ส่วนมากตอนกำลังที่คิดจะซื้อ จะคิดว่าซื้อทีเดียว เอาดีๆ ไปเลย จบแน่ๆ ใช้กันยาวๆ
ซึ่งคำว่าเอาดีๆ ไปเลย ของแต่ละคนนั้นก็ไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับงบประมาณที่สามารถจ่ายได้ ณ เวลานั้นๆ บางก็แค่หลักพัน บางคนก็หลักหมื่น บางคนไปเป็นแสน

ถ้าคนที่เล่นแล้วเสียงถูกใจ อุปกรณ์ต่าง matching กันดี ก็โชคดีไป
แต่ถ้าเล่นแล้วเสียงไม่ถูกใจ อุปกรณ์ไม่ matching กัน ก็จะเกิดสาเหตุที่ทำให้เปลี่ยนโน่น นั่น นี่ จนกว่าเสียงจะเข้าที่เข้าทาง บางคนก็ถึงกับระเบิดชุดไปเลยก็มี 5555
หรือบางคนก็เลิกเล่นไปเลยก็มี

พอเวลาผ่านไปซักพัก สิ่งที่ทุกๆ คนจะมีเหมือนๆ กัน ก็คือ
"ความคัน" ครับ
การฟังเพลงด้วยชุดเดิมๆ เสียงมันจะดีแค่ช่วงแรกๆครับ
พอเวลาผ่านไป การฟังเพลงเพื่อเสพสุข ก็จะกลายเป็นฟังเพื่อจับผิด ตรงโน้นไม่ดี แหลมกุด หลางไม่หวาน เบสหายบ้าง อะไรบ้าง ต่างๆ ก็ว่ากันไป

มันจะเริ่มเกิดคำว่าชุดของเรา "เสียงยังไปได้อีก"
ซึ่งไอ้คำว่าเสียงยังไปได้อีกนี่แหล่ะครับ ตัวดีเลย
เราก็จะเริ่มขวนขวายหาอุปกรณ์ต่างๆ นาๆ ไม่ว่าจะเป็นสายไฟ สายสัญญาณ สายหูฟัง เพื่อมาปรับปรุงชุดของเรา และมาตอบสองกิเลสให้กับคำว่า "ชุดของเราเสียงยังไปได้อีก"
ซึ่งช่วงนี้หลายๆ คน ก็จะหมดตรูดกันบาน 555

บางคนอาการหนักคันจนทนไม่ไหว อยากรู้ว่า "เสียงที่ดีกว่าชุดทีเรามีมันเป็นยังไง"
ก็เริ่มเกิดการเปลี่ยนหูฟังเป็นรุ่นที่สูงขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่เวลาขยับรุ่นที ราคามักจะสูงขึ้นเป็นเท่าตัวจากของเดิม
ซึ่งพอเปลี่ยนหูฟังแล้ว ฟังไปซักพัก หลายๆ คนก็เริ่มที่จะคิดว่า "หูฟังเรามันขี่แอมป์อยู่นะ"
มันต้องมีแอมป์ที่ดีกว่านี้สิ จะได้สมน้ำสมเนื้อกับหูฟังที่เรามีอยู่
เลยทำให้เกิดการเปลี่ยนแอมป์ เปลี่ยน dac ขึ้นมา

พอเวลาผ่านไปซักพัก เหตุการณ์จะวนกลับไปทีบรรทัดแรกที่ผมเขียนเอาไว้
ซึ่งเป็นความจริง และเป็นวังวนที่คนเล่นเครื่องเสียงรู้ดี และยอมที่จะไปติดในวังวนนั้นครับ
555


ลองคิดง่ายๆ
คุณกินข้าวกระเพาหมู+ไข่ดาวติดต่อกันได้กี่วีน
บางคนบอก 5 บางคนบอก 3 วันก็เลี่ยนจะตายแล้ว
ขอเปลี่ยนจากไข่ดาวเป็นไขเจียวบ้างก็ดี เปลี่ยนกระเพาหมูเป็นไก่หรือเนื้อบ้างก็ดี

นานวันไปก็เริ่มเบื่อข้าวผัดกระเพาแล้ว กินแล้วรุ้สึกมันธรรมดาไป
ขอยกระดับเปลี่ยนไปกินเสต็กบ้างก็แล้วกัน
555

ลองไปเรื่อยๆ จะได้ค้นพบในสิ่งที่ตัวเองชอบด้วย ซึ่งอาจไม่เหมือนคนอื่น

ผมว่าเล่นของพวกนี้ความสนุกส่วนหนึ่งมันอยู่ที่ตอนเสียเงินนั่นแหละครับ 555+


ถึงไอ้ที่ใช้อยู่มันให้เสียงที่เราชอบแล้ว แต่เราก็จะโหยหาไอ้ความรู้สึกตอนหาข้อมูล อ่านวิจารณ์หูตัวใหม่ๆ ไปลองฟังที่ร้านเฮีย ความตื่นเต้นตอนแกะกล่อง ตอนลองเสียงครั้งแรก ความใจหายตอนเห็นใบเสร็จ และสงสัยว่านี่ตูซื้อของราคาขนาดนี้ไปได้ยังไงฟะ 555+ แล้วก็จะจบได้ชั่วคราวจนกว่าจะมีกะตังค์ใหม่นั่นแล เอวัง

ผมเคยคิดเหมือน จขกท แต่ตอนนี้ผมได้คำตอบละครับ

. . . เลิกฟัง


. . . แหะๆ ล้อเล่นน่ะครับ

ผมเลือกค่อยๆขยับครับ ตัวละพัน สองพัน สามพัน ไปเรื่อยๆเล่นแบบครบๆหาประสบการณ์

ผมคิดว่าการเลือกหูฟังก็เหมือนหาแฟนแหละครับ เมื่อเราจีบดาวคณะลงทุนจีบแทบตายหมด

ไปหลายตังและแล้วก็ได้มาครอบครอง

แต่สุดท้ายเราก็ยังคิดถึงคนเก่าของเรา ที่คนหน้าตาไม่ได้ดี นิสัยธรรมดา ลงทุนจีบไม่สูง

ก็แสดงว่า เราชอบแบบนั้น หูฟังก็เหมือนกัน

หูฟังที่แพงเรือนแสน อาจจะดีที่สุดในโลก แต่อาจจะไม่ดีที่สุดสำหรับเรานะครับ

ส่วนผมก็ยังคงค้นหาต่อไป ^^

หูฟัง แอมป์ หรืออุปกรณ์อื่น ที่ผมชอบ และตัดสินใจซื้อมาใช้ ... ไม่ใช่ตัวเลือกที่คิดไว้ตั้งแต่แรกเกือบทั้งหมดคับ

ต้องไปลองฟังเอาเอง

ผมว่า ... ครั้งเดียว ยังไงก็ไม่จบคับ (ถ้ารักจะมาทางนี้นะคับ)

:)

จริงๆผมว่าความสุขมันอยู่ระหว่างทางนะครับ

จบที่เพลย์เยอร์ได้ก่อนจะง่ายขึ้นสำหรับผม
เวลานี้ฟังกับหูตัวไหนก็ดีไปหมด

อ่านรีวิวทีไรคันทุกทีครับ ขนาดเป็นตัวถูกกว่าที่มีอยู่ยังรู้สึกคันเลยครับ

อ่านรีวิวทีไรคันทุกทีครับ ขนาดเป็นตัวถูกกว่าที่มีอยู่ยังรู้สึกคันเลยครับ

ใช่ครับ มันคันเพราะอ่านรีวิว 55555

แน่นอนว่าใครๆก็อยากชุดเดียวจบ ไม่เปลือง อาจมี2-3ตัวเวลาเปลี่ยนแนวเพลง
แต่จะหาที่ใช่เลยเนี่ยยาก บางทีไปฟังที่ร้านคิดว่าใช่แล้วซื้อกลับมา 2-3เดือนเจอตัวที่ถูกหูมากกว่า ก็จัดมาอีก
อย่างผมก็เปลี่ยนมา7-8ตัวได้ มาจบที่MS1i กับSony MDR 7506(เอาไว้เวลาอยากฟังแฟลตๆ) +DACที่ใช่ก็ Audiotrak prodigy cube
แต่ตอนนี้คันๆ Sony MDR 1R อีกล่ะ ถ้าไปฟังแล้วใช่ก็คงอีกตัวอ่ะ(ปรกติชอบโซนีอยู่แล้วด้วย) แต่ถ้าเสียงไม่เป็นอย่างที่คิดก็ปล่อยผ่าน

ผมว่าลองหาโอกาสไปลองฟัง หลายๆชุดให้มากที่สุดเท่าที่จำทำได้ก่อนนะครับ

ยิ่งชุดที่ Hi end มากๆ ยิ่งดี

และที่สำคัญศึกษาให้มากๆ เลยว่าตัวเองชอบเพลงแนวไหนบ้าง สัดส่วนมากน้อยแค่ไหน

แล้วก็จะตัดสินใจได้เองแหละครับ ว่าจะเล่นแค่ไหน จะค่อยๆอัพเกรด หรือไปทีเดียวเลยก็แล้วแต่

แต่ผมถือหลักที่ว่า "สิบปากว่า ไม่เท่าฟังเอง" เพราะจากประสบการณ์ตรง

คัน ตอนที่หลายๆคนที่บอกว่าชุดนี้ดีกว่าชุดนั้น อย่างโน้น อย่างนี้ พอไปฟังเทียบจริงๆ

มันขึ้นกับแนวเพลงที่เราฟัง และความชอบของเรามากกว่า เพราะความชอบของคนเรามันไม่เหมือนกันครับ

ดังนั้นถ้าจัดอุปกรณ์ที่เข้ากับสไตล์ของตนเองได้มากๆ ก็จบได้ในทีเดียวเหมือนกันครับ
(แต่ยาก ถ้าไม่ได้เลยฟังหลายๆซิสเต็มมาแล้วจริงๆ)

จริงครับ แต่ละคน มีความชอบไม่เหมือนกันจริงๆ และความสุขอยู่ระหว่างทางจริงๆ

ระบบก็ไม่เหมือนกัน แนวเพลง ไฟล์อะไรก็ไม่เหมือน มันต้องฟังเองจริงๆ

แต่ต่อให้ซื้อตัวสูงสุดตอนนี้ ทางผู้ผลิตก็ดันผลิตตัวที่สูงกว่าออกมาในอนาคตอีกอยู่ดี 555555

ผมคิดเหมือนคุณ SinSu ครับ

ความสุขอยู่ระหว่างจุดเริ่มต้น และจุดจบ ดังนั้นไม่ต้องรีบเล่นครับ ขยับไปทีละคั่น จะได้สนุกนานๆครับ ฮ่าๆ

ขออภัยครับ คั่น = ขั้น

ชุดแต่ละท่านแปชกมากๆน่อ สำหรับผมว่าหลายๆท่านคงจบยากแหละ

แต่ส่วนตัวผมเหรอขอแค่อะไรกะได้ที่มีเสียงได้หมดตอนอยู่บนรถเมย์ที่รถติดๆตอนไปทำงานครับ สบายๆพกง่ายๆเช่นโทรศัพท์ ที่เราพกทุกวันง่ะครับ

ปล.แต่จริงๆก็พกเกินความต้องการทุกที เหะๆ

ของดีก็น่าจะทีเดียวจบ

ที่จริงก็อยากทีเดียวจบ ละครับ แต่ทะว่า พอลองอันเดิมๆไปนาน มันอาจจะคันไปเรื่อย 555+ เลยไม่จบสักที

อยู่ที่หลายปัจจัยด้วยนะครับ เช่น การฟังเพลง ของคุณแต่ละคน ไม่เหมือนกัน ฟังเพลงกันต่างสถานที่กัน อยู่บ้านสบายๆ ก็อีกชุด ไปข้างนอกก็อีกชุด ชุดเดินทางก็อีกชุด ชุดทำงานก็อีกชุด เป็นต้น



สมมุติ ไปข้างนอก แต่งตัว เสื้อยืด +กางเกงยีนส์+รองเท้า (ไม่มีกระเป๋าหรือเป้ไป ) คุณจะพกหูฟัง Full Size ไปเหรอ?? หรือหาถุงใส่ ถือไปถือมา???

------------------------------

สรุป การฟังเพลง ควรให้เหมาะสม ให้เหมาะกับสถานที่ การพกพาสะดวก เคลื่อนตัวสบายๆ

ขอเสริม อยู่ที่ว่าอยากรับมาเป็นของมือหนึ่งหรือมือสองด้วยครับ

ถ้ารับมามือหนึ่ง มันก็ควรจะใช้ถนอม ใช้นานๆ ใช้ยาวๆ เพราะเป็นของใหม่ ขายทีขาดทุนเฉลี่ย 20-30% ถ้าเล่นชุดบ้านระดับกลางๆที่ราคา 1-3 หมื่นก็ต้องเตรียมเจ็บหลักหลายๆพันหรือเหยียบหมื่น

ถ้ารับมามือสองของระดับเดียวกัน ก็ใช้แบบขายขาดทุนนิดหน่อย ไปลองใหม่ได้เรื่อยๆ เหมือนเป็นค่าใช้จ่ายรายเดือน เดือนละไม่กี่พัน

ที่สำคัญคือรสนิยมการฟังเพลงของเราจะสามารถเปลี่ยนแปลงไปได้เรื่อยด้วยครับ บางปีชอบความโปร่งและเวที บางปีชอบเสียงอุ่นหนา บ้าเบส

จริงๆคนเราก็เป็นยังงี้กับทุกเรื่องแหละครับ เด็กๆชอบสาวหมวย โตมาหน่อยชอบสาวไทย ตอนนี้ก็ชอบสาวเกาหลีกันเยอะและ อนาคตต่อไปก็ชอบสาวลาว เวียดนามกัน XD

อาหารการกิน การแต่งตัว ฯลฯ ยังเป็นเลยครับ ประสาอะไรกับการฟังเพลง :3

จบได้ถ้าไม่เอาไปเปรียบเทียบครับ เพราะถ้าได้ลองตอนซื้อแล้วแสดงว่าเราต้องชอบแล้วถึงได้ควักเงิน ที่ไม่จบเพราะเอาไปเปรียบเทียบกัน และบนโลกเรามันไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ ทีนี้ก็คัน ก็ขยับ ก็ไม่จบ แล้วมันก็วนกลับไปกลับมาถึงได้มีการซื้อของที่เคยมีรอบ 2 ไงครับ ^___^

ประสบการณ์ตรงๆ ณ ตอนนี้เลยนะครับ .. ลองมาหลายตัว เจ็บมาหลายตัว จบลงที่ บีบี 9700 + MX850 ซึ่งมันคือตัวเริ่มต้นเลย กลายเป็นกลับมาจุดเริ่มต้นซะงั้น

พกหลายเครื่องกลายเป็นมีชีวิตที่ค่อยไปทางลำบากนิดๆ มีเพลเยอร์ ต่อ dac ต่อสายสัญญา ไหนจะมือถืออีก ดูพะรุงพะรังชอบกล ไปห้างไปเดินไหนต้องแบกเป้เล็กๆตลอด ..ทุกวันนี้กลายเป็นจบอยู่ที่มือถือที่ใช้อยู่ทุกวัน + หูฟังที่ใส่สบายๆ ราคาไม่ต้องแพงมาก หูฟังนี่เป็นอะไรที่ดูแลยากนะ ไ่ม่รุ้เผลอเกี่ยวไร จะเผลอเหยียบตอนไหน ฮ่าๆ

ปล. โชคดีของผมด้วยที่หูไม่ได้เทพมากๆ (แนวแยกเสียงได้เกือบทุกคลื่นความถี่) ไม่งั้นคงไม่จบง่ายๆ แน่ ^^

ของอิเล็คโทรนิคผมว่าจบยาก อย่างมากพอมันพังก็ต้อง upgrade ให้มันเจ๋งขึ้นไปอีกละ หึๆ

แต่ไม่รู้เมื่อไหร่จะเจ๊งอ่ะนะ :-)

ผมว่าใจแทบทุกคนนั้นอยากจบครับ แต่.....ผู้ผลิตมันไม่จบนี่ดิ555+

ผมว่าใจแทบทุกคนนั้นอยากจบครับ แต่.....ผู้ผลิตมันไม่จบนี่ดิ555+