กี่โมง ช่อนไหนคับ จะดูคนโดนโขกสับ 555555 สะจายว้อย

สี่ ทุ่มกว่าาา ช่อง 9

ครับบ !!

ชนกะบอลเปล่าหว่า 555

ฮึ ฮึ !!!!

อยากรู้เหมือนกันว่าป้าแกจะตอบคำถามอย่างไร แถไปได้ขนาดไหน

ตอน 00.12 น.
กำลังหลับอยู่ ลูกมาปลุก บอกว่าปวดหัวมาก

ลูกจะต้องไปสอบ GAT PAT วันนี้ 8 โมง
เขาก็เลยอ่านหนังสือตั้งแต่หัวค่ำแล้ว (ที่จริงก็อ่านมาตลอดนั่นแหละ)

ก็หายาแก้ปวดให้กิน แล้วให้ไปนอน จะได้ตื่นไปสอบได้
7 โมง ไปดูเขาอีกที
ถามว่าไปสอบไหวใหม
\\\"ไปไม่ไหว\\\" ลูก
ดูท่าทางแย่จริงๆ
จนตอนนี้ยังปวดหัว นอนซมอยู่เลย
ไม่อยากโทษว่ามันเครียดจากการสอบ การอ่านหนังสือ แต่ก้อดคิดไม่ได้

วันก่อนๆ วันที่ O-NET ผ่านการสอบกันมาใหม่ๆ
ได้ฟังใครหลายๆคน ออกมาพูด
รายการทีวี ก็ออกเรื่องนี้
หนังสือก็อีกหลายฉบับ
ป้าคนนี้ออกมาพูด
ผมได้แต่กล้ำกลืนความรู้สึกไว้ ไม่พูด ไม่แสดงความเห็นอะไร
เดี๋ยวจะหาว่าอย่างโน้นอย่างนี้
จนมาเจอกระทู้นี้
ขอแสดงออกบ้างเถอะ

ทั้งหลายทั้งปวงที่เกิดขึ้นเพราะผู้บริหารการศึกาาของบ้านเราขาดความสามารถที่แท้จริง
ได้ยินบางคนบอกว่าการออกข้อสอบมันลำบากขึ้นทุกวัน เพราะเด็กมันรู้ข้อสอบเก่าๆ
บ้างก็บอกว่า ต้องการพัฒนาการเรียนรู้ของเด็กปัจจุบัน (โดยมีสมมุติฐานว่าเด็กปัจจุบันด้อยคุณภาพกว่าแต่ก่อน) จะได้ไม่ต้องไปกวดวิชา (แต่เด็กมากกว่า 70-80% ต้องกวาดวิชา .. มากกว่าแต่ก่อนเสียอีก)
อย่างนี้เป็นต้น
ก็เลยค้นคิดวิธีการต่างๆนานา เพื่อจะให้ เด็กทำข้อสอบได้น้อยลง
โดยลืมนึกไปปว่า นี้เป็นการสอบแข็งขันคัดเลือก ซึ่ง ไม่ว่าเด็กจะทำข้อสอบได้คะแนนมากหรือน้อย จำนวนคนที่จะต้องคัดเลือกก็ยังเป็นเท่าเดิม ต่อให้เด็ก(ส่วนมาก)ทำคะแนนได้ เก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ หรือจะทำได้แค่ หกสิบเปอร์เซ็นต์ จำนวนคนคัดเลือกก็ยังคงไม่แปรเปลี่ยนไป ถ้าต้องการคัดเลือกเอาคน 1000 คน อย่างไรก็เป็นแค่ 1000 คน (-+ก็คงได้อีกนิดหน่อย) ไม่ว่าเด็กจะทำได้มากหรือน้อย
นี้เป็นเพียงหนึ่งของอีกหลายประเด็นที่กล่าวอ้างกันมา ซึ่งคงจะกล่าวในที่นี่ได้ไม่ครบทั้งหมด

ผลของการใช้ระบบใหม่ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า ล้มเหลว ไม่ได้รับการยอมรับ
มหาวิทยาลัยจำนวนหลายๆแห่งจัดการสอบเอง เพราะไม่เชื่อถือวิธีการสอบกลาง (แล้วยังจะตะเบงไปทำไม)
สุดท้ายก็มีข่าวว่าวิธีการสอบในปีนี้ จะใช้เพียงปีเดียว
ปีหน้าจะเปลี่ยน (อีกแล้ว .. เด็กเป็นหนูตะเภาให้ทดลองวิชาการ ที่ ผู้ใหญ่ คิดว่า ดี)
โอ้!!!! อนาถใจ การศึกษาของไทยเรา ที่มีผู้จบด๊อกเตอร์(จากนอก)เป็นเข็งๆ บริหารกันอยู่ แต่ขาดคุณภาพอย่างสิ้นเชิง
แล้วอย่างนี้จะหวังอะไร
แล้วจะโทษเด็กไปทำไม

มีคำกลอนที่พอจำได้ว่า

โทษคนอื่นมองเห็นเช่นภูเขา โทษของเรามองเห็นเช่นเส้นขน
ตดคนอื่นเหม็นเบื่อเราเหลือทน ตดของตนทนเหม็นไม่เป็นไร

เอาอีก

ก่อนสอบ O-NET ประมาณสักร่วมๆเดือน
ลูกมาคุยให้ฟังว่า
คำตอบ 8 ตัวเลือก เขาได้ทดลองทำมาเป็นจำนวนมากนับเป็นร้อยๆข้อ
จนคิดว่า ok ระดับหนึ่ง
ไิอ้เราก้คิดว่า
เออ..สมัยเรา 4 ตัวเลือก ก็ขี้หดตดหายแล้ว
นี่มันตั้ง 8 ตัวเลือก แถมถูกอีกตั้ง 3 ตัวเลือก ให้เลือกที่ถูกที่สุด
.. คนออกสอบมันเก่งวะ คิดได้อย่างไรนี่ เอาอะไรคิด ..
แต่ก็ไม่กังวล ก็ลูกมันบอกว่า ทดลองทำมาเป็นร้อนๆข้อ แล้วนี่

อยู่มา...
ก่อนวันสอบไม่ถึงสัปดาห์
ลูกมาบอกว่า
เขาเปลี่ยนแนวการสอบใหม่แล้ว
มีคำตอบ 16 ตัวเลือก แบ่งเป็น 2-3-4 กลุ่มคำตอบ
ต้องตอบได้ทุกกลุ่มคำตอบถึงจะได้คะแนน
โอ้!!!!!!!!!!!
.. คนออกสอบมันเก่งวะ (เก่งกว่าข้างบนอีกแหนะ) คิดได้อย่างไรนี่ เอาอะไรคิด ..
แต่ลูกบอกว่ายังไม่แน่นอน ต้องดูวันสอบ
ก็เลยถามลูกว่า เคยทำไอ้แบบใหม่ที่ว่านี่หรือยัง
ลูกบอกว่า ยัง มันไม่มีตัวอย่างให้ทดลองทำ
(ก็คงรู้ว่าทำไม .. ก็เล่นมาเปลี่ยนก่อนสอบไม่กี่วัน)
(ลูกเรียนพิเศษมาตลอด ก็เลยได้รู้เรื่องก่อนคนอื่นๆเขา หลายๆคน .. ถ้าไม่เรียนพิเศษ คงโง่กว่านี้อีกมั้ง)
ก็ได้แต่รำพึงรำพันกับตัวเองว่า กรรม กรรม กรรม ลูกเอ้ย ดันเกิดมาในยุคสมัยนี้ กรรมของเอง

สอบ O-NET เสร็จ
ลูกกลับมาคุยเรื่องสอบ (ก็อย่างที่รู้ๆนั่นแหละ)
ค่ำๆ ทีวีก็เอามาออกข่าว
ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องก็ออกมาสาธยาย อย่างภาคภูมิใจในการวีระกรรมครั้งนี้
ไอ้เรากับลูก ได้แต่นั่งด่าเป็นระยะที่เขาออกมาลอยหน้าลอยตา
จากวัน เป็นสองวัน 3-4 วัน
สุดท้ายจนชินไปเอง เลิกด่าแล้ว

กรรมยังไม่หมด
พอได้ข่าวนี้
สติแตกทันที
สติเคยดี เคยคุมได้ แตกไม่มีชิ้นดี

โถ..ยังมีหน้ามาตอบคำถามอะไรอีก
มันพังไปแล้ว
พังตั้งแต่พวกท่านเขามาคุมการศึกษาของชาติแล้ว
จะว่าไป มันพังตั้งแต่พวกท่านเกิดมาแล้วหละ

ที่ว่าป้าแกจะโดนสับเละเนี่ยผมว่างานนี้มีลุ้นฮะ

เห็นป๊าแกตอบคำถามทีดูเย็นชา ธรรมดาๆ แต่บาดลึกมากกก

กลัวว่าจะกลายป่้าแกเป็นคนสับเองนี่สิครับ

สงสารน้องๆ T T

ถึงคุณ iNY

ผมเข้าใจครับความรู้สึกของคนป็นพ่อ

(ถึงยังไม่เคยเป็นพ่อคนก็เหอะ ฮ่า ๆ)

แต่ทำอย่างไรได้ล่ะครับบ ในเมื่อมันเป็นอย่างงี้แล้วสำหรับปีนี้

ถ้ามองแบบวิทยาศาสตร์ ก็คือ

เมื่อเราควบคุมปัจจัยภายนอกไม่ได้

ปัจจัยภายนอกในเรื่องนี้ได้แก่ คุณป้าอุทุมพร ดร.ทั้งหลายที่คิดระบบนี้

เราต้องหันมาควบคุมปัจจัยภายในครับ

ได้แก่ การให้กำลังใจลูกอย่างสม่ำเสมออ การที่ไม่กดดันเค้าจนเกินไป

ตอนผมสอบ O-net พ่อพูดกับผมคำพูดนึงว่า

\"พรุ่งนี้ไปสอบแล้วทำให้เต็มที่ไม่ต้องกดดันอะไร

ถ้าเราทำเต็มที่แล้วถึงจะไม่ติด ก็ช่างมันถือว่าเราทำเต็มที่แล้ว พ่อเชื่อมั่นในตัวลูกนะ \"

แค่คำพูดสั้นๆง่ายๆ ของพ่อเพียงแค่นี้ เชื่อป่ะครับว่า

ผมลดแรงกดดันได้อย่างมาก พร้อมกับได้รับกำลังใจอย่างมหาศาลเช่นกัน

สำหรับปัจจัยภายนอก ผมอยากให้ติดตามข่าวสารบ้าง

วิพากษ์ วิจารณ์ได้ แต่อย่าให้มันเครียดดจนเกินไป

จนกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต

การให้กำลังใจกันในครอบครัวนี่แหละครับ สำคัญที่สุด !!!

ผมก็ไมทราบเค้าจะเปลี่ยนกันทำไมบ่อยๆๆ

ตอนระบบ เอนทรานส์ ดีอยู่แล้วก็เปลี่ยนมันซะ - -

ผมว่าสอบแบบเดิมๆก็โอเคอยุ่แล้วนะ แค่ปรับอะไรเล้กๆน้อยๆก็พอ

ตอนผม สอบ Ent เครียดมาก

เจอ ผู้หญิง ที่นั่งข้างหน้า มันดีดชั้นใน รบกวน สมาธิ หมด เลย 55+

จะรอดูขอรับ ว่า ท่านวู้ดดี้เรียกมาคุย

จะยิงคำถามโดนๆ ซักกี่คำถาม

ปล. แอบเคืองอย่างรุนแรง

เห็นใจคุณ iNY มากครับ

ผมอาจมีอคติกับระบบ(ไม่ใช่คนนะครับ)การศึกษาของเรามากๆเพราะ
ผมไม่เห็นการพัฒนาของวงการนี้เลย

-เด็กยังต้องตัดผมทรงนักเรียน
ถ้ามันดีจริงจับคุณครูตัดทรงนี้กันทั้งประเทศไปเลยซิ
เด็กกี่คนแล้วที่เสียอนาคตเพราะต้องการแสดงออกจากการกดดันที่ไร้สาระพวกนี้

-เมื่อไหร่เด็กเราจะพูดภาษาอังกฤษกันได้สักที
คนไทยเสียเปรียบประเทศอื่นมากมาก โดยเฉพาะเมื่อคุณต้องเข้าทำงาน
ในองค์กรที่เป็น Inter\\\'

-เมื่อไหรมาตรฐานครูไทยจะดีขึ้นสักที
ลองจับครูมาทำข้อสอบ En\\\' ดูสิครับ
ผมว่าค่าเฉลี่ยของทั้งเทศน่าจะต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของนักเรียนทั้งโรงเรียนบางแห่งอีก

การที่เด็กมารวมตัวกันแสดงความคิดเห็นครั้งนี้
ถ้าทางผู้ใหญ่ลดอัตตาลง ฟังพวกเค้ามากๆ
น่าจะเป็นประโยชน์ของวงการนี้นะครับ

เรื่องตัดผมนี่ผมว่าผมเห็นด้วยนะครับ

คิดดูแค่ตัดผมเกรียนคุณยังทำไม่ได้แล้วในอนาคตคุณ

จะใช้ชีวิตให้ประสบความสำเร็จได้อย่างไร ผมว่าที่ว่าเสียอนาคตเพราะ

เรื่องนี้ไม่จริงหรอกครับ มันเป็นข้ออ้างของคนที่ไม่มีความสำนึกในหน้าที่แล้วความรับผิดชอบมากกว่า

อีกหน่อยคุณต้องเจออะไรที่มันกดดันมากกว่านี้เยอะแยะกับอีแค่ตัดผมทรงนักเรียนมันไม่เดือดร้อนหรอกครับ

ส่วนเรื่องอื่นๆ ผมเห็นด้วยกับคุณ Buvb ครับ

^
^

ขอแก้ไขประโยคแรกเป็น ไม่เห็นด้วยนะครับ - -*

ยินดีรับฟังความเห็นครับ
แตกต่างแต่ไม่แตกแยกนะ

ขอเสริมเรื่องตัดผมนิดนึงนะครับ
เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้วผมมีเพื่อนคนนึง
โดดเรียนเพราะไม่อยากโดยตรวจผม
(ม.ปลายโดนบังคับให้ตัดทรงนักเรียน)
มันเริ่มต้นเกเรจากตรงนี้แหละครับ
ก่อนหน้านี้ทำตัวปรกติดีทุกอย่าง

และผมว่าถ้าให้เด็กไว้ผมทรงอะไรก็ได้
การไว้ผมยาว หรือทรงแปลกๆ ก็จะไม่ใช่เรื่องเท่แต่อย่างใด
เหมือนตอนวัยรุ่นอยากสูบบุหรี่โชว์
พอโตขึ้น การสูบบุหรี่ใครๆก็ทำได้ ไม่ได้เท่แล้ว ก็หยุดกันไปเอง

หน้าที่ขอนักเรียนคือ
ตั้งใจเรียน มาเรียนทุกวัน ไม่โดดเรียน
สอบให้ผ่าน หาประการณ์ที่ดี ขัดเกลาจิตรใจให้เข้ากับสังคมได้

ไม่ใช่ต้องตัดผมเกรียนครับ
ไม่ใช่ทหารที่ต้องไปออกรบ
เอาเวลาที่มาตรวจผม มาเตรียมการสอนดีกว่าครับ

เมื่อวานดูแล้ว 555

ปัญหาเดิมๆของบ้านเราล่ะจ้า ไม่รู้จะแก้ยังไง

คนเก่งก็อ้างทฤษฎี คนปฏิบัติก็อ้างประสบการณ์

สองคนนี้ แน่นอนว่า ไม่ยอมคุยกัน

เด็กนั้น อยู่ตรงกลาง

...ซวยไป 555555

ถ้าข้อสอบชุดดังกล่าวเน้นการคิดวิเคราะห์จริงๆแล้วล่ะก็

ตัดข้อสอบจำพวก ที่ต้องใช้ความรู้พื้นฐานเช่นการตีเทนนิสออกไป ให้เหลือแต่วิเคราะห์ล้วนๆ

แล้วเอาให้ผู้บริหารระดับสูง มานั่งทำ

ผมว่า เราคงได้ตกใจกันทั้งประเทศล่ะคร้าบบบ 555555

เมื่อวานงงหน่อยนึง ตอน อ. ท่านให้คำตอบเกี่ยวกับคำถามเรื่องความเครียดของการเข้าแข่งขันเทนนิสของน้องนก

ผมว่าแกแถไปได้น้ำขุ่นๆเลยจริงๆ

ปัญหาถามว่า น้องนกจะเครียดกับเรื่องใดมากที่สุด

มีอะไรบ้างผมจำไม่ได้ละ ประมาณว่า ความใหญ่ของการแข่ง ความยุติธรรมของการตัดสิน อะไรอีกสองข้อไม่แน่ใจ

สุดท้ายถามว่า \"น้องนก\" จะเครียดกับเรื่องไหนมากที่สุด

คุณวู๊ดดี้เค้าถามว่า ได้ไปถามน้องนกจริงๆหรือเปล่า

อ.ท่านตอบว่า ไม่จำเป็นหรอกค่ะ เพราะนักกีฬาทุกคนมีแนวโน้มที่จะเครียดเรื่องเดียวกัน

คำตอบคือ ความใหญ่เล็กของการแข่งนั้นๆ


อ.ท่านตอบมาถึงประโยคนี้ ผมหัวเลาะลั่นเลย เพราะอะไรน่ะเหรอครับ เพราะแกมั่วน่ะสิครับ

...เพราะ ถ้า อ.ท่านจะอ้างว่า \"นักกีฬา\" ทุกคนมีแนวโน้มจะเครียดเรื่องเดียวกัน คำถามที่ควรถาม ต้องเป็น

...\"นักกีฬา\" มีแนวโน้มที่จะเครียดในเรื่องใดมากที่สุด ต่างหาก ไม่ใช่แทนคำว่า \"นักกีฬา\"ด้วยคำว่า \"น้องนก\"

เพราะเมื่อใช้คำว่า \"น้องนก\" มันมีโอกาสให้คิดไปได้ต่างๆนานา ว่า เอ..แล้วน้องนกเคยเจอผลการตัดสินที่ไม่เป็นธรรมหรือเปล่า น้องนกเคยอย่างนั้นอย่างนี้หรือเปล่า เพราะมันต้องวิเคราะห์ความเครียดของ \"น้องนก\" ซึ่งเป็นไปได้เยอะมาก ไม่ใช่วิเคราะห์ความเครียดของ \"นักกีฬา\"

เห็นได้ชัดว่า คำถามและการอธิบายคำตอบ ไม่ได้สัมพันธ์กัน



ที่ตลกก็คือ ตลอดรายการ อ.ท่าน ยืนยันในสิ่งที่ตัวเองทำมา ว่าถูกต้องอยู่แล้ว

แต่ตอนท้าย ดันบอกว่า

...แต่วิชาอื่นๆก็ไม่ได้มีปัญหา ไม่ใช่เหรอ มีปัญหาแค่ที่ยกตัวอย่างมา ซึ่งมันถือเป็นส่วนน้อยไม่ใช่หรือ



อ้าวว....ตกลงจะบอกว่า นี่คือสิ่งผิดพลาดเหรอ (ผมงงเลย) ไหนตอนต้นยังยืนยันอยู่เลย 5555

อีกอันนึง ที่น้องๆเค้ายกตัวอย่างว่า ข้อใดไม่เข้าพวก

golf(กอล์ฟ)

dart(ปาลูกดอก)

chese(หมากรุก)

yoca(โยคะ)

จะเห็นว่า มันจะตอบอะไรก็ได้ขึ้นอยู่กับเกณฑ์การจำแนก ซึ่งไม่ได้บอกมา

เช่น

ถ้าการจำแนกนั้น คือ สถานที่ในการเล่น

คำตอบอาจจะเป็นกอล์ฟ เพราะอื่นๆถือเป็นกีฬาในร่ม


แต่ถ้าการจำแนกคือ จำนวนผู้เล่น

คำตอบอาจจะเป็น หมากรุก เพราะอื่นๆ สามารถเล่นคนเดียวได้


หรือถ้าจำแนกด้วย อุปกรณ์การเล่น

คำตอบก็อาจจะเป็น โยคะ เพราะอื่นๆต้องมีอุปกรณ์ แต่โยคะไม่จำเป็น



เห็นมั้ยครับ บ้าไปแล้ว


ผมว่า บทสรุปของเรื่องนี้ก็คือว่า

ข้อสอบเชิงวิเคราะห์ ดีอยู่แล้ว และผมเชื่อว่าเด็กๆก็พร้อมจะวิเคราะห์

แต่ปัญหามันดันอยู่ที่เกณฑ์ในการวิเคราะห์ที่ให้มาเนี่ย มันชัดเจนมากพอหรือยังต่างหากล่ะครับ



อย่าแถ อย่าแก้ตัว กลับไปปรับปรุง สังคมยังให้อภัยล่ะเน่อ ท่านอ.อุทุมพร

อีกข้อได้มะ คันปากมากๆ
ที่ให้เลือกว่าควรเลือกคบเพื่อนแบบไหนอ่ะครับ

ยิ้มแย้มแจ่มใส

เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่

เอาใจเขามาใส่ใจเรา

พูดจาไพเราะ




ข้อหนึ่งกะสี่ตัดทิ้งได้ เพราะเป็นแค่การแสดงออกภายนอกซึ่ง สามารถเสแสร้งได้

เหลือสองข้อ

คำตอบที่ถูกต้องก็คือ เอาใจเขามาใส่ใจเรา

อ.ท่านให้เหตุผลว่า เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ อาจให้ด้วยจิตที่ไม่บริสุทธิ์อาจแสร้งให้

ดังนั้น คำตอบที่ถูกต้องจึงเป็นเอาใจเขามาใส่ใจเรา



ผมสะดุด ตรงที่ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ไหงมันสามารถเสแสร้งได้

เราน่าจะสามารถเสแสร้งได้ที่ \"กิริยา\" นั่นคือการ \"ให้\" ซึ่งเราสามารถ \"แสร้ง \"ให้\" ได้


แต่ \"เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่\" มันคือการ \"ให้\" ด้วยน้ำใจ ด้วยการแบ่งปันอย่างใจกว้าง


คนไทยเราใช้คำว่า \"เอืีอเฟื้อเผื่อแผ่\" เพื่อสื่อถึง การ \"ให้\" แบบที่เจตนาดี \"ให้\" ด้วยน้ำใจ

แต่เมื่อโดน ข้อแย้งประเภทที่ว่า ...ก็แสร้งเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่...ไงคะ

แล้วทำไม....ผมจะแสร้ง \"เอาใจเขามาใส่ใจเรา\" บ้างไม่ได้ล่ะครับ

รู้สึกประโยคนี้คุณวู๊ดดี้ก็ยิงสวนไปทันควัน เล่นเอา อาจารย์แกอึ้ง พูดไม่ออกไปเลย



เห็นได้ชัดว่า \"แถ\" มากๆ แนวความคิดดีแล้วครับ แต่เกณฑ์ที่จะให้ตอบน่ะ ต้องไม่ \"แถ\" แบบนี้ เกณฑ์มันควรจะชัดเจน


...เราจะวิเคราะห์และแยกแยะให้คุณได้อย่างไร ในเมื่อเรายังไม่รู้เลยว่า...

\"คุณ\" ต้องการอะไร?

golf(กอล์ฟ)

dart(ปาลูกดอก)

chese(หมากรุก)

yoca(โยคะ)

ตกลงตอบว่าอะไรครับ

ผมตอบ yoca(โยคะ)อย่างมั่นใจเลย ไม่รู้ถูกป่าว

ถ้าการจำแนกนั้น คือ สถานที่ในการเล่น

จะไม่มีคำตอบ เพราะ ไม่มีกฎข้อใดบอกไว้ว่า dart(ปาลูกดอก)chese(หมากรุก)yoca(โยคะ)ต้องเล่นเฉพาะในร่มหรือเฉพาะกลางแจ้ง มันอาจจะถูกแต่ยังไม่ชัด ถ้ามีคำตอบอื่นที่ดีกว่า อย่าลืมว่าคำสั่งคือ choose the best possible answer

แต่ถ้าการจำแนกคือ จำนวนผู้เล่น

จะไม่มีคำตอบ เพราะ แม้ว่าหมากรุกจะต้องเล่น 2 คน แต่กีฟาอื่นๆ ก็เล่นสองคนได้เหมือนกัน มันอาจจะถูกแต่ยังไม่ชัด ถ้ามีคำตอบอื่นที่ดีกว่า อย่าลืมว่าคำสั่งคือ choose the best possible answer

dart(ปาลูกดอก)golf(กอล์ฟ))yoca(โยคะ)==> ต้องเล่นอย่างน้อย 1 คน
chese(หมากรุก)==> ต้องเล่นสองคนเท่านั้น
ฉะนั้น ถ้าแบ่งพวกตามเกณฑ์นี้จะถือว่า chese(หมากรุก)เป็น subset ของ ประเภทแรก

ถ้าจำแนกด้วย อุปกรณ์การเล่น

คำตอบก็อาจจะเป็น โยคะ เพราะอื่นๆต้องมีอุปกรณ์ แต่โยคะไม่จำเป็น น่าจะถูกที่สุด the best possible answer

dart(ปาลูกดอก)chese(หมากรุก)กอลฟ์ ต้องมีอุปกรณ์เท่านั้น ไม่งั้นเล่นไม่ได้==> always true
yoca(โยคะ)ไม่ต้องมีอุปกรณ์เล่นได้แน่ๆ ไม่ใส่เสื้อยังเล่นได้เลย ==> always true
ชัดสุดแล้ว


ผมว่าเป็นข้อสอบที่ดีอีกข้อ (ไม่ได้ดีทั้งหมด) ให้วิเคราะห์ อย่างละเอียดทุกแง่ทุกมุมหาคำตอบจากสิ่งที่เมหือนจะถูกทุกข้อ แต่จะมีที่ถูกที่สุดในนั้น
ถ้าจะให้เค้าออกว่า

ช้าง
กระดาษ
กรรไกร
กาว

มันจะเป็นของเด็กอนุบาลไป

เพราะชีวิตจริง มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น มันจะ ยาก เหมือนที่เค้าออกข้อสอบนั่นแหละ ซึ่งจะตรงกับจุดประสงค์ของการออกข้อสอบ

เมื่อวานได้ดูแล้ว งานนี้ผมว่าเสียกันทั้ง 2 ฝ่ายล่ะครับ ดีนะรุ่นผมไม่มีอะไรแบบนี้....แบะๆๆๆๆ

คุณต้องเข้าใจอย่างนึง
ข้อสอบ แบบ multiple choices คือให้ choose the best possible answer.

หมายถึงว่ามีคำตอบที่เป็นไปได้หลายๆข้อ ถูกหลายๆข้อ แต่ต้องเลือกที่ถูกที่สุด มันเป็น ธรรมชาติ ของข้อสอบแบบนนี้ครับ

เป็น ธรรมชาติ ของข้อสอบแบบ multiple choices ซึ่งมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ลองอ่านดู
http://en.wikipedia.org/wiki/Multiple_choice

ถามว่าดีไหม ผมว่าไม่ดีครับ อยากให้สอบแบบอัตนัยมากกว่า
แต่ถ้าเป็นแบบอัตนัย ก็จะถูกหาว่า ไม่มีมาตรฐานในการตรวจอีก ตรวจช้าอีก
แต่ยังไงแบบอัตนัยดีกว่า 100 %

อืมมม ผมยังสงสัยอยู่ดีล่ะครับ ว่าไอ้ที่คุณ toonynet วิเคราะห์มาทั้งหมดเนี่ย

เด็กๆจะไปหามาจากไหน ในหนังสือ สื่อการสอน สื่อความรู้อื่นๆ ครูบาอาจารย์ ได้ระบุไปอย่างชัดเจนอย่างนั้นหรือเปล่า เช่น กอล์ฟเล่นในร่ม?เล่นได้เหรอ? อะไรทำนองนี้อ่ะจ้า

เข้าใจคุณ toonynet เป็นอย่างดีและเห็นด้วยกับการที่สอนให้เด็กวิเคราะห์มากกว่าท่องจำเป็นอย่างยิ่งครับ แต่ประเด็นที่เกิดมันคนละอันกันเ่น่อ

คือเกณฑ์มันไม่ชัดมากพอ ไม่รู้ในประเทศเราจะมีคนที่เข้าใจและวิเคราะห์ได้อย่างคุณ toonynet อยู่ซักกี่คน ถ้าดูจากปัญหาที่เกิดขึ้นเนี่ยคงน้อยมาก

การเรียนการสอน มันสอนหรือเปล่า มันได้อธิบายหรือเปล่า เด็กคือกล่องเปล่าๆที่ถูกยัดข้อมูล ถ้าข้อมูลที่เข้าไปนั้นมันกำกวม ไม่ชี้ชัด มันจะวิเคราะห์ได้ลำบากและมีความเป็นไปได้ที่หลากหลาย เพราะข้อมูลดิบไม่เพียงพอ

อย่าลืมว่า เด็ก ม.6 นะครับ




กลับไปประเด็นเดิม

คนไทยเนี่ย ไอ้คนอยากจะโชว์ป๋า ก็เอาแต่โชว์ อ้างทฤษฎ๊ ไม่ดูความเป็นไปได้จริงๆในสังคม

ส่วนอีกคนก็เอาแต่อ้างประสบการณ์ การใช้ชีวิตในปัจจุบันและภาพรวม ความแตกต่างของการอยู่อาศัย การเข้าถึงของสื่อการเรียนการสอนที่ทำกันอยู่ทุกวัน


ทั้งสองฝ่ายมันควรจะเอามาขยำรวมกันก่อน แล้วค่อยเอาให้เด็กอ่ะจ้า

สรุปเรื่องนี้ \"ใครผิด\" แน่นอนว่า ไม่ใช่เด็กๆหรอกครับ




การวิเคราะห์ของคุณ toonynet ค่อนข้างตรงจุดเอามากๆล่ะครับ อย่างข้อกีฬาเนี่ยผมเห็นด้วยเลย

แต่ผมเองยังกังขานะ ในข้อน้องนกเครียด กับ เลือกเพื่อนเนี่ย ช่วยวิเคราะห์ให้ฟังหน่อย อยากแลกเปลี่ยนอ่ะครับ ไม่มีอะไร

โอ ไปย้อนอ่านกระทู้ก่อนนี้

ต้องชมเลยว่า คุณ toonynet มีระบบลอจิคดีมากๆครับ คัดแยกออกเป็นชั้นๆเป็นขั้นเป็นตอนมากๆ เหมือนการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์เลย

แต่บ้านเรามันไม่ได้สอนแบบนี้อ่ะดี๊ นี่สิปัญหา เนอะๆ

อีกข้อหนึ่งที่ถกกันมาก คือ ข้อสอบ สีแห่งความรัก ซึ่งผมก็งง จริงๆ (งง อะไร?)
แดง
ขาว
ชมพู
ดำ

ลองคิดดูถ้าให้คนทำโพลสำรวจความเห็นทุกๆคนของคนไทย ส่วนใหญ่คงตอบว่า แดง ก็คงมีตอบสีอื่นบ้าง
ก็ตอบว่า แดง สิ ง่ายๆ คิดมากไปทำไม
ทุกสีถูกหมด อาจเป็นคำตอบได้หมด แต่ the best possible answer คือ แดง ตอบได้แทบไม่ต้องคิด
งง จริงๆ มันจะอะไรกับข้อนี้
งง จริงๆ ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับการศึกษา/ วิธีคิด ของ ทั้งเด็ก และ ผู้ใหญ่ ในประเทศนี้

ข้อนักเทนนิส
คำตอบคือ ความใหญ่เล็กของการแข่งนั้นๆ
ก็น่าจะเป็น the best possible answer ซึ่งถูกแล้ว จะไปถามนก ทำไม ในเมื่อคุณอยู่ในห้องคงไม่มีโอกาสไปถามใจ นก จริงๆ แล้วคิดว่าข้อสอบจะถามถึงใจนกจริงๆ หรือ บ้าไปแล้วถ้าคิดอย่างนั้น ถ้าคุณออกข้อสอบ คุณจะมีจุดประสงค์จะถามในนกอย่างนั้นเหรอ มันไม่ logic ครับ
เค้าถามถึง แนวโน้มของแนวโน้มของนักกีฬาส้วนใหญ่ ถูกแล้ว และไม่จำเป็นต้องบอกด้วยว่าถามใคร จะเป็น นก หมู ไก่ ปลา หรือ นักกีฬาส่วนใหญ่ก็ตาม

ฝากไว้อีกอย่าง
มันไม่จำเป็นต้องตอบ the best possible answer ได้ถูกทุกข้อ เพราะทุก choice มันถูกหมด เป็นไปได้ทุกข้อ และนี่เป็น ธรรมชาติของ multiple choices ที่ต้องเข้าใจ

เด็กเจอเข้าไป หงายท้องอ่ะ

คนสอนเองก็ยังปวดหัวนะผมว่า 555555



มันน่าจะต้องค่อยๆ เพิ่มขึ้นทีละนิด ทีละนิด


สมมติว่ามนุษย์เป็นเหมือนลูกกลมๆ

ความรู้การเรียนการสอนเป็นเหมือนก้อนเล็กๆอื่นๆที่วิ่งเข้ามาติด

การสอบคือตาข่ายกรอง


ซึ่งผู้ที่จะผ่านไปได้ ต้องรู้และจำแนกได้ซะก่อน ว่าอะไรจำเป็นและอะไรไม่จำเป็น

ผมว่าปัญหาบ้านเรามันอยู่ตรงที่การยัดข้อมูล โดยไม่ได้สอนว่าอะไรจำเป็นน่ะครับ


พอถึงเวลาที่ต้องเลือกตัดทิ้งให้เหลือแต่สิ่งสำคัญ มันจะงง ว่าอันไหนสำคัญสุดวะ ตัดอันไหนทิ้งได้วะ 5555

อออออ งั้นเข้าใจละ

คือไม่ต้องไปสน ว่ามันถูกจริงหรือไม่จริง ใช่มั้ยครับ

คือดูแค่ในกระดาษ แล้วก็เลือกเลย ความจริงเป็นไงไม่ต้องไปคิด



เอ่อ เดี๊ยวจะเข้าใจผิด ไม่ได้ประชดนะครับ จริงๆ เช่นสีของความรักงี้อ่ะ มันไม่ได้มีใครบัญญัติว่าต้องเป็นสีแดง

เพียงแค่สีแดงเป็นไปได้มากสุดในนั้น ก็เลือกไปเถอะ แบบนี้ถูกมะ

อืมม เริ่มเคลียร์แระ

แต่ยังอยากรู้ เรื่องเลือกเพื่อนอยู่นะ

...ลองคิดดูนะครับ เราเป็นผู้ใหญ่กว่า ยังมาถกเถียงกันขนาดนี้...แล้วเด็กๆ ล่ะ เค้าควรรับกรรมหรือ.....

จากผู้ตั้งกระทู้ ***สงสารน้องๆ เจอข้อสอบห่วยแตก! ***

ตามไปดูเจ๊ ศ.ดร.อุทุมพร จามร \"มาร\" ผอ.สถาบันทดสอบการศึกษาแห่งชาติ ฟังเค้าแก้ตัวน้ำขุ่นๆกัน แล้วฟังเด็กๆ ด้วยนะครับ

Part 1 :
http://www.youtube.com/watch?v=gHBqQ4I_OmE
Part 2 :
http://www.youtube.com/watch?v=1PTCy7RnKuk
Part 3 : (ตอนนี้มันมาก...วู้ดดี้ลองทำข้อสอบเอง ยังได้แค่ 17 เต็ม 50 อาจารย์แมร่งอึ้งงงง ตอบไม่ถูก)
http://www.youtube.com/watch?v=o666BQAhuD0
Part 4 : (เถียงกันเรื่องข้อสอบกีฬา)
http://www.youtube.com/watch?v=qlk5JITnsB8
Part 5 : บทสรุปนักเรียนถามกลับ
http://www.youtube.com/watch?v=cEDIOeHsYuo

อืมม ไปหาอ่านตัวคำถามน้องนกในเนท ผมก็ยังไม่เห็นด้วยอยู่ดีแหละครับ เพราะคำถามไม่ได้ถามว่า .....นักกีฬาส่วนใหญ่มีแนวโน้มจะเครียดในสถานการณ์ใด?....

แต่ถามว่า.... น้องนกจะเครียดภายใต้สถานการณ์ใด


ซึ่งที่คนส่วนใหญ่ตีความจะเน้นไปที่คำถาม คือ น้องนก นั่นเอง ผมเชื่อว่าถ้าถามใหม่ แทนน้องนกด้วยนักกีฬาส่วนใหญ่ ปัญหาจะหมดไปครับ

จริงอยู่ว่าน้องนกเป็นนักกีฬา แต่น้องนกก็เป็นอย่างอื่นด้วย ดังนั้นปัจจัยที่จะทำให้เครียดจึงมีได้หลากหลายมาก


มันไม่แปลกเหรอครับ ที่แบบว่า บริบทบอกว่า

น้องนก=นักกีฬา

ดังนั้นถ้าถามถึงน้องนก จึงหมายถึง ถามถึงนักกีฬา นั่นเอง


คือแบบ งงตรงที่ว่า มันตรงๆแบบนี้เลยเหรอ อันนี้งงจริงๆครับ

ต้อง assume ก่อนว่า ต้อง เด็กต้องเลือกเพื่อนที่มีคุณสมบัติที่ดีที่สุด(ในความหมายของคนทั่วไป) เพราะถ้าเด็กบอก กู ชอบของกู อย่างนี้ ใครจะทำไม จะทำให้ ไม่มี the best possible answer

ดู choice ว่า อันไหน เป็น adjetive ที่แสดงว่าเป็นคนที่มีคุณสมบัติที่ดีที่สุด
ตอบ เอาใจเขามาใส่ใจเรา

เหมือนถามว่า
very good
outstanding
excellent
Best Ever
superb
marvellous
perfect

อันไหนหมายถึงว่าดีที่สุด เป็นการใช้ความรู้ด้านภาษานิดหน่อย จะพบว่า เอาใจเขามาใส่ใจเรา จะดีที่สุด ดีกว่าเอื้อเฟื้อ เปรียบได้เหมือน Best Ever ดีกว่า excellent

เอาใจเขามาใส่ใจเรา ==> เสมือนว่าเป็นคนๆ เดียวกัน
เอื้อเฟื้อ ==> ดีแต่ไม่ถึงขนาดข้อแรก

เช่น คุณมีเงินล้านนึง เพื่อนคุณต้องการเงินห้าแสนไปผ่าตัดไม่งั้นเค้าตายแน่ๆ
ถ้าคุณเอื้อเฟื้อ คุณอาจให้เงินเค้าไป ตั้งแต่ 1 ถึง ห้าแสน
ถ้าคุณถ้า คุณ เอาใจเขามาใส่ใจเรา ถ้าเป็นคุณ คุณคงต้องการทั้งหมดห้าแสน ไม่งั้นตาย คุณคงให้ไปหมด ห้าแสน

นอกจากจะต้องตีความ choice ต้องตีความโจทย์ด้วยครับ

แต่อย่าลืมว่า
มันไม่จำเป็นต้องตอบ the best possible answer ได้ถูกทุกข้อ เพราะทุก choice มันถูกหมด เป็นไปได้ทุกข้อ และนี่เป็น ธรรมชาติของ multiple choices ที่ต้องเข้าใจ

เพราะ คนหนึ่งคนที่มีชื่อ มีตัวตน มีครอบครัว มันไม่น่าจะแทนด้วยระบบลอจิคได้น่ะครับ

เช่น ปอนด์เป็นสถาปนิก อายุ 30 ปี ประจำอยู่กรมศิลปากรมาสามสี่ปี ออกแบบงานมาหลากหลาย ทั้งบ้าน รีสอร์ท อาคารทางศาสนา หรืองานที่ใหญ่อย่างพระเมรุก็เป็นหนึ่งในทีมงาน งานที่เกี่ยวข้องกับนักการเมืองก็ทำมาเยอะ ถามว่าปอนด์จะเครียดในสถานการณ์ใด

ก.ทำงานไม่ทัน

ข.ลูกค้าไม่จ่ายเงิน

ค.ความน่าเชื่อถือของโครงการและเจ้าของ

ง.หมึกหมดวันพิมพ์แบบ



เอ่อ ให้ทายเล่นๆ อิอิ

ผมลองดูข้อสอบที่เค้าว่ามีปัญหากัน
ผมว่า ถ้านั่งวิเคราะห์จริงๆก็ตอบได้ไม่ยากนะครับ

แต่บางทีเป็นที่ตัวคำถามที่ทำให้เด็กสับสนนิดหน่อย
เช่น ข้อน้องนก มันมีประวัติของน้องนกมายาวยืด ทำให้ไขว่เขว่ในการตอบครับ
ถ้าถามว่า\"นักกีฬา\"มีแนวโน้มที่จะเครียดในเรื่องใดมากที่สุด ตามคุณ dnopista ก็จบ

แต่เด็กที่แสดงความเห็นเมื่อวาน ก็แสดงอารมณ์มากไปหน่อยครับ
ถ้าใจเย็นๆ ตั้งคำถามที่สงสัยเป็นข้อๆไป และใช้เหตุผมมากกว่าอารมณ์
ก็จะแสดงถึงการพัฒนาระบบการศึกษาที่ดีมากเลยหละครับ

แต่ผมก็เข้าใจเด็กนะ ผมสอบ O-net รุ่นแรก ก็โมโหนิดหนึงเหมือนกัน
เพราะว่าเราเตรียมตัวมาอีกแบบหนึงแล้ว แต่จู่ๆมาเปลี่ยนแปลง
เหมือนกับนักฟุตบอล ถ้าจะเปลี่ยนกติกา ก็ควรที่จะเปลี่ยนก่อนลงสนามครับ
ไม่ใช่ให้ลงเตะไปแล้ว มาเห็นว่าไม่เหมาะสม ก็มาเปลี่ยนกติกากันกลางสนาม
แบบคนที่ไม่ได้เตรียมตัวมาดีจริงๆ ก็ร้องไห้หละครับ

ความโง่ขององค์กร

เคยสงสัยใหมว่าทำไมองค์กรที่เต็มไปด้วยนักวิชาการที่จบการศึกษาระดับสูงมากมาย

ถึงได้สร้างผลงานอันไร้ปัญญา ที่โง่เง่าอย่างเหลือเชื่อ

ปรากฏการณ์ดังกล่าวนี้เป็นผลมาจากสิ่งที่เรียกว่า \"ความโง่ขององค์กร \"

ความโง่ขององค์กร เกิดจากการระบาดของเชื้อโง่ที่แผ่ซ่านจากบนลงล่างตามสายการบังคับบัญชา

ผู้มีอำนาจสูงสุดในองค์กรซึ่งมักจะเป็นผู้กำหนดนโยบายขององค์กร ส่วนใหญ่มักได้ตำแหน่งมาด้วยวิธีการ

ทางการเมืองในองค์กรหลายๆรูปแบบ ไม่ใช่ได้มาเพราะสติปัญญา หรือความรู้ความสามารถ

จึงทำให้องค์กรถูกปกคลุมด้วยบรรยากาศของความโง่ คนในองค์กรจึงค่อยๆซึมซับความโง่เข้าไป

โดยไม่รู้ตัวผ่านการสื่อสารแลกเปลี่ยนข้อมูลภายใน

วิธีคิดและระบบการให้เหตุผล(ตรรกะ)ของสมาชิกในองค์กรก็จะมีลักษณะสอดคล้องกับ

ภูมิปัญญาขององค์กร คือยอมรับนับถือแต่หลักเหตุผลที่ตนคุ้นเคยของคนในองค์กรเดียวกัน

วนๆอยู่อย่างนั้น (cyclical logic)โดยไม่เปิดหูเปิดตาดูว่าคนภายนอกองค์กรเขาคิดอย่างไร

บรรยากาศดังกล่าวนี้ทำให้แม้แต่คนฉลาดๆเองก็จะมองไม่เห็นความโง่ของตนและขององค์กร

เหมือนดั่งปลาที่มองไม่เห็นน้ำ

ที่พูดมานี้ไม่ได้ต้องการจะหมายถึงองค์กรใดองค์กรหนึ่ง เพราะมันเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับ

องค์กรของรัฐและเอกชนแทบทุกองค์กร

อีกอย่างนึง ที่เป็นข้อสังเกตทุกครั้งที่คุณ toonynet อธิบาย จะยกตัวอย่างเป็นภาษาอังกฤษ ประกอบไปด้วยเสมอ ซึ่งผมอ่านภาษาอังกฤษแล้วผมเข้าใจนะ

แต่พออ่านภาษาไทยแล้วผมไม่เข้าใจ

เพราะ ภาษาไทยมันไม่ได้มีความหมายชี้ชัด และแยกชัดเจนแบบอังกฤษน่ะครับ

เช่น rich กับ elegant แบบนี้อ่ะ

ของไทยจะแปลยังไงล่ะครับ

รวย กับ รวยแบบมีคุณค่าและมีระดับ


ก็ฟังดูทะแม่งๆ แต่ภาษาเค้ามันโอเคครับ มันมีการใช้และความหมายที่ชัดเจน

ต้องปรับอีกพอดูเลย กว่าจะเอามาใช้กับบ้านเราได้ เพราะวัฒนธรรมมันค่อนข้างต่างกัน

ปรับรสให้เป็นไทยอีกนิดล่ะเน๊อ จะได้กินง่ายหน่อย แต่อร่อยเหมือนเดิม

ขอตอบ ความน่าเชื่อถือของโครงการและเจ้าของ

ทำงานไม่ทัน ==> ก็วางแผนใหม่ให้ทัน ถ้าไม่ทันจริงๆ จะคุยต่อรอง ยังไง ถ้าต่อรองไม่ได้ งานจะให้เสร็จ มันก็เสร็จได้ครับ ขึ้นกับว่าจะดีแค่ไหน ส่งไปก่อน เดี๋ยว แก้หรือเพิ่มทีหลัง ก็ไม่น่าจะต้องเครียด
ลูกค้าไม่จ่ายเงิน ==> โทรไปถามว่าจะจ่ายเงินวันไหน จ่ายได้เมื่อไหร่ มันไม่ได้แปลว่าเค้าจะไม่จ่ายตลอดไป ถ้าเค้ามีความน่าเชื่อถือ เจ้าของมีตัวตน ไม่จำเป็นต้องเครียดเลย เจอบ่อยเวลาขายของ ตามเนต อย่างเช่นถ้าคุณหมอยังไม่โอนตังค์(ซึ่งไม่จริง) นี่ไม่ต้องเครียดเลย 555
หมึกหมดวันพิมพ์แบบ ==> ก็โทรสั่งดิ เครียดทำไม ถ้าบอก supplier ทั้งประเทศบอกจะไม่มีหมึกขาย อีกเดือนนึงสิ น่าเครียด 555

ความน่าเชื่อถือของโครงการและเจ้าของ ==> นี่สิน่าหนักใจ อยู่ๆทำงานที่รับมาไป เจ้าของยกเลิกงานมา ทั้งๆที่งานจะเสร็จแล้ว แล้วยิ่งเจ้าของหายวับ ไม่รับผิดชอบ ไม่มีตัวตน ไม่มีเครดิต ตามก็ไม่เจอ น่าเครียดที่สุด

ตอบคำถามที่ตัวเองถามไว้ 5555

ถ้าถามว่า \"ปอนด์\" จะเครียดในสถานการณ์ใด ไม่มีใครตอบได้หรอกครับ

แต่ถ้าถามว่า \"สถาปนิก\" จะเครียดในสถานการณ์ใด รับรอง ตอบถูกเพียบ

ฮ่าา ที่คุณ toonynet ตอบมา ตรงเป๊ะเลยครับ \"สถาปนิก\" จะกังวลข้อนี้แหละ

แต่ \"ปอนด์\" ไม่เคยกังวลเรื่องนี้ เพราะลูกค้าทุกคนคัดมาหมดแล้ว แต่กังวลเรื่องทำงานไม่ทันต่างหาก เพราะงานหลวงที่ทำอยู่ บางทีจู่ๆก็มีงานด่วนที่เราไม่ได้แพลนไว้เข้ามาในอาทิตย์ที่ต้องส่งงาน และดันต้องทำนอกเวลา



ผมแค่อยากจะบอกว่า คำถามมันไม่ชัด แค่นั้นแหละจ้า

ปัญหาที่เกิดขึ้นมันอยู่ที่คำว่า \"น้องนก\" แค่นั้นเองครับ

ไม่รู้สิครับ
มันเหมือนข้อสอบพวก กฏหมาย เช่น
นิค เป็น นักธุรกิจ ทำ ธุรกรรม บลาๆๆๆๆ.............
เสร็จแล้วถาม ลงท้าย นิค ทำผิดหรือไม่

ในสมองผมมันคิดว่า นิคคือ นักธุรกิจ คนหนึ่ง ใครก็ได้ เป็น นามไม่เฉพาะ เจาะจง a businessman แต่เหตุที่เค้าใช้คำว่า นิค ต่อมาเรื่อยๆ เพราะ เค้าแทนขี้เกียจเขียนว่า นักธุรกิจคนนั้น ซ้ำๆ กัน เลยใช้ นิคแทน เพราะ ภาษาไทย ไม่มี article the ประมาณนั้น

โฮ่ยย เคลียร์เลยครับ

คุณ toonynet ตอบประโยคนี้ อืม ว่าแต่คุณ toonynet ทำเกี่ยวกับกฏหมายเหรอครับ

เพราะจากลักษณะการตอบนี่ใช่เลย เพราะการใช้คำในกฏหมายมีความสำคัญมาก



ดูแบบโอเคเลยอ่ะ มีอะไรผมจะได้ขออนุญาตปรึกษาบ้างครับ ^_^

เพราะหลายเรื่องที่เคยเจอ บางทีผมเองแยก layer มันออกเป็นชั้นๆไม่ไหวเหมือนกันครับ

มันสับสนไปหมด ได้คนให้คำแนะนำ อาจทำให้มองปัญหาได้ง่ายขึ้น อิอิ

จะได้ถือโอกาสเรียนรู้ไปด้วยจ้าาา ^_^

ถ้าถามว่าผมเป็นอะไร
คงตอบเป็น คน เฮ้ยไม่ใช่
ที่แน่ๆ ไม่ใช่กฏหมาย ทำงานเกี่ยวกับ วิจัยและพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ครับ

นั่นไงล่ะ ทายไม่ผิดเลยครับ อิอิ เพราะนี่มันความคิดนักวิทยาศาสตร์ชัดๆน่ะจ้า

.............................แอบฟังตัวจริงคุยกัน

ถ้าเป็นข้อสอบ ที่มีคำสั่งว่า ให้อ่านข้อความต่อไปนี้แล้วตอบคำถาม.....
ต้องตอบโดยยึดข้อความที่ให้อ่านเป็นหลัก
เช่น นิดเป็นคนสวยจึงมีหนุ่มติดพัน
มันชัดมากๆ ครับ Because..นิดเป็นคนสวย...., .เธอจึงมีหนุ่มมาติดพัน..

อันนี้ห้ามคิดเองเด็ดขาด แม้ว่าคำตอบจริงๆ หรือที่น่าจะเป็น จริงๆ จะไม่ต้องกับในข้อความที่ให้อ่าน เหมือนเวลาสอบ reading ภาษาอังกฤษ ครับ อันนี้ผมมักจะพลาดบ่อยๆ เพราะ ลืมข้อนี้ไป คือ \"ตอบโดยยึดข้อความที่ให้อ่านเป็นหลัก\"

แจ่ม
...

แต่เค้าให้เด็ก ม.6 สอบนะครับ ผมว่ายังไงมันก็เร็วไปอยู่ดี คนที่ออกข้อสอบอายุแก่ใกล้ฝั่งอบู่แล้ว มาออกข้อสอบให้เด็ก17-18ปี ผมว่าถ้าเอาประสบการณ์มาถาม เด็กไม่มีทางตอบได้หรอกครับ เพราะประสบการณ์ชีวิตมันต่างกัน ส่วน ถ้าให้วิเคราะห์อย่างที่คุณtoonynetวิเคราะห์ผมว่าความสามารถในการวิเคราะห์มันก็แตกต่างกัน ถึงจะวิเคราะห์ได้จะมีสักกี่คนที่สามารถจะวิเคราะห์ได้จริงๆ อย่าลืมนะครับว่าเพิ่งบรรลุนิติภาวะมาเอง หรือว่าการสอบครั้งนี้เค้าคัดเฉพาะแต่คนที่มีประสบการณ์กับความสามารถในการวิเคราะห์สูง ถ้าอย่างงั้นจะมีกี่คนที่ผ่านละครับ แล้วเรื่องพวกนี้ไม่มีสอนนะครับต้องเก็บเกี่ยวเองแต่การสอบมันเป็นการวัดความรู้ที่สามารถเก็บเกี่ยวได้ในชั้นเรียน-หนังสือในหลักสูตรไม่ใช่เหรอครับ

ส่วนข้อนิดเป็นคนสวยจึงมีหนุ่มมาติดพัน ต่อมาก็ท้องไม่มีพ่อ แล้วเค้าถามว่าทำไมนิดถึงมีชายหนุ่มมาติดพันใช่มั้ยครับ คือ ถ้าเป็นผมผมคงตัด ท้องไม่มีพ่ออกไปเพราะมันไม่เกี่ยวกับคำถาม

จึงตอบว่านิดเป็นคนสวยเพราะ เค้าบอกคำตอบมาตั้งแต่ในคำถามแล้วครับ

mirror some days to hit perfection http://www.shinewigs.com/synthetic_wigs-fashion_synthetic_wigs-hair_wigs.html>fashion synthetic wigs or simply because they themselves http://www.shinewigs.com/synthetic_wigs-hair_wigs.html>synthetic african american wigs dreadlock wig The hair of the wig prevents anyone http://www.shinewigs.com/lace_wigs-hair_wigs.html>lace front wigs hair for wigs made at a salon or a store http://www.beautwigs.com/hair_extensions-hair_wigs.html>extension clips lace front human hair lifelong guarantee and http://www.beautwigs.com/hair_extensions-hair_wigs.html>extension clips you wig however you like http://www.shinewigs.com/>wigs choosing between ready- http://www.beautwigs.com/costume_wigs-hair_wigs.html>costume hair wigs you might have around the house If it http://www.basicwigs.com/african_american_wigs-hair_wigs.html>hair extensions quality synthetic varieties-can look http://www.basicwigs.com/bestsellers-hair_wigs.html>remy hair Americans While her wigs http://www.beautwigs.com/human_hair_wigs-hair_wigs.html>remy hair wigs hair to last much longer do it yourself hair extensions http://www.basicwigs.com/>wigs Synthetic wigs have come a long way http://www.shinewigs.com/lace_wigs-in_stock_celebrity_lace_wigs-hair_wigs.html>celebrity half wigs easixtend and are not as warm when wearing http://www.shinewigs.com/monthly_specials-classic-hair_wigs.html>synthetic hair wigs worn slightly back to show your own http://www.shinewigs.com/synthetic_wigs-hair_wigs.html>synthetic african american wigs it allows you to wear your hair up.

A replica Jaquet droz watches is an accessory normally worn by men. At the turn of Rado watches, right before Patek Philippe watches became widely available; the replica Hermes were popular among wealthy men. Wearing a pocket oris watches today gives an outfit a formal look. There are many styles of pocket Rolex Daytona replica, from genuine antiques to more modern, Gucci replica. The instructions for wearing BlancPain replica watches follow traditional Bell & Ross replica.Choose a chain that suits most of your Breitling replica. It could be a thick gold chain, replica Maurice Lacroix, or a brass one. A rule of thumb is to match your Tudor replica watches, that is, don't mix Chopard replica and Rolex Datejust replica.Hook one end of the chain to the loop on the pocket replica movado watches,and connect the other end to a T-bar.Place the T-bar behind one of your jacket or vest buttonholes.Slide your Burberry watches into an inner vest pocket on the same side as Rolex Milgauss replica. This way, you can use your dominant hand to pull out the IWC replica and check the time. All people will see is Glashutte replica chain hanging over your jacket or vest, which is some kind of Rolex Sea-Dweller replica. Chopard is providing with another wonderful Christian Dior replica from their L.U.C collection, which is called as the A.Lange & Sohne watches. It is a very classic and simple design but is extremely refined and luxurious that t any Rolex Datejust II replica lover would love to own.This Rolex replicais elegantly designed with its super thin case that is made of 18 carat white gold. If white gold will not pass your replica Rolex Masterpiece, it is also available in rose gold which is just as Breitling watches. This gold material also comprises the fixed bezel and the winding crown of this replica Rolex Daytona. They also matched this case with a black alligator leather strap to make it more elegant.The black dial of replica A.Lange & Sohne is accented with white gold hour numbers and hands. It has a small seconds counter that located at the 7 o'clock position entirely surrounded by Rolex GMT watches. It also features a small date window at the 3 o'clock position. Chopard is displaying another refined looking timepiece, which is called as the Rolex Datejust replica watches. This timepiece is inspired by an iconic model the Chopard L.U.C XP. Since its launch in 2006, the L.U.C XP has become a classic. The timepiece won first prize in Croum replica watches category in the Tudor watches. Like just the original, this 2009 version called as Chopard L.U.C XPS also includes the slim and sleek looking silhouette which makes it easy and comfortable to wear. This replica Rado is also available in different versions including the 18 carat white gold case with black dial, white gold with movado watches, and the one shown above in red gold and white dial. The red gold version which we are featuring today gives this timepiece a classic look and makes it more attractive. The white dial of this version is luminously accented with red gold hour markers, numbers, and hands. This timepiece also features a small seconds counter at 6 o'clock. This Chopard L.U.C XPS is worn on a hand-sewn alligator leather strap, making it even more classic.

^
^
^

โอ้ววว มันมาหาป้าอุทุมพร ล่ะคร้าบบบบบบบ :D

^
^
^

โอ้ววว มันมาหาป้าอุทุมพร ล่ะคร้าบบบบบบบ :D

เดี๋ยวนี้มันมาแบบหลากสี