คือผมได้สาย AC มาเส้นนึง คนขายบอกว่าเป็น Venom3 (เฉยๆไม่มี S) แต่พอดูที่ตัวสายแล้วไม่มี screen คำว่า venom เลยครับ กลับมีพิมพ์คำว่า DIAMONDBACK แทน เลยงงว่ามันคนละรุ่นหรือเปล่า
และสงสัยว่าระหว่าง venom 3 กับ venom 3S ถ้าดูเฉพาะที่ตัวสายมีวิธีแยกความแตกต่างไหมคับ คือผมดูแล้วสีกับขนาดสายมันคล้ายๆกันไปหมด / ขอบคุณครับ
ขอบคุณพี่หมูหวานครับ
DIAMONDBACK เป็นรุ่นเก่ากว่า venom3 ใช่ไหมครับ แล้วเทียบรุ่น series อยู่ในระดับเดียวกันไหมครับ
ตรงหัวปลั๊ก IEC เขียนว่า DIAMONDBACK C13 โดย screen แซะร่องลงไป
ส่วนตามตัวสาย มี screen ตามยาวว่า
(UL) C(UL) E136065-F SJT 12.A WG/3C (3x3.31mm2) DRY 60CV VW-1 SHIELD2D CSA LL96415 FT
คนขายผมมาบอกว่าเป็น Venom 3 (ไม่มีS) แต่ผมดูจากภายนอกไม่มีส่วนไหนเขียนเจาะจงเลย และกำลังสงสัยว่าจะหรือจะเป็นรุ่น Venom3S เพราะผมเทียบกับหน้านี้
http://magazine.munkonggadget.com/product/33/power-ac-venom-3s
เห็นว่าขนาดสาย Venom 3S เป็น 3x3.31mm2 เท่ากับเส้นของผม
รบกวนผู้รู้หน่อยครับว่าสายผมเป็นรุ่นอะไรกันแน่ ใช่ Venom3 จริงหรือเปล่า เพราะราคา 3 กับ 3S ต่างกันเยอะ
--------------------
เรื่องเสียงของสายไฟ ผมไม่แน่ใจครับ แต่ส่วนตัวผมได้หูฟัง แอมป์ DAC ที่พอใจแล้ว และก็ไล่เปลี่ยนสายแถมออกเรื่อยๆทั้ง RCA ต่างๆ จนเหลือแค่สายไฟที่ยังเป็นสายแถมอยู่ แต่ก่อนผมก็ไม่ให้ราคาสายไฟครับ แต่ผมเคยเปลี่ยนไปเส้นก่อนหน้านี้เสียงมันต่างจริงๆ อาจเป็นเพราะผมฟัเพลงคลาสสิคกับ หูฟัง AKG K701 ด้วย เหมือนหูฟังตัวนี้จะขี้ฟ้อง เสียงออกเจี๊ยวจ๊าว noise หรือเสียงกวนในระบบต่างๆมันถ่ายทอดมาเข้าหูหมดเลย ทุกวันนี้ยิ่ง upgrade ระบบไปเรื่อยๆ พอผมฟังเพลงคลาสสิค ท่อนที่มีคนแก่ไอ ก็ยิ่งไอเสียงดังชัดเจนกังวาลเลย ไม่รู้เหมือนกันว่าตกลงดีหรือเปล่า แต่เสียงเพลงก็น่าจะขึ้นจริงครับ อาศัยค่อยๆ match ส่วนต่างๆไปเรื่อย
อ้างอิงจากเฮียมั่นคง
"Venom 3 กับ 3S ตัวนำทุกอย่างเหมือนกัน เพียงแต่ขนาดหน้าตัดของตัวนำต่างกัน ของตัว Venom 3S เป็นเบอร์ 14AWG ส่วน Venom 3 เป็นขนาด 12AWG นอกนั้นเทคนิคการชีลด์ และคุณภาพฉนวน เหมือนกันเด๊ะๆๆๆๆเลยจ้าๆๆๆ "
คืนตอนนี้ผมสงสัยว่าของผมเป็นรุ่น Venom3 หรือ Venom3S
ถ้าต่างกันตรงขนาดตัวนำ 14 กับ 12 AWG ไม่ทราบว่าท่านไหนพอจะแนะนำได้ไหมครับว่าผมต้องสังเกตสายผมตรงไหน
ส่วนเรื่องอักษร DIAMONDBACK พิมพ์ตรงหัวปลั๊กอันนี้ก็งงอีกเรื่องครับ แต่ผมไปเปิดดูรุ่น Diamondback แล้วสายคนละแบบกับของผม สรุปของผมน่าจะเป็น Venom แต่ไม่รู้รุ่นไหน
Shunyata Venom ผมค้นมาเขาว่ามี 3 รุ่นครับ รุ่น 3 ,3S ,HC โดยเรียงเล็กไปใหญ่ แต่ละรุ่นทำคล้ายๆกันหมด ไม่มีอักษรพิมพ์ระบุรุ่นให้ชัดเจน สีของตัวสายขาวเทาเหมือนกัน หัวปลั๊กส่วนมากใสๆ บางทีเปิดรูปรุ่น Venom3 เหมือนกัน อันนึงหัวปลั๊กใส อีกอันสีดำทึบก็มี แถมหน้ากล่องอุตส่าห์ทำมาแต่ดันไม่พิมพ์ชื่อรุ่น คุ้นๆว่าผมเคยอ่านผ่านตามีคนถกเถียงกันเรื่องรุ่นของสาย Venom นี้มาครั้งนึงแล้ว ไม่นึกว่าจะมาเจอกับตัวเอง
--------------------------
เส้นสาย สำหรับเครื่องเสียง ส่วนตัวผมก็รู้สึกเหมือนกันว่าเหมือนกับเล่นมากไม่ดี ตอนแรกก็ไม่กะลงทุนมากแต่เทียบกับสายแถมแล้วมันต่างจริงๆครับ ทั้งสายไฟ สาย USB ส่วนสาย RCA กับสายลำโพง (หูฟัง) มีผลชัดเจนชนิดไม่ต้องตั้งใจไฟอยู่แล้ว
อย่างสาย USB ตอนนี้ผมก็ยังใช้สายแถมอยู่ แต่ผมเคยลองเอาสายสีฟ้าใสๆของอมรมาต่อเสียงแย่สุดๆเลยครับ ต้องไปหาสายแถมเส้นสีดำหนาๆหน่อยมาต่อแทนก็ดีขึ้น ผมก็หาโอกาสเปลี่ยนยี่ห้อดีๆอยู่เหมือนกัน :-)
ขอบคุณครับ ได้คำตอบแล้ว :-)
ไหนๆมารบกวนแล้ว สำหรับ Venom3 นี้ผมลองเทียบกับ Pangea 14mk2 พบว่าเสียงเปิดโปร่งกว่าเยอะครับ แต่เหมือนพละกำลังจะไม่มาก ตอนแรกผมต่อกับแอมป์เสียงก็เปิดโปร่งแต่แรงเหมือนจะไม่ค่อยมี เลยลองสลับเอาไปต่อ DAC เสียงดีขึ้นเยอะเลยครับ น่าจะเหมาะกับพวก player DAC อย่างแรกที่รู้สึกคือฉากหลังสงัดขึ้นเยอะ เสียงย่านต่างๆเปิดมากขึ้น แต่จากที่เคยอ่านมารวมกับผมลองเทียบกับ Pangea ผมว่า Venom3 นี้ flat เลยครับ คือเสียงเดิมเป็นอย่างไร พอใช้ Venom3 แล้ว แนวเสียงจะตามเดิมเลย คือเสียงดีขึ้นทุกย่าน ทั้งต่ำกลางสูง เหมาะกับระบบที่พอใจแนวเสียงเดิมแล้วแต่อยากได้เสียงที่ดีขึ้นอีก (ผมก็อธิบายไม่ถูกแต่ดีกว่าสายแถมเยอะละกัน) ถ้าเป็น Pangea เบสจะออกเยอะและแหลมน่าจะพุ่งมั๊ง ถ้าขาดอยู่ได้ไปเติมก็ดีแต่ถ้ามีเยอะแล้วจะกลายเป็นเกิน
ขอบคุณทุกท่านที่ช่วยชี้แนะครับ
เรื่องเครื่องเสียงเป็นอะไรที่แปลกมาก
ผมเป็นคนหัววิทยาศาสตร์มาก ไม่ค่อยเชื่ออะไรง่ายๆ แรกๆผมไม่เชื่อเรื่องสายไฟ AC เลยนะครับ แบบว่า ไฟมันไม่สะอาดตลอดทางมาเจอสายไฟเมตรกว่าจะดีได้ไง ปรากฏว่าพอลองฟัง อ้าวต่างจริงๆ แถมสายแต่ละเส้นมีบุคลิกเสียงต่างกันออกไปอีก งงมาก
เรื่องความต่างทาง Digital นี่แรกๆผมไม่เชื่อเลย เพราะเชื่อว่ารหัส Digital เป็น Code เพื่อไปออกคำสั่ง (มันไม่ใช่สัญญาน Analogue มันไม่ควรจะต่างกันได้ด้วยสายส่ง) เหมือนลำดับเบสใน DNA ถ้าลำดับเบส DNA เดียวกันก็ถอด code ออกมาสั่งเคราะห์ได้โปรตีนแบบเดียวกัน ไม่มีทางเป็นอื่นไปได้ สาย USB ผมเคยทดลองและฟังไม่ออกเลยสักเส้น แต่ล่าสุด คุณตั้มเอาไฟล์ที่ copy ผ่านสาย USB ราคาถูกกับสายราคาแพงให้ฟัง ดันฟังออกว่าต่าง เลยอยากกลับไปทดลองสาย USB ดูอีก ครั้งแรกที่ฟังไม่ออก อาจจะเป็นที่ว่าสาย USB ชุดที่ผมลองบุคลิกเสียงต่างกันไม่มาก (subtle) และประสบการณืในการฟังยังน้อยมาก ไว้ต้องไปหาที่เค้าว่าเสียงต่างกันมากๆมาลองอีกทีครับ ว่าฟังออกไหม
ขอยืนยันว่า ความต่างของเสียงจากสายไฟ AC นั้นมีจริง บางเส้น ไม่ Subtle เลย มันต่างแบบชัดจริงๆ ชนิดที่ว่าคนหูตะกั่วแบบผมฟังออก
ลงชื่อ คนหัววิทย์มากๆ ไม่ชอบมโน.....แต่งงกับสิ่งที่ได้ฟัง
เรื่องเครื่องเสียงเป็นอะไรที่แปลกมาก
ผมเป็นคนหัววิทยาศาสตร์มาก ไม่ค่อยเชื่ออะไรง่ายๆ แรกๆผมไม่เชื่อเรื่องสายไฟ AC เลยนะครับ แบบว่า ไฟมันไม่สะอาดตลอดทางมาเจอสายไฟเมตรกว่าจะดีได้ไง ปรากฏว่าพอลองฟัง อ้าวต่างจริงๆ แถมสายแต่ละเส้นมีบุคลิกเสียงต่างกันออกไปอีก งงมาก
เรื่องความต่างทาง Digital นี่แรกๆผมไม่เชื่อเลย เพราะเชื่อว่ารหัส Digital เป็น Code เพื่อไปออกคำสั่ง (มันไม่ใช่สัญญาน Analogue มันไม่ควรจะต่างกันได้ด้วยสายส่ง) เหมือนลำดับเบสใน DNA ถ้าลำดับเบส DNA เดียวกันก็ถอด code ออกมาสั่งเคราะห์ได้โปรตีนแบบเดียวกัน ไม่มีทางเป็นอื่นไปได้ สาย USB ผมเคยทดลองและฟังไม่ออกเลยสักเส้น แต่ล่าสุด คุณตั้มเอาไฟล์ที่ copy ผ่านสาย USB ราคาถูกกับสายราคาแพงให้ฟัง ดันฟังออกว่าต่าง เลยอยากกลับไปทดลองสาย USB ดูอีก ครั้งแรกที่ฟังไม่ออก อาจจะเป็นที่ว่าสาย USB ชุดที่ผมลองบุคลิกเสียงต่างกันไม่มาก (subtle) และประสบการณืในการฟังยังน้อยมาก ไว้ต้องไปหาที่เค้าว่าเสียงต่างกันมากๆมาลองอีกทีครับ ว่าฟังออกไหม
ขอยืนยันว่า ความต่างของเสียงจากสายไฟ AC นั้นมีจริง บางเส้น ไม่ Subtle เลย มันต่างแบบชัดจริงๆ ชนิดที่ว่าคนหูตะกั่วแบบผมฟังออก
ลงชื่อ คนหัววิทย์มากๆ ไม่ชอบมโน.....แต่งงกับสิ่งที่ได้ฟัง
อ้างอิงจากเฮียมั่นคง ที่ว่ารุ่น Venom3 กับ Venom3S ฉนวนเหมือนกันหมดต่างกันแค่ตัวนำ ผมเลยคิดว่าสายผมเป็น Venom 3 ครับ เพราะมีระบุ 12AWG/3C (3x3.31mm2) คือตัวนำ 12AWG และ หน้าตัด 3.31mm2
ส่วนเรื่องหลายสีหลายแบบ ผมขี้เกียจคิดละ สงสัยของผมคงเป็นคนละ lot กับคนอื่น เพราะสีไม่เหมือนชาวบ้านเขา ส่วนเรื่องเสียงตอนแรกผมเอาไปต่อแอมป์ พอเทียบกับ pangea14mkII แล้วรู้สึกไม่ ok (pangea14mkII เส้นนี้หนามากน่าจะ 7AWG) แต่พอย้ายเอา Venom 3 ไปเอาไปต่อ DAC เสียงสุดยอดเลยครับ ตอนนี้ฟังเพลงฟินมาก ไล่ขุดอัลบั้มที่เก็บไว้ออกมาฟัง ไล่ฟังเสียงต่างๆ คือรายละเอียดเสียงไม่ถึงกับขุดคุ้ยรายละเอียดออกมาเยอะๆ แต่ก็แยกรายละเอียดได้ในระดับที่ดีทีเดียว ส่วนที่ดีมากๆคือ background สงัด ทำให้เสียงต่างๆดูน่าฟัง และที่เขาเรียกว่า tonal balance มั๊ง อันนี้ก็ทำได้ดีมากเช่นกันครับ สมดุลย์เสียงไล่ตั้งแต่เบส กลาง สูง ไม่มีการเบี่ยงเบน ค่อนข้าง flat ซึ่งเป็นแบบที่พวกเล่น Hi-end ชอบ ส่วนผมเองจริงๆก็อยากได้ color นิดหน่อย แต่ก็แอบดีใจได้สัมผัสกับเสี้ยวนึงของพวกเล่น Hi-end ว่า flat มันเป็นอย่างนี้เอง :-)
เพราะผมก็คิดแบบที่คุณ Artnoi คิดทุกอย่างนั่นแหละครับ....ผมถึงได้ใช้คำว่า "แปลก" 55555
ทั้งนี้สายไฟ AC ผมยังยืนยันว่าต่างจริงๆ เพราะมันชัดมาก (แต่ผมอธิบายไม่ได้ว่าทำไม)
เรื่องเครื่องเสียงเป็นอะไรที่แปลกมาก
ผมเป็นคนหัววิทยาศาสตร์มาก ไม่ค่อยเชื่ออะไรง่ายๆ แรกๆผมไม่เชื่อเรื่องสายไฟ AC เลยนะครับ แบบว่า ไฟมันไม่สะอาดตลอดทางมาเจอสายไฟเมตรกว่าจะดีได้ไง ปรากฏว่าพอลองฟัง อ้าวต่างจริงๆ แถมสายแต่ละเส้นมีบุคลิกเสียงต่างกันออกไปอีก งงมาก
เรื่องความต่างทาง Digital นี่แรกๆผมไม่เชื่อเลย เพราะเชื่อว่ารหัส Digital เป็น Code เพื่อไปออกคำสั่ง (มันไม่ใช่สัญญาน Analogue มันไม่ควรจะต่างกันได้ด้วยสายส่ง) เหมือนลำดับเบสใน DNA ถ้าลำดับเบส DNA เดียวกันก็ถอด code ออกมาสั่งเคราะห์ได้โปรตีนแบบเดียวกัน ไม่มีทางเป็นอื่นไปได้ สาย USB ผมเคยทดลองและฟังไม่ออกเลยสักเส้น แต่ล่าสุด คุณตั้มเอาไฟล์ที่ copy ผ่านสาย USB ราคาถูกกับสายราคาแพงให้ฟัง ดันฟังออกว่าต่าง เลยอยากกลับไปทดลองสาย USB ดูอีก ครั้งแรกที่ฟังไม่ออก อาจจะเป็นที่ว่าสาย USB ชุดที่ผมลองบุคลิกเสียงต่างกันไม่มาก (subtle) และประสบการณืในการฟังยังน้อยมาก ไว้ต้องไปหาที่เค้าว่าเสียงต่างกันมากๆมาลองอีกทีครับ ว่าฟังออกไหม
ขอยืนยันว่า ความต่างของเสียงจากสายไฟ AC นั้นมีจริง บางเส้น ไม่ Subtle เลย มันต่างแบบชัดจริงๆ ชนิดที่ว่าคนหูตะกั่วแบบผมฟังออก
ลงชื่อ คนหัววิทย์มากๆ ไม่ชอบมโน.....แต่งงกับสิ่งที่ได้ฟัง
เรื่องเครื่องเสียงเป็นอะไรที่แปลกมาก
ผมเป็นคนหัววิทยาศาสตร์มาก ไม่ค่อยเชื่ออะไรง่ายๆ แรกๆผมไม่เชื่อเรื่องสายไฟ AC เลยนะครับ แบบว่า ไฟมันไม่สะอาดตลอดทางมาเจอสายไฟเมตรกว่าจะดีได้ไง ปรากฏว่าพอลองฟัง อ้าวต่างจริงๆ แถมสายแต่ละเส้นมีบุคลิกเสียงต่างกันออกไปอีก งงมาก
เรื่องความต่างทาง Digital นี่แรกๆผมไม่เชื่อเลย เพราะเชื่อว่ารหัส Digital เป็น Code เพื่อไปออกคำสั่ง (มันไม่ใช่สัญญาน Analogue มันไม่ควรจะต่างกันได้ด้วยสายส่ง) เหมือนลำดับเบสใน DNA ถ้าลำดับเบส DNA เดียวกันก็ถอด code ออกมาสั่งเคราะห์ได้โปรตีนแบบเดียวกัน ไม่มีทางเป็นอื่นไปได้ สาย USB ผมเคยทดลองและฟังไม่ออกเลยสักเส้น แต่ล่าสุด คุณตั้มเอาไฟล์ที่ copy ผ่านสาย USB ราคาถูกกับสายราคาแพงให้ฟัง ดันฟังออกว่าต่าง เลยอยากกลับไปทดลองสาย USB ดูอีก ครั้งแรกที่ฟังไม่ออก อาจจะเป็นที่ว่าสาย USB ชุดที่ผมลองบุคลิกเสียงต่างกันไม่มาก (subtle) และประสบการณืในการฟังยังน้อยมาก ไว้ต้องไปหาที่เค้าว่าเสียงต่างกันมากๆมาลองอีกทีครับ ว่าฟังออกไหม
ขอยืนยันว่า ความต่างของเสียงจากสายไฟ AC นั้นมีจริง บางเส้น ไม่ Subtle เลย มันต่างแบบชัดจริงๆ ชนิดที่ว่าคนหูตะกั่วแบบผมฟังออก
ลงชื่อ คนหัววิทย์มากๆ ไม่ชอบมโน.....แต่งงกับสิ่งที่ได้ฟัง
ถ้าฟังสาย USB ไม่ออกแสดงว่าเหมือนผม 5555
ลองฟังสายไฟ AC ดูครับ ลองหลายๆเส้น เพราะบางเส้นต่างกันน้อยมากฟังไม่ออก บางเส้นต่างชัดครับ
เรื่องเส้นสายผมเริ่มต้นเหมือนหลายๆท่านครับ คือไม่เชื่อเลยทั้งสาย analog และ digital ถัดมาก็หยวนๆว่าเออ สาย analog มันมีเหตุผลที่เสียงจะต่างอยู่บ้าง ส่วนสาย digital ยังไงก็ 0 กับ 1 จะมีผลกับเสียงได้ยังไง จนกระทั่่งวันนึงผมสลับเอาสาย USB ผมไปต่อเส้นเก่า (เป็นสายแถมทั้งคู่) แล้วนั่งงง 3 วันว่าทำไมเสียงไม่เหมือนเดิม จนเข้าวันที่ 3 (รู้ตัวช้าไปหน่อยแต่ก็ยังดีที่นึกออก) ถึงนึกได้ว่าเราสลับสาย USB เอาไว้ เลยลองเอาเส้นเก่ามาต่อปรากฎว่าเสียงกลับมาเหมือนเดิม
จากประสบการณ์เล่นชุดเริ่มต้นของผม กับที่เคยฟังรุ่นใหญ่เขาคุยกัน เขาว่าเล่นแรกๆ สายที่จะมีผลกับเสียงไล่จากมากไปน้อยก็ สายลำโพง(หูฟัง) > สาย RCA > สายสัญญาณ > สายไฟ AC ส่วนถ้าเล่นไปถึงชุดแพงขึ้นเรื่อยๆ ความสำคัญจะเริ่มย้อนทางครับ คือเหมือนกับมันตันแล้วไม่รู้จะ upgrade ตรงไหนเลยย้อนกลับมา up พวกสาย สัญญาณ สายไฟแทน โดยเฉพาะระบบไฟนี่มีเรื่องให้เสียตังค์เยอะมาก เพราะพ้นจากสายไฟไปต้นทางอีก ยังมีรางปลั๊กไฟ กรองไฟ stabilizer กล่องไฟผนัง บางท่านไปขอการไฟฟ้าเดินไฟ 3 เฟส เพื่อจะแยกไฟเครื่องเสียงออกจากไฟส่วนอื่นๆของบ้าน (ผมก็ฟังเขามานะครับ ตอนแรกเหลือเชื่อมาก แต่พออ่านรุ่นใหญ่เขาคุยกันเยอะๆ การเดินสายไฟใหม่เป็นเรื่องปกติของนักเล่น)
ส่วนคำว่า "เล่น" เส้นสาย ต่างๆนั้น ตอนแรกผมก็ไม่เข้าใจ เพราะเริ่มต้นทุกคนมักได้คำแนะนำให้ลงงบไปกับ ลำโพง (หูฟัง) ,แอมป์ หรือ player พวกนี้จะมีผลมากที่สุด เซียนบางท่านพอได้ยินว่ามือใหม่ "เล่น" สาย ก็ตำหนิเลยว่าผิดทาง ซึ่งก็ถูกต้อง แต่จนแล้วจนรอด ผมก็ยังเห็นมีนักเล่นเครื่องเสียง ลงเงินไปกับสายต่างๆ ทั้งๆที่ดูแล้วมันเกินความเหมาะสมกับระบบส่วนอื่นๆ (เซียนส่วนมากแนะนำไม่ให้ลงงบเกิน 30% ของระบบ) มาตอนหลังผมถึงเริ่มเข้าใจว่าคนที่ลงเงินเยอะๆกับเส้นสายมันก็พอมีเหตุผล เพียงแต่ว่าต้องเปลี่ยนจากคำว่า "เล่น" เป็น "ลงทุน"
เพราะในบรรดาอุปกรณ์เครื่องเสียงนั้น จะมีพวกที่ตกรุ่นหรือเสื่อมไวอายุสั้น อย่างเช่น DAC ,Player ,Amplifier (DAC จะเห็นชัดมากเพราะตกรุ่นเร็วเหมือน computer เลย) พวกนี้มีอายุสั้นกว่าเมื่อเทียบกับอีกกลุ่มนึงคือ ลำโพง สายไฟ สายสัญญาณ สาย RCA โดยเฉพาะสายไฟนี่แหละครับ ที่มีขนาดใหญ่และมักมีราคามากกว่าชาวบ้าน แต่กลับไม่มีการตกรุ่น และอายุของสายไฟก็มักจะยาวนาน คนถนอมของหน่อย 5 ปีสายยังเหมือนใหม่ และสายไฟถ้าเก็บดีๆ 20 ปีน่าจะยังใช้งานได้ (แอมป์หรือพวกวงจรอิเล็กซ์โทรนิค ผมเข้าใจว่าต้องมีการเปลี่ยนพวกตัวเก็บประจุที่เขาเรียกการ re-cap) ส่วนสายไฟไม่ต้องการการดูและรักษาเลย
ดังนั้นก็จะมีนักเล่นกลุ่มนึงลงเงินไปกับสายไฟเยอะทั้งๆที่ดูไม่สมเหตุผล แต่เป็นเพราะว่าสายไฟ รุ่น ยี่ห้อดีๆ พอเก็บนานวันเข้า ความเสื่อมที่มีน้อย สวนทางกับราคาที่เพิ่มขึ้นจากการกลายเป็นของสะสม ผ่านไปนาน 10 ปี เส้นที่เขาว่าเป็นตำนานดียังงั้นดียังงี้ ก็จะมีนักเล่นหน้าใหม่บางส่วนที่อยากลองฟัง หรือนักเล่นมือเก่าที่ขายไป แล้วถวิลหาอยากได้ความทรงจำกลับมาใหม่ ทำให้สายไฟบางรุ่นราคาไม่ค่อยตกหรือตกช้า พอรวมกำไรจากการได้ใช้งานก็กลายเป็นการ "ลงทุน" ที่คุ้มค่า
เรื่องเครื่องเสียงเป็นอะไรที่แปลกมาก
ผมเป็นคนหัววิทยาศาสตร์มาก ไม่ค่อยเชื่ออะไรง่ายๆ แรกๆผมไม่เชื่อเรื่องสายไฟ AC เลยนะครับ แบบว่า ไฟมันไม่สะอาดตลอดทางมาเจอสายไฟเมตรกว่าจะดีได้ไง ปรากฏว่าพอลองฟัง อ้าวต่างจริงๆ แถมสายแต่ละเส้นมีบุคลิกเสียงต่างกันออกไปอีก งงมาก
เรื่องความต่างทาง Digital นี่แรกๆผมไม่เชื่อเลย เพราะเชื่อว่ารหัส Digital เป็น Code เพื่อไปออกคำสั่ง (มันไม่ใช่สัญญาน Analogue มันไม่ควรจะต่างกันได้ด้วยสายส่ง) เหมือนลำดับเบสใน DNA ถ้าลำดับเบส DNA เดียวกันก็ถอด code ออกมาสั่งเคราะห์ได้โปรตีนแบบเดียวกัน ไม่มีทางเป็นอื่นไปได้ สาย USB ผมเคยทดลองและฟังไม่ออกเลยสักเส้น แต่ล่าสุด คุณตั้มเอาไฟล์ที่ copy ผ่านสาย USB ราคาถูกกับสายราคาแพงให้ฟัง ดันฟังออกว่าต่าง เลยอยากกลับไปทดลองสาย USB ดูอีก ครั้งแรกที่ฟังไม่ออก อาจจะเป็นที่ว่าสาย USB ชุดที่ผมลองบุคลิกเสียงต่างกันไม่มาก (subtle) และประสบการณืในการฟังยังน้อยมาก ไว้ต้องไปหาที่เค้าว่าเสียงต่างกันมากๆมาลองอีกทีครับ ว่าฟังออกไหม
ขอยืนยันว่า ความต่างของเสียงจากสายไฟ AC นั้นมีจริง บางเส้น ไม่ Subtle เลย มันต่างแบบชัดจริงๆ ชนิดที่ว่าคนหูตะกั่วแบบผมฟังออก
ลงชื่อ คนหัววิทย์มากๆ ไม่ชอบมโน.....แต่งงกับสิ่งที่ได้ฟัง
เรื่องเครื่องเสียงเป็นอะไรที่แปลกมาก
ผมเป็นคนหัววิทยาศาสตร์มาก ไม่ค่อยเชื่ออะไรง่ายๆ แรกๆผมไม่เชื่อเรื่องสายไฟ AC เลยนะครับ แบบว่า ไฟมันไม่สะอาดตลอดทางมาเจอสายไฟเมตรกว่าจะดีได้ไง ปรากฏว่าพอลองฟัง อ้าวต่างจริงๆ แถมสายแต่ละเส้นมีบุคลิกเสียงต่างกันออกไปอีก งงมาก
เรื่องความต่างทาง Digital นี่แรกๆผมไม่เชื่อเลย เพราะเชื่อว่ารหัส Digital เป็น Code เพื่อไปออกคำสั่ง (มันไม่ใช่สัญญาน Analogue มันไม่ควรจะต่างกันได้ด้วยสายส่ง) เหมือนลำดับเบสใน DNA ถ้าลำดับเบส DNA เดียวกันก็ถอด code ออกมาสั่งเคราะห์ได้โปรตีนแบบเดียวกัน ไม่มีทางเป็นอื่นไปได้ สาย USB ผมเคยทดลองและฟังไม่ออกเลยสักเส้น แต่ล่าสุด คุณตั้มเอาไฟล์ที่ copy ผ่านสาย USB ราคาถูกกับสายราคาแพงให้ฟัง ดันฟังออกว่าต่าง เลยอยากกลับไปทดลองสาย USB ดูอีก ครั้งแรกที่ฟังไม่ออก อาจจะเป็นที่ว่าสาย USB ชุดที่ผมลองบุคลิกเสียงต่างกันไม่มาก (subtle) และประสบการณืในการฟังยังน้อยมาก ไว้ต้องไปหาที่เค้าว่าเสียงต่างกันมากๆมาลองอีกทีครับ ว่าฟังออกไหม
ขอยืนยันว่า ความต่างของเสียงจากสายไฟ AC นั้นมีจริง บางเส้น ไม่ Subtle เลย มันต่างแบบชัดจริงๆ ชนิดที่ว่าคนหูตะกั่วแบบผมฟังออก
ลงชื่อ คนหัววิทย์มากๆ ไม่ชอบมโน.....แต่งงกับสิ่งที่ได้ฟัง