ไว้ว่าจะลองสาย USB กับ Coax ด้วย ไหนๆเราก็มี Input/Output ครบทุกรู
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 9
ผมว่านะ
27/12/2017 15:10:02
Optical จะมีจุดอ่อนตรงที่มันต้องแปลงสัญญาณ digital ให้เป็นแสงก่อนส่งไปตามสายใยแก้วนำแสงแล้วแปลงแสงกลับเป็นสัญญาณ digital อีกรอบ แปลงไปแปลงมาหลายรอบ บางคนเลยบอกว่าเสียงบาง เสียงแห้งไงครับ
Optical จะมีจุดอ่อนตรงที่มันต้องแปลงสัญญาณ digital ให้เป็นแสงก่อนส่งไปตามสายใยแก้วนำแสงแล้วแปลงแสงกลับเป็นสัญญาณ digital อีกรอบ แปลงไปแปลงมาหลายรอบ บางคนเลยบอกว่าเสียงบาง เสียงแห้งไงครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 10
Mahalarp
27/12/2017 15:56:43
16
หมายถึง พอแปลงกลับมา จะมี Header สักชุดนึงใน Data Stream ที่เปลี่ยนไป ไม่เหมือนต้นทาง เพื่อบอก DAC ให้แปลงเสียงเป็นอนาลอกให้แห้งลงบางลงกว่าต้นทาง เทียบกับส่งผ่านสาย Coax หรือ USB อะไรแบบนี้น่ะเหรอครับผม ?_?
หมายถึง พอแปลงกลับมา จะมี Header สักชุดนึงใน Data Stream ที่เปลี่ยนไป ไม่เหมือนต้นทาง เพื่อบอก DAC ให้แปลงเสียงเป็นอนาลอกให้แห้งลงบางลงกว่าต้นทาง เทียบกับส่งผ่านสาย Coax หรือ USB อะไรแบบนี้น่ะเหรอครับผม ?_?
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 11
ผมว่านะ
27/12/2017 16:04:00
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 10 - Mahalarp
หมายถึง พอแปลงกลับมา จะมี Header สักชุดนึงใน Data Stream ที่เปลี่ยนไป ไม่เหมือนต้นทาง เพื่อบอก DAC ให้แปลงเสียงเป็นอนาลอกให้แห้งลงบางลงกว่าต้นทาง เทียบกับส่งผ่านสาย Coax หรือ USB อะไรแบบนี้น่ะเหรอครับผม ?_?
แนะนำให้ท่านลองอ่านความเห็นในกระทู้นี้ดูครับ แล้วจะทราบว่าทำไม digital เหมือนกัน แต่เสียงไม่เหมือนกัน ถือเป็นหนึ่งในกระทู้ดราม่าแห่งปี 2017 ของเว็บมั่นคงเลยครับ
เห็นด้วยกับ คห.12 ครับ ผมเคยดูคลิปของ Audio Nice ในยูทูบ เค้าบอกว่าการฟังเพลงจากไฟล์ที่ Rip มาจากแผ่น CD คุณภาพจะดีกว่าการฟังเพลงจากแผ่น CD ต้นฉบับของมันโดยตรงซะอีก เพราะการฟังเพลงจากแผ่น CD มันอ่านข้อมูลแบบ real time มีโอกาสเกิด jitter และ error ทำให้ต้องมีการ error correction โดยเติมข้อมูลหลอกๆ เข้าไปในส่วนที่ข้อมูลผิดพลาดตกหล่น แต่ไฟล์ที่ Rip มาจากแผ่น CD ถ้าเจอข้อมูลผิดพลาดตกหล่นมันก็จะพยายามอ่านซ้ำไปซ้ำมาจนเก็บตกข้อมูลได้ 100% ก่อนที่จะสกัดออกมาเป็นไฟล์ ทำให้คุณภาพดีกว่าครับ
เห็นด้วยกับ คห.12 ครับ ผมเคยดูคลิปของ Audio Nice ในยูทูบ เค้าบอกว่าการฟังเพลงจากไฟล์ที่ Rip มาจากแผ่น CD คุณภาพจะดีกว่าการฟังเพลงจากแผ่น CD ต้นฉบับของมันโดยตรงซะอีก เพราะการฟังเพลงจากแผ่น CD มันอ่านข้อมูลแบบ real time มีโอกาสเกิด jitter และ error ทำให้ต้องมีการ error correction โดยเติมข้อมูลหลอกๆ เข้าไปในส่วนที่ข้อมูลผิดพลาดตกหล่น แต่ไฟล์ที่ Rip มาจากแผ่น CD ถ้าเจอข้อมูลผิดพลาดตกหล่นมันก็จะพยายามอ่านซ้ำไปซ้ำมาจนเก็บตกข้อมูลได้ 100% ก่อนที่จะสกัดออกมาเป็นไฟล์ ทำให้คุณภาพดีกว่าครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 15
ผมเคยลอง
27/12/2017 21:40:22
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 14 - ผมว่านะ
เห็นด้วยกับ คห.12 ครับ ผมเคยดูคลิปของ Audio Nice ในยูทูบ เค้าบอกว่าการฟังเพลงจากไฟล์ที่ Rip มาจากแผ่น CD คุณภาพจะดีกว่าการฟังเพลงจากแผ่น CD ต้นฉบับของมันโดยตรงซะอีก เพราะการฟังเพลงจากแผ่น CD มันอ่านข้อมูลแบบ real time มีโอกาสเกิด jitter และ error ทำให้ต้องมีการ error correction โดยเติมข้อมูลหลอกๆ เข้าไปในส่วนที่ข้อมูลผิดพลาดตกหล่น แต่ไฟล์ที่ Rip มาจากแผ่น CD ถ้าเจอข้อมูลผิดพลาดตกหล่นมันก็จะพยายามอ่านซ้ำไปซ้ำมาจนเก็บตกข้อมูลได้ 100% ก่อนที่จะสกัดออกมาเป็นไฟล์ ทำให้คุณภาพดีกว่าครับ
เคยลองแล้วครับ rip มาเสียงมันได้ประมาณ 90% up ของฟังจากซีดีโดยตรงครับโดยใช้ต้นทางคนละแหล่งแต่ใช้ DAC ตัวเดียวกันเลยเสียงจาก cd จะได้ความเป็นดนตรีที่มากกว่านิดหน่อยให้พอรู้สึกได้แต่ก็ถือว่าทดแทนกันได้ไม่น่าเกลียดเลย ผมถึงเลิกเล่น cd เพราะเหตุนี้แหละหลับตาข้างนึงฟังเสียงมันก็พอหยวนๆแต่ได้ความสะดวกมาแทนครับ
เห็นด้วยกับ คห.12 ครับ ผมเคยดูคลิปของ Audio Nice ในยูทูบ เค้าบอกว่าการฟังเพลงจากไฟล์ที่ Rip มาจากแผ่น CD คุณภาพจะดีกว่าการฟังเพลงจากแผ่น CD ต้นฉบับของมันโดยตรงซะอีก เพราะการฟังเพลงจากแผ่น CD มันอ่านข้อมูลแบบ real time มีโอกาสเกิด jitter และ error ทำให้ต้องมีการ error correction โดยเติมข้อมูลหลอกๆ เข้าไปในส่วนที่ข้อมูลผิดพลาดตกหล่น แต่ไฟล์ที่ Rip มาจากแผ่น CD ถ้าเจอข้อมูลผิดพลาดตกหล่นมันก็จะพยายามอ่านซ้ำไปซ้ำมาจนเก็บตกข้อมูลได้ 100% ก่อนที่จะสกัดออกมาเป็นไฟล์ ทำให้คุณภาพดีกว่าครับ
เคยลองแล้วครับ rip มาเสียงมันได้ประมาณ 90% up ของฟังจากซีดีโดยตรงครับโดยใช้ต้นทางคนละแหล่งแต่ใช้ DAC ตัวเดียวกันเลยเสียงจาก cd จะได้ความเป็นดนตรีที่มากกว่านิดหน่อยให้พอรู้สึกได้แต่ก็ถือว่าทดแทนกันได้ไม่น่าเกลียดเลย ผมถึงเลิกเล่น cd เพราะเหตุนี้แหละหลับตาข้างนึงฟังเสียงมันก็พอหยวนๆแต่ได้ความสะดวกมาแทนครับ
เห็นด้วยกับ คห.12 ครับ ผมเคยดูคลิปของ Audio Nice ในยูทูบ เค้าบอกว่าการฟังเพลงจากไฟล์ที่ Rip มาจากแผ่น CD คุณภาพจะดีกว่าการฟังเพลงจากแผ่น CD ต้นฉบับของมันโดยตรงซะอีก เพราะการฟังเพลงจากแผ่น CD มันอ่านข้อมูลแบบ real time มีโอกาสเกิด jitter และ error ทำให้ต้องมีการ error correction โดยเติมข้อมูลหลอกๆ เข้าไปในส่วนที่ข้อมูลผิดพลาดตกหล่น แต่ไฟล์ที่ Rip มาจากแผ่น CD ถ้าเจอข้อมูลผิดพลาดตกหล่นมันก็จะพยายามอ่านซ้ำไปซ้ำมาจนเก็บตกข้อมูลได้ 100% ก่อนที่จะสกัดออกมาเป็นไฟล์ ทำให้คุณภาพดีกว่าครับ
เคยลองแล้วครับ rip มาเสียงมันได้ประมาณ 90% up ของฟังจากซีดีโดยตรงครับโดยใช้ต้นทางคนละแหล่งแต่ใช้ DAC ตัวเดียวกันเลยเสียงจาก cd จะได้ความเป็นดนตรีที่มากกว่านิดหน่อยให้พอรู้สึกได้แต่ก็ถือว่าทดแทนกันได้ไม่น่าเกลียดเลย ผมถึงเลิกเล่น cd เพราะเหตุนี้แหละหลับตาข้างนึงฟังเสียงมันก็พอหยวนๆแต่ได้ความสะดวกมาแทนครับ
เห็นด้วยกับ คห.12 ครับ ผมเคยดูคลิปของ Audio Nice ในยูทูบ เค้าบอกว่าการฟังเพลงจากไฟล์ที่ Rip มาจากแผ่น CD คุณภาพจะดีกว่าการฟังเพลงจากแผ่น CD ต้นฉบับของมันโดยตรงซะอีก เพราะการฟังเพลงจากแผ่น CD มันอ่านข้อมูลแบบ real time มีโอกาสเกิด jitter และ error ทำให้ต้องมีการ error correction โดยเติมข้อมูลหลอกๆ เข้าไปในส่วนที่ข้อมูลผิดพลาดตกหล่น แต่ไฟล์ที่ Rip มาจากแผ่น CD ถ้าเจอข้อมูลผิดพลาดตกหล่นมันก็จะพยายามอ่านซ้ำไปซ้ำมาจนเก็บตกข้อมูลได้ 100% ก่อนที่จะสกัดออกมาเป็นไฟล์ ทำให้คุณภาพดีกว่าครับ
เคยลองแล้วครับ rip มาเสียงมันได้ประมาณ 90% up ของฟังจากซีดีโดยตรงครับโดยใช้ต้นทางคนละแหล่งแต่ใช้ DAC ตัวเดียวกันเลยเสียงจาก cd จะได้ความเป็นดนตรีที่มากกว่านิดหน่อยให้พอรู้สึกได้แต่ก็ถือว่าทดแทนกันได้ไม่น่าเกลียดเลย ผมถึงเลิกเล่น cd เพราะเหตุนี้แหละหลับตาข้างนึงฟังเสียงมันก็พอหยวนๆแต่ได้ความสะดวกมาแทนครับ
นี่ล่ะครับ ผมเลยว่าจะลองให้รู้ดำรู้แดงไปเลย ไหนๆก็กำลังอยู่ในช่วงจัดชุดเครื่องเสียงบ้าน เปลี่ยนนู่นย้ายนี่ไปเรื่อย เจ็บเพื่อจำ T T
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 20
ลองดูครับ
28/12/2017 12:03:31
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 21
Artnoi
28/12/2017 17:34:41
425
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 20 - ลองดูครับ
ดูแล้วครับ ผมไม่เห็นมี meaningful claim เลยนะครับ และต้องอย่าลืมพื้นฐานที่สุดของ USB ว่า 1. USB เป็น bit perfect transmission ที่มี checksum algorithm ที่ดีมากๆครับ หมายความว่า ‘the bits are identical’ ถ้าข้อมูลเหมือนกันหมด และมีคนเคลมว่าได้ยินความต่าง ถ้าไม่เป็นเพราะเลข 1 ของสายนี้ เสียงต่างจาก 1 ของอีกสาย (which is not the case) คงต้องโยนความผิดไปให้ time-based error ซึ่งผมจะพูดต่อไปครับ 2. Jitter ต่ำมากๆถ้าสายมัน within spec แล้วไม่ควรจะเป็นปัญหาครับ และ DAC สมัยใหม่เองก็มี clock reconstruction ที่ดีมากๆไปแล้ว ปัญหานี้จึงไม่ควรเกิดกับสายความยาวที่เราใช้ๆกันครับ ถ้า DAC แยกที่เราซื้อมามีปัญหา Audible jitter แล้ว ผมว่าใช้ on-board DAC ดีกว่าครับ 55555555 3. Power - USB ซัพพลายไฟ 5V และ USB controller กากๆบางตัวไม่สามารถซัพพลาย 500mA ได้ซึ่งจะเป็นปัญหาก็ต่อเมื่อ DAC ของคุณใช้ไฟจาก bus ไม่ใช่แบตหรือไฟบ้านครับ ไม่เกี่ยวกับสาย (given that it’s within spec)
ถ้าสายนึงเสียงต่างกับสายนึงจริง ต้องมีอันนึงพังครับ และผมไม่ได้บอกว่า digital transmission มัน truly perfect แต่พวก time based error มันน้อยเกินที่หูคนจะได่ยินครับ
เวลาจะเปรียบเทียบเครื่องเสียง blind test เป็นสิ่งสำคัญเพราะมันจะกำจัดความเพี้ยนที่ทรงพลังที่สุดในระบบ หรือสมองของเราเองที่มี bias เมื่อรู้ว่าฟังไรอยู่ครับ เท่าที่ผมรู้ยังไม่มีใคร blind test ผ่านระหว่างสาย USB แพงๆ กับสายที่ within spec ในความยาวปกติครับ ถ้าลืมตาแล้วฟังออก ใครๆก็เป็นครับ
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 20 - ลองดูครับ
ดูแล้วครับ ผมไม่เห็นมี meaningful claim เลยนะครับ และต้องอย่าลืมพื้นฐานที่สุดของ USB ว่า 1. USB เป็น bit perfect transmission ที่มี checksum algorithm ที่ดีมากๆครับ หมายความว่า ‘the bits are identical’ ถ้าข้อมูลเหมือนกันหมด และมีคนเคลมว่าได้ยินความต่าง ถ้าไม่เป็นเพราะเลข 1 ของสายนี้ เสียงต่างจาก 1 ของอีกสาย (which is not the case) คงต้องโยนความผิดไปให้ time-based error ซึ่งผมจะพูดต่อไปครับ 2. Jitter ต่ำมากๆถ้าสายมัน within spec แล้วไม่ควรจะเป็นปัญหาครับ และ DAC สมัยใหม่เองก็มี clock reconstruction ที่ดีมากๆไปแล้ว ปัญหานี้จึงไม่ควรเกิดกับสายความยาวที่เราใช้ๆกันครับ ถ้า DAC แยกที่เราซื้อมามีปัญหา Audible jitter แล้ว ผมว่าใช้ on-board DAC ดีกว่าครับ 55555555 3. Power - USB ซัพพลายไฟ 5V และ USB controller กากๆบางตัวไม่สามารถซัพพลาย 500mA ได้ซึ่งจะเป็นปัญหาก็ต่อเมื่อ DAC ของคุณใช้ไฟจาก bus ไม่ใช่แบตหรือไฟบ้านครับ ไม่เกี่ยวกับสาย (given that it’s within spec)
ถ้าสายนึงเสียงต่างกับสายนึงจริง ต้องมีอันนึงพังครับ และผมไม่ได้บอกว่า digital transmission มัน truly perfect แต่พวก time based error มันน้อยเกินที่หูคนจะได่ยินครับ
เวลาจะเปรียบเทียบเครื่องเสียง blind test เป็นสิ่งสำคัญเพราะมันจะกำจัดความเพี้ยนที่ทรงพลังที่สุดในระบบ หรือสมองของเราเองที่มี bias เมื่อรู้ว่าฟังไรอยู่ครับ เท่าที่ผมรู้ยังไม่มีใคร blind test ผ่านระหว่างสาย USB แพงๆ กับสายที่ within spec ในความยาวปกติครับ ถ้าลืมตาแล้วฟังออก ใครๆก็เป็นครับ
ตอบคำถามเจ้าของกระทู้ดีกว่า ถ้าถามผม DAC บางตัวมันถอดรหัส USB ได้สูงกว่า Optical ผมก็ใช้ USB ครับ =w= ถ้าเท่ากัน เอาที่สบายใจละกันนะครับ =w=
ตอบคำถามเจ้าของกระทู้ดีกว่า ถ้าถามผม DAC บางตัวมันถอดรหัส USB ได้สูงกว่า Optical ผมก็ใช้ USB ครับ =w= ถ้าเท่ากัน เอาที่สบายใจละกันนะครับ =w=
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 27
กุ๊ดจี่
04/01/2018 12:30:50
12
เคยนั่งอ่านบอร์ดเครื่องเสียงบ้าน บางคนบอกว่าเทคโนโลยีสมัยนี้ทำให้สาย USB แสดงผลได้ชัดเจนมากขึ้น
เลยค่อนข้างงง เพราะถ้าสมัยนี้ตัวชิพดีขึ้น น่าจะทำให้สัญญาณ digital มันสมบูรณ์มากขึ้น jitter ลดลง error ลดลง USB น่าจะไม่แสดงความต่างมาก
ยกเว้น สาย usb ที่ไม่ได้มาตรฐาน vs usb ที่ผลิตตามมาตรฐาน
ส่วนตัวเลยลองเปลี่ยนจากสายบ้าน ๆ บาง ๆ เป็น Supra usb ก็เห็นผลในระดับนึง แต่เคยยืมของเพื่อนมาลองเสียบบ้าง (audioquest รุ่นสีเขียว จำชื่อไม่ได้) ก็ไม่เห็นถึงความต่างกับ Supra
เคยนั่งอ่านบอร์ดเครื่องเสียงบ้าน บางคนบอกว่าเทคโนโลยีสมัยนี้ทำให้สาย USB แสดงผลได้ชัดเจนมากขึ้น
เลยค่อนข้างงง เพราะถ้าสมัยนี้ตัวชิพดีขึ้น น่าจะทำให้สัญญาณ digital มันสมบูรณ์มากขึ้น jitter ลดลง error ลดลง USB น่าจะไม่แสดงความต่างมาก
ยกเว้น สาย usb ที่ไม่ได้มาตรฐาน vs usb ที่ผลิตตามมาตรฐาน
ส่วนตัวเลยลองเปลี่ยนจากสายบ้าน ๆ บาง ๆ เป็น Supra usb ก็เห็นผลในระดับนึง แต่เคยยืมของเพื่อนมาลองเสียบบ้าง (audioquest รุ่นสีเขียว จำชื่อไม่ได้) ก็ไม่เห็นถึงความต่างกับ Supra