
วันนี้ผมจะมาแนะนำร้านตัดแว่นดีดีร้านนึงให้ได้รู้จักกันครับ เพราะเชื่อว่าเพื่อนๆพี่ๆน้องๆรอบตัวผมต้องมีคนใส่แว่นบ้าง ไม่ว่าจะแว่นสายตา แว่นกันแดด แว่นใส่เอาเท่เอาสวย แต่ยังไม่เคยเจอร้านแว่นที่ถูกใจ หลังจากอ่านโพสต์นี้แล้วเพื่อนๆอาจจะได้พบเจอก็เป็นได้นะครับเหมือนอย่างที่ผมเจอโดยบังเอิญและผมก็เป็นลูกค้าที่ติดหนึบของร้านนี้มาตลอดสี่ห้าปีและคงติดหนึบไปอีกนานแสนนาน
วันนี้เป็นอีกครั้งที่ผมได้รับบริการที่สุดแสนประทับใจจนยากจะเก็บไว้คนเดียวได้ล่ะครับเอาไว้เล่าตอนท้ายๆละกัน เริ่มตั้งแต่ผมเจอร้านนี้โดยบัังเอิญ เป็นร้านกระจกเล็กๆห้องเดียวมีแว่นอยู่ไม่เยอะนัก อยู่ในตลาดปิ่นเงินปิ่นทองข้างเมเจอร์ปิ่นเกล้า ในร้านมีคนขายสาวสวยอยู่เพียงคนเดียวชื่อคุณแอน คุณแอนเป็นทั้งพนักงานขายและเจ้าของร้านในคนเดียวกัน ที่คุยเก่ง สุภาพนอบน้อมและมีใจในการบริการเป็นเลิศ ครั้งแรกที่เราเจอกัน ผมต้องการตัดแว่นสายตาใหม่ และบอกตรงๆว่าไม่กล้าเข้าร้านใหญ่เพราะกลัวโดนฟันเลือดซิบ เลยเลือกร้านเล็กๆเพราะคงจะเจ็บตัวน้อยหน่อย ความประทับใจแรกเริ่มตั้งแต่การเปิดโอกาสให้ลองให้เลือกจนกว่าจะพอใจโดยไม่มีอาการไม่พอใจอะไรเลย แต่กลับมีแต่รอยยิ้มและความเอาใจใส่ให้กับลูกค้าตลอดเวลาที่อยู่ในร้าน เรื่องราคาค่าตัวของแว่นนั้นมีหลายระดับครับ มีตั้งแต่ราคาประหยัดไม่กี่ร้อยไปจนถึงหลักหมื่น ผมต้องบอกตรงๆว่าผมไม่รู้หรอกว่าที่นี่ราคาถูกที่สุดหรือเปล่า เพราะทุกครั้งสิ่งที่ผมได้กลับไปมันมากกว่าเงินที่จ่ายไปเสียอีกล่ะครับ
ประสบการณ์ตัดแว่นครั้งแรกที่นี่เริ่มต้นจากความผิดพลาด ด้วยเพราะแว่นที่ผมตัดไปนั้นช่างลืมเคลือบกันยูวีให้ และเป็นความบังเอิญที่ผมดันไปเช็คเจอ ตอนนั้นเลยตัดสินใจโทรบอกคุณแอนตรงๆกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งพอคุณแอนรู้แกก็ขอโทษขอโพยยกใหญ่ พร้อมทั้งขอบคุณที่ไม่เข้าใจแกผิด ซึ่งจากความผิดพลาดในครั้งนั้นคุณแอนก็ชดเชยให้ผมด้วยการเปลี่ยนนั่นนี่ให้ฟรีๆพร้อมทั้งส่วนลดอีกมากมาย แต่ที่น่าประทับใจเหนือสิ่งอื่นใดคือการน้อมรับความผิดพลาดของตัวเองแบบไม่มีอาการอิดออดหรือข้อแก้ตัวใดๆ สิ่งที่ผมสัมผัสได้อย่างเดียวคือความรู้สึกผิดที่ทำให้ลูกค้าเสียเวลา แว่นที่ผมได้ไปก็ใส่สบายและได้คุณภาพ ซึ่งทำให้แน่นอนว่าครั้งถัดมาผมก็มาตัดร้านนี้เหมือนเดิม
ด้วยความที่แว่นอันแรกของผมเริ่มขาถ่าง น็อตเป็นสนิมเขียวเพราะเหงื่อ ใส่แล้วหลุดบ่อย ผมจึงได้โอกาสเปลี่ยนแว่นใหม่อีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้สิ่งที่ผมได้รับก็ยังเป็นความเอาใจใส่ที่ดีมากๆเช่นเคยครับ แน่นอนว่าผมเลือกทั้งร้านและได้แว่นถูกใจในราคาแจ่มๆ ใส่สบายตากลับไปอีกครั้ง ผมใส่แว่นอันนี้อยู่เกือบปี ตอนนั้นขาข้างนึงของมันเริ่มแข็งเพราะเหงื่อที่เค็มจัดของผมกัดกร่อนซะเป็นสนิมอีกแล้ว ผมจึงไปปรึกษาคุณแอนว่าแก้ไขอย่างไรได้บ้างเพราะยังไม่อยากซื้อใหม่ ซึ่งคุณแอนก็หยอดน้ำยาแก้ไขให้จนใช้งานได้ปกติครับ จากนั้นไม่นานขามันก็แข็งอีกจนใส่ลำบาก ผมจึงกลับไปหาคุณแอนเพื่อที่จะซื้อแว่นใหม่ แต่เชื่อมั้ยครับ คุณแอนแกบอกว่าแว่นผมเพิ่งซื้อแค่เกือบๆปีอย่าเพิ่งซื้อใหม่เลย เดี๋ยวแอนเคลมให้ เฮ้ย เหงื่อผมกัดแว่นแล้วมันเป็นความผิดของร้านค้าตรงไหน จะเคลมได้อย่างไร ผมเก็บความสงสัยเอาไว้ในอก ใจคงคิดว่าอาจจะมีขาอะไหล่มาเปลี่ยนให้ล่ะมั้ง วันรุ่งขึ้นผมได้รับโทรศัพท์ให้ไปรับแว่น พอไปถึงร้าน เชื่อมั้ยครับว่า ผมแทบไม่เชื่อกับสิ่งที่ได้เห็น เพราะแว่นของผมที่ถูกส่งเคลม มันกลายเป็นแว่นใหม่ใสวิ้ง โดยคุณแอนให้เหตุผลกับผมว่าขาแว่นสีที่ผมใช้มันไม่มี เลยเปลี่ยนแว่นใหม่ให้เลย เฮ้ยยยย บ้าแล้ววว แต่นี่คือเรื่องจริงครับ ผมได้แว่นใหม่มาอันนึงโดยไม่เสียเงินซักบาทเดียว
แว่นอันที่สาม ซึ่งเป็นแว่นที่ได้มาฟรีๆนั้น ผมใช้มาตลอดปีกว่า จนมันเริ่มขาถ่างหลุดง่ายเช่นเคย เลนส์มีริ้วรอยของการเช็ดจากการใช้งานอันยาวนาน ผมจึงตัดสินใจเปลี่ยนแว่นอีกครั้งครับ
และช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาผมก็ไปตัดแว่นใหม่ เลือกได้ถูกใจ แต่มันกลับใส่แล้วเวียนหัว ผมลองใส่อยู่ประมาณหนึ่งอาทิตย์ก็พบว่าอาการเวียนหัวยังอยู่ เลยเข้าไปปรึกษาคุณแอนดู ซึ่งแน่นอนครับผมได้รับการเปลี่ยนเลนส์คู่ใหม่ให้ทันทีโดยไม่มีค่าใช้จ่ายซักบาท ค่าเลนส์เป็นพันเลยนะครับ แต่ไม่รู้อะไรผมก็ยังเวียนหัวอยู่เช่นเดิม ผ่านไปสามสี่วันผมมาหาคุณแอนอีกครั้ง ด้วยความเกรงใจอย่างมากแต่ไม่รู้จะให้ใครช่วย เพราะทุกอย่างก็ทำอย่างถูกขั้นตอนทั้งหมดแล้วปัญหามันเกิดจากอะไร ทำไมผมถึงยังเวียนหัวอยู่ เรานั่งวิเคราะห์กัน สุดท้ายเราเดากันว่ามันเป็นผลมาจากกรอบแว่น เพราะกรอบที่ผมเลือกนั้นมันเล็กกว่าหน้าผม เลยทำให้เลนส์บิด วิเคราะห์ไปวิเคราะห์มา สรุปวิธีแก้ปัญหากันว่าต้องเปลี่ยนกรอบเเว่น ใจผมก็คิดอยู่ว่าคงต้องยอมจ่าย เพราะมันไม่ใช่ความผิดของร้าน ผมก็เลือกกรอบใหม่ที่ถูกใจ ตอนจะจ่ายเงิน คุณแอนเค้าเอาค่าแว่นอันเก่าแบบเต็มราคามาหักออกจากราคาของใหม่ โดยให้เหตุผลว่า พี่จ่ายเงิน แล้วพี่ใส่ไม่ได้ แอนจะคิดเงินพี่ได้ยังไง เฮ้ยยยย กรอบอันที่เพิ่งซื้อไปถึงแม้จะไม่กี่วัน แต่ผมก็ทำเป็นรอยไปแล้ว เอาไปขายต่อไม่ได้แน่ๆ อีกทั้งค่าเปลี่ยนเลนส์อีกสองชุด จะมาหักทิ้งไปดื้อๆได้ยังไงล่ะครับ ผมจ่ายครึ่งนึงก็ยังดีนะ เพราะผมเองที่ยืนยันจะเอาอันนั้น แต่คุณแอนก็ยังยืนยันคำเดิมครับ ลูกค้าใส่ไม่ได้จะให้คิดเงินได้ยังไง
เชื่อว่าหลายท่านน่าจะแอบคิดว่า อ้าว ก็แน่ล่ะสิ แว่นมีปัญหาก็ต้องให้เคลมสิ คิดเงินได้ยังไง ผมถามท่านคำเดียวครับ ใครจะรู้ว่าที่ผมพูดนั้นจริงหรือเปล่า ใครจะรู้ว่าผมเวียนหัวจริงหรือเปล่า ในเมื่อเช็คด้วยอุปกรณ์แล้วทุกอย่างมันปกติ มีผมคนเดียวที่บอกว่ามันเวียนหัวแล้วในที่สุดผมก็ได้แว่นใหม่ ถ้าผมแค่อยากได้แว่นใหมีแล้วแกล้งเวียนหัวล่ะครับ
ที่เล่ามาทั้งหมดคือความประทับใจที่ได้จากร้านของคุณแอนครับ ใครสนใจอยากตัดแว่น ผมว่านี่เป็นโอกาสที่ท่านจะได้พบกับประสบการณ์สุดประทับใจล่ะครับ ผมเอามาเล่าให้ฟังแล้ว อยู่ที่ท่านๆแล้วล่ะครับ ว่าจะกล้าลองหรือเปล่า ^^
ใครไปไม่ถูก โทรหาคุณแอนเลยครับ 089 511 7533 รับรองจะถูกใจ
ปล.หากใครรู้จักผม จะรู้ว่าผมไม่ซี้ซั้วพูด ไม่เชียร์ดะ เพราะคนรู้จักผมเยอะ ไม่ดีจริงพูดไปผมก็เสียเปล่าครับ สำหรับเคสนี้มันเก็บไม่ไหวจริงๆครับ ต้องบอกต่อ ^^
และได้โปรดอย่ามีใจอคติคิดว่าผมมาเล่าเพราะผมได้เปอร์เซ็นต์นะครับขอร้อง หมไม่เคยคิดเรื่องพวกนี้ และบรรดาร้านค้าที่ผมหยิบเอามาเล่าก็ไม่เคยเสียมารยาทพูดกับผมเรื่องนี้เลยล่ะครับ หลายคนอาจจะสงสัย ไม่ได้อะไรแล้วจะเชียร์ไปทำไม .......... ร้านดีดีแบบนี้ ท่านไม่ชอบกันหรือครับพี่น้อง ^^
ปล2. หากใครอยากจะเพิ่มความสนิทสนมเมื่อแรกเจอ จะอ้างชื่อผมก็ไม่ว่ากันครับ แต่นั่นคงไม่ใช่สิ่งการันตีว่าท่านจะได้ส่วนลดพิเศษนะครับ เพราะผมเชื่อว่าแม้ไม่ได้บอกว่าผมแนะนำมา ท่านก็จะได้รับบริการสุดพิเศษอยู่แล้วล่ะครับ ^^
ปล3.หลายคนอาจสงสัย แหม่ ได้รับบริการขนาดนี้ แว่นผมคงราคาแพงระยับเลยสินะ หึ หึ หึ กรอบแว่นตาผมน่ะ หลักพันต้นๆครับ เดี๋ยวจะเดากันว่าแพงอีก กรอบที่ผมใช้ราคาอยู่ราวๆสองพันกว่าบาทเท่านั้นเองครับ เคยซื้อแบบหลักร้อยก็ได้บริการแบบเดียวกันนี่แหละครับ ไม่ต้องเชื่อผม ไปลองด้วยตัวเอง ^^