Guest
หมวดหมู่ > เว็บบอร์ด จับฉ่าย

ช่องทางการติดต่ออื่น

  • Munkonggadget
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Contact Us

Windows X

06/03/2013 01:26:18
337
เมื่อวันก่อนไปเดินเล่น Fortune แวะซื้อการ์ตูนเสร็จก่อนกลับก็บังเอิญเจอคุณปอม Music Toys แกเอา Astell and Kern ที่แกโมมาให้ฟังดู ผมก็วิจารณ์ตรงๆตามประสาคนเล่นนะว่าโมไปแล้วมีดีมีเสียยังไง เค้าใส่ r ไว้เพราะอะไรบ้างนอกจาก protection เพราะ drop r ปล่อยตรงๆแล้ว output คุมไม่อยู่ ต้องไป limit current เพื่อคุม impedance กับ current flow ให้ stable ก็ไม่รู้ทำไมคนอยากจะโมเครื่องนี้กันจัง เล็กก็เล็ก ราคาก็ใช่ีหยอก อย่าไปโมเลย กลับบ้านไปกำลังจะนอนคุณปอมก็โทรมาจะปรึกษาเรื่องการโม ak100 ว่าจะทำให้ดีขึ้นยังไงได้บ้าง บอกตามตรงว่าไม่ได้ตั้งใจจะโมอะไรกับเครื่องนี้แต่แรกแล้วเพราะเห็นว่าเค้าโมไปให้เจ๊งไวขึ้นกันเลยบอกแกไปว่าถ้าจะให้ผมไปโมสุดๆจริงๆยกให้ผมฟรีละกันแล้วผมจะพยายามหาทางทำให้ จากนั้นคุณปอมจะเอาของที่ผมโมไปทำอะไรต่อก็แล้วแต่คุณปอมเลย เพราะผมไม่คิดจะโมเล่นแต่แรก แกก็บอกว่าขอคิดดูก่อน

วันต่อมาแกก็โทรมานัดคุยปรึกษาเรื่องโมเรื่องประกันอะไรต่างๆอีกที สรุปว่าแกให้เครื่องผมจริงครับ ที่บอกไปวันก่อนผมก็ไม่คิดว่าจะยกให้ฟรีจริงๆหรอกนะเพราะเครื่องมันก็หลายตังค์อยู่ ในเมื่อแกยก Astell & Kern ให้ผมฟรีมาโมเล่นเครื่องนึงแบบนี้แล้วก็คงต้องหาทางทำอะไรสักอย่างที่โมแล้วมันไม่เละ ไม่ทำเครื่องเจ๊งได้ง่ายๆและสอดคล้องกับการออกแบบของวงจรเขา ก็คงต้องหาทางขุนเจ้าตัวนี้ให้ขึ้นเท่าที่จะคิดและทำได้ล่ะนะ หวังว่าจะไม่เจ๊งไปซะก่อนล่ะ 555+

จริงๆหลังจากที่แกโทรมาครั้งแรก ผมก็หายง่วงเลยมาศึกษาวงจรกับ design ของ portable player ตัวนี้ ต้องขอขอบคุณคุณ bird กับคุณชัยและบรรดา head-fi ทั้งหลายนะครับที่ช่วยโมให้ดูเห็นใส้ในคร่าวๆว่ามีอะไรในก่อไผ่ มีปัญหาในการออกแบบยังไงบ้าง ปัญหาเหล่านี้ก็พอจะช่วยเปิดกระเด็นให้คิดหาแนวทางแก้ไขได้อย่างไรบ้างที่พอทำได้ ถ้าให้สรุปปัญหาและวิธีการแก้ปัญหาคร่าวๆก็คงสรุปได้ดังนี้ครับ

1. ปัญหาเรื่อง output current ที่แรงและไม่เสถียรก่อนที่จะใส่ r safety วิธีแก้ของ iRiver คือการ limit current โดยเพิ่ม r ที่ต่ออนุกรมไปซึ่งใส่แล้วมันก็ performance ลดลงล่ะนะแต่ก็คุมดีขึ้น นิ่งขึ้น แต่ฟังจากที่โม bypass r ไป 2-3 เครื่องแล้วก็ไม่ work นะ current มันคุมไม่อยู่ มิติหลังๆมันเกลี่ยหายไปหมดไม่มี depth ชัดเจน ถ้าเปิดดังหรือต่อกับหูฟังกินกระแสมีสิทธิ์เกิดการกระชากไฟแรงๆบ่อยทำให้ภาค output เจ๊งเสียงดับในเวลาต่อมาก็เป็นไปได้ อันนี้ผมไม่ได้ขู่เล่นนะครับ ที่เค้าบอกว่า r safety ก็เพราะแบบนี้แหละ
2. เพื่อแก้ปัญหา 0 ohm output impedance ที่ดูยังไงก็คุมไม่นิ่งเสี่ยงกระแสกระชากกระแสจาก output stage และ dc leak ใส่หูฟังตอนเปิดเครื่อง ผมก็กะว่าจะเพิ่ม output coupling capacitor เพื่อคุมโหลดและดักไฟ dc ด้วย ปัญหากระไฟแรงคุมไม่อยู่ส่วนมากก็แก้ด้วยการเพิ่ม c มาคุมซึ่งก็น่าจะเป็น solution ที่ใช้ได้ดีสำหรับ player พกพา อาจจะไม่ปลอดภัยเท่ากับใส่ r safety มาลดกระแสแต่ก็ช่วยลดการกระชากไฟและจัดการเรื่อง background noise/thd/การบกวนจากแรงสั่นสะเทือน
3. ปัญหาสนามแม่เหล็กที่เกิดจาก battery มากวนบอร์ดก็คิดว่าจะวางแผ่นกระดาษกัน EMI/RFI มาคั่นระหว่างบอร์ดกับ battery เพื่อลดการรบกวรและช่วย damp แผงวงจรให้นิ่งขึ้นด้วย น่าจะช่วยให้เสียงดีขึ้นพอสมควร

เนื่องจาก Astell & Kern ออกแบบมาแบบแทบไม่มีที่ว่างเลยคิดว่าทำเท่านี้ก็อาจจะไม่มีที่พอให้ทำแล้ว ถ้ามีที่เหลือก็ค่อยดูอีกทีครับว่าจะพอทำอะไรเพิ่มเติมได้บ้าง ไม่รู้จะ work จริงหรือเปล่าแต่จากที่ผมตรวจสอบ design ของบอร์ดที่คิดว่าน่าจะใช้เป็น solution ที่ดีได้ จากที่ผม search หาข้อมูลสนับสนุนทฤษฎีผมก็ได้พบ link น่าสนใจดังนี้ครับ

อันนี้เป็นโพสจาก Dr. Jan Meier ที่ทำ amp/dac Corda และวงจร xfeed ใน Grace

http://www.head-fi.org/t/630288/the-new-iriver-ak100-a-high-end-dap/1080#post_8980947" title="http://www.head-fi.org/t/630288/the-new-iriver-ak100-a-high-end-dap/1080#post_8980947">http://www.head-fi.org/t/630288/the-new-iriver-ak100-a-high-end-dap/1080#post_8980947 แกตั้งข้อสังเกตว่าการใช้สายที่ยาวขึ้นฟังดูดีกว่าเดิมคาดว่าเพราะ capacitance ที่เพิ่มขึ้นช่วยคุมเสียงให้

http://www.head-fi.org/t/630288/the-new-iriver-ak100-a-high-end-dap/1095#post_8981306" title="http://www.head-fi.org/t/630288/the-new-iriver-ak100-a-high-end-dap/1095#post_8981306">http://www.head-fi.org/t/630288/the-new-iriver-ak100-a-high-end-dap/1095#post_8981306 อันนี้แกก็อธิบายประเด็นที่ RWA ตั้งมา โดยส่วนตัวผมก็ style Dr. Jan นะ ถ้าไม่มีคนยกให้ฟรีจริงก็ไม่คิดจะโมอะไรเหมือนกัน 555+

จริงๆก็มี link อีกหลายที่แต่จะดูวิชาการเกินไปเอาของคนดังใน head-fi แค่นี้ก็น่าจะพอเห็นภาพคร่าวๆแล้ว ดูแล้วก็พอมีแววลุ้นอยู่มั้ง อย่างน้อยๆเราก็ไม่ได้นั่งเทียนคิดเอาเองคนเดียว ตอนนี้ผมก็สั่งของที่จะทดลองไปแล้ว กำลัง ship มาอยู่ ไม่รู้จะยัดลงในเครื่องได้ไหมเพราะดูแล้วแทบไม่มีที่เลย ถ้าของมาโมเสร็จแล้วได้ผลยังไงจะมาบอกให้ทราบอีกทีครับ ตอนนี้ผมก็ขอแบ่ง c ค่าใกล้เคียงมาลองทำ adaptor ต่อจาก ak100 ที่คุณปอมไปโมมาฟังลองดูเล่นๆ ก็มีแววว่าจะใช้ได้ดีนะครับ 3d presentation ดีขึ้นมาก ไม่บาดพุ่งไร้มิติและแยก layer ได้ดีขึ้นเยอะ แต่ผมฟังแล้วมันดูติดนุ่มๆไปหน่อย ไม่รู้เพราะ jack ทดลองราคาถูกหรือ c ยี่ห้อแปลกๆ spec เวอร์ไปหรือเปล่า ร้านที่ไปขอเค้าโมชุดบ้านมีแต่ c 16-50v ขึ้นไปเลือกอะไรมากไม่ได้ แต่โดยรวมก็ฟังดูมีแววเป็นเพลงกว่าเดิมล่ะนะ

สรุปแล้วผมขอบอกชัดเจน ณ ตรงนี้เลยนะครับว่าผมไม่มีความคิดที่จะไปรับโมอะไรกับ ak100 นี้แต่แรก ใครจะโมผมก็แนะนำว่าอย่าเลยตลอดและไม่เคยสนับสนุนเลย คุณปอมไปทำมาผมยังบอกเลยว่าไม่ work หรอก อย่าทำเลย ที่คิด project นี้มาก็เพราะคุณปอมแกยังไงก็จะโมให้ได้จริงๆถึงกับยอมยกเครื่องให้ผมฟรีให้มาโมให้ดีได้แถมมีหลายคนที่สนใจจะโมแบบเสี่ยงทำเครื่องพังถึงความเสี่ยงนั้นจะไม่ได้สูงอะไรมากสำหรับหูฟังพกพาทั่วไป ดังนั้นหลังจากที่โมเครื่องที่ผมได้มาฟรีเสร็จ ผมก็ไม่คิดที่จะรับโม ak100 ต่อไป ที่ผมคิดและสรุปในข้อมูลเหล่านี้ก็ถือว่าเป็นวิทยาทานแก่คนที่สนใจเท่านั้นนะครับ ที่เหลือก็แล้วแต่คุณปอมว่าจะเอาที่ผมโมนั้นไปทำอะไรต่อหรือใครอ่านแล้วจะคิดไอเดียโมอะไรต่อยังไงผมก็ไม่ว่าครับ เพราะที่ผมคิดก็ไม่ใช่นวัตกรรมใหม่อะไร มีคนคิดได้ก่อนผมเยอะแยะ ถ้ามีคนยกเครื่องให้ Dr. Jan Meier มาโมเล่นฟรีๆ ก็อาจจะมี AK100 Corda mod มาก็เป็นไปได้ เสียดายแกแค่ได้มีโอกาสเทสกับเพื่อนที่มีเล่นๆ




ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 1

xpgi

06/03/2013 01:50:56
0
กระทู้ดีๆ ครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 2

Nexzus

06/03/2013 01:56:00
0
รอชมผลงานครับคุณ นนท์ ^^ วันนั้นผมก็ยืนดูช่างเค้าโมให้คุณปอมอยู่เสียดายไม่ทันได้อยู่ฟังครับ นับถือคุณปอมเลยได้ใจมากๆ ฮ่าๆ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 3

Windows X

06/03/2013 02:39:31
337
ตอนได้เครื่องมาผมก็แอบรู้สึกผิดอยู่ลึกๆนะ อารมณ์แบบคนกำลังจะนอนแล้วอยากให้แกตัดใจเลยพูดไปแบบนั้น
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 4

Windows X

06/03/2013 03:12:50
337
แต่พอมีไอเดียโมน่าสนใจแล้วจะให้หยุดก็ยากล่ะครับ ถึงไม่ได้จริงก็คงยืมคนสนใจมาให้โมเล่นต่ออยู่ดี ขอบคุณคุณปอมสำหรับความใจป้ำบ้าบิ่นครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 5

Solotov

06/03/2013 04:37:05
15
ขอถามแบบคนไม่รู้อะไรเรื่องพวกนี้เลยนะครับ
ไอ้ปัญหาเรื่อง 22 ohm impedance ที่ว่าจะไม่เหมาะกับหูฟังพวก iem ที่มี ohm น้อยๆ สมมติ 21 ohm นี่
จริงๆถ้าแค่ใช้สายเพิ่ม ohm หรือว่าต่อ amp ก็แก้ปัญหาพวกนี้ไปแล้วได้เช่นกันหรือเปล่าครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 6

Windows X

06/03/2013 04:49:14
337
ถ้า output impedance สูงกว่า input impedance จะเกิดปัญหา impedance mismatch current อั้น flow control ไม่ต่อเนื่องครับ ซึ่ง Astell and Kern เค้าก็ใส่ไว้ 22 เพราะคาดว่าจะ stable ที่ตรงนี้หรือไม่ก็กะ save batt ด้วยกับไฟกระชากด้วยล่ะมั้ง หูฟัง IEM ส่วนใหญ่ก็เกิน 22 ohm อยู่หรอกแต่บางตัวอย่าง Forte k3003 ก็ต่ำกว่า 20 ohm ด้วยซ้ำ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 7

mtthefirst

06/03/2013 05:15:21
14
ตัว Go-Dap X ผมเวลาฟังกับพวก iem ก็มีปัญหาเหมือนกันครับเพราะ output impedance มันอยู่ที่ 47Ω เลย

ตอนส่งกลับไปอัพ OpAmp เลยบอกให้ทางบริษัทเปลี่ยนให้เหลือเป็น 10Ω ตอนนี้เสียงดีขึ้นเยอะเลยล่ะครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 8

Lovelyglass

06/03/2013 08:55:59
0
ต่อC เพิ่มแบบนี้สงสัย ต้องเดือดร้อนหา แจนเซ่นมาลองเล่นบ้างแล้วครับ ขอความกรุณาคุณนนท์แจ้งค่าให้ด้วยครับ^ ^
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 9

B_RabbitHiFi

06/03/2013 11:03:26



เข้ามาแก้ไขการเข้าใจผิดเล็กน้อยนะครับเด๊๋ยวนนท์จะเข้าใจผิดไปกันใหญ่
1.output current ไม่เกี่ยวกับรีซิสเตอร์ที่เอาออกไปแต่อย่างใดครับ เพราะ วงจรของ AK100 เป็นสัญญาณดิจิตอล การที่เราจะฟังได้ต้องแปลงกลับมาเป็น อนาล็อกก่อน ครับ แปลงเสร้จก็เข้าออฟแอมป์ แล้วเข้า output current โพรเทคชั่นซึ่ง เป็นoutput FETs 3ขา กที่ต่อ อนุกรมกับ รีซิสเตอร์นั่นเอง ถ้าเอา Rออกแล้ว มีปัญหาเกิดขึ้นระหว่างการทำงาน output FETs ตัวนี้เอาง่ายๆเลยมันต้อง เฟล โดยมันต้องร้อนขึ้นมาผิดปกติครับ ซึ่ง ไม่เกิดอาการนี้นะครับถ้า เป็นเอเค100 สัญญาณรบกวน หมดโอกาศหลุด ออกมาครับเพราะ แบตเป็น ลิเที่ยมพอลิเมอร์แบบเดียวกับมือถือและ เมมโมรี่ก็เป็นแบบโซลิดสเตรท ลองดู ตำแหน่งของเฟทได้ในภาพที่แนบมาภาพที่4
2.เดี๋ยวจะไปกันใหญ่ครับเพราะคุณนนท์ไม่เห็นตอนแกะ output impedance มันไม่ได้วัดจาก Rที่ต่อนะครับ เดี๋ยวเข้าใจผิดกันกันใหญ่ เอาท์พุทต้องมีโหลดถึงจะสามารถคำนวณได้นะครับ อาท์พุท ยังมีมอสเฟส อีกตัวนึง ทำหน้าที่บายพาสสัญญาณรบกวนอยู่แล้ว ลองดูในภาพจาก เฟชบุ๊คได้ครับ รีซิสเตอร์จะต่อจาก ขา เฟท พอดี ก่อนที่สัญญาณเสียง จะออกมาให้เราฟัง มันจะผ่าน เฟท 3ขา 1ตัว ออกมาที่ รีซิสเตอร์ อีกขานึงลงการวด์ เป็นวงจรป้องกันแบบนึงครับ สายที่เราเปลี่ยนเข้าไปมีผลต่อเสียงเพราะ ช่วงท้ายทำหน้าที่แทนแผ่นปริ๊น ตัวบายพาสที่จริงจะเป็น ซีที่ต่อจาก รีซิสเตอร์อีกทีครับ โดยจะบายพาส สัญญาณที่ไม่ต้องการลงกราวด์ไปอีกที
3.ปัญหาสนามแม่เหล็กที่เกิดจากแบตเตอร์รี่ ถ้าได้แกะเครื่องจะรู้ครับ AK100 เครื่องเขาแก้จุดนี้มาดีมากแล้วครับดูรูปที่แนบมาได้ครับ เขาจะมีแผ่นโลหะ กันสัญญาณรบกวนอยู่ อาจเรียกว่ากราวด์เพลน หรือ กราวด์ชีลด์ก็ได้ครับ ถอดออกมาแล้ว ดูในรูปที่สองครับ ไม่ต้องไปพยายามทำอะไรอีกมันมีพื้นที่พอให้โมแค่ ที่เห็นนั่นแหละครับ
เท่าที่ผ่านมือมา 6-7เครื่องไม่เกิดปัญหาอะไรครับใช้งานได้ตามปกติ ลองใช้มิเตอร์วดดูไม่มีไฟ รั่วผ่านเฟทออกมาแต่อย่างใด
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 10

06/03/2013 11:25:58
เอ็งอีกแล้วนะ Window X มาปั่นกระแสตลอด ทุกคนต้องทำตามนายอย่างเดียวอีกล่ะสิ นั้นคือเป้าหมายที่นายตั้งใจไว้ช่ายม้าาา
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 11

Windows X

06/03/2013 14:17:26
1. โม r ออกแล้ว FET ทนได้ไม่ดับจริงอยู่ครับ แต่ได้วัดความร้อนดูหรือเปล่าครับ FET มันร้อนขึ้นนะครับและถ้าเกิดใช้กับหูฟังซดกระแสแบบ ES10 Fidelio X1 หรือ full-size กินกระแสฟังเพลงที่มี dynamic swing หนักๆฟังดังๆนานๆ ถ้า FET โดนกระชากกระแสแรงๆถี่ๆอายุที่มันจะเสื่อมพังลงไปมันก็สั้นลงได้ครับ แต่ถ้าต่อกับหูฟัง IEM กินกระแสต่ำโหลดไม่แรงฟังแบบไม่ดังมาก มันก็พอจะใช้ได้อยู่ครับแม้จะมีปัญหาเรื่องเปิดปิดเครื่องดึง jack เข้าออกอยู่บ้าง แต่ถ้าผมใช้ ak100 โมกับ Fidelio X1 ที่รอของมาอยู่ ผมก็ไม่แน่ใจว่ากับหูฟังตัวนี้ที่ซดกระแสสูงมันจะใช้ได้ไม่มีปัญหาจริงอยู่เหรอ ถ้าผมฟังตัวโมแล้วมันดูครบ นิ่ง stable แต่แรก ผมก็คงไม่คิดมากและไม่มีกระทู้แบบนี้ขึ้นมาครับ

2. ได้ลองวัดกระแสด้วยหรือเปล่าครับว่าสัญญาณมัน stable ไหม plot graph เช็ค dynamics SPL ได้ slope ดีทุกย่านหรือเปล่า ผมเองก็ไม่ได้วัดหรอกแล้วก็ไม่รู้ว่าวัดไปแล้วจะบอกมันดีไม่ดียังไงเหมือนกัน ถ้าหูฟัง IEM balance armature ที่สามารถเกิดการ swing ของ transient dynamics อะไรมาก โมแบบนี้ฟังดีกว่ามากกว่าแย่ก็ไม่แปลกครับ แต่ที่ลองฟังจาก dynamic driver หลายๆตัว body image อะไรนี้เล็กเนียนกองกันหมดเลยครับ ไม่มีการจัด layer หน้าหลังเหมือนเครื่องจ่าย current มาให้ swing ไม่ทัน ประเด็นคือผมฟังแล้วมีปัญหาอย่างที่บอกกับหูฟัง dynamic ซึ่ง balanced armature มันทำแบบ dynamics ไม่ได้จึงอาจไม่เห็นปัญหานี้ชัดเจนนัก ผมให้คนรู้จัก 2-3 คนฟังดูเมื่อวันก่อนเค้าก็บอกเหมือนๆกัน บางคนก็ชอบนะ แต่พอผมชี้แจงปัญหาให้เค้าลองฟังดู เค้าก็เห็นด้วย ส่วนสาย wiring นั้นมันมีค่า capacitance อยู่ที่หลัก picofarad ซึ่งผมไม่แน่ใจว่าจะพอไหมนะ Dr. Jan Meier ก็ชี้ถึงประเด็นนี้ในกระทู้ที่ผมบอกไว้อยู่ว่าสายยาวๆเหมือนจะฟังดีขึ้นแต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะต้องเป็นค่ายังไงเท่าไหร่ถึงจะพอดี อาจจะต้องขดสาย wiring ภายในเพิ่มเพื่อให้ความยาวนั้นเหมาะสมหรือหา c มาใส่แทนแต่ไม่รู้จะมี size ที่ยัดได้ไหม blackgate ก็ไม่มีแล้วด้วย

3. ground plate ช่วยดูด noise ในวงจรออกไปซึ่งก็เป็น design ที่ดีครับ แต่ที่ผมชี้มันเป็นเรื่องสนามแม่เหล็กในภาคจ่ายไฟมันก็มีคลื่นอะไรพวกนี้อยู่แล้ว จริงๆก็ไม่ถึงกับเป็นปัญหาหรอกครับเพราะอุปกรณ์พกพาส่วนใหญ่ก็เป็นแบบนี้หมดแล้ว ผมก็พยายามคิดดูว่ามันจะทำอะไรได้ดีขึ้นบ้าง ถ้าติดแผ่น quantum damp ที่ jack ที่อะไรแบบนี้จะดีขึ้นหรือเปล่า จริงๆก็ไม่ได้เกิดกับเครื่อง ak100 อย่างเดียวหรอกครับ iPod/iPhone/iPad/Galaxy ก็เป็น

ที่ตั้งกระทู้นี้มาก็เพื่อจะเปิดประเด็นเป็นไอเดียให้คิดให้ทำชี้แจงในส่วนที่ผมเข้าใจและคิดดู ถ้าผมคิดว่ามันโมแล้วแย่จริงๆ ผมก็คงเงียบไปไม่โพสอะไรเหมือนที่ทำมา แต่ตอนนี้ดูแล้วพอเห็นทางว่าจะทำอะไรให้ดีขึ้นได้บ้างเลยมาโพสมาแชร์แบ่งปันแนวคิดประสบการณ์กัน ผิดบ้างถูกบ้างก็ช่วยๆกันแก้ไข ค่า c ผมยังไม่ชัวร์นะครับว่าเท่าไหร่ถึงจะพอดี คงต้องเทสเล่นๆไปเรื่อยๆดูก่อน ส่วนพวกที่ชอบคิดแทนผมเสร็จสรรพก็คิดด้วยนะครับว่าโพสไปแล้วมีประโยชน์อะไรบ้าง
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 12

Lovelyglass

06/03/2013 15:40:09
0
ผู้รู้คุยกันได้ความรู้ครับ คิดต่างไม่จำเป็นต้องแตกแยก สำหรับผมแล้วขอให้เป็นเสียงที่ชอบก็พอครับ
ยังไงถ้าได้ค่าC ที่คิดว่าเหมาะสม รบกวนแจ้งด้วยนะครบ เผื่อได้ขุดกรุC เก่าๆมาลองเล่นบ้างครับ
^ ^ ขอบคุณครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 13

kiertijai

06/03/2013 21:27:17
0
เรียนถามคุณชัย เพราะมีประสบการณ์ทำมาหลายอันแล้วครับว่า

ในระยะยาว ทางทฤษฎีอาจมีผลเสียอย่างไร และมีข้อควรระวังอย่างไรบ้าง

เสียงที่ดีขึ้น เป็นในลักษณะใด ที่ถามเพราะว่าที่ใช้ Iriver Ak100 พบว่าเวทีเสียงดีขึ้น อิมเมจดีขึ้นชัดเจน แต่พบว่าถ้าใช้กับหูฬังโดยเฉพาะ Fitear จะออกจัดจ้านไปเพราะเสียงไปข้างหน้ามากเกินไป ขณะที่ปัญหานี้ไม่พบกับการใช้ Final Audio PF IX, PK2, Heir Audio

วิธีดัดแปลงใช้หลักการที่ Vinnie Rossi@Redwine Audio ทำใช่หรือไม่ครับ แต่เปลี่ยนอุปกรณ์เป็นใช้สาย Viard แทน ถ้าเป็นเช่นนั้นก็น่าจะปลอดภัยสมควรเพราะ RWA mod มีคนที่ทำหลายคนแล้วยังไม่พบปัญหาสำคัญใด ๆ ยกเว้นในช่วงต้นที่มีคนพูดถึงบ้าง แต่ต่อมาพบว่าเป็นปัญหาจาก bug ใน AK100 เองมากกว่า

การ bypass 22Ohm resistor สามารถดัดแปลงได้อีกหรือไม่ ถามแบบคนไม่รู้เรื่องครับ เช่นถ้าเปลี่ยนเป็น resistor เป็นขนาดอื่นจะได้เสียงเป็นแบบใด ที่เรียนถามเพราะมีคนโมแอมป์หรือ phonopreamp โดยการใส่ resistor เข้าไปก็สามารถให้รับได้กับหัวเข็มชนิดต่างชนิดได้

ใช้เวลาในการดัดแปลงนานเพียงใดครับ เพราะอาจเอาไปให้ทำพร้อมกับดูแลรักษาหูฬังบางตัวครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 14

JOKER_THX

06/03/2013 21:30:13
7
กระทู้ดีๆแบบนี้ ปีหนึงจะมีสักกี่ครั้งเนี้ย... ขอบคุณพี่ชัย และ คุณนนท์มากๆครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 15

Lovelyglass

06/03/2013 22:01:58
0
ผมมาให้ข้อมูลเพิ่มในถานะที่เคยไปนั่งรอคุณชัยทำนะครับ ตัวของผมใช้เวลา 45นาทีโดยประมาณครับ เรื่องเสียงคงต้องลองครับ ผมลองอยู่เกือบชั่วโมงครับ แต่ที่จริงตัดสินใจทำตั้งแต่เพลงแรกแล้วครับ แต่ประกอบกับดูแล้วคุณชัยยังไม่ว่างครับ และฟังเทียบแบบหลากหลายเทียบแบบทีละช่วงเพลง ก็สนุกดีครับ
ผมถือว่ามันให้เสียงได้ถูกใจในเวลานั้น ผมก็OK.แล้วครับ ราคาไม่มากมายอะไร ให้เสียงแตกต่างได้ขนาดนี้ถือว่าเยี่ยมแล้วครับ
IMHO.
ถ้ามีอะไรทำให้ดีขึ้นได้อีกผมก็คงลองต่อละครับ ถ้าตัวนี้ที่เต็มแล้วลงไม่ได้ก็คงซื้ออีกตัวครับ น่าทึ่งที่เครื่องเล่นตัวเล็กๆแค่นี้ให้เสียงได้ดีขนาดนี้ครับ ไม่ถึง30K .นี่ที่จริงยังซื้อCD. Playerเสียงระดับนี้ยังไม่ได้เลยครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 16

นายมั่นคง

06/03/2013 22:28:33
4,282
ขอบคุณทุกๆๆท่านที่เอาข้อมูลมาให้อ่านเพื่อความเข้นข้นของเจ้า AK100 ล่ะครับ งานโมเป็นแรงบันดาลใจในการต่อยอดเรื่องเสียงออกไปล่ะครับ ^^
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 17

ManPlayEar

06/03/2013 23:09:15
21
เอาคำตอบจากผู็ผลิตมาให้ดู

About the Red Wine Audio AK100 Mod, I got this message from iRiver:

“Dear All,

I think you guys already known about “RWAK100”
Well, here are our mentions for this issue, please refer to it.

If you change AK100’s output impedance into 0 ohm (by taking off resistance)

PROS :
1. Sound become powerful.
2. enrich sound of high impedance
3. better balance for Armature unit drive earphone.

CONS :
1. Each headset has limitation of maximum output. By reducing impedance of AK100, there could be deterioration of headset and it cause short of circuit. In this case, it consume over 2W electric power and make damage of AK100 circuit.
2. When there is Static Electricity, it can easily damage of AK100. In this case, even it plays but there is no sound.
3. VOC and PL regulation issue will be happed by causing hypacusis and deafness.
4. Even it improves the sound power, it reduces smooth and delicate sound detail of AK100.

With these reasons, we do not recommend reducing impedance or any modification by users.
To prevent such unauthorized modification by end user, we use special screw driver for AK100. But if they carry out any kind of changes or modification by themselves and it cause any problem or issue, we are not obliged to provide C/S or A/S.”
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 18

Nexzus

06/03/2013 23:10:05
0
กระทู้ดีมีสาระครับ ไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้มาอ่านเอาความรู้จ้า
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 19

SounDFeVeR

06/03/2013 23:19:48
0
เข้ามารอเสพวิชาการครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 20

B_RabbitHiFi

06/03/2013 23:24:59
0
นนท์กับผมไม่ได้ทะเลาะกันเน้อ ความคิดเห็นไม่ตรงไม่จำเป็นต้องทะเลาะครับ คนเรามีแนวเพลงที่ชอบต่างกันไป ชื่นชอบหรือ อยากฟังในสิ่งที่ต่างกันบางครั้งการโมของผมอาจจะใช้ความรู้สึกโดยรวมในการฟังในการreference บางครั้งอาจจะขัดกับนนท์ที่อยากได้เสียงที่ตรงกับที่เขาบันทึกมาเป๊ะๆซึ่งผมมองว่าฟังแบบนนท์ก็มีความสุขในอีกรูปแบบหนึ่งแต่ สิ่งที่เราโมออกมาฟังแล้วรู้สึกว่ามันดีผมก็ว่ามันน่าจะพอแล้วนะ พอดีนนท์มาโพส งานโมเครื่องเล่นตัวนี้แล้วผมมีความคิดเห็นที่ต่างออกไปบ้าง และเครื่องที่นนท์ได้มาไม่ได้โมจากทางผมแต่อย่างใดครับ อยากให้มองภาพรวมแล้วดูว่าเราฟังเพลงเพราะเพลงมันไพเราะด้วยตัวของมันเองเราปรับเลี่ยนองค์ประกอบต่างๆ ด้วยความต้องการของตัวเราเองทั้งสิ้น ที่เราทำลงไปเราชอบเสียงของมันแต่คนอื่นมาฟังอาจจะไม่ชอบก็เป็นได้ครับซึ่งเป็นเรื่องปกติครับส่วนสิ่งที่ผมทำคือบางส่วนก็เป็นเรื่องของcommercialต้องจับใจถูกใจคนฟังเพราะอันใหนผมฟังแล้วเวิคมันก็ออกมาค่อนข้างดี ผมเข้าใจในสิ่งที่นนท์พยายามทำอยู่ครับ ที่นนท์จะทำคืออยากให้Ak100เสียงออกมาในแนวที่นนท์อยากฟัง ซึ่งเป็นงานที่ยากครับ แต่ก็ท้าทาย จุดที่นนท์คิดว่าเสียงดีสำหรับผมอาจจะฟังแล้วไม่ดีก็ได้ การวัดอะไรด้วยความชอบมันยากครับ วันนี้คุยกันยาวเกือบ4ทุ่ม นั่งทำโน่นนี่ลองฟังเล่นกัน ถามว่ามีอะไรที่จะทำเพื่อ เพิ่มเติม ตอนนี้ขอเวลาทดลองก่อนครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 21

ManPlayEar

06/03/2013 23:25:45
21
ข้อดีดูกันเอาเอง

ข้อเสีย
1.R outputช่วยลดกระแสออกได้จริง ตามสูตรI=E/R
I=กระแส(Amp)
E=แรงดัน(Volt)
R=ความต้านทาน(Ohm)
แรงดันคงที่ ถ้าคตท.ลดลง(ถอดRออก) กระแสก็ไหลออกมากขึ้น ถ้าเราใช้กับหูฟังคตท.ต่ำจะมีผลมากๆ ถ้าใช้กับหูฟังคตท.มากๆขึ้นจะมีผลน้อยๆลง แต่เราต้องมาดูFet outputอีกว่าสามารถจ่ายกระแสได้สูงสุดเท่าไหร่ที่คตท.เท่าใด (ซึ่งFetตัวนี้ไม่มีเบอร์บอก)
2.เรื่องไฟฟ้าสถิตย์ โอกาสเกิดขึ้นน้อยมากในภูมิอากาสแบบเมืองไทยที่ร้อนชื้น
3.ไม่รู้
4.ยังไม่รู้ รอตัวโมกลับมาก่อน
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 22

ManPlayEar

06/03/2013 23:36:01
21
เรื่องเอาCapacitorมาต่อoutput ผมมองว่ามีผลเสียมากกว่าผลดี
ถ้าเป็นเรื่องกันไฟDCรั่ว ไม่แน่ใจว่าในAK100มีCต่ออยู่แล้วรึเปล่า จะกลายเป็นซ้ำซ้อน

แต่ถ้าเป็นเรื่องเพิ่มค่าcapacitanceที่Dr.Janบังเอิญเจอ แล้วบอกว่าเสียงดี ผมว่าสรุปเร็วเกินไป เพราะตัวแปรยังมีอีกเยอะ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 23

ManPlayEar

06/03/2013 23:41:48
21
ต่อ...
หูฟังที่ใช้ไม่เหมือนกัน สายก็ไม่เหมือนกัน แถมยังมีความยาวสายอีกฯลฯ
จึงสรุปได้ยากว่าใส่Cค่าเท่านี้ แล้วจะดีขึ้นกับหูฟัง(ทุกตัว) ตัวแปรมันเยอะโดยเฉพาะหูคนนี่ สำคัญสุดๆๆๆๆเลย 5 5
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 24

ManPlayEar

06/03/2013 23:52:27
21
จากที่ใช้จริง

AK100เดิมๆ เข้ากับหูSenn IE8มากๆ(ในความชอบแบบส่วนตัว)
หูตัวนี้ใช้Dynamic Driverอันเดียว คตท.18Ohm

AK100เดิมๆ ต่อกับFinal Audio Design FI-BA-SS เสียงน่าเกลียดมากๆ ความถี่ต่ำหาย ขณะเดียวกันเสียงสูงกลับมาเยอะเกิน
หูตัวนี้ใช้BA Driverอันเดียว คตท.16Ohm

จะเห็นว่าค่าคตท.ไกล้เคียงกันมาก แต่ผลที่ได้เกือบตรงกันข้าม แล้วจะสรุปยังไงดี ^ ^
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 25

Solotov

06/03/2013 23:54:53
15
ข้อ 3. VOC and PL regulation issue will be happed by causing hypacusis and deafness.
นี่ทำเอาหดเลยครับ... เหมือนขู่เลย

ส่วนข้อ 4 ผมอ่านรีวิวใน head-fi เค้าบอกว่าลองฟังแล้วก็ไม่เป็นแบบนั้นนะครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 26

B_RabbitHiFi

07/03/2013 00:01:46
0
วันนี้ลองกันเยอะเรื่อง คาปาซิสเตอร์นี่ ผมว่าเป็นอะไรที่คอนโครลยากครับ แต่ละยี่ห้อก็มีเสียงต่างกันไป ความจุของตัวเก้บประจุอีก หลายปัจจัยครับ ตัวเดิมๆที่นนท์ทำมานั้น ก็เป็นตัวทดลองทำเล่นๆ ดูจากงาประกอบก็ได้ครับ แต่ก็ดีทำให้รื้อเปลี่ยนของได้ง่าย
ถ้าจะบอกว่าต่อออกมาแล้วซ้ำซ้อนมั้ย ซ้ำแน่ๆครับ เพราะ ซี คลัปปลิ้งใน วงจรมันมีอยู่แล้ว แต่ถ้าใส่ซีเข้าไปก็มีผลต่อเสียงส่วนจะดีหรือไม่ ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย นั่นคือ ค่าความจุของ C ยิ่งเยอะ ยิ่งฟุ้งเสียงแทนที่จะดี จะติดก้องๆไป บวมๆไป อีกอย่าง อัตราการทนแรงดันของ C ที่ใช้ ยิ่ง ค่ามากตัวจะยิ่งโต โวลต์ พีค ทีพีคของเอาท์พุทเครื่องเล่น มัน นิดเดียวเองมันเลยไปกันใหญ่ ที่ นนท์ ทำมา 330uf 30V ออกมาถือว่าไม่เวิคครับ เยอะไปมาก ถึงจะทำออกมาเวิค อีก2ปัจจัยที่ ต้องไม่มองข้าม คือ อิมพีแดนซ์ของหูฟังที่จะมาเป็นโหลด และอีกข้อก็ คาแรคเตอร์ของหูฟัง ถ้าทำออกมาเสียงดีกับหูฟังรุ่นหนึ่งใช่ว่าจะออกมาดีกับอีกรุ่นหนึ่ง สิ่งที่ได้จากการใส่ซีเข้าไป คือ ระยะความลึก หรือ การวางตำแหน่งที่ ห่างกันมากกขึ้น หรือที่นนท์ เรียกว่า เดปขึ้น นั่นเอง แต่มันก็ขึ้นอยู่กับปัจจัย ข้างต้นครับ และการเพิ่มอุปกรณ์เข้าไปย่อม มีการ บริโภคพลังงานเพิ่มขึ้นมา ไม่ใช่แค่วิ่งผ่านมันต้องการความสูญเสีย ระหว่างนั้น ถ้าใส่ เข้าไป ต้องเปิดดังขึ้น
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 27

zxto2500

07/03/2013 00:07:14
0
ช่างใหญ่มารวมกันในทู้เดียวหาได้ยากยิ่ง ยังขนาด น้า noppong ไปเชิญแกมาอีก คงสุดแล้วกระทู้นี้
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 28

Windows X

07/03/2013 00:34:09
มาแล้วครับ กว่าจะมาถึง ก่อนอื่นก็ขออธืบายเรื่องที่บอกว่าไม่ดีหรอกครับ อย่าโมเลยก่อนเลยนะครับ อันนี้ผมพูดกับคุณปอมนะครับ แกเป็น distributor และโมแบบ RWA ก็มีความเสี่ยงยังไงผมก็อธิบายพอสังเขปไปแล้ว เจ๊งมาคุ้มกันไหม โมแล้วทำหูเขาเสื่อมมีปัญหาทีหลังจะโดนหางเลขไหม ตอนผมคุยกับคุณเบิร์ดก็บอกข้อดีข้อเสียจากที่ฟังโม Cardas ไปว่าวิธีการโมแบบนี้มันได้แบบนี้เสียแบบนี้นะ ถ้าพอใจก็ไม่ว่ากัน อาจจะเพราะเขียนเล่าตามเหตุการณ์ตรงๆทำเอาหลายคนนึกไปว่าผมห้ามทุกคนโมเพราะมันแย่ ผมห้ามแค่คุณปอม ณ ตอนนั้นครับเพราะด้วยบริบทของ distributor มันเสี่ยงเกินไป ไม่ได้มีเจตนาจะวิพากวิจารณ์การตัดสินใจของใคร

ต่อมาก็เรื่องปัญหาที่โมไปแล้วหลักๆนะครับ ขอเรื่องเสียงก่อนละกัน เดิมที design เดิมๆเค้าก็มีเสียงออกแนวชัดๆอยู่แล้วการแยกชิ้นดนตรีมิติโอบล้อมก็ไม่ได้ชัดเจนอะไรมาก พอโมเอา r ออกไปแล้วกลายเป็นเสียงพุ่งไปเลย แผ่เป็นระนาบเดียวกันแย่งกันออกหมด ช่องไฟ มิติการจัดวางชิ้นดนตรีทับกันหมด impact หัวโน้ตก็ไม่มีความลึกมีน้ำหนัก เจอเครื่องเป่านี่อารมณ์เพลงตายสนิทไปเลยไม่ว่าจะใช้ wiring อะไรก็ตาม ฟังโมมา 3 แบบเป็นแบบนี้หมด ซึ่งก็น่าจะตรงกับที่ iRiver เค้าว่า "Even it improves the sound power, it reduces smooth and delicate sound detail of AK100."

แต่ viard โมที่ฟังวันนี้นั่นก็ยอมรับว่าเป็น mod ที่ฟังแล้วฟังได้สบายไม่ค่อยฟ้องปัญหาที่ผมว่าเมื่อสักครู่นี้ เนื่องจากสายที่โมนั้นเป็นแนวเสียงเนียนๆนุ่มๆเน้น sound refine ฟังสบายไม่ชอบฟ้องระบบอยู่แล้ว พอเอามาโมใส่แล้วอาการที่ได้ยินตอนโมสาย Cardas หรือเส้นอื่นๆก็ไม่ชัดเจนมากเหมือนแต่ก่อน แต่ก็ใช่ว่ามันจะแก้ปัญหาได้นะครับ คือแต่งเสียงใหม่ให้ความชัดเจนของปัญหานั้นน้อยลงไปในระดับที่ฟังได้ รับได้ คือฟังยังไงก็ไม่น่าเกลียดไม่มีจุดที่ไม่ชอบเลย

แต่ถามว่าผม fin กับ viard แค่ไหนบอกตามตรงว่า fin กับ cardas มากกว่าครับแม้ปัญหาที่ผมไม่ชอบจะฟังชัดเจนกว่าแต่กับสายนั้นฟังดูคล้ายแบบก่อนโมกว่า ดู truthful กว่า แต่นั่นก็เป็นความเห็นของผมเพียงคนเดียวนะครับ คนอื่นอาจจะฟังแล้วไม่เป็นแบบนี้ อาจจะชอบที่เป็นแบบนี้ พอใจก็ฟังต่อไปครับ ผมไม่ได้ห้ามให้คุณเลิกฟังเลิกชอบแต่อย่างใด ผมแค่พูดในสิ่งที่ผมคิดและได้ยินเท่านั้นเอง เห็นด้วยไม่เห็นด้วยไม่ว่ากันครับ แค่อย่าบอกว่าที่คุณชอบนั้นดีที่สุดก็พอ เพราะผมก็สามารถผ่าสายทองแดง 8N จากสายสัญญาณ Acrolink 6-7 หมื่นหรือจะเอาตัว 3-4 แสนมาโมแล้วบอกว่าผมชอบมันมาก มันเป็นสายสำหรับ mod ที่ดีที่สุดแล้ว ชน CD Player ตัวครึ่งแสนได้สบายๆ ซึ่งเรื่องแบบนั้นผมเคยทำไปเมื่อหลายปีก่อนแล้วครับ ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากเห็นคนอื่นเดินไปในเส้นทางนี้ เมื่อก่อนผมก็เห่อฝรั่ง Vinnie เหมือนกัน เถียงกับคนในบอร์ดบอกว่า Vinnie เค้าดีแบบนั้นแบบนี้ พยายามจะเชื่อว่าสิ่งที่มีมันให้ความคาดหวังที่ใกล้เคียงกับสิ่งที่เกินสัมผัสได้

มาว่ากันเรื่องทางเทคนิคกันอีกที หลังจากที่คุยกับคุณชัยเพื่อหาข้อสรุปที่ชัดเจนขึ้นแล้ว การ bypass r 22 ohm หลัง fet ออกไปนั้นในเชิง protection แล้วไม่ค่อยเกี่ยวกับวงจรเท่าไหร่ แต่ถ้าเอาหูฟังที่ใช้กำลังขับสูงๆแบบ 2000mW ขึ้นไปต่อตรงๆเร่ง volume สุดๆฟังเพลงที่มันโหลดกระแสหนักๆมีช่วง swing แรงๆเยอะๆนานๆไปนี่ มันจะไม่มีความเสี่ยงที่จะทำให้หูหรือเครื่องมีปัญหาจริงๆเหรอ หูฟังกระชากไฟจาก fet ตรงๆแรงๆจะจ่ายได้นิ่งจริงหรือ fet รับภาระที่มากขึ้นไปนานๆ อายุขัยไม่สั้นลงจริงเหรอ แต่นั้นก็เป็น case กรณีสุดโต่งซึ่งถ้าคนทั่วไปต่อหูฟังไม่กินกระแสนัก ฟังดังแบบธรรมดาไม่เร่งดังเกินไป ความเสี่ยงนี้ก็ลดลงไปครับ แต่ความเสี่ยงก็ยังมีอยู่ดีเพราะเราไม้รู้ว่า bypass r ออกไปแล้วจริงๆวงจรมันจะปลอดภัยจริงเหรอ ไฟเลี้ยง fet มากพอจริงหรือเปล่า output ได้ถึงแน่หรือเปล่า fet เบอร์อะไรก็ไม่รู้ Vinnie ที่ว่าเทสแล้วก็ไม่รู้เทสดู spec ของยังไงบ้าง ถ้ามันได้จริงๆแล้ว iRiver จะใส่ r มาทำไมในเมื่อมีคนบอกว่าไม่ใส่จะเสียงดีกว่า แล้วอย่าง amp sony ที่เค้าว่า output impedance สูง ถ้าเราโมให้ต่ำลงได้เสียงก็ดีขึ้นเหมือนกันหรือเปล่า

ส่วนเรื่อง capacitance นี้จากที่ดูวงจรเหมือนจะไม่มี c output coupling นะครับ ถ้ามีแล้วใส่ซ้ำซ้อนก็ไม่ดี ก็คงต้อง bypass c แล้วเปลี่ยนที่ดีๆแบบโม iMod เมื่อก่อน แต่ AK100 ไม่มี c ในภาค output stage ดังนั้นใส่ c ที่เหมาะสมลงไปอาจช่วยแก้ปัญหาของ player ได้บ้างก็เป็นได้ จริงๆเรื่อง c นี้ผม research เรื่อง output stage ของ portable audio มาอยู่ก่อนแล้วว่าพอจะมี solution อะไรได้บ้าง ดูเหมือนเรื่องของการใช้ c output coupling ที่เหมาะสมจะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจเพราะมีใช้กันอยู่ไม่น้อยในเครื่องเสียงรถยนต์รุ่นใหญ่ๆและอุปกรณ์พกพาดีๆหลายตัวก็ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อยู่ไม่น้อย หาก AK100 ไม่มีใส่จะลองต่อเพิ่มทดสอบดูก็ไม่เสียหาย เพียงแต่เอา c อะไรก็ไม่รู้มาลองค่าเล่นๆคงจะฟังให้ดีเลยไม่ได้ ต้องไปศึกษาเพิ่มเติมต่ออีกที แต่อย่างน้อยๆก็ช่วยจัดแจงช่องไฟดีขึ้น ลดการทับกันของชิ้นดนตรีได้และหัวโน้ตมีัมิติเป็นตัวขึ้น แต่ข้อดีของสาย purist ไม่เน้น filter ก็ลดลงไป ดูหน่วงลงหน่อย ไม่เปิดชัดจะแจ้งเหมือนตอนแรก แต่สำหรับคนที่ฟังแบบใส่ใจกับการจำลองเวทีชิ้นดนตรีที่ให้อารมณ์เสมือนจริงเป็นชิ้นเป็นอันได้ก็อาจจะรับได้กับแบบนี้มากกว่า เมื่อก่อนผมก็คงจะรับแบบนี้ไม่ได้แต่ทุกวันนี้ถ้ามัน hifi แต่ฟังแล้วมันไม่เป็นชิ้นเป็นอัน องค์ประกอบมาไม่พร้อมกันก็ขอแบบมาไม่เยอะแต่พร้อมกันหน่อยดีกว่า

ส่วนเรื่องแบตเรื่อง damp นั้นดูเหมือนว่าเครื่องเดิมก็มีแผ่นโลหะดักอยู่แล้วซึ่งดูในรูปก็ไม่เห็นเลยไม่รู้ล่ะครับ คิดว่าคงไม่จำเป็น แถมไม่รู้จะมีที่เหลือพอไหมเพราะเห็นคุณชัยว่าแผ่น damp มาแปะชิพยังปิดไม่ลงเลย ที่ผมยกตัวอย่างมาก็เป็นเพียงการประเมินคร่าวๆเพื่อหาความเป็นไปได้ที่จะทำให้เครื่องนี้เสียงดีขึ้น ไม่ได้มีเจตนาจะให้คนเลิก mod เลิกโมเลิกใช้แต่อย่างใดนะครับ

สรุปแล้วแต่ละอย่างมันก็มีได้มีเสียหมดครับ อุปโลภกันขึ้นมาหมดว่าจะให้อะไรดีไม่ดีแค่ไหนอย่างไร อยู่ที่ว่าคุณจะรับกับตรงไหนได้มากน้อยต่างกันอย่างไร ความพอดีของคุณอยู่ที่ไหนมากกว่าครับ แต่เอาให้ flat เป๊ะๆแล้วคุณไม่ชอบไม่อยากฟัง ผมจะไปบังคับให้คุณซื้อมาฟังก็ไม่มีประโยชน์ครับเพราะเรื่องของความพอใจมันวัดแทนกันไม่ได้ แต่อะไรที่เป็นสาระที่มันสื่อได้ นำเสนอได้ แสดงออกได้แล้วหาจุดร่วมจุดต่างเพื่อพัฒนาต่อไปได้ ก็คงจะเป็นประโยชน์ดีสำหรับคนในแวดวงนั้นๆ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 29

Ab

07/03/2013 01:25:52
ชอบคุณ นนท์โพสเสมอคับ

ตรงดีครับ และให้ความรู้ที่ผมรู้สึกว่า การแนะนำที่ดีเป็นอย่างไร
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 30

Windows X

07/03/2013 02:17:20
337
ขอบคุณครับ โดนส่วนตัววิธีที่โมในตอนนี้ผมก็ไม่คิดว่าปลอดภัยเท่าใดนักแม้ตา Vinnie จะยืนยันว่าต่อกับหูฟัง 16 ohm ขึ้นไปยังไงก็ไม่พังก็เถอะ แต่ฟังยังไงเสียงก็ไม่ balance อยู่ดี เหมือนช่วงตัดกลางต่ำมันทับกัน แหลมก็ไวเกินชาวบ้านเยอะหลังโมไปแล้ว ถ้า fet จ่ายไฟได้ bandwidth ที่พอดีสม่ำเสมอก็ไม่น่าจะเกิดปัญหานี้ได้นะครับ แต่ fet มันก็ความไวสูงมาก คุมให้นิ่งวิ่งพอดีหมดทุกย่านได้ยาก ส่วนใหญ่ก็มีปัญหาเสียงสูงไวล้ำเกินช่วงอื่นโดยส่วนใหญ่อยู่แล้วเวลา DIY

ว่าแต่ถ้าโมไปแล้วต่อกับ k3003 ที่มี impedance 8 ohm จะมีปัญหาไหมนะ ใครใช้กับตัวนี้ก็ระวังหน่อยนะครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 31

Windows X

07/03/2013 04:01:44
337
หลังจากที่ research เรื่องวิธีการโมแบบ RWAK100 เพิ่มเติมก็พบ comment น่าสนใจในนี้ http://www.digitalaudioreview.net/2012/12/red-wine-audio-introduce-rwak100/

Albert says:
January 11, 2013 at 3:21 am
This is unbelievable. Charging $250 for shorting a couple resistors?!
Well, as long as there are people ready to pay, why not? I think I’ve just got a business idea…
PS. Having output resistors is a strong indication that the internal amplifier does not cope well with lower impedance phones (either this or the designers did not know what they were doing, which I doubt). Shorting them removes one issue but risk creating others when used with most IEMs(instability, oscillations)

oscillation เหรอ ก็คิดอยู่เหมือนกันนะแถม Jan Meier ก็เคยสงสัยเหมือนกัน แต่ Vinnie บอกว่าวัดแล้วไม่ oscillate นี่นา เลยลองหาข้อมูลเพิ่มเติมจาก part ที่รู้มา รู้แต่เบอร์ DAC แฮะ ถ้ารู้เบอร์ FET คงช่วยได้เยอะกว่านี้ เลยพอรู้สาเหตุหลักๆที่ iRiver ใส่ resistor เพิ่มเข้ามามากขึ้นจาก link นี้

http://pavouk.org/hw/modulardac/en_wm8740.html

การที่ใส่ r ก่อนออก output นอกจากจะเพื่อปรับ impedance ไม้ให้หูฟังโอมต่ำทำงานหนักเกินไปแล้วยังเพื่อป้องกันการเกิด oscillation ด้วย แถม opamp ประเภท fet ความไวสูงได้ยินมาว่าเกิดง่ายอีก ถ้าเกิด oscillate มาก็มี dc offset รั่วออกมาอีก การใส่ c coupling ไว้อาจจะดีกว่าในแง่ความปลอดภัยก็ได้

แต่ถ้า Vinnie บอกว่าโมแล้วไม่ oscillate ก็คงไม่ oscillate ล่ะนะ แต่ผมไม่แน่ใจว่าใช้ไปนานๆค่าเริ่มเปลี่ยนเริ่มเสื่อมลงมันจะ oscillate ไหมนี่สิ ไม่มี coupling resistor มาช่วยลด capacitive load ด้วย

ถ้าใครรู้เบอร์ fet opamp ก็บอกด้วยนะครับ ผมจะไปเช็คดูว่าค่า slew rate มากน้อยแค่ไหน ถ้าไม่มากนักก็คงไม่น่าจะ oscillate ได้ง่าย ผมเองก็ไม่มีพื้นฐานความรู้เรื่องพวกนี้มากนักหรอกครับ ถ้าที่พูดมาถูกผิดยังไงก็ชี้แนะด้วยครับ อย่างที่พูดมาเมื่อกี้ก็อ้างอิงมาจาก link นี้อีกที

http://www.htg2.net/index.php?topic=73734

จากข้อมูลที่ผมลงตอนนี้ ถ้าจะโม by-pass resistor อย่างปลอดภัยมากขึ้นก็ควรจะมี c coupling มาดักไฟ dc เผื่อเกิดการ oscillation ในอนาคตด้วย แต่ถ้า player ออกแบบวงจรมีค่าไม่ oscillate ชัวร์ๆ capacitive load เหลือเฟือ fet opamp ไม่ไวเกินไปก็คงไม่ต้องใส่ก็ได้ครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 32

PUPU

07/03/2013 05:53:01
44
ความรู้ทั้งนั้น เยี่ยมเลยครับแบบนี้
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 33

kiertijai

07/03/2013 06:21:14
0
พอบอกหรือสรุปได้ไหมครับว่า

AK100 ที่ไม่ได้ดัดแปลง เหมาะกับหูฬังตัวไหนบ้าง หรือไม่ควรใช้กับหูฬังตัวไหนเช่นคุณ Manplayear บอกว่าไม่เหมาะกับ FIBASS เพราะเสียงสูงมากเกินไป แต่เสียงต่ำจะไม่ได้
อันนี้ประสบการณ์คล้ายกันตรงกับ FIBASS, FIBASB ของผมก็ไม่ชอบกับ Fitear F111 ผมยังไม่ได้ลองกับ Sennheiser IE8, Westone แต่คิดว่าน่าจะไปกันได้ดี ขณะที่ก็ใช้ได้ดีกับ Final Audio PFIX, Yuin PK2, Heir Audio 3.A, 4.A

และ AK100 mod B rabbit , AK100 WindowX จะเหมาะกับหูฬังตัวไหนบ้าง และไม่ควรใช้กับหูฬังตัวไหนบ้างครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 34

Windows X

07/03/2013 06:31:21
337
ak100 แบบเดิมๆโดยทางเทคนิคแล้วไม่โมไม่เหมาะกับหูฟังที่มีค่า impedance ต่ำกว่า 22 ohm ครับ จะชอบหรือไม่ก็อีกเรื่องนึงนะครับ

ส่วน ak100 แบบโมนี่ในทางเทคนิคแล้วเหมาะกับหูฟังทุกตัวถ้าหาก output impedance stable ที่ < 1 ohm จริงและขับได้นิ่งจริงไม่มีปัญหาแต่อย่างใด แต่จริงๆจะเป็นยังไงนั้นต้องเอาแบบเดิมๆมาต่อเทียบกับแบบโมอีกที

แต่ถ้าเป็น ak100 แบบโม viard ก็น่าจะพอฟังได้โอเคหมดอยู่มั้งครับ จะหูอะไรก็เป็นแนวเสียง bandwidth แบบ viard เด่นมาก่อนอยู่แล้วซึ่ง sound refine แบบนี้จะไม่ค่อยฟ้อง source ฟ้องหูอะไรมากครับ เดี๋ยวรอคุณชัยกับคุณเบิร์ดมาตอบอีกที

ส่วน ak100 WindowX นั้นยังไม่มีครับ ผมเอา ak100 ที่คุณปอมโมมาลองทำอะไรทดสอบเล่นดูเฉยๆ ไว้ทดสอบเสร็จแล้วอะไรดีไม่ดียังไงค่อยคิดดูต่อว่าจะทำอะไรจริงๆได้บ้าง
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 35

kiertijai

07/03/2013 10:33:29
0
อยากทราบประสบการณ์การใช้หูฬังชนิดต่าง ๆ เกี่ยวกับเสียงครับ
ว่าฬังแล้วเหมาะกับตัวไหน ไม่เหมาะกับตัวไหน ในเพลงแบบต่าง ๆ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 36

Solotov

07/03/2013 11:43:07
15
แล้วอย่างถ้าผมใช้ JH5 ซึ่งมี impedance 21 ohm ไม่ทราบว่าคุณ Windows X จะแนะนำให้อัพเกรดด้วยวิธีไหนดีครับ ระหว่าง
1.ไม่ต่อตรง แต่ต่อผ่าน amp
2.ใช้สายเพิ่ม ohm
3.โม viard AK100

ขอบคุณครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 37

Windows X

07/03/2013 11:45:16
337
ถ้า 21 ohm ต่ำกว่า 1 ohm ผมว่าพอได้อยู่นะ ตอนนี้ผมก็กำลังดูอยู่ว่าจะทำยังไงให้ดีขึ้นได้บ้าง ที่คิดไว้ถูกต้องแค่ไหน ทดลองแล้วเห็นแววอย่างที่คิดจริงไหม
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 38

ManPlayEar

07/03/2013 11:45:46
จากที่ได้ลอง
AK100 > IE8 เสียงดี กว้างลึก รายละเอียดเสียงต่ำดีมาก โดยเฉพาะเสียงเชลโล่ รายละเอียดเสียงสูงพอประมาณ
AK100 > FIBASS เสียงจัดมาก รายละเอียดเสียงสูง+กลางเยอะมากๆจนล้น ฟังได้ไม่นานล้าหู
iPhone4 > FIBASS เสียงสมดุลย์กว่า ไม่มีอะไรมากเกินหรือน้อยเกิน แต่รายละเอียดก็ลดลงไปเยอะมากจนใจหาย
พอสรุปได้ว่า AK100เป็นเครื่องเล่นที่คุณภาพเสียงดีมากๆ ถ้าได้หูฟังที่เข้ากันได้ ส่วนiPhone4(ผ่านโปรแกรมFlac player) กลายเป็นเครื่องเล่นเสียงเด็กๆไปเลย ^ ^!

เลยกลับมาสงสัยเรื่องImpedance outputระหว่างAk100,iPhone4

ทำการวัดคตท.แบบง่ายๆ ด้วยการใช้ขั้วมินิ3.5มม.เปลือย เสียบเข้าช่องหูฟังตรงๆ วัดค่าคตท.ด้วยDigital Meter ยี่ห้อFluke
ผล AK100 จะได้ค่าคตท.แถวๆ20กว่าโอห์ม ขึ้นๆลงๆตามเพลง ส่วนiPhone4 ค่าอยู่แค่1-2โอห์มเท่านั้น
แบบนี้แสดงว่า...........(ตัดสินใจกันเอง)ค่าเยอะทนแต่ไม่ดี ค่าน้อยดีแต่ไม่ค่อยทน
หรือโรงงานออกแบบมาดึอยู่แล้วเพราะขายเป็นหมื่นๆตัวทั่วโลก สภาพแวดล้อมก็ต่างกัน คนใช้ก็ต่างกัน หูฟังก็ต่างกัน ยิ่งหูคนยิ่งต่างกันมากไปอีก ฯลฯ
ส่วนคนเล่น ส่วนใหญ่คงเลือกแบบเดิมๆเพราะโรงงาน ต้องทำต้องเทสมาดีแล้วแน่ๆ ฯ
แต่คนเล่นแบบเรา คงเป็นส่วนน้อยที่เลือกโมเลือกแกะนู่นถอดนี่ เพื่อให้ได้เสียงตามที่ใจต้องการ โดยต้องแลกกับประกันหมด ความทนน้อยลง(ยังสรุปไม่ได้เต็มที่)....ฯ

ปล.iPhone4 เวลาเปิดเพลง กดPlayจะวัดค่าได้1-2โอห์ม กดPauseค่าจะเพิ่มเป็น15โอห์ม....
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 39

ManPlayEar

07/03/2013 11:48:13
21
^
^
ตรงปล.คิดต่อกันเองครับ 5 5
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 40

มั่วได้โล่

07/03/2013 13:18:18
Jan Meier เขาแนะนำค่า C ในหน่วย picofarad แต่คุณเล่นใช้ C แบบ Electrolyte ที่มีค่าในหน่วย microfarad ค่ามันต่างกัน 1 ล้านเท่านะครับ
C ที่มีค่าในหน่วย picofarad มักเป็นแบบ Mylar Ceramic หรือ polystyrene

ค่า c ที่เกิดในหน่วย picofarad คือเกิดจาก stray capacitance

ลองไปหาศึกา ความรู้พื้นฐาน electronics ก่อนดีไหมครับ ท่านจอมศาสดา
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 41

garrin552

07/03/2013 13:25:37
0
LOL
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 42

Windows X

07/03/2013 13:46:03
337
คนละงานกันแล้วครับ Jan Meier เค้าแนะนำเรื่องการทดลอง load capacitance ครับ ผมกำลังทดลองเรื่อง output coupling อยู่และก็บอกไว้แต่กระทู้แรกแล้วด้วย ต่อกันคนละอย่างคนละงานกันเลยครับ

ที่ผมอ้างอิงมาก็เพื่อจะบอกว่าเรื่องการปรับจูนเกี่ยวกับ capacitor น่าจะมีส่วนช่วยตัวนี้ได้และผมก็ไม่ได้ทำตาม Jan Meier แต่อย่างใด ผมคิดเองทำเองแต่แรกแล้วแค่พยายามจะอ้างอิงข้อมูลที่อ่านง่ายเข้าใจง่ายจากคนที่รู้จักให้ดูเพิ่มเติม นอกจาก output coupling ผมก็คิดเรื่องเพิ่มค่า c load capacitance อยู่เหมือนกันเพราะจากที่คุยกับคุณชัยเมื่อวานการโมจะ by pass c ที่ลง ground ไปด้วย

ก่อนจะว่าผมมั่วลองดูรูปที่แนบมาดูดีๆก่อนไหมครับว่าผมต่อยังไง ไม่ใช่อ่านที่เขียนคร่าวๆแล้วจับแพะมาชนแกะจับผิดคนอื่นเล่นไปวันๆ ถ้ามีเวลาว่างขนาดนั้นช่วยมาต่อวงจรทดสอบฟังกันดีกว่าครับ มีประโยชน์กว่ากันเยอะ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 43

Windows X

07/03/2013 13:51:45
337
เพื่อไม่ให้่ดูเป็นการแถผมได้โพสเรื่อง c เพิ่ม load capacitance ใน TAF ก่อนนอนดังนี้ครับ

ak100 ไม่มี c coupling ครับ อาจจะมี c ที่เพิ่ม load capacitance อยู่ เหมือนคุณชัยเห็นว่ามีต่อ c jump ลง ground คู่นึง การ bypass r ไป hp out ทำให้ c คู่นั้นโดย by-pass ไปด้วย เป็นสาเหตุที่ load capacitance ลดลงที่อาจทำให้เสียงฟังดูต่างจาก original ชัดเจนก็เป็นได้ ตอนนี้กำลังวินิจฉัยอยู่ c load capacitance ก็เป็นตัวที่ Jan Meier แนะนำอยู่ว่าเพิ่มแล้วฟังดูมีแววดีขึ้น ส่วนที่ผมทดสอบเมื่อวานเป็นงานคนละอย่างกันครับ ผมยังไม่ทำอะไรมากนอกจากพยายามทดสอบข้างนอกเพื่อหาความเป็นไปได้ก่อนครับ ยังไม่กล้าสรุปอะไรชัดเจนว่าต้องทำอะไรถึงจะดีขึ้น ต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไป เมื่อถึงตอนที่ผมแน่ใจก่อนว่าตัวไหนมีแววชัดเจนยังไงค่อยคิดดูต่อว่าจะพอทำอะไรที่ใช้จริงจังได้บ้างครับ

c coupling ในหลอดไม่ใช้ต้องดูที่วงจรด้วยครับ บางเครื่องที่ใช้ก็มี ไม่ใช้ก็มี อย่าง iPod Video/Photo ก็ใช้ครับตรง hp/lineout ที่ iMod/whipmod ทำคือการ bypass c ห่วยๆในเครื่องมาใช้ blackgate แทนครับ ส่วน iPod Classic chip ไม่ต้องใช้ c แล้วเลยโมไม่ได้

เห็นที่คุณเบิร์ดกำลังทำอยู่ตอนนี้ผมอดนึกถึงตัวเองเมื่อก่อนที่เล่นกับ iMod ไว้เยอะอยู่เหมือนกันไม่ได้แฮะ คิดถึงสมัยนั้นจรืงๆ :D

จาก: http://www.taf.in.th/showthread.php?t=61104&p=838381&viewfull=1#post838381

บอร์ดนี้ก็สนุกดีนะครับ เมื่อก่อนคงรำคาญอยู่บ้างแต่อ่านทุกวันนี้ที่นี่ก็ดูสนุกดี
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 44

โคตรมั่วเลย

07/03/2013 14:07:19
อ๋อหรือครับ พึ่งรู้ว่า load capacitance ไม่เกี่ยวกับ output coupling

ใครอ่านอะไรก็ใช้วิจารณญาณตัดสินกันเองนะครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 45

โคตรมั่วเลย

07/03/2013 14:17:54
มันเกี่ยวกันเต็มๆครับ
วงจรแอมที่ดีๆ จริงๆแล้ว ใครก็อยากจะออกแบบให้เป็น direct coupling แต่มันทำได้อยากเพราะ ถ้าใช้ direct coupling อาจจะมีไฟเลี้ยง dc ลอดออกมาทำให้ลำโพงเสียหาย
เขาถึงต้องต่อ C coupling เพื่อป้องกันไฟ DC
เมื่อต่อ C coupling กันไฟ dc ก็จะมีผลต่อ low frequency หรือ high frequency cutoff คือ bandwidth จะลดลง จำไม่ได้ว่า low หรือ high
แล้วอย่างนี้ C coupling มันไม่เกี่ยวกับ load capacitance หรือไงท่าน

ผมงงในตรรกะของท่านครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 46

Windows X

07/03/2013 14:19:50
337
แล้วใครบอกว่าไม่เกี่ยวกันครับ coupling cap เค้าต่อ serial กับ driver ส่วน load capacitance เค้าต่อแบบ parallel กับ driver ที่คุณบอกค่า c มั่วน่ะ ผมต่อ serial ทำเป็น coupling cap ค่าที่เหมาะสมก็คงอยู่ราวๆ 100uF-300uF ส่วนแบบ parallel ที่ต่อเพิ่ม load capacitance ค่าก็ลองได้ตั้งแต่ 50-1000pF ครับ

เอานี่ ที่ผมปรึกษากับ Jan Meier แกว่าแบบนี้

Did you truly use coupling capacitors (i.e. the capacitors are placed in series with the headphone drivers) or did you use capacitors to effectively increase the load capacitance (placed in parallel with the headphone drivers)?

Cheers

Jan

อีกอันละกันจะได้ชัวร์

The use of a coupling capacitor will filter the lower frequencies. The impedance of the headphone, in combination with the capacitance of the capacitors result in a high-pass filter. This may well explain different sound characteristics.

The use of an extension cable, as discussed, increase the load capacitance. It's different from using coupling capacitors in that the capacitors are placed in parallel with the load, not in series.

Cheers

Jan

แล้วผมมั่วตรงไหนครับ หรือ c coupling กับ c load มันค่าเดียวกัน ไม่เข้าใจครับ เอาแน่ๆครับ ถ้ารู้อะไรก็บอกมาเถอะครับ ช่วยๆกันคิดช่วยๆกันทำดีกว่าจับผิดคนอื่นๆมั่วแล้วอธิบายอะไรไม่ได้ครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 47

Windows X

07/03/2013 14:23:21
337
ตกลงคุณจะว่าผมโมหรืออธิบายอะไรผิดยังไงครับ ตอนแรกคุณแบบนี้

Jan Meier เขาแนะนำค่า C ในหน่วย picofarad แต่คุณเล่นใช้ C แบบ Electrolyte ที่มีค่าในหน่วย microfarad ค่ามันต่างกัน 1 ล้านเท่านะครับ
C ที่มีค่าในหน่วย picofarad มักเป็นแบบ Mylar Ceramic หรือ polystyrene

ค่า c ที่เกิดในหน่วย picofarad คือเกิดจาก stray capacitance

แล้วมันมีปัญหากับที่ผมทำยังไงครับ ผมทำ c coupling 330uF 100uF แล้วมันมั่วยังไงครับ ต่างกันล่านเท่ายังไงครับ ค่าก็ไม่ได้ใช้แบบทำ load capacitance อยูํ่แล้ว ผมไม่ได้ต่อขนานเพิ่มโหลดในตอนนี้นะครับ ผมล่ะงงจริงๆตกลงผมทำอะไรผิดตรงเหรอครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 48

โคตรมั่วเลย

07/03/2013 14:23:25
สิ่งที่ท่านเขียน หรือทดลอง มันดีนะครับ เป็นวิทยาทาน
แต่อย่ามามั่ว แล้วชักจูงให้คนอื่น มีความรู้ผิดๆแบบท่าน

กระทู้ก่อนก็ทีนึงละ หาว่าสายฝอย ทำให้สัญญาณฟุ้ง
ค่า flux ที่เกิดขึ้นในสายความยาวแค่ 15 cm ของ mini 2 mini มันไม่มีค่าเหนี่ยวนำขนาดทำให้เฟสเพี้ยนไปหรอก
ถ้า flux ที่เกิดในอากาศ มันมากนัก คนผลิตหม้อแปลงคงไม่ต้องใช้แกน EI หรือ แกน toriod ที่เป็นสาร ferrite หรอกครับ

flux ที่เกิดในอากาศสายสั้นๆ คุณเคยวัดหรือครับ ว่ามีค่าเท่าไร
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 49

โคตรมั่วเลย

07/03/2013 14:25:58
คนละงานกันแล้วครับ Jan Meier เค้าแนะนำเรื่องการทดลอง load capacitance ครับ ผมกำลังทดลองเรื่อง output coupling อยู่และก็บอกไว้แต่กระทู้แรกแล้วด้วย ต่อกันคนละอย่างคนละงานกันเลยครับ

ผมงงที่คุณเขียนน่ะ

ผมทำงานอยู่ ไว้ว่างๆจะมาสอนความรู้นะครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 50

โคตรมั่วเลย

07/03/2013 14:29:25
ผมถามคนกลางดีกว่า

ถามป๋ายศ กับคุณชัย

C microfarad กับ C picofarad ค่ามันต่างกัน 1 ล้านเท่าจริงรึเปล่า
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 51

Windows X

07/03/2013 14:31:53
337
แล้วแน่ใจนะครับว่า 15cm มันมีผล 0% ถ้าสายตัดยาวไม่เท่ากัน geometry ทำค่า capacitance ต่างกันบัดกรีหน้าสัมผัสไม่เท่ากันจะมีค่า flux เท่ากันเป๊ะ หาความเพี้ยนแบบชัดเจนอะไรไม่ได้ เรื่อง digital ก็มีคนบอกว่า clock ต่ำกว่า 1ppm เกินความจำเป็น ผมต่อ 0.02ppm ฟังแล้วจัด rubidium ที่ต่ำกว่านั้นเยอะลงไปก็ต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ใครมาก็ฟังออก แล้วจะเชื่อที่เค้าบอกจริงเหรอครับ ทำสาย mini แค่เปลี่ยนท่อหด หนังงูแปะแผ่น quantum ที่ jack ยังมีคนฟังออกเลย

ตกลงแค่อยากจะว่าผมมั่วหรือเปล่าครับ เรื่อง c เอายังไงกันว่าครับ พูดให้ชัดเจน ถ้าว่าผมเพราะเข้าใจผิด ดูไม่ดีก็ปรับความเข้าใจกันดีๆเถอะครับ อย่าแถลากเรื่องอื่นมาว่าไปเรื่อยเลย ผมอาจจะเขียนไม่เก่ง อาจจะรู้ไม่จริง แต่ผมก็เขียนเท่าที่ผมรู้ ถูกผิดยังไงก็คุยกันได้ กระทู้ก่อนผมคิดได้ว่าพูดแรงไปหน่อยก็ขอโทษตรงๆโดยดีและหวังว่าคุณจะทำแบบนั้นบ้าง
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 52

Windows X

07/03/2013 14:35:26
337
C microfarad กับ C picofarad ค่ามันต่างกัน 1 ล้านเท่าใครก็รู้ครับ micro nano pico แต่ที่ผมงงคือคุณจะให้ผมใช้ c หลัก picofarad มาใช้เป็น coupling capacitor เหรอครับ ไม่เข้าใจตรงนี้ครับ ที่ผมทดลองเมื่อวันก่อนไม่ได้จะใส่ c เพื่อใช้เป็น c coupling นะครับเพราะเห็นว่าหลัง fet ไม่มี c coupling อยู่เลยจะลองใส่เพิ่มดูว่าปรับแก้อะไรได้บ้างไหม แล้วค่า c coupling ดีๆมันอยู่ที่เท่าไหร่ดีครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 53

Windows X

07/03/2013 14:37:33
337
พูดผิดครับ รีบไปหน่อย ที่ลองวันก่อนก็เพื่อจะใช้เป็น c coupling แล้วผมต้องใช้ค่าหลัก picofarad มาทำ coupling เหรอครับ งงตรงนี้ หรือผมต่อผิดไม่ใช่แบบ coupling?
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 54

Windows X

07/03/2013 14:47:41
337
"คนละงานกันแล้วครับ Jan Meier เค้าแนะนำเรื่องการทดลอง load capacitance ครับ ผมกำลังทดลองเรื่อง output coupling อยู่และก็บอกไว้แต่กระทู้แรกแล้วด้วย ต่อกันคนละอย่างคนละงานกันเลยครับ

ผมงงที่คุณเขียนน่ะ"

ตรงนี้คือที่ Jan Meier บอกคือการเพิ่มค่า load capacitance โดยทดลองจากการเพิ่มความยาวสาย หรือจะต่อ c ค่าแบบ pF มาขนานให้ค่า load capacitance เพิ่มก็ได้ ซึ่งที่ผมทดลองคือการทำ coupling ที่ต่อแบบอนุกรมที่ใช้ค่าแบบ uF ต่อคนละแบบใช้ค่ากันคนละอย่างกันครับ ผมไม่ได้บอกว่า coupling กับ load capacitance เป็นคนละเรื่องกัน แต่ c ที่ Jan Meier แนะนำให้ต่อกับที่ผมลองต่อมันต่อกันคนละงานครับ หายงงไหมครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 55

Windows X

07/03/2013 15:02:40
337
อ่อ เรื่องสายผมไม่ได้สายฝอยไม่ดีนะครับ แต่การเบิ้ลสายฝอยแบบง่ายๆอย่างตัดแล้วมาถักต่อเลยธรรมดา เสี่ยงมีปัญหาในการนำสัญญาณสูงครับ ถ้าเบิ้ลแบบปลอกท่อรวมตัวนำเป็นเส้นเดียวมาหุ้มใหม่ก็โอเคครับ ดีกว่าแยกเส้น หลายคนก็เอาสายฝอยทองแดงกับเงินมาผสมกันใช้จูนเสียงอยู่ครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 56

Solidarity_of_Elite

07/03/2013 18:06:26
0
ตามไปอ่านกระทู้ AK 100 ใน Head-Fi ที่คุณ Windows X โพสโต้ตอบกับ คุณ Vinnie R. คนที่ mod RWA AK 100 ผมก็อ่านของทั้งสองท่าน ผมไม่มีความรู้ทางด้านนี้ ก็เข้าใจบ้าง ไม่เข้าใจบ้าง แต่รู้สึกว่าทางนู้นนี่กองเชียร์เยอะพอสมควร ตัวผมเองไม่มีความรู้ด้านนี้ ก็ไม่รู้ว่า fact ที่จริงแล้ว มันคืออะไรแน่ mod ออกมาแล้ว เห็นผลดีจริงมีทฤษฎีรองรับ หรือว่าใช้ emotion ฟังไปแล้วอุปทานว่ามันดีตามที่คาดคิดเอาไว้ ผมเองก็มี project จะซื้อเจ้าตัว AK 100 เหมือนกัน แต่เห็นมีหลาย issue เกี่ยวกับเจ้าตัวนี้เหมือนกัน ก็เลยต้องยกเลิกไปก่อน ไว้ได้ข้อสรุปที่เป็น fact ที่มีความแน่ชัดและมีทฤษฎีรองรับ ค่อยว่ากันอีกที อย่างไรต้องขอบคุณ คุณ Windows X ด้วยครับที่ออกมาอธิบายข้อมูลให้ทุกท่านได้รับทราบ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 57

เลิกงานแล้ว

07/03/2013 18:33:47
โอเคครับ ผมเข้าใจที่คุณทดลองแล้ว

ถ้าจะทดลองให้ตรงจริงๆ ก็ตามนี้ครับ
The use of an extension cable, as discussed, increase the load capacitance. It's different from using coupling capacitors in that the capacitors are placed in parallel with the load, not in series. (ต่อจริง c pf จำนวน 2 ตัวทั้ง right and left)

ผมก็ขอโทษด้วยที่เข้าใจการทดลองคุณคลาดเคลื่อนไป
แต่ถึงจะทดลอง output coupling มันก็จะมีผลต่อ load impedance (impedance = resistant + capacitance) frequency response เปลี่ยนเพราะ c coupling และเมื่อ freq response เปลี่ยน เสียงก็เปลี่ยนไป

ที่ท่านเขียนมา ผมก็บอกก่อนหน้า ใน #48 ว่า "สิ่งที่ท่านเขียน หรือทดลอง มันดีนะครับ เป็นวิทยาทาน แต่อย่ามามั่ว แล้วชักจูงให้คนอื่น มีความรู้ผิดๆแบบท่าน"
อย่าสรุปว่าตัวเองถูกคนเดียว ถ้าท่านให้เกียรติคนอื่น เขาก็จะให้เกียรติท่าน
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 58

เลิกงานแล้ว

07/03/2013 18:47:01
ผมรู้สึกว่าท่านคิดว่า ท่านเป็นผู้รอบรู้เหนือคนอื่น ตั้งแต่กระทู้สายฝอยแล้ว

สัญญาณไฟฟ้า AC วิ่งที่ผิวเท่านั้น จากทฤษฎี skin effect ดังนั้นสายฝอย multistrand ถ้าพื้นที่หน้าตัดเท่ากันกับ สายแกนเดี่ยว single strand จะมีพื้นที่ผิวมากกว่า นำสัญญาณได้ดีกว่า (พื้นที่ผิว = 2 Pi R คูณกับ ความยาว)

ถึงถามว่า เคยวัดหรือครับ ว่า flux ของสายยาว 15 cm มีค่าเท่าไร
ดังนั้นอย่าสรุปว่า คนที่เอาสายฝอยมาทำสายนำสัญญาณ เอามาหลอกคน
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 59

ManPlayEar

07/03/2013 19:08:15
21
เรื่องCต่อ 5 5

จากคห.แรก คุณWindows X เขียนถึง+อ้างถึงDr. Jan ในเรื่องเพิ่มค่าCในสายแล้วแปะรูปไว้ด้านล่าง(ดูยากครับว่าต่ออนุกรมหรือขนาน)

ตอนนั้นผมยังคิดเลยว่าเอาCค่าเยอะๆขนาดนี้มาต่อคร่อม มันเป็นLow pass filterชัดๆ แถมเป็นLow passความถี่ต่ำขนาดSubwooferใช้ด้วย ประมาณความถี่เกิน100Hzไม่มีทางผ่านได้แน่ๆ ดั๊นมาบอกว่าเสียงดี คิดในใจว่าขี้โม้ชมัด 5 5

แต่จริงๆแล้วเป็นการต่อแบบอนุกรม(เพื่ออะไร) เพราะตอนนี้คงสรุปไม่ได้ว่าในAK100มีC outputหรือไม่ ถึงจะมีเครื่องจริงมานั่งส่องดูก็ยังไม่แน่นอน partเล็กมากๆ ตัวแผ่นprintมีกี่layerก้ไม่รู้ จะให้ชัวร์สุดคงต้องให้Distributorกระมัง
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 60

ManPlayEar

07/03/2013 19:10:46
21
แก้...
เรื่องCต่อ 5 5

จากคห.แรก คุณWindows X เขียนถึง+อ้างถึงDr. Jan ในเรื่องเพิ่มค่าCในสายแล้วแปะรูปไว้ด้านล่าง(ดูยากครับว่าต่ออนุกรมหรือขนาน)

ตอนนั้นผมยังคิดเลยว่าเอาCค่าเยอะๆขนาดนี้มาต่อคร่อม มันเป็นLow pass filterชัดๆ แถมเป็นLow passความถี่ต่ำขนาดSubwooferใช้ด้วย ประมาณความถี่เกิน100Hzไม่มีทางผ่านได้แน่ๆ ดั๊นมาบอกว่าเสียงดี คิดในใจว่าขี้โม้ชมัด 5 5

แต่จริงๆแล้วเป็นการต่อแบบอนุกรม(เพื่ออะไร) เพราะตอนนี้คงสรุปไม่ได้ว่าในAK100มีC outputหรือไม่ ถึงจะมีเครื่องจริงมานั่งส่องดูก็ยังไม่แน่นอน partเล็กมากๆ ตัวแผ่นprintมีกี่layerก้ไม่รู้ จะให้ชัวร์สุดคงต้องให้DistributorขอCircuitจากโรงงานโดยตรงกระมัง
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 61

เลิกงานแล้ว

07/03/2013 19:23:14
แล้วยังมีคนที่รู้งูๆปลาๆ ในกระทู้สายฝอย มาเป็นลูกคู่เสริมอีกว่า สาย UTP ใช้สายแกนเดี่ยว ตีเกลียว เพื่อลด crosstalk
UTP ที่ใช้สายแกนเดี่ยว เพราะมันถูกกว่าสายฝอย สายฝอยแพงกว่า ถึงไม่ใช้ไง
UTP เป็นสาย LAN ใช้กับสัญญาณ digital 0 1 0 1 การตีเกลียวเพื่อลดผลของ common mode noise ไม่เกี่ยว crosstalk
คือเมื่อเกิด noise เหนี่ยวนำเข้ามา ทั้งสองเส้นที่ตีเกลียว จะได้ noise ที่เท่ากัน เมื่อถึงภาครับปลายทาง ก็จะ reject common mode ทิ้งไป และคิดแต่ differential mode signal (เหมือนในภาคแรกของแอมที่เป็น diff amp)
ภาครับของ digital ทำหน้าที่ detection คือดูว่าเป็น 0 หรือ 1 เท่านั้น
ไม่ใช่สัญญาณ analog ที่ต้องทำการ amplify
ดังนั้นคนที่มาเสริมแบบงูๆปลาๆ ก็ไปศึกษาเพิ่มเติมนะครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 62

kiertijai

07/03/2013 21:18:35
0
รู้สึกกระทู้นี้คึกคักดีครับ มีคนมาร่วมให้ความเห็น รู้สึกอบอุ่นดีมาก จนเกือบจะอบอุ่นมากเกินไป
เห็น Iriver (Astell & Kern) AK100 คิดย้อนหลังไปถึง ipod เมื่อสองสามปีก่อน
เป็น music player ที่นิยมมากที่สุดตัวหนึ่ง ถึงแม้เสียงจะไม่ได้ดีที่สุด ก็เป็นเหตุให้มีคนหาวิธีดัดแปลงให้คุณภาพเสียงให้ดีเพิ่มขึ้น ที่จำได้ก็จะเป็น Vinnie Rossi@redwineaudio เจ้าเดียวกับที่ทำ RWA AK100 ตอนนั้น Vinnie ร่วมงานกับ Ken@ALOaudio โดย Vinnie รับทำหน้าที่โมตัว ipod =imod และKen ก็ทำพวก LOD, mini to mini ตอนนั้นผมก็ส่งไปทำกับเขาสองตัวและเป็นแบบ superimod คือเอา Toshiba HDD 240GBใส่เข้าไปด้วย ก็ได้คุณภาพเสียงที่ดีขึ้น ตอนนี้ก็ยังใช้ได้ดี ต่อมาก็มี Craig Sanborn
@whiplashaudio ก็ทำ whipmod ออกมาดังแปลงใช้วัสดุสายให้ดีขึ้น ก็บอกว่าเสียงดีขึ้นเช่นเดียวกัน (ไม่มีการเปรียบเทียบกันโดยตรง จึงบอกไม่ได้ว่าใครดีกว่าใคร) และ Craig ก็ทำสาย LOD, mini to mini เอง เพราะเขามีสาย Twag ที่มีชื่อเสียงมากอยู่แล้ว ผมเองก็มีสายของ Craig หลายสายทั้งกับ HD800, HE6, LCD2 แต่เนื่องจากว่าตอนหลังที่ติดต่อกับ Craig ได้ของช้าและคุณภาพชักจะไม่ค่อยดี จึงตัดสินใจไม่สั่ง whipmod ถึงแม้ว่าจะอยากลองเปรียบเทียบกันมากก็ตาม แต่คิดว่าโชคดีเพราะกว่าจะได้ whipmod ใช้เวลานานมาก จนมีสมาชิกใน head-fi บางคนกระซิบบอกผมว่าจริง ๆ Craig ไม่ได้ทำ whipmod เองแต่ให้คนในเอเชีย ใกล้ๆเรานี่แหละเป็นคนทำให้ ดังนั้นจึงได้ช้าเพราะต้องส่ง ipod จากอเมริกามาแล้วมาดัดแปลงในเอเชียแล้วส่งกลับคืนไปอเมริกาแล้วส่งไปยังผู้สั่งอีกครั้ง ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงก็คงถือว่าโชคดีไป
ซึ่งก็นับว่าเป็นโชคดีของเราที่ AK100 มีคนดัดแปลงได้ในเมืองไทยและรู้สึกหลาย ๆ คนที่เป็นนักฬังยืนยันว่าเสียงดีขึ้นกว่าเดิม (ในความเห็นส่วนตัว อาจต้องเลือกชนิดของหูฬังบ้าง ไม่ใช่ว่าใช้กับหูฬังที่เรามีได้ทุกตัว) ดังนั้นคราวนี้เราไม่จำเป็นต้องส่งไปอเมริกาให้กับ VinnieRossi หรือไม่ต้องวนรอบโลกอย่างในกรณีของ whiplashaudio ถ้าข่าวลือเป็นความจริง
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 63

JOKER_THX

07/03/2013 21:23:41
7
โอ้ยดีใจจัง... มีคนมาชี้แนะผมแล้ว.. ผมไปอ่านเพิ่มเติมแล้วครับ
"The skew occurs because twisted pairs within the same cable often use a different number of twists per meter so as to prevent crosstalk between pairs with identical numbers of twists."
อ้างอิงจาก http://en.wikipedia.org/wiki/Twisted_pair
มี URL ไหนน่าสนใจที่ใช้อ้างอิงได้ก็รบกวนบอกกันมั่งนะ อย่าเก็บไว้คนเดียว.. :)
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 64

JOKER_THX

07/03/2013 21:31:19
7
อ่อ เหตุผลที่มันตีเกลียวกันก็น่าจะเหมือนอย่างที่คุณว่ามาแหละครับ... ไม่ได้ตั้งใจอ่านมาก... ส่วนไอ้ Crosstalk เนี้ยะมันไว้กันการรบกวนระหว่างคู่สัญญาน ไม่ได้เกี่ยวกับที่เหนี่ยวนำอะไรนั้นเท่าไร ดีจริงๆที่มีคนมาบอก... ว่าแต่ถ้าไม่พิจารณาเรื่องราคา เอาสายฝอยไปทำ UTP มันจะได้หรือแย่กว่ากันเหรอครับ...

ป.ล. ขออนุญาติจขกท แทรกเรื่อง UTP หน่อยนะครับ ;)
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 65

นายมั่นคง

07/03/2013 21:33:41
4,282
รู้สึกกระทู้นี้คึกคักดีครับ มีคนมาร่วมให้ความเห็น รู้สึกอบอุ่นดีมาก จนเกือบจะอบอุ่นมากเกินไป

^
^
^
ขอบคุณพี่เกียรติชัยสำหรับมุขน่ารักๆๆ อันนี้ครับ 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 66

JOKER_THX

07/03/2013 21:34:03
7
*แก้ จะได้หรือแย่ เป็น จะดีหรือแย่
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 67

Windows X

07/03/2013 23:05:26
หลังจากที่เมื่อวานนี้ทดลองเรื่อง load capacitance จากสายที่ยาวๆตามข้อสังเกตของ Jan Meier ดูพบว่ามีแววดีในบ้างมุมแล้วได้ PM ขำๆกับแกดังนี้ครับ

"Tested longer cable. It seem to improve overall tonal balance, increase midrange body and smoothness with less harshness."

Exactly!


:-)

Jan

จากที่ทดสอบโดยลองผสมกับ coupling capacitor คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาในเชิงไฟฟ้าและเสียงที่ได้ก็ยังมีแววเดิมที่คุมดีขึ้นอยู่ ผมจึงตัดสินใจที่จะนำเครื่องที่คุณปอมโมไปปรับปรุงใหม่เท่าที่ทำได้ก่อนตามข้อ 1 และข้อ 3 ในหน้าแรก ผลลัพธ์ที่ได้กค่อนข้างเป็นไปในทางที่ดีขึ้นแต่ก็ยังมีปัญหาเดิมๆจากการตัดค่า r ออกไป ศุกร์นี้จะมีนัดที่ paragon มาลองฟัง ak100 แบบโมและไม่โมต่างๆกันดูหวังว่าจะได้ข้อมูลดีๆนำไปช่วยกันพัฒนาต่อ

ส่วนเรื่อง c coupling ใน ak100 เดิมๆนั้นไม่มีครับ หลัง fet ออกมาไม่มี c ในทางเดินสัญญาณ โดยส่วนตัวถ้าทำให้ไม่มีแล้วดี stable คุมอยู่ได้ก็ดีไม่ต้องใส่ดีกว่าครับ แต่ในทางปฏิบัติแล้วอุปกรณ์พกพาเล็กๆแบบนี้มันคงยากครับ iPod/iPhone/iPad/Samsung/Sony อะไรพวกนี้มีใส่ c output coupling กันเกือบหมดแหละยกเว้นบาง chip ที่มี c coupling ในตัวหรือออกแบบมาแบบไม่มีความจำเป็นต้องใส่ได้เช่น iPod Classic หรือ dac ที่ระบุ spec ว่าไม่ต้องทำ output coupling

เรื่อง AK100 สำหรับผมก็เริ่มมีอะไรหลายอย่างชัดเจนขึ้นบ้างละ ผมเองตอนแรกที่โพสก็ไม่รู้ลึกหนาบางตื้นอะไรมาก จะเอาเครื่องบ้านมา reference แทนเลยก็คงไม่เหมาะเลยต้องดูต้องลองอะไรหลายๆอย่าง ตั้งข้อสมมติฐานต่างๆนานา ไม่ได้ตั้งใจชี้นำว่าอะไรดีไม่ดีนะครับ อย่างคุณชัยแกก็ออกมาแสดงความเห็นต่าง ผมไปร้านแกนั่งคุยนั่งทดลองกันจนดึกก็ happy ดีไม่มีปัญหาอะไร ผมเคารพทุกความเห็นในเชิงสร้างสรรค์อยู่แล้ว

เรื่องสายนี่ถ้าคุณโคตรมั่วเลยมีข้อสงสัยหรือข้องใจอะไรไปตั้งต่อในกระทู้นั้นได้ครับ ผมยินดีที่จะแถลงไขที่นั่นต่อให้ครับ แต่ขอบอกไว้ก่อนนะครับว่าผมไม่ได้บอกว่าสายฝอยไม่ดี

ส่วนเรื่อง digital audio ผมขอผ่านละกันครับ เหนื่อยที่จะพูดแล้ว ถ้าคุณคุณโคตรมั่วเลยมีปัญหาสงสัยอะไรหรือไม่พอใจอะไรผมโทรมาคุยได้ครับที่เบอร์ 084-655-3548 แต่ในกระทู้นี้ขอเฉพาะพัฒนาโม ak100 เถอะครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 68

Windows X

07/03/2013 23:37:14
337
เรื่อง UTP ออกแบบสำหรับสายที่มีตัวนำหลายคู่ ตีเกลียวกันเพื่อลดการรบกวนของสนามแม่เหล็กหรือที่เรียกว่า EMI เช่น radiation กับ crosstalk หากนำสายวิ่งตัดกันมุม 90 องศาจะทำให้ effects นี้หักล้างกันเองลงได้ เค้าจึงนำมาตีเกลียวเพื่อลด effects นี้ไปครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 69

JOKER_THX

07/03/2013 23:43:02
7
รอฟัง AK100 ด้วยคนครับถ้ามัน Fin จบในตัวมันเองไม่ต้องต่อ Amp เพิ่มก็น่าสนครับ ขอบคุณคุณนนท์ครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 70

JOKER_THX

07/03/2013 23:44:07
7
ขอบคุณเรื่อง UTP มากๆด้วยครับ ขอจบเท่านี้แล.. รอฟัง AK100 ต่อไปจ้าาา :)
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 71

Windows X

08/03/2013 00:39:36
337
จากที่ศึกษาเพิ่มเติมวันนี้ มีข่าวดีกับข่าวร้ายจะแจ้งให้ทราบครับ

ข่าวดี: ถ้าโมแล้วไม่ oscillate กับหูหรือ amp ที่ต่อ ใช้ไปนานๆมันก็ไม่เหมือนเดิมครับ
ข่าวร้าย: r ปริศนาที่ engineer ของ iRiver ใส่หลัง FET ตรง output stage นั้นอาจจะเป็นส่วนประกอบในวงจร low pass filter เพื่อตัดเสียงสูงด้วยก็เป็นได้คือมี r ต่ออนุกรมแล้วมี c ต่อขนานลง ground การนำ r ออกไปอาจทำให้การออกแบบภาค filter นี้เพี้ยนไปจากเดิมได้เพราะเหลือแต่ c วางขนานอย่างเดียว

หากที่ผมนำเสนอมาเป็นเรื่องจริง คงต้องศึกษาดูใหม่แล้วว่าการโมแบบนี้ช่วยให้ดีขึ้นได้จริงหรือไม่ หากรู้เบอร์ FET คงช่วยได้เยอะเพราะไม่มีใครบอกเลย ถ้าหากวิธีการโมนี้ไม่ดีขึ้นจริงอาจต้องเปลี่ยนแปลงเป็นการโมค่า r ให้น้อยลงเป็น 10 ohm ที่นิยมใช้กันและใช้แบบที่ดีขึ้น ค่า c ที่ต่อขนานไม่แน่ใจว่าจะต้องเพิ่มหรือเปล่า

ก็ได้แต่หวังว่าการตัด r ออกไปนั้นจะไม่มีผลกระทบต่อการต่อตรงมากนัก ส่วนเรื่องต่อ amp ก็ไม่แน่ใจว่าจะดีไหมที่ทำเพราะเหมือนจะทำหน้าที่เป็น feedback control ด้วยต้องดูกันไปเรื่อยๆ ยิ่งดูยิ่งงงแฮะ r ตัวเดียวทำไมมันเยอะแบบนี้นะ ลองไล่ๆดูมาได้หลายข้อเลย

1. FET protection circuit
2. oscillation prevention
3. Increasing output impedance
4. low pass filter incombination with capacitor in parallel
5. current feedback control

แต่ถ้าจะล็อก spec ว่าต้องโม by-pass r เท่านั้น ไม่เอา 10 ohm เพราะไม่เหมือนที่ Red Wine ทำ ผมก็จะพยายามดูต่อไปว่าโมแบบนี้ไปแล้วจะแก้ไขอะไรยังไงได้บ้าง จริงๆจะ r 0 ohm หรือ 22 ohm โมไปเสียงก็ติดแห้งไม่เต็ม full sound ไม่เน้นแยกชิ้นตำแหน่งเป็นหลักอยู่แล้ว การใส่ output coupling อาจจะช่วยแก้ปัญหานี้ได้โดยแลกกับอะไรบางอย่างที่จะรับได้หรือไม่ได้ต้องรอฟังดูครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 72

ManPlayEar

08/03/2013 01:20:19
21
ลองไปดูสเปคแอมป์ของMeier Audioมา

Output impedance: < 1 Ohm ทั้งนั้นเลย

http://www.meier-audio.homepage.t-online.de/quickstep.htm
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 73

Windows X

08/03/2013 01:41:10
337
ผมเคยโพสใน head-fi ในประเด็นนี้แล้วครับเกี่ยวกับ amp ของ Jan Meier ที่มี output impedance < 1 ohm ถ้ามันทำออกมาแล้ว stable ไม่มีปัญหาทดสอบผ่านดีหมดเค้าก็ทำออกแบบนั้น แต่ถ้ามันทำแล้วไม่ stable หรือมีปัญหาในทางออกแบบเค้าก็ต้องเพิ่ม output impedance ให้มันทำงานได้ stable ยกตัวอย่างง่ายๆนะครับ ถ้าเราคิดว่าโม output impedance ของ AK100 ได้ < 1 ohm แล้วเสียงจะดีกว่าเดิม ถ้าเราเอา amp Sony PHA-1 มาโม output impedance ให้ได้ต่ำกว่า 1 ohm บ้าง คุณ ManPlayEar จะคิดว่า amp Sony PHA-1 เสียงดีขึ้นเหมือน AK100 ไหมครับ ดีแน่นอนไม่ต้องไปวัด scope เช็ค pulse แต่อย่างใด

ถ้า AK100 โมแล้ววัดได้แบบนี้ผมก็คงอุ่นใจขึ้น จะมีใครอาสาช่วยเอาเครื่องที่โมแล้วไปวัดให้ดูได้ไหมครับ ผมไม่มีเครื่องมือวัด

http://lh6.ggpht.com/-AysUxI3TIdI/TlK7kT7SufI/AAAAAAAABOQ/jYM0Ie9fw4U/s1600-h/oscilloscope%252520courtest%252520jeff%252520keyzer%25255B3%25255D.jpg
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 74

ManPlayEar

08/03/2013 02:15:36
21



ถ้าทำให้< 1 ohmได้ แล้วเสียงดี เครื่องนิ่ง คงต้องเลือกทางนี้อยู่แล้ว

เรื่องทำแล้วเครื่องไม่นิ่งหรือออสซิเลทที่ยังไม่มีใครเจอ ส่วนตัวก็คิดว่าไม่น่าจะเจอ ภาคAnalog outputของAK100เป็นแบบDiscreteครับ ไม่ได้ใช้Opampแบบที่ลงlinkไว้เลยเอามาเป็นตัวอย่างไม่ได้

ถ้าวงจรจริงๆยังไม่เห็น ทุกคน(รวมผมด้วย)เดาไปเองทั้งนั้น
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 75

ManPlayEar

08/03/2013 02:17:31
21
เรื่องSony PHA-1ไม่มีเครื่อง ไม่มีวงจร ไม่ทราบครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 76

Windows X

08/03/2013 03:20:56
337
ได้วัดจริงๆหรือยังครับ บางทีเค้าบอกว่าวัดแล้วก็ไม่แน่เสมอไปนะว่าทดสอบยังไงวัดยังไงบ้าง จากประสบการณ์ส่วนตัวผมว่าโมแล้วมีปัญหาอยู่ครับ ตรงที่ iRiver ว่า "Even it improves the sound power, it reduces smooth and delicate sound detail of AK100" ลองเอาไปตีความดูครับว่าทำไมโมแล้วถึงบอกว่าเป็นแบบนี้

จากที่ผมอ้างอิงดู design board wolfson หลายรุ่นต่างก็มี r คั่นหลัง output หมด ถ้าจะให้ชัวร์ลองดู evaluation board ของ WM8740 ตรง schematic and layout ดูครับ

http://www.wolfsonmicro.com/documents/uploads/misc/en/WM8740EV1M.pdf

จะพบว่าหลัง AD797AR เค้าก็ใส่ r 10 ohm ไว้อยู่ แล้วลองดู schematic ของ Mini3 ที่มี output impedance 0.9 ohm ดูครับ

http://4.bp.blogspot.com/-MCk2EsxLTlg/Tx8p5t-tlFI/AAAAAAAAAqM/N63UjQoxJ_k/s1600/AMB-Mini3-Schematic.jpg

ไม่ทราบว่า amp mini3 มี r หลัง output เหมือนกันหรือเปล่าครับ

สมมติว่าเรื่องนี้ไม่ได้ดังมาจาก Red Wine Audio แต่เป็นช่าง DIY บ้านเรามาแนะนำให้ฟัง คิดว่าเราจะคิดยังไงกับเรื่องนี้ครับหลังดู schematic ต่างๆแล้วเป็นแบบนี้ ถ้าโมแล้วชอบ พอใจแล้วมีคนมาฟังแล้วชอบจะโมต่อก็ไม่ผิดอะไรครับ ความชอบส่วนบุคคลห้ามกันไม่ได้ แต่โมเสร็จฟังแล้วอย่าเพิ่งรีบใช้คำว่าเสียงดีเลยครับ ค่อยๆลองค่อยๆทดสอบดูกันให้ดีก่อนไหมครับ อย่าเพิ่งสรุปไปตามที่ฝรั่งเค้าว่ามา

เมื่อตัวที่โมไปแล้วอย่าง extreme ก็พบว่ามีปัญหาพอสมควรเลยครับเมื่อเปิดฟังที่ max volume ไม่ว่ากับหูอะไรก็ตาม มีอาการเสียงแตกที่ความถี่ต่ำๆ มีดังปุๆแปะๆเป็นครั้งคราว แล้วเมื่อต่อเข้าชุดลำโพงออกมาก็พบว่าดูน่ากลัวกว่าตอนฟังผ่านหูฟังเยอะเลย ตอนที่กำลังพิมพ์อยู่เนี่ยผมต้องรีบไปปิด amp เพราะกลัวพัง นอกจากนี้เสียงที่ฟังแม้จะออกมาดูดีก็จริงแต่ก็แผ่ๆแบนๆเปิดๆเนียนๆทับกันครับ เอามือถือต่อยังฟังดูได้เวทีมีชิ้นดนตรีเป็นตัวกว่าอีก

ถ้าจะโมอย่างปลอดภัยใน case ข้างบนนี้ ผมแนะนำว่าควรใส่ r 10 ohm แทนดูครับ แต่ถ้าต่อตรงเปิดไม่ดังมากก็คงพอใช้ได้ไม่มีปัญหาอะไรนักครับนอกจากปัญหาเรื่องเสียงที่เล่ามาเมื่อสักครู่นี้
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 77

Windows X

08/03/2013 03:35:36
337
อ่า พูดผิดนะครับ ผมหมายถึงทดสอบตัวที่โมไปแล้วแบบ extreme case คือใช้หูฟัง 2000mW เปิดดังสุดกับเพลง dynamics แรงๆที่มีเบสแน่นๆลึกๆและเปิดผ่านชุดลำโพงด้วย

อัพเดตเพิ่มเติมว่าเมื่อต่อ c coupling adaptor ไปแล้วพบว่าปัญหาเหล่านั้นหายไปไม่มีอาการปุๆแปะๆให้เสียวสันหลังวาบแล้ว และเรื่องเสียงที่แผ่ๆแบนๆเปิดๆเนียนๆทับกันก็ดีขึ้นอย่างมากในชุดลำโพงบ้าน

จากอาการนี้ผมชักไม่แน่ใจแล้วสิว่ามันไม่มี oscillations จริงๆเหรอ หรือนับเฉพาะพกพาที่เปิดไม่ดังธรรมดา ไม่ได้ทดลองกับ case แบบนี้ที่ความดังสูงสุด
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 78

คมกฤช

08/03/2013 07:55:05
56
ความรู้ทั้งนั้นเลย
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 79

Windows X

08/03/2013 13:07:17
337
หลังจากที่เปิดสุดทิ้งไว้กับหูฟังทั้งคืน ตื่นมาก็ยังดังดีอยู่ เมื่อกี้ลองเอามาต่อ amp หลอดฟังอีกทีโดยไม่ผ่าน c ก็ไม่มีอาการที่ว่าแล้ว อาจเป็นเพราะเครื่องยังไม่ชินกับการเร่งหนักๆในตอนแรกหรือปัญหาจากสาเหตุอื่นเช่นคลื่นรบกวนจากโทรศัพท์ ตอนนี้ก็ฟังดูปลอดภัยดีครับ ขออภัยทุกท่านที่ทำให้ตื่นตกใจ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 80

Windows X

08/03/2013 13:09:32
337
เปิดไปสักพักมาอาการแป๊ะๆนิดหน่อยในบางช่วงที่เบสลงหนักๆ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 81

Windows X

08/03/2013 13:10:24
337
เพื่อความปลอดภัยผมจะลองขอยืมเครื่องโมคนอื่นๆมาทดสอบอีกทีนะครับถ้าเป็นไปได้
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 82

ManPlayEar

08/03/2013 13:24:30
21
ในmini3มีR outputอยู่จริง ต่อก่อนเข้าRf แต่ป๋าTi Kenบอกว่าไม่ได้เพิ่มOutput Impedance
"The R5L/R5R resistors protect the output of the opamp from damage from short circuits (which could occur when the headphone plug is withdrawn while the power is on). This resistor is wrapped within the global negative feedback loop, so its resistance does not cause an increase in the effective amplifier output impedance."

เรื่องWM8740ในตัวอย่างที่อ้างมา ใช้Opamp AD797เป็นAnalog out เกี่ยวอะไรกับAK100 ในเมื่อวงจรAnalog outต่างกันโดยสิ้นเชิง
ลองเปิดData sheetของAD797ดู มีทั้งต่อRไม่ต่อR บางวงจรก็ต่อC output ขึ้นกับการอออกแบบ การใช้งาน ฯลฯ

ปล.mini3ที่ประกอบขายไป60เครื่อง ผมก็เล่นกับR outputตัวนี้ บางเครื่องก็เพิ่ม บางตัวก็ลด ถอดออกเลยก็มี ทั้งนี้ก็แล้วแต่คนใช้ หูฟัง ความชอบ ฯ ไม่เห็นต้องยึดติดเลย
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 83

Windows X

08/03/2013 13:42:14
337
ประเด็นในตอนนี้คือเครื่องที่โมไปแล้วมีปัญหาจริงครับเวลาเร่งเสียงสุดๆแล้วต่อ amp ช่วงที่ swing หนักๆมีเสียงแตกช่วงความถี่ต่ำเหมือนมันคุมไม่ไหว จ่ายไม่ทัน ไม่มี r feedback มาช่วย แต่ก็เป็นไปได้ว่าที่โมเครื่องนั้นอาจจะมีปัญหาเอง ถ้ามีเครื่องอื่นมาให้ผมทดสอบก็คงเห็นอะไรชัดเจนขึ้น ตอนนี้ผมก็กำลังชี้ถึงปัญหาและความเป็นไปได้ต่างๆเพื่อที่จะทำอะไรให้ชัดเจนและปลอดภัยมีข้อเท็จจริงรองรับ ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็คงไม่คิดไม่ทำมากแบบนี้แต่ทุกวันนี้จะทำเพราะแค่ความชอบส่วนตัวที่คิดว่าดีไม่ดีอย่างเดียวคงไม่ทำแล้วครับ ก็รอดูกันต่อไป

อย่างที่เคยบอกไว้ว่าถ้าอยากทำผมก็ห้ามไม่ได้ ผมก็แค่สังเกตเจออะไรบ้างก็มาเล่าสู่กันฟังก็แค่นั้น ยังไม่ได้ตัดสินชัดเจนว่าโมแล้วอันตรายแน่นอน ล้มเลิกเถอะครับอะไรแบบนี้
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 84

ManPlayEar

08/03/2013 13:43:00
21
AK100เขาทำไว้ให้ใช้กับหูฟัง ให้ฟังเพลงเพราะๆนะครับ ^ ^

ไม่ได้ให้ใช้กับเครื่องปฏิกรณ์ปรมาณู ถึงต้องเทสหนักขนาดนั้น 5 5
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 85

ManPlayEar

08/03/2013 13:50:48
21
ตอนนี้กำลังดื่มด่ำเสียงเพลง จากAK100 Chai Mod อยู่ครับ ^ ^
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 86

Windows X

08/03/2013 14:13:21
337
ผมก็ทดสอบเพิ่มเติมเพื่อให้ได้มาตราฐานความปลอดภัยที่ชัดเจนขึ้นน่ะครับ ถ้ารู้ว่าต่อแบบไหนเสี่ยงยังไงคนก็จะได้ระวังดีขึ้น ตอนนี้ก็ยังสรุปไม่ได้หรอกเพราะมีความเป็นไปได้หลายอย่าง อาจจะโมมีปัญหาที่เครื่องที่ผมมีหรืออาจจะมีปัญหากับเครื่องนี้แต่กแรกก่อนโม หรืออาจจะมีปัญหาที่ amp ผมไม่ไหวเองก็ได้ ถ้ามีเครื่องมาให้ช่วยทดสอบเก็บข้อมูลมาแชร์กันก็คงดีครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 87

Noize

08/03/2013 14:18:59
2
ชอบกระทู้นี้ครับ ถึงจะไม่รู้เรื่องอะไรหลายๆอย่างที่เค้าถกกัน หิหิ..


ปอลิง.. ป๋ายศครับ เด็กเบอร์ตองใกล้มายัง ผมหงี่เต็มทีแล้ว 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 88

ManPlayEar

08/03/2013 14:31:07
21
ผมสั่ง111มาสองตัว ใช้เองตัวนึง เพิ่อนฝากซื้อตัวนึง
ของออกจากโตเกียววันนี้พอดีเลย EJ202307138JP
คนขายเมล์มาถามว่าเหลือตัวสุดท้ายจะเอาเพิ่มรึเปล่า(แต่ต้องจ่ายก่อนดิ่พี่) ^ ^
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 89

ManPlayEar

08/03/2013 14:34:55
21
รายละเอียด http://www.musicaacoustics.com/wp/headphones/fitear-to-go-111/
ราคาประมาณ18,000กว่าบาทครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 90

Noize

08/03/2013 14:49:06
2
แปลว่า ถ้าผมจะเอา ให้กดสั่งตรงได้เองเลยสิครับ ^ ^
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 91

ManPlayEar

08/03/2013 15:08:38
21
เหลืออันเดียวครับพี่
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 92

Windows X

08/03/2013 15:21:22
337
จากข้อมูลที่ผมเทสนั้นคือต่อกับลำโพงที่ห้องนอน ผมไม่รู้ว่าถ้าต่อกับลำโพงที่อื่นจะมีปัญหาเหมือนกันไหมเพราะจากอาการที่ฟังเหมือนช่วง bass ความถี่ต่ำจะทำให้เกิด ripple swing แรงๆทำให้ fet จ่ายกระแสไม่นิ่งก็เป็นได้ ปกติแล้ว fet output design มักจะมี r ต่ออนุกรมข้างหลังเพื่อคุม capacitive load แล้วเราโมเอา r ออกไปก็ไม่แน่ใจว่าจะจ่ายไหวหรือเปล่าเพราะไม่รู้เบอร์ fet จากที่คำนวณคร่าวๆที่โหลด 32 ohm ก็จะดึงกระแส peak ที่ 60-70ma หาก design นี้จ่ายได้ maximum ที่ 50ma ก็เกิดปัญหาที่ผมฟังเจอในห้องตอนนี้ได้ครับเพราะที่สังเกตมันก็เกิดแต่ช่วงโหมความถี่ต่ำ

ถ้าต่อกับหูฟังทั่วๆไปเปิดไม่ดังเกินที่ฟังจริงๆ ผมก็ฟังไม่เกิน 50-60db ซึ่งปัญหานี้ก็คงจะไม่เกิดกับหูฟังส่วนใหญ่ ดูเหมือนว่างานวิจัยอิสระแบบรู้จริงบ้างไม่จริงบ้างของผมจะทำให้หลายคนเดือดร้อนเอา เอาเป็นว่าผมก็จะพยายามหาทางพัฒนาไปในทางที่ผมพอใจอย่างเงียบๆละกันครับเพราะที่ดูในตอนนี้หูฟังในตลาดส่วนมากก็คงใช้ได้ไม่ถึงกับเสี่ยงเจ๊งอะไร ยกเว้นก็แต่พวก dynamic ohm ต่ำ 8-16 ohm หากเปิดดังมากๆแบบเกือบสุดมีสิทธิ์อยู่บ้าง
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 93

kiertijai

08/03/2013 15:52:26
0
งานนี้คงเกือบได้ข้อสรุปแล้วครับ ตามที่อ่านจากทั้งสองแห่ง เพราะทั้งสองแห่ง
สมาชิกใช้หูฬังธรรมดา

คงไม่ต้องให้มีกรรมการคือเฮียมั่นคงนะครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 94

Windows X

08/03/2013 23:49:51
จากที่ปรึกษากับหลายฝ่ายและทดลองเพิ่มเติม สรุปแล้วการโมแบบที่ทำในตลาดตอนนี้ก็ถือว่าปลอดภัยอยู่ครับแม้จะมีปัญหาในเรื่องการออกแบบบ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับทำเครื่องพังแต่อย่างใด ก็มีประเด็นที่อยากให้ใส่ใจดังนี้

1. หูฟัง 8-16 ohm โดยส่วนตัวแล้วก็ไม่ค่อยสนับสนุนให้ใช้ด้วยเท่าไหร่ ถ้าเปิดไม่ได้ดังนักก็พอได้นะครับแต่อย่าให้เกิน 50db ไม่งั้นอาจทำหูฟังเสื่อมจนพังได้ พวก 32 ohm เร่ง volume สูงสุดก็ยังโอเคอยู่
2. การต่อกับ amp ภายนอกนั้น หากโมไปแล้วความเหมาะสมที่จะต่อกับ amp ได้ก็เปลี่ยนแปลงไป การโมลักษณะนี้จะเน้นให้ต่อตรงๆมากกว่า หากนำไปผ่านเครื่องผ่านวงจรอะไรเพิ่มเติมก็ไม่แน่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
3. การโม by-pass resistor มีอยู่หลายรูปแบบที่จะทำได้ แต่ละแบบก็ให้ผลแตกต่างกันไป ควรใช้พิจารณาในการเลือกโมครับ
4. ทาง engineer ของ iRiver เองเค้าก็มีเหตุผลของเขาในการออกแบบวงจร คนที่จะโมก็มีเหตุผลของเค้าที่จะเลือกโม ดังนั้นอย่าคิดว่าแบบไหนทำแล้วดีกว่า ถ้าจะเลือกก็ให้เลือกแบบจบที่ความพอใจของเราเป็นที่ตั้งพอครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 95

JOKER_THX

09/03/2013 00:02:06
7
ขอบคุณสำหรับการ share ความรู้มากๆครับ ทุกๆท่าน
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 96

ManPlayEar

09/03/2013 00:19:48
21



ลองต่อกับแอมป์อยู่พอดีเลย โดยเร่งระดับโวลุ่มที่AK100 modสูงสุดคือ75
แอมป์ที่ใช้คือPortaphile 627
หูฟัง Senn IE8 18ohm & Yuin PK1 150ohm

เร่งโวลุ่มเพิ่มความดังระดับหูคนปกติทั่วไป ใช้งานได้ปกติ เสียงดีมว๊ากกกก ^ ^
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 97

birdoffice

09/03/2013 00:41:31
0
ดีใจครับที่ป๋ายศชอบviard

คนอื่นๆลองเปรียบเทียบกับที่iriverตอบกลับกับที่ลองโมดูเป็นข้อมูลในการตัดสินใจนะครับ
"We got this from iRiver: "Dear All,

I think you guys already known about “RWAK100”

Well, here are our mentions for this issue, please refer to it.

If you change AK100’s output impedance into 0 ohm (by taking off resistance)

PROS :

1. Sound become powerful.

2. enrich sound of high impedance

3. better balance for Armature unit drive earphone.

CONS :

1. Each headset has limitation of maximum output. By reducing impedance of AK100, there could be deterioration of headset and it cause short of circuit. In this case, it consume over 2W electric power and make damage of AK100 circuit.

2. When there is Static Electricity, it can easily damage of AK100. In this case, even it plays but there is no sound.

3. VOC and PL regulation issue will be happed by causing hypacusis and deafness.

4. Even it improves the sound power, it reduces smooth and delicate sound detail of AK100.

With these reasons, we do not recommend reducing impedance or any modification by users.

To prevent such unauthorized modification by end user, we use special screw driver for AK100. But if they carry out any kind of changes or modification by themselves and it cause any problem or issue, we are not obliged to provide C/S or A/S.""


ส่วนที่ผมลองมาอาจจะมีส่วนต่างส่วนคล้ายบ้างจุด

ข้อดี
Gainเพิ่มขึ้น เสียงดีเป็นกลางขึ้นกับหูbalance amatureที่ohmต่ำ ตัวไม่โมมันจะบูสเสียงสูง

ข้อเสีย
หมดประกัน
ส่วนที่iriverบอกในข้อ1และ2 ผมลองถอดเข้าออกหลายครั้งขณะเล่นมันก็ไม่ชอร์ต
ข้อ3ถ้าเปิดดังเองหูหนวกมันก็เป็นเรื่องปกติ
ข้อ4เสียงหยาบ สามารถแก้โดยการจนสายที่ใช้บายพาสกับตะกั่วอย่างสายviardที่ใช้ลองแล้วเสียงลื่นไหลเนียนมาก

ตัวอย่างหูที่ใช้ทดสอบและผู้ครอบครองตัวโมviard ใช้แล้วยืนยันว่าดีกว่าตัวไม่โมคือ
1 Final audio design forte X. เบิร์ด พี่สมศักดิ์
2 Jh3a Jh16. คุณเอก พี่สมศักดิ์
3 Fitear 334 plus 000 cable. พี่Santa พี่สมศักดิ์
4 pk1 ป๋ายศ พี่ชัย
5 ie8. ป๋ายศ
6 ue900. น้องแตงโม
7 Fitear 111. พี่Santa
8 Final Audio Design FIBASS. เบิร์ด
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 98

kiertijai

09/03/2013 01:54:04
0
ดูจากข้อมูลต่าง ๆ ที่กล่าวกันมาทำให้สบายใจที่จะไปดัดแปลง และทำให้สามารถใช้หูฬัง
ที่มีอยู่ได้ ซึ่งเดิมคิดว่าหูฬังดังกล่าวดูไม่เหมาะนักในความรู้สึกของตัวเอง เพราะเสียงสูง
และเสียงกลางบน คมจัดจ้านเกินไปทำให้ฬังนานแล้วล้าหู อย่างเช่นในกรณีข้างต้นใช้
Fitear , FIBASS ได้ดี ถึงแม้ส่วนตัวจะมี piano forte IX อยููด้วย รวมทั้ง
IE8, PK2 PK1 แต่ยังไม่ได้การใช้งานเต็มที่ เพราะหูฬังดังกล่าวไม่มี isolation ที่ดีพอ
(ยกเว้น IE8 ที่พอไหว) แต่ถ้าใช้กับ Fitear, FIBASS ได้นี่ทำให้เหมาะกับการใช้
เดินทางเช่นบนเครื่องบินหรือในรถไฬสาธารณะได้ดีด้วย Heir Audio ก็ใช้ได้ดีเช่นกัน

เรียนถามอีกข้อหนึ่งว่า Viard mini to mini จำเป็นหรือมีส่วนในการทำให้เสียงดีขึ้นมากน้อยเพียงใด เพราะผมไม่ต้องการใช้แอมป์ร่วมด้วยเพราะจะทำให้ขนาดที่กระทัดรัดของ AK100 (โดยที่กำลังขับเพียงหูสำหรับหูฬังเหล่านี้อยู่แล้ว ยกเว้น PK1) ไม่เป็นข้อได้ประโยชน์เต็มที่ และราคาสาย mini to mini ราคาเท่าใดครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 99

Windows X

09/03/2013 02:16:00
337
สาย mini to mini ก็เป็น interconnects รุ่นหนึ่ง ดีไม่ดีก็อยู่ที่ความเข้ากันได้ระหว่างเครื่องที่ต่อกับความชอบ ต้องลองครับ โดยส่วนตัว AK100 โม viard ก็ค่อนข้างจะลงตัวในแบบของมันเองอยู่แล้ว ถ้าคุณเกียรติชัยชอบแบบที่โมที่ฟังก็ไม่ได้แปลว่าจะต่อ amp แล้วจะชอบขึ้นเสมอไป บางคนก็ชอบแบบไม่ต่อ amp มากกว่าตอนต่อ amp หลังจากโมไปแล้วครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 100

birdoffice

09/03/2013 07:34:26
0
แอมป์กับViard mini to mini ไม่จำเป็นครับ สำหรับหูที่พี่จะใช้ ยกเว้น pk1ที่ต้องอาศัยแอมป์เพิ่มถ้าจะเอาสุดจริง ถ้าพี่ชอบแนวเสียงเนียน นุ่มลื่นไหล มีความเป็นดนตรีสูง และจะต่อแอมป์ค่อยจัดก็ได้ครับ ราคาviard mini to mini 8500บาทครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 101

B_RabbitHiFi

09/03/2013 23:36:04
โดยส่วนตัวผมไม่รู้ว่านนท์ กำลังคิดหรือทำอะไรอยู่กันแน่ ถึงได้สร้างประเด็นนี้ขึ้นมา ตั้งแต่แรก ถ้าหวังดีกับ คนส่วนใหญ่ผมก็ไม่ว่าอะไรครับ แต่คิดซักนิดมั้ยครับว่าก่อนที่ผมจะทำผมต้องเทสก่อนว่ามันปลอดภัย แล้วก็ต้องรู้ว่าทำอะไรอยุ่ ซึ่งนนท์ก็ รู้จักผมดี เรื่องบางเรื่องอย่าพยายามโพส อ้างศัพย์แสงยากๆเลยครับ เพราะ บางเรื่องมันก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกันเลย อย่างเรื่อง รีซิสเตอร์ 1ตัว ต่อกับ คาปาซิสเตอร์ตัวเดียว แล้ว คาปาซิสเตอร์ตัวนั้น ต่องลงกราวด์ ไม่ต้องไปหาข้อมูลอะไรให้มันเมื่อยนิ้ว มันคือ วงจร ดลว์พาสฟิลเตอร์ มันจะทำหน้าที่อะไร ผม อธิบายไปในไลน์ยาวเป้นหน้ากระดาษแล้ว ไม่ได้เกี่ยวกับ วงจรควบคุมกระแสอะไรเลย จุดตัดความถี่ของวงจร ตัดอยู่ที่ไม่ยอมให้ความถี่เกิน 20kHzผ่าน ซึ่งถ้าใครจะกลัวเรื่องไฟตรงมันจะลอดออกมาเป้นไปไม่ได้ครับ ว่า สัญญาณเสียงจะ ออกมาได้ มัน ผ่าน ออกมาหลายวงจร รวมถึงเฟทเอาท์พุทด้วย ถ้ามันจะช็อทพังคือเราต้องไปดัดแปลงภาคจ่ายไฟให้มัน ทำงานโอเวอร์โหลดเท่านั้น แล้วใครจะดัดแปลงได้ล่ะในเมื่อมันทำงานด้วย แบตเตอร์รี่ แรงดันไม่กี่โวลต์ ถ้าเราเอาโลว์พาสฟิลเตอร์ออก อะไรเกิดขึ้น มันมีความเสี่ยงมั้ย เครื่องเล่นตัวที่ไม่มีส่วนนี้ก็ไม่ทำให้หูฟังเสียหาย ไอพอดก็ไม่มีไอโฟนก็ไม่มี ลองหาข้อมูลดุก็ได้ครับหูฟังไฮเอ็นราคาเกินหมื่นมันจะระบุสเป็คไว้ว่าตอบสนองถึง35kHzก็มี แล้ว ถ้ามันถูกอั้นไว้ที่ 20kHz มันจะดีกว่าอย่างนั้นหรือ ถ้าอยากฟังเสียงที่แม่นเป๊ะทุกอย่างมันยาก เราดัดแปลงเพื่อตอบสนองในส่วนที่เราต้องการในส่วนความปลอดภัยก่อนจะทำเรา ต้อง ทำสิ่งที่เราต้องทำก่อนเสมอ คือ ใช้สมอง คิดก่อนครับ คิดก่อนที่จะทำ มองภาพให้ออกว่ามันจะออกมาสำเร็จใหม ถ้าผมมองแล้ว คิดแล้วมันไม่เวิคผมไม่ทำออกมาหรอกครับ จุดประสงค์ที่เราทำคือให้มันออกมาฟังไพเราะขึ้นกว่าของเดิมๆ แต่จะมานั่งแจกแจง ว่าทำอะไรไปบ้าง ผมว่าผมลงไว้ในเฟชบุ๊คละเอียดมากจนใครก็สามารถเอาข้อมูลไปอ้างอิงได้แล้วนะครับ แต่ถ้าจะจี้เอาจุดเสีย ซึ่งป่านนี้ผมมานั่งงมหาอาการที่นนท์เจอ แต่ผมไม่เคยเจอ ผมคงไม่ไหวจะเคลียร์แล้วครับผมเหนื่อย
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 102

Windows X

10/03/2013 00:01:46
337
เพราะไม่ได้เป็นอย่างที่คุณชัยพูดมาสิครับ ผมเองก็ไม่ได้รู้เรื่องมากพอที่จะอธิบายให้ยอมรับได้ หลายคนที่เล่นหูฟังก็ช่วยอธิบายความเสี่ยงอย่างอื่นเช่นเรื่อง capacitive load, ripple, การจ่ายกระแสต่อหูโอมต่ำ, โอกาสการเกิด infinite loop, เรื่อง feedback ตอนต่อ amp เป็นต้น ที่โพสมาก็ห่วงแค่เรื่องความปลอดภัยแหละครับ ถ้าคุณชัยอธิบายเรื่องความเสี่ยงและจุดที่ปลอดภัยอย่างที่ผมสรุปในกระทู้ 94 แต่แรกแล้วก็จบเรื่องเร็วขึ้นเหลือแต่จะโมอย่างไรให้เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นได้บ้าง

อีกอย่าง การแสดงความเห็นโดยเสรีเชิงวิชาการนั้นเป็นสิ่งที่พึงกระทำได้อยู่แล้วครับ อย่าง Large Hadron Collider ของ CERN ที่จะทดลองก็มีนัก physics มาตั้งข้อสังเกตเรื่องความเสี่ยงต่างๆเหมือนกัน ไม่ใช่ว่า CERN ปลอดภัย ชัวร์แล้วทุกคนต้องรอให้ CERN ชี้แจงอย่างเดียว คนอ่านที่เอาความรู้เอาสาระก็ได้ประโยชน์ แต่คนที่ทำเพราะไม่รู้เพราะเชื่อมั่นในศรัทธาไม่ดูความเสี่ยงอะไรก่อนให้ดีก็ต้องเคว้งบ้างเป็นธรรมดา แล้วที่ผมสรุปชัดเจนออกมาในเรื่องความปลอดภัยเค้าก็ได้ประโยชน์ครับ

ผมเข้าใจครับตั้งแต่ก่อนโพสไปแล้วว่าจะทำให้คนทำก็เดือดร้อนต้องมานั่งอธิบายพิสูจน์ให้ลูกค้า แต่ที่ผมโพสก็เพราะไม่มีข้อมูลออกมาอธิบายคนที่จะทำ พอสรุปออกมาแล้วใครได้ประโยชน์ เสียประโยชน์ครับ ทุกคนก็ได้ประโยชน์ ถ้าผมไม่โพสออกมาก่อนความเสี่ยงที่ชัดเจนก็ยังไม่รู็ เกิดมีคนเอาไปต่อลำโพงบ้านเสียงแตกแล้วมาโพสต่อว่าทีหลังมันจะคุ้มกันไหมครับ

ผมเชื่อในทักษะและฝีมือคุณชัยและอีกหลายๆคนในนี้ครับแต่ไม่ว่าจะใครก็ตามถ้าทำอะไรที่มีความเสี่ยงแล้วข้อมูลมันไม่ชัดเจนแล้วมันมีความเสี่ยงที่ไม่ชัดเจน การที่ทำให้ชัดเจนย่อมดีกว่าครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 103

Windows X

10/03/2013 00:04:06
337
ใน paragraph แรกผมหมายถึงที่คุณชัยพูดมามันไม่ได้ครอบคลุมทั้งหมดนะครับ ก็มีหลายคนที่ไม่ได้โพสในบอร์ดแสดงความคิดเห็นเรื่องวงจรในมุมอื่นๆด้วย สำหรับตอนนี้ผมสรุปไปแล้วว่าจะโมก็ได้ไม่อันตรายก็น่าจะตอบโจทย์กับคนที่สนใจได้หมดแล้วนะครับ เรื่องความถูกต้องของเสียงกับความชอบก็เป็นเรื่องส่วนบุคคลไป
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 104

Windows X

10/03/2013 00:16:35
337
อีกอย่าง ในกระทู้นี้มันมีทั้งเรื่องความปลอดภัยในการโมและการหาความเป็นไปได้ที่จะพัฒนาต่อยอดให้โมดีขึ้นด้วยนะครับ ถ้ามองในเชิงสร้างสรรค์ คุณชัยคิด concept วิธีโมที่น่าจะดีขึ้นแล้วมาแชร์เป็นความรู้ในนี้ก็ทำได้ครับ

ผมก็โพสโดยคิดแค่ว่าอะไรจะเป็นข้อมูลที่มีประโยชน์ได้บ้างก็โพสไป ไม่มีเจตนาแฝงอะไรนอกจากความใฝ่รู้ที่จะพัฒนา ผมเองก็บอกจุดยืนให้ชัดเจนแต่แรกแล้วว่าไม่คิดจะรับโมและก็ยังไม่เห็นด้วยเพื่อความบริสุทธิ์ใจ ช่วงที่ผมทำให้คุณชัยต้องลำบากอธิบายกับลูกค้าไปนั้นผมก็ต้องขอโทษด้วยครับ แต่ที่ผมทำก็เพื่อให้เกิดข้อมูลเพิ่มเติมแก่ผู้สนใจครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 105

Windows X

10/03/2013 00:25:01
337
บอร์ดเฺฮียมั่น edit ไม่ได้ขอเสริมนิดให้เข้าใจกันชัดเจนนะครับ ไม่ใช่ว่าผมไม่เชื่อในสิ่งที่คุณชัยอธิบายในกระทู้ๆแรกๆจนถึงใน LINE นะครับ แต่ที่คุณชัยอธิบายเรื่อง low pass filter การทำ cross-over network นั้นก็อยู่ใน scope ที่ทดสอบของหูฟังส่วนใหญ่กับชุดลำโพงบางส่วน นอกจากที่คุณชัยอธิบายผมก็มีปรึกษากับคนอื่นๆเหมือนกัน เค้าก็อธิบายในส่วนที่ต่างจากที่คุณชัยอธิบายหลายๆเรื่องซึ่งมันก็ไม่ได้แปลว่าที่คุณชัยพูดมาจะผิดแต่ข้อมูลในส่วนที่ผมปรึกษาเพิ่มเติมจะให้ทิ้งไปเลยก็ไม่ได้ครับ ผมก็ทดสอบนอกเหนือจากการใช้งานทั่วไปอย่างอื่นด้วยเผื่อมีคนเอาไปใช้ลักษณะนั้นแล้วมีปัญหาจะได้เตือนให้ระวัง

ที่ผมพยายามทำก็เพื่อลดความเสี่ยงนอกเหนือจากการใช้งานต่อตรงกับหูฟังที่รับรองว่าปลอดภัยครับ ไม่ได้อยู่ใน scope ที่คุณชัยทดสอบว่าปลอดภัยแล้ว และผมก็ไม่ได้อ้างอิงเรื่องการโมนี้กับของคุณชัยด้วย มีทั้งของ Red Wine และช่าง DIY อื่นๆที่ทำกันนอกบอร์ด วิธีโมก็มีอยู่ 3-4 วิธีหลักๆ ผมว่ามันเป็นความรู้นะจะได้รู้ว่าแบบไหนควรทำไม่ควรทำยังไงบ้าง
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 106

B_RabbitHiFi

10/03/2013 01:09:25
ไปถึง CERN กันเลยทีเดียว ถ้า จะโพสเพื่อเป็นความรู้อย่าออกนอกเรื่องไปใกลนักครับ คำศัพท์ก็เอาให้เป็นที่เข้าใจครับเอาภาษาพื้นๆ ให้คนอ่านเข้าใจได้ง่ายๆ การปรึกษากันไม่ว่าเรื่องอะไรมันมีถูกผิดใช่ครับแต่ที่นนทืทำอยู่คือเอา สิ่งที่คนพูดกันหลายๆคนมาปะติดปะต่อกัน จนเกิดความคิดอื่นขึ้นมา ถ้ามันอยุ่มันพื้นฐานของฟิสิค ไฟฟ้ากำลัง อะไรก็ตามที่มีสมการเอาตัวเลขที่ได้มาคำนวณพิสูจน์ได้นั่นก็เป็นอีกเรื่อง แต่การระบุว่าอาจเกิด อาจมี ถ้าหากว่ามัน สมมุติว่า... คำเหล่านี้ยังใช้เป็นบทสรุปใดๆไม่ได้นอกจากทำให้กำกวมสงสัย ผมถามตัวเองก่อนเสมอว่าฟังเพลงเพื่อะไร ผมฟังเพื่อผ่อนคลายเพื่อให้เกิดความสุข โมสายเพื่ออะไร เพื่อให้ฟังเพราะ เพลิดเพลินขึ้นขึ้นไม่ได้ให้มันชัดขึ้นคมกริบ จนฟังแล้วต้องถอดหูฟัง ทุก5นาที
เครื่องมันใช้เป็นเครื่องเล่นพกพานะครับผมย่อมเทสกับหูฟัง ซึ่งโหลดของหูฟังมันก็ นับว่าเป็นภาระต่อเครื่องเล่นโดยตรง หูฟังมันยังจะพังได้ง่ายกว่าเลยเพราะมันต่อตรง จะเอาเครื่องนี้ไปต่อแอมป์บ้านไม่ว่าราคาพันนึง หรือ 2ล้าน มันก็ไม่สามารถทำให้เครื่องพังได้หรอกครับ นนท์คิดว่า ถ้าเครื่องมันช็อท ไฟวิ่งผ่าน ออกจากเฟทไปได้แล้ว R22 โอห์ม ที่อนุกรมอยู่มันจะช่วยอะไรกับโหลดที่ต่ออยู่นอกจากปล่อยให้ไฟวิ่งผ่านตัวมันไปในเมื่อมันทำหน้าที่แต่ คัทออฟความถี่ ที่กำหนดไว้เท่านั้น รีซิสเตอร์ไม่ได้ทำงานแทนฟิวส์นะครับ โดยเฉพาะในจุดนี้ด้วย
การทำครอสโอเวอร์นั้น ไม่เกี่ยวนะครับคนคิดจะทำคือนนท์นะครับ วงจรที่นนท์ประกอบขึ้นมามันคือ สงจรเบสิคของวงจรครอสโเอร์เลย จะมัน ครบวงจร มี L จาก ขดลวดของหูฟัง เพียงแค่นนท์ไม่ได้คำนวณว่าจะให้ได้ความถี่เท่าใดให้มันผ่านออกมา ตัวที่นนท์ทำเลยไม่เวิคใง ต่อให้ทำออกมาเวิค ถ้า ใช้ Cต่อเข้าไป โดยไม่คำนวณเรื่อง โหลด เรื่อง ค่าL ที่เอามาคำนวณความถี่มันก็จะเวิคแค่หูฟังที่ใช้เทสเท่านั้น นนท์อย่าลืมเรื่องเราไม่รู้แน่ชัดว่า L ของหูฟังของนนท์ มัน มีค่า กี่ไมโครเฮนรี่ หูฟังอิมพีแดนซ์ไม่เท่ากันมันก็ออกมาไม่เท่ากัน และอีกเรื่อง วงจรอิเล็กทรอนิกส์ ทุกวงจรมันต้องมีไฟเลี้ยง ต่อเพิ่มเข้าไปยังใง มันก็บริโภคพลังงานจากเครื่องที่เราต่อเข้าไปอยู่ดี แล้ววงจรมันก็ต้องมีค่าความต้านทานรวมของวงจร ต่อเข้าไปเสียงเบาลง ก็ต้องเพิ่มวอลลุ่ม ก็ แบตหมดไวขึ้นใง ง่ายๆเลย
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 107

Windows X

10/03/2013 03:21:07
ที่ผมโพสหลักๆก็เรื่องความปลอดภัยนะครับ ใครติงเป็นห่วงตรงไหนยังไงผมก็รับฟังหมด ตอน list ความเป็นไปได้มันเหมือนมั่วปนกันไปหมดก็จริงแต่ตอนทดลองก็ทำตามที่เค้าแนะนำแบบอื่นๆแยกกันเป็น case ไปไม่ได้ยำมั่วนะครับ ผมไม่ได้เล่น facebook จึงไม่ได้ตามอ่านข้อมูลใน page ของคุณชัยนอกจากหน้าเว็บก็ขออภัยด้วยครับที่ไม่เก็บข้อมูลส่วนของคุณชัยให้ชัดเจนแต่แรกก่อนมาโพส

ส่วนเรื่องเสียงจูนเสียงกับ filter ก็มีดีมีเสียต่างกัน ถ้ามองในแง่อุปกรณ์พกพาต่อตรงการตัดความถี่ที่ต่ำกว่า 50Hz ลงมาก็เป็นเรื่องที่รับได้สำหรับบางคน trim bandwidth ลงมาเพื่อคุม dynamics ได้ดีขึ้น power จ่ายเท่าเดิมคุณจะโมให้เปิดขึ้น มิติความลึกก็ต้องลดลงอยู่แล้ว แต่ใส่เข้าไปเสียงก็หุบลงด้วย ดูเปิดน้อยลง ช้าลง ก็เป็น concept โมง่ายๆที่ผมคิดอยากจะลองขึ้นมา ถ้าไม่ work ก็พับเก็บไป ถ้ามีแววก็ดูต่อไปครับ

ส่วนเรื่อง batt กับ volume นั้น c ก็คงมีผลน้อย r 22 ohm อยู่พอสมควร ถ้าโม r ออกแล้วใส่ c อาจจะดังน้อยลงบ้างแต่ก็น่าจะมากกว่าตอนก่อนโม ก็เป็นประเด็นน่าสนใจที่จะพิจารณาครับ เรื่องเสียงผมก็อยากได้ที่โมแล้วเสียงดีที่สุดนะแต่เหมือนจะได้อย่างเสียอย่างมากกว่ากลายเป็นว่าเหมือนจะตันเลยอยากจะให้ช่วยกันคิดช่วยกันแชร์ความรู้ประสบการณ์กันว่าเราจะพอทำอะไรได้บ้างนอกจากทำตาม concept ที่ Red Wine ทำเพียงอย่างเดียว เผื่อจะพบวิธีใหม่ๆที่ไม่ต้องเลือกแต่ส่วนที่ชอบได้แต่ตอนนี้ดูไปแล้วก็คงยากครับ

เรื่องคุณเบิร์ดผมไม่รู้นะครับว่าหลังงานคุยอะไรกันบ้าง ในงานคนที่ชอบของคุณเบิร์ดที่สุดก็มี ของผมที่สุดก็มี แบบเดิมที่สุดก็มี แต่ผมก็ไม่เคยบอกว่าของผมโมแล้วฟังดีกว่าของใคร พูดแค่อธิบายว่าต่างกันยังไงเพราะอะไร ผมก็เน้นโมให้ไม้ต่างจากแนวเสียงเดิมก็เพี้ยนไปบ้าง ของคุณเบิร์ดเสียงคนละแนวแต่โมแล้วมัน compensate ข้อเสียได้ดีกว่า ถ้าชอบแนวเสียงแบบใหม่ก็ถือว่า happy ลงตัวกว่าผมก็เคยโพสไปแล้ว มันก็มีได้มีเสียต่างกันไป ถ้าโมแล้วได้ในส่วนที่ชอบมากกว่าเสียก็คงดีขึ้น ถ้าน้อยกว่าก็แย่ลง อยู่ที่ความพอใจแล้ว

แต่บางทีที่ผมต้องพูดจาแย้งกับคุณเบิร์ดรุนแรงบ้างเช่นคุณเบิร์ดบอกว่าชอบที่สุดได้แต่บอกว่าดีที่สุดมันไม่ใช่นะ บางอย่างที่บอกว่าหายไปนิดเดียวสำหรับคุณเบิร์ดแต่กับผมเองมันไม่น้อยนะ คุณเบิร์ดอาจจะฟังไม่ออกว่ามากเหมือนผม พอใช้คำว่าดีที่สุดทีไรผมก็เผลอนิสัยเสียพูดไม่เข้าหูคนทุกทีต้องขอโทษคุณเบิร์ด ณ ที่นี้ด้วยนะครับ

ที่ผ่านมาผมก็ให้ความคิดเห็นเคารพความชอบในการฟังเพลงของที่คุณเบิร์ดทำตลอดนะทั้งต่อหน้าและลับหลัง ตอนที่ผมบอกว่าโม Viard ก็ลงตัวในแบบของมัน ฟังเพลินได้สบายดีก็เป็นแบบนั้นจริงๆไม่มีเสแสร้ง แต่ถึงยังไงมันก็ยังเป็นการโมแบบเดิมๆแค่เปลี่ยนสายเป็น viard ผมอยากจะคิดว่ามันทำอะไรได้มากกว่ายัดสายแบบอื่นๆได้บ้างไหม เปลี่ยนค่า r ค่า c ยัด l เพิ่มได้หรือเปล่า jump โมจากจุดอื่นๆหรือ damp อะไรเพิ่มบ้างได้ไหม ไม่มีการหวงแนวคิดที่จะทำอะไรพวกนี้เลย ส่วนที่ฟังแล้วมีปัญหากับ Viard ก็มีเพราะผมไม่ได้ฟังเหมือนคุณเบิร์ด ผมก็ช่วยพูดอธิบายให้คุณเบิร์ดนำไปรับฟังเผื่อจะนำไปพิจารณาปรับปรุงเพิ่มเติมให้ส่วนที่ผมชอบมันดีขึ้น ผมก็ทั้งชมทั้งติของที่คุณเบิร์ดทำอย่างตรงไปตรงมาและจริงใจนะครับ

ส่วนเรื่องชุดลำโพง 2 ล้านผมไม่รู้เกี่ยวจะกับเรื่องนี้ยังไงนะครับ ที่พูดให้คุณเบิร์ดฟังคือแกถามว่าทำไมสาย mini ไม่ใช้ของแพงๆดีๆไปเลยเช่น Oyaide ผมก็อธิบายไปว่าความลงตัวมันไม่จำเป็นต้องแพงมากหรือดีมากเป็นพิเศษก็ได้ อย่างปลั๊กไฟผมซื้อมาหมดทุกรุ่นแล้ว ใช้กับชุดใหญ่ที่บ้าน 2 ล้านยังจบที่ปลั๊ก Hubbell ตัวละพันกว่าบาทเพื่อที่จะบอกแกให้เข้าใจ ตอนทดสอบ AK100 ที่โมผมก็บอกคุณชัยแล้วว่าต่อกับ amp หลอดโมของไทยกับลำโพงที่คนไทยทำ อาจจะมีปัญหากับของแปลกๆที่ผมมีก็ได้ ผมก็ไม่กล้าสรุปหรอกว่าโมแล้วมีปัญหา แต่ความเสี่ยงก็มีเลยมาเตือนไว้ก่อน รู้อะไรเพิ่มเติมค่อยมาบอกกล่าวกัน คนโมได้อ่านก็จะได้ระวังไว้ก่อนไม่คันไปเสียบลองเล่น แต่ตอนนี้ก็ปลอดภัยแล้วก็ลองได้ครับ

ผมก็ขอขอบคุณคุณชัยที่มาช่วยแชร์ครับสำหรับข้อมูลการทำ high-pass filter นะครับ มันก็มีจุดดีจุดเสียให้เลือกทำกันซึ่งก็ดูน่าสนใจ อาจจะพิจารณาในโอกาสต่อไป ตอนนี้ผมคงยังไม่ทำหรอกครับเพราะวงจรนี้ต่อ c อนุกรมและ r ขนานด้วยคงจูนค่า r ค่า c ยากเข้าไปใหญ่ เอา c อย่างเดียวเป็น coupling แบบ iMod ดูก่อน ไว้หาค่า 220uF ได้อาจต่อลองเล่นดูต่อไปว่าจะมีแววดีขึ้นไหมสำหรับการต่อตรง แต่ต่อ amp คงไม่ค่อย work

แต่ตอนนี้เรื่องความปลอดภัยสำหรับคนที่จะใช้เครื่องโมในงานปกติก็ปลอดภัยหายห่วงแล้ว ผมก็คิดอยู่ว่าข้อเสนอแนะนอกเหนือจากนี้ยังจำเป็นอยู่ไหม จากที่อ่านๆดูผมคิดว่าควรจะวิจัยคนเดียวเงียบๆไปก่อนดีกว่าเพื่อไม่ให้เกิดความสับสนกับคนที่เข้่ามาอ่าน ไว้สรุปอะไรชัดเจนเมื่อไหร่ค่อยดูอีกที ก็ขอโทษคุณชัยกับคุณเบิร์ดอีกทีนะครับกับความไม่สะดวกใจหลายๆอย่างที่ได้ทำให้เดือดร้อนและได้ล่วงเกินไปครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 108

birdoffice

10/03/2013 06:19:08
มาลองฟังกันเถอะครับ ความสุนทรีของเสียงเพลงไม่ได้ด้วยการอ่านหรือจินตนาการ

เมื่อวานมีน้องคนหนึ่งมาขอลองmini to mini เนื่องจากอ่านมาก กลัวโมแล้วพัง จึงupgrade jh5ของตัวเองด้วยการไปซื้อแอมป์ กับสายหูฟัง แต่พอลองแล้ว ชอบแบบโมมากกว่า จึงต้องประกาศขายสายที่พึงซื้อเมื่อวานซื้อโดยไม่ฟังเปรียบเทียบก็จะเสียตังหลายต่อ

ส่วนที่บอกว่าผมฟังไม่ออก ผมว่าให้มาลองฟังเองละกันครับ อย่าเชื่อผม หรือคนอื่น เชื่อหูตัวเอง ผมมีให้ลองทั้งตัวธรรมาดา ตัวโม หรือทั้งสายที่เป็นตัวอ้างอิงในตลาดเช่นalo ref8 กับสายที่ทำขึ้น จะได้รู้ว่าชอบอะไร

การอ่านต้องดูด้วยครับว่าเขาใช้ชุดreferenceอะไร ชุดนั้นเหมือนกับเราไหม เขาทำขึ้นมาเองเปล่า เขามีความชอบเหมือนกับเราไหม เช่นถ้าเค้าทำสายขึ้นมาเองด้วยสายแกนเดี่ยวเสียงจัดๆ แล้วมาทำr cfilterออกแล้วบอกว่าเสียงมันดีขึ้น หรือหูฟังเค้าคุมความถี่ต่ำไม่ดีต้องใช้low pass filterเข้าช่วย ถ้าหูฟังที่เราใช้มันไม่เป็นใส่เข้าไปมันก็ยิ่งแย่ครับ หรือเค้าชอบเสียงแบบมอนิเตอร์ เราชอบแบบฟังแล้วมีความสุข มันก็ไม่เหมือนกัน ตัวผมเองเล่นมาทั้งjh13 jh3a jh16 es5 final audio design forte X final audio design FIBASS สายalo twag ทั้งhybridไม่ hybrid แอมป์stepdance honet rsa 71b rsa protector ทุกต้วมีข้อดีข้อเสีย ขึ้นกับหูเราชอบแบบไหนครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 109

birdoffice

10/03/2013 06:43:55
0
ลองเข้าไปอ่านที่น้องเค้ามาลองแล้วมันไม่เหมือนที่เค้าคิดหรืออ่านได้ครับ
http://www.taf.in.th/showthread.php?t=61086&page=2&p=838483#post838483

ช่วยน้องเค้าซื้อของด้วยก็ดี ใหม่มาก
http://forum.munkonggadget.com/detail.php?id=104885

น้องเค้าฟังเพลงร้องชอบ ซื้อjhแต่เมื่อลอง ชอบfitear
ชอบเสียงหวาน นุ่ม ลองแล้วรูสึกว่าสายที่ซื้อมันไม่ใช่
กลัวโมแต่ลองแล้วถอดเข้าออกไม่เจ้ง พกพาสะดวก เสียงดีกว่าต่อแอม์ที่พึ่งซื้อมา สุดท้ายเสียตังหลายต่อ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 110

3551Rev2

10/03/2013 10:39:32
9
ตั้งแต่โพสต์แรก เห็นท่านเจ้าของกระทู้ ก็มาเชิงวิชาการ ยกนู่นยกนี่มาเต็มไปหมด แล้วก็ชอบอ้างถึง ข้อสันนิฐานของ Jan Meier อ้างเยอะมาก แล้วก็ลงรูปการต่อทดลอง โดยใช้ c ต่ออนุกรม ให้ดูน่าเชื่อถือ

ผมดูแวบแรกก็ขำกลิ้งแล้ว

Jan Meier ที่เขาเขียนใน head fi เขาบังเอิญเจิอว่าถ้า โหลดมากขึ้น โดยต่อสายหูฟังที่ยาวขึ้นแล้วเสียงดีขึ้น หรือไม่เพี้ยน ดังนั้น Jan Meier จึงบอกว่าลองเพิ่ม c เข้าไปสัก 100 pf หรือ 220 pf โดยนัยคือการจำลอง stray capacitance หรือ parasitic capacitance ที่เกิดจากสายยาวๆ

แล้วพอท่านเจ้าของกระทู้มาทดลอง กลับกลายเป็นคนละเรื่องกับที่อ้างเลย โดยมาทดลองต่อ coupling

(ที่ป๋ายศ ยังงงเลยว่า ต่อ c อนุกรม เพื่ออะไร)
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 111

3551Rev2

10/03/2013 10:42:51
9
ต่อ coupling ที่ผมก็บอกตั้งแต่ #45 ว่า แอมดีๆ ไม่มีใครต้องการ coupling
อยากต่อตรงทั้งนั้น แต่ต้องใช้ เพื่อป้องกันไฟ dc รั่ว

คือคุณอ้าง jan meier มา แต่การทดลองของคุณมันคนละเรื่องครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 112

3551Rev2

10/03/2013 10:43:58
9
นาย Mike นักวิจารณ์ แห่งเว็บ Headfonia ก็เจอเหมือนกับ Jan meier คือ ak100 ต่อกับหูโอมต่ำแล้วเสียงแย่
โดยตอนแรก Mike ลองกับ JH ที่เป็นแบบ BA แล้วเสียงไม่ดี ไม่ประทับใจ แต่พอต่อกับ LCD-2 ที่โอมสูงกลับเสียงดี
www.headfonia.com/the-player-astell-kern-ak100/
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 113

3551Rev2

10/03/2013 10:48:11
9
การสันนิฐาน ของ jan meier คือต่อ c ขนานสัก 100 pf เพื่อจำลองเสมือนว่าสายยาวขึ้น

ตามที่คุณชัยบอกครับ มันเป็น low pass filter
แต่ จุด cutoff มันสูงมากๆ เลย audio bandwidth ไปแล้ว

สมการ ของ 1st order RC filter: w = 1/RC (w คือ โอเมก้า )

w = 2.Pi.f = 1/RC ------> f = 1/ (2.Pi.RC)
สมมมุติ R คือ 22 ohm (output ของ ak100)
C ลองที่ 100 pf (100 E-12)

Cutoff frequency ของ low pass filter = 1 /(2 x 22/7 x 22 x 100E-12) = 72 KHz
เลย audio bandwidth ที่ 20KHz ไปแล้ว
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 114

3551Rev2

10/03/2013 10:58:42
9
ท่านเจ้าของกระทู้ อ้างถึงทฤษฎีนู่นนี่ ผมก็มาถกกับท่านในแนวทฤษฎีครับ

แต่บอกตรงๆว่าการอ้างของท่านมัน สะเปะสะปะ ปนเปกันไปจนมั่วซั่ว เทสกันคนละเรื่องกับที่ยกมา

ผมถึงบอกว่าไปศึกษา electronics พื้นฐานก่อน

ผมไม่รู็จัก คุณชัย คุณเบิรด์ ป๋ายศ เป็นการส่วนตัว ไม่เคยเจอทั้ง 3 ท่านด้วย
ผมแค่อยากจะมาบอกว่า การแสดงความเห็น ไม่ควรที่จะแสดงภูมิความรู้ โดยการคิดว่าตัวเองรู้ดีกว่าคนอื่นไปหมด ยกนู่นยกนี่ ศัพท์แสงแปลกๆ

แรกๆ ผมก็เห็นว่าคุณชัย ยังทนๆได้ แต่ตอนนี้เหมือน ไม่ไหวจะเคลียร์แล้ว
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 115

Windows X

10/03/2013 11:57:59
337
ผมบอกว่าจะทดลอง coupling ตั้งแต่แรกแล้วครับ ที่พูดถึงประเด็น Jan Meier คือจะบอกว่า c ก็น่าจะมีผลในแบบต่างๆ ผมเขียนไม่เคลียร์ก็จริงแต่ผมไม่ได้มั่วครับ ผมไม่เคยบอกว่าจะทำ high pass filter เพราะต้องต่อ r ลง ground ด้วยแต่ผมก็ไม่ได้แย้งอะไรเพราะไม่อยากให้เรื่องมันบานปลาย ขออธิบายให้เข้าใจอีกทีตรงนี้เลยละกันครับ

c coupling: ต่อ c อนุกรมในทางเดินสัญญาณก่อนเข้า input หรือหลังออกจาก output
c เพิ่ม load capacitance: ต่อ c ขนานอย่างเดียว ไม่เกี่ยวกับ r
low pass filter: ต่อ c ขนาน แล้วต่อ r อนุกรมอย่างที่เห็นใน AK100
high pass filter: ต่อ c อนุกรมแล้วต่อ r ขนาน

คุณไปลองอ่านดูดีๆก่อนเถอะครับ อย่ามาตู่ว่าผมจะทำแบบ Jan Meier แล้วทำมั่วๆ ผมก็นึกว่าคุณเข้าใจแล้วนะครับแต่ก็เอาเถอะครับ คงไม่มีประโยชน์แล้วที่จะโพสต่อ ต่างคนต่างไม่ฟังกันก็ให้เรื่องมันจบไปเลยละกันครับ ถ้ามันไม่พังผมก็โอเคละ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 116

Windows X

10/03/2013 12:44:58
337
คือวงจรเต็มๆมันก็ไม่เหมือนกันนะครับ แต่ต่อไม่ครบวงจรก็ได้ มันก็ดูก้ำกึ่งกันไป ผมก็ใช้ทดลอง coupling เหมือนโม iMod เล่นดูว่าช่วยไหม จะ high pass AK100 ก็ไม่ perfect แต่แรก บางส่วนลองแล้วได้มากกว่าเสียกับบางคนก็น่าสนใจนะ เหมือนโม r ออกแหละ บางคนก็ว่าได้ไม่คุ้มเสียก็มี
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 117

kiertijai

10/03/2013 16:27:46
0
สับสนบ้าง เพราะใน head-fi.org บอกว่า AK100 ไม่เหมาะกับหูฬัง Ohm ต่ำ
แต่ถ้าโมแบบ Redwine แล้วก็ใช้กับหูฬัง Ohm ต่ำได้ แต่คุณ Window X ยังคงบอกให้ระมัดระวังกับหูฬัง Ohm ต่ำอยู่
เลยอยากทราบว่าหูฬัง Ohm ต่ำที่พูดถึงมีตัวอะไรบ้างครับ
อันนี้เป็นตัวอย่าง Ohmของหูฬังตัวต่าง ๆ (เท่าที่ทราบ Fitear, Final Audio ไม่มีปัญหา)

- Heir Tzar 90 Ohm/350 Ohm

- HiFiMAN RE-262 150 Ohm

- Earsonic SM64 112 Ohm (thx zenpunk)

- Denon AH-C250 87 Ohm

- Westone um3x 56 Ohm

- Klipsch X10i 50 Ohm

- Sleek Audio 6 50 Ohm

- Phonak Audéo PFE 232 47 Ohm

- Shure SE535 36 Ohm

- Westone 4r 32 Ohm

- Grado GR10 32 Ohm

- B&W C5 32 Ohm

- Sony MDR-EX1000 32 Ohm
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 118

Windows X

10/03/2013 18:14:00
337
โอมต่ำคือ 8-16 ohm ครับ ถ้าเร่งดับไปหูจะทำงานหนักควรเร่งไม่เกิน 50db ซึ่งปกติก็ไม่ถึงหรอกนะ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 119

kiertijai

10/03/2013 18:28:44
0
เลยอยากทราบว่าหูฬัง Ohm ต่ำที่พูดถึงมีตัวอะไรบ้างครับ
หมายถึงยี่ห้อของหูฬังครับ ว่ามีอะไรบ้างที่ใช้กันบ่อย ๆ จะได้ระมัดระวัง

ยังคงสับสนเหมือนเดิม
ตกลงข้อเสียของ redwine audio , Viard AK100 เป็นที่ไหนกันแน่ครับ หูฬังจะเสีย
หูของเราจะเสีย เครื่องจะเสีย หรือเสียงเสียหรือเสียงไม่ตรงตาม frequency response หรือเสียเงินเกินความจำเป็น
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 120

ManPlayEar

10/03/2013 18:49:36
21
ประสาทเสียครับอาจารย์ 5 5
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 121

purechelsea

10/03/2013 19:51:01
0
อ่านกระทู้นี้แล้วนึกถึงสมัยก่อนตอนตานนท์มาโพสใน TAF ครั้งแรกเลย

เถียงกันบอร์ดแทบแตก ตอนนั้น ยังจำได้ดี

แต่ตอนหลังๆก็ยอมรับในฝีมือตานนท์กันหมดนะ

คนเล่น player , หูฟัง จริงๆจังๆในบ้านเรามีไม่เยอะมาก ช่วยกันคิดช่วยกันทำดีกว่าครับ อย่าแตกกันเลย
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 122

kiertijai

10/03/2013 19:59:16
0
ตกลงข้อเสียของ redwine audio , Viard AK100 เป็นที่ไหนกันแน่ครับ หูฬังจะเสีย
หูของเราจะเสีย เครื่องจะเสีย หรือเสียงเสียหรือเสียงไม่ตรงตาม frequency response หรือเสียเงินเกินความจำเป็น

อันนี้ถามจริง ๆ ครับ จะได้คอยสังเกตได้ถูก และป้องกันแก้ไข
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 123

3551Rev2

10/03/2013 21:06:30
9
ผมลอง ak100 ตัวปกติ เพราะผมไม่ได้โมอะไร

ที่ผมเจอจากการต่อตรงคือ หูฟังที่มี crossover network จะมีปัญหาเสียงเพี้ยน
ซึ่งหูฟังทีมี crossover ก็คือพวกหูแบบ BA หลายๆ drivers เพราะพวก crossover network ก็จะทำให้ Output impedance ของ Ak100 เปลี่ยนไป
ลองกับ TF10 เสียงเพี้ยนไปเยอะมาก เสียงแหลมที่ปกติ tf10 มีอยู่ดีมาก กุดหายไปเลย
ลองกับ SE530 เสียงก็เพี้ยนมากๆ
ทั้ง tf10 กับ SE530 เสียงต่อตรงแย่มากๆ

แต่พอลองกับ หูแบบ dynamic ซึ่งมี driver เดียว ค่า ohm ยังต่ำกว่า SE530 หรือ TF10 ด้วยซ้ำ แต่เสียงไม่เพี้ยน
โดยผมลอง sennheiser px100 (น่าจะแค่ 22 ohm) เสียงดีพอสมควร
และที่ลองกับ ultrasone Tio ต่อตรง เสียงก็ดีมาก ทั้งๆที่ Ultrasone Tio เป็น BA (ohm ก็ไม่สูง) แต่ผมเข้าว่าเพราะไม่มี crossover
Tio จึงเสียงไม่เพี้ยน

ในเว็บ astell & kern เขายังแนะนำเลยว่า หูฟังที่ต่อแล้วเสียงดีก็เช่น Beyer DT1350 (80 ohm)
DT1350 โอมสูง ต่อตรงเสียงดีมากๆ
และที่น่าสังเกตอีกอย่าง เขาแนะนำ se425 ทั้งที่เป็นตัวรองจาก se535
ผมไม่มี se425 เลยยังไม่ได้ลอง
ผมเข้าใจว่า se425 อาจจะมีผลจาก crossover น้อยกว่า se535 เขาจึงแนะนำมา

Fitear f111 ก็เป็น single BA ก็คาดว่าเสียงน่าจะดี ผมไม่มีเช่นกันและยังไม่ได้ลอง

ใครที่มี dynamic driver เช่น sennheiser IE80 IE800 ก็ลองดูครับ เสียงน่าจะดีกว่าพวก BA หลายๆ drivers

ทั้งหมดที่ผมลองคือ ak100 ตัวปกติ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 124

ManPlayEar

10/03/2013 21:23:01
21
^
^
เห็นด้วยครับ
Output impedance ของAk100เดิมๆ ถ้าต่อกับหูแบบBAหลายๆ driversแล้วมีแนวโน้ม
การตอบสนองความถี่จะเพี้ยนไป แต่มีบางท่านต่อกับFitear TG334แล้วบอกว่าปกติก็มีครับกับFi BA SSเป็นหูBA 16ohmก็เพี้ยนครับ แต่เพี้ยนแบบความถี่ต่ำหาย กลางสูงและสูงเพิ่มจนจัด
เลยสรุปยากครับ
ปล.พรุ่งนี้คงได้ลองF111กับAK100 & AK100 mod แล้วจะมาแจ้งผลอีกครั้ง
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 125

ManPlayEar

10/03/2013 21:28:02
21
ส่วนเรื่องเครื่องเสีย หูเสีย ความเห็นผมว่าไม่เสียครับ


แต่.......ค่าโมต้องเสียครับ 5 5
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 126

birdoffice

10/03/2013 21:32:31
0
ตัวโมไม่เพี้ยนครับ ลองกับของจริงพวก fitear f111 หรือfinal audio design fi ba ssหรือ jh5หรือjh16แล้ว
ไม่ได้นั่งเทียนตรงกับข้อดีที่3 ที่ทางiriverบอกมาเองตอนเค้าตอบredwine

3. better balance for Armature unit drive earphone.
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 127

Windows X

10/03/2013 22:36:23
337
เรื่องเสียงผมไม่ยังไม่ขอ comment นะครับ แต่โดยหลักการแล้วการตัด r c circuit ออกยิงเข้า crossover ตรงก็จะเป๊ะกับ balanced armature มากกว่า ถือว่าดีขึ้นสำหรับแบบนี้ครับ แต่ถ้าเป็น dynamic driver ก็อีกเรื่องครับ เรื่องเสียงตัวโมไม่โม ถ้าชอบ ดูแลได้ ก็โมได้ครับ แต่หู 8-16 ohm ก็ระวังเรื่อง volume หน่อยครับ

ส่วนรุ่นหูฟังนั้น ถ้า 8 ohm ที่พังแล้วเสียดายแทนก็มี akg3003 ส่วน 16 ohm เยอะมากครับ ขอยกแค่ final audio design ละกันครับ ถ้าไม่เปิดดังเกินที่บอกก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรกับทุกหูฟังครับ อย่าให้เกิน 50db ก็พอ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 128

3551Rev2

10/03/2013 23:11:51
9
ใช้พื้นที่บอร์ดเฮียมั่นคงมาซะเยอะแล้ว ขอช่วยโปรโมทหน่อย

ใครที่ยังไม่โม ak100 เชิญไปลอง Uttrasone Tio ที่ร้านเฮียนะครับ

ak100 ตัวปกติ ต่อตรง เข้ากันดีกับ Ultrasone Tio ครับ เสียงดีครับ :)
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 129

ManPlayEar

10/03/2013 23:12:28
21
ลองอ่านเพิ่มเติมที่นี่ครับ
http://www.head-fi.org/t/630288/the-new-iriver-ak100-a-high-end-dap/3030
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 130

birdoffice

10/03/2013 23:16:47
0



Akg3003 ลองแล้ว ไม่มีปัญหา final audio design fi ba ss ก็ลองแล้วครับ
ฟังในlevelที่หูคนฟังปกติ จะเกินไม่เกืน50dbมันแล้วแต่ดังไม่ดังเกินหูของเราและความดังของเพลงที่อัดมา

จะreferenceหรือบอกว่ามีปัญหาขอให้ลองก่อนนะครับ จะสอบถามผมหรือคุณดิวก็ได้ครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 131

นายมั่นคง

10/03/2013 23:23:03
4,282
555 ขอบคุณครับ อย่าต้องถึงกับช่วยโปรโมทผมเลยล่ะครับ 555

เชิญตามสบายเลยนะครับ ยินดีครับที่ได้เห็นการแลกเปลี่ยนความรู้ความเห็น และแนวคิดในเชิง DIY กัน ทุกอย่างเป็นไปด้วยบรรยากาศอบอุ่น เพราะทุกท่านที่มีชื่อในนี้ล้วนแต่เคยเห็นกันมาตั้งแต่อ้อนแต่ออกว่างั้น 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 132

birdoffice

10/03/2013 23:29:04
0
http://forum.munkonggadget.com/detail.php?id=103530
ลองอ่านรีวิวคุณดิวได้ครับ ทั้งต่อakg3003ตรง หรือผ่านแอมป์

จริงๆ การทดสอบก็ควรบอกชัดเจนว่าลองกับหูอะไรมาบ้าง และไม่ควรเดาตามหลักการหรือความคิดและreferenceกับสิ่งที่ไม่เคยลอง

ช่วยreferenceชุดหูฟังที่ครอบครองและลองจริงจังหน่อยครับนอกจากหูath es10ที่โมสายแกนเดียวเสียงจัดๆ กับxyzในรูปแรก ที่ทดสอบแล้วมีตัวอื่นอีกไหมที่ไม่ใช่แค่ฟังแปป หรือเดาๆเอา
คนอ่านจะได้ไม่สับสน และเข้าใจตรงกับในสิงที่จขกททดสอบ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 133

birdoffice

10/03/2013 23:36:17
0
ผมขอแชร์ข้อมูลที่ได้ลองจริงกับตัวอย่างหูที่ใช้ทดสอบและผู้ครอบครองตัวโมviard ใช้แล้วยืนยันว่าดีกว่าตัวไม่โมคือ
1 Final audio design forte X. เบิร์ด พี่สมศักดิ์
2 Jh3a Jh16. คุณเอก พี่สมศักดิ์ พี่Santa 
3 Fitear 334 plus 000 cable. พี่Santa พี่สมศักดิ์ 
4 pk1 ป๋ายศ พี่ชัย
5 ie8. ป๋ายศ
6 ue900. น้องแตงโม
7 Fitear 111. พี่Santa
8 Final Audio Design FIBASS. เบิร์ด
9 jh5 น้องsolotov
10 akg3003 คุณดิว [review only not buy viard ak100]
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 134

Windows X

10/03/2013 23:38:42
337
คุณเบิร์ดครับ ผมก็แค่เตือนเฉยๆว่ากับหูโอมต่ำ กระแสแรงขึ้น มันก็เสี่ยงพังได้ถ้าเปิดดังๆ เรื่องมันก็มีแค่นั้นครับ.....
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 135

birdoffice

10/03/2013 23:44:59
0
ช่วยreferenceชุดหูฟังที่ครอบครองและลองจริงจังหน่อยครับนอกจากหูath es10ที่โมสายแกนเดียวเสียงจัดๆ กับxyzในรูปแรก ที่ทดสอบแล้วมีตัวอื่นอีกไหมที่ไม่ใช่แค่ฟังแปป หรือเดาๆเอาคนอ่านจะได้ไม่สับสน และเข้าใจตรงกับในสิงที่จขกททดสอบ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 136

B_RabbitHiFi

11/03/2013 11:05:35
0
ผมว่า เรื่องหูฟังตัวโอห์มต่ำตัวเล็กตัวน้อย ยังใงมันก็ไม่ควรเปิดดังอยู่แล้วนี่ครับ แล้วก็มันอยู่ที่หูฟังขับยากหรือไม่ด้วย 16 โอห์ม ของ Pk2 32ohm pk3 หรือ 16โอห์ม ฟอเต้ X 32 โอห์ม กับกราโด้ทุกตัว เจ้าของหูฟังเขาคงไม่มาเปิดด้วยความดังเกินกว่าที่เขาฟังหรอกครับ งง เอาอะไรมาคิดว่ามันจะเปิดเกิน 50dB ไม่ได้ ถ้าหูฟังโอห์มต่ำ ขอยกเว้นมันมีนะครับ หูฟัง 32โอห์ม ตัวที่ขับยากก็มีนะครับ
ยกตัวอย่าง
1.ตระกลู ยูอิน พีเค 2-3 เปิดฟังได้ ปกติ แต่คงไม่มีใครบ้าเปิดเต็มวอลลุ่ม 75 กับหูฟัง ที่ มีความไวขนาดนี้
2.หูฟัง ตระกลูกราโด้ 32โอห์ม ตัวนี้คอนเฟิมว่าเปิดได้เกิน วอลลุ่ม 60-70 แต่ เราจะเปิดฟังด้วยความดังขนาดนั้นเชียวหรือ
3. หูฟังของ มอนสเตอร์ ตระกูล อินเอียร์ คงไม่มีใครเอามาเปิด ดังสุดแน่นอน แก้วหูคนฟังจะทะลุเสียก่อน แต่ถ้า เป็นแบบฟูลไซส์ของยี่ห้อนี้ มันรับได้สบายๆ บางรุ่นมีแอมป์มาในตัวด้วยซ้ำ
4.หูฟัง marshall 32โอห์ม ทั้ง 2รุ่น เช่นเคย ผมว่า ไม่มีใคร เปิดดังสุดทุกครั้งที่ฟังเพลงแน่นอน กับหูงฟังที่ขับง่ายแบบนี้
5.ไฮไฟแมน ตัวอินเอียทุกตัว ใช้งานในระดับปกติได้ คงไม่ไม่ใครเอาไปเปิดสุด กับหูอินเอียเจ้านี้ ผมว่าเจ้าอื่นด้วย
มาต่อกันเรื่อง หูฟังที่ อิมพีแดนซ์ไม่เกิน 40โอห์ม แล้ว ขับยากมันก็มีครับ
1.ultrasone edition8 30โอห์ม edition10 32โอห์ม ultrasone pro 2900 40โอห์ม ต่อตรงฟังได้ แต่มัน ก็ถือว่าขับยากมาก
2.ซาวด์เมจิค Hp100 32โอห์ม ไดร์เวอร์ 45 mm ขับ ง่ายก็แปลกแล้วครับ
3.AKG 701และ702ที่ขับโคตรยาก ถึงมันจะเกิน 32โอห์ม แต่ผมว่าน้อยคนที่จะทราบว่ามันมีInput Impedance แค่ 62โอห์มเท่านั้น
4.ไฮไฟแมนฟูลไซส์ เอา HE 500เลยละกัน มันก็ 36-38 โอห์มเอง พ่อคุณ คิดว่ามันจะเอามาเปิดฟังดังๆแล้วจะมีปัญหาหรือครับ หูพวกนี้ ถึงมาจะมีอิมพีแดนซ์ ต่ำ แต่ความไวมันต่ำเพราะขนาดไออะเแฟรมมันใหญ่มาก บางตัว 50 มม. เอเค100 เปิดสุด ยังเอารายละเอียดออกไม่หมดเลยสำหรับบางรุ่น ยังมีอีกเยอะครับสำหรับหูฟังโอห์มต่ำแต่ขับยาก
ที่นนท์ว่ามามันมีหลายประเด็น แต่มันไม่ถูกทั้งหมดและไม่ได้ผิดทั้งหมด มันกึ่งยิง กึ่งผ่านทั้งหมด
เรื่องการจำลองค่าคาปาซิตี้ ภายในสาย เพื่อจำลองสายโม(สายยาว) ที่เมืองนอกเขาเล่นกัน ในทางปฏิบิติมันยากมาก เพราะ ค่านี้จะสามารถใช้ มิเตอร์วัดได้ สายต้องเป็น 100เมตร แล้วต้องวัดที่ความถี่ใดความถี่หนึ่งด้วย ถ้าจะมาวัดที่1เมตร ค่าที่ออกมามันจะน้อยมากเป็น pF เครื่องมือวัดที่ไป วางไว้ โดนอากาศ มันก็วิ่งไปที่ค่านี้อยู่แล้ว ที่เขาเรียกว่าstray capacitance หรือ parasitic capacitance แล้วค่าที่ เกิด ขึ้น เป็นค่า ที่ผม เรียกว่า XC ก็แล้วกัน ถึงเราจะ จำลองว่าสายเรายาวขึ้น มันก็ ไม่ใช่ว่าเราจะ ยัด C ลงไปต่ออนุกรมนะครับ(ผมถึงได้เรียก ว่า วงจร ตัดความถี่) ค่านี้ มันเกิดจากหลายปัจจัย ฉนวน ความชื้น ชนิดของตัวนำ ค่านี้เป็นค่าระหว่าง สายสัญญาณกับกราวด์ คือมันเป็นค่าที่เกิดขึ้น ขนานกัน ยกตัวอย่าง สายโคแอค ยาว 100เมตร มีค่า XC ระหว่าตัวนำ100pFทำนองนี้ หลักการนี้ถ้าเวิคกับเครื่องเสียงบ้านเราคงได้เห็น สายมินิ ต่อ ซีเพื่อจำลองว่าสายมันยาวกันแล้วครับ
ยกตัวอย่างจากสเป็คสายของ viard
อันนี้ สายโคแอค
PARALLEL CONDUCTOR CAPACITANCE: 80 pF/ m
SERIES INDUCTANCE: 0.4 uH/ m (micro Henry/ m)
@20°C /1Khz
อันนี้สาย RCA
CAPACITANCE: 75 pF
@20°C /1Khz
XLR 3ตัวนำค่าจะต่างจากสาย โอแอคนะครับ
CAPACITANCE INTER CONDUCTEURS: ระหว่างตัวนำ44 pF/m
CAPACITANCE CONDUCTEUR/ECRAN: ระหว่างตัวนำกับ ชีลด์ 105 pF/m
RESISTANCE CONDUCTEUR: 60 Ω/100m
@20°C /1Khz
มันมีเรื่อง ความถี่และอุณหภูมิเข้ามาเกี่ยวด้วยไม่ใช่ คิดจะวัดพก็ได้แค่นี้ตรงเป๊ะ ถ้าเราใช่ซีค่านี้มาต่อเลย เสียงมันก็ไม่ได้แบบนี้หรอกครับแล้วค่าที่ วัดได้มันน้อยมาก
ผมขอจบแค่นี้นะครับ สรุป การโมแบบนี้ไม่ได้เป็นเหมือนโอเวอร์คลอคซีพียูแบบที่นนท์เข้าใจนะครับ มันเหมือนแค่เปลี่ยนสายตรงจั๊มเปอร์ของลำโพง ไบร์ไวร์ เวลา เราต่อ ซิงเกิ้ลไวร์ สายดีขึ้นเสียงก็ดีขึ้นเท่านั้น แค่นั้น ไม่ช็อทไม่พัง ไม่เป็นอะไรทั้งนั้น
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 137

kiertijai

11/03/2013 11:28:03
0
ผมลองอ่านที่ให้ความเห็นกันมาได้ความรู้มากขึ้นมาก
พอสรุปได้ไหมครับว่า
หูฬัง คงไม่เสีย ไม่ว่าเป็นแบบใด ในการใช้งานปกติ
หูของเรา ไม่เสียถ้าไม่เปิดดังเกินความจำเป็น ซึ่งก็เป็นหลักการแบบเดียวกันในทุกชนิด
เครื่องไม่เสีย มีหลักฐานว่าดึงเข้าดึงออกหลายครั้งไม่เป็นไร
เสียงไม่เสีย ไม่เพี้ยน ถ้าไม่ดัดแปลงอาจมีปัญหากับ TF10, SE530, multiple driver BA earphones ถ้าดัดแปลงยังไม่เจอปัญหาในหลาย ๆ รุ่น ใครพบปัญหากรุณารายงานด้วยครับ
เสียเงิน แล้วแต่ความพึงพอใจครับ
ประสาทเสีย ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้วเพราะเข้าใจกันดี
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 138

Windows X

11/03/2013 12:17:29
ก่อนโมเปิด 75db กับหูฟัง 16 ohm ก็ยังปลอดภัยได้เพราะต่อ r output อนุกรม อาจจะจ่ายได่้ประมาณ 180mA ไม่เกิน 200mA แต่ตัด r output ออกไปที่นอกจากจะดูเหมือนเป็น low pass filter แต่ก็เป็นตัวคุมกระแส รายละเอียดผมไม่ขอพูดมากเดี๋ยวศัพท์แปลกๆออกมาเยอะเกินยิ่งงงไปกันใหญ่แต่คิดง่ายๆว่ามันดังขึ้นใน volume เท่าเดิมได้ก็เพราะมีกระแสเข้ามามากขึ้น แต่จากการตัด r ไปนี้กระแสพุ่งขึ้นไปถึง 300mA หรือมากกว่าก็เป็นได้ก็ทำให้หูฟังรับภาระหนักมีสิทธิ์พังได้ ที่ผมเปรียบกับการ overclock ไปก็เพื่อให้เห็นภาพง่ายขึ้น อาจจะไม่ตรงเป๊ะเพราะ OC นั้นปรับความถี่กับตัวคูณแต่อันนี้ปรับกระแส

แต่ถ้าไม่เปิดดังไปก็อยู่ใน safety zone อยู่ครับอย่างที่บอกไปว่าไม่ควรเกิน 50db ครับสำหรับหูโอมต่ำ ผมก็ย้ำคำว่า ohm ต่ำ 8-16 ohm หลายครั้งแล้วนะครับว่าเปิดไม่เกิน 50db เฉพาะกับ 8-16 ohm แบบข้อนี้

1. หูฟัง 8-16 ohm โดยส่วนตัวแล้วก็ไม่ค่อยสนับสนุนให้ใช้ด้วยเท่าไหร่ ถ้าเปิดไม่ได้ดังนักก็พอได้นะครับแต่อย่าให้เกิน 50db ไม่งั้นอาจทำหูฟังเสื่อมจนพังได้ พวก 32 ohm เร่ง volume สูงสุดก็ยังโอเคอยู่

ผมไม่เคยบอกว่าโมแล้วห้ามเปิดเกิน 50db กับหูฟังทุกตัวเลย แต่เหมือนจะสื่อสารกันไม่เคยเข้าใจตรงกันสักที คิดว่าคนอ่านก็เข้าใจกันดีแล้ว เตือนไปหมดแล้วผมขอจบตรงนี้เลยดีกว่าครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 139

shogun

11/03/2013 12:21:49
0
กระทู้ดีมีประโยชน์มาก ถกกันด้วยวิชาการและเหตุผลล้วนๆ

อ่านแล้วได้ความรู้ขึ้นมากครับ แต่บางอย่างก็เข้าใจยากอยู่ 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 140

kiertijai

11/03/2013 12:26:02
0
หูฬัง คงไม่เสีย ไม่ว่าเป็นแบบใด ในการใช้งานปกติ
ยกเว้นหูฬังโอห์มต่ำ แต่ถ้าจะใช้ก็ไม่ควรเปิดดังมากเกิน 50dB ซึ่งการใช้งานปกติไม่น่ามีปัญหาอะไร
พอสรุปอย่างนี้ได้ไหมครับ
ส่วนข้ออื่น พอสรุปได้หรือไม่ครับว่าคล้าย ๆ ข้างบน
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 141

Windows X

11/03/2013 12:40:27
337
สรุปแบบนั้นได้อยู่ครับ ส่วนข้ออื่นๆก็สรุปเหมือนใน คห. 94 จากที่ผมทดสอบมานะครับ ไม่ได้ห้ามนำไปต่อ amp นะครับเพราะบาง amp ก็ต่อได้ดีไม่มีปัญหาอะไร แต่บาง amp ที่จัดการเรื่อง input impedance ไม่ค่อย safety เท่าไหร่อย่างพวก amp หลอดห้องนอนผมหรือ amp พกพาที่รับ input มาตรงๆ ถ้าต่อแล้วมีอาการแปลกๆก็ปิดก่อนเลยครับ

ถ้าคุณเกียรติชัยยังเหลือข้อสงสัยตรงไหนก็บอกได้นะครับ แต่ถ้าหมดแล้วผมจะได้จบประเด็นนี้ไป
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 142

B_RabbitHiFi

11/03/2013 16:50:12
*ผมว่านนท์ไปกันใหญ่แล้ว ก่อนโมมันก็เปิด 75ไม่ไหวนะครับ มันมีหูฟังโอห์มต่ำที่ขับ ยากง่ายต่างกันอยู่แล้วแต่ ขนาด ไดอะแฟรม ว้อยคอยล์
อย่างที่แจกแจงไปแล้วนะครับ เรื่องหูฟัง ทำไมเข้าใจยากจัง หูฟังมันจะพังเพราะเราเปิดดังเกิน ถ้าก่อนโม เอา ฟอเต้ มาเปิดที่วอลลุ่ม 75มันก็มีโออาศพัง จะเปิดไปเพื่ออะไร ผม งงครับ ดังขนาดนั้นมัน มีโอกาศ ที่ ว้อยคอยล์ มันจะขาดอยู่แล้ว หู ขนาด 16ใครเขาจะเปิดที่ 75กัน
เอาเคสในการใช้งานปกติไม่มีปัญแน่นอน ถ้าจะบอกว่าไม่ควรเกินนั้นเกิน นี้ ต้องกำหนด ปัจจัย แวดล้อมมาด้วยนะ
1.หูฟัง ยี่ห้อ รุ่น แอมป์ที่ต่อ แล้วเกิดปัญหา ยี่ห้อรุ่น สายสัญญาณที่ใช้
2.เป็นหูฟังแบบใหน ต่อตรงขับออกหมดหรือเปล่า
3.เปิดฟัง ไม่ได้เปิดแรงสุดเพื่อจะดูว่ามันจะพังหรือเปล่ ต่อ ไอแพดเปิดดังสุด ถ้ามันเกินกำลังหูฟังมันก็พังได้นะ ถ้าเสป็คหูฟังมันทนไม่ได้

**ขอตอบพี่เกียรติชัยครับ
ใช้งานได้เป็นปกติ ไม่ว่าหูฟังโอห์มสูงหรือต่ำ เพราะเหตุผลที่ว่ามา หูฟัง อินเอีย เอียบัดตัวเล็กไม่ว่าจะโมหรือไม่ ถ้าเราเปิดวอลลุ่มสุงสุดแล้วใช้ฟังจริง ผมกว่าหูฟังไม่ทันพังหูเราแก้วหูจะทะลุซะมากกว่าครับพี่ ความดังสุงสุดของเครื่อง ใช้ตอนใหนได้บ้าง ก็ตอนเราเอาไปต่อแอมป์ ขับหูฟังตัวใหญ่ อย่างที่เห็นครับ หูฟังตัวใหญ่ๆหลายตัว อิพีแดนซ์ ไม่ถึง 100โอห์ม ซึ่งผมยังถือว่าน้อย มีอยู่เยอะ เกินครึ่งที่อยู่ในระดับลิมิเต็ด ยังไม่เกิน 50โอห์มก็มี ต่อตรงเร่งสุดก็มาไม่หมดครับ ซึ่งไม่มีปัญหา แต่คงต้องไปหาแอมป์มาช่วยอยู่ดี
วิธีดูว่ามันจะไหวมั้ยถ้าจะเปิดดังๆ อย่าดูที่อิมพีแดนซ์หูฟังอย่าง ดูอินพุท พาวเวอร์ ด้วยครับว่ามันทนได้กี่มิลลิวัต หรือดู Efficiencyเอาก็ได้ครับ ส่วนใหญ่ หูฟังที่ขับยากต้องใช้กระแสเยอะมันจะ ค่าไม่ถึง100dB
ลองดูสเป็คของ HE500ก็ได้ครับพี่เกียรตชัย จะเห็นว่าแค่89DB เอาแอมป์หลอดกระแสสูงกว่าเอเค100เป็น 100เท่ามาต่อยังโอเคเลยครับ
Specifications:
Frequency Response: 15 to 50 KHz ลองดูค่าการตอบสนองความถี่ แล้วคุณเกียรติชัยจะทราบครับ ว่า ถ้าจัดคัทออฟความถี่อยู่ที่ 20KHz จะดีหรือ ไม่ดีกับหูฟังตัวนี้
Impedance: 38 Ohm
Efficiency: 89 DB
Weight: 502 g
ส่วนในวงจรที่ ตัดออก ไม่ได้เกี่ยวกับกระแสหรือ อะไรก็ตามที่นนท์เขียนมาครับ มันเป็นวงจร คัทออฟความถี่ ที่เราจะเจอะได้ในวงจร ครอสโอเวอร์เน็ทเวิคของลำโพง(ย่อขนาดลงมา) เอา ออกไม่มีผลให้กระแสผิดปกติ แต่อย่างใดครับ
Accessories:
***ถึงนนท์
ผมไม่อยากพูดว่านนท์ใช้จินตนาการเขียนกระทู้นี้ขึ้นมา ถ้า นนท์เทสแบบที่ผมทำ ผมจะไม่ว่าซักคำ
***เอา มิเตอร์มาวัด เอาซิกแนลเจนเนเตอร์มาต่ออิพุท แล้ว เอา ออสซิลโสโคปจับเอาท์พุท เหมือนที่ผมใล่นั่งวัด ผมนั่งใล่ดู ลองกับหูฟัง กว่า 30รุ่นเข้าไปแล้ว วาดไดอะแกรมเพื่อดูว่าส่วนใหนทำงานอะไร เพื่อดูว่าทำอะไรไปบ้าง ทำไปเกินว่าที่นนท์คิดเยอะ
ผม ลองเทสเรื่องความปลอดภัยแล้วนะครับ ตอนนี้มีทำไปกว่า10เครื่องแล้วบางท่าน เป็นเจ้าที่สถานทูตในเยอรมัน เขามาลองฟัง ไปหาข้อมูลมาคืนนึงรุ่งขึ้นมาซื้อตัวใหม่พร้อมโมเลยเมื่อวานนี้เองนที่พอจะอ้างอิงได้ก็มีหลายคนครับ อย่างคุณซานต้า เจ้าของร้าน ลิน เครื่องไฮเอ็นที่พารากอน คุณเบิร์ดเจ้าของสายดูว่าเขาใช้กับหูฟังตัวละเท่าไร โอห์มต่ำหรือเปล่า
ที่ผมไม่พอใจคือ พอมีคนทำอะไรนนท์จะเขียนข้อความเตือนให้ระวัง บอกว่าพบปัญหา แต่ไม่ชี้ว่าเกิดจากจุดใหน เกิดจากระบบที่เทสหรือเปล่า เพราะนนท์พูดเองว่าเอาไปต่อกับของคนอื่นไม่เป็น ปัญหาที่เกิดขึ้นมา ไม่ใช่ผมกลัวว่าคนจะไม่มาทำ มันจะเสียหน้า ถ้านนท์ พูดมาแล้วมันผิด คนที่ศึกษามาทางด้านนี้โดยตรงมันมีนะครับ และผมก็ไม่เรียนมาแต่การบัดกรีนะครับ เรื่องพวกนี้มันพื้นๆสำหรับคนที่เคยประกอบเครื่องเสียงบ้านใช้เองหรือเรียนไฟฟ้าหรือ อิเล็กทรอนิส์พื้นฐานมา
**** ผลเสียที่เกิดขึ้นมาจากคนที่อ่านกระทู้นี้แล้วอ่านไม่หมดไม่เข้าใจขอมูลทั้งหมดคือ มีน้องคนหนึ่งจะไปลองฟังแล้วไม่กล้ากลัว jH5ของเขาจะมีปัญหา ตัดสินใจซื้อSTEPDANCE AMPกับสายalosxc24 ตอนหลังมาอ่านกระทู้แล้วไปลองกับคุณเบิร์ดที่it mallพระรามเก้า จนต้องกลับมาใช้สายเดิม ขายสายที่ซื้อมาซื้อมาได้วัน2วันอง มาใช้ เอเค100ตัวโมแทน เพิ่งมาโมไปเมื่อวานนี้ บางทีข้อมูลที่ออกมาแล้วไม่เคลียร์ทำให้หลายๆคนต้องมาเสียตังซ้ำซ้อน ต้องมาซื้อของที่ไม่ถูกใจจริงๆ เพราะ เกิด พานิค ในสิ่งที่นนท์ เขียนวนไปวนมา เกี่ยวกับกระแส ทั้งที่เรื่องที่ผมทำ มันเกี่ยวกับความถี่เท่านั้น ถ้านนท์จะเอาวงจรโลว์พาสฟิลเตอร์ คัทออฟความถี่ที่ 20kไปเกี่ยวกับวงจรควบคุมกระแสอยู่แนะนำให้ลองเข้าคอร์ส ไฟฟ้ากำลัง ซัก 2ช.ม.จะรู้ว่ามันคนละเรื่องเลย ถ้าปัญหาของคนที่อ่านกระทู้นี้เกิดขึ้น นนท์จะไปซื้อของที่เขาซื้อมาเกินความจำเป็นเพือรับผิดชอบหรือเปล่า
จบแค่นี้นะครับนนท์ ผมจะไม่โพสในประเด็นนี้อีก ผมว่าผมให้ข้อมูลที่สมบูรณ์ ที่สุดเท่าที่ทำได้แล้ว
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 143

jesusgamers

11/03/2013 17:31:00
25
ชอบกระทู้นี้จริงพับผ่า สิ ได้ความรู้สุดๆ แต่ผมชอบเสียง ของ RSA Amp + Viard M2M ของพี่เบิร์ดมาก
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 144

Windows X

11/03/2013 17:42:56
337
ตัวเดิมต่อ 16 ohm เร่ง 75db ฟังได้ไม่มีอาการพร่าหรือ clip ครับ แต่ฟังนานๆก็อาจพังได้เหมือนกัน
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 145

ManPlayEar

11/03/2013 18:19:09
21
ค่าคตท.ในวงจรLow pass filterค่ายิ่งน้อยลง ความถึ่Cut offยิ่งสูงขึ้นครับ

ลองแทนค่า คำนวณเล่นๆได้ที่นี่ครับ http://sim.okawa-denshi.jp/en/CRtool.php
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 146

ManPlayEar

11/03/2013 18:22:04
21
อันนี้ใส่ค่าR,Cจะบอกความถี่ครับ http://sim.okawa-denshi.jp/en/CRlowkeisan.htm
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 147

kiertijai

11/03/2013 18:27:23
0
ของผมสรุปได้แล้วครับ ตามข้างบนเพราะใช้งานปกติ
ไว้หาเวลาไปดัดแปลงต่อไปครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 148

3551Rev2

11/03/2013 18:39:21
9
ขอบคุณครับ ป๋ายศ
http://sim.okawa-denshi.jp/en/CRlowkeisan.htm

ลองด้วย R: 22 ohm C: 100 pf
ค่า cutoff ของ low pass filter คือ 72 MHz

ตอนที่ผมคำนวณเล่น ด้วย excel(ที่บ้านไม่มีเครื่องคิดเลข) กดเลขผิดไป 1,000 เท่า
ได้ 72 KHz ห่วยจริงๆ :P
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 149

mahacharoen

11/03/2013 19:56:23
0
ผมโดนใจคำนี้มาก ##และผมก็ไม่เรียนมาแต่การบัดกรีนะครับ##



ผมคนนึงกำลังรอตัวโม Viard ของท่าน Birdoffice
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 150

PUPU

11/03/2013 20:44:04
44
ผมว่าคุณนนท์คุมอารมณ์ได้ดีครับ
ยังไงมีไรกันก็ใจเย็นกันครับ
วิชาการของมันมีถูกมีผิดกันได้
แต่อย่าให้ผิดใจกันเลย
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
"Astell & Kern's proper modification project"