Guest
หมวดหมู่ > เว็บบอร์ด จับฉ่าย

ช่องทางการติดต่ออื่น

  • Munkonggadget
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Contact Us

ขอความรู้คอเพลงclassicคับ Beethoven number ต่างๆ คืออะไร

vee

17/10/2009 21:20:23
0
กำลังสงสัยหนะครับว่า อย่าง Beethoven มี number 8,9,etc พวก number ต่างๆ มันคืออะไรหรอครับขอความรู้หน่อยนะครับ

แล้วก็ ช่วยแนะนำอัลบั้มเพลง classic ที่น่าสนใจและน่าจะซื้อมาเก็บไว้หน่อยนะครับ เผื่อหาเจอจะได้เก็บสะสม
ขอบคุณมากๆคับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 1

bankhalkdown

17/10/2009 21:36:09
0
ยังงี้ต้องให้พี่ collagen จัดให้ครับ อิอิ
ความคิดเห็นที่ : 2

korthor

17/10/2009 21:48:08
มันคือลำดับของบทเพลงครับ อย่างเช่น symphony no.1 ก็หมายถึง บทเพลงsymphonyที่เเต่งเป็นอันเเรก

ความคิดเห็นที่ : 3

mash figaro

17/10/2009 22:12:47
0
แล้ว No. อะไรเพราะที่สุดครับ
ความคิดเห็นที่ : 4

Collagen

17/10/2009 22:23:46
4
ผมขอเรียนตอบคุณ Vee เช่นนี้ครับ....
ในเรื่องของตัวเลขที่ปรากฏอยู่ในบทเพลงคลาสสิค ของนักแต่งเพลงแต่ละท่านมีความหมายดังนี้ครับ...
อย่างเช่น...
Ludwig van Beethoven - Symphony No.5 in C Major Op. 67 mvt 4
มีความหมายตามนี้ครับ...
เลข 5 คือ ผลงานที่แต่งเป็นเพลง Symphony ลำดับที่ 5
ในบันไดเสียง C Major
Op. 67 คือ Opus 67 หมายถึง ผลงานลำดับที่ 67 (จากผลงานการแต่งเพลงทั้งหมด)
Mvt 4 คือ Movement 4 หมายถึง เพลงท่อนที่ 4 ครับ...

ในกรณีอื่น (โดยเฉพาะ บทเพลงของ Mozart หรือ Bach ตัวเลขจะต่างไปครับ) อย่างเช่น
Serenade No. 13 in G Major KV 525 \"A little Night Music\"
อันนี้ก็หมายถึงว่า...
ผลงานที่เป็นเพลงแนว Serenade ลำดับที่ 13
ในบันไดสียง G Major
KV 525 หมายถึง ผลงานเพลงของ Mozart ลำดับที่ 525 (มีความหมายเดียวกับ Opus แต่ KV จะใช้กับผลงานเพลงของ Mozart เท่านั้น)
ชื่อชุดมีอีกชื่อหนึ่งว่า A little Night Music

หรือกรณีเพลงของ Bach
Sarabande From English Suite No.3 in G Major, BWV 808
สามารถตีความได้ว่า...
เพลงชื่อ Sarabande จากผลงานชุด English Suite ลำดับที่ 3 (กรณีนี้ Bach ได้แต่งเพลงโดยใช้ชื่อว่า English Suite มาหลายอันครับ) ในบันไดเสียง G Major
BWV 808 หมายถึงผลงานของ Bach ลำดับที่ 808 (มีความหมายเช่นเดียวกับ Opus แต่ BWV จะใช้กับผลงานของ Bach เท่านั้น)

กรณีเพลงของ Joseph Haydn...
Horn Concerto No.2 in D Major, HOB. VIID/4
สามารถตีกวามหมายได้ว่า...
ผลงาน Horn Concerto ลำดับที่ 2 ในบันไดเสียง D Major ครับ....
ส่วน HOB ผมไม่แน่ใจครับ ซึ่งผมจะลองสืบค้นข้อมูลแล้วจะแจ้งให้ทราบภายหลังครับ....

ส่วนอัลบั้มเพลงผมไม่แน่ใจครับ เพราะว่าเพลงมันเยอะแยะมากมาย หลายแนวมากครับ.... คือผมรบกวนคุณ Vee ช่วยบอกว่าชอบแนวไหนครับ (ช้า/เร็ว หรือแบบเนิบ เบาๆ หรือว่ายิ่งใหญ่อลังการ) ครับ...

ก็ที่หลักๆ ก็มีเท่านี้ครับ....
ขอบคุณครับผม...

ปล. ถ้าสนใจเพลงคลาสสิคก็ ลองดูในเว็บเฮียนี่แหละครับ มีเขียนอยู่หลายกระทู้มากเลยครับ...^ ^
หากผิดพลาดประการใด ผมก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ครับ...
ความคิดเห็นที่ : 5

Collagen

17/10/2009 22:29:03
4
ตอบคุณ Mash Figaro ครับ...
ในความเห็นของผม... บทเพลง Symphony ของ Beethoven มีทั้งหมด 9 ชุดครับ...
โดยชุดผลงานที่ดังๆ ก็มี
Symphony No.3 \"Eroica\"
Symphony No.5
Symphony No.9 \"Choral\" หรือ รู้จักกันในชื่อ Ode to Joy ครับ...

ในความเห็นส่วนตัวของผมที่เคยฟังมา ผมชอบ Symphony No.9 มากที่สุดครับ ^ ^
ความคิดเห็นที่ : 6

Tidal

17/10/2009 22:35:46
0
โอ้ คุณ Collagen มาให้ความรู้

คลาสสิก ถ้าอยากฟังพวก Orchestral (คือแบบวงครับ ไม่ใช่โซโลหรือเครื่องดนตรีไม่กี่ชิ้น)
เริ่มจาก Beethoven ถือว่าถูกทางแล้วครับ เพราะฟังง่ายสุด
เบอร์ที่ฟังง่ายๆ คือ 5 7 9 ครับ(ทั้งหมดมีเก้าอันจ้า อันที่ 9 แต่งได้ยาวสุดและมีชื่อเสียงที่สุดด้วย กับความมีพลังและรวดเร็วของมัน)
เบอร์ 6 (Pastorale) ก็เพราะครับผม
พวกนี้ฟังๆไปเดี๋ยวจะสงสัยว่าทำไมคุ้นหูจัง
ก็แหม ... พวกเกม หรือหนัง ก็ตัดท่อนติดหูจากพวกนี้ไปประกอบผลงานของเขาๆกันล่ะจ้า

อีกอย่างที่ฟังง่ายคือพวก Requeim เพลงสวดมิซซาครับ
เผลอๆจะเพลินกว่า Beethoven 9 symphonies ด้วย
แนะนำ K626 ของ Mozart ครับ

classic อีกพวกที่ฟังง่ายๆ คือพวกคลาสสิกที่แต่งใหม่ๆครับ
อย่างเพลง Rhapsody in Blue ของ George Gershwin (เพลงโนะดาเมะอะ ตอนนี้นางเอกใส่มาสค็อตแล้วเล่นเมโลเดียน)

ก็ลองฟังดูครับ แต่อย่าพึ่งฟัง Rachmaninov นะครับ จะพาลเบื่อเอาได้ อันนั้นเก็บไว้หลังๆดีกว่า ...
ความคิดเห็นที่ : 7

หมูบิน

17/10/2009 22:51:39
ถ้าเป็นผู้เริ่มต้นแล้วอยากลองหัดฟังจริง
ขอแนะนำให้เริ่มที่งานของ Mozart Bach หรือ Handel ก่อน เพลงไหนก็ได้
แต่จริงๆแล้วดีที่สุดให้ไปหาพวกรวมฮิตที่เขาตัดเอาบางเฉพาะบางท่อน
ต้องค่อยๆลองดูอย่าคิดว่าจะฟังเพลงเต็มทันที อาจเบื่อหรือรำคาญเสียก่อน
ให้หลีกเลี่ยงเพลงยากๆ (แต่ดัง) ในขั้นต้น
เช่นงานส่วนมากของ Strawinsky Bartok Rachmaninov
Symphony # 3 ของ Beethoven (Eroica) นั่นก็ด้วยนะครับ
ความคิดเห็นที่ : 8

Tidal

17/10/2009 22:55:59
0
โอ้ว ใช่เลยครับ คุณหมูบิน
โดยเฉพาะของ Bach นี่
ฺแนะนำ Brandenburg Concerto ครับ มันมีอยู่ 6 ชุดก็ฟังไปเลยจ้า
No.3 มันส์จ้า
ความคิดเห็นที่ : 9

Collagen

17/10/2009 23:12:00
4
ขอบคุณครับคุณ Tidal และก็คุณหมูบินมากครับ

ในส่วนการเริ่มต้นเลยของผู้ที่ไม่เคยฟังมาก่อน...ผมก็แนะนำเป็นท่อน สั้นๆ (ประมาณว่าท่อนรวมฮิตครับ) ซึ่งส่วนของเพลงที่ตัดออกมา จะมีเขียนต้อท้ายเพลงว่า \"Excerpt\" ครับ...

แต่ถ้าหากว่าอยากฟังเต็มๆ เพลงเลย ก็มีเพลงที่แต่งขึ้นแบบสั้นๆ (ประมาณ 2 นาที ถึง 8 นาที) ครับ ซึ่งเพลงเหล่านี้อาจจะเป็นเพลงที่เป็นส่วนหนึ่งของ Symphony หรือว่าเป็นเพลงโดดๆ ก็มีครับ... ซึ่งเพลงสั้นๆ ที่นิยมฟังกัน (สำหรับผู้เริ่มต้นอยากฟังก็ จะประกอบด้วย Overture หรือว่า Finale (Overture คือเพลงโหมโรง (เพลงเปิดก่อนเริ่มบทเพลงชุดนั้นๆ เช่น Opera) ส่วน finale เป้นเพลงปิดครับ)....

ถ้าให้ผมแนะนำ ผมขอแนะนำเบื้องต้นที่เป็นเพลงสั้นๆ ตามนี้ครับ...
Tchaikovsky - Swan Lake Overture
Tchaikovsky - Nutcracker Overture
Wagner - Ride of the Valkyries
Hoslt - Mars, the Bringer of War
Elgar - March of the Mogul Emperor
Orff - O Fortuna
Kachaturian - Sabre Dance
Rimsky-Korsakov - Flight of Bumble Bee From the Tale of Tsar Sultan
Dvorak - Symphony No. 9 in E Minor Op. 95 \"From the New World\" Mvt 4
Handel - Water Music
ฺBach - Toccata & Fugue in D
Pachelbel - Canon in D
Strauss - Blue Danube
ฯลฯ ครับ... (นึกออกเท่านี้ครับ)

ปล. ถ้าหากว่าสนใจ เพิ่มเติม ผมมี review เพลงคลาสสิคอยู่นิดๆ ที่ กระทู้นี้ครับ ^ ^ (โฆษณา หน่อยๆ)
http://forum.munkonggadget.com/detail.php?id=4572 (เขียนไว้นานมากแล้ว)
ความคิดเห็นที่ : 10

ทัตเทพ บุณอำนวยสุข

18/10/2009 00:00:58
0
ต้องขอขอบคุณคุณ collagen มากที่อุทิศเวลามาบอกเล่าเรื่องเพลงคลาสสิกให้ชาวเวปที่อยากรู้ทั้ง ๆ ที่มีงานเต็มมืออยู่ขนาดนี้ครับ
ความคิดเห็นที่ : 11

Vichien

18/10/2009 00:50:13
0
ความรู้ล้วนๆๆๆ รบกวนคุณ Collagen ถ้าว่างๆ มาเขียนแยะๆก็ดีนะครับ

ถือว่าเป็นวิทยาทานสำหรับหลายๆท่านที่ยังไม่มีความรู้ด้านนี้ ได้เข้ามาอ่านเพื่อต่อยอดความรู้ด้านดนตรี...



เฮียครับ...ความรู้ดีๆอย่างนี ปักหมุดเลยดีมั๊ยครับ
ความคิดเห็นที่ : 12

mäkoto

18/10/2009 02:06:03
1
โอ้ววเข้ามาช่วยดันครับอิอิ

ผมก็ชอบBeethoven Symphony No.5 กับ No.9 มันเพลงที่สง่างามมากๆ แถมแต่งตอนหูหนวกอีกต่างหาก

ถ้าอยากลองRACHMANINOFF แนะนำ NO.2 IN E Minor และ VOCALISE, OP.34,NO.14 ครับฮี่ๆๆพริ้วๆ ผมวางงานโชแปงไปชั่วคราวเพราะโดนเจ้าสองเพลงนี้เข้าไป

จริงๆผมว่าถ้าเรามีความสนใจในเครื่องดนตรีชิ้นไหนๆหรือมีbackgroudของมันเริ่มได้ไม่ยากครับผมเล่นเปียโนและกีต้าร์คลาสิค อ่านโน๊ตพอได้ ผมก็เริ่มฟังดนตรีคลาสิคเริ่มแรกก็ฟังโชแปงก่อน ลองFantasies Impromptu และ piano concerto no.1 in E Minor(ยาวสุดๆครับ) เพราะและฟังง่ายครับ

แต่ที่ไม่แนะนำอย่างแรงเลยคือชูเบิร์ต โปรโคฟิเอฟ(สะกดถูุกป่าวหว่า) สตราวินซ์กี้ นี่ให้หนีไปก่อนเลย

สำหรับผมเพลงพวกsonataฟังง่ายมาก เพราะเครื่องดนตรีน้อยชิ้น และไม่ได้ใช้การตีความของconductorมากนัก ลองไวโอลิน Violin Sonata No.5 in F Major Op.24 (Spring) ก็ดีนะครับ
ความคิดเห็นที่ : 13

mäkoto

18/10/2009 02:20:10
1
ขอนุญาติเอาคำอธิบายจากที่อื่นมา เพราะผมเห็นว่าอ่านและเข้าใจง่ายดี

Symphony คือ บทเพลงที่ประพันธุ์ขึ้นมา เพื่อ ใช้บรรเลงกับวงดุริยางค์ซิมโฟนี่โดยเฉพาะ เน้นความยิ่งใหญ่ของการประสานเสียงเครื่องดนตรีเข้าด้วยกัน โดยซิมโฟนี่จะมีแบบแผนตามแบบฉบับการประพันธุ์ในยุคคลาสสิคดังนี้

ซิมโฟนี่ จะต้องมี 4 กระบวน หรือ 4 ทำนองใน1บทเพลง

กระบวนที่1 จะต้องเป็นเพลงเร็ว และใช้แบบแผนการประพันธุ์แบบโซนาต้า ซึ่งประกอบด้วย

การนำเสนอสาระ-การพัฒนาสาระ-การซ้ำสาระ

กระบวนที่2 จะต้องเป็นเพลงช้า และใช้แบบแผนการประพันธุ์แบบเพลงสองตอน หรือสามตอน

กระบวนที่3 จะต้องเป็นเพลงแบบMinuetto หรือ เพลงสามจังหวะ คล้ายๆกับวอลท์ซ โดยส่วนมากจะมีทำนองเร็ว แต่Beethoven มักจะประพันธุ์ท่อนที่3ของซิมโฟนี่เป็นแบบScherzo

กระบวนที่4 จะต้องเป็นเพลงเร็ว มักจะใช้แบบแผนโซนาต้า

และที่ทุกๆคนมักจะเอ่ยถึง ก็คงไม่พ้น เพลงประเภท

Sonata ซึ่งเป็นเพลงประเภทที่แสดงความโดดเด่นในการเดี่ยวเครื่องดนตรี ไม่เกิน2ชนิด

โดยเพลงประเภทนี้จะมีทั้งสิ้น 3 กระบวน

กระบวนที่1 ใช้แบบแผนโซนาต้า

กระบวนที่2 ใช้แบบแผนเพลงสองถึงสามตอน

กระบวนที่3 ใช้แบบแผนโซนาต้า

ซึ่งหากเรานำคุณสมบัติเพลงทั้ง2ประเภทมารวมกันแล้ว เราก็จะได้เพลงประเภท

Concerto คือ เพลงประเภทประชันกัน ระหว่าง การเดี่ยวเครื่องดนตรี(ซึ่งอาจจะเดี่ยว2ชนิดก็ได้) กับ วงดุริยางค์ซิมโฟนี่ โดยจะใช้แบบแผนเดียวกับเพลงประเภทโซนาต้า คือมีทั้งสิ้น3กระบวน

กระบวนที่1 จังหวะเร็ว เป็นเพลงยาวตามแบบแผนโซนาต้า

กระบวนที่2 จังหวะช้า เป็นเพลงสั้นๆแบบเพงสอนตอนถึงสามตอน หรืออาจเป็น เพลงCanzonettaก็ได้

กระบวนที่3 จังหวะเร็ว ใช้แบบแผนโซนาต้า

สำหรับเพลงที่สั้นๆและไพเราะ ขอแนะนำ เพลงประเภท

Serenade เป็นเพลงที่ประพันธุ์ขึ้นมาเพื่อสร้างความประทับตราตรึงใจให้แก่ผู้ฟัง โดยตามศัพท์แล้ว

จะมีความหมายว่า เกี้ยวพาราสี แต่โดยความจริงแล้ว อาจเป็นเพลงที่มุ่งเน้นสร้างความประทับใจให้แก่ผู้ฟัง

โดย เพลงประเภทนี้จะมีทั้งสิ้น4กระบวน คล้ายๆซิมโฟนี่

กระบวนที่ 1 เป็นเพลงเร็ว มักใช้แบบแผนโซนาตินา(โซนาต้าจิ๋ว)หรือเพลงสองตอนถึงสามตอน

กระบวนที่2 เป็นเพลงช้า มักใช้แบบแผนเพลงสอนตอนถึงสามตอน

กระบวนที่3 เป็นเพลงประเภทMinuetto เอาไว้เต้นรำ มักจะมีจังหวะช้า ถึงเร็วปานกลาง

กระบวนที่4 เป็นเพลงเร็ว

*นี่คือ แบบแผนในยุคคลาสสิค ซึ่งถ้าหากเป็นยุคโรมานติกแบบแผนเซเรเนดอาจมีการเปลี่ยนแปลงให้มีความเป็น อิสระในการประพันธุ์มากยิ่งขึ้น

มักนิยมประพันธุ์สำหรับวงดุริยางค์เครื่องสาย

หลังจากที่กล่าวถึงยุคโรมานติก ก็ต้องนึกถึงบทเพลงของChopin ซึ่งมักจะประพันธุ์เพลงEtudeไว้

Etude คือ เพลงบรรเลงสำหรับเดี่ยวเครื่องดนตรีที่ใช้แบบแผนโซนาต้า โดยมีแค่ 1กระบวน และมีจังหวะไม่แน่นอน ซึ่งก็แต่ผู้ประพันธุ์จะกำหนด

และที่ขาดไม่ได้จริงๆเลยคือ

Nocturn เป็นเพลงที่ใช้บรรเลงในยามราตรี มีทำนองอันอ่อนหวาน วิจิตร ชวนเคลิบเคลิ้ม มักประพันธุ์ไว้สำหรับเดี่ยวเปียโน

นอกจากนี้ก็มีเพลง ประเภท Impromtu คือ เพลงที่แต่งขึ้นมาสดๆร้อนๆ

และที่ๆทุกๆคนกัน คือ เพลงWalzt หรือ Valse ประพันธุ์ขึ้นเพื่อใช้เต้นรำเป็นหลัก โดยส่วนมากมักประพันธุ์ให้เครื่องดนตรีเดี่ยว หรือวงดุริยางค์บรรเลง

และเพลงบรรเลงที่มีความสำคัญต่อพีธีกรรมต่างๆ คือ

Overture และ Prelude เป็นเพลงที่ใช้บรรเลงก่อนทำพิธีต่างๆ ในขณะเดียวๆก็เป็นเพลงที่ใช้บรรเลงก่อนการแสดงOpera หรือ Ballet

และเพลงที่คุณไม่อยากได้ยินเลย ในบ้านของคุณ คือ

Funeral march หรือ Macia Funebre ชื่อก็บอกไว้ คือ ขบวนแห่ศพ!

และเพลงที่คุณอยากจะได้ยินที่สุดในชีวิตนี้ ก็คงไม่พ้น

Wedding march ซึ่งก็คือ เพลงแห่ขันหมาก เอ้ย เพลงเปิดตัวคู่รัก นั่นเอง(บรรเลงตอนที่เจ้าสาวเดินดุ่มๆมาหาเจ้าบ่าว หน้าบาทหลวง)

Fantasia คือ เพลงที่มีแบบแผนแหวกแนว มีทำนองที่ไหลไปเรื่อย จึงมักเป็นเพงที่เร็วเอาการ



และสุดท้ายของเพลงประเภทบรรเลง ขอนำเสนอดนตรีประเภท

Chamber music คือ ดนตรีที่เล่นในหมู่มิตรสหาย ไม่เกิน9คน

โดยมีชื่อเรียกดังนี้

สองคน Duo

สามคน Trio

สี่คน Quartet

ห้าคน Quintet

หกคน Sextet(อย่าคิดไปนู่นนะ= =)

เจ็ดคน Septet

แปดคน Octet

เก้าคน Nonet

โอ้ว!เกือบลืม ยังมีเพลงบรรเลงประเภทอื่นๆอีก ในยุค บาโรค(Baroque period)

อาทิเช่น

Canon หลายๆคนคงรู้จักดี แคนอนเป็นเพลงที่มีการบรรเลงไปเรื่อยๆโดยที่เครื่องดนตรีชิ้นอื่นๆจะเล่น ทำนองเดียวกัน โดยเริ่มบรรเลงต่อกันเป็นลูกโซ่

Gigue เป็นเพลงเต้นรำสนุกสนาน มักเป็นตอนจบของเพลง

Fugue เป็นเพลงประสานเสียงทำนองที่ยุ่งยาก ซับซ้อน ซ่อนเงื่อน

Invention เป็นเพลงสอดประสาน สั้นๆ

Toccata เป็นเพลงบรรเลงทั่วไปของเครื่องคีย์บอร์ด มักมีจังหวะเร็ว

Concerto grosso เป็นเพลงคอนแชร์โต ชนิดหนึ่ง แต่จะใช้วงเชมเบอร์ ประชันกับ ดุริยางค์

ต่อมา เพลงประเภทนี้ก็ไม่เป็นที่นิยมในการประพันธุ์แล้ว



ต่อไป เป็นเพลงร้อง

เหล่าสาวก Mahler ย่อมรู้จัก เพลง

Lied หรือ Lieder เป็นอย่างดี เพลงนี้คือ เพลงร้องของเยอรมัน ทีพรรณาถึงสิ่งต่างๆที่สะท้อนให้เห็นถึงชีวิต

มักมีมากกว่า1กระบวน ซึ่งก็บอกไม่ถูก ใช้ขับร้องเดี่ยวร่วมกับวงดุริยางค์ ท่วงทำนองเพลงจะเต็มไปด้วยกลิ่นไอของเยอรมันนี และสังคมเยอรมัน

เสียงร้องที่เป็นที่นิยมมากๆ ได้แก่ Soprano,Baritone,Tenor เป็นส่วนมาก

นอกจากนั้น ก็มีเพลงประสานเสียง อย่าง

Chorus คือ เพลงประสานเสียงธรรมดา

Chorale คือ เพลงประสานเสียงในแบบโปรแตสแตนซ์

Oratorio คือ เพลงประสานเสียงที่มีเนื้อหามาจากคัมภีร์ไบเบิล

Missa solenis หรือ Massคือ เพลงประกอบพิธีมิสซา

Requiem Mass เพลงสวดส่งวิญญาณผู้ตาย ให้ไปยังดินแดนสุขาวดี

นอกจากเพลงศาสนา ก็มี

Cantata คือ เพลงร้องที่บรรยายเรื่องราว มักคลอด้วยวงดุริยางค์ การร้องมักเป็นการขับร้องประสานเสียง

หรืออาจมี การขับร้องเดี่ยวร่วมด้วย

Aria เป็น เพลงเดี่ยวของตัวละครสำคัญในOperaหรือ อุปรากร ในกรณีที่มีเสียง คอรัสก็ยังคงเป็น อรีอา อยู่เช่นเดิมครับ

ดนตรีสากลแบ่งเป็น 7 สมัยใหญ่ ๆ ดังนี้
1. สมัยกลาง ( The Middle Ages ค.ศ. 850 – 1450 ) พ.ศ. 1393 – 1993 ก่อนสมัยนี้ราวศตวรรษที่ 6 ดนตรีขึ้นอยู่กับศาสนา Pope Gregorian เป็นผู้รวบรวมบทสวด เป็นทำนองเดียว ( Monophony ) โดยได้ต้นฉบับจากกรีก เป็นภาษาละติน ต่อมาจึงมี 2 ทำนอง( Polyphony ) ศตวรรษที่ 11 การศึกษาเริ่มในโบสถ์ในสมัยกลางนี้เองได้เริ่มมีการบันทึกตัวโน้ต โดยมีพระองค์หนึ่งเป็นชาวอิตาเลียนชื่อ Guido D’Arezzo ( พ.ศ. 1538 – 1593 ) ได้สังเกตเพลงสวดเก่าแก่เป็นภาษาละตินเพลงหนึ่งแต่ละประโยคจะมีเสียงค่อย ๆ สูงขึ้น จึงนำเอาเฉพาะตัวแรกของบทสวดมาเรียงกัน จึงออกเป็น Do Re Mi Fa Sol La Te Do( เว้นตัว Te เอาตัวที่ 2 ) ต่อมา ค.ศ. 1300 ( พ.ศ. 1843 ) ดนตรีก็เริ่มเกี่ยวกับศาสนาอย่างแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

2. สมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา ( The Renaissance Period ค.ศ. 1450 – 1600 ) ยุคนี้เริ่มตั้งแต่ พ.ศ. 1993 – 2143 ตรงกับสมัยโคลัมบัส และเชคสเปียร์ ดนตรีในยุคนี้มักจะเป็นการเริ่มร้องหมู่เล็ก ๆ ส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับการร้องเพื่อสรรเสริญพระเจ้า ร้องกันในโบสถ์มี 4 แนว คือ โซปราโน อัลโต เทเนอร์ และเบส การร้องจะมีออร์แกนหรือขลุ่ยคลอ ดนตรีในสมัยนี้ยังไม่มีโน้ตอ่าน และมักเล่นตามเสียงร้อง

3. สมัยโบราค ( BaroQue ค.ศ. 1650 – 1750 ) ยุคนี้เริ่มตั้งแต่ พ.ศ. 2143 – 2293 และนักดนตรีที่มีชื่อเสียงในยุคนี้ได้แก่ บาค ไฮเดิล ในยุคต้นของสมัยบาโรค ( พ.ศ. 2143 – 2218 ) มีเครื่องดนตรีประมาณ 20 – 30 ชิ้นสลับกันเล่น เพื่อให้มีรสชาติในการฟังเครื่องดนตรีในการคลอเสียงร้อง เช่น ลิ้วท์ ขลุ่ย ต่อมาได้วิวัฒนาการใช้เครื่องสายมากขึ้นเพื่อประกอบการเต้นรำ รวมทั้งเครื่องลมไม้ด้วย ในสมัยนี้ผู้อำนวยเพลงจะเล่นฮาร์พซิคอร์ด

4. สมัยคลาสสิค ( Classical Period ค.ศ. 1750 – 1825 ) ตั้งแต่ พ.ศ. 2273 – 2368 สมัยนี้ตรงกับการปฏิวัติและการปฏิรูปในอเมริกา ไฮเดิลเป็นผู้ริเริ่มในการแต่งเพลงและคลาสสิค การแต่งเพลงในยุคนี้เกิดจากความคิดสร้างสรรค์ และจินตนาการของคีตกวีที่จะเลือกใช้เครื่องมือให้เหมาะสมกับลีลา และโอกาสตามอารมณ์ของดนตรี เช่น ดนตรีลักษณะหวานก็ใช้ไวโอลิน ถ้าแสดงความองอาจกล้าหาญ ก็ใช้แตรทรัมเปต มีการเดี่ยวเครื่องดนตรี นักดนตรีต้องศึกษาและเล่นให้ถูกต้องตามแบบแผน เพราะดนตรีในยุคนี้เริ่มเข้าร่องเข้ารอย คีตกวีในยุคที่มีไฮเดิล โมสาร์ท กลุ๊ก บีโธเฟน โดยเฉพาะบีโธเฟน เป็นคีตกวีในสมัยโรแมนติกด้วย

5. สมัยโรแมนติก ( Romantic Period ค.ศ. 1825 – 1900 ) พ.ศ. 2368 – 2443 สมัยนี้ตรงกับสมัยนโปเลียนแห่งฝรั่งเศส เพลงในสมัยนี้ ผิดไปจากเพลงในสมัยก่อน ๆ คือเมื่อก่อนเริ่มแรกเกี่ยวกับศาสนา ต่อมามีการเลือกใช้เครื่องดนตรีและในสมัยนี้ จะแต่งตามจุดประสงค์ตามความคิดฝันของคีตกวี เน้นอารมณ์เป็นสำคัญนักแต่งเพลงที่มีชื่อเสียงในสมัยนั้นมี ชูเบิร์ต เสตร้าส์ เมนโดโซน โชแปง ชูมานน์ บราหมส์ ไชคอฟสกี้ โดยเฉพาะในยุคนี้ แต่ละประเทศในยุโรปจะมีความนิยมไม่เหมือนกัน เช่น ลักษณะของเพลงร้อง เพลงประกอบละคร เพลงเต้นรำแบบวอลท์ เป็นไปตามคีตกวีและความนิยมส่วนใหญ่

6. สมัยอิมเพรสชั่นนิสซึม ( Impressionism ค.ศ. 1850 – 1930 ) ประมาณ พ.ศ. 2393 – 2473 เป็นสมัยแห่งการใช้ความคิดสร้างสรรค์ ดัดแปลงดั้งเดิมจากสมัยโรแมนติกให้แปลกออกไปตามจินตนาการของผู้แต่ง เปรียบเทียบได้กับการใช้สีสันในการเขียนรูปให้ฉูดฉาด ในด้านดนตรีผู้ประพันธ์มักสรรหาเครื่องดนตรีแปลก ๆ จากต่างประเทศ เช่น จากอินเดียมาผสมให้มีรสชาติดีขึ้น การประสานเสียงบางครั้งแปร่ง ๆ ไม่รื่นหูเหมือนสมัยก่อน ทำนองเพลงอาจนำมาจากทางเอเชียหรือประเทศใกล้เคียง แล้วมาดัดแปลงให้เหมาะสมกับดุริยางค์ นักดนตรีที่มีชื่อเสียงในสมัยนั้นมี คลาวด์อบุชชี อิกอร์ สตราวินสกี่ อาร์โนลด์ โชนเบิร์ล

7. สมัยคอนเทมพอลารี ( Contempolary ค.ศ. 1930 – ปัจจุบัน ) หรือ Modern Music – Eletronics ตั้งแต่ พ.ศ. 2473 จนถึงปัจจุบัน ชีวิตของคนในปัจจุบันอยู่กีบความก้าวหน้า ทางวิทยาศาสตร์ได้รู้ได้เห็นสิ่งแปลก ๆ ใหม่ ๆ เช่น ไอพ่น ยานอวกาศโทรทัศน์ นักแต่งเพลงปัจจุบัน จึงเปลี่ยนวิธีการของการประพันธ์เพลงให้เป็นไปในแบบปัจจุบัน

ที่มา
http://grand-opera.exteen.com/20090311/classic
ความคิดเห็นที่ : 14

mash figaro

18/10/2009 02:27:33
0
ขอบคุณครับ เนื้อหาแน่นปึ้กจริงๆ
ความคิดเห็นที่ : 15

ซิลเวอร์

18/10/2009 02:33:22
0
ขอบคุณ สำหรับความรู้ครับ

แน่นมากก
ความคิดเห็นที่ : 16

vee

18/10/2009 09:16:43
0
หนึ่งกระทู้ ล้านความรู้
ขอบคุณ คุณ Collagen, Tidal, หมูบิน, Makotoและทุกๆท่านที่มาช่วยแบ่งปันความรู้นะครับ
จากกระทู้นี้จะช่วยให้ผมต่อยอดไปได้อีกเยอะ ขอบคุณมากๆครับ
ความคิดเห็นที่ : 17

Collagen

18/10/2009 11:39:16
4
ขอขอบคุณ คุณหมอ พี่วิเชียร คุณ Tidal คุณ Makoto ครับ...

ช่วงนี้ ผมขอบอกตรงๆ ว่าคงไม่มีเวลาที่จะมาเขียนเท่าไรครับ เนื่องจากเป็นช่วงปลายเทอม รายงานส่งกันมากมาย T-T
ผมก็ต้อง ขออภัย มา ณ ที่นี้เลยนะครับ....

ในส่วนนี้ ผมก็ขอแนะนำกระทู้ (ของเว็บเฮีย ที่เกี่ยวกับเพลงคลาสสิค แต่ว่าเป็นกระทู้เก่าๆ ครับ.... ก็มี...
http://forum.munkonggadget.com/detail.php?id=1742
http://forum.munkonggadget.com/detail.php?id=4572
http://forum.munkonggadget.com/detail.php?id=8303

ถ้าหากว่าท่านใด สนใจเกี่ยวกับเพลงคลาสสิคก็....ลองดูนะครับ.... ^ ^
ส่วนผมก็ขอตัวไปปั่นรายงานต่อหละครับ.... แว้บๆ
ความคิดเห็นที่ : 18

mäkoto

18/10/2009 12:19:37
1
ขอบคุณ คุณCollagen และขอให้ปั่นรายงายได้อย่างราบเรียบครับ จะเข้าหน้าร้อนแล้วสินะอิอิ เป็นหน้าที่ผมชอบที่สุดครับ
ความคิดเห็นที่ : 19

Collagen

18/10/2009 21:25:23
4
ขอบคุณครับ คุณ Makoto ....
จะเข้าหน้าร้อนแล้ว แต่ว่า ฝนกระหน่ำ + ลมแรง อยู่เลยครับ...
ตอนนี้รายงานก็เสร็จไปตัวนึง... (กำลังส่ง....ครับ....)

นอนน้อยมาหลายคืน...คืนนี้น่าจะได้นอนเต็มอิ่มซักที (ก่อนที่จะอดนอนต่อ.... ครับ....)
ความคิดเห็นที่ : 20

-o- [B]on[D] -o-

18/10/2009 21:30:29
0
ความรู้ล้วนๆ สาระดีดี ดันๆๆๆ
ความคิดเห็นที่ : 21

vee

29/10/2009 06:36:49
0
คุณ Collagen อยู่ออสหรอครับ?
ขอให้รายเสร็จโดยเร็วนะครับ

ขอบคุณมากๆนะครับสำหรับความรู้
ความคิดเห็นที่ : 22

ผีฟรีคิก

30/10/2009 14:02:01
0
แนะนำหนังสือ กขค คลาสสิค ครับ อ่านเข้าใจง่ายดี คนเขียนก็บ้าเครื่องเสียงด้วย
ความคิดเห็นที่ : 23

Tanan

30/10/2009 15:01:28
0
สุดยอดดดด ฟังมาตั้งนานพึ่งรู้เนี้ยหละว่ามันหมายความอย่างนี้
ความคิดเห็นที่ : 24

aor

30/10/2009 17:44:15
8
เข้ามาบอกว่าสุดยอดดดดด อีกคนครับ
ความคิดเห็นที่ : 25

เอม

21/12/2011 18:31:32
เพลงคลาสสิก หมายถึงอะไรค่ะ และขอทฤษฎีพร้อมกับเอกสารอ้างอิงได้ไหมค่ะ จะทำวิจัยค่ะ หาทฤษฎียากมากเลยค่ะ นักการศึกษาที่ให้ทฤษฎีเกี่ยวกับเด็กปฐมวัยและเพลงคลาสสิกด้วยนะค่ะ และงานวิจัยที่เกี่ยวข้องด้วยนะค่ะ ขอบคุณค่ะ
ความคิดเห็นที่ : 26

สมัครเล่น

21/12/2011 19:06:34
412
ทฤษฎีที่ว่านี้หมายความว่าอย่างไรล่ะครับ
คำว่าคลาสสิค มีความหมายว่า สิ่งที่สร้างขึ้นอย่างปราณีต
และทรงคุณค่า จึงใช้คำว่าคลาสสิค เช่น
ศิลปไทยที่ทรงคุณค่า ก็สามารถใช้คำว่าคลาสสิคได้
ในแง่ของดนตรี ก็คือดนตรีที่ประพันธ์ขึ้นอย่างปราณีต
และได้รับการยอมรับว่าทรงคุณค่า
จึงเรียกกันว่าดนตรีคลาสสิค