พอดีแว๊บๆไปเห็นกระทู้เข้า มีท่านนึงเถียงหัวชนฝาดังโป้กๆว่า.. impedance ไม่น่าจะมีผลกับเสียง โดยพยายามให้ความรู้ต่างๆนาๆ โดยมีการเน้นว่าถ้า ohm เพิ่มแล้วเสียงดี งั้นก็เอาหูฟังแบบมีโวลลุ่มแล้วหรี่ให้สุดเสียงก็ต้องดีสิ ??
ซึ่งผมเห็นว่าผิดและเป็นการให้ความรู้ผิดๆกับสาธารณะชน ส่วนตัวผมจะแย้งก็ไม่ได้เพราะบุคคลทั่วไปอย่างผมไม่สามารถโพสได้(ไม่อยากสมัครเพราะไม่อยากเข้าที่นั่นสักเท่าไร นานๆแวะไปดูทีเวลาไม่มีที่ไหนจะดูแล้ว) เลยขออณุญาติเอามาเปิดประเ็ด็นเพื่อความเข้าใจเรื่อง impedance ที่ถูกต้องครับ
1.impedance คืออะไร ตอบง่ายๆก็ความต้านทานของหูฟังนั่นแหละ โดยจะเป็นความต้านทานที่วัดจากไฟ DC นะครับไม่ใช่วัดที่ความถี่ที่ท่านนั้นบอก เพราะถ้าวัดจากความถี่จะวุ่นวายอย่างมาก เพราะจะมีทั้งเรื่องของค่าความเป็นขดลวดที่จะมีค่าเปลี่ยนแปลงตามความถี่ และยังมีเรื่องของตำแหน่งขดลวดด้วย ดังนั้นผู้ผลิตส่วนใหญจะวัดกันที่ DC ครับ ไม่เชื่อลองเอามิเตอร์วัดหูฟังของท่านดูได้จะได้ค่าประมาณที่บอกไว้มากน้อยผิดกันไม่มาก(ส่วนใหญ่จะมากกว่าเพราะมีความต้านทานของสายหูฟังบวกเข้าไปด้วย) จะมีบ้างที่วัดกันที่ความถี่ 1KHz ซึ่งมักจะมีกำกับบอกไว้
2.ทำไมหูฟัง impedance สูงมักจะให้เสียงดีกว่าต่ำ อันนี้ต้องดูที่โครงสร้างหูฟัง มันจะเป็นขดลวดพันอยู่บนแม่เหล็ก ซึ่งตามที่เรียนกันมาจะรู้กันว่าส่วนที่ทำปฎิกริยากันคือ ขดลวด(L) กับสนามแม่เหล็ก ไม่ใช่ ความต้านทาน(R)กับสนามแม่เหล็ก ทีนี้การที่ impedance ของหูฟังเพิ่มขึ้น หมายถึงจำนวนรอบของขดลวดต้องเพิ่มมากขึ้นผลคือค่า L มากขึ้น สุดท้ายอัตตราส่วนของ L/R (ความเป็นขดลวดต่อความต้านทาน) จะเพิ่มขึ้น การตอบสนองต่อความถี่และการสร้างสนามแม่เหล็กก็จะเพิ่มขึ้น เสียงจึงน่าจะดีขึ้น(ใช้คำว่าน่าจะเพราะมันมีเรื่องของกรวยลำโพง ชนิดของแม่เหล็ก และองค์ประกอบอื่นๆอีกมาก)
3.เรื่อง impedance ของแอมป์ที่บอกว่าคือ &dquot;ความต้านทานที่บริษัทแนะนำ และจะได้กำลังขับตามที่ระบุ&dquot; อันนี้ไม่จริงครับ เพราะ impedance ของ amp คือจุดที่บริษัทออกแบบมาเพื่อที่จะขับที่ความต้านทานนั้นๆเลย การใส่หูฟังไม่ตรง impedance ของแอมป์มีผลได้ตั้งแต่หูฟังไม่ดัง เสียงเพี้ยน จนถึงแอมป์พังครับ
กับหูฟังคงไม่เท่าไรเพราะกำลังขับต่ำ แต่ถ้าเป็นแอมป์บ้าน ออกแบบมาที่ 8 OHM แล้วเอามาใส่ 4OHM(ลำโพงรถยนต์บางตัวจะมีค่านี้) เปิดดังๆแอมป์ไหม้นะครับ ส่วนสำหรับแอมป์หลอดก็จะมีการพันขดลวดมาให้ได ้impedance สำหรับค่านั้นๆเลย หากใช้โหลดต่ำกว่าจะมีการดึงกระแสจากทางเอ้าท์พุทมากจะมีปัญหาในระยะยาวได้
สำหรับในเรื่องของวงจรคนที่ทำวงจรจะรู้ว่าสัญญาณในวงจรจะประกอบด้วยสองส่วน คือ กระแส และ แรงดัน การขยายแรงดันนั้นง่าย ใช้ opamp ทั่วไปก็จะได้รูปคลื่นสัญญาณที่ใหญ่ขึ้นและสวยงาม แต่พอจะมาขับโหลดให้มีกระแสมากขึ้นมันจะยาก ลองคิดแบบเปรียบเทียบง่ายๆคือ ถ้าคุณเขย่าหม้อเปล่าๆเร็วๆคุณย่อมทำได้ไม่ยาก แต่ถ้าหม้ออันนั้นใส่น้ำอยู่เต็มล่ะ เขย่ายากแน่ๆ แอมป์ก็เหมือนกัน การขับที่กระแสสูงทำได้ยากกว่า จึงทำให้แอมป์สำหรับขับหูฟังโอมห์สูงนั้นสามารถทำเสียงที่ได้รายละเอียดมากกว่า(เพราะใช้แรงขับน้อยกว่านั่นเอง) แต่ขณะเดียวกันแอมป์สำหรับโอมห์สูงก็ต้องใช้แรงดันที่สูงกว่าทำให้มีปัญหาเรื่องแหล่งจ่ายไฟที่จะไม่สามารถทำเป็นแบบพกพาได้
ทีนี้จะเห็นได้ว่า แอมป์สำหรับโอมห์สูง อาจจะขับหูฟังโอมห์ต่ำไม่ไหวเพราะกระแสไม่พอ ในขณะที่แอมป์สำหรับโอมห์ต่ำอาจจะขับหูฟังโอมห์สูงไม่ไหวเหมือนกันเพราะแรงดันไม่พอ
การใส่สายเพิ่มโอมห์ก็เพื่อลดกระแสที่จะเข้าหูฟังโอมห์ต่ำเพื่อจะใช้กับแอมป์ที่ มu impedance สูงกว่าได้ เมื่อมัน match กันก็จะให้เสียงที่ตรงกับที่ออกแบบมาที่สุดครับ และเมื่อกระแสลดลงแอมป์ก็ใช้พลังในการขับลดลงก็จะได้เรื่องความว่องไวในการเปลี่ยนรูปสัญญาณมา(เหมือนเอาน้ำในหม้อออกเสียบ้าง ก็ย่อมทำให้เราเขย่าได้เร็วขึ้น) เราก็เลยฟังออกว่ามันใสขึ้นเป็นต้น
4.ทำไมสายโวลลุ่มที่มากับหูฟังทำไมมันทำให้เสียงแย่ลง
อันนี้มีหลายเหตุผล เช่นตัวต้านทานภายในเป็นแบบ film carbon ซึ่งเป็นที่รู้กันสำหรับนักอิเลคว่ามันเสียงห่วย ถ้าใช้ทำ r ก็ได้แค่ r 5% ถูกๆเท่านั้น ผิดกับ r ที่ใช้ในแอมป์ทั่วไปที่เป็นแบบ metal film นี่ยังไม่นับ r ไฮโซที่ใช้ในสายเพิ่มโอมห์ที่จะยิ่งเสียงดีขึ้นไปอีก
แล้วยังมี
เรื่องของ impedance ของเครื่องเล่นที่ใช้ขับอีกด้วย ที่ส่วนมากจะออกแบบมาให้ขับที่ 20-32 Ohm ทีนี้พอเราไปใส่โวลลุ่มคั่นไว้มันก็จะเป็นการเพิ่ม impedance มันก็เลยไม่แมทซ์กัน(อาจจะทำให้ player ขับแรงดันได้ไม่ถึง หรือ กระแสที่จะไปขับหูน้อยเกินไป)เสียงก็เลยดรอบลงอีกส่วนนึงครับ
ไว้เดี๋ยวเย็นๆกลับมาต่อครับต้องไปทำงานแล้ว ใครมีอะไรจะแย้งก็ตามสบายนะครับ พอดีผมไม่ได้ตั้งตัวเป็นกูรูแบบห้ามเถียง เอาเหตุผลมาแชร์กันได้ประสพการณ์ดีครับ หรือท่านใดจะถามอะไรเพิ่มเติมก็ยินดีนะครับ
และหวังว่ากระทู้นี้คงจะไม่เป็นการให้ความรู้แบบผิดๆกับท่านใดนะครับ หากผิดพลาดประการใดก็ต้องของอภัยด้วยครับ