อย่างข้อ 3 เนี่ย ผมต่อให้ดํอกเตอร์เลย..เอ้า! ไหนลองมาตอบดิ๊!!!

โอ้ว! ออกข้อสอบได้ใจ ต้องถามว่าใช้อวัยวะส่วนใหนคิดข้อสอบ จะได้ใช้ส่วนนั้นตอบ

นี่คือข้อสอบจริงๆรึเปล่าครับ?

หรือว่าแต่งมาให้ดูตลกๆแค่ั่นั้น....

??

โปรด มีวิจารณญาณ ในการอ่านข้อมูลจาก เวบไซต์

อย่างเชื่อไปทุกเรื่องครับ

ข้อสอบจริงครับ

เเละผมยืนยันเพราะผมก็สอบมาหมาดๆ

เเต่เเค่วิชาการงานยังเอาทำให้ปวดหัวพอๆกะคณิตได้เลยครับ

ดีนะ ที่ O-Net ของม.3ไม่เจอข้อสอบแบบนี้ เจอแต่ธรรมดาๆ

ถ้ามีอย่างนี้ด้วยก็ มึนนนนน 555

ข้อหนึ่งตอบได้ครับ ถ้าใช้ตรรกะ + ทักษะภาษาไทยนิดหน่อย
แต่ข้อ 2 กับ ข้อ 3 นี่จนปัญญาจริงๆ
ข้อ 2 มันไม่ควรกาซักข้อ
ส่วนข้อ 3 มันควรจะถูกทุกข้อ

มายืนยันอีกคนนึ่งครับว่าข้อสอบจริงเพราะว่าผมก็สอบมาแต่ก็จนปัญหาจริงๆอะครับ

ข้อ3 ผมตอบ 2. เอาใจเขามาใส่ใจเรา ครับ

เพราะมันรวมคำตอบของทุกๆข้อครับ

จ. ถูกทุกข้อครับ =*=

แต่ผมมองกลับกันน่ะ

ผมว่ามันเป็นข้อสอบที่ทำให้คิด วิเคราะ มากกว่า อ่าน จำ แล้วเอามาตอบ

เหมือนสมัยก่อนที่ผมเรียน

เพราะผมแอนตี้มากเลย กับให้ท่อง ให้อ่าน ให้จำ

แบบไม่มีเหตุผล แบบไม่ต้องวิเคราะ

สรุปคุณก็จะเป็นผู้ตามตลอด ไม่เคยคิดอะไรที่ใหม่เองเลยครับ

อ่อ...แล้วข้อ2 ผมเลือก1 น่ะ ผมว่ามันดีที่สุด และมีปัญหาตามมาในภายหลังน้อยกว่าข้ออื่นครับ

แต่ถ้าจะให้ดีมันน่าจะให้เขียนเหตุผลในการตอบข้อนั้นๆด้วย

แบบข้อสอบกฎหมายน่ะครับ

ข้อสอบให้วิเคราะห์จริงครับ...ไม่เถียง... แต่...
มันสมควรที่จะเป็นข้อสอบ วิเคราะห์ หรือเปล่าครับ...
มันควรจะให้ข้อมูลที่มากกว่านี้ เพื่อการวิเคราะห์ ที่แยกแยะได้ตรงประเด็น
ไม่ใช่ว่า วิเคราะห์ ไปเรื่อยเปื่อย...

ข้อนี้มันยังไม่เท่าไหร่หรอกครับ หุหุ

เจอข้ออื่นสิ!! แล้วจะพูดไม่ออก...

ใครตอบถูกหมด

เป็น โคนันได้เลยมั้งนิ

เน้นการวิเคราะห์ซะส่วนใหญ่ครับ

เเต่บางข้อคำถามก็ไม่น่าเอามาถามครับ

สังคมมีตอนท้าย100ข้อให้เลือกคำตอบที่ถูกต้อง

เเต่ช๊อยคำตอบ4ข้อ จะวงทั้งหมดเลยก็ได้หรือวงมากก่าหนึ่งอ่ะครับ

เเต่ถ้าวงไปสองเช่น ก. ง.

เเต่คำตอบที่ถูกคือ ก. ข. ง.

ก็ไม่ได้คะเเนนครับ

ข้อสอบคัดคนฉลาด ไม่ได้คัดคนความจำดีครับ

ผมอยากจะลองให้จับผู้ใหญ่ระดับปริญญามานั่งทำแข่งกับเด็กดูครับ แล้วจะได้ผลที่น่าประหลาดใจ

ขอชื่นชมความพยายามของผู้ออกข้อสอบ ว่ามีความคิดริเริ่มและกล้าที่จะเปลี่ยนแปลง หวังจะใช้ข้อสอบแนวใหม่ในการคัดเลือกคนเก่ง

แต่......ผมไม่แน่ใจว่าข้อสอบแบบนี้มันจะใช้ได้จริง ที่แย่สุดๆคือ ผู้ใหญ่คิดจะทำอะไร เคยคิดจะบอกกล่าวกับเด็กๆ คนที่ต้องทำข้อสอบก่อนบ้างไหม เค้าจะได้เตรียมตัวมาสอบได้ถูก เห็นข้อสอบแล้วสงสารเด็ก สมเพชผู้ใหญ่....เฮ้อ!!!!

บทนิยามของคำว่า งี่เง่าครับ

-- คห.16

รู้ได้ยังไงครับว่า ข้อสอบนั่น คัดคนฉลาด... อิอิอิ

โปรดใช้ จักรยาน ในการรับชม.....

เขาเรียกข้อสอบวัด IQ ครับแต่ผมก็ไม่เข้าใจอยู่ดีอะครับ

ตูจะคบเพื่อนที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เอาใจเขามาใส่ใจเรา

อัธยาศัยดี หรือ มีน้ำใจ แล้วตูผิดตรงไหนฟะ

คือที่ผมไม่เข้าใจคือว่าเขาเอาเกณฑ์อะไรมาตัดสินในข้อนี้ครับ

เพราะไม่ว่าเราจะเลือกเพื่อนแบบไหนในช้อย มันก็ดีทั้งนั้นไม่ใช่หรอ - -*

ข้อสอบแบบนี้นี่คือในส่วนของo-netเท่านั้นใช่มั้ยคะ? เพราะดูจากผลกสพท.(แพทย์)

คะแนนขึ้นอีกแล้วค่ะ ทั้งmean ทั้งmin ส่วนmaxไม่แน่ใจ

เด็กสมัยนี้มันจะเก่งไปไหนเนี่ย

3. นักเรียนอยากคบเพื่อนแบบใด
1. เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่
2. เอาใจเขามาใส่ใจเรา
3. อัธยาศัยดี
4. มีน้ำใจ

มีอัธยาศัยดี แต่อาจไม่มีน้ำใจก็ได้
เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ กับ มีน้ำใจ มันก็เหมือนกัน
แต่ เอาใจเขามาใส่ใจเรา แสดงว่าคุณต้องมีทุกอย่างมั้งครับ

ไม่รู้ว่าผมคิดถูกหรือเปล่า
แต่ถ้ามีข้อถูกง่ายๆข้อเดียวเป็นช้อยผมว่าใครก็ตอบได้
แล้วอย่างนั้นมันจะเอามาเป็นข้อสอบทำไมล่ะครับ

ผมว่าทั้งคนออกข้อสอบ ทั้งคนสอบ ควรจะช่วยกันคิดครับ

เพื่อการพัฒนาของระบบการศึกษา เพื่อเด็กรุ่นใหม่ครับ

คห.20 ถ้าข้อสอบมันไม่วัดคนฉลาด มันคงวัดคนโง่มั้งครับ ...อิ อิ

ผมเองก็วนเวียนอยู่ในแวดวงการศึกษา ทั้งทำข่าวและพ่อกับแม่ก็เป็นครูชำนาญการด้วย บอกได้เลยครับว่าการศึกษาไทยล้มเหลวด้วยน้ำมือผู้หลักผู้ใหญ่นี่แหละครับ

ถ้าข้อสอบอย่างนี้เรียกว่าการวิเคราะห์แล้วล่ะก็...ผมนึกไม่ออกจริงๆ ว่าถ้าเด็กพวกนี้โตขึ้นแล้วมาเล่นการเมืองจะเป็นยังไง...

^
^
การเมืองมันจะแย่ได้กว่าที่เป็นอยู่ได้อีกเหรอเนี่ยย นึกไม่ออกเหมือนกันค่ะ

ผมว่ามันก็โอเคอยู่นะ

เป็นข้อสอบที่ดีมากๆ ครับ
ทดสอบการคิด วิเคราะห์ ให้หมดจดทุกแง่ ทุกมุม
ข้อสาม เป็น ข้อที่ตัวเลือกเหมือนจะถูกหมด มันจะมีที่ถูกที่สุดอันเดียว ถ้าคิดดีๆ
ข้อสอง เป็น ข้อที่ตัวเลือกเหมือนจะผิดหมด ไม่อยากกาสักข้อ มันจะมีข้อที่ดีที่สุดในบรรดาที่ไม่อยากจะเลือกนั้น
ข้อหนึ่ง เป็นการหาสาเหตุของปัญหา ที่แท้จริง (ไม่ใช่ที่ปรากฏให้เห็น) เหมือนไททานิคล่มเพราะภูเขาน้ำแข็งใต้น้ำที่มองไม่เห็น ไม่ใช่ที่โผล่เหนือน้ำ

เห็นด้วยกับคุณ toonynet สุดๆครับ

ข้อสาม ถ้าคิดดีๆ จะได้คำตอบตามวิธีคิดของ ความเห็นที่ 24

ข้อสอง ไม่ตอบ ทำแท้งเพราะไม่สามารถเลี้ยงลูกได้ ==> เพราะไม่ใช่ทางแก้ปัญหา ตัดปัญหาชัดๆ
ไม่ควรตอบ ลาออกจากโรงเรียนแล้วหางานทำเพื่อลูก ==> เพราะสมัยนี้ไม่จบ ม.6 ก็ยากที่จะหางานทำ แค่เด็กเสิร์ฟบางที่ยังรับขั้นต่ำ ม6 เลย ไม่ logical อย่างแรง
ไม่ควรตอบ แจ้งความเพื่อหาผู้รับผิดชอบ ==> เพราะไม่ใช่ทางแก้ปัญหาที่ตัวต้นเหตุ เป็นการแก้ปลายเหตุ การแก้ปัญหาที่ถูกต้องควรแก้ที่ต้นเหตุของปัญหาครับ
ควรตอบ หยุดเรียนไประยะหนึ่งเพื่อคลอดลูก ==> ก็ตั้งท้องก็ต้องคลอด ถ้าไม่คลอกจะให้มันเน่ตายในครรภ์ หรือไง จะทำแท้งก็ผิดศีลธรรม logical ที่สุดแล้ว

ส่วนข้อหนึ่งนั้น ทำไมนางสาวนิดถึงมีเพื่อนชายมาติดพัน
คิดง่ายๆดังนี้
คนสวยทุกคนต้องมีผู้ชายมาติดพันหรือไม่ ==> ไม่
คนมีอัธยาศัยดีทุกคนต้องมีผู้ชายมาติดพันหรือไม่ ===> ไม่
คนชอบเที่ยวกลางคืนทุกคนต้องมีผู้ชายมาติดพันหรือไม่==> ไม่
=====ถ้านิดปฏิเสธเป็น ======

เพราะฉะนั้น สาเหตุที่แท้จริงของปัญหานี้คือ นิดปฏิเสธไม่เป็น นั่นเอง

ใครยัง งง ว่าจะทำยังไงกับข้อสอบประมาณนี้
แนะนำให้อ่านหนังสือ

strategic for creative problem solving, H. Scott Fogler, Steven E. LeBlanc
http://www.engin.umich.edu/scps/

ปัญหาในเล่มนี้ยากกว่า ในข้อสอบ เป็นร้อย เป็นพันเท่า แล้วจะรู้ว่าปัญหาที่ยากจริงๆ เป็นยังไง

ไม่รู้ใช้วัดอะไรครับ



ถ้าคนตอบไม่คิดเหมือนคนถามล่ะ



แปลว่าคนตอบผิดหรอ


ไม่ใช่ครับ


ผมเชื่อเสมอว่าอาบน้ำร้อนมาก่อนไม่ได้ดแปลว่าจะถูกทุุกอย่าง




ข้อสอบวัดระดับแบบนี้ควรใช้อะไรที่มีเกณอ้างอิงเป็น ตัวกำหนดที่เด่นชัดกว่านี้ครับ



อยากไปวีนแทนน้องๆที่สุด

จากความเห็น 33 ผมว่าไม่จริงมัีงครับ


ถ้า ออกมาทำงานเลี้ยงลูก


ทำไมล่ะครับ


ไม่จำเปนต่้ิองสมัครงานี่ ถ้าคนเรา ขยัน



ทำอาชีพส่วนตัวก้ได้


แล้วอย่างไหนถูก

อย่าลืมว่าบรรพบุรุษของเราๆท่านๆก้


ไม่ได้เรียนจบสุงๆกันทุกคนนะครับ


แต่ก้ยังเลี้ยงเรามาได้จนโตเช่นทุกวันและมีกินมีใช้เช่นทืุกวันนี้


ปล.ติเพือ่ก่อนะครับ ไม่ได้ชวนทะเลาะ

ขอโทษที่รีบพิมจนพิมผิดพิมถูกครับ

ในตัวเลือกใช้คำว่า หางานทำ ในความหมายของคำๆ นี้ที่คนไทย ส่วนใหญ่ใช้ หมายถึง การสมัครเข้าทำงานตามองค์กรต่างๆ

ง่ายๆ เวลาคุณเรียนจบ เพื่อนคุณถามว่า ทำอะไรอยู่
==> คุณจะตอบว่า หางานทำ หรือไม่ ถ้าคุณคิดไว้อยู่แล้ว (present perfect) ว่าคุณจะทำธุรกิจส่วนตัว หรือทำงานกับที่บ้าน (ที่บ้านเปิดร้าน)
ถ้าคุณคิดจะทำธุรกิจส่วนตัวหรือทำงานกับที่บ้าน (ที่บ้านเปิดร้าน) คุณจะตอบอย่างอื่นที่ไม่ใช่คำว่า หางานทำ แน่ๆ เช่น เดี๋ยวว่าจะเปิดร้านขาย..... หรือทำ....ที่บ้านส่งขาย หรือ ทำธุรกิจอะไรสักอย่าง เป็นต้น

หรือลอง search คำว่า find job ใน google ดู จะรู้ว่าคามหมายของ หางานทำ (ในความหมายของคนส่วนใหญ่)คืออะไร ครับ

ถ้ายังไม่เข้าใจข้อสอง แนะนำให้ดูหนัง เรื่อง juno ครับ จะเข้าใจง่ายขึ้น ว่าเค้าคิดกับการแก้ปัญหานี้ยังไง

ที่คุณ toonynet วิเคราะห์ออกมา ถ้ามันถูกต้องตามนั้น

แล้วผมดันไปเลือกข้ออื่น ผมก็ผิดน่ะสิครับ...

ถึงเเม้ถ้าข้อนั้นที่ผมเลือก \"มันจะไม่ถูกตามที่วิเคราะห์\" แต่ผมอยากรู้ว่า ผมควรจะได้ 0 คะแนน
จากการที่ผม เลือกผิด อย่างนั้นจริงๆหรอครับ

ไอข้อ \"ทำไมนางสาวนิดถึงมีเพื่อนชายมาติดพัน\" ผมขอขัดนะนิดครับ
เหตุผลทั้ง 3 ข้อที่คุณว่า ไม่ นั้น... มันจะไม่ตรงไหนอ่ะครับ

ผมว่าถ้าคิดวิเคราะห์แบบคุณ มันเหมือนจะ เชือดไปตรงๆเลย ทำให้เด็กมองอะไรแคบลง
การที่เด็กเค้ามาโวยก็เพราะ ข้อสอบมันไม่สอดคล้องกับ ความจริง

ส่วนข้อ \"เลือกเพื่อน\" ใช้อะไรมาตัดสินว่า ข้อไหนถูกผิดครับ... (คห.24)
มันควรจะเป็นมุมมองของเด็กแต่ละคนมากกว่า จะมาให้คิด อะไรสวยหรูไปวันๆ

ถ้าผมตอบ มีน้ำใจ/อัธยาศัยดี /เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ โดยไม่ตอบ เอาใจเขามาใส่ใจเรา
ดังนั้น ผมก็ควรจะได้ 0 คะแนน เพราะ ไอที่ผมตอบ มันขาดคุณสมบัติอื่นๆไป
ซึ่งคนที่ตอบ เอาใจเขามาใส่ใจเรา ก็ควรได้คะแนนไป เพราะ คุณสมบัติมันครบ

งั้นหรอครับ ????

ถ้าผมคิดตามนี้หล่ะ..

มีชายคนหนึ่ง แอบภรรยาไป ลงอ่าง.โดยที่ชักชวนเพื่อนๆไปด้วย...
เมื่อเสร็จกิจ ชายคนนั้น ก็พาเพื่อนๆไปส่งที่บ้าน เพราะเพื่อนๆไม่มีรถ...
เมื่อชายคนนั้นกลับถึงบ้าน ภรรยาเค้าถามว่าไปไหนมา...
เค้าตอบไปว่า \" ไปกินข้าวข้างนอกกับเพื่อนมา แล้วแวะไปส่งแต่ละคนที่บ้านด้วย...

เรื่องมันก็จบ...
ประเด็นคือ \"เค้าพูดความจริง\" แต่ \"พูดไม่หมด\" เค้าไม่ได้โกหกแต่อย่างใด
หากการพูดไม่หมดมันทำให้อะไรๆ ไม่ต้องแย่ลง มันก็ดีนะครับ

โลกในอุดมคติมันต่างกับความจริงครับ
ไม่มีไครที่จะเลือกเพื่อนที่มีคุณสมบัติครบได้ แต่หากต้องรู้จักหา
จุดดีบางจุดที่ ทำให้เรากับเค้าเป็นเพื่อนกันได้ ไม่จำเป็นต้อง หาคุณสมบัติไรมากมาย

ผมว่าเด็กส่วนมากเค้ารู้จักแยกแยะ ความจริง กับ ตำรา ออกครับ

ปล.ไม่ได้อยากจะกัดใครนะครับ แค่โดยส่วนตัว ผมคิดว่า
ข้อสอบ มันมีส่วนที่ ไร้ประโยชน์ มากกว่า ส่วนที่ ใช้ประโยชน์ ได้ก็เท่านั้นครับ

ส่วนข้อ \"เลือกเพื่อน\" ใช้อะไรมาตัดสินว่า ข้อไหนถูกผิดครับ... (คห.24)
ขั้นแรกต้องตีความโจทย์ก่อน นักเรียนอยากคบเพื่อนแบบใด ==> หมายความว่า (imply that) เพื่อนแบบไหนที่นักเรียนคิดว่ามีคุณสมบัติดีที่สุด (the best) ใครล่ะอยากคบคนดีบ้างแย่บ้างไม่ดีที่สุดบ้าง? ในความหมายที่คิดว่าเป็นของคนส่วนใหญ่ (Speaking generally)ต้องอยากคบเพื่อนที่ดีที่สุดครับ ถ้าคุณคิดในความหมายของตัวคุณเอง (individual) คุณจะตอบอะไรก็ได้ ถูกหมด (เรื่องของผมใครจะทำไม) ฉะนั้นก็ไม่ควรตอบในส่วนที่เป็นตัวของคุณเองครับ เพราะไม่มีคำตอบ ถ้าตีความตรงนี้ไม่ได้ก็จบครับ

ตัวเลือก
มันเป็นการวิเคราะห์ ตีความ คำคุณศัพท์ของแต่ละตัวเลือก ตามอย่างที่คห.24 ทำครับ แล้วเลือกที่ดีที่สุดครับ คนที่เรียนอักษรศาสตร์ หรือ กฏหมายจะเข้าใจเรื่องการตีความดีครับ
มันคล้ายการ Optimization ในเชิงคณิตศาสตร์ครับ
http://en.wikipedia.org/wiki/Optimization_(mathematics)

ไม่มี ถูกทุกข้อ เลย เหรอ ครับ จะได้เลือก ไปเลย ...........อิ อิ อิ

ผมสงสารเด็กๆสมัยนี้จริงๆ พวกผู้ใหญ่ ก็เอาแต่คิดๆๆๆและก็คิด แล้วสุดท้ายเอาไปลงที่เด็ก
ไม่ว่าจะเป็น หลักสูตร วิธีการปฏิบัติ สถาบันบางแห่ง เปิดสอนหลักสูตรใหม่ เพื่อรับเด็กๆเข้ามาเรียนในสถาบันของตน แต่ถามหน่อยว้่าหลักสูตรที่เปิดใหม่นั้น ได้รับการรับรองการส่วนกลางแล้วรึยัง (ไม่ใช่ว่า กำลังยื่นเสนอรับรองอยู่) ในกรณีนี้ผมถามว่า เด็กสามารถรู้ได้อย่างไรว่าได้รับการรับรองแล้ว..... สุดท้าย เรียนจบ สมัครงาน สอบบรรจุได้ ยื่นแสดงทรานสคลิป(ไม่รู้พิมพ์ผิดรึป่าว) ให้ส่วนกลางรับรอง ส่วนกลางตอบกลับมาว่า หลักสูตรที่คุณเรียนทางเราไม่ได้ออกใบรับรองให้ เราจึงไม่สามารถรับคุณบรรจุเข้ารับราชการได้.....
อ้าวแล้วที่เรียนมาแทบตายหล่ะ..มันคืออะไร อนาคตเราหล่ะ สุดท้าย ไครรับผิดชอบกับเหตุการณ์แบบนี้
ทุกอย่างที่เล่าให้ฟัง เกิดขึ้นจริงๆใน ปัจจุบัน และมีมานานแล้ว...นั่งรับกรรมครับ
เราผิดเองที่เข้าไปเรียนหลักสูตรนี้..........สุดท้ายผมต้องทำงานในสายงานอื่นที่ไม่ได้เรียนมา...... ทั้งที่เราจะได้รับราชการอยู่แล้ว มันเป็นความผิดของผมเหรอครับ...

ไอข้อ \"ทำไมนางสาวนิดถึงมีเพื่อนชายมาติดพัน\" ผมขอขัดนะนิดครับ
เหตุผลทั้ง 3 ข้อที่คุณว่า ไม่ นั้น... มันจะไม่ตรงไหนอ่ะครับ

ลองตั้งคำถามว่า
ถ้านิดปฏิเสธเป็น ปฏิเสธผู้ชายทุกคน ที่จะเข้ามา ขอเบอร์ก็ไม่ให้เบอร์ คุยด้วยไม่คุยด้วย หน้ายังไม่มอง ปฏิเสธทุกรูปแบบไม่ว่าผูชายจะมาไม้ไหน แล้วจะมีผู้ชายมาติดไหม?

ฉะนั้นผมว่าประโยคต่อไปนี้ ถูกเสมอ

ถ้านิดปฏิเสธแล้ว ไม่มีผู้ชายมาติด.

ในแง่ความจริงแล้ว ถ้าปฏิเสธไป ยังไงก็ต้องมีคนมาติดพันอยู่ดีหล่ะครับ
หรือไม่จริงครับ ???

อีกอย่าง ในเวลาสอบจริง ผมจะ ตั้งคำถาม แบบที่คุณว่าทำไม
ในเมื่อ มันไม่ได้ช่วยให้ผม ตอบคำถามข้อนั้นได้เลย

\"อยากทราบว่าทำไมนางสาวนิดถึงมีเพื่อนชายมาติดพัน\"

มีหลากหลายแง่มุมที่แตกต่าง ชวนให้คิดเป็นกรณีศึกษาจริงๆๆ ......

ขอแจมนิดครับ
อยากให้ดูโจทย์นี้ก่อน

จากวรรณคดีเรื่อง พระอภัยมณี ตอนที่สุดสาครถูกชีเปลือยหลอก แล้วโดนผลักตกลงไปยังก้นเหว จากนั้นพระฤาษีมาช่วยไว้ได้พอดี พร้อมทั้งสั่งสอนด้วยบทกลอนที่แสดงให้เห็นถึง การไว้ใจมนุษย์ ถามว่าท่านจะจัดแสดงละครในฉากนี้
ควรใช้เครื่องดนตรีอะไร / ภายใต้ฉากสีอะไร / และการแต่งตัวของตัวละครใดถูกต้อง (10คะแนน)

-----------------------------------------

ตัวเลือกหมวดเครื่องดนตรี
1.ปี่พาทย์เครื่องห้า
2.ปี่พาทย์เครื่องสาย
3.ปี่พาทย์เสภา
4.วงมโหรี
5.วงขับไม้
6.วงออเครสต้า
------------------------------------------

ตัวเลือกหมวดสีฉาก
1.ฟ้าหม่น
2.ม่วงคราม
3.เขียวสด
4.แดง
5.ดำ
6.ขาว
-------------------------------------------

ตัวเลือกหมวดเครื่องแต่งกาย
1.ฤาษีชุดเสือ
2.ฤาษีชุดขาว
3.สุดสาครชุดเสือ
4.สุดสาครชุดขาว
5.ชีเปลือย all in one ขาว
6.ชีเปลือย all in one ดำ
-------------------------------------------

(ต้องตอบถูกทั้ง3ข้อถึงจะได้คะแนน ถ้าตอบผิดแม้แต่ข้อเดียว มันจะไม่ให้คะแนน)

โลกในอุดมคติมันต่างกับความจริงครับ
ไม่มีไครที่จะเลือกเพื่อนที่มีคุณสมบัติครบได้ แต่หากต้องรู้จักหา
จุดดีบางจุดที่ ทำให้เรากับเค้าเป็นเพื่อนกันได้ ไม่จำเป็นต้อง หาคุณสมบัติไรมากมาย

^
^
^
ถูกต้องครับ ถ้าข้อสอบนี้เป็นคำถามแบบ Opened-ended question หรือแบบอัตนัย(ใช้ป่าวว่ะ ลืม)คุณตอบได้ดีครับ แต่ข้อสอบแบบ Multiple choice เป็นแบบ closed-ended question ให้คุณ select the best possible answer คนสอบ TOEFL บ่อยๆ จะรู้ดี (อ่านและฟังตีความ)

ผมว่าคุณยังไม่เข้าใจข้อสอบ แบบ Multiple choice ครับ ลองดู
http://en.wikipedia.org/wiki/Multiple_choice
http://en.wikipedia.org/wiki/Closed-ended_question

ปล ผมไม่ชอบข้อสอบแบบ Multiple choice เหมือนกัน
ผมชอบอัตนัยครับ เพราะ assume ได้
เช่น
สมมติโจทย์ถาม ค่า x มีค่าเท่าไหร่
วิธีการคือ ต้องคำนวณโดยใช้สมการ 1 ให้ได้ค่า A ออกมาก่อน จากนั้นเอาค่า A ไปใส่ในสมการ 2 หาค่า x

ถ้าผมคำนวณหาค่า A ไม่ได้ ผมสมมติค่า A ขึ้นมาแล้วไป หาค่า x จาก (2) เลย ผมได้มาแล้วครึ่งนึง แต่แบบ Multiple choice ผิด คือ ผิด ครับ 0 ครับ

ในแง่ความจริงแล้ว ถ้าปฏิเสธไป ยังไงก็ต้องมีคนมาติดพันอยู่ดีหล่ะครับ
หรือไม่จริงครับ ???

ไม่จริงครับ ถ้านิดจะปฏิเสธจริงๆ หนีจริงๆ ก็ทำได้ คือ หนีไปต่างประทศ คนเดียว ไม่บอกให้ใครรู้แม้แต่ที่บ้าน เป็นคนหายสาบสูญประมาณที่ลงใน นสพ ว่า ที่บ้านให้อภัยแล้ว 555
(ผมเคยทำครับ แต่ไป ตจว)

เห็นด้วยกับคุณ toonynet ครับ

แม้ว่าบางข้อผมจะตอบผิดแต่เมื่อฟังเหตุผลแล้ว ก็ OK ครับ

ผมว่าสมัยที่เราเรียน แย่กว่านี้เยอะเลย ไม่ค่อยมีใครมาสนใจเรา ให้ท่องนูนท่องนี้ไปวันๆ

คนออกข้อสอบบางคนก็ขี้เกียจ เอาข้อสอบเก่ามาออก เวียนไป เวียนมา

ผมสิชอบข้อสอบแบบนี้ มันได้คิด ได้วิเคราะห์ ไม่ใช่ใครมีโอกาสติวมามาก ก็ได้เปรียบคนอืน

สมัยที่ผมติว มีขนาดสอนว่า ถ้าทำไม่ได้ จะมั่วอย่างงัย ถึงจะถูก

ผมว่าบางทีเราก็ต้องยอมรับกับความเปลี่ยนแปลง เหมือนที่สมัยก่อนคนคิดว่าโลกแบน

พอคนบอกว่าโลกกลม กลายเป็นคนผิด คิดอะไรโง่ๆ แล้วสุดท้ายเป็นอย่างไงบ้างครับ

ผมว่าการศึกษาต้องสอนให้รู้จักคิดวิเคราห์ครับ ไม่งั้นเราก็คงต้องจุดบั้งไฟต่อไป

ทั้งที่ประเทศอื่นเขามีจรวดขึ้นไปถึงดาวดวงไหนแล้วก็ไม่รู้ครับ

ข้อที่ผมตอบผิดคือ ข้อ1 น่ะครับ

โดนโจทย์หลอกน่ะครับ \"นางสาวนิดเป็นคนสวยมาก จึงมีชายหนุ่มมาติดพันเธอหลายคน\"

ความคิดเห็นที่ 48
สามข้อนี้ต้องรู้อะไรบ้างถึงตอบได้
1 วรรณคดีเรื่อง พระอภัยมณี ตอนดังกล่าว บทกลอนดังกล่าว ต้องการสื่ออะไร สื่ออารมณ์แบบไหน สื่อความหมายแบบไหน
2 เครื่องดนตรีแบบต่างๆที่ว่า และสีชนิดต่างๆที่ว่า สื่อสารแบบไหน ให้อารมณ์แบบไหน แล้วเลือกให้ ตรง กับข้อ 1
3 เครื่องแต่งกายที่ตัวละครน่าจะใส่ในฉากดังกล่าว ซึ่งถ้าอ่านตีความอย่างละเอียดจากตัววรรณคดีน่าจะให้คำตอบได้

ผมตอบไม่ได้ เพราะผมไม่รู้เรื่องวรรณคดี เลย แต่เชื่อได้ว่าคนที่เรียนด้านนิเทศศาสตร์มาน่าจะตอบได้ครับ หรือนักเรียนที่สนใจเรียนด้านนิเทศศาสตร์น่าจะตอบได้ ถ้าเป็น O-NET คงยากเกิน แต่ถ้าเป็น A-NET ก็ OK เพราะชื่อมันก็บอกอยู่แล้วว่า Advanced.....

ถ้าเป็น A-NET ออกยากได้ครับ
ลักษณะของข้อสอบที่ดี ต้องมี ความสามารถในการแยกคนที่เข้าทำการทดสอบได้สูง (ได้ดี)
เช่น
สมมติข้อสอบถาม

1 ส่วนที่เล็กที่สุดของสสารคืออะไร
ทุกคนตอบได้หมด คือ ธาตุ ===> แล้วข้อสอบจะมีไว้ทำห่าอะไรครับ

2 ถามอยากขึ้น ธาตุประกอบด้วยอะไร ===> ตอบได้ 70 ต่อ 30 (สมมติ) แยกคนเก่งกับคนกลางๆไม่ออก โง่ๆ แยกออกไปแล้ว

3 ถามอยากขึ้น ธาตุอะไรมีเลขอะตอม 30 ===> ตอบได้ 30 ต่อ 70 (สมมติ) แยกคนเก่งกับคนกลางๆ ออกแล้ว โง่ๆ ไม่ต้องพูดถึง ส่วนคนเก่งกับคนเก่งมากยังแยกไม่ออก

4 ถามอยากขึ้น ธาตุอะไรมี EN = .... ===> ตอบได้ 10 ต่อ 90 (สมมติ)คนเก่งกับคนเก่งมากแยกออกแล้ว

ข้อสอบแบบที่ดีควรมีทั้งข้อ 2-4 ไม่ควรมีข้อ 1
ถ้าเป็นแบบordinary สัดส่วนข้อ 2 และ 3 ควรมีมากกว่าข้อ 3 และ 4
ถ้าเป็นแบบ Advanced สัดส่วนข้อ 3 และ 4 ควรมีมากกว่าข้อ 2 และ 3

แต่ถ้าไม่มีสักคนเดียว หรือปริมาณน้อยมากๆ (ไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ) ที่ ตอบข้อ 4 ได้ ก็เป็นข้อสอบที่ไม่ดีเหมือนกันครับ เหมือน คำถามแนวๆ คำถามแฟนพันธ์แท้รอบสุดท้าย 555

ถ้าคุณจะบอกว่าข้อสอบแย่ คุณต้องดูจุดประสงค์ของข้อสอบก่อนครับ ว่าเค้าใช้เพื่ออะไร

เหมือน
TOEIC กับ TOEFL

เพื่อนผมเป็นชาว American สอบ TOEIC ได้ 990 (เต็ม) แต่ได้ TOEFL หกร้อยกว่าๆ เพราะจุดประสงค์ของข้อสอบต่างกัน

TOEIC วัดความสามารถในการสื่อสาร communication แน่นอนเพื่อนผมเจ้าของภาษาสื่อสารได้ดีแน่ๆ ครับเลยได้เต็ม
TOEFL วัด English in an academic setting สำหรับคนเรียนระดับบัณฑิตศึกษา เลยได้ไม่เยอะมาก แต่ไม่ถึงกับเต็ม เพราะมัน advanced กว่าครับ มีศัพท์วิชาการมากมาย ที่เค้าไม่รู้

แนวคิดในการพัฒนาดีมากครับ
ผมอีกคนที่สนับสนุน
แต่
ความสามารถของผู้ออกข้อสอบ
ยังไม่ถึงขั้นครับ
คนที่จะคิดข้อสอบแบบนี้ให้ดีจริง
ต้องเก่งจริงๆและต้องสามารถตัดอัตตาออกได้ทั้งหมด

ออกมาแบบนี้วัดอะไรแทบไม่ได้เลย
เพราะมีรูรั่วในตัวเลือกเยอะมาก

ผมว่าคนที่ออกข้อสอบเขาคงคัดมาแล้วล่ะครับ

เขาคงไม่เอาพวกมีดีกรีแต่โง่หลอกครับ

อย่าลืมว่าเด็กสมัยนี้ฉลาดน่ะครับ แล้วเขาต้องออกข้อสอบให้กับคนฉลาดทั้งประเทศ

ผมว่าเขาคงไม่ธรรมดาล่ะครับ อย่างงัยก็มองโลกในแง่ดีก็ดีน่ะครับ

ผมก็ไปสอบมาครับ

เจอแบบว่า

สีแห่งความรักคือสีอะไร?
1.แดง
2.ชมพู
3.ขาว
4.ดำ

มันกำกวมๆ เนอะ = =

มาห่วงสิ่งนี้ดีกว่าครับ

ครูคุมสอบหลับในห้องสอบโอเน็ต

นักเรียนลอกข้อสอบโดยการใช้ลิควิดป้ายที่ไม้บรรทัดเเล้วเอามาทาบกับข้อสอบเเล้วจะตรงกับช่อง

เเล้วเขียนไว้ที่ดินสอด้วยครับ

น่าจะให้ความกังวลกัลเรื่องนนี้นะครับ

ถ้าเป็นผมเจอข้อสอบแบบนี้

คงหงุดหงิดกับคำถามจน วิเคราะห์อย่างท่าน toonynet ไม่ได้ชัวร์ป้าบ ฮ่าๆ

ตาม คห.57 นะครับ

ถ้าสมมุติ ข้อที่ถูกคือสีชมพู
แปลว่าคนเลือกข้อ 2 ได้ 1 คะแนน
นอกนั้นได้ศูนย์

แล้วถ้าข้อนี้เป็นข้อสอบแบบบรรยาย
แล้วมีเด็กวิเคราะห์แล้วตอบว่า

สีแดง หมายถึงรักที่ลุ่มหลง ร้อนแรง
สีชมพู หมายถึงรักโรแมนติก หวานหอม
สีขาว หมายถึงรักอันบริสุทธิ์
สีดำ หมายถึงรักอมตะ ชั่วนิรันด์

แล้วคุณจะให้คะแนนกันยังไง
ข้อสอบวัดอะไรได้ครับ
นอกจากเดาใจคนออกข้อสอบ....

คนออกข้อสอบข้อนี้เค้าต้องการวัดอะไรเด็กครับ

คห. 53 ครับ ข้อนั้นคือโอเน็ตครับผม

^
^
^
เซ่อ O-net ^____^

แล้วนะ ผมเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า...
ต่อให้ใครคนนั้น มันรู้ ว่า

1 วรรณคดีเรื่อง พระอภัยมณี ตอนดังกล่าว บทกลอนดังกล่าว ต้องการสื่ออะไร สื่ออารมณ์แบบไหน สื่อความหมายแบบไหน
2 เครื่องดนตรีแบบต่างๆที่ว่า และสีชนิดต่างๆที่ว่า สื่อสารแบบไหน ให้อารมณ์แบบไหน แล้วเลือกให้ ตรง กับข้อ 1
3 เครื่องแต่งกายที่ตัวละครน่าจะใส่ในฉากดังกล่าว ซึ่งถ้าอ่านตีความอย่างละเอียดจากตัววรรณคดีน่าจะให้คำตอบได้

มันก็ลังเลในการตอบครับ ใช่ว่ารู้แล้ว จะตอบได้ เป๊ะๆ
คุณคิดหรอว่ามันจะ วิเคราะห์จริงๆ ในเมื่อ คำถามเกี่ยวกับสีของฉาก
หรือคำถามที่ ถามว่า ความรักสีอะไร ทำนองนั้น
มันก็ยึดตามตำรา ไม่ได้คิดไปเลยว่าคนเรามันรู้สึกไม่เหมือนกัน
ตำราว่าไง ข้อสอบก็ว่างั้น ท่องไปเหอะ...ต่อให้เป็นวิเคระห์ อย่างมีจุดหมายชัดเจน
แล้วเด็กจะได้อะไรจากการวิเคราะห์ในครั้งนี้ครับ

ผมชอบนะครับข้อสอบวิเคราะห์...แต่สันดานของผมมันชอบแบบ ให้เขียนเองมากกว่า
ไม่ใช่ให้มาเลือกตอบแบบนี้...ข้อสอบ มันวัดอะไรจากเด็กได้...วัดว่าเด็กมันโง่สินะครับ

ข้อสอบมันไม่ได้ยากนะคะ

มันแค่ไร้สาระ ไม่เข้าท่า ไม่คู่ควรกับการนำมาใช้สอบเข้า ไม่ตรงหลักสูตร

แล้วหลายข้อก็กำกวม หาข้อผิดถูกจริงชัดเจนไม่ได้

ไม่ใช่ว่าวิเคราะห์ไม่เป็น แต่บางข้อที่ให้วิเคราะห์มันสรุปไม่ได้ว่าถูกหรือผิด

คุณว่าสุดสาครตกเหวแล้วฤาษีมาช่วยควรเป็นสีอะไรหรอ

สีฟ้าดีแมะ เหวมันสูงแมะ หรือสีส้มแบบหน้าผา หรือสีดำดี ดูเป็นเหวลึกๆมืดๆน่ากลัวๆ

มันบัญญัติไว้แมะคะ จะวิเคราะห์ยังไงหรอคะ

และนี่คือ ตัวเลือก ของ ข้อสอบ เซ็ทหนึ่ง ซึ่งเป็นลักษณะเดียวกับของคุณ CARDISTRY ครับ

คนที่ไม่ได้เจอจริงๆ ก็นะ...พูดได้...

^

เนี่ย วิเคราะห์เข้าไปสิคะ 555

จบป.ตรีดุริยางศิลป์มายังตอบไม่ได้เลย

ผมว่าเขาเอาสมองส่วนที่ไว้ออกข้อสอบ ไปกั้นหูหมดแล้ว 555

เห็นด้วยว่าไม่ได้เจอเองไม่มีทางรู้หรอกค่ะ การเข้าไปนั่งสอบเอง โดยที่มีอนาคตหรือความฝันของตัวเองเป็นเดิมพัน(ความคิดเด็กม.6ทั่วๆไปนะคะ อาจไม่ใช่ทุกคน) มันก็กดดันระดับนึงอยู่แล้ว ยิ่งมาเจอแบบนี้เข้าอีก บางทีก็ไม่ไหวเหมือนกันนะคะ

โอเค บางทีคนออกอาจจะต้องการวัดความสามารถในการปรับตัว หรือตั้งสติของเด็ก แต่แบบนี้มันแรงไปนะคะ ถ้าจะออกข้อสอบแบบนี้ ควรจะมีตัวอย่างข้อสอบออกมาก่อน เพราะการบอกแค่ว่า จะออกเป็นแนววิเคราะห์ และไม่เกินหลักสูตร ก็คงไม่มีเด็กคนไหนคิดว่ามันจะออกวิเคราะห์ลึกล้ำไปกว่าA-net (แหงล่ะ ก็มันคือo-netนี่) ดังนั้น เข้าห้องสอบไปเจอแบบนี้ ย่อมจะช็อก และออกมาโวยวายเป็นธรรมดา และจากที่เคยบอกต่อๆกันมาว่า \"ถ้าทำa-netได้ ยังไงo-netก็ทำได้\" ก็จะไม่จริงเสมอไปอีกแล้ว ถ้างั้นจะมีa-netไปทำไม ถ้าo-netมันดันadvanceไปเกินหน้าเกินตาขนาดนี้ ไม่ทราบเหมือนกันว่าสทศ.กับสกอ.ได้มีการประสานงานอะไรกันบ้างรึเปล่า

อีกส่วนหนึ่งคือ o-netนั้นขึ้นชื่อเรื่องข้อสอบ และเฉลยที่กำกวมอยู่แล้ว ไม่อยากจะใช้คำว่าเฉลยตามใจคนออก เรียกว่าคิดไม่ตรงกันดีกว่า ยิ่งมาออกข้อสอบแบบนี้ เด็กจะยิ่งไม่มีความมั่นใจในการตอบเลย เพราะไม่รู้ว่าคนออกจะคิดตรงกับเรารึเปล่า (คนเคยทำข้อสอบเก่าๆคงรู้ค่ะว่าบางข้อก็เห็นว่ามันถูกเห็นๆ แต่ดันเฉลยอีกข้อนึง)

อยากจะพูดอีกประเด็นคือในส่วนของคณะแพทย์ ที่มีเกณฑ์การรับคือต้องได้o-net60%ขึ้นไป จึงจะมีการนำa-netมาคิด เพื่อพิจารณารับเข้าอีกที ซึงในตอนนี้ได้ประกาศรายชื่อผู้ที่มีสิทธิ์เข้าศึกษาแล้ว โดยที่คะแนนo-netยังไม่ออก ถามว่าถ้าเด็กกลุ่มนึงที่เก่งพอจะทำa-net(ซึ่งส่วนตัวคิดว่าออกข้อสอบได้สมเหตุสมผลกว่าเยอะ) จนเข้าคณะแพทย์ได้ แต่ดันถูกตัดสิทธิ์เพราะข้อสอบแบบนี้ ใครจะรับผิดชอบคะ? แล้วเมื่อเด็กกลุ่มนี้ถูกตัดสิทธิ์ ก็จะต้องมีการรับเพิ่มโดยรันจากอันดับคะแนนลงมา บวกกับคนที่สละสิทธิ์ซึ่งเดี๋ยวนี้ก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ
จนบางทีเห็นคะแนนต่ำสุดของรอบหลังๆก็งงอยู่เหมือนกันว่ามันต่ำไปมั้ย? ถ้าแพทย์ที่จบออกมาไม่เก่งเท่าที่ควรจะเป็น ใครจะรับผิดชอบ?


ขอโทษด้วยนะคะถ้าข้อมูลเกี่ยวกับการสอบไม่ถูกต้อง หรือไม่อัพเดต เพราะหลังจากปีที่ตัวเองสอบก็ไม่ได้ติดตามต่อเลย

มารอดูเฉลยละกัน ..

เค้าจะมีวิธีเฉลยยังไง

เมื่อวานลูกมาเล่าให้ฟังครับเกี่ยวกับเรื่องนี้...ผมก็อึ้งเหมือนกันครับกับการศึกษาของบ้านเรา เพราะเปลี่ยนกันบ่อยมากจนตามไม่ทันเลย ในความเห็นส่วนตัวคิดว่า...บางครั้งหากต้องการปรับเปลี่ยนควรจะปรับเปลี่ยนทั้งระบบ ไม่ใช่แค่ต้องการผล/คำตอบในวันนี้ แต่ไม่ได้คิดย้อนหลังกลับไปว่าไดเตรียมการมาหรือยัง คิดง่ายๆ...วันนี้อยากได้ดอกกุหลาบจากสวนที่ปลูกไว้ในบ้าน...แต่..ในบ้านมีแต่สวนมะลิ...ยังไงมันก็ไม่มีทางเป็นดอกกุหลาบไปได้... ถ้าคิดเชิงวิชาการ (ให้มันปวดขมับอีกหน่อย..) INPUT--Process----- OUTPUT ตอนนี้คิดแต่ต้องการผลที่ OUTPUT แต่ไม่ได้คิดถึงกระบวนการก่อนหน้านี้.....นี่ก็ยังปวดหัวกับการเรียนเด็ก ม.ปลายอีก บาง ร.ร.(ที่เข้าร่วมโครงการ -- เตรียมฯ,บดินทรฺ์,สานเสน....)เด็ก ม.๔ ที่เคยแยกเรียนสายวิทย์ สายศิลป์.ฯ ปีที่จะถึงนี้ก็เปลี่ยนระบบอีกแล้ว ม.๔ เรียนเหมือนกันหมดทุกห้อง พอขึ้น ม.๕ ถึงจะเริ่มมาแยกสายการเรียนกัน.....โอย..มึนไปหมด ....งั้นขอตัวไปฟังเพลงก่อนดีกว่า....555 ฮือๆๆ

สอบ รด. ก็ปัญญาอ่อนเหมือนกันครับ

แต่ก้รู้ๆ กันอยู่ ทำไมถึงผ่านกันยกชั้น 5555555555555555555555555555555

โชคดีที่สอบรอบก่อนหน้านี้ คะแนนได้ง่ายกว่านี้
ถ้าเกิดช้าไปปีนึงนี่คงกุมขมับ ฮ่าๆๆๆ

ถึงคุณInJazz : แต่การร่นลำดับมามันก็เปิดโอกาสให้ผมได้เข้าไปเรียนนะครับ เป็นเรื่องที่ดีและสมควรมีต่อไปครับ 5555

ประเทศไทยก็แบบนี้ล่ะครับ

\" มีแต่คนชอบพูด แต่ไม่มีคนทำ \"

เลยกลายเป็นว่า \"อยู่เฉยๆดีกว่าไม่เจ็บตัว ลูกก็ไม่ใช่ลูกตรู จะเจ็บตัวไปทำไม\"

ผมว่ากลับไปเรียนหลักสูตรเก่าสัก20 ปีน่าจะดีน่ะครับ

แล้วที่ว่าเขา เคยคิดมั้ยว่าถ้าเป็นตัวเองออกข้อสอบ จะออกอย่างงัย?

ให้มันพอใจ ทุกๆคน

เอาใจเขามาใส่ใจเราบ้างครับ ไม่ใช่อะไรๆ ก็ด่าใว้ก่อนครับ

ปัญหาเหมือนกับว่าเราไม่มั่นใจว่าเด็กของเราคิดเป็นไหม ควรคิดอย่างไร ควรแก้ที่การเรียนการสอนให้รู้จักการวิเคราะห์ ไม่น่าจะมาแก้ที่ข้อสอบ เด็กที่ขาดทักษะการคิดที่ถูก จะถูกตัดโอกาสไป

ข้อสอบออกมาวัดเด็กทั่วประเทศ ตัวอย่างประกอบที่ออกในข้อสอบควรเป็นสิ่งที่เด็กทั่วประเทศน่าจะมีโอกาสและประสบการณ์ใกล้เคียงกัน ได้ยินว่ามีข้อสอบที่ถามเกี่ยวกับบัลเลย์ เด็กรอบนอกคงเสียโอกาส ลองคิดว่าหากยกสถานการณ์เช่นว่า ถ้าท่านกำลังขี่ควายอยู่กลางนา หรือถามเกี่ยวกับมโนราห์ ฟ้อนเงี้ยว เด็กในส่วนกลางก็คงจะไม่สามารถใช้ทักษะความคิดที่มี เพราะจินตนาการประสบการณ์นั้นๆไม่ออก

โอ๊ะ!!! ข้อที่มีตารางคำตอบให้มาแบบนั้น!!!

สุดยอดครับ เหมือนสอบๆอยู่อยากจะเอาหูฟังมาระเบิดหัวตัวเอง

ภารตะนาฏยัม~กุจิ ปุถิ~ไตรภัณกิ~คากิ~ บลาๆ ยากโครตเลยครับ

ปล.แล้วใครจดออกมาครับเนี่ย นับถือๆ

การทำให้เด็กคิดเป็น เป็นสิ่งที่ดีค่ะ แต่ถ้าจะทำแบบนั้นก็ต้องเริ่มแก้ใหม่ตั้งแต่ต้น
ไม่ใช่อยู่ดีๆนึกจะทำก็ทำ เป็นความผิดของเด็กเหรอคะที่เค้าเตรียมตัวมาเพื่อสอบ
โดยอิงจากแนวข้อสอบเดิมที่เคยเป็น พอมาเจอกับข้อสอบแบบนี้แล้วทำไม่ได้เต็มความสามารถของตัวเอง เพราะไม่ได้เตรียมตัวมา กับเด็กอีกกลุ่มที่อาจจะไม่ได้เตรียมตัวมาดีเท่า
แต่ดันมั่วถูก (ถามจริงๆว่าถ้าเข้าห้องสอบไปเจอแบบนี้ จะมีซักกี่คนที่มานั่งคิดวิเคราะห์ ส่วนใหญ่ก็มั่วกันทั้งนั้น) คะแนนตรงนี้จะใช้วัดอะไร ดวงเหรอคะ?

ไม่ได้จะบอกว่าต้องเปลี่ยนข้อสอบกลับไปเป็นรูบแบบเดิม แต่ควรมีการชี้แจง และบอกเด็กให้ทราบตั้งแต่ต้น ว่าจะออกแบบไหน พร้อมตัวอย่างค่ะ

อยากให้ผู้ใหญ่(บางท่าน) เห็นใจเด็กบ้าง ว่าแค่การสอบ(ไม่ว่าจะยุคไหน สมัยไหน) ก็กดดันพออยู่แล้ว ไหนจะยังมีเรื่องระบบการสอบทีเปลี่ยนได้บ่อยพอๆกับรัฐบาลอีก - -\"

ข้อสอบที่ดี คือข้อสอบที่สามารถแยกคนเก่งมาก ปานกลาง และ เก่งน้อย ออกจากกันได้
(ซึ่งถ้านำมาplot กราฟที่ได้ควรออกมาเป็นnormal curve) ถ้าอยากจะรู้จริงๆว่าข้อสอบชุดนี้
ดีจริงรึเปล่า คงต้องรอประกาศผลสอบน่ะแหละค่ะ

ไม่มีอะไรที่ทำให้คนทุกคนพอใจได้หรอกค่ะ ไม่ว่าจะข้อสอบหรืออะไรก็ตาม

ข้อสอบแบบนี้เป็นข้อสอบแบบวัด IQ, EQ และ Morality ไปด้วยนินะครับ

ก็เข้าใจแหละนะ ว่าต้องการอะไรสำหรับคนออกข้อสอบ

ส่วนคนทำข้อสอบนี่ก็สงสารนะครับ

เข้าใจว่าคนที่ทำก็คงเซ็งเพราะคงจะได้คะแนนน้อยกว่ามาตรฐานกันแน่ ๆ



แต่ทำไมไม่มีคนคิดบ้างหว่าว่าถ้าคะแนนนมันน้อยกว่าเดิมทุกคน หรือ ส่วนใหญ่แล้วนั้น

คะแนนมาตรฐานหรือคะแนนเฉลี่ยของปีนี้มันก็จะดรอปลงไปด้วย

สุดท้ายแล้วการแข่งขันมันก็เกือบจะเหมือนเดิมเลย

จะต่างก็แค่คนที่สามารถตีโขทย์ข้อสอบได้ด้วยการวิเคราะห์นั้น จะได้คะแนนเพิ่มขึ้น



เดี๋ยวนี้การสอบเข้าผมว่าคะแนนมันเฟ้อยังไงก็ไม่รู้

สมัยผมสอบ บางคณะดัง ๆ เช่น วิทยาศาสตร์จุฬา คะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ 35% เอง

สอบเข้ามหาวิทยาลัยมันแข่งกันเองครับ แข่งเป็นลำดับ ไม่ได้มีตกหรือไม่ตก (ยกเว้นบางคณะล่ะมั้งถึงมี)

ถ้าแค่นี้บ่นว่าโหดกันนี่อยากจะให้ลองกลับไปสอบในบรรยากาศของปี 41 จริง ๆ เลย

ที่จำนวนคนสอบเพิ่มขึ้นสองเท่าและข้อสอบก็ยากขึ้นด้วย

โหดกว่าข้อสอบแบบ แล้วก็โอกาสสอบติดเข้ามหาวิทยาลัยที่ต้องการน้อยกว่านี้เยอะครับ

สงสาร เพื่อนๆจัง ปีที่แล้วยังได้ข้อสอบปกติอยู่แหะๆ
แต่ปีนี้ คนไม่สอบเยอะเหมือนกัน เพราะรับตรง รับกันไปเพียบแล้ว อิอิ
บางคนไปสอบเล่นๆ ก็มีเยอะเหมือนกัน

แต่ประเด็นข้อสอบ อ่ะ ออกแนวไหน ควรจะบอกก่อน3ปีไม่ใช่หรอ
ตั้งแต่เปลี่ยน ANET เป็น GATPAT ละ
บอกแนวข้อสอบมาในเว็บน่ะ

แต่ตอนออกจริง PAT ออก เชื่อมโยงข้อมูล + ENG มันเหมือนกันตรงไหนไม่ทราบหรอ
โกหกชัดๆ พวกที่ทำได้ ก็จะเป็นพวกที่จะสอบเข้าหมอเพราะว่า ส่วนของหมอมีสอบ เชื่อมโยงข้อมูลอยู่แล้วด้วย

GAT รอบ เดือน7 เออ จริงมันต้องมี40คำตอบ แต่เฉลยมี41 คำตอบ กันเด็กจำกันมาว่ามี40 เหอะๆ

ส่วนของสอบOnetปีนี้ ก็น่ะ ผมว่า ใช้ สมอง 50% ดวงอีก 50% ใครติด สอบตรงไปแล้วก็ถือว่าโชคดี มากๆ

ตอบพี่ InJazz ที่ปีนี้ คะแนนหมอสู้ขึ้น ส่วนหนึ่ง
เด็ก ม 6 รุ่นนี้ ได้ทำการสอบ GAT มาแล้ว ซึ่งมีพาทเชื่อมโยงข้อมูลทำให้ได้ฝึกข้อสอบไปในตัว
ปล ปีที่แล้วผมไปสอบ หมอ พาท เชื่อมโยงข้อมูล ไม่ได้เตรียมอะไรไปเรย 10/100 อ่านแล้วก็งง
สรุป เนื้อหาไม่ต้องอ่านก็ได้ ปล จ่าเข้าเภสัช ตอนนั้น แหะๆ (ตอนนี้ก็สมใจอยาก)
แต่GAT รอบสองที่สอบไปได้ประมาณ 120/150 เออ เนื้อหาแทบไมไ่ด้อ่าน เรย เน้นดูที่ คำเชื่อม

อันนี้ความคิดเหตุของผมที่ไม่ได้ตามข่าวเท่าไร ที่คนออกข้อสอบออกมาชี้แจ้งอะไร มากมาย เน้นไปทาง ฟังจากปากของเพื่อนๆ ซะมากกว่า

เห็นด้วย กับ กุ๊ดจี่ ครับ

ข้อสอบคัดคนจะยากมันก็ยากทุกคน แล้วที่บอกว่าเดาได้นี่ผมว่ายากน่ะครับ

เพราะข้อไหนผิดเห็นเขาว่า มีหักคะแนนด้วยไม่ใช่หรือครับ

ผมว่าถ้าเด็กไม่แน่ใจเขาคงไม่กามั่วหลอกครับ

เห็นด้วยกับ วิเคราะห์ไม่เป็นหว่ะ ความเห็นที่ 62
ข้อสอบแบบ พระอภัยมณี น่าจะเป็นอัตนัยมากกว่า ไม่น่าจะเป็น closed-ended และยากเกินสำหรับ O NET

ผมไม่เคยชอบข้อสอบแบบ ปรนัย (multiple choice) เลยครับ
อย่างที่ผมบอกในความเห็นที่ 49 ถ้าเป็นแบบอัตนัย จะได้คะแนนบ้างแม้ว่าจะตอบไม่ถูก 100% เพราะเค้าจะดูวิธีคิด เหตุผล ในคำตอบมากกว่าความถูกต้องของตัวคำตอบเอง

ผมว่าวิธีการคัดคนเข้าศึกษาหรือทำงานที่ดีที่สุดคือ
1.ใช้ข้อสอบเป็นตัววัดว่าใครน่าจะมีศักยภาพเพียงพอที่จะเข้าศึกษาหรือทำงานนั้นๆได้ โดยเป็นการ screen ขั้นแรก เพื่อเอาคนที่เข้าข่ายที่ว่าผ่านสู่รอบต่อไป
2. สัมภาษณ์ วัดกันที่สัมภาษณ์อย่างเดียวเป็นหลักเลย อาจมีหลายรอบ ตามความเหมาะสม คุณจะเดาไม่ได้เลยว่าเค้าจะถามคุณว่าอะไรบ้าง เพราะเชื่อว่าคนสัมภาษณ์ไม่ได้ตั้งคำถามที่แน่นอนตายตัวมาไว้ก่อน มีแค่ แนวๆคำถาม มันอยู่ที่ว่าคุณจะตอบคำถามแรกๆของเค้าว่าอะไร แล้วเค้าจะคิดคำถามจากคำตอบของคุณอีกทีเพื่อหาตัวตนและความสามารถที่แท้จริงของคุณ และคุณจะไม่มีเวลามานั่งคิด หรือมาหงุดหงิดกับคำถาม เพราะเค้ามักจะถามคำถามแบบกดดัน กวนๆ และคุณต้องตอบเค้าทันที โดยมีเวลาคิดแค่เพียงเสี้ยวนาที ผมชอบแบบนี้ที่สุดเป็นการตอบคำถามแบบ open และเวลาไม่มีจำกัด ไม่มีหน้ากระดาษที่จำกัดให้คุณเขียน ตอบไปได้เรื่อยๆ และสามารถ ถามคนสัมภาษณ์กลับได้ หรือ ดู feedback จากคนสัมภาษณ์ได้ ว่าเราควรเลื้อยไปยังไงต่อ เป็นการวัด ปฏิภาณ ไหวพริบ ทุกๆอย่าง อย่างแท้จริง

การที่บอกแนวข้อสอบก่อน หรือแนวคำถามว่าจะสัมภาษณ์คุณว่าอะไร แล้วให้คุณไปเตรียมตัวมา มันเท่ากับว่า คนที่คัดเลือกจะไม่ได้เห็นความสามารถหรือตัวตนที่แท้จริงของคุณ เพราะคุณก็จะแสดงหน้ากากที่คุณใส่ไว้ตามที่คุณเตรียมตัวมาให้เค้าดู ฉะนั้น การที่ไม่บอกก่อนเป็นสิ่งที่ถูกต้องครับ ถ้าบอกแนวก่อน แล้วจะทำการคัดเลิอกคนโดยการถาม ทำ.....อะไรครับ

วิธีที่ว่าเหมือนวิธีที่บริษัทใหญ่ๆ นิยมใช้คัดคนในปัจจุบัน แต่คงใช้ไม่ได้ถ้ามีคนสมัครเยอะ มากๆ จะล่าช้า เสียค่าใช้จ่ายสูง และอาจถูกกล่าวหาว่าไม่ได้มาตรฐานอีกเพราะอาศัยคะแนนจากคนสัมภาษณ์ และไม่เหมาะกับประเทศไทยที่เส้นสาย และเงินตรา นั้นทำได้ทุกอย่าง 555

ข้อสอบมันก็วัดแค่ตามที่คนคิดข้อสอบคิดว่ามาตรฐานมันคืออะไรไมไ่ด้มีหลักเกณฑ์ที่ชี้แจงแก่ ผู้สอบอย่างชัดเจน



ปรบมือข้า่งเดียว


คนวิเคราะห์ต่างไม่ได้แปลว่าผิดนะครับ


มองต่างมุม


ข้อสอบไม่ควรวัดมุมมองนะครับการสอบเข้ามหาวิทยาลัย


ไม่ใช่สอบเข้าบรรจุทำงานในตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่ง


ถ้าเปนข้อสแบแบบนี้แล้วให้ สอบเปน ข้สอบ สอบตรงเข้าคณะต่างๆที่ีเกณฑ์การคัดเลือกคนจาก มุมมองทางความคิด โอเคคับ ผมเห็นด้วย


แต่นี่ข้อสอบเดียวใช้สอบทั้งประเทศครับ


สอบเข้ามหาวิทยาลัย


หลากหลายคณะต้องการคนที่คิดหลายแบบคิดแตกต่าง ให้คนทำงานศิลป์ คิดแบบหมอไมไ่ด้หรอกครับ

คนละแนวทางกัน






อยากพูดอีกอย่างว่า คนเราไมไ่ด้วัดกันที่ข้อสอบครับ



คนเรียนเก่งไม่จำเปนต้องทำงานได้ดี



คนทำงานได้ดีเรียนโง่อย่างควายถมไป

ถ้าเป็นข้อสอบจิตวิทยาเพื่อ \"คัดคนเข้าทำงาน\" ก็ว่าไปอย่าง -*-

โดยรวม...ผมยังยืนยันว่าผู้ใหญ่ทำให้การศึกษาไทยล้มเหลวอยู่ดี

สมมุติว่าชื่นชมคนออกข้อสอบ..ว่าออกข้อสอบได้เก่งมาก...แล้วไง มันเกิดผลดีอะไรกับเด็กครับ

อาจารย์ที่ตรวจข้อสอบและผลงานของอาจารย์ด้วยกันเอง ในการทำตำแหน่งครูชำนาญการ ทุกวันนี้ยังมั่วกันอยู่เลย ฟ้องร้องกันทั้งประเทศ พูดง่ายๆ ครูยังตีกับครูอยู่เลยเรื่องมาตรฐานการตรวจสอบครู!!!

อย่าเอาค่านิยม หรือความฉลาดแบบโง่ๆ มาใช้กับเด็ก เพราะเด็กไม่ควรเป็นคนรับกรรมนี้ ฟันเฟิร์ม!!!

เพราะผู้ใหญ่แบบนี้แหละ

จึงเกิดค่านิยมส่ง ลูกไปเรียน อินเตอร์ ด้วยเงินบาทไทย

อารมณ์หูฟัง เสียงมันห่วยก็ไม่มีใครอยากเอา

อย่างข้อ 3. ผมคบหมดทุกคนครับ

ยกเว้น คนที่ออกข้อสอบ

เมื่อเช้ารายการสรยุทธ์ออกมาบอกแล้วว่า กรรมการใช้มาตรฐานการสอบผิดฉบับ เอาเรื่องที่นักเรียนยังไม่ได้เรียนตามหลักสูตรมาออกข้อสอบ! ฮ่วย! นี่ประเทศเดียวกันมั้ยนี่ ทำไรไม่เคยรู้ถึงกันเลย ทำคนละที ตัวใครตัวมัน เด็กรับกรรมไปอีก..เฮ้อ!

ถึงข้อสอบยากยังไง เด็กก็สอบในสถานะการเดียวกันแต่ละครั้งนะครับ

ในครั้งที่ข้อสอบยาก คะแนน เพียง 50% ก็อาจจะเก่งกว่าบางปีที่ได้คะแนน 85% ก็ได้ครับ

จับทางข้อสอบได้เด็กที่เรียนติวมา ก็ได้เปรียบเกินไปนะครับ

งานนี้เด็กที่เสียเงินเรียนเก็งข้อสอบ คงหัวเสียกว่า คนที่ไม่ได้เรียนมานะครับ สมาธิคงถูกลดทอนไปมากเลย

อ่านตามแล้วเครียดแทนลูก

แทนที่จะใช้ข้อสอบที่เป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งประเทศ ผมว่า... ไปปรับหลักสูตรให้เรียนเหมือนกันทั้งประเทศดีกว่ามั้ยครับ!!

โรงเรียนบ้านนอกคอกนา หรือจะมาเทียบกับเตรียมอุดมได้ จริงมั้ยครับ เรียนมาต่างกัน เหมือนเอาลูกเสือชาวบ้าน ไปออกรบพร้อมกับหน่วยซีล สุดท้ายใครจะรอดล่ะ

มันผิดมาตั้งแต่หัว..พอมาถึงหาง มันก็สายเสียแล้ว สุดท้าย..ออกมาเป็นขรี้!!!ล่ะครับ

การออกข้อสอบแบบนี้มันทำให้คิดวิเคราะห์แบบปลายปิดอ่ะครับ
แล้วการวิเคราะห์ปลายปิด มันไม่ได้สร้างสรรค์กับข้อสอบแนวนี้นะ
ถ้า a-net จะไม่เถียงเลยสาด

ความจริงมันควรจะถามเ้ยอะไรก็ได้ที่มันเกี่ยวกับตำราที่ให้ซื้ออ่าน ซื้อใช้ เรียนในห้องเรียน
เพราะนั่นก็ผ่านการวิเคราะห์ไตร่ตรองกับตำรามาขั้นหนึ่งอยู่แล้ว
ในห้องเรียน เป็นการวิเคราะห์ร่วมกันกับผู้สอนด้วย
ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนทางความคิด หรือ
อย่างน้อยๆไอที่เรียนมามันจะได้ไม่รกสมองไปเปล่าๆ

ทำไมยังให้ลำดับความสำคัญผิดกันอยู่เนี่ย...

1. นางสาวนิดเป็นคนสวยมาก จึงมีชายหนุ่มมาติดพันเธอหลายคน เธอชอบไปเที่ยวกลางคืน ต่อมานางสาวนิดท้องไม่มีพ่อ อยากทราบว่าทำไมนางสาวนิดถึงมีเพื่อนชายมาติดพัน
1. นิดสวยมาก
2. นิดมีอัธยาศัยดี
3. นิดปฏิเสธไม่เป็น
4. นิดชอบเที่ยวกลางคืน

ดร.สมพงษ์ จิตต์ระดับ แห่งคณะครุศาสตร์ จุฬา เลือกตอบข้อ 1. นิดสวยมาก

อาจารย์ให้เหตุผลว่าเพราะโจทย์กำหนดข้อมูลให้มาอย่างนั้น จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด

อาจารย์สมพงษ์ บอกว่าการทำข้อสอบเชิงวิเคราะห์นั้นต้องพยายามวิเคราะห์จากข้อมูลที่กำหนดมา

(นางสาวนิดเป็นคนสวยมาก จึงมีชายหนุ่มมาติดพันเธอหลายคน )อย่าใช้เหตุผลหรือความรู้สึกส่วนตัวตัดสิน

ดังนั้นถ้าคุณ toonynet ความคิดเห็นที่ 33 ถูก ดร.สมพงษ์ ก็ต้องผิด

ถามว่าถ้าคนระดับ PhD. ยังตอบผิด (หรืออาจถูก ซึ่งยังสรุปไม่ได้)แล้วเด็กมัธยมจะตอบได้อย่างไร

ปัญหาคือข้อสอบมันกำกวม ตรรกะไม่ชัดเจนจนไม่อาจวิเคราะห์ด้วยหลักเหตุผลได้อย่างแม่นยำ

.........จุดอ่อนของนักวิชาการไทยคือมักจะยึดติดหลักการหรือวิชาการที่ไปลอกของฝรั่งมา แต่ดันไปโง่กว่า

หลักการ เราจึงเห็นการประยุกต์ใช้หลักวิชาผิดๆ (misapplication)อยู่เสมอในทุกวงการ

กรณีของการออกข้อสอบเชิงวิเคราะห์นั้น ผู้ออกข้อสอบจะต้องฉลาดกว่าหลักการ อย่างที่คุณ buvb

ความคิดเห็นที่ 55 บอก จึงจะสามารถสร้าง สภาพการณ์สมมุติ (scenario)ให้นักเรียนได้ใช้ความสามารถ

ในการวิเคราะห์ได้อย่างถูกต้องแม่นยำ

ที่สำคัญต้องอย่าลืมว่าหัวใจของการสอบในระดับนี้คือการวัดความรู้ของนักเรียน ถ้าผู้ออกข้อสอบตีโจทย์ไม่แตก

ตั้งแต่ต้น ข้อสอบก็จะไม่สามารถวัดความรู้ใดๆได้เลย

จึงไม่เป็นธรรมอย่างยิ่งต่อนักเรียนทั้งประเทศที่คาดหวังว่าพวกเขาจะได้รับการทดสอบความรู้ที่อุตส่าห์ศึกษาเรียนรู้

มาอย่างยากลำบาก สุดท้ายกลายมาเป็นเพียงหนูลองยาของนักวิชาการไร้เดียงสาเท่านั้น

สงสารครู เจอนักวิชาเกินห่วยแตก

คุณ idiot savant ครับ คุณวิเคราะห์และให้เหตุผลได้ทะลุปรุโปร่งมากเลยครับ นับถือๆ และถ้าให้ผมเป็นคนตอบข้อสอบข้อนี้ ผมก็จะตอบ ก. นิดสวยมาก เช่นกันครับ วิเคราะห์เช่นเดียวกันครับ

ถามแบบนี้ เหมือนกับคำถามที่ครูผมเคยถามว่า...เดือนอะไรคนในโลกหัวเราะน้อยที่สุด นั่นแหละครับ
(เฉลย..เดือนกุมภาพันธ์ เพราะมีจำนวนวันน้อยที่สุด)ซึ่งมันเป็นตรรกกะที่ห่วยแตกมากเลยครับ

#57 ครับ รู้สึกคำสอบข้อนั้นเขาให้ถูกทุกข้อครับ

คือไม่ว่าจะตอบข้อไหนก็ถูกหมด
สาเหตุมาจาก เมื่อก่อนคำตอบคือ สีแดง
ดูจากวาเลนไทน์มั้ง การให้ดอกกุหลาบ (บรรทัดนี้ผมเดา)

แต่ปัจจุบัน มีการสรรหาคำอธิบายสีต่างๆ ออกมาหมด เลยทำให้ไม่ว่าข้อไหนก็ถูกทั้งนั้นครับ

idiot savant
วิเครา์ห์ได้เยี่ยมเลยครับ

\"จุดอ่อนของนักวิชาการไทยคือมักจะยึดติดหลักการหรือวิชาการที่ไปลอกของฝรั่งมา แต่ดันไปโง่กว่าหลักการ\"

ผมว่าเมื่อไหร่ที่พวกท่านๆคิดได้เรื่องผมทรงนักเรียน
นั้นแหละ ถึงจุดเปลี่ยนของวงการการศึกษาไทยสักที

คนที่มีอำนาจกำหนดนโยบาย ไม่ว่าในวงการไหน มักจะไร้ปัญญา

ขอบคุณ burst ที่โพสท์กระทู้นี้ ทำให้วัยรุ่นไทยได้ใช้ความคิดมาถกเหตุผลกัน
แทนที่จะคุยกันแต่เรื่อง gadget หรือเรื่องเพลงเท่านั้น

อยากให้เว็พมั่นคงมีกระทู้ดีๆอย่างนี้มากขึ้น

ผมว่าข้อสอบพวกนี้ดีนะครับ และอยากให้ทำออกมาให้เด็กๆๆ ไทยทำกันเยอะๆ แต่ อยากให้ทำแบบไม่วัดคะแนนน่ะครับ ให้วัดอีคิวพอ
ข้อสอบพวกนี้ให้เด็กได้วิเคราะห์จริง มีประโยชน์มาก แต่ถ้าจะเอามาวัดว่าข้อไหนถูกที่สุด และคิดคะแนนจริงจัง อย่างในการสอบโอเน็ต เด็กเครียยยยยดดด ครับ

กรรมของตู เจอข้อสอบแบบนี้

ข้อสอบโอเนตฉบับจริงทุกข้อ

http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X8946396/X8946396.html

ผมก็ตอบข้อ 1 อยุ่เหมือนกัน ไล่อ่านมาเรื่ิอยๆ ว่าใครคิดเหมือนผม

ได้เพื่อนที่คิดเหมือนกันจนได้ ^ ^

คห 91 สุดยอดมากๆ

ขอบคุณคุณ POOM คห. 97 ด้วยเช่นกัน คือผมทำงานเป็นสื่อมวลชนด้วยน่ะครับ ประกอบกับพ่อกับแม่เป็นครูชำนาญการด้วย น้องสาวกับน้องชายก็เป็นครูเช่นกัน แถมเป็นครูต่างจังหวัดเสียด้วย เลยได้เห็นแวดวงการศึกษามาตั้งแต่เด็กๆ เห็นความงี่เง่าในวงการการศึกษาหลายๆด้าน พอมาเจอข่าวข้อสอบห่วยแตก มันเลยของขึ้นน่ะครับ...อยากไปออกรายการเถียงกับคนออกข้อสอบจังเลย

No Comment

http://forum.munkonggadget.com/detail.php?id=27207

เฮ้อ....ดูรายการวู้ดดี้เมื่อกี้คนออกข้อสอบบอกว่าฝ่ายที่ผิดคือคนออกหลักสูตรคือกระทรวงศึกษาฯ ...ที่ไม่สอนเด็กตามหลักสูตร ถ้าคนระดับหัวหน้าฯคิดได้แค่นี้ก็แสดงว่าเป็นความคิดที่มีผลต่อเนื่องมาจากหลักสูตรการเรียนเมื่อสมัยก่อนละมั้งครับ.....แต่ใครจะผิดจะถูกก็ค่อยมาว่ากันด้วยเหตุด้วยผลจะดีกว่า....แต่เคยคิดบ้างมั้ยว่า \"ผลของการกระทำ\"มันไปตกอยู่กับใคร ...ก็กับลูกหลานเรา เด็กๆ ที่สอบไปในคราวนี้ซึ่งจะส่งผลติดตัวตลอดไปในระบบการศึกษาของประเทศเราไงละครับ....หรือจะมีใครมายืนยันได้มั้ยละว่าจะใช้ระบบการวัดผล/การออกข้อสอบแบบนี้ไปอีกซักกี่ปี ไม่ใช่ว่าทำกันปีสองปีก็เลิกกันไป...เนี่ยน้าระบบการศึกษาของไทยเรา...น่าห่วงครับ...

สวัสดีครับคุณ jane

ผมก็ดูอยู่ตอนแรกๆ ทนฟังต่อไม่ได้ สรุปก็คือโบ้ยคนอื่นต่อนั่นแหละเนอะ ผมชอบที่เด็กคนนึงเค้าพูดว่า มองไม่เห็นอนาคต ที่จะเห็นตัวเองใส่ชุดครุยรับปริญญาเลย...ฟังแล้วอดสูแทนครับ ผู้ใหญ่รังแกเด็ก!

ล่าสุด เจ๊เนี่ย..เค้ายืนยันจะใช้ข้อสอบแบบนี้อีกในปีหน้านะครับ..โปรดทราบ แม่เจ้าเว้ย!!!

ตามไปดูเจ๊ ศ.ดร.อุทุมพร จามร \"มาร\" ผอ.สถาบันทดสอบการศึกษาแห่งชาติ ฟังเค้าแก้ตัวน้ำขุ่นๆกัน แล้วฟังเด็กๆ ด้วยนะครับ


http://www.youtube.com/watch?v=gHBqQ4I_OmE

จัดไปครบๆ

Part 2 :
http://www.youtube.com/watch?v=1PTCy7RnKuk
Part 3 : (ตอนนี้มันมาก...วู้ดดี้ลองทำข้อสอบเอง ยังได้แค่ 17 เต็ม 50 อาจารย์แมร่งอึ้งงงง ตอบไม่ถูก)
http://www.youtube.com/watch?v=o666BQAhuD0
Part 4 : (เถียงกันเรื่องข้อสอบกีฬา)
http://www.youtube.com/watch?v=qlk5JITnsB8
Part 5 : บทสรุปนักเรียนถามกลับ
http://www.youtube.com/watch?v=cEDIOeHsYuo

ส่วนนี่...เป็นการเฉลยข้อสอบจากสถาบัน

http://www.youtube.com/watch?v=CszuPzgmLrA&feature=related

ความโง่ขององค์กร

เคยสงสัยใหมว่าทำไมองค์กรที่เต็มไปด้วยนักวิชาการที่จบการศึกษาระดับสูงมากมาย

ถึงได้สร้างผลงานอันไร้ปัญญา ที่โง่เง่าอย่างเหลือเชื่อ

ปรากฏการณ์ดังกล่าวนี้เป็นผลมาจากสิ่งที่เรียกว่า \"ความโง่ขององค์กร \"

ความโง่ขององค์กร เกิดจากการระบาดของเชื้อโง่ที่แผ่ซ่านจากบนลงล่างตามสายการบังคับบัญชา

ผู้มีอำนาจสูงสุดในองค์กรซึ่งมักจะเป็นผู้กำหนดนโยบายขององค์กร ส่วนใหญ่มักได้ตำแหน่งมาด้วยวิธีการ

ทางการเมืองในองค์กรหลายๆรูปแบบ ไม่ใช่ได้มาเพราะสติปัญญา หรือความรู้ความสามารถ

จึงทำให้องค์กรถูกปกคลุมด้วยบรรยากาศของความโง่ คนในองค์กรจึงค่อยๆซึมซับความโง่เข้าไป

โดยไม่รู้ตัวผ่านการสื่อสารแลกเปลี่ยนข้อมูลภายใน

วิธีคิดและระบบการให้เหตุผล(ตรรกะ)ของสมาชิกในองค์กรก็จะมีลักษณะสอดคล้องกับ

ภูมิปัญญาขององค์กร คือยอมรับนับถือแต่หลักเหตุผลที่ตนคุ้นเคยของคนในองค์กรเดียวกัน

วนๆอยู่อย่างนั้น (cyclical logic)โดยไม่เปิดหูเปิดตาดูว่าคนภายนอกองค์กรเขาคิดอย่างไร

บรรยากาศดังกล่าวนี้ทำให้แม้แต่คนฉลาดๆเองก็จะมองไม่เห็นความโง่ของตนและขององค์กร

เหมือนดั่งปลาที่มองไม่เห็นน้ำ

ที่พูดมานี้ไม่ได้ต้องการจะหมายถึงองค์กรใดองค์กรหนึ่ง เพราะมันเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับ

องค์กรของรัฐและเอกชนแทบทุกองค์กร

คุณ burst ทำงานสื่อด้านไหนครับ

ผมเองก็เคยทำรายการโทรทัศน์ที่ช่องของรัฐแห่งหนึ่ง
ผมว่าปัญหาของวงการศึกษาทุกวันนี้ก็มมีสาเหตุส่วนหนึ่งด้วยเหมือนกัน
คุณ burst มีความคิดเห็นอย่างไรครับ

ขอโทษครับ พิมพ์ผิด

คุณ burst ทำงานสื่อด้านไหนครับ

ผมเองก็เคยทำรายการโทรทัศน์ที่ช่องของรัฐแห่งหนึ่ง
ผมว่าปัญหาของวงการศึกษาทุกวันนี้สื่อก็เป็นสาเหตุส่วนหนึ่งด้วยเหมือนกัน
คุณ burst มีความคิดเห็นอย่างไรครับ

หนังสือพิมพ์ครับผม เคยไปจัดรายการโทรทัศน์ทางเคเบิ้ลอยู่ช่วงหนึ่งครับ แต่ตอนนี้ก็ข้องเกี่ยวกับการศึกษาพอสมควร พอดีทำข่าวเกี่ยวกับธุรกิจ และหน่วยงานราชการด้วยครับ

onet ยังไม่จบ

http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X8958621/X8958621.html

http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X8959242/X8959242.html

ตัดมาจาก http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X8958621/X8958621.html


ดูรายการของ @woodytalk จบแล้วนึกอุตริส่งจดหมายไปถาม นก - นพวรรณ เลิศชีวกานต์ ในฐานะนักเทนนิสที่เป็นตัวอย่างในคำถาม หนึ่งในข้อที่เป็นปัญหา ที่ว่า

นพ วรรณ เลิศชีวกานต์ หรือ น้องนก เป็นนักเทนนิสเยาวชนหญิงอายุ 17 ปี จากจังหวัดเชียงใหม่ เธอประสบความสำเร็จในการเล่นกีฬาเทนนิสเป็นอย่างสูงเมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2552 ที่ผ่านมา น้องนกได้ตำแหน่งชนะเลิศหญิงเดี่ยวและหญิงคู่มาครอง ในการแข่งขันเทนนิสเยาวชน วิมเบิลดันที่ประเทศอังกฤษ ความสำเร็จในครั้งนี้ เป็นผลมาจากการทำงานอย่างหนักของผู้ฝึกสอนชาว อเมริกัน ชื่อ ฌักส์ คริส เขาได้ทุ่มเททั้งกายใจ ปละเวลาในการฝึกสอนให้น้องนกได้พัฒนา คุณลักษณะที่สำคัญของนักเทนนิส ที่ดีในด้านสุขภาพทางกาย การแสดงทักษะความสามารถ และความมีน้ำใจนักกีฬา

คำถาม
น้อง นก จะเครียดภายใต้สถานการณ์ใด

1.ผู้ตัดสินไม่เป็น ธรรม
2.ถูกคาดหวังกับผลการแข่งขัน
3.โค้ชฝึกซ้อมหนัก
4.ความสำคัญ ของการแข่งขัน

ผม email ไปถาม ทันทีที่รายการ "วู้ดดี้เกิดมาคุย" จบ ไม่น่าเชื่อว่า สายๆวันนี้ นก-นพวรรณ ตอบคำถามผมกลับมาด้วยครับ

คำตอบ ของน้องนก ที่ผมโฟกัสไปคือข้อข้างบน ที่นก-นพวรรณ ตอบ 2)ถูกคาดหวังกับผล การแข่งขัน ตรงข้ามกับคำเฉลยที่บอกว่า ตอบ 4)ความสำคัญของการ แข่งขัน จาก อาจารย์อุทุมพร สรุปคือข้อสอบโอเน็ทข้อนี้ เอาไปถามเจ้าตัวเองยังตอบผิด

credit: http://blog.noppatjak.com/2010/03/blog-post_08.html


นพวรรณ เลิศชีวกานต์ มาเฉลยแล้ว

http://www.oknation.net/blog/swongviggit/2010/03/08/entry-3

ผมส่าเรื่องมันปานปลายใหญ่โตไปกันใหญ่แล้ว
กระทรวงหรือทางผู้ใหญ่ big big
น่าจะเข้ามาดูแลจริงๆได้แล้วนะครับ

โดยส่วนตัว
หลังจาก รับข่าว + ดูรายการ woddy + อ่านข้อสอบฉับบจริง
ผมว่า

-ข้อสอบฉบับจริงไม่เลวร้ายมากเหมือนที่เอามาพูดกัน(แต่ก็ยังใช่ไม่ได้อยู่ดี)
-อาจารย์มีแนวคิดที่ดีนะ แต่ข้อสอบ16ข้อนั้นมันใช้ไม่ได้จริง
-แกน่าจะยอมรับว่าตัวข้อสอบมันไม่ดี มีช่องว่าเยอะมาก ไม่น่าจะแถเลย
-การยอมรับผิดและหาทางแก้ไขน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด

เห็นใจน้องๆจริงๆ

ขอบคุณในข้อมูลครับ ใครมีอะไรจะเพิ่มก็เชิญนะครับ เพื่อเด็กๆ ของเราครับ

ตอนนี้..มันไปไกล ถึงขั้นมีคนคิดจะเอา GT200 มาช่วยทำข้อสอบแล้วครับ

ผมเองแหละ

ที่อยู่ในห้องสอบปีนี้

ทำมาหมดทุกวิชา T T

น้องไข้หวัดนก...เล่าความรู้สึกให้พี่ฟังหน่อย

ผลสอบ ONET ออกแล้ว

ปรากฏว่ามีหลายวิชาที่ข้อสอบมีปัญหา คะแนนเฉลี่ยลดลงอย่างเห็นได้ชัด

พิสูจน์ให้เห็นถึงความห่วยแตกของข้อสอบ

กำลังมีข้อถกเถียงกันต่อไป ก็หาผลสรุปกันไปไม่รู้จบแหละครับ สำคัญตรง...ปัดความรับผิดชอบกันหมดเช่นเคย

...เซ้งๆ ก็หยิบหูฟังมาฟังเพลง..มหาลัย...ของคาราบาวซะงั้น....

ระบบEntแบบเก่าดีสุดแล้ว

มีเรื่องที่ผมไม่ค่อยเห็นด้วยกัเจ้าของกระทู้ (ตามความเห็นที่ 89) เนื่องจากปัจจุบันผมเข้าใจว่าหลักสูตรนั้นเหมือนกันอยู่แล้ว โดยมีการกำหนดไว้ว่านักเรียนต้องเรียวิชาแกนอะไรบ้างและสามารถเลือกวิชาอะไรได้บ้าง เช่น เด็กสายวิทย์และสายศิลป์ก็มีวิชาที่เรียนเหมือนกันและมีวิชาที่เรียนต่างกัน เป็นต้น ส่วนข้อสอบที่เป็นมาตรฐานเดียวกันนั้นประเทศไทยใช้ระบบนี้มาหลายรูปแบบแล้ว เช่น สมัยก่อนจะมีระบบที่เด็กที่จะจบมัธยมหกจะต้องสอบข้อสอบกลางของประเทศ (ซึ่งถ้าดูประวัตินักวิชาการหลายๆ ท่านที่บอกว่าสอบได้ที่หนึ่งของประเทศไทยก็มาจากระบบนี้) เป็นต้น

ส่วนที่ผมเห็นด้วยก็คือเด็กต่างจังหวัดคงทำข้อสอบสู้เด็กเตรียมไม่ได้ แต่คงต้องดูกันให้ลึกหน่อยครับว่าเราควรจะเปรียบเทียบหรือไม่ ส่วนตัวผมว่าไม่ควรเปรียบเทียบกัน เนื่องจากพื้นฐานของเด็กสองกลุ่มนี้ต่างกันมาก ทั้งฐานะทางเศรษฐกิจ สังคม รวมถึงความจริงที่ว่าเด็กโรงเรียนเตรียมนั้นถูกคัดกรองมาแล้วรอบนึง

จริงๆ ผมค่อนข้างเห็นด้วยกับข้อสอบแนวๆ นี้ เพราะเห็นการวิเคราะห์มากกว่าท่องจำและผมก็ไม่รู้สึกแปลกที่อาจารย์สมพงษ์และหลายๆ ท่านจะวิเคราะห์ไม่ตรงกับคำตอบ เนื่องจากพื้นฐานทางความคิดไม่เหมือนกัน อย่างไรก็ตาม ผมก็เห็นว่าอาจารย์อุทุมพรให้ความเห็นในเรื่องนี้ไม่ค่อยดี และยังต้องปรับปรุงข้อคำถามอีกมาก

ส่วนเรื่องที่ว่าการศึกษาไทยแย่เพราะผู้ใหญ่ๆ นั้น จริงๆ ผมว่าเราทุกคนก็มีส่วนนะครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามองย้อนกลับไปว่าก่อนจะมีเหตุการณ์นี้ขึ้นเราได้มีส่วนอะไรที่ทำให้การศึกษาไทยดีขึ้นหรือไม่ ผมรู้สึกว่ากระแสเรื่องนี้มาเป็นช่วงๆ วิพากษ์วิจารณ์กันเสร็จ (ส่วนใหญ่โดยไม่มีข้อแนะนำว่าควรปรับปรุงอย่างไร) แล้วก็เงียบหายไปอีกหนึ่งปี

ลองแลกเปลี่ยนความเห็นกันดูนะครับ

^
^
^
ดีครับดี ยินดีรับฟังความเห็นที่แตกต่าง จริงๆ ประเทศชาติเราควรมีคนอย่างคุณมากๆครับ แต่อย่างไร ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาก็ยังมีอยู่ดี ถึงจะมีวิชาแกนกำหนดไว้...

แต่ที่สำคัญมากกกกกกก... ก็คือหลักสูตรที่กำหนดให้เด็กเรียนนั้น มันมีสิ่งที่เด็ก \"ควรรู้\" แค่ไหน และ \"ไม่จำเป็นต้องรู้\" แค่ไหน

และสำหรับการให้ข้อแนะนำนั้น พ่อกับแม่ผมที่เป็นครูชำนาญการก็ได้พยายามแล้วครับ แต่เสียงจิ้งหรีดจำนวนน้อยมันดังสู้เสียงเสือ เสียงช้าง ที่ยิ่งใหญ่และมีอิทธิพลไม่ได้หรอกครับ วงการนี้...ไม่แพ้วงการตำรวจเลย เส้นสายมันยุ่บยั่บไปหมด

ก็ฝากไว้สำหรับการปรับปรุงครั้งต่อไปของวงการการศึกษาไทยนะครับ และยินดีมากที่มีความคิดเห็นที่แตกต่างอย่างมีเหตุมีผลครับ

http://www.youtube.com/watch?v=4FlHY85hylU
\"ดอกเตอร์เลยทีเดียว\" ชอบคำนี้จัง

เด็กแถวบ้านผมมันก็มาบ่นเรื่องนี้เหมือนกันตอนแรกเอาคำถามมาถามผมผมยังงงเลย อำกุป่าวเนี่ย
ได้ดูข่าวก็อึ้งไปเลย

can also offer 42 hours of power reserve http://www.watchesbin.com/rolex-watches.html>replica rolex watches more lasting You need not to be as troubled about http://www.watchesdoc.com/vacheron_constantin-watches.html>vacheron constantin cartier libre watches helping Canadians keep time since 1999 Today http://www.watchesbin.com/omega-watches.html>fake omega tag heuer formula watches moving diamonds accentuate the laid back feeling http://www.watchesbin.com/tag_heuer-watches.html>replica tag fake tissot watches your watch will be returned f Once the deal is http://www.watchesbin.com/romain_jerome-watches.html>romain jerome limited lifetime warranty It also has the basic http://www.watchesun.com/>replica watches fact that they are watch manufacturers They do http://www.watchesbin.com/rado-watches.html>rado First its a G Shock meaning that functionally http://www.watchesdoc.com/cartier-watches.html>cartier which you push in right here This forces up the http://www.watchesun.com/cartier-watches.html>cartier extremely important for the new products The http://www.everywatches.com/cartier-watches.html>fake cartier significant improvement over the older Oysterlock replica patek philippe watches http://www.watchesbin.com/>replica watch water resistant to only 30 meters These fabulous http://www.watchesun.com/rolex-watches.html>rolex tluminor gmt watches centre which agreed to cover his training as well http://www.everywatches.com/breitling-watches.html>breitling online all of them luxurious and with unique http://www.watchesun.com/cartier-watches.html>cartier replica and the astute and uber luxurious Ermeto line.

louis vuitton travel replica http://www.fibags.com/chanelhandbags.html>chanel handbags appearance Youll find lines http://www.fibags.com/>louis vuitton later I would like to make the http://www.fibags.com/coach_tote_bag.html>coach tote replica louis vuitton mens wallet.

คำถามอย่างงี้...ใครคิดฟะเนี่ย

ปีนี้ผมเอ็นท์อีกตะหาก T^T

Dissemination of how to make your hair a healthy atmosphere, GHD Australia professional specifically for your use hair straightener,ghd Straightener,ghd hair and ghd Hair Straightener to help you repair your hair,In addition the company in New Zealand GHD NZ also provide the same products ghd hair,ghd Straighteners and hair straighteners,We guarantee that our ghd Hair Straighteners good quality and cheap price.By the way,have you heard golf for sale,discount golf clubs,golf clubs for sale and ladies golf club?yes,our business partners callaway golf clubs offer price reduction is being,While the focus we recommend that you look more out of exercise to maintain a healthy body, ping golf clubs is a perfect sport, if you need any left handed golf clubs,taylor made golf clubs and golf club drivers,weclome to our discount golf store to buy what you need like Golf Balls.
Our company also offers the following services like Golf Equipment,TaylorMade Golf,Golf Irons,Callaway Golf,Golf Fairway Woods and Hybrid Golf Clubs,If you like Titleist Golf or Golf Wedges,please check our Golf Putters web,You can enjoy the best prices of Mizuno Golf,Golf Bags,Ping Golf,Golf Set,We sincerely recommend that you use these products, after years of marketing experience we guarantee that you will be wise choice,It includes:Taylor made irons,Callaway clubs,golf for sale,wholesale golf,golf for wholesale and golf for discount,Callaway club,edit by 英文seo,Other movie Web:动漫网站