เบสฟุลไซส์ มันคงจะมุดเข้ารูหูยากหน่อยครับเบส แต่มันจะเป็นเบสที่มาจากระยะไกลเเหมือนลูกฟรีคิกส์ของเดวิดเบ็คแฮ่ม(เก่าไปมั๊ย) ซึ่งข้อดีจะทำให้ได้รายละเอียดในย่านอื่นมากกว่าครับ

ถ้าจะเบิร์นให้ได้เบส คงต้องหาเพลงที่เบสเยอะๆมาเบิร์นน่ะครับ อัลบั้มที่คุณ Genger แจกก็มี แล้วก็มีที่ผมโหลดมาจาก siambit อัลบั้ม Bass Creations - Bass the Nation กะ Knights Of Bass - Slow Jam Bass อัลบั้มพวกนี้เบสไม่บวมครับ ไม่เหมือนกะ แนว drum&bass ทั่วไป

ลองหาพวก hiphop อย่าง Flo rida กะ T-pain อย่างเพลง low ง่ะเบสลงลึกดี น่าจะช่วยได้นะ อัดกันเข้าไป
แต่ถ้าหูมันทำมาได้แค่นี้ ก็อย่าไปยัดเยียดเลยนะ

ไฟล์ที่คุณ Genger อัพส่วนใหญ่เป็นเพลงเทสเบสของรถยนต์น่ะครับ
ผมกลัวหูฟังผมจะรับไม่ไหว 555+ ของเค้าแรง 55+
เด๋วจะลองไปหาอัลบัมที่แนะนำมาใช้ดูครับ ขอบคุณครับ

หลักคือ หาเพลงที่เบสเยอะๆชัดๆมาเบิร์นใช่มั้ยครับ

ผมกลัวเบิร์นแต่จากพวก classic หรือพวกที่เน้นรายละเอียดอย่างเดียว เด๋ว SR60i ผมจะกลายร่างไปครับ 55+

Thanks again

ตอนนี้ก็ใช้แต่ bass connection ของคุณ Genger เป็นหลักเนี่ยแหล่ะ 55+

ถ้าเป็นเพลงธรรมดา แนะนำ Janis Ian - Breaking Silence ของคุณ ota_hay
Clair Marlo - Let It Go , Bitter Love (Tan Dun)ที่คุณ Genger แจก พวกนี้เสียงเบสใช้ได้เลย ไม่งั้นก็แนวแจซแนวฟังก์ ที่เป็น audiophile ยกเว้นแนว คลาสสิค เบสจะน้อยกว่าเพื่อน

ผมลืมบอกไปอย่างครับ เสียบลูกเจี๊ยบด้วยก็ดีครับ อิอิ

การ Burn in ทำให้ หูฟัง หรือ ลำโพง เข้าที่เข้าทาง

คงไม่ถึงกับเพิ่มเบส เพิ่มแหลม หรือ ปรุงแต่ง อะไรได้จากการ Burn มากนักครับ

^
^
ถูกกกกกก

การ Burn in ทำให้ หูฟัง หรือ ลำโพง เข้าที่เข้าทาง

>>> แต่ถ้าเบิร์นผิดก็ทำให้หูฟังไปคนละทิศละทางรึป่าวครับ หรือว่า เบิร์นยังไงก็ได้ สุดท้ายแล้วออกมาเหมือนกันหมด

ถ้ามันไม่เหมือน แสดงว่า มันต้องมีวิธีที่มำให้เสียงมันไปทางที่ต้องการสิครับ

แค่เบิร์นถ้ามันทำให้เสียงตามต้องการได้ก็ไม่ต้องซื้อหูฟังแพงๆ และครับ

ผมใช้เพลงของWonder Girlsเบิร์น MS1 กะ PK2
เบสมาแบบกระแทกกระทั้นเลยครับสะใจมาก
ไปลองฟังของคนอื่นที่เบิร์นแบบปกติเบสน้อยกว่าของผมอีก
คนที่ผมส่ง MS1 ไปให้ลองฟัง ก็บอกเป็นเสียงเดียวกัน
ว่าเบสของMS1ผมเยอะกว่าของชาวบ้านเค้า^^

แค่อยากบอกว่าเพลงที่เบิร์นก็มีผลนะครับ ไม่เชื่ออย่าลบลู่

ครับ แค่อยากจะบอกว่ามีผลครับ อยากจะบอกว่าซื้อหูฟังแพงๆมา เบิร์นผิดมันก็เน่าอยู่ดี
ที่ต้องเลือกเพลงนั้นเพลงนี้มาเบิร์น ก็แค่เป็นวิธีที่ให้หูฟังแสดงประสิทธิภาพในแบบที่เราต้องการออกมาเต็มที่หูนั้นจะทำได้ แต่มันจะถูกใจเรากี่%ก็ขึ้นอยู่กับระดับหูฟังอีกล่ะครับ

ตลกตั้งแต่หัวข้อกระทู้
เป่าหูกันมากันที่ทอดแล้วก็ไม่รู้ไอ้เรื่องเบิร์นอภินิหารเนี่ย

มีผลแต่ไม่ถึงกับมากมาย ไม่ได้เป็นการเปลี่ยนสไตร์ของมัน
ลองเอา PK2 ของแต่ล่ะคนมาฟังเปรียบเทียบกันสิครับ

เบิร์นแล้ว ทำให้หูฟังเข้าที่แหละครับ

ไม่ถึงกับเปลี่ยนบุคลิก

หูฟังแพงๆเบิร์นผิดมันก็ไม่ได้เน่านะ ถ้าไม่ได้เบิร์นด้วยไฟล์ซัก96-256kไรแบบเนี้ย

มันไม่อะไรขนาดนั้นครับ หูฟังมันไม่แปลงร่างได้จากการเบิร์นหรอก

อยากดึงประสิทธิภาพเบสให้สุดๆก็จัดเบิร์นด้วยslipknot+ampลูกเจี๊ยบหรือลูกอ๊อดไปเลยครับคุณArmuroรับลองอยู่ (ประหยัดงบ+ถูกด้วย 555+)

เบิร์นยังไงมันก็ได้เบสได้กลางได้แหลมแค่เท่าที่โรงงานเค้าจูนมาแค่นั้นแหละครับ มันเครื่องใช้ไฟฟ้านะครับไม่ใช่สิ่งมีชีวิตจะได้ปรับตัวได้ ใครบอกเบิร์นเบสได้เบสผมว่ายังเบิร์นไม่สุดมากกว่า ไม่งั้นบริษัทหูฟังเจ๊งแล้ว ทำขายเป็น10รุ่นลูกค้าซื้อรุ่นเดียวมาเบิร์นแยกแนว

บางทีผมก็สงสัยนะ ว่าไฟลล์เบิร์นเฉพาะ ที่ขายกันเกือบพันนี่มันเหมาะกว่าหรือป่าว
พอดีไม่มีปัญญาซื้อหูฟังรุ่นเดียวกันสองตัวมาลอง ใครใจกล้า เอาหน่อยไหม

ลองซื้อหูฟังตามตลาดนัดอันละ150มาลองสิครับ 555+ อย่างน้อยก็น่าจะเห้นความแตกต่างซัก5-10%แหละม้างงง ถ้าแผ่นเบิร์นมันดีจริง

คิดได้ว่างั้นต้องหาหูฟังที่ให้เสียง flat สิถึงจะรู้
ก็เลยเกิดคำถามว่า หูฟัง mornitor ที่ต้องการเสียงใกล้เคียง natural ที่สุด
จะใช้ไรเบิร์นง่า ซี้ซั้วเดียวเพี้ยนละยุ่งเลย

ใช่ครับ ไม่เน่า ตอนนั้นพิมใช้อารมณ์มากไปหน่อย - - แต่เรื่องแปลงร่างนี่ผมไม่รู้ไม่มีปัญญาทดลอง

ความจริงเรื่องพวกนี้ ถ้าฟังไม่ออกก็ไม่ต้องไปพูดมันมากนัก เป็นเวรเป็นกรรมของพวกที่มีหูนำไฟฟ้าได้

อ้อ แต่ถ้าเบิร์นผิดจนหูมันเจ๊ง มันก็เรียกว่าเน่าได้ล่ะ 555+ แบบว่า เปิดความถี่ 0-30k ดังๆงี้

เบิร์นยังไงมันก็ได้เบสได้กลางได้แหลมแค่เท่าที่โรงงานเค้าจูนมาแค่นั้นแหละครับ

แปลว่าถ้าเบิร์นด้วยวิธีไหนก็ตาม ด้วยระยะเวลานานๆ ซัก 1000ชม. นี่สุดยังครับ สุดท้ายแล้วเสียงมันจะออกมาเหมือนกันหมดทุกตัวเหรอครับ

ผมว่าโลกนี้มันยังมีอะไรที่พิสูจน์ไม่ได้หลายอย่างนะครับ อย่าลืมว่าสิ่งมีชีวิตก็เกิดจากสิ่งไม่มีชีวิตนะครับ การที่หูฟังมันเบิร์นไปเบิร์นมาแล้วจะมีอะไรมาเข้าสิงก็เป็นไปได้(ล้อเล่นครับ)

แต่ผมว่ามันมีอะไรลึกซึ้งกว่านั้นครับ ของไม่ว่าอะไรก็ตาม เราใช้งานไปมากๆ มันก็จะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของมันครับ ไม่มีอะไรเหมือนกันทุกประการหรอกครับ แล้วของที่สามารถเปลี่ยนรูปพลังงานได้อย่างละเอียดอ่อนอย่างลำโพง ผมว่าเรื่องเอกลักษณ์ที่เกิดจากการใช้งานนี่สำคัญเลยครับ ที่จะมีผลต่อการทำงานของมัน

ผมว่าคุณเป็นพวกBASS LOVER แน่เลย
สงสัยุณจะเล่นผิดรุ่นแล้วนะครับ
SR60iไม่เหมาะกับคุณหรอก
ลองไปเล่น 225i ดีกว่าเหมาะกับคุณชัวร์

ปิดตาเทสไม๊ หูฟังตัวเดียวกัน หูอันแรกเบิร์นแบบเพิ่มเบส อีกตัวเบิร์นเพิ่มแหลม จะได้รู้ว่าหูนำไฟฟ้าจริงหรือเปล่า

zentinel พูดมาก็มีเหตุผล
ตัวอย่างใกล้ตัวเลย มีมอเตอร์ไซค์สองคัน รุ่นเดียวกัน ไม่ได้แต่งอะไรทั้งคู่เดิม ๆ จากโรงงาน
ขี่ได้สักพันกิโล แล้วลองมาแลกกันขี่ดิ ยังไงความรู้สึก ก็ไม่เหมือนกัน คันเร่ง การทรงตัว
แต่ถามว่า มีคันนึงเร่งติดมือกว่าอีกคันไหม ตอบว่าใช่ แต่มันก็ไม่ได้ต่างกันมาก
และไม่ได้เร่งติดมือจนแรงยกล้อ กว่าที่โรงงานเขาออกแบบเครื่องยนต์ให้มันวิ่งได้แน่ ๆ

ผมคิดถูกป่าวหว่า

555 เรื่องการเบิร์นนั้น บางทีต้องทำใจตั้งแต่ยกแรกด้วยครับ สมมุตเราไปลองฟังหูฟังตัวหนึ่ง แล้วไม่ถูกใจอย่างแรงเลย หรือคนอื่นว่าดี แต่เราฟังแล้วไม่ใช่ ...แบบนี้การเบิร์นไม่รุ้จะช่วยยังไงเหมือนก้นครับ การเปลี่ยนรุ่นอื่น ยี่ห้ออื่นเลย ถูกวิธีกว่าจ้า


การเบิร์นแบบเอาจริงนั้น ผมเองกลับเฉยๆๆ จริงๆ แล้วรุ้สึกว่า การใช้ไปเรื่อยๆๆ นานๆๆ เมือ่ไดรเว่อร์มันทำงานจนคล่องตัว อันนั้นคือดีที่สุด และเหมาะกว่าจะมาคาดหวังความดีที่อาจจะงอกหรือไม่งอกออกมาหลังจากเบิร์น...5555

คิดในอีกในมุมกลับ...เคยมีคนบอกว่าเบิร์นแล้วไม่พอใจกว่าตอนซื้อมาใหม่ๆๆ เป็นอย่างมากหรือเปล่า แต่ผมว่าไม่ค่อยเจอเท่าไหร่ ส่วนมากเรามักจะใช้คำว่าเบิร์นในการประวิงเวลาให้ม้นทอดยาวออกไป และรอจนเราปรับตัวเข้ากับของที่เราซื้อมาใหม่นั่นเอง........5555


ยิ่งคิดยิ่งงง....ยิ่งคิดแผลงๆๆ ยิ่งเตลิดเข้าป่า

555

เรื่องที่พิสูจน์ยาก และดิ้นได้ แบบนี้ล่ะครับ ที่เป็นเรื่องน่าสนุก และเป็นยังคงเป็นของเล่น หรือความหวังของหลายๆคน

การเบิร์น ให้นึกภาพว่ามีเส้นชัย(ที่โรงงานเค้าตั้งไว้)ครับ ใครเบิร์นถูกวิธีกว่า ก็จะวิ่งเข้าใกล้จุดเส้นชัยนั้นได้มากกว่า ดังนั้นเสียงที่ได้หลังจาก burn ของแต่ละคน จะออกมาไม่เหมือนกันหรอกครับขึ้นกับแนวเพลงที่เปิดประจำๆ และวิธีการ burn และชั่วโมงการ burn ดังนั้นถ้าหวังจะได้ bass ออกมาตูมตามๆ ขนาดไหน อย่างมากมันก็ไม่เกินกว่าค่าที่โรงงานปรับตั้งไว้หรอกครับ (แต่ bass มันต้องออกมาเยอะกว่าตอนก่อน burn แน่นอน) เค้าถึงพูดกันว่าหูฟังของเราเก่งแต่เพลง rock เก่งแต่เพลง jazz ... เพราะฟังแต่แนวนั้นตลอด ถ้าอยากให้หูเราเก่งทุกแนวเพลงก็ต้องหา file เพลงที่ครบย่านความถี่(มักมีคนแนะนำว่าเพลง classic ดีๆ ให้เสียงครบทุกย่าน) ถ้าเจ้าของกระทู้สนใจย่าน bass ความถี่ต่ำๆ นั้น ก้อหา file ที่มี bass เยอะๆ burn ไปเลยครับ ผลที่ออกมาก้อจะได้หูฟังที่ base แน่นสุดเมื่อเทียบกับหูยี่ห้อเดียวกัน รุ่นเดียวกันของเพื่อนๆ ครับ

คุณ graudio ตอบได้ดีมากครับ เห็นภาพดี

"SR60i พึ่งเบินไป 100 ชม" ใจเย็นๆครับ ตอนผมซื้อ SR60 เบินไป 200 ชม เบสยังหลบอยู่หลังเขาอยู่เลย แต่พอ 300 ชมผ่านไปเสียงก็ออกเต็มแล้วครับ
ลองหาลูกเจี๊ยบมาช่วย burn อะครับ ผมก็ใช้ มันช่วยเพิ่ม gain แต่พอเสียงเข้าที่ผมก็ไม่เสียบฟังกะลูกเจี๊ยบละ

SR60i เป็นหูฟังแบบ open นะครับ inear เป็นแบบ close เพราะฉะนั้น impact ของเบสต่างกันแน่นอนครับ

graudio ผมอยากบอกว่าคุณคิดไปเองครับ

เห็นด้วยอย่างยิ่ง

graudio ผมอยากบอกว่าคุณคิดไปเองครับ

เห็นด้วยอย่างยิ่งๆๆๆๆๆๆๆๆกับเฮีย
เป็นการปรับตัวเข้ากับของที่เราซื้อมาใหม่นั่นเอง

ส่วนใหญ่อุปทานไปเอง

อยากเพิ่มอยากลดใช้ EQ + กับsource และ็ Hardware ที่สามารถตอบสนองกับ EQที่เราปรับไปได้ด้วย
ถ้าเป็น sound on board ปรับไปก็ไม่ช่วยอะไรมาก

เมื่อก่อนชอบแนวเสียง Ue มาก พอมาลอง Shure แล้วไม่ชอบอย่างแรง ทนฟังไปฟังมาอยู่ตั้งนาน กว่าจะรับมันได้ พอฟังบ่อยๆ แล้วรู้สึกว่าชอบเสียงมันมากเลยตอนนี้

ส่วนตัวผมคิดว่า อยู่กับมันไปนานแล้วหูเรามันก็ปรับตัวเข้ากับหูฟังไปเองแหละครับ เสียงดีขึ้นเห็น 555

ไม่รู้ว่าเบิร์นมีผลหรือเปล่าแต่ผมมี PK3 อันนึง แล้วฟังแนวAcoutic
พอดีมีน้องในเวปขายถูกผมเลยซื้อมา โดยน้องเขาเบิร์นมาแล้ว
ด้วยเพลงที่เขาแนะนำกันนั้นแหล่ะ
ของน้องเขาเบสมาเพียบ กลางแน่น ต่างกับของผม ออกบางๆเบสกำลังพอดี
คงไม่อุปทานหลอก เพราะผมลองตั้งหลายครั้ง

อยากให้คุณTOONมาฟังSR80i ของผมจังแล้วจะรู้ว่าแท้หรือเทียม ที่คุณ graudio พูด หึหึ เพื่อนผมใช้SR80i เหมือนผมอยู่เหมือนกัน มันมาฟังของผมมันยังบอกเลยทำไมเสียงต่างกันเยอะขนาดนี้ เบสและกลางแหลมของผมต่างกับมันแบบสุดๆ ของมันBurnมั่วๆสะเป๊ะสะปะฟังไปเรื่อย แต่ผมยังburnด้วยเพลงที่ผมแจก5อัลบัทอยู่เลย 70ชม.หลังผมอัดslipknot แล้วมันมาฟังของผม มันอยากรุต่างกันแค่ไหนผมเลยจัดput on ที่คนในเวปแจกไว้ มาเทียบกับมันด้วยplayerของผมตัวเดียวกันสลับกันไปมา มันยังอึ้งเลย ทำไมถึงได้แตกต่างกันนัก หึหึ ของพันธ์นี้ไม่ลองไม่รุครับ ไม่เคยมีหูฟัง2ตัวมาเทียบไม่รุหรอก ผมทำมาแล้วเลยรู้ 555+ อย่าแย้งใครโดยไม่เคยลองนะครับคุณ โกตา และ คุณ TOON ผมลองมาแล้วกะมือด้วยเพลงเดียวกันplayerเดียวกัน และหูฟังที่เหมือนกัน2อัน หึหึ

คนเชื่อว่า เพิ่มเสียงได้ ลดได้ เปลี่ยนบุคลิกได้ จากการเบิร์น ก็เชื่อไปครับ ไม่ว่ากัน

คนไม่เชื่อ ก็บ่นๆให้ฟัง ทักๆท้วงๆกันพอทำเนา ไม่ต้องเอาเป็นเอาตายกันเนอะ


ใครจะหวังว่า เบิร์นแล้วดีวันดีคืน ก็ดีนะครับ มีความหวังมีความสุขกับการรอคอย
แต่ขออย่าเอามาเป็นกฎ เป็นทฤษฎี ยึดติดให้ปวดสมองเลยนะครับ

การ burn เป็นสีสันอย่างนึงของการเล่นของพวกนี้ครับ อย่าไปซีเรียสมาก แต่จะลองก็ไม่เสียหาย

เรื่องของความรู้สึก ใครอยากเชื่อก็เชื่อไป แต่ถามหน่อยอะไรคือจำนวนตัวเลขที่คุณบอกว่าเปลี่นยไปกี่เปอร์เซ็นต์ คุณรู้ได้ไงว่ามันกี่เปอร์เซ็นต์ ในเมื่อมันก็แค่ความรู้สึก
เหมือนเห็นผี คนเห็นผีจริงๆกับคนที่แค่หลอนไปเองก็มีเยอะแยะ

ปล.ผมเคยเจอผีนะ

จาก คห.ที่36 ของผม ผมไม่ได้บอกว่าเสียงมันจะดีขึ้นเรื่อยๆๆๆนะครับ แต่ที่ผมบอกคือ ผมสามารถดึงประสิทธิภาพของSR80iมาได้เกือบทั้งหมดแล้วหรืออาจจะเข้าเส้นชัยไปแล้ว ทำให้เสียงมันต่างจากที่เคยฟังในครั้งแรกมาก มันไม่ใช่อุปโหลกครับ ผมใช้วิธีแผน2ของผมไว้มะกี้เอง เพราะครั้งแรกที่ผมฟัง ผมให้แฟนฟังด้วย แล้วบอกให้เค้าจำไว้ว่าเสียงเป้นยังไง แล้วคราวนี้ใช้เพลงเดิมเปิดครับ ทุกอย่างเซ็ตที่เดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แล้วให้แฟนฟัง เค้าถาม ทำไมมันต่างกันอย่างงี้แอบไปซื้อตัวใหม่คล้ายๆกันมารึป่าว เค้ายังสงสัยเลย

5555

เจี๊ยกๆๆๆๆ อย่าเอาคำพูดของผมไปอ้างอิงในชั้นศาลนะครับ 555


เอา เอาๆๆๆๆ รวบรวมสำนวนใหม่ เล่าแบบซอฟท์ๆๆๆ ก็แล้วกัน......เอาเป็นเรื่องๆๆ ที่ผมเองสังเกตุมาเองก็แล้วกัน



-----ผมเองตอนได้ Grado HF-1 มาตอนแรก 1 ชั่วโมงแรก ที่แกะกล่อง เบสม้นอิ่มมาก ผมดีใจมาก เพราะก่อนหน้าผมใช้ SR80 ซึ่งไม่มีเบส พอฟังไปได้ 2-3 วัน กลับรู้สึกว่าเบสมันน้อยลง อันนี้สันนิษฐานว่าหูผมชินกับ 80 พอมา HF-1 เลยรู้ว่าเบสเยอะ แต่พอชินแล้ว เบิร์นไปบ้างแล้ว เบสเริ่มพอดี และกลายเป็นว่า วันแรกแกะกล่องเบสเยอะ แต่เบิร์นไปแล้วเบสแน่นขึ้นซะงั้น

-----ตอนผมซื้อ The Hornet มา ผมส่ายหัวเลย คือมันห้วน มันกร้าน หยาบ หลายคนบ่นพึมพำ แต่ผมไปโพสปลอบใจเจ้า Ray ว่า ทนเบริ์นผ่าน 300 ชั่วโมงหรือ 500 ชั่วโมงก่อน แล้วดีขึ้นแน่ๆๆ ซึ่งตอนนั้น ผมน่าจะเป็นคนเบิร์นก่อนและมาเล่าก่อน เจ้า Ray ดีใจจนน้ำตาไหล รีบเอาคำพูดของผมไปให้การในศาลว่าผมคอนเฟิมว่าเบิร์นแล้ว The Hornet ดีจริง

-----หูฟัง Grado RS-1 ฟังชั่วโมงแรกแทบเขวี้ยงทิ้ง แต่เป็นเรื่องแปลก ที่การเบิร์นช่วยเกลาเสี้ยนเสียงของมันออก RS-1 ที่เบิร์นจนฉ่ำแล้ว เมื่อเอามาเทียบกับตัวไม่ได้เบิร์น ผมกล้าบอกว่าต่างกันประมาณ 20% จริงๆๆ คือซาวด์เสตท และความโปร่งใส ความเป็น 3D มันดีดตัวลอยออกมาจริงๆๆ อันนี้เจ้าของ Grado RS-1 มายืนยันด้วยตัวเองดีกว่าล่ะ

-----ออฟแอมป์ที่เปลี่ยนๆๆ กันนี่ล่ะ ถ้าเอาตัวใหม่ซิงๆๆ ใส่เข้าไป ผมสังเกตุจะมีอาการด้วนปลายแหลมกันหลายๆๆเบอร์เลย อาการด้วนปลายก็คือ ปลายแหลมเวลามันทอดตัวหรือวิ่งออกไปจากแหล่งกำเนิดเสียง เรามักจะเดาว่ามันจะต้องไหลไปได้อีก แต่ปรากฏว่า ไม่ยอมไหล มันไปหน่อยนึงแล้วหายวับไปเลย แต่พอผ่านการเบิร์นซัก 100 ชั่วโมง ปลายแหลมพวกนี้กลับมาครบๆๆ ได้

-----ผมเคยซื้อสายของ Zu Cable มา 1 เส้น ผมเบิร์นตั้งแต่เช้าจรดเย็น เย็นไปถึงเช้าวันใหม่ เบิร์นจนหนวดเครายาว แล้วก็นั่งจดบันทึกว่ามีอะไรที่เปลี่ยนไปมั่ง ปรากฏว่าผมจดให้คะแนนว่า ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย และก็วงเล็บไว้เองว่า (กูฟังไม่ออกจริงๆๆ) 555

-----ลำโพงบ้าน (ส่วนมาก) ถ้าแกะกล่องออกขึ้นวางบนขาตั้งใหม่ๆๆ จะเกิดอาการเบสบวม และปลายแหลมจัดจ้าน การเบิร์นผ่านไปนานๆๆ จะทำให้อาการเบสบวมนั้นลดลง และปลายแหลมคลายความจัดจ้านและลบสากเสี้ยนออกไปได้บ้าง แต่บางคนอาจไม่ชอบ บอกว่าเบสเยอะๆๆ แบบนี้ถูกใจแล้วล่ะ...



เล่ามั่วๆๆ แบบนี้ล่ะ คือประมาณว่า ผมคอนเฟิมว่าการเบิร์นนั้นมีผลจริงๆๆ มันมีความแตกต่างอย่างแน่นอนระหว่างของใหม่ๆๆ ซิงๆๆๆ กับของที่ผ่านการใช้งานนานๆๆแล้ว แต่บางอย่างการเบิร์นก็ไม่ได้ช่วยอะไรทั้งนั้น


แต่ !!!! มีใครกล้าบอกหรือกล้ามายืนยันว่า หลังการเบิร์นแล้ว ทุกอย่างต้องดีขึ้น แล้วมีหรือไม่ที่เบิร์นแล้วเลวลง ???? 555

ผมว่าอันนี้ยังไม่มีใครมาคอนเฟิมซักคนว่า เบิร์นแล้วแย่ เบิร์นแล้วไม่ดี ??? มันเป็นเพราะอะไร

หรือว่าการเบิร์นมันเป็นศาสตร์ของพ่อมด เป็นศาสตร์เฉพาะของเซียน ???

หรือการเบิร์นเป็นแค่คำแก้ตัวของพ่อค้าที่ใช้กล่อมลูกค้าให้ใจเย็นๆๆ เบิร์นไปก่อน....(ก็ลูกค้าบ่นว่าเสียงไม่ดีนี่นา) 555



555 ผมชอบคำพูดของคุณ polly และคุณ Jay จังครับ ขออนุญาตดึงมาให้อ่านอีกที 5555
-----------------------------------------------------------
ใครจะหวังว่า เบิร์นแล้วดีวันดีคืน ก็ดีนะครับ มีความหวังมีความสุขกับการรอคอย
แต่ขออย่าเอามาเป็นกฎ เป็นทฤษฎี ยึดติดให้ปวดสมองเลยนะครับ

การ burn เป็นสีสันอย่างนึงของการเล่นของพวกนี้ครับ อย่าไปซีเรียสมาก แต่จะลองก็ไม่เสียหาย
---------------------------------------------------------------




เดี๋ยวมาคุยต่อจ้า

ผมว่าการเบิร์นก็คือการรีดประสิทธิภาพของหูฟังออกมาให้ได้สูงสุดเท่าที่มันมีให้นะครับ
แต่ละตัวแม่ให้มาเท่าไหร่ ก็อวดได้เท่านั้น อยากให้มากกว่านั้นก็ต้องไปทำศัลยกรรมเอา(โมซะ)

ยกตัวอย่างว่า หู A ถูกออกแบบมาให้มีส่วนสัดของเสียงต่ำ กลาง แหลม เป็น 30 40 30
เบิร์นยังไงเบสก็ได้ไม่เกิน 30 แต่หู B ถูกออกแบบมา 40 30 30 เบิร์นเหมือนหู A
เบสก็ต้องมามากกว่าหู A แต่ก็ไม่เกิน 40 อยู่ดี เพราะฉนั้นต้องเลือกหูฟังให้ตรงกับแนวเพลง
ที่เราฟังก่อนเป็นอันดับแรกแหละครับ

ผมทดลองจากประสบการณ์ตรง+อ่าน+เก็บข้อมูลแล้วมาเล่าให้ฟัง ก็มาหาว่าเราคิดไปเองได้แฮะ ผมว่าน่าจะเป็นที่ตัวหูฟังแล้วล่ะครับ บางรุ่นต้อง burn พอ burn แล้วมันขึ้นมันไปได้ไกล แต่บางรุ่นปั้นไม่ขึ้น burn ยังไงๆ มันก็ได้แค่นั้นไปไกลกว่านั้นไม่เป็น สงสัยคนที่ว่าเราว่าคิดไปเองเค้าคงไปเจอหูฟังแบบ burn ไม่ขึ้นน่ะครับ คือดีมาตั้งแต่แกะกล้องกันเลย ก็แล้วแต่ประสบการณ์ละครับ ส่วนคนที่เป็นผู้ใหญ่พอ เค้าจะวางตัวตรงกลางครับ ฟังแล้วให้เกียรติกับประสบการณ์ผู้อื่นที่นำมาแชร์ให้ฟังกัน คงไม่มีการมา post ข้อความแปลกๆ ต่อว่าต่อขานประสบการณ์คนอื่น ที่เห็นไม่ตรงกับตัวเอง

ผมว่าเบิร์นยังไง ก็ได้อย่างนั้นนะครับ

อยู่ที่ว่าเราเอาอะไรมาใช้ จริงๆอยู่ที่ ใช้ Classic ครบทุกย่านความถี่แล้วมันจะดี
แต่ก็มีคำถามอยู่ว่า มันดี แต่มันใช่แนวที่เราชอบมั้ย

ถ้าถามว่าชอบเบส เอาแต่เพลงที่เบสหนักๆ เปิด มันก็จะได้แต่เบส ก็จริงครับ ซึ่งต้องดูก่อนว่าเบสนั่นอ่ะเบสแบบไหน เบสแบบ hip hop หรือ pop เบสแบบนี้ Impact แรง แต่ไม่ใช่ Deep Bass นะครับ มันจะอยู่ในย่านเสียงกลาง + ต่ำ ครับ ทำให้เรารู้สึกว่า มันกระแทกแรง
แต่ถ้าจะเอา Deep จริงๆ ลองเคาะทิมปานีดูครับ

ซึ่งมันก็มี เพดาน ของมันอยู่ ทำยังไงๆ มันก็เกินเพดานนี้ไม่ได้ ซึ่งถ้าเกิดความสามารถของ Driver ก็ ง่ายๆ ครับ ขาด - -

อันนี้ฝากไว้นะครับ

การที่ทำให้องค์ประกอบของเสียงครบขึ้นมากขึ้นมันไม่ได้อยู่ที่การเบิร์นอย่างเดียวครับ

อันนี้เท่าที่สังเกตมา นอกจากเรื่องเบิร์นแล้ว

ต้องคำนึงถึง ตัว housing ที่กรองเสียงต่างๆ นาๆ จนมาถึงหูเรา

เปลี่ยนอย่างนึงก็ได้อีกหนึ่งเสียงนะครับบ
อันนี้ก็ตามชอบครับ
ลองเปลี่ยนกันเล่นๆ แล้วถ้าพัง ผมไม่รับผิดชอบนะ เอ้อออ

ฮ่าๆๆ

การเบิร์น มันก็เหมือน ใส่กางเกงในนั่นแหละครับ

ซื้อมาแรกๆ ยางมันรัด เอว+... พอมีการซัก หรือใส่ไปนานๆ ยางมันยืด มันเข้าที่เข้าทาง

แต่ใส่สบายหรือไม่สบาย มันรัดติ้ว มันฟ้องตั้งแต่ ทีแรกแล้วครับ 5555

^
^

เปรียบเทียบสะผมเห็นภาพทะลุปุโปร่งเลยละครับ *0*

"แต่ถ้าหูมันทำมาได้แค่นี้ ก็อย่าไปยัดเยียดเลยนะ" ชอบประโยคนี้ จัง

ขุดๆๆๆๆๆ ขุดขึ้นมาดัน

Burn in

สำหรับผมก็แค่ทดสอบว่าหูฟังมันจะแตกหรือเปล่า

จะได้เอาไปเปลี่ยนร้าน แค่นั้นแหละ

ต่างคนต่างความเห้นจริงๆ เอาเป็นว่า เอาได้ที่เสียงถูกใจก็พอแล้วครับ

ผมใช้เพลงแจ็ซที่มีทรอมโบน 5 ตัวอ่ะครับ มีทรอมโบนเบสตัวนึงฟังไปประมาณจะร้อยชั่วโมงแล้วอ่ะครับ
เสียงทรอมโบนเบสที่มันสั่นๆตาดๆๆๆอย่างงั้นอ่ะครับคงนึกออก มันเข้าถึงจริงๆเลยอ่ะครับตาดๆๆ

เรื่องนี้ผมเคยถามเซียนๆ นักรีวิว หลายๆท่านมาแล้วครับ
เค้าบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า การเบิร์นในลักษณะต่างๆนั้น ช่วยได้นิดหน่อยเท่านั้นครับ
ย้ำว่า นิดเดียวจริงๆ แบบว่าต้องเซียนตั้งใจฟังอะ ถึงจะสัมผัสได้ถึงความต่าง
อันน้อยนิดได้ แต่ก็อย่างที่เค้าว่ากันมาละครับ มันไม่สามารถเปลี่ยนบุคคลิก
ของหูฟังที่ท่านมีอยู่ ไปเป็นอย่างที่ท่านต้องการได้หรอก

สรุป อย่างไปซีเรียสครับ แล้วไม่ใช่ประเด็นที่ต้องนำไปปฎิบัติอย่างเคร่งครัดด้วย

ปล เซียนพูดประชดว่า ถ้าทำให้ต่างได้จริงๆ หูฟังเเพงๆ คงขายไม่ออกหรอก
เพราะซื้อของถูก แล้วก็มาเบิร์นดีๆ แล้วเสียงหูฟังมันก็ดีเอง 555+

ผมสงกะสัย ถ้าหูฟังผมเบิร์นมั่วๆ จนเสียงไม่ดีดังที่ควรจะเป็น

ถามว่า ... ถ้าผมเบิร์นแบบที่ใครๆเค้าเรียกว่าถูกต้องอ่ะ อย่างอยากได้เบส อัด เบส

อยากได้แหลมอัดแหลม มันจะช่วยได้มั้ย?

หรือว่าเน่าแล้ว เลย ซื้ออันใหม่มาเบิรืนดีกว่า

ลองไล่อ่านวิธีเบิร์นของคุณชิม ดูดิ มีคำตอบสำหรับคำถามนี้แล้ว

ผมก็เปนคนนึงที่เบินไม่เปนครับ
รุ้แต่ว่า อย่าเปิด เสียงดังๆๆนะคับ
เพราะว่าการเปิดดังมันไม่ช่วยไห้เบินเสดเร็วหรือเสียงดีขึ้นนะคับ

ผมว่าการเบิร์นเนี่ย มันจะเห็นได้ชัดตอนช่วง 1 วันแรกนะครับ

ผมเคยหลงไปซื้อหูฟังบ้านๆมา ราคา 120 บาท
แว๊บแรกที่ได้ฟังนี่แทบบ้าตาย แหลมบาดหูมากๆ กลบกลาง-ต่ำ ไปหมดเลย
ผมก็เลยเปิดเบิร์นทิ้งไว้คืนนึง รวมกลางวันด้วยก็ราวๆ 20 ชม. ปรากฏว่าเสียงสูงที่บาดหูหายไปหมดเลย เหลือแต่กลางขุ่นๆ อย่างเดว -*-

ผมเลยปาทิ้งเลย 555

ผม ไม่ได้ เจาะจง ว่า เพลงที่เอา มาเบิร์น นี่ ต้องเป็นเพลง นั้น เพลงนี่ นะครับ

ผม ฟังของผมไปเรื่อย นั่นแหละ วิธีเบิร์น อันแสนจะ มั่วของ ผม ฮ่าฮ่าฮ่า

แวะมาช่วยดันๆ อ่านมานานแล้วครับ อันนี้ขอออกตัวว่าเป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ
การเบิร์นหูฟัง คือการทำให้หูฟังเข้าที่หรือเปล่งประสิทธิภาพสูงสุดที่มันจะทำได้คือเสียงออกในทุกย่านความถี่ที่มันจะให้ได้
การที่คุณๆบอกว่า ใช้เพลงแนวเบสเบิร์นแล้วหูฟังเบสเยอะ อันนี้คือหูฟังตัวนั้น เสียงย่านเบสของมันเข้าที่แล้วไงครับ กลางกะแหลมยังไม่ได้ที่หลบๆอยู่ ก็ฟังว่าเบสเยอะ สมมติคุณเอาหูฟังใหม่ๆมาเปิดโดยฟังแต่ละครวิทยุดูซิ ทั้งปีทั้งชาติมันก็ไม่ได้ขับในช่วงความถี่สูงหรือต่ำมากๆเลย เสียงย่อมสู้หูฟังที่ถูกเปิดด้วยความถี่ครบๆ ไม่ได้
ผมคิดว่าควรเบิร์นด้วยเพลงหรือไฟล์ที่ความถี่ครบๆ ไฟล์เบิร์นยิ่งดี(เร็วขึ้น) อย่างเพลงคลาสสิคก็ความถี่ครบ แต่ จะไม่สม่ำเสมอเช่นเสียงทิมปานี นานๆมาที
ที่บอกกันว่าเบิร์นเพลงแนวไหน ก็จะเด่นแนวนั้น ตอนนี้มองออกยังครับ ก็มันขับแต่เสียงสไตล์นั้นๆ พอเจอแนวอื่นเลยไม่เต็ม100 ฉะนั้น หากว่าเบิร์นแต่เบสแล้วคิดว่าเบสดี ผมว่าไม่ค่อยถูกครับ เบสดีแต่อย่างอื่นแย่ เทียบกับทุกความถี่ดีหมด มันก็มองว่าเบสมากกว่า ทั้งๆที่เบสเท่าๆกัน อันนี้เป็นปกติของหูคนครับ กลางแหลมหายก็รู้สึกว่าเบสเยอะ
สรุปคือเราไม่สามารถทำให้เบสมันมากไปกว่าที่ผู้ผลิตทำมาได้จากการเบิร์นหรอกครับ

เห็นด้วย echo

ใครไปขุดมา ผมก็เห็นด้วยกับechoตั้งนานแล้ว
อธิบายง่ายๆ
เหมือนเล่นเกมเก้บEXPเพิ่มค่าสเตตัสเริ่มต้นเลเวล1ค่าทุกอย่างเป็น1 แต่ตัวเกมกำหนดไว้ว่า
สมมติ
กลางเต็มที่7
แหลม7
ต่ำ5
เบิร์นให้ตายมันก็เพิ่มเบสเป็น10ไม่ได้หรอก

อุปกรณ์ไฟฟ้าไม่ใช่เอเลี่ยนนะครับ เบิร์นๆไปเรื่อยจะได้ร้องแง้วๆแล้ววิวัฒนาการกลายร่างแกว๊กๆ

เห็นหลังๆชักจะเลอะเทอะ มีเบิร์นหูเน่าซื้อเปลี่ยนใหม่ด้วยแหะ ใครเบิร์นแล้วเน่าเอามาโยนให้ผมก็ได้ ผมชอบของเน่า

แล้วที่ผมเห็นบางที่มาบอกกันว่า ถ้าเบิร์นผิดให้ วางทิ้งไว้เฉยๆไม่ฟังสัก6เดือนค่อยมาเบิร์นใหม่ แบบงงมากเลยว่าอะไรขนาดนั้น

ผมว่า ของทุกอย่าง มันมีอายุการใช้งานของมัน...เมื่อ ถึง จุดๆหนึ่ง มันก็ จะเริ่ม เสื่อมสภาพลง...มันคือ ธรรมชาติ

ทำไม ไม่ใช้งานมัน ให้คุ้มค่า เบิร์น แต่พอควร ฟังไป เบิร์นไป ดีที่สุด...เอ..เหมือนเอาของใครมาเขียนว่ะเรา

เสพสุขจากมันให้คุ้มค่า..อย่าให้มัน เสื่อม โดยเปล่าประโยช์นเลย...

ว้าเขียนไม่ออกเลย..รูปข้างบน (ความเห็นที่61)..ทำเอา มึน เลย

เมื่อวาน...เพิ่มไปถอย ที่แพงที่สุด มาเลย...MX 400-CS...555..ที่งามวงค์วาน....
เปิด Jennifer Warnes - The Hunter เบิร์นไป...ฟังไป ทั้งคืน...เฮ้ย...เสียงก็ใช้ได้นี่

ลืมบอก..เจอเฮี่ย เอาของมาลงที่งามวงค์วาน ..กำลังยุ้ง เลยไม่ได้เข้าไปทัก...ตัวจริง..หล่อ กว่าในรูปอีก...ถ้าผม เป็นผู้สร้าง.เฮีย แทน แฮร์ริสัน ได้ สบายเลย..

การเบิร์นสำหรับผม ส่วนตัวผมนะครับเป็นการ warm หูฟังให้เข้าที่เข้าทางตามที่มันควรเป็น

ส่วนการเบิร์น อยากได้เบสอัดเบสนี่ ผมไม่ค่อยแน่ใจสักเท่าไหร่นะครับ เพราะว่าถ้าเป็นงั้นจริงๆ

ก็คงเหมือนกับที่หลายๆ ท่านพูดไปว่าคงไม่ต้องซื้อหูฟังแพงๆ กันแล้ว ทุกอย่างล้วนมีขีดจำกัดครับ

แต่ถ้าอยากได้หูฟังที่ฟังอออกทุกเสียง แล้วก็ครบๆ ทุกเสียง ผมว่านะ เพลงลูกทุ่งบ้านเราก็ช่วยได้นะครับ

ครบทุกเสียง กลาง ทุ้ม แหลม ผมว่าก็เป็นตัวช่วยได้นะ เพราะยังไงเราก็ไม่เปิดดังอยู่แล้ว ถ้าอยากประหยัด

อีกหน่อยก็ใช้ลูกเจี๊ยบ หรือ ลูกอ๊อด ผมใช้วิธีนี้เบิร์น ตอนนี้ผมฟังผมก็พอใจกับเสียงที่ได้นะครับ

เอาไว้เป็นแนวทางแล้วกันครับ คนเรา นานาจิตตังครับ

แต่ผมเชื่อเฮียนะ \"หูฟังถ้าฟังครั้งแรกแล้วใช้ ไม่ว่าจะเป็น สอง หรือ สาม มันก็ยังใช่อยู่นั่นแหละ\"

ก็เหมือนแฟนล่ะครับ เห็นครั้งแรกแล้วปิ๊ง เห็นสักกี่ครั้งก็ยังปิ๊งใช่ไหมล่ะ อิอิอิ

ปล. คนไม่มีความรักไม่ต้องสนใจประโยคสุดท้ายเพราะอ่านไปก็ไม่เข้าใจ 555+

เห็นด้วยกับหลายๆความเห็นครับ ที่ว่าการเบิร์นนั้นมีผล แต่อาจจะไม่มาก

ตัวผมเองใช้ PL30 และ เสียงตอนแกะกล่องใหม่ๆ กับหลังเบิร์นนี่ต่างกันแน่นอนครับ

แต่ยังไงๆ PL30 เบิร์นให้ตายก็คือ PL30 ครับ.......แต่ ก่อน และ หลัง (เบิร์น) ต่างกันแน่นอนครับ ^^

โอ้.....ได้ความรู้ม๊ากมาก

หาออเคสตร้าวงใหญ่ๆ ครับ เครื่องดนตรีเยอะๆ คลื่นเสียงครบทุกย่าน

หรือถ้ากลัวเบสจะยังไม่มา หาเบสไฟฟ้ามาซักตัวแล้วต่อ line out จาก Amp bass เข้า Player แล้วก็ดีดดุ่ยๆๆๆๆ ไปตั้วแต่สายเปิดไปจนครบทุกเฟรท หรือถ้าเบื่อจะเปลี่ยนมาตบ บ้างเกี่ยวบ้าง ขยี้ เลีย เขี่ยไปเรื่อยๆ จนครบ 200 ชม. ผมว่าถ้าเบสยังไม่มาก็ต้องเอาหูฟังเส้นนี้ไปมัดแหนมแล้วล่ะครับ อิอิอิ 5555 อ่านเอาฮาอย่างเดียวนะครับ อิอิอิ

^
^
^
ต้องเอาหูฟังเสียบกะแอมป์สิเนาะ ^_^

ตอนซื้อ EP630 มาไหม่ๆผมเคยสัปดนเปิดเสียง Burn จากแผ่นแล้วฟัง

จึงเข้าใจว่าการ Burn ที่แท้จริงคือเสียง White Noise ธรรมดานั้นเอง เพียงแต่มีครบทุกย่าน

ความถี่ เพื่อให้ไอ้แผ่นสีเกือบจะใสๆที่เป็นตัวสั่นๆเพื่อก่อกำเนิดเสียงทำงานได้คล่องขึ้น


แต่ที่ผมเข้าใจว่าทำไมเบร์นต่างกันเสียงมันถึงต่างกัน

อาจเป็นเพราะ คุณใช้เสียงในการเบิร์นต่างกัน

ทำให้ผลออกมาแล้วเน้นย่านความถี่ที่บางจุดวิ่งเข้าเส้นชัยไปก่อนย่านก็แค่นั้น

และการเบร์นแบบมั่วๆ อาจะหมายถึงการเบร์นที่ไม่ไปถึงที่หมายสักย่านเลย

เสียงเลยออกมามั่วๆ


แต่จุดสุดยอดผมเชื่อว่าถ้าหูฟังรุ่นเดียวกันลอตเดียวกันสายพานเดียวกัน

มันมีแค่จุดเีดียวแค่นั้นแหละ


หากผมเข้าใจผิดกรุณาฆ่าผมทิ้งด้วยเถิด (ทั้งชีวิตมีหูฟังแค่ 3 ตัวเองราก็ถูกๆทั้งนั้นเลย - -)

นิดนึง

ปัญหาคือสิ่งที่เรียกว่าจุดสุดยอดของหูฟังตัวนั้นจริงมันอยู่ที่ไหนต่างหาก

ฺBurn 100 Hr

ฺBurn 200 Hr

ฺBurn 300 Hr

ฺBurn 400 Hr

ฺBurn 500 Hr

ฺBurn 600 Hr


อันนี้ก็คงแล้วแต่ละครับว่า \\\"เห็นผลที่แท้จริง\\\" ของมันจะแสดงผลเต็มที่ตอนไหน

สวดมนต์เยอะๆ ครับ

ทำบุญเยอะๆ ครับ

ไหว้พระเยอะๆ ครับ

เบิร์นไปไม่ทำให้เปลี่ยนครับ เป็นยังไงก็ยังเป็นหยั่งงั้น
เพียงแต่ว่าสิ่งดีๆ ที่มันหลบๆ อยู่ ก่อนการ เบิร์นมาจะแสดงออกมาเองครับ

แล้วแต่รุ่นด้วย SR60i หลังเบิร์นกับของใหม่ต่างกันพอสมควร
ส่วน AKG 420 เบิร์นไม่เบิร์มีค่าเท่าเก่า เหมือนเขาออกแบบ
มาให้ Ready To Dance

เท่าที่ลองมามีแค่นี้ครับ

การเบิร์นน่าจะเป็นการเร่งให้ตัวหูฟังแสดงสภาพหรือตัวตนที่แท้จริงของมันออกมา ประโยชน์น่าจะนำไปใช้ในการรีวิว
เพื่อให้ผู้อ่านรีวิวนำไปตัดสินใจเลือกซื้อตามรสนิยม และงบประมาณ

จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม เชื่อหูตัวเราเองดีกว่าครับ อย่าให้ความรู้สึก คำวิจารณ์ของคนอื่นมาครอบความรู้สึกของเราน่าจะดีที่สุดครับ เริ่มกระทู้จาเบส ตอน burn ระวังอย่าเร่งดังไปนะครับ เดี๋ยวจะได้ของเสียแทน เสียดายของน่ะครับ

ผมอัพไฟล์เบิร์นดีๆไว้ให้แน่ะ

มีทั้งเลือกย่านความถี่ได้ และแบบทุกย่านความถี่

อาจไม่เป็นเพลง แบบที่เทพบางท่านพูดถึง แต่ก็ได้พยายามนำมามาฝาก

แต่ แหมะ... รู้สึกจะแอนตี้เอาซะมากทีเดียว ไม่ทราบว่าเพราะอะไร ลองดูไม่เสียหายนะครับ

อ่อ รบกวนวิจาร์ณให้ผมด้วย ลองหาดูละกัน ยังไม่ไปไหนไกลหรอกครับ

http://forum.munkonggadget.com/detail.php?id=25823

เท่าที่อ่านมาทั้งหมดเนี่ย ผมเชื่อไปในความคิดเห็นของพี่น้อยนะครับ

ว่าการเบิร์นนั้น เป็นเพียงการปลดปล่อยประสิทธิภาพของหูฟังให้ออกมาเต็มที่ ตามที่หูฟังอันนั้นๆถูกออกแบบมาตั้งแต่ต้น

เช่น หูฟังอันนึง ออกแบบมาให้แหลม กลาง เบส อยู่ที่ 25 25 50 การเบิร์นอย่างถูกวิธี(ถูกตามคาแรกเตอร์เสียงของหูฟัง เช่น หูนี้เบสนำ ก็ต้องเบิร์นด้วยประเภทเบสเยอะ เป็นต้น)ย่อมทำให้เสียงออกมาได้เต็มที่อย่างที่ควรจะเป็นคือ 25 25 50


แต่ถ้าเราซื้อหูคู่นี้มา ซึ่งคาแรกเตอร์ของมันอย่างที่บอกคือเบสเยอะ แต่ดันเอามาเบิร์นด้วยเพลงที่มีแต่ย่านเสียงแหลมกับเสียงกลางและมีเบสน้อยมาก หลังการเบิร์น อาจจะได้ออกมาเป็น 25 25 25 ไม่ครบ 100% ซึ่งส่งผลให้เจ้าหูคู่นี้มีเบสที่น้อยกว่าการเบิร์นแบบแรก นั่นหมายถึงว่าการเบิร์นประเภทหลังนั้น ดึงเอาย่านเบสออกมาได้ไม่สุดนั่นเอง


ถ้าความคิดที่สรุปมาข้างต้นนี้ถูกต้อง นั่นแสดงว่า เราแค่ต้องรู้จักแคแรกเตอร์เสียงของหูฟังที่ถูกออกแบบมาซะก่อน เพื่อที่จะได้เลือกซื้อให้มันเหมาะสมกับชนิดของเพลงที่เราฟัง(เหมือนที่พี่น้อยได้บอกไว้)

เช่น ชอบฟังร๊อคหนักๆ ก็หาหูฟังที่ปล่อยเบสหนักๆ กระเดือ่งชัดๆ หรือถ้าชอบฟังแจ๊ซ ก็หาหูฟังที่เน้นย่านเสียงสูง เบสพอเหมาะ หรือไม่ก็ถ้าชอบแนวเสียงนักร้องก็หาหูที่ย่านเสียงกลางเด่นๆ

ซึ่งพอได้หูแบบที่ต้องการมาแล้วจึงเอามาเบิร์นด้วยไฟล์เพลงคุณภาพดี ด้วยชนิดและประเภทของเพลงที่สอดคล้องกันกับลักษณะเสียงของหูฟัง

นี่น่าจะเป็นการทำให้สามารถดึงประสิทธิภาพในการปล่อยเสียงออกมาได้เต็มที่ ตามที่ได้ถูกออกแบบมาได้ดีที่สุด

ดังนั้น การที่หลายท่านถามว่า ....เบิร์นทำให้เสียงเปลี่ยนไปจริงหรือเปล่า?
ต้องตอบว่า \\\"เสียงเปลี่ยนไปจริงๆครับ\\\"

แต่จะเปลี่ยนมากน้อยแค่ไหนนั้น ขึ้นอยู่กับการเบิร์น ว่าเข้าใจคาแรกเตอร์ของเสียงของหูฟังของตัวเองดีพอหรือเปล่า และเบิร์นด้วยเพลงอย่างที่มันควรจะเป็นหรือเปล่า


ซึ่งถ้าไม่เข้าใจและเลือกหูฟังผิดกับประเภทของเพลงซะตั้งแต่ต้นแล้วล่ะก็

เช่น จะเอา pk2 มาเบิร์นให้เบสเยอะ เพื่อให้ฟังเพลงประเภทร๊อคหนักๆนัวๆได้สะใจ

หรือเอา koss ksc35 มาเบิร์นให้เสียงโปร่งโล่งสบายใสกิ๊ง จนเบสแทบไม่มี



ผมว่าเบิร์นกันทั้งชาติก็ไม่มีทางทำได้หรอกครับ

หรือถ้้ามีคนทำได้จริง ช่วยบอกหน่อยครับ ผมจะขอไปเรียนรู้ แล้วก็จะกว้านซื้อหูฟังราคถูกที่สุดไปเบิร์น ให้มันมีเสียงที่แตกต่างกัน แล้วเอาไปขายแพงๆ 5555 แซวเล่นนะคร้าบบบ


อ่อ มีกรณีศึกษาอยู่ตัวนึง ผมเองเคยได้ลองเองกับหู ว่า pk2 ของบางท่านเบสมาเยอะกว่าของผมและมากกว่าอีกหลายท่านจริงๆ แต่ผมไม่ได้มองว่านี่คือปาฏิหารย์นะครับ แต่กลับมองว่า

แสดงว่าอันที่จริงแล้วเนี่ย pk2 มันให้ย่านเบสได้ขนาดนั้นเลยล่ะ เพียงแต่เราเบิร์นมันไปยังไม่สุดเท่านั้นเอง ตามธรรมชาติคนฟังแจ๊ซก็มักจะเบิร์นด้วยแจ๊ซหรือเพลงแนวๆเดียวกันซึ่งเบสก็น้อยอยู่แล้ว เลยทำให้หลังจากเบิร์นได้เสียงตามเพลงที่ฟัง จะมีใครซักคนมั้ยที่เอา pk2 มาเบิร์นด้วยร็อคหนักๆสลับกับแจ๊ซนิ่มๆ เพื่อดึงประสิทธิภาพเสียงย่านเบสออกมา




อ่อ แล้วมีข้อสงสัยนิดนึงครับ ว่าไอ้การเบิร์นเนี่ย คาแรกเตอร์ของเสียงที่ได้ออกมามันจะคงสภาพนั้นไปเลยหรือเปล่า เช่น ย่านเบสมันควรจะออกมาที่ 60 แต่เราเบิร์นด้วยเพลงเบสน้อยจนมันออกมาแค่ 45 พอฟังไปซักพัก ถ้าเราอยากได้เบสเพิ่มขึ้นกว่าเดิม

เราจะสามารถนำมาเบิร์นใหม่อีกด้วยเพลงหนักๆ เพื่อให้เบสมันออกมาได้เต็มที่อย่างที่ควรจะเป็นจากโรงงานได้หริอเปล่าครับ

อยากรู้ๆ อิอิ

ส่วนเรื่องความคิดเห็นกับแผ่นเบิร์นที่มีเสียงเป็นย่านความถี่แบบครบๆ ผมเห็นด้วยกับเฮียมั่นเป็นอย่างยิ่งครับ ว่าถ้าเอามาใช้ไม่เป็นเนี่ย แทนที่จะเกิดผลดี กลายเป็นจะไปทำลายหูฟังแทน

อ้างอิงไปถึงความคิดด้านบนว่า ถ้าหูถูกออกแบบมาที่ 25 25 50

แต่แผ่นเบิร์นแบบเต็มสูบ ใส่เสียงมาครบทุกย่าน ย่านละ 100 เน้นๆๆๆ



สิ่งที่ได้มาน่าจะออกมาทำนองที่ว่า

หูที่เบสเยอะแต่แหลมน้อย จะได้เบสที่สะใจ เพราะโดนอัดย่านเบสเต็มที่จนปล่อยเสียงออกมาได้สุด แต่ย่านเสียงแหลมที่มีอยู่แค่ 25 โดนอัดไป 100 เสียงแหลมตายไปเลย 555

ผลที่ได้ออกมานี้เลยจะไปสนับสนุนคำพูดเฮียมั่นที่ว่า ใช้เบิร์นได้แต่ต้องรู้จักและเข้าใจการนำไปใช้ว่า หูชนิดไหน ควรเบิร์นด้วยแผ่นไหน เท่าไหร่ อย่างไร



เทียบให้เห็นง่ายขึ้น ด้วยการเทียบกับการทำอาหาร

การเบิร์นเหมือนการปรุง ประเภทของอาหารก็เหมือนประเภทของเพลง


สมมติแผ่นเบิร์นแบบเต็มสูบแบบต่างๆเป็นเหมือน พริกป่น น้ำตาล น้ำปลา เกลือ ซอส ถ้าจะปรุงให้อร่อย มันต้องอาศัยคนทำที่ความรู้ที่จะผสมผสานเครื่องปรุงต่างๆให้ออกมาเป็นอาหารประเภทต่างๆที่มีรสชาติเฉพาะตัว เช่น ต้มยำ(แจ๊ซ)ต้องมีรสอะไรนำ รสอะไรตาม ผัดเปรี้ยวหวาน(ป๊อป)ต้องรสอะไรนำ อะไรตามถึงจะกลมกล่อม หรือจะเป็นคั่วกลิ้ง(ร๊อค)แบบปักษ์ใต้

ซึ่งการที่จะออกมาเป็นรสชาติต่างๆได้อย่างอร่อยลิ้น จะต้องกะสัดส่วนเครื่องปรุงเป็น รู้ว่าอะไรควรใส่มากน้อยแค่ไหน ซึ่งต้องใช้ความชำนาญอย่างมาก

แต่การเบิร์นแบบปกติที่เราๆทำกัน ผมว่ามันเหมือนการใช้ผงปรุงรสสำเร็จรูป อยากกินต้มยำก็ไปซื้อผงต้มยำ(ชอบแจ๊ซก็เบิร์นด้วยแจ๊ซ) อยากกินคั่วกลิ้งก็ไปซื้อผงทำคั่วกลิ้ง(ชอบร็อคก็เบิร์นด้วยร็อค) ซึ่งแน่นอนว่ารสชาติที่จะออกมาเราควบคุมไม่ได้เพราะเป็นผงปรุงรสสำเร็จมาแล้ว ดังนั้นเราจึงต้องไปเฟ้นหายี่ห้อของเครื่องปรุงที่มีคุณภาพ(คุณภาพของไฟล์เพลงที่นำมาเบิร์น)ให้ได้ตามที่ต้องการถูกเหงือกถูกลิ้นซะก่อน


ส่วนใครที่มีความรู้ชำนาญแล้ว ไม่พอใจกับรสชาติที่ได้จากผงปรุงสำเร็จ จะกระโดดไปปรุงเองด้วยวัตถุดิบก็ไม่ว่ากันเน่อ แต่จะกินได้หรือกินไม่ได้ ก็ลิ้นใครลิ้นมันนะคร้าบบบบบ อิอิ

^_^

พี่ ปอนด์ อธิบาย เห็นภาพ ดีจัง ครับ

หูตะกั่ว อย่างผม ไม่ต้องเบิร์น ครับ

ยังไง ก็แยกไม่ออก อยู่แล้ว ฟังเพลงไม่ค่อยเป็น ฮ่าฮ่า

พี่เองก็ไม่ได้่ต่างเลยคร้าบบบบน้อง BECK อิอิ

แค่เห็นมันเป็นประเด็นมานานแล้ว ซึ่งตัวเองก็อยากรู้ครับ เลยลองมาสรุปให้อ่านแล้วเข้าใจง่ายๆ

จะได้มีเพื่อนๆเข้ามาช่วยให้ความเห็นว่าไปที่เขียนไปนั้นมันผิดหรือถูก

...หรือว่าไสยศาสตร์มีจริง อิอิ ^_^

^
^
หยั่งที่เค้าว่า ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ !!! 555

555555555555555555

อยากได้ เบสเยอะๆ ใช่ไหมครับ

จัดน้องต้อมไปซักตัวครับ (In-ear custom)

จะมันส์ในอารมณ์มากๆครับ

ปล. ซื้อมาม่าเก็บไว้กินที่บ้านด้วยครับ

เรื่องการเบิร์นอิน มันอยู่ที่เพลงด้วย ถ้าคุณเอาเพลงที่มีความถี่ไม่ครอบคลุมตรงจุดนี้มันไม่สามารถแสดงศักยภาพ
ออกมาได้เต็มที่นัก ส่วนที่หลายท่านเชื่อว่าเบิร์นอินผิดแล้วเสียงเปลี่ยน มีอยู่ไม่กี่ยี่ห้อเท่านั้นครับที่เป็นอย่างนั้น
ตามหลักที่ผมได้ยินมาคือ
1 เปิด volume ให้ดังกว่าฟังปรกตินิดหน่อย
2 แนวเพลง เปิดที่ตัวเองฟังทุกวัน หรือฟังบ่อยที่สุด ไม่ต้องไปซื้อหรือหาโหลดพวกเพลงเบิร์นอะไรนั้น
3 ไม่ต้องฟังจนกว่าผ่านพ้น 20-30 ชั่วโมง ถ้าซีเรียสเรื่องนี้ก็ไม่ต้องฟังจนกว่าจะครบ 100 ชั่วโมง
จบ ไม่ชอบก็ขายทิ้ง เลือกซื้อตามงบประมาณที่มี
เลือกซื้อตามลักษณะที่ถูกใจ เสียงดี บีบหัว หนักอีกต่างหาก ชอบก็เอา
เบสน้อย แต่ใส่สบาย เบา ชอบก็เอา
เสียงดีเบสลึก เบา สบาย ทนทาน แต่เเพงมาก ชอบก็เอา
ถ้าไม่ถูกใจอีกก็ถอย Sennheiser HD 800 มาเลย แต่ที่ได้ยินมาบางคนบอกเบสบางไปอีก เห่อ..คนเรา

โอ พึ่งสังเกตุว่ากระทู้นี้จะครบ 1 ปีแล้วนะเนี่ย

เอาเป็นว่าหลอกตัวเองแล้วเพราัะขึ้นเรื่อยๆควรทำนะ ลวงตัวเองไปเรื่อยๆ แต่เล่น EQ นี่มันจริงดันได้ คัตได้ตามใจเลย

พอดีผมพึ่งได้ soul SL49 มา ผมต้องเบิร์นยังไงครับ

ผู้ผลิตน่าจะบอกวิธีเบิร์นมาในแม่นวลไปเลย 55

ในทางเทคกะนิกแล้ว. เบรินมีผลแค่ 15.379%
อีกที่เหลืออยู่ตัวขับว่าจะมีระยะยิงเบสได้แรง
และลึกได้ขนาดไหน. ปัจจัยไม่ได้ที่แอมป์
การออกแบบหูฟังเบสหนักมักจะให้กราฟที่ 10-70 Hz
เน้นโด่งพิเศษส่วนความถี่แหลมกลางกลาง
จะตกไปไม่เข้มมากต้องสังเคราะห์แถบเสียงช่วย
ในโพรแกรมอีควอไลซิ่ง

โด้ ขุดมาทำเพื่อ !!! +.+

5555+

ถ้าเปลี่ยนสาย เปลี่ยนหูฟัง จะง่ายกว่าไหมครับ
การที่เราเอาหูฟังที่ไม่ใช่แนวเรามาเบินให้ได้อย่างโน้นอย่างงี้เสียเวลา100-200ชมให้มันเป็นแบบที่เราต้องการซึ่งไม่รุ้มันจะเป็นได้ไหม555 ทำไมไม่ซื้ออันที่ชอบอันที่ใช่แนวแต่แรกเลยจะได้ไม่ต้องมาเสียเวลา555 อันนี้ผมไม่ค่อยเข้าใจกันเท่าไหร่เลย =_=" เริ่มมึน