ค่าความไวมั้งครับ จำได้จากการเลือกลำโพงบ้านอ่า
ยิ่งค่าความไวเยอะ ยิ่งขับง่ายครับ แอมป์กำลังน้อยก็ขับได้
ถ้าค่าความไวน้อยกว่า ก็ขับยากกว่า ต้องใช้แอมป์กำลังขับมากขึ้นครับ

หูฟัง ก็น่าจะหลักการเดียวกัน เพียงแต่มีเรื่องค่าความต้านทาน(ที่มีหน่วยเป็น ohm)
เข้ามาเกี่ยวด้วย

ถ้าลำโพงจะใช้กำลังขับหนึ่งวัตต์แล้ววัดความดังของเสียงในระยะหนึ่งเมตรห่างจากดอกลำโพงครับ หน่วยจึงเป็นเดซิเบล(dB) ส่วนหูฟังก็คงใช้หลักเดียวกันแต่กำลังขับที่ใช้และระยะฟังคงน้้อยกว่าแต่เท่าไรนี่ไม่ทราบครับ ดังนั้นยิ่งค่าสูงลำโพงหรือหูฟังตัวนั้นยิ่งขับง่ายครับ

แต่ถ้าความไวสูง ohm ก็สูงด้วยล่ะครับ มันจะยังขับง่ายอยู่รึป่าว?? (ไม่ได้กวนนะคับ อยากรู้จริงๆ)

ผมมีข้อมูลคร่าวๆเกี่ยวกับการคำนวณนะครับ(ไม่รู้ว่าตรงกับที่ต้องการหรือป่าว)

จะอยู่ล่างๆนะครับ

http://forum.munkonggadget.com/detail.php?id=29199

ใช้กำลังไฟ 1 mW ได้ความดังของเสียงออกมาเป็น กี่ dB ผมว่าน่าจะวัดแนบที่ไดร์เวอร์น่ะครับ เพราะดูจากค่ามันก็ดังพอสมควรนะครับ ถ้าความไวสูง โอมห์ สูง ก็ต้องใช้กำลังไฟสูงด้วยครับ
โอมห์สูง หมายถึง ค่าความต้านทานมาก
เปรียบเทียบกับ คนวิ่งบนถนน กับคนวิ่งที่ชายหาดที่มีทรายนุ่มๆ
คนวิ่งที่ชายหาด ถ้าจะวิ่งทำความเร็ว ให้เท่ากับคนวิ่งบนถนน ก็ต้องออกแรงมากกว่าครับ

หู ohm สูง ต้องใช้amp ที่มี output voltage สูงตามจึงจะขับได้ดี อย่างเช่น ipod ต่อตรง ถ้าผมจำไม่ผิดจากที่ดูรีวิวมา ใช้กับหูโอมสูงสุด ประมาณ 60 มากกว่านั้นจะขับไม่ไหว

สมมติหู sen = 90 dB/mW
ถ้าหูโอมสูงแล้ว sen สูงด้วย จะกินกระแสน้อย แต่ต้องการ Voltage สูง(P=V^2/R ===> R มาก V ต้องมากตาม เพื่อให้ P(mw) ที่เพียงพอในการให้ความดังเท่ากับ 90(sen=90) dB) ขับไม่ยากถ้าoutput voltage ถึงขั้นครับ เหตุที่หูโอมสูงต้องใช้amp เพราะแอมนั้นทำหน้าที่เพิ่ม voltage (voltage gain) ให้เพียงพอนั้นแหละครับ

แต่หูโอมต่ำ แล้ว senn ต่ำ ก็ต้องใช้แอมป์เหมือนกันเพราะมันจะกินกระแสเยอะ (P=I^2R==> Rน้อย I ต้องเยอะ เพื่อให้ P(mw) ที่เพียงพอในการให้ความดังเท่ากับ 90(sen=90) dB)

อธิบายเรื่อง sen อีกนิด sen = 90 dB/mW
1mW ได้ความดัง 90 dB
10 mW ได้ความดัง 100 dB
100 mW ได้ความดัง 110 dB
1000 mW ได้ความดัง 120 dB
เพราะ dB=log (amplitude) * 10.
จากข้างบนเห็นว่า แอมป์หูฟังทั่วไปขับได้สัก 200mW@32ohm ก็โอเคแล้วดังแล้ว ถ้าคนเล่นลำโพง/amp บ้านมาก่อน ให้เทียบง่ายๆว่า watt ของเครื่องบ้าน คือ mW ของหูฟังนั่นเอง

สรุปอีกที Sensitivity ของหูฟัง คือค่าที่บอก energy efficiency ของเครื่องใช้ไฟฟ้า (หูฟัง) ค่ามากๆ จะกินไฟน้อย ไม่ต้องใช้พลังงานมาก (ขับง่าย) เหมือนแอร์ เบอร์ 5 นั่นแหละ 5555

ท่าน toonynet ความรู้ฟิสิกส์แน่นจังเลยครับ

จดๆๆๆๆๆ

หูฟังคืออุปกรณ์ส่งเสียงผ่านทางสายซึ่งปัจุบันมีหลายแบบ ราคาหูฟังปัจุบันมีราคาตกประมาณ100-300บาทถ้ามีรูปร่างเก๋ก็จะมีอีกราคาหนึ่งประมาณ400-900บาทนั้นเองถ้าผู้ใดสนใจสั่งซื้อหูฟังโทรมาที่0823359437

ผมขอถามบ้างสิครับ ค่า ohm ที่ว่าเป็นค่าความต้านทานเนี่ย ผมอยากรู้ว่ามันคืออะไร ต้านทานอะไร

มันคือ impedance หรือ ค่าความต้านทานทางไฟฟ้าของระบบ ที่มี R(ความต้านทานไฟฟ้าของวัสดุน่าจะเกี่ยวกับชนิดวัสดุ ความยาวและพื้นที่หน้าตัด) C(ความต้านทานเชิงความจุที่ระบบสามารถประจุไฟฟ้าได้ เช่น มีตัวเก็บประจุในระบบ) L(ความต้านทานเชิงเหนี่ยวนำคือความต้านทานขดลวดว้อยคอล์ยนั้นเอง) .... หรือ เรียกว่า วงจร RCL รอท่านอื่นมาเสริม จำได้แค่เนี้ยทิ้งฟิสิกส์ ม.ปลายมานาน -*-