านแล้วคิดถึงน้าเต่าครับ เห็นเคยบอกเลิกเล่นหูฟังแล้ว

ป่าวครับ ผมโลกิครับ ถึงนิสัยจะเลวแต่สาวชอบตรึม 555

พอดีจบ ปวช. อิเลค ป.ตรี ไฟฟ้ากำลัง เลยมีความรู้กว้างไกลดังมหาสมุทร แต่ก็ลึกวึงเท่ามดดิ้นตาย

ปล. อยากให้มือใหม่ทุกคน เริ่มที่ระบบไฟแบบนี้กันก่อนครับ ก่อนไปต่อ

ถ้าใช้น้ำ จากต้นน้ำที่สะอาดดีแล้ว ก็ไม่จำเป้นที่ต้องซื้อเครื่องกรอง 7-8 ขั้นตอน มาใช้งาน

แถมถ้าเครื่องกรอง ออกแบบมาไม่ดี น้ำที่ได้มาก็ยังคงขุนมัว ให้ระคายลิ้นอยู่ดี

ที่ผมแนะนำให้ใช้เบอร์ 6 และเบอร์ 4 สำหรับสายกราวด์ หลักการง่ายๆเลยครับ คือสามารถเลือกซื้อได้ง่าย ราคาไม่แพงนัก และพวกปลั๊กผนังทั้งหลาย ถ้าเป็นสายเบอร์ 6 เรายังยัดสายเข้าไปได้ครับ ถ้าใหญ่กว่านี้ทำงานยากยัดไม่เข้า และต้องตัดสายไฟบางส่วนที่ยัดไม่เข้าออกไปด้วย 555

สิทธิการิยะท่านเลยให้เลือกเบอร์ 6 ไว้ก่อน 555

ขอบคุณครับเฮียมั่น
ผมซื้อมาเป็นแบบ 3x6sqmm ให้ทุกอย่างมันรวมกันเป็นเส้นเดียวไปเลยครับเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย ^^ ไปได้มาจากบ้านหม้อเมื่อวานครับ เป็นสายยี่ห้อไทยยาซากิ ซื้อมา 8 เมตรจ่ายค่าเสียหายไป 880 บาทเท่านั้น :)

เส้นนี้เป็นสายฝอยนี่นา เอเสียงมันจะต่างกับสาย thai yazaki ที่เป็นสายแข็งมั้ยนะ อิ อิ อิ

คันมือซื้อมาเดินขนานสายthai yazaki อีกซักเส้นดีมั้ยนะ 555

ต่างครับ สายแข็งกับสายฝอย เสียงต่างกันเห็นชัด ><

เปิดมาแบบนี้เดี๋ยวผมไปจัดอีกเส้นครับ 
ลองให้รู้กันไปเลยครับ ^^ 

ว่าแต่สายแบบไหนเสียงเป็นยังไงหรอครับ? 
เอาแบบฟันธง แบบไหนดีกว่ากันครับ?

jps in wall สายฝอย , cardas in wall สายแข็ง 
ปกติสายแข็งเสียงจะออกแนวดุดันกว่าสายฝอยที่จะออกเนียนๆ ตอบไม่ถูกเหมือนกันครับว่าอะไรดีกว่า แต่คิดว่าเอาสายแข็งมาให้เสียงออกมาเต็มๆ ดุดันๆ แล้วค่อยมาปรับให้เนียนลงด้วยสายอื่นๆ น่าจะง่ายกว่าออกมาเนียนๆ แล้วมาปรับให้ดุดันขึ้นอ่ะครับ (คหสตลลลค)

เอาแบบที่เรียนมามั้ยครับ ทฤษกีจ๋านิดนึง ในเชิงวิศวกรรมเค้าเรียกเป็นผลมาจาก skin effect

กระแสไฟฟ้าที่ความถี่สูง จะไหลผ่านผิวภายนอกได้ง่ายกว่าแกนที่อยุ่ภายใน

ทำให้สายฝอยที่มีผิวภายนอกเยอะกว่าก็จะทำให้กระแสไฟฟ้าที่ความถี่สูงไหลได้ดีกว่าสายแข็งครับ

ทีนี้มันเลยทำให้เวลาใช้สายฝอยเสียงมันเลยสดกว่าสายแข้ง และ เวลาใช้สายแข็งเสียงถึงดูหนากว่าสายฝอย

ปล. มันเป้นแค่ทฤษกีนะครับ ในทางปฎิบัติ ก็อยู่ที่คุณภาพและจำนวนสายทองแดงที่ใช้ด้วย 

ปล. ใครมีสายไฟทั้งสองระบบแล้ว ขอลองไปฟังเสียงหน่อยได้ป่าวครับ 555

ของผม Fuhrer 3x6 sq.mm. เป็นสายฝอยแฮะ

ขอบคุณทั้งสองท่านครับ

ถ้าอย่างนี้ผมขอลองสายฝอยก่อนดีกว่าครับ เพราะแอบรู้สึกว่าผมอยากได้เสียงเปิดๆอยู่พอดีครับ ยังไงถ้าไม่ถูกใจเดี๋ยวไว้ลองสายแข็งวันหลังดีกว่าครับ

^^

ยิ่งอ่านยิ่งสนุกแฮะ 
มีผลระหว่างสายฝอยกับสายแข็งด้วย 

แล้วถ้าเป็นสายแข็งพันหุ้มด้วยสายฝอยนี่ เสียงมันจะออกมาทั้งสดทั้งหนารึปล่าวครับ

แต่เท่าที่ทราบสายไฟบ้านนี่มีความถี่เดียวหนิครับ(50 หรือ 60Hz) ไม่ได้มีหลากหลายความถี่เหมือนเสียงเพลง ด้วยความที่สายฝอยสามารถนำความถี่สูงดีทำให้มีความเสี่ยงที่จะนำสัญญานความถี่สูงต่างๆในอากาศ เช่น สัญญานโทรศัพท์ ไวไฟและอื่นๆ ติดมาได้ง่ายกว่า ดังนั้นความเห็นผมคิดว่าสายไฟที่เดินระยะยาวๆควรเป็นแกนเดี่ยว ยิ่งถ้ามีชิลด์ หรือ ถักเพื่อลดสัญญานรบกวนจะดีมาก เพราะสัญญานรบกวนโดยเฉพาะในเขตเมืองมีสูงมากครับ

นีแหละครับ ปัญหาโลกแตก ไฟบ้านนี่มีความถี่เดียวหนิครับ(50 หรือ 60Hz) 
แตสายไฟท้ายเครือง....แนวเสียงเปลียนไปตามบุคลิคของแกนสายเลย
สายฝอยก็บุคลิคนีง แกนหยาบก็บุคลิคนึง
สายหลายยีห้อก็ใช้แกนผสมแกนหยาบกับแกนฝอยรวมกัน
เชน monster power line 400
------------
ทีพอจะตอบคำถามได้นาจะเป็นเรืองของกระแส(ตอยได้ไมหมด)
แกนฝอยเหมือนเหมือนท่อเล็กๆหลายท่อน้าน้อยวิงไใหมดทุกท่อ แตน้ำก็วิงได้ดี  แตพอน้ำแรงๆก็รับแรงดันไมทัน 
แกนฝอยยิงละเอียด รายละเอียดเสียงดี  แตเบสด้อย
แกนหนา/แกนเดียว  เหมือนท่อใหญน้ำน้อยวิงเอีอย แตพอน้ำแรงๆรองรับสบาย
แกนหนา/แกนเดียว รายละเอียดเสียงด้อย กลางหนาเบสมาก

อ่านแล้วคิดว่าสุ่มสี่สุ่มห้าเลือกซื้อมาไม่ผิดที่เป็นแกนฝอยครับ อิอิ แต่จะถูกใจไม่ถูกใจยังไงเดี๋ยวเดินไฟเสร็จคงจะได้รู้ว่าผลลัพจะเป็นยังไงครับ  

เอาที่สบายใจครับ เล่นสนุกๆ

ใช้เส้นละ 10 sqm. 3 เส้น ไหนก็ต้องเสียเงินแล้ว ลงทุนทีเดียวจบไปเลยคับ

แยก L-N-G อย่างละเส้น จะได้ไม่ต้องมาคอยกังวลใจ ว่ามันสุดแล้วหรือป่าว

ระบบไฟดี มีชัยไปกว่าครึ่ง อนาคตถ้าจะอัพเกรดอะไร ก็สบายเราแระ^^

แจ่มมากคับ breaker ABL Sursum Cryo เฟี้ยวฟ้าวมาก

เอ๊ะ หน้าพี่อุเทนเปลี่ยนไปหรือเปล่าเนี่ย 555 ทำไมคล้ำๆและตัวเตี้ยลงครับ

พอจะรู้ไหมครับว่า breaker ABL Sursum เป็นแบบ hydraulic magnetic หรือเป็นแบบ thermal ครับผม?

ขอบคุณ คุณ tiger-silver ที่ช่วยอธิบายเสริม อาจจะไม่ตรงที่เดียว แต่ก็เข้าใจง่ายดี

เรื่องพวกนี้ต้องเรียนเป็นเทอมๆ ถึงจะเข้าใจ จะให้อธิบายไม่กี่บันทัดคงเป็นไปไม่ได้ครับ

ปล. การอัพอุปกรณ์ ต่างๆ แล้วทำให้เสียงดีขึ้น อยากจะให้เข้าใจถึงข้อเท็จจริงบางประการว่า

พลังงานไฟฟ้าที่เราใช้กัน เริ่มต้นมาจากโรงไฟฟ้าผลิตและส่งผ่านระบบส่งจนถึงหน้าบ้านผู้ใช้ไฟฟ้าเราๆ 

ดังนั้นอยากให้ลองคิดดุว่า การที่เราเปลี่ยนสายไฟ หรือปลั๊กไฟต่างๆ แล้วทำให้ระบบเสียงดีขึ้น

มันมาจากดีขึ้นเพราะระบบไฟฟ้าของการไฟฟ้าดีขึ้น หรือเพราะระบบไฟฟ้าของเราดีขึ้นกันแน่ 

ตัวขวามือเป็น RCCB ครับ เป็น magnetic (ทำงานที่เวลาใดๆ ไม่สนว่ากระแสที่เกินๆ กี่เท่า)

ไม่ใช่ thermal (เวลาทำงาน แปรตามขนาดกระแสที่เกิน ยื่งสูงยิ่งทำงานเร็ว)

- MCB ทั่วไป จะเป็น thermal

- RCBO ที่มีฟังก์ชั่น MCB และ RCCB จะเป็นทั้ง magnetic (RCCB) และ thermal  (MCB) ครับ 

เครียดๆ ครับ  เลยไปทำหน้าใหม่ ยิ้มหวานเลยทีนี้ 555

อ่านดูเหมือนว่าเบรคเกอนี่ก็ต้องมีหลักในการเลือกด้วยเหมือนกัน? ซึ่งผมโนไอเดียมากๆ

ทีนี้บ้านผมของเดิมมันเป็นตู้ซีเมน ผมก็เลยไปสั่งตู้ใหม่ยี่ห้อเดิมมาเพื่อที่จะเพิ่มเข้าไปอีกลูกและยกของเก่าทั้งแผงมาลงในตู้ใหม่เลย ทีนี้เนื่องจากว่าผมคงไปยี่ห้ออื่นไม่ได้แล้วนอกจากซีเมน ไม่ทราบว่าผมควรเลือกเบรคเกอแบบไหนดีครับเพื่อให้ได้เสียงดีๆอะครับ? ไม่ทราบว่าพอมีคำแนะนำมั้ยครับ?

อันนี้รูปตู้เดิมครับ

siemen หน่ะดีแล้วครับ

ขอบคุณครับ ^^
ตอนแรกผมก็แอบดีใจเพราะตอนอ่านกระทู้เฮียก็เห็นว่าเฮียเลือกซีเมนเหมือนกัน ซึ่งมันก็บังเอิญเหมือนกับของผมพอดี แต่ตอนนี้เห็นมี thermal กับ magnatic ด้วย ซึ่งผมไม่เข้าใจครับ แหะๆ

เลือก siemen ถือว่าเป็นสินค้าคุณภาพแล้ว ตามห้างใหญ่ๆยังไม่มีขายเลยครับ ต้องมาเลือกร้านไฟฟ้าเฉพาะทางแถวสี่แยกวัดตึกก็ได้ครับ

ผมหาsiemenไม่ได้ เลยใช้ABSแทน ตามภาพทั้งชุด ยกเว้นไอ้ตัวฟ้าใช้ABL SURSUM Cryo 32แอมป์ ตัวนี้ผมใช้ต่อปลั๊กผนัง3ตัว ใช้ฟังเพลงอย่างเดียวในห้องผม
ส่วนตัวที่ติดกันก็ใช้ในห้องผม ตัวนี้ผมต่อปลั๊กผนังตัวเดียว แล้วใช้ปลั๊กพ่วงเอาเนื่องด้วยใช้กับคอมอย่างเดียว ส่วนแสงสว่างในห้องอยู่เบรคเกอร์ตัวไหนไม่รู้จำไม่ได้นานแล้ว
สรุปง่ายๆห้องผมห้องเดียวห้องนอนนี้ละ ใช้เบรคเกอร์3ตัว แยกใช้คนละอย่าง
1.ตัวแรกใช้กับชุดฟังเพลง
2.ตัว2ใช้กับคอมและเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ
3.ตัว3เป็นเรื่องแสงสว่างในห้อง

thai yazaki  ยังถือว่าฝอยไมมากกึ่งแกนหยาบครับ
เคยมีท่านนึงส่งสายมาให้เข้าหัว...จำยีห้อไมได้
ฝอยมากเล็กๆยิปๆเลย....ลองเสียงแล้วเบสไมดีเลย
สรุปแล้วได้ใช้เป็นสายภาพแทน
(พวกTV โปรเจคเตอร์ ไมมีกระแสฉับพลันเหมือนพวกแอมป์)

ขอบคุณเฮียมั่นและทุกๆท่านที่เข้ามาให้คำแนะนำครับ

ซีเมนนี่หายากมากจริงๆครับ ไม่มีที่ไหนมีขายเลยครับ ขนาดผมไปเดินหาที่แยกวัดตึก ก็ไม่มีร้านไหนขายเลย ต้องสั่งมาอย่างเดียวเลยครับ แล้วผมไปหาตัว surge arrester ของซีเมนต์ไว้กันฟ้าผ่า ปรากฏว่าต้องสั่งมาจากเมืองนอกเท่านั้น และราคาหมื่นกว่าบาท! ผมก็เลยไม่สั่งแระ 55 หวังว่าฟ้าคงไม่ผ่าบ้านผมนะครับ ^^
เดี๋ยววันนี้ผมจะเข้าไปรับตู้ใหม่และเบรกเกอร์ของซีเมนต์แล้วครับ :) คิดว่าเอา C20 ก็คงพอมั้งครับ

ปล. เบรกเกอร์คุณbigtoro1เท่ห์มากครับ มีโลโก้ hi-fi tuning ด้วย! อยากได้แบบนี้บ้างอะครับ

เรื่องชนิดเบรกเกอร์ไม่มีอะไรมากครับ พอดีคุณเกเบรียลเจ้าของชุนยาตะเคยแนะนำว่าจริงๆแล้วเบรกเกอร์ไม่ต้องเปลี่ยนนอกจากจะเก่ามากๆ แต่ถ้าจะเปลี่ยนให้เลือกที่เป็น hydraulic magnetic เพราะดีกว่าและเป็นระบบที่เค้าเลือกมาใช้ในปลั้๊กของชุนยาตะทุกตัวน่ะครับ จริงๆ เค้ามีแบรนด์ที่แนะนำด้วยแต่ผมว่าไม่ต้องไปสนใจแกเพราะเป็นยี่ห้อที่หาซื้อตามร้านทั่วไปไม่ได้

เบรกเกอร์ลองไปดูที่ร้านตาน อมรินทร์ไหมครับเห็นมีขายอยู่เหมือนกันนะครับ แต่ดูจากแบรนด์น่าจะไม่ถูกนะครับ เห่อๆ 

สายฝอยที่ว่าปลอกด้านนอกเป็นสีแดงรึเปล่าครับ ถ้าใช่น่าจะเป็น jps in wall นะครับมันฝอยมากจริงๆ เรื่องเบสก็ตามสไตล์ jps แหล่ะครับ ฮาๆ

ถ้าไปสี่แยกวัดตึกแล้วไม่มี แสดงว่าเล่นของลึกแล้วครับ คงต้องสั่งตามที่เค้าบอก ไม่งั้นอาจจะเช็คดูจากอีเบย์ครับ เพราะชิ้นไม่ใหญ่มาก ยังไงคงไม่แพงเท่าไหร่ครับ^^

วันนี้ผมได้ตู้ใหม่และเบรคเกอร์ของซีเมนมาแล้วครับ แล้วก็แวะไปเก็บบล๊อคไม้จากร้านตาลมาด้วยอันนึง พร้อมกับแวปเข้าไปฟัง sr009 ที่ต่อไว้กับ woo wes ที่เรือธงด้วยครับ 555 

วันนี้พยายามนัดช่างไฟ คิดว่าวันสองวันนี้ผมคงจะได้ลองไฟใหม่แล้วครับ :)

ปล. เจอเบรคเกอร์ hi-fi tuning แล้วด้วยครับแต่คิดว่าใช้ siemen ไปก่อนดีกว่า อิอิ

ปูเสื่อรออ่านอัพเดทเรื่อยๆนะครับ อิๆ

เสร็จแลัวครับผม! 
และนี่คือนิยามของคำว่า "เดินลอย" ^^
ไม่มีก่งกล่อง ท่อเท่ออะไรทั้งนั้น เอามันแบบนี้ไปเลยครับ 555

ตอนนี้กำลังลองของครับ 
เดี๋ยวจะลองดึงเข้าดึงออกเทียบดูระหว่างตัวใหม่นี่กับปลั๊กเก่าที่ติดมากับบ้าน พร้อมลองแบบต่อผ่านรางไฟ กับไม่ผ่านรางไฟดูว่าจะฟังออกมั้ยว่าต่างกันขนาดไหน 555 จะได้มีเรื่องมาโม้ให้ฟังครับ :p

ปล. ช่องว่างข้างๆนี่เว้นไว้เผื่อปรุงรสครับ แต่จะเป็นทองหรือโรเดียมแล้วค่อยว่ากัน เพราะเห็นเค้าบอกว่าชุนยาตะมันคือก๋วยเตี๋ยวไม่ปรุงรส ถ้าเพิ่มเนื้อต้องทอง ถ้าเพิ่มผงชูรสต้องโรเดี้ยม ^^

ตกลงค่าแรงค่าอุปกรณ์ทั้งหมดเท่าไหร่ครับ 555
สายไฟที่ห้อยโตงเตงของหาพวกรางครอบพลาสติกสีขาวมายึดไว้ก็ดีครับ ใน homepro มีขายครับ

 

จัด new wattgate ทอง รุ่นใหญ่ เลยครับ ฟันธง อิอิ

หลังจากลองถอดเข้าถอดออก สลับไปมาฟังดูอยู่หลายชั่วโมง ต้องขอยืนยันอีกเสียงว่าระหว่างเต้าไฟเดิม bticino ของบ้านกับสาย 2sqmm กับเต้าชุนยาตะกับสาย 6sqmm ที่เดินใหม่จากตู้ไฟ เสียงต่างกันอย่างชัดเจนครับ

เต้าเดิมจะสปีดช้ากว่าชุนยะตะเสียอีก แยกชิ้นดนตรีไม่ดีเท่า ความรู้สึกไม่โอบล้อม เสียงกุ้งกิ้งจะกุดๆอู้ๆและมัวๆไปเลยเมื่อเทียบกับเต้าไฟที่เดินมาเส้นใหม่ ถ้าฟังเต้าใหม่มาซักพักแล้วเปลี่ยนกลับไปที่เต้าผนังเดิมเพลงเดิม จะรู้สึกถึงความแตกต่างทันทีเลยครับ พยายามคิดว่าอุปทานเห่อของใหม่หรือปล่าว แต่ไม่นะครับเพราะลองจนแน่ใจ

ทั้งนี้ทั้งนั้นระหว่างเสียบตรงและเสียบผ่านรางไฟซึ่งผมใช้ของ isotek รุ่น polaris evo3 จะยังแยกความแตกต่างไม่ค่อยออก คงต้องขอลองฟังไปเรื่อยๆก่อน แต่ตอนนี้รู้สึกว่าเสียงจะออกแนวหนาไปนิดๆ รอเบรินสายเบรินเต้าซักอาทิตย์สองอาทิตย์คิดว่าอะไรอาจจะเข้าที่เข้าทางขึ้นครับ 

ตอนนี้อยากอัพสายไฟใหม่แล้ว! 555 (เก็บตังๆ)

ยังไงขอขอบคุณทุกท่านที่แนะนำและขอบคุณกระทู้ก่อนๆที่ปลุกความคันจนอยากจะเดินสายไฟใหม่กะเค้ามั่ง วันนี้ลองแล้ว คุ้มค่าครับทั้งทางด้านเสียงเพลงที่ดีขึ้นและทางด้านจิตใจที่คิดว่าเราได้เดินมาถึงสุดทางของชุดนี้แล้วหละ

เย้ \(*0*)/

ค่าแรง 1000 บาท
ค่าสาย 8 เมตร 880 บาท
ค่าตู้ไฟ siemen 13 ช่อง 2100 บาท
ค่าเบรคเกอร์ 120 บาท
ค่าเต้าชุนยาตะ 4500 บาท
ค่าบล๊อคไม้ 1100 บาท
ค่าหน้ากากปิดเต้าไฟของ leviton 700 บาท
ค่ากล่องรางไฟ 245 บาท (ผมใช้ระหว่างทางอีกห้องนึงครับ ห้องนี้ปล่อยลอยแบบนี้เลย)
รวม 10,645 บาท ครับ

ใช่ wattgate evo gold หรือปล่าวครับ?

ตอนนี้ผมมองอยู่ 2 รุ่นแต่ยังไม่ตัดสินใจว่าจะเอาโรเดียมหรือทองดีครับ รอดูว่าชุดนี้จะขาดเนื้อหรือขาดกุ้งกิ้งครับ 

ที่สนตัวทองก็มี wattgate evo gold
แต่ถ้าโรเดียม ร้านตาลแนะนำ furutech รุ่นท๊อปอะครับ เค้าบอกว่าคนเล่นเยอะ แต่มันจะจัดมากๆ... 

เสียงหนาไปผมว่าต้องเปลี่ยนชุดตั้งโต๊ะแล้วมั๊ง  บานปลายอีก 555

อันนี้ต้องแล้วแต่โชคชะตาครับพี่ 555
ขอหยุดยาวๆกับชุดนี้อีกปีนึงเลยครับ
เปลี่ยนครั้งหน้าต้อง utopia + dave แล้ว.... (ปลุกผมให้ตื่นจากฝันด้วยครับ)

ลอง HD800 ไหมครับ น่าจะจับคู่กับ WA22 ได้ดีกว่า LCDXC เสียงไม่หนาแน่นอน 555

ผมก็อยากลองเหมือนกันครับ HD800 แต่ซื้อมาปุ๊บต้องอยากได้สายอีกอะไรอีก ไม่เอาดีกว่าครับ 
เดี๋ยวขอตัวไปต้มมาม่าแป๊บนะครับ หิวข้าวแล้ว...^^

bonus79-ยินดีด้วยครับ
furutech รุ่นล่าสุดน่าจะเป็นFurutech GTX-D (R) NCFกับFurutech GTX-D (G) NCF ส่วนตัวใช้ตัวโรเดียม Furutech GTX-D (R)เสียงจัดจริงครับ ติดผนังบ้านมา2ปีแล้ว ความจัดมันลดลงจากที่ได้ใหม่ๆพอควรครับ แต่ภาพรวมๆก็จัดอยู่ดีครับ ปรกติปลั๊กตัวนีผมเอาไว้เสียบพวกเครื่องเล่นซีดีหรือดิสแมนเป็นหลักครับ เพราะเคยเอาพวกนี้ไปเสียบกับชุนยาตะ สปีดเพลงมันลดลงครับ คือผมเน้นฟังเพลงเร็วครับ ลองเอาแอมป์หูฟังกับเครื่องเล่นเสียบปลั๊กผนังชุนยาตะ พบว่ามันไม่เข้าหูผมครับ สปีดเพลงเร็วมันลดลง ฟังแล้วมันอืดและอึดอัดสำหรับผมเทียบกับhubbell ig8300ที่ซื้อมาลองใช้ก่อนไม่ได้ครับ hubbellสปีดเพลงจะเร็วกว่าครับ ส่วนอย่างอื่นชุนยาตะดีกว่า หลังจากลองสลับเสียบก็สรุปว่าพวกเครื่องเล่นเสียบhubbell ig8300 ส่วนแอมป์หูฟังเสียบชุนยาตะครับ แล้วไปเน้นสายrcaเป็นทองแดงเคลือบเงิน เลยกลายเป็นพอดีสำหรับผมนะ แต่ปัจจุบันhubbellผมเอาไปใช้กับปลั๊กพ่วงใช้ต่อกับคอมครับ แล้วเปลี่ยนมาใช้Furutech GTX-D (R) โดยอาศัยชุนยาตะไปช่วยลดความจัดให้ ก็พอช่วยได้บ้าง แต่ก็บอกตรงๆว่ายังจัดอยู่ดีอาจเป็นเพราะสายด้วย ส่วนwattgate evo goldก็น่าลองครับ อาจมีแววๆเร็วนี้สำหรับตัวนี้ ผนังผมขาดปลั๊กอีก1ตัวจะเอาไปแทนlevitonไม่รู้รุ่นเพราะมันไม่มีชื่อรุ่นพิมพ์ติดไว้ที่ตัวปลั๊ก ตัวlevitonนี้ผมฟังไม่ออกจริงๆว่ามันต่างจากhubbellตรงไหน ยังงงๆอยู่จนทุกวันนี้ แต่ไอ้ชุนยาตะกับFurutechนี้ดันฟังออก

ขอบคุณครับ ดีใจมากที่ทำไฟเสร็จซะทีครับ

เรื่องปลั๊กนี่น่าสนใจมากครับ อยากจะมีสักสี่ห้าเต้าเหมือนคุณ bigtoro1 เลยจะได้ลองให้หนำใจ 55

ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยเข้าใจหรือสำผัสถึงเรื่องสปีดจนกระทั่งมาฟังเทียบกับชุนยาตะเมื่อวาน ที่ใครๆก็ว่าชุนยาตะช้า แต่กลายเป็นว่าพอดึงปลั้กมาเสียบเต้าผนังเดิม เพลงมันอืดหน่วงไปเลย ความชัดเจนก็ลดลงมาก ฟังเพลง That't what I like ของ Bruno Mars ไม่สนุกเลย พวกเสียงกุ้งกิ้งก็หายไปหลบอยู่ ไม่ลอยออกมาเหมือนชุนยาตะ (ซึ่งไม่แน่ใจว่ามันเป็นอานิสงส์ของเต้ารับหรือที่สายไฟ6sqmmนะครับ)

ทีนี้ในบางเพลงชุดผมฟังแล้วมันก็หนาๆ แต่บางเพลงฟังแล้วพอดีๆ เมื่อเปลี่ยนมาฟังกับเทรินเสียงจะโปร่งกว่าฟังสบายกว่าและไม่รู้สึกหนาเหมือนไฟล์ดิจิตอล แต่ผมเน้นดาวโหลดเพลงมาฟังมากกว่า ก็เลยแอบคิดว่าถ้าเอา fututechโรเดียมมาเพิ่มความจัด มันจะไปชดเชยความหนาตอนนี้มั้ย? อาจจะเข้ากันพอดีหรือปล่าว? อันนี้ไม่รู้ไม่แน่ใจอะครับ แต่ถ้าเป็น gold กลัวมันจะไปเสริมเนื้อเสียงกลางทุ้มเข้าไปใหญ่ แต่เคยได้ยินคนพูดถึง wattgate evo gold ในแง่ดีจนน่าลองมากๆครับกลัวว่ามันจะไม่เข้ากับชุดของผมเท่านั้นเองอะครับ

คิดว่าคงต้องฟังอันนี้เรื่อยๆไปก่อนซักพักเดี๋ยวก็คงจะตัดสินใจได้ว่าจะลองปลั้กอะไรต่อไปดีครับ :)

ดีใจด้วยครับมาถูกทางแล้ว ระบบไฟสำคัญมากจริงๆ ไม่ลองไม่รู้ ทำแล้วคุ้มไม่คุ้มขึ้นกับระบบที่เล่นอยู่จริงๆ

ความรุ้สึกแรกตอนนั้น จะเป็นเรื่อง background noise ที่หายไปเกลี้ยง ทำให้เสียงเงียบสงัดขึ้น

เพลงคมชั้ดขึ้น ๆด้ยินได้ฟัง เสียงบางเสียงที่ไม่เคยได้ยิน แปลกมั้ยครับ หรือหูแว่วไปเอง 555

เท่าที่ผมใช้เสียงไม่ได้หนาอย่างที่คิดนะครับสำหรับ wattgate gold รุ่นใหม่ๆ 
ตอนนี้ปลั๊กรางผมใช้ wattgate gold ต่อแอมป์, rodium ต่อ dac, shunyata ต่อ music server ครับ ไม่มีหลักการอะไรทั้งนั้นแค่ว่าแอมป์ต่อ Rh แล้วไม่ชอบเพราะจัดเกินไปแค่นั้นครับ 555+

ปล. น้าเกเบรียลบอกว่าให้เบิร์นปลั๊กผนังด้วยพัดลมนะครับ เพราะมีการใช้กระแสไฟที่สม่ำเสมอ จะช่วยร่นระยะเวลาในการเบิร์นลงได้มากครับ :D

ความรู้ใหม่เลย ขอบคุณมากครับพี่

ขอบคุณครับ :)

หูไม่แว่วแน่ครับ ชัดขึ้น เสียงเล็กเสียงน้อยจะไม่หลบอยู่ และเสียงเหมือนมีพลังมากขึ้นแบบอธิบายไม่ถูกแต่รู้สึกได้ครับ ^^

ปล. คุณellevoid งานนี้พัดลมต้องมาครับ 555

ลองเทียบปลั๊กผนังเดิมครับ พัดลมน่าจะแรงขึ้น 555555

555 อ๊ะ ออดิโอไฟล์อย่างเรา ไม่เชื่อไสยศาสตร์ ทุกอย่างต้องพิสูจน์ได้! 
ผมทำการทดลองความแรงของพัดลมระหว่างเต้า shunyata สายไฟ6sqmm กับเต้าผนัง bticino สายไฟ 2sqmm
โดยการโหลดแอฟมิเตอร์วัดระดับเสียงเดซิเบลมาวัดเสียงลมที่เป่าออกมาจากพัดลมซะเลย

โดยตั้งสมมุติฐานว่า พัดลมที่เป่าแรงกว่าเสียงลมที่กระทบไมค์ต้องดังกว่า และผมทำการพิสูจน์โดยทดลองวัดระดับเสียงเดซิเบลจากพัดลมเบอร์ 1 2 และ 3 ก็ผลปรากฏว่าเป็นอย่างนั้นจริงๆ เบอร์พัดลมยิ่งแรง ระดับเดซิเบลยิ่งสูงครับ

ทีนี้ผมทำการเซทอับอุปกรณ์ โดยตั้งมือถือไว้หน้าพัดลมในระยะคงที่ ไม่มีการเคลื่อนย้ายพัดลมและมือถือทั้งสิ้น แล้วทำการเปิดพัดลมเบอร์1เบอร์เดียว แล้วสลับปลั๊กไฟแล้วอ่านค่าระดับเสียงเป็นเดซิเบลระหว่างเต้า shunyata กับเต้าผนังเดิม

และผลก็เป็นแบบนี้ครับ...

สำหรับเต้าไฟเดิมของบ้าน 
ค่าเฉลี่ยวัดที่ระยะเวลาหนึ่งนาทีจะอยู่ที่
75.9 เดซิเบล และสูงสุดที่ 79.8 เดซิเบล

ส่วนเต้าใหม่ shunyata และสายไฟ6sqmm
ค่าเฉลี่ยวัดที่หนึ่งนาทีจะอยู่ที่
76.5 เดซิเบล และสูงสุดที่ 80.2เดซิเบล ครับ

สรุป สายไฟใหญ่กว่า+ปลั๊กดีกว่า ทำให้พัดลมพัดแรงกว่าเดิมได้ครับ!
ดังนั้นถ้าเอาไปฟังเพลง เสียงดีขึ้นแน่นอนครับ พิสูจน์ได้ 555 

ผมเคยลองปลั๊กรางคุณภาพดีหน่อย (เสียบปลั๊กผนังตัวเดิม) เทียบกับปลั๊กรางบ้านๆ ยังรู้สึกพัดลมแรงขึ้นเลยครับ แต่ไม่ได้ใช้อุปกรณ์วัด ไม่รู้มโนมั้ย แต่ลูกสาวคอนเฟิมว่า ทีวีสีสดขึ้น และพัดลมแรงขึ้น สองเสียงแบบนี้ไม่น่ามโน 55555555

อย่างนี้ไม่มโนแน่ครับ 
ว่าแต่ลูกสาวแววดีมากๆครับ ^^

บล็อคไม้เต้า2ตัวลองเล่นสายจั๊มดูครับ....สั้นๆนี่แหละหาสายง่ายดี
ลองเล่นกับไฟมีเยอะ...ผมมีแต่ของเล่นถูกๆ

ที่เห็นในรูปคุณ tiger-silver นี่มันคืออะไรหรอครับ?
ผมเดาว่าไว้เสียบช่องข้างๆที่เหลือ ทำงานคล้ายๆหรือเหมือนกับพวก shunyata defender หรือ nordost qv2 อะไรประมานนั้นใช่มั้ยครับ?

ส่วนสายจั๊มสำหรับเต้าใหม่ที่จะซื้อในอนาคตผมคิดว่าจะลองใช้พวกสาย audiophile เลยครับ พวกฟุตละแปดร้อยหรือเมตรละห้าพันอะไรแบบนั้น แต่ว่าจะขอซื้อความยาวแค่สิบเซนติเมตรพอครับ เพราะเอาไว้จั๊มเต้าเท่านั้น 55 ไม่รู้ว่าสายสั้นๆมันจะมีผลกับเสียงมั้ยเพราะขนาด nordost ยังบอกว่าอย่างน้อยต้องยาวสี่เมตรจึงจะได้คาแรกเตอร์ที่แท้จริงของสายมา...

ถ้ามีข้อแนะนำยังไงบอกผมด้วยนะครับ :) 
ปล. ของถูกและดีผมก็ชอบครับ ^^ ยิ่งของฟรีนี่ยิ่งชอบใหญ่ 555 นี่ผมกะลังจะ DIY ที่รองสายไฟเล่นเหมือนกันครับ 

ใช่ครับ..หลักการเดียวกัน C สำรองไฟให้เดินเรียบขึ้นอีกหน่อย(แตต้องระวังเพราะมีไฟตกค้างอยู)
ยิงคาสูงยิงต้องระวัง
อาจมีเพิมตัวกันฝ้าผ่าหน่อย...ตัวต้านทานลดคาได้(varistor) เข้าไปด้วย เสียงก้อยูทีCปลั๊กไฟ...เลือกยี่ห้อกันตามใจชอบ  อย่างM - tube cap ว่าจะลองก็ยังไมได้ลองเลยครับ
------------
สายจัีมลองเล่นไม่จำเป้นต้องใช้ของแพง  แกนเดียวแกนฝอยปกติก็ลองเสียงได้ครับ
เคยมีผู้ใหญทานนึง ..สังผมทำลวดเงินแท้(แกนเดี่ยว)ขนาด2มิล...มาทำสายจั๊ม...บอกเสียงดีมาก
ผมเองก็ยังไมได้ลองเลย

เท่าที่เห็นด้วยสายตา มี MOV สีฟ้าแบน 1 ตัว ป้องกันไฟเกิน/ไฟกระชาก กับ C น้ำมัน 1 ตัวไว้รับกระแส harmonic

MOV ตัวเล็กระวังระเบิดนะครับ เพราะมันรับพลังงานได้นิดเดียว ถ้าอยากติดจริง ยิ่งเยอะยิ่งดี

C ต่อคร่อมปลั๊ก มันมีทั้งข้อดี ข้อเสีย C มันเปลี่ยนแปลงความต้านทานตามความถี่แรงดันที่ตกคร่อม

ถ้าที่บ้านใช้ไฟปกติ ไม่มีโหลดที่กระแสสปาร์คอย่างเครื่องเชื่อม แรงดันมีแค่ 50 Hz อย่างเดียว

กระแสที่ไหลใน C ก็ปกติ แต่ถ้ามีสปาร์ค มันจะมีแรงดันความถี่สูงผสมกับแรงดัน 50 Hz

กระแสจะสูงมาก C อาจระเบิดได้เช่นกัน โดยทั่วไปไม่แนะนำให้ใส่ครับ เพราะมันเป็นตัวเรียก harmonic ให้เข้าบ้าน

คือยิ่งใส่ค่าเยอะยิ่งเรียกเยอะ ข้อดีเพียงข้อเดียวคือช่วงลดกระแสครับ เพราะโดยทั่วไปอุปกรณ์ไฟฟ้าที่เราใช้กันจะเป็นขดลวด

C จะไปหักล้างกระแสขดลวด ทำให้กระแสไฟฟ้าที่ไหลมีค่าลดลง แต่อย่าคิดว่าติดแล้วค่าไฟจะลดนะครับ

มิเตอร์ของการไฟฟ้า ไม่ได้คิดเงินจากกระแสขดลวด หรือ C แต่คิดจากค่าพลังงานจริง หรือกำลังไฟฟ้าจริงที่เกิดขึ้นจริงเท่านั้นครับ

เครืองกรองไฟใสC กันทั้งนั้นครับ
แบบทีเป็น isolate transformer  หลายเจ้าก็ยังใช้ C คล่อม ไมใช่หม้อแปลงเพียวๆ
ลองค้นๆดูพวกกรองไฟยีห้อดังๆเอาครับ

ตั้งแต่เริมซนมายังไมเคยเห็น polyprophylene film capacitor ระเบิดสักทีครับ

งงไปหมด หมดไม่รู้เรื่องเลยซักกะอย่างเดียวที่คุณTigerกับคุณHsungพูดถึงครับ 555

รู้แต่ว่าตอนนี้ฟ้าผ่าฟ้าร้องดังมากๆแถวบ้านผมและผมกลัวเครื่องเสียงผมจะเสียหายมากๆ สงสังคงจะต้องยอมลงทุนกับตัวกันฟ้าผ่าไปติดไว้ที่ตู้ไฟจริงๆแล้วหละครับ 

ทีนี้ผมลองหาดูในกูเกิ้ล เจอข้อมูลเกี่ยวกับ type1,2,3 อะไรไม่รู้อิรุงตุงนังไปหมด และหน้าตาของตัว surge arrester ก็มีตั้งแต่อันเล็กกินเนื้อที่แค่ช่องเดียวในตู้ไฟ ไปจนถึงยาวมากแบบไม่มีทางใส่ตู้ผมหมด ไม่ทราบว่าผมควรจะเลือกอันไหนดีครับที่จะมาต่อกับชุดเครื่องเสียงผม

ขออนุญาติรบกวนถามด้วยครับ ผมได้ลิ้ง product ของ siemen มาตามนี้ครับ ขอความกรุณาช่วยชี้เป้าให้ผมหน่อยได้มั้ยครับว่าควรใช้อันไหน จะได้ไปสั่งที่ร้านไฟฟ้าแถววัดตึกให้นำเข้ามาให้ผมอันนึงอะครับ 

ขอบคุณครับ
https://mall.industry.siemens.com/mall/en/de/Catalog/Products/10167488?tree=CatalogTree

เอาเป็นว่าถ้าบอกว่าไฟเรียบ อันนั้นมันระบบไฟกระแสตรง กระแสสลับทำไม่ได้ เพราะมันเปลี่ยนขั้ว +- ตลอดเวลา

ส่วนเครื่องกรองไฟต่างๆ C เค้าจะต่อร่วมกับ L ครับ ไม่มีการใช้ C ตัวเดียวโดดๆ โดยทำงานใน mode กรองความถี่

ตามสูตร F แปรตาม LC คือถ้าอยากกำจัดความถี่สูง ก็ให้เอา C คร่อมแรงดัน L ต่อขวางโหลดหรืออุปกรณ์

ส่วน PP C ที่บอกมาตัวนึงถ้าใช้ที่แรงดันสูงๆ ค่าไม่ถึง 1/พันของ uF หรอกครับ ถ้าค่าสูงราคามันจะแพงมาก

แถมพอค่า C มันนิดเดียว ความต้านทานมันก็สูง จะระเบิดได้เนี่ยยากมาก เพราะตามมาตรฐานมันรับแรงดันได้ต่อเนื่องเกิน 10% ตามแรงดันที่ระบุ

ซึ่งต่างกับ electrolyte ในรูปปลั๊กครับ ซึ่งส่วนใหญ่จะมีค่าเป้น uf คามต้านทานต่ำ กระแสไหลเยอะ ก็มีความร้อนสะสมเยอะ

ยิ่งถ้า C มีค่า tan delta สูงด้วยหล่ะก็ ยิ่งร้อนมากขึ้นไปอีก โดยทั่วไปถ้าใช้กันแบบนี้ วัสดุภายนอก

มักจะทำจากโลหะพวกอลูมิเนียม เพื่อช่วยระบายความร้อนครับ ดูได้เลยพวกแอมป์หลอดใช้กันเยอะ

เอาจริงๆนะผมไมอยากอธิบาย....เอาไปลองทำเล่นดูละกัน
ทั้งฝรัง...ทั้งคนไทยทำมาหลอกขายราคาแพงๆกันเยอะแล้วครับ
------
ในรูปปลั๊กของผม polyprophylene film capacitor ครับ

ที่อ้างมา ในมาตรฐาน EN-61643 ไม่ได้ใช้คำว่า type ครับ ใช่คำว่า class ไม่รู้นิยามเดียวกันหรือเปล่า

class 1 คือ iImp เป้นเรื่องกระแสฟ้าผ่า class 2 คือ imax เป็น class 1 + กระแสเกินปกติ

และ class 3 คือ Uoc ป้องกันทั้งกระแสและแรงดัน ถ้าดูจากนิยาม 1 กับ 2 จะให้ติดตั้งที่ตู้เบรคเกอร์รวมที่เข้าบ้าน

เพราะเน้นป้องกันกระแสเกินที่วิ่งเข้ามาในบ้าน ส่วน 3 เมื่อป้องกันแรงดันด้วยก็ควรติดก่อนเข้าอุปกรณ์

ปล. ถ้าติดตรงปลั๊กน่าจะเลือก 3 นะครับ เพราะป้องกันแค่อุปกรณ์ตัวนั้น

ปล. คุณ tiger-silver อธิบายมาเถอะครับ ถือว่าเป้นวิทยาทานกันไป

คิดว่าน่าจะเป็นนิยามเดียวกันครับ หลังจากอ่านดูรายละเอียดคือ type 1 กันฝ้าผ่า type 2 กันกระแสกระชากจาก grid หรือการไฟฟ้า และ type 3 กันการกระชากไฟจากอุปกรณ์ในครัวเรือน

ที่ต่างกันคือใน type1+2 จะมีสามสี่รุ่นที่กันฟ้าผ่าและกระแสไฟเกินในระดับไม่เท่ากัน คือรุ่นที่ตัวใหญ่กว่ากันได้หรือรองรับได้ถึง 100ka แต่ตัวเล็กกว่าได้มากสุดที่50ka (อันนี้ผมไม่ทราบนัะครับว่ามันคืออะไร เพราะไม่รู้เรื่องไฟจริงๆ) แต่ที่แน่ๆ ตัวใหญ่ยัดไม่ลงตู้ไฟปมแน่นอนครับเพราะใช้ 8 ช่อง ส่วนตัวเล็กใช้อค่ 4 ช่อง ยังพอมีที่ให้ลง แต่มก็ไม่ทราบว่า 50ka นี่มีนจะกันฟ้าผ่าได้ถึงระดับไหนครับ

เคยเห็น paper ของ การไฟฟ้า บอกว่าค่ากระแสฟ้าผ่าเฉลี่ยในบ้านเราอยู่ที่ประมาณ 20 kA ซึ่งไม่สูงมาก

ดูแล้วถ้าติดที่ตู้ load center ใช้รุ่น type 1 type 2 ที่รับได้ 50 kA ก็น่าจะเพียงพอครับ

ปล. มีประเด็นอีกอย่างที่อยากจะบอกไว้ว่า อุปกรณ์ MOV ที่อยู่ภายใน เคยมีคนวิจัยว่าถ้าไม่มีกระแสเกิน

สามารถอยู่ได้เป้น 10ๆ ปี แต่ถ้ามีกระแสเกิน ต้องดูว่าเกินเท่าไหร่ กี่ครั้ง ซึ่งโดยทั่วไปเราไม่ทราบหรอกครับ เพราะไม่ได้เก็บค่าไว้

ดังนั้นในทุกๆ ปี ถ้าเป้นไปได้ ก็ลองให้คนมาตรวจสอบ หรือถ้าพอมีกำลังทรัพย์ จะเปลี่ยนใหม่เลยก็ได้ครับ

ไม่งั้นรอมันพังค่อยซื้อเปลี่ยนก้ได้ครับ ง่ายดี 555

ถ้าอย่างนั้นก็ตามนั้นครับ :)