รูปที่2

รูปที่3

รูปสุดท้าย

ที่ลำโพงมันมีบอกว่าข้างไหนเป็น L หรือ R ตามรูปที่3 (อยู่ด้านบนที่เป็นสามเหลี่ยมสีดำ)

ไปขุดมาจากไหน ครับ 20กว่าปีแล้ว

ลองหามินิ ทู มินิ ถูกๆมาลองต่อดูครับ เข้าช่อง direct in 8 ohm

แต่มันเก่าขนาดนี้ มันยังฟังได้หรือครับ

ลำโพงมันไม่เปื่อยไปหมดแล้วหรือ

ตอนได้มาเมื่อวันก่อน ก็ไม่ได้คิดว่ามันจะเก่าขนาดนั้น เนื่องจากสภาพภายนอกยังดีอยู่ พอลองหาข้อมูลในเวป ถึงรู้ว่ามันผลิตมานานแล้ว ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก แค่มันดังทั้ง 2 ข้างก้ OK แล้ว (คุณภาพเสียงคงสู้ลำโพงใหม่ๆไม่ได้)

ส่วนสภาพภายในยังไม่ได้แกะดูเลย อาจจะเปื่อยแบบที่คุณ Musicogenic51 บอกก็ได้
555+

เดี๋ยวต้องลองไปหาสายมาต่อดูก่อน แล้วจะมาแจ้งให้ทราบอีกที

ขอบคุณทุกท่านที่ร่วมแสดงความคิดเห็นครับ

ส่วนเรื่องช่อง direct in 8 ohm ตอนแรกก็งง ว่าทำไมต้องระบุ 8 ohm ด้วย เลยไปหาข้อมูลในกูเก้ง ได้มาคร่าวๆตามนี้

คำถาม
ถ้าเราเอาลำโพงมา ขนาน อนุกรมกัน ค่า watt ของลำโพงจะเพิ่มขึ้น ลดลงอย่างไรครับ

ตอบว่า
ไม่ว่าต่อแบบขนาน หรือ อนุกรม ค่า watt ของลำโพงก็เท่าเดิมครับ

เอา ลำโพง 100 watt มาสองตัว ต่อขนาน กัน ได้ 200 watt
เอา ลำโพง 100 watt มาสองตัว ต่อ อนุกรม กัน ได้ 200 watt ครับ
จำไว้ครับ เอา watt มาบวกกันตลอดครับ

แต่ผลจากการต่อ แบบขนาน หรือ อนุกรม สิ่งที่เปลี่ยนไป คือ Impedance ของลำโพงครับ
ถ้ามาขนานกัน Impedance จะลดลงครับ
ถ้ามาอนุกรมกัน Impedance จะเพิ่มขึ้นครับ

เอา ลำโพง 100 watt 8 ohm มาสองตัว ต่อขนาน กัน ได้ 200 watt 4 ohm
เอา ลำโพง 100 watt 8 ohm มาสองตัว ต่อ อนุกรม กัน ได้ 200 watt 16 ohm ครับ

ขอแย้งนิดนึงนะครับ
ผมไม่เห็นว่าเรื่อง การต่อลำโพงแบบขนาน หรือ อนุกรม มันจะเกี่ยวอะไรกับ invesrt squre law เลยครับ
invesrt squre law พูดถึงความดังจะลดลงไป ตามระยะทางที่ห่างจากแห่ลงกำเนิดเสียงครับ

และเรื่อง phase ถ้าไม่ต่อสายผิด ในการต่อแบบขนาน หรือ อนุกรม ก็ไม่มีปัญหาครับ ถ้าต่อผิดก็นรกเลยครับ

การที่เราต่อแล้ว impedance ลงมาต่ำมากๆ เช่น 2 ohm
ก็ไม่ได้ทำให้เกิดปัญหาเรื่อง phase เหมือนกันครับ จะมีก็แต่ มันจะทำให้ power amp ทำงานหนักมาก อันเนื่องมาจาก ค่า impedance ของลำโพงที่ต่ำมากๆนี่แหละครับ และโอกาส จะเกิดความเสียหาย ค่อนข้างมาก ครับ

ข้อเสียของการใช้ impedance ต่ำๆ ที่เห็นได้ชัดเจนคือ damping factor จะไม่ค่อยดีครับ สรุปง่ายๆว่า เสียงเบสจะไม่ค่อยมีพลังเท่ากับ การที่เราขับที่ 8 หรือ 4 ohm ครับ

เอาข้อความมาจากกระทู้ในเวปนะครับ พอเข้าใจนิดนึงล่ะ @.@?

เพิ่มเติมอีกนิด เห็นว่าเป็นเรื่องต่อเนื่องกันครับ ถ้าซ้ำก็ขออภัยด้วยครับ เอามาจากกระทู้เดียวกันในเวปนะครับ

แล้วในการหาว่า ระบบของเราให้ความดังเท่าไหร่นั้น หาได้จากสูตรไหนยังไงครับ
เพราะลำโพงบอกเป็น Watt แล้วจะหาค่าเป็น dB ได้ยังไงครับ

ถ้าเป็น power amp
watt เป็นค่า บอกพลังงานทางไฟฟ้า ที่ power amp จ่ายให้ได้ ที่ impedance กี่โอมห์ (ดู spec เอา)
เป็นลำโพง
watt เป็นค่า บอกพลังงานทางไฟฟ้า ที่ ลำโพง ตัวนั้นสามารถรับได้ ตามที่ผู้ผลิตบอกไว้

ความดังเราวัดเป็น dB ก็เปิดสเปคลำโพงดูว่า 1 watt ที่ impedance กี่โอมห์ ให้ความดังกี่ dB
เราก็มาดูว่า เราใช้ amp กี่ watt ที่ impedance เดียวกันกับที่ลำโพงระบุไว้ ในการขับละครับ
ใช้สูตร ในการหา power dB =10 log (Watt/Watt referance)
เราก็จะรู้ว่า ไอ้เจ้า power ที่เรามีน่ะ เราขับลำโพงตัวนี้ ที่ impedance เดียวกัน นี่ เราได้ความดังกี่ dB ที่ 1 เมตร

ทีนี้เอาง่ายๆเลย อยากรู้ว่า ที่ 10 เมตรมันจะดัง (SPL) เท่าไหร่ เพราะ ทุกระยะทางที่เพิ่มขึ้น หนึ่งเท่า มันจะลดความดังลงไป 6 dB (inverst squre law) สูตรคือ SPL = 20 log (Distance/Distance referance) ครับ

ตัวอย่าง
ถ้าลำโพง ให้ความดัง 96 dB ที่ 1watt 1 เมตร
ถามว่า SPL ที่ 10 เมตร จะดังเท่าไหร่?
SPL = 20 log (10/1) = 20dB ค่าที่ได้เป็นค่าที่เราศุนย์เสียไปในระยะทาง
ดังนั้นต้อง
เอา 96dB ลบออกไป 20 dB เหลือเป็น SPL ที่ 10 เมตร เท่ากับ 76 dB ครับ

ขอบคุณข้อความของ คุณaddy จากเวป Soundkrub

ขุดมารายงานการทดสอบ

สรุปว่าลำโพงยังใช้งานได้ แต่ต่อสายใช้งานยุ่งยากพอสมควร

ทดลองต่อผ่านสาย mini to mini โดยตรงไม่ได้(เสียงไม่ออก)
ต้องต่อผ่านสาย mini to rca และต่อผ่านแจ็ค rca(female) to mini อีกที(แต่เสียงออกลำโพง จะเป็นmono เพราะใช้สายเข้าเส้นเดียว)

ส่วนเรื่องเสียง ผมลองต่อผ่านจากโทรศัพท์ เสียงออกเบามาก(คิดว่าต้องใช้แอมป์ช่วย)
จึงลองต่อออกจาก PC จึงจะขับเสียงออกมาดังพอสมควร(เปิดเสียงประมาณ 60% ไม่กล้าเปิดดังมาก กลัวลำโพงขาด)

มีท่านใดพอจะแนะนำเพิ่มเติมได้ไหมครับ ว่าทำไมถึงต่อผ่าน mini to mini แล้วเสียงไม่ออก

ขอบคุณครับ