Dynamic Normalizer สำหรับผมว่ามันหลอกหูนะ

เสียงมันเหมือนกันหมดเลย ทำให้ฟังเพลงที่ทางผู้ทำเขาต้องการให้เราฟังผิดไปจากเดิม

อันนี้ความเห็นส่วนตัว หูใครหูมันน่ะ

ส่วนตัวผมเปิดครับ.....

ผมเห็นด้วยกับคุณ Altimisครับ บางเพลงเขาตั้งใจให้ดังไม่เท่ากัน กลับกลายเป็นดังเท่ากันทั้งเพลงซะงั้น

Dynamic Normalizer มันช่วยคุมระดับความดังของแต่ละเพลงให้ใกล้เคียงกันหนิครับ ไม่ได้เกี่ยวกับปรับคุณภาพเสียง ส่วน Clear Stereo มันช่วยแยกซ้ายขวาให้ดีขึ้นฮะ

ส่วนตัว ปิดเสียงดีกว่าเปิดครับ คิดว่าโซนี่ยังไม่สำเร็จสมบูรณ์ในฟังก์ชันนี้ครับ

ปิดไดนามิคครับ

Dynamic Normalizer เท่าที่ใช้มัน boost เสียงที่เบาให้ดังขึ้นครับ แล้วมันลดเสียงที่ดังโดดให้เบาลงครับผลคือเสียอรรธรถในการฟัง ดังความเห็นข้างบนเหมือนช่วงจาก 0-100 เหลือแค่ 35-80
จากเสียงกระซิบดังเป็นพูด จากเสียงตะคอกเหลือแค่พูดดัง ซึ่งมันห่วย ต้องปิดเลย สำหรับผม

Dynamic Normalizer อันนี้ผมไม่เปิดครับ

ระบบนี้ช่วยปรับให้แต่ละเพลงดังเท่าๆกันนะครับ
อย่างบางเพลง หรือบางอัลบั้ม อัดเสียงดัง-เบามาไม่เท่ากัน
เราจะได้ไม่ต้องมาคอยปรับ volume ขึ้นๆลงตามเพลงที่เปลี่ยนไป

แต่ว่าผมว่าไม่ค่อยจำเป็นเท่าไหร่ และแต่ละเพลงเสียงมันก็ไม่ได้ดังต่างกันขนาดนั้น


คือระบบนี้ถ้ามันจะบูสท์ให้ดังขึ้น มันก็บูสท์ทั้งเพลง
ถ้าจะลดให้เบาลง ก็ลดทั้งเพลง

ไม่เกี่ยวกับการปรับแต่งรายละเอียดเครื่องดนตรี หรือย่านต่างๆภายในเพลงให้เท่ากันเน้อ

Dynamic Normalizer ถือเป็นลูกเล่นด้วยความปรารถนาดีจากโซนี่ครับ เผื่อบางคนตกใจกับระดับเสียงที่เปลี่ยนแปลงไป ต้องคอยลด ๆ เพิ่ม ๆ volume

แต่ถ้าบางคนเก๋าแล้ว ไฟล์เพลงระดับนี้คงได้รับการคัดกรองมาดีเยี่ยม ไม่เป็นปัญหาสำหรับระดับพระกาฬ 555+

มีไว้แล้วไม่ได้ใช้ ดีกว่าจะใช้แล้วไม่มีนะฮว๊าฟฟฟ :D

Dynamic Normalizer ไม่เปิดครับ :)

มีให้เปิด ผมเปิดหมดครับ อิอิ

เหตุผลตามคห.8Dynamic ผมเปิดครับเพราะผมเคยเจอเพลงเดียวกันคนลองเดียวเดียวกันเวอร์ร์ชันเดียวกันแต่อยู่CDคนละอัลบั้มเสียงดันดังไม่เท่ากัน--*
ส่วนClear Bassนี่บางทีปิดบางทีเปิดครับแล้วแต่อารมณ์

*ร้อง
ถ้าถามว่าทำไม ถึงใส่เพลงซ้ำเพราะผมลากไฟล์ลงเครื่องครับบางทีก็เบลอๆ+ผมมีปัญหากับX-Av SonicstageVที่รู้สึกว่ามันclashบ่อยมาก :(

สำหรับผมไม่เปิดครับ ตัวClear Stereo ไว้ใช้กับหูของโซนี่หรือเปล่าไม่รู้ ไฟล์เพลงดีๆไม่น่ามีปัญหาครับ(มั่วๆเอาครับ)

ขอบคุณจขกท.มากๆ ครับ เดิมผมไม่เคยเทียบเสียงกันเลยระหว่าง On กับ Off ในฟังค์ชั่น Dynamic Normalizer เพราะคิดว่ามันแค่ปรับให้เพลงในแต่ละอัลบั้มให้ระดับเสียงเท่ากัน แต่หลังจากอ่านกระทู้นี้ ผมลองเปิดเพลงฟังไว้แล้วไปปรับดูระหว่าง On กับ Off พบว่าหลังจากที่เลือก Off ไป ผลคือ เสียงเบาลงกว่าเดิมเล็กน้อย แต่ได้มิติชัดลึกที่ดีขึ้นมาก และมีความเป็นสามมิติสูงกว่าเดิม กลับกัน เมื่อเลือก On จะกลายเป็นว่า เสียงดังขึ้น และเสียงแต่ละย่านในเพลงนั้นๆ กลับแย่งกันเด่น เสียงอะไรที่อยู่ไกลก็กลับมาอยู่ใกล้ ชัดพุ่งกว่าเดิม เป็นแบบเดียวกันทุกย่าน โดยรวมแล้วการปิดฟังค์ชั่น Dynamic Normalizer จะช่วยเพิ่มความเป็นดนตรีและทำให้เพลงมีความเป็นธรรมชาติมากกว่าเปิดมากๆ ครับ

DSEE ก็มีผลนะครับลองเทียบดู ส่วนตัวปิดดีกว่าครับ มี Clear stereo ที่โอเคกว่าครับเวลาเปิด

เรียนคุณ converse คห.16 ผมลองดูในส่วนของ DSEE ที่โซนี่เคลมว่าจะช่วยชดเชยย่านเสียงสูงที่ถูกบีบอัดให้เทียบเท่าต้นฉบับ พบว่าถ้าเป็นไฟล์บิทเรทสูงๆ เช่น AAC 512kbps ไม่ค่อยมีผลมากเท่าไรครับ จะมีผลมากกับไฟล์ MP3 128kbps ซึ่งผมคิดว่า ถ้าใช้ไฟล์บิทเรทสูงอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเปิดฟังค์ชั่นนี้ก็ได้ แต่กับไฟล์บิทเรทสูงๆ ที่ลองมา พบว่า การเปิด DSEE จะทำให้อิมเมจเสียงใหญ่ขึ้นมานิดนึง ดูนักร้องเข้ามาใกล้เรามากขึ้นนิดนึง เสียงต่างจากเดิมเล็กน้อยประมาณ 10% ได้ ผมไม่แน่ใจว่าการเปิด DSEE ทำให้กินไฟเพิ่มขึ้นมากน้อยขนาดไหน แต่ผมเลือกเปิดไว้เพราะคิดว่าความต่างตรงจุดนี้ไม่ค่อยมีนัยกับผมเท่าการเปิด Dynamic Normalizer ที่ทำให้ผมรู้สึกว่าระหว่างเปิดกับปิด ถ้าใช้หูที่ไวต่อเสียงสูงๆ หน่อยจะพบว่ามันต่างกันประมาณ 30-50% เลยทีเดียว จากที่ลองฟังเทียบกันไปมาโดยส่วนตัวคิดว่าชอบเสียงแบบไม่เปิด Dynamic Normalizer มากกว่าครับ :)

ผมเลือกเปิด DSEE ครับ เพราะในเครื่องมีตั้งแต่ไฟล์ 128 ถึง 1411 เลยครับ

ผมก็เปิด DSEE ตามเหตุผลเดียวกับคุณ oname2 เลยครับ

ผมเปิดหมดครับ อิอิ

ปิดหมดเลยครับ ชอบแบบเสียงเดิมมากกว่า ปรับแค่ EQ อย่างเดียว

ผมเปิดหมดครับ