Protocol การส่งข้อมูลของ USB ในการเล่น DAC มันคงแตกต่่างจาก จากการก็อปปี้ข้อมูลทั่วๆไปครับ ทำให้ Jitter (ความผิดพลาดทางเวลาของรูปแบบ Digital) ส่งผลต่อคุณภาพเสียงครับ

ถ้าเป็น DAC USB รุ่นใหม่ๆ ที่เป็น Asynchronous มันจะไม่อาศัยสัญญาณนาฬิกาจาก คอมพิวเตอร์ ในการส่งข้อมูล อาจจะไม่เห็นผลเท่า DAC รุ่นเก่าๆ แต่เท่าที่ผมลองดูก็ยังจับความแตกต่างได้อยู่ครับ

แล้วก็เรื่องตัวนำไม่ดี ทำให้ 5v. มันตก ผมก็เคยเจอครับ สายยาว 3m. ต่อ DAC ยังไงก็ไม่เจอ พอเปลี่ยนสายเป็นของดีๆหน่อย ก็ไม่มีปัญหาครับ งมอยู่ตั้งนาน นึกว่า DAC เสีย 5555
ถ้าเป็น DAC ที่อาศัยไฟจาก USB ในการทำงาน ผมว่ามีผลมากเลยล่ะ

ขอบคุณพี่หมูหวานคับ ... ถามต่อเลย แหะๆ

ส่วนใหญ่แล้ว ... ความแตกต่างของเสียงจากการใช้สาย USB ของแถม ... กับ สาย USB แบบเพื่อใช้ในการต่อเครื่องเสียง ... จะแตกต่างในลักษณะไหนบ้างคับ

ปล. ของแถม กับ ของดีเฉพาะทาง ... ให้เสียงต่างกันแบบไหนคับ

เท่าที่ผมลองๆมา สายแต่ละเส้นจะให้บุคคลิคเสียงแตกต่างกันออกไปครับ
สายแถมส่วนใหญ่ เสียงจะออกสดๆหน่อย ปลายแหลมมันจะบาดหูนิดๆ แล้วก็เบสจะไม่เป็นเม็ดชัดๆครับ

ส่วนสาย USB อย่างพวก Nordost Furutech นั้นจะให้ความสงัดที่ดีกว่า ฟังแล้ว Sound มันไม่รก ผ่อนคลาย ไม่เร่งจังหวะ แต่รายละเอียดเสียง ปลีกย่อย ต้องว่ากันเป็นยี่ห้อไปล่ะจ้าาา

ของอย่างนี้มันพูดยากครับถ้าเราไม่ได้สัมผัสครับ

ผมเองก็ทำงานทางด้านคอมพิวเตอร์ เคยมีความคิดแบบฝังอยู่ในใจเลยว่า digital ยังไงก็มีแค่ 0 กับ 1 ยังไงก็ไม่ต่าง ใครว่าเสียงต่างมันต้องบ้าแน่ๆ โง่แน่ๆ ไปโดนเขาหลอกกันได้อย่างไร

แต่พอมาฟังด้วยตัวเองแบบเปิดใจและไม่มีอคติเท่านั้นแหล่ะครับ ความเชื่อที่เคยฝังอยู่ในใจมาหลายปี ทลายหายสิ้นไปหมดเลย
ทั้งสาย coax ที่ต่อจาก cd-transport ไป dac
สาย usb จากคอมไป dac
สาย hdim

สิ่งที่จะผมพบได้เลยจากการเปลี่ยนสาย digital ที่มีคุณสูงภาพสูงขึ้น คือเรื่องของความเป็นสากเสี้ยนของมันจะน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด เสียงที่เคยฟังแล้วมันรู้สึกว่ากระด้าง แห้ง บาง มันลดลง ความน่าฟังมันเพิ่มขึ้น ความาเป็น analog มันมากขึ้น มิติดีขึ้น ม่านหมอกลดลงอย่างเห็นได้ชัดแบบไม่ต้องไปนั่งเพ่งหล่ะครับ 555 พอกลับมาฟังสายแถมเสียงนี่ฟังไม่ได้เลยหล่ะครับ

ปัจจุบันก็ผมโดนสาย usb ราคาปรมมาณ 7000 ไปเรียบร้อยแล้วหล่ะครับ คนรอบข้างผมมองว่าผมบ้าผมก็ไม่สนหล่ะครับ ผมซื้อมาแล้วผมฟังแล้วดีขึ้นครับ ผมก็พอใจแล้วครับ ไม่ได้ซื้อมาแล้วให้คนอื่นมาฟังครับและหาทฤษฎีมาอธิบายหล่ะครับ ^_^

เแต่บางคนนี่อาจดวงไม่ดี ไปเจอของที่เสียงไม่ถึง คุณภาพไม่แปรผันไปตามราคา เสียงไม่ดีแต่ขายแพง อันนี้ก็ทำให้ฟังแล้วงั่นๆ ไม่ประทับใจ ไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงจากสายแถมหล่ะครับ

เรื่องเครื่องเสียงนี่เราไม่จำเป็นต้องเข้าใจมันไปทุกเรื่องหรอกครับ ขอแค่เราเข้าถึงแล้วมีความสุขกับมีนก็พอครับ

พอดีผมทำงานค่อนข้างเกี่ยวกับคลื่นขอแชร์บ้างครับ
ผมว่า ไอ้ตัวกระแสไฟมีผมค่อนข้างโดยตรงต่อการส่งสัญญาณ เพราะตัวกระแสเป็นตัวสร้าง ไอ้สโลป 0 1(data)ให้มัน เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาค่อนข้าง ต้องใช้คำว่าค่อนข้าง สเตเบิลในการส่งสัญญาณ มากกว่าสัญญาณแบบ อนาลอก แต่ นะครับแต่ ไอ้ตัว รูปร่าง 0 1 เนี่ย มันก็ถูกดิสทอชั่นได้เหมือนกันนะครับ แต่มันดิสทอชั่นแต่มันยังบอกได้ว่า มันเป็น 0 หรือ 1 ซึ่งไอ้ที่โดนดิสทอชั่นเนี่ย มันค่อนข้างไปเกี่ยวพันกับการส่งสัญญาณ อันประกอบด้วย ตัวนำในการส่งหลักการ พอพอ กับสายไฟ ไอ้ตัวเวลา ก็จากบอดี้ของลูกคลื่น นอยส์ จากสภาพแวดล้อม ก็เข้ามารบกวนตัวนำ
ซึ่งสิ่งที่ผมบอกมาเนี่ยมันน่าจะมีผลต่อเสียงที่ได้ยิน ยูเอสบี ที่ดีๆหน่อยมีข้อได้เปรียบ ตรงวัสดุ ที่เอามาทำมันมีคุณภาพที่ดี กว่า ส่วนเสียงจะเป็นยังไง ผมว่าเราไปฟังเองดีที่สุด ช่วงนี้ผมก็บ้า สายสัญญาณ เป็นวักเป็นเวน เหมือนกัน 555

ใช้ furutech formula2 อยู่ครับลองเอามาเทียบกับสายแถมฟังแล้วฟังอีก ฟังไม่ออกครับสงสัยหูผมไม่ค่อยดี(แต่ดีใจครับไม่ต้องเสียเงินค่าสายแพงๆ) นี่เพิ่งซื้อสาย optical ของจีนมาเล่นกับ HD player เส้นละ 200 ฟังเทียบกับคอมที่ใช้สาย USB furutech ฟังแล้วฟังอีกก็ฟังไม่ออกอยู่ดี

มีพี่ท่านนึงบอกว่าเครื่องเสียงก็เหมือนการปรุงก๋วยเตี๋ยว ต้องปรุงแล้วชิมไม่ว่าจะชามละ 30 หรือ 300 ถ้าชิมแล้วอร่อยถือว่าใช้ได้ ต่อให้ 100 คนบอกว่าแบบนี้อร่อยใช้ของดีมากชามละ 1,000 แต่ถ้าเราชิมแล้วอร่อยเท่ากับชามละ 30 ก็คงไม่คุ้ม

ปล.ไปลองฟังเองเลยครับจะได้รู้ ทั้งร้านเฮียร้านพี่หมูหวานเขายินดีให้ลองอยู่แล้วครับ

555 ก็เป็นเพราะผมเคยทำงานเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ... เลยทำให้เกิดข้อสงสัยขึ้นน่ะคับ

ถ้ามีเวลาต้องไปหาพี่หมูหวานซะแล้ว ... กำหนด priority 1 เลย !!!

ถ้า DAC ใช้โปรโตคอลเดียวกับกาีร copy ไฟล์ระหว่าง 2 device ผมเชื่อว่าให้เสียงที่ไม่ต่าง เพราะมีระบบ correlation

แต่ถ้าทำงานงานเหมือนกับระบบ HDMI ในทีวี จะไม่มีการเช็คเลย มายังงัยแสดงยังงั้น ซึ่งตรงนี้จะให้สิ่งที่ต่างกัน

ส่วนตัวเท่าที่เคยลอง ผมว่าต่างนะ ไม่แค่เล็กน้อย แต่ถึงขั้นรู้สึกได้...

.... และ ถ้าเอาสาย USB ของผมไปใช้ copy ไฟล์ แทนสายเดิม มันจะcopy file เร็วขึ้นบานเลย (ลองไฟล์หลายๆ Gig จะเห็นชัด)....

http://www.nautilus-sound.com/index.php?/topic/101-%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%81%E0%B9%87%E0%B8%96%E0%B8%B6%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%89%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A2-data-link-%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87-a/

ลองดูครับ

ผมคนหนึ่งยอมรับสาย usb มีผลต่อเสียงมาก ผมเอาสาย usb สายธรรมดาสาย print กับสาย diy ราคาประมาณ 2900 บาท AB test สายธรรมดาเสียงแข็งสาก ๆ พอเอาสาย diy กลางแหลมเปิดเสียงดีมากดีขึ้นทุกย่านเสียง ยังกับเปลี่ยนเครื่องใหม่ ถ้าไม่ฟังเองคงไม่ซื้อหลอกเส้นหนึ่งเกือบ 2900

โอยยย ... โดนบิ้ว

อยากให้ถึงวันหยุดไวๆ จัง

ทำงานทางด้านคอมเหมือนหลาย ๆ ท่านข้างบน และเชื่อเหมือนกันว่าถ้ามันถ่ายข้อมูลเป็น digital กันแบบสมบูรณ์จริง ๆ ยังไงข้อมูลก็ต้องเหมือนกัน ไม่งั้น copy file ข้าม usb ข้อมูลคงเพี้ยนกันหมด

แต่..ถ้าการทดสอบจริงมันแตกต่างกัน แสดงว่าการส่งข้อมูลระหว่างสายดีกับสายไม่ดีมันส่งข้อมูลไม่เหมือนกัน ผมจึงเดาว่าที่เป็นไปได้คือ

1.อาจเป็นที่ตัวโปรแกรมเป็นตัวตัดสินใจจากคุณภาพสายว่า สายแบบนี้ส่งแบบคุณภาพเต็มที่ไหวไหม ถ้าไม่ไหวก็ต้องย่อลงทำให้คุณภาพตกลง (เหมือน mp3 คุณภาพต่ำ) ถ้าสายดีก็ส่งแบบเต็ม ๆ ไม่ต้องย่อ

2. มันส่งมาตามปกติ แต่พอสายไม่ดีทำให้เกิดข้อผิดพลาดขึ้น (crc error) พอตรวจเจอก็ต้องให้ส่งใหม่อีกรอบ พอมีเยอะ ๆ เสียงมาไม่ทันก็เลยเพี้ยน

ในความเป็นจริงมันเกิดแบบไหนผมก็ไม่รู้หรอกเพราะไม่เคยเขียนโปรแกรมสำหรับ DAC แต่ถ้าสมมติฐานนี้เป็นจริง USB 3.0 น่าจะแก้ปัญหาได้หมด เพราะความเร็วที่เพิ่มขึ้นจะทำให้ส่งข้อมูลเสียงข้ามมาได้สบาย ๆ โดยคุณภาพสายแทบไม่มีผล (ถ้ามันไม่อนาถถึงขนาดส่งได้บ้างไม่ได้บ้างอ่ะนะ)

ที่จริงอีกกรณีที่เป็นไปได้คือมันส่งข้อมูลข้ามมาโดยไม่มีการตรวจสอบปลายทาง ทำให้ข้อมุลเพี้ยนก็เพี้ยนไป แต่คิดว่าโอกาสที่จะทำแบบนี้น่าจะน้อย

เท่าที่ทราบ DAC มันไม่มีการทวนกลับอะครับ ส่งมาแบบไหนแปลงแบบนั้นสายจึงน่าจะมีผลกับเสียง แต่ผมฟังไม่ออกอะคับ ^___^

ในทางทฏษฏีแล้วไม่น่าต่าง แต่ถ้ามีโอกาส AB test แบบใช้เงื่อนไขเดียวกันทั้งหมด รับรองว่าฟังออก และฟังต่างกันมากด้วยจ้าๆๆๆ

ผมลอง AB test แล้วระหว่างสายเส้นละ 10 บาท กับสายเส้นละ 17000
เปิดสับไปสับมาช่วงเสี้ยววินาที ฟังอยู่เกือบชั่วโมงเพื่อหาความต่าง
สรุป ฟังแล้วต่างประมาณ 1%

หูผมคงถั่วไปแล้ว และโชคดีที่ไม่ต้องเสียเงินแพงๆ