
ขอกล่าวที่มาที่ไปของเจ้าตัวนี้ก่อนนะครับ เจ้า GoVibe miniBox Amplifier ซึ่งในงาน canjoin ที่ผ่านมานั้น
ทาง Jaben ได้นำเจ้าตัวนี้มาแสดงโชว์ที่งานนี้งานแรก ยังไม่เปิดตัวที่ไหนเลยว่างั้นเถอะ!! ซึ่งผมก็ยืนขายของอยู่บู๊ทตรงข้าม ทาง Jaben เค้าล่ะครับ แล้วไปเห็นเจ้าตัวนี้พอดี เลยลองฟัง...ผมถามเลยขายเท่าไหร่
ทาง Jaben เค้าไม่ขายให้ล่ะครับ เพราะอันนี้เอามาโชว์ ยังไม่มีขายที่ไหนเลย!! แต่…ผมก็ขอเอามาลองก่อนล่ะจ้างานนี้ เพื่อจะได้เอามาแบ่งปัน แนวทาง และ ของเล่นใหม่ๆ ให้เพื่อนๆ ทั้งขาใหม่ และ ขาเก่าที่เต๊ะปี๊บ ยังดัง~ ป้าบๆ อยู่ล่ะครับ 555
หลังจากเอามาดองไว้นาน วันนี้ก็ได้ฤกษ์มารีวิวให้เพื่อนๆ ได้ฟังล่ะครับ
เริ่มจาก ประวัติ หน้าตา เสียง ข้อดี ข้อเสียก่อนล่ะกันครับ แล้วค่อยจบเรื่องราคา(แอบไปปิดปากเอาปืนฉีดน้ำจี้ ถามมาล่ะครับ ฮ่าๆ)

เริ่มจากประวัติครับ minibox ตัวนี้ ได้พัฒนามาจาก เจ้าตัว minibox ตัวเก่าล่ะครับ(กล่องเหลียม) วงจรข้างในยังแน่เอียด งงตึ๊บๆ เหมือนเดิมล่ะครับ แก้ไขอะไรไม่ได้เลย(ก่ะจะแอบมาโมครับ ฮ่าๆ) ขอบอกว่า ถ้าใครคิดว่า เหมือนตัวเดิมไหม บอกได้เลยว่าตัวนี้ไม่เหมือน minibox รุ่นเก่าแน่นอนครับ หุหุ

ส่วนมาเข้าเรื่องหน้าตา ของเจ้าตัวนี้กันครับ
ตัวนี้ใครคิดว่าเหมือน เจ้า fiio 3 บอกได้เลยว่าแตกต่างครับผม อันนี้ เป็น เนื้อโลหะอย่างดีครับผม ไม่ใช่เศษบางๆพลาสติกครับ รอบๆตัวนะครับ จะไม่อะไร นอกจาก ช่องเสียบ phone input ช่องเสียบไฟครับ และไฟแสดงเปิดปิด ชาร์ตแบตครับ ไม่มีvolume เพราะเป็นตัวขยายอย่างเดียวครับ ใครคิดจะเสียบ dock-mini ต้องอดไปล่ะจ้า หุหุ
เรื่องสีเจ้าตัวนี้ได้ข่าวมีสองสีครับ สีโลหะ แบบนี้ล่ะครับ กับสีดำเนื้อโลหะเหมือนกัน สวยทั้งคู่ครับผม(แต่แอบชอบสีดำมากกว่าครับ)

หลังจากโม้มานาน ขอเข้าเรื่องเสียงที่อยากบอกก่อนล่ะครับผม หุหุ
การทดลองฟังนะครับ ผมเลือกฟังกับหูฟังตัวโปรดก่อนครับ PK1 เพราะเป็นหูที่ คาแรคเตอร์ออกแนว flatครับ เบสมาไม่เยอะไป ไม่มากไป ย่านเสียงอยู่แนวโทนกลางๆครับ สายผมใช่สายเดิมๆครับ เพื่อจะไปเป็นกลาง ไม่ใช้สายโมครับผม พอไม่ทันขาดคำผมก็เสียบฟัง โดยยืนฟัง นั่งฟังนอนฟังเลยล่ะครับให้ได้หลายๆอารมณ์ ฮ่าๆ
(อยากแอบบอกว่าขับ PK1 ได้นะครับชัดเจนเลย)
เพลงแรกที่ได้ลองกับเพลง Hotel California ร้องโดย Eagle ครับ เพลงนี้ส่วนใหญ่เอาไปทดสอบกับ หูฟัง และแอมป์ครับผม เสียงเพลงที่ได้มีความเปลี่ยนแปลงพอสมควรครับ อย่างแรกเลยครับ เสียงโซโล่กีตาร์ ดูเด่น จับต้องหัวโน๊ตได้ชัดเจนขึ้นครับ ไม่มีแนวเบสกระแทกกระทั้น ออกมาให้ได้ยิน แต่อย่างได้
สเตจที่ได้จะดูกว้างขึ้น เสียงโอบล้อมไปรอบๆหัวกว่าเดิมครับ นักร้องเขยิบเข้ามาใกล้มากขึ้่น เครื่องดนตรี ได้รายละเอียด ระยิบระยับ ไม่ทำให้เครื่องดนตรี ย่านเสียงทับกันจนอู้อี้ๆครับ ถือว่าอัพขึ้นมาในหลายๆย่านครับ
มาแนวลงลึกถึงเสียงที่ได้นะครับ อันดับแรกเลย เสียงกลางที่แหลมๆ เบาๆบางๆ ได้เสียงได้เนื้อมีน้ำมีนวลขึ้นครับ เสียงกลางมีเนื้อเสียงที่เปิดขึ้นครับ นุ่ม หวานครับ สเกลเสียงที่ได้ทุกอย่างมีการอัพขึ้นเป็นรูปเป็นร่างครับ นักร้องเสียงร้องทอประกายไปได้ไกลขึ้น ขึ้นเหนือหัวได้ครับ เสียงใสเสียงต่ำ แสดงรายละเอียดได้ชัดครับ ไม่บาดหูแต่อย่างใด อัพขึ้นแต่ไม่มากเท่าไหร่ ขึ้นมานิดนึงในย่านนี้
เพลงถัดมา When Love Kills Love ของ Scorpions ครับ
เสียงที่ได้คือ การแยกมิติของชิ้นดนตรีทำได้ดี ไม่มีการตีกันของเครื่องดนตรี ประกายจากแฉและฉาบก็ออกมากได้ดีครับ ไม่แหลมบาดหูครับ ส่วนเบสอันนี้ได้ออกมาเป็นลูกๆ โดยไม่ตีกับย่านของกีตาร์, เบส และรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ก็เก็บได้ค่อนข้างครบถ้วนครับ
เพลงสุดท้ายจะแนว Metal -Avenged Sevenfold # Nightmare
เสียงเครื่องชิ้นดนตรีที่ขึ้นอินโทร ออกมาตอนแรก ชัดเจนขึ้นครับทำได้ดีครับ เสียงบาดของ สแนร์ ฉาบ อะไรพวกนี้ ฟังแล้วขึ้นเหนือหัวครับ และเมื่อจังหวะกลองและเนื้อร้องชายขึ้นมา บรรยากาศแรกที่นึกถึงคือบรรยากาศของ ของวงรอบตัวครับ การกระแทกของกลองจากเพลง ทำได้มันส์ครับ ฟังไม่ล้าหู ไม่แสบหูแต่อย่างใดครับ ก็ยังตอบสนองได้ดีและเสียงร้องสูงๆ ฟังมันส์ได้อารมณ์ของ Metal ครับ
[img]http://image.free.in.th/z/ii/dsc_6204copy.jpg[img]
มาถึงการประเมินในภาพรวมครับ
เสียงสูง (+5 จากเพลง) ที่ได้ไปได้ไกลขึ้น ฟังสบายไม่บาดหู แต่อย่างใด แต่ได้ความรู้สึกที่ต่างออกไปจากเดิมเพราะดนตรีทอประกายขึ้นไปเกือบเหนือหัว
เสียงย่านกลาง(+8 จากเพลง) อิ่มหนา หวานนุ่ม คัลเลอร์ครับ เป็นรูปร่างเปิดเผย ทั้งขนาดตัวโน๊ต และยกระดับสเกลขึ้นมากว่าเดิมให้อยู่ใหญ่โตขึ้น นักร้องจะดูเสียงมีพลังกว่าเดิมครับ กลองกับสแนร์ฟังมันส์ ได้ยินเสียงหนังกลองชัดเจนครับ
เบส (+6 จากเพลง) ทำได้ดีมากครับ ชัดเจนขึ้นทุกตัวโน๊ตและตัวอักษร ฟังมันส์ครับ ไม่ออก แผละๆ แปะๆ แต่เป็นตุ๊บๆ ที่มีคุณภาพครับช่วง อัพเปอร์เบส ถึงช่วงมิดเบสครับ
ย่านเสียงต่ำ (+4 จากเพลง) เสียงต่ำจะขึ้นชัดเจนมาน้อยกว่าย่านอื่นครับ แต่ได้ยินความชัดเจนมากขึ้น แต่ความชัดเจนนั้น ไม่ไปรบกวนย่านอื่น ซึ่งถือว่า เป็นเสียงต่ำที่เพิ่มขึ้นระดับกลางๆไม่มากไม่น้อยครับ
มาถึงข้อดีข้อเสียครับ
ข้อดี
-พกพาง่ายสะดวก (อันนี้เหมาะกับคำว่า amp พกพามากๆครับ)
-แบตเตอรี่ ยาว ถึง 20 กว่าชั่วโมงครับ
-ตัดไฟเมื่อไฟเต็ม !!! ชาร์ตไฟสองชั่วโมงเต็มครับ
-รูปร่างกะทัดรัดเท่าไฟแช็ค
-Gain สูงขับ Pk1 ได้หมด
ข้อเสีย
-เป็นรอยง่าย เพราะเนื้อเป็นโลหะ
-ต่อ D2m ไม่ได้ ไม่มี Volume
-ตัวหนีบชอบหลุดบ้างบางเวลา
ราคาค่าตัวนั้นผมยังไม่ทราบจริงๆ แต่เค้าประมาณ 1.5-2.5k
เพราะของยังไม่มีขายที่ไหนใน โลกเลยครับมีแต่ตัวโชว์ครับ
ผมก็แอบจิ๊ก มารีวิวให้ฟังได้ครับ ฮ่าๆ กลัวพี่ ณพัช จะมาไล่เตะจริงๆ หุหุ
ถ้าให้เทียบใน หมู่ amp ด้วยกัน กิน Fiio เรียบเป็นหน้ากอง ทุกตัวครับเล็กยันใหญ่ครับ
ส่วนยี่ห่ออื่นนั้น ผมไม่เคยเทียบ
ถ้าให้เทียบ กำลังขับนั้นเหลือหลายครับ pk1 หมดครับ
ผมลองแกะมาแล้ว บอกได้เลยว่า ตัวนี้ไม่ใช้ cmoy แน่นอนครับ มี opamp 3ตัว และชิพเสียงของมันเองครับ เด็ดมากๆครับ หุหุ โมอะไรเพิ่มไม่ได้เลย
แต่บอกได้ว่า ตัวนี้ มาแนว ALO MKII เลยล่ะครับ ไปลองนั่งฟังเทียบมาแล้วล่ะครับ
ขอจบการรีวิวมั่วๆเท่านี้ล่ะคร้าบบบบ อิอิ
ปล.ใครอยากลอง นัดลองได้นะครับ ผมจะอยู่แถวสยาม กับพันทิพประตูน้ำช่วงบ่ายๆเย็นๆล่ะครับ