สารพัดโรคเลยล่ะครับ

มากครับ ,, กระดูกจะพรุนตอนแก่ แต่ที่จะเห็นได้ง่ายคือ โรคกระเพาะ กรดไหลย้อน,,เมื่อก่อนผมติดเหมือนคุณ ตอนนี้เลิกครับ กินนิดเดียวก็ปวดแล้ว ผนังกระเพาะมันบาง โอกาสที่โรคทางเดินอาหารก็จะมากกว่าเขาด้วย แนะให้เลิกครับ พอเป็นแล้วโอกาสที่จะหายเป็นปรกติยากมาก!!

ควรเลิอกครับ ผมเองเลิกมาร่วม 10 ปีแล้วล่ะจ้าๆๆๆๆ คนที่ออกมาบอกว่าดื่มน้ำอัดลมแล้วไม่ดีก็คือคุณ อิทธิ พลางกูรล่ะครับ

น้ำอัดลมทำให้กระดูกพรุนหรือไม่

เป็นเวลาช้านาน ที่ทางการแพทย์เชื่อกันว่าการดื่มน้ำอัดลมหรือพวกเครื่องดื่มที่มีฟองฟู่ (เช่น โซดา) เมื่อกินเป็นเวลานานๆ จะส่งผลให้เกิดโรคกระดูกพรุนในที่สุด

ทฤษฎีที่น่าเชื่อถือคือ การที่ในน้ำอัดลมนั้นมีกรด phosphoric ซึ่งจะไปรบกวนการดูดซึมแคลเซียมในทางเดินอาหาร และยังมีฤทธิ์ไปดึงแคลเซียมออกมาจากกระดูกได้อีกด้วย

เคยมีงานวิจัยหลายๆอันที่ทำการศึกษาถึงความสัมพันธ์ของการดื่มน้ำอัดลมและภาวะกระดูกพรุน แต่ยังไม่มีอันไหนที่สามารถสรุปได้อย่างชัดเจน

จนกระทั่งงานวิจัยล่าสุด (ปี 2006) ได้ศึกษาถึงผลกระทบเรื่องกระดูกพรุนในคนที่ดื่มน้ำอัดลมบ่อยๆ โดยข้อสรุปที่ได้คือ ผู้หญิงที่ดื่ม Cola บ่อยๆ จะมีแนวโน้มกระดูกพรุนมากขึ้น

สิ่งสำคัญที่เราได้จากงานวิจัยชิ้นนี้คือ
1. ในผู้ชายที่ดื่มน้ำอัดลม ไม่มีความแตกต่างว่าจะมีภาวะกระดูกพรุนมากขึ้น
2. คนที่ดื่มเครื่องดื่มอื่นๆ นอกเหนือจาก Cola ไม่มีภาวะกระดูกพรุนมากขึ้น

ซึ่งพอจะสรุปคร่าวๆได้ว่า การดื่มเครื่องดื่ม soft drink นอกเหนือจาก Cola ไม่ส่งผลให้เกิดภาวะกระดูกพรุนมากขึ้นแต่อย่างใด

ทำให้ผู้เชี่ยวชาญบางคน พุ่งประเด็นไปที่สาร Caffeine ที่มีใน Cola (และพบมากในชา กาแฟ) อาจจะเป็นสาเหตุให้เกิดโรคกระดูกพรุนได้ เพราะสารนี้มีสมบัติที่จะเพิ่มการขับแคลเซียมออกจากร่างกายมากขึ้น (แต่ผู้เชี่ยวชาญบางคน ก็ให้ความเห็นว่า Caffeine เองก็มีฤทธิ์ในการขับแคลเซียมออกจากร่างกายไม่มากนัก ไม่น่าจะทำให้ถึงขนาดเกิดดรคกระดูกพรุนได้)

นอกจากนี้ยังมีข้อโต้แย้งทฤษฎีเรื่อง phosphoric ว่าในอาหารมากมายหลายๆชนิด ก็ส่งผลให้ร่างกายมี phosphate มากขึ้น แต่ก็ไม่ได้ส่งผลให้เกิดกระดูกพรุน และการดื่มเครื่องดื่มเหล่านี้ ส่งผลให้ร่างกายเรามี phosphate เพิ่มขึ้นไม่มากนัก

สรุป
เรายังไม่สามารถฟันธงได้ว่า การดื่มน้ำอัดลม จะส่งผลให้เกิดโรคกระดูกพรุนได้
กลไกการเกิดกระดูกพรุนนี้ อาจไม่ได้เกิดจากสาเหตุหนึ่งสาเหตุใดเดี่ยวๆ จึงควรพิจารณาจากหลายๆสาเหตุร่วมกัน เช่น การได้รับแคลเซียมอย่างพอเพียง+การขาดวิทามิน D+ภาวะหมดประจำเดือนในผู้หญิง+การควบคุมน้ำหนัก+การออกกำลังกายที่เหมาะสมและสาเหตุอื่นๆอีกมากมายที่เกี่ยวข้องกับภาวะกระดูกพรุน
แต่จากงานวิจัยดังกล่าว ก็พอจะบอกได้ว่าสำหรับผู้หญิงก็ควรจะบริโภคให้น้อยลง เพื่อลดความเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุน

และถึงแม้มันจะไม่มีผลต่อโรคกระดูกพรุนโดยตรง น้ำอัดลมก็ยังส่งผลเสียต่อสุขภาพด้านอื่นๆอยู่ดี ถ้าไม่มีความจำเป็น ไม่ดื่มได้ก็จะดีต่อสุขภาพมากกว่าครับ

ที่มา > http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=marquez&month=14-01-2007&group=7&gblog=8

^
^
^
ขอบคุณสำหรับความรุ้ดีๆ ครับ

เอาน้ำอัดลมตั้งไว้หัวเตียง แล้วตัดเล็บไส่ลงไป ตื่นมาตอนเช้าแล้วดูละกัน ท่าฟันหัก ลองกับฟันได้ยิ่งชัดเลย

^
^
^
เคยลองแล้วครับ เล็บยังอยู่ดี ส่วนฟันอาจมีผลตอนที่น้ำยังมีสภาพเป็นกรดมีฟองขึ้นเล็กน้อย (ใส่น้ำส้มสายชูเห็นชัดกว่า) เนื่องจากฟันและเล็บ ประกอบไปด้วยแคลเซี่ยม จะทำปฏิกิริยาเมื่อเจอกรดอยู่แล้ว(ดูในโฆษณาคอลเกตได้) กรดคาร์บอนิกในน้ำอัดลม มันจะสิ้นสภาพเมื่อ ก๊าซหมดครับ ซึ่งก็ใช้เวลาไม่นานมาก เนื่องจากในแรงดันปกติ CO2 จะแยกตัวออกจากน้ำ มีอย่างเดียวคือมดขึ้น

ที่อันตรายจริงๆในน้ำอัดลมคือ น้ำตาลมากกว่าครับ กินบ่อย เกิดพฤติกรรมติดความหวาน กินมากๆถ้าไม่ดื่มน้ำหรือกลั้วปากก็ทำให้ฟันผุ ดื่มมากเกินไป อ้วน และอาจทำให้เป็นเบาหวานได้

อย่าเชื่อ ฟอเวิร์ดเมลมากนัก ส่วนใหญ่ มั่ว

^__^

กินเหล้า + น้ำแข็ง = มะเร็งตับ
กินเบียร์ + น้ำแข็ง = มะเร็งตับ
กินวิสกี้ + น้ำแข็ง = มะเร็งตับ
กินน้ำอัดลม + น้ำแข็ง = โรคกระเพาะ

เช่นนี้แล้ว....

เรายังจะกิน "น้ำแข็ง" กันอีกหรือ ?!?!?!? 555

กินน้ำแข็งเปล่า = เสียว

เช่นนี้แล้ว ผมยืนยันว่าจะกินต่อไปละครับ 555

ตามหลักการทางโภชนาการแล้ว มันทำลายผนังกระเพาะน้อยมากครับ
เพราะกระเพาะสร้างมาเพื่อทนทานต่อสภาวะกรดรุนแรงอยู่แล้วคาร์บอนิก เป็นเรื่องจิ๊บ ๆครับ

อันตรายจากน้ำอัดลมจริง ๆ คือสีสันที่ปรุงแต่ง กับน้ำตาลมากกว่าครับ
น้ำตาลนอกจากจะทำให้อ้วน มันยังส่งผลให้ปฏิกิริยาของคาร์บอนิกคงสภาพได้นานมากขึ้น
แม้กระทั่งผ่านกระเพาะลงไปลำไส้ มันก็ยังคงสภาพได้ อาจทำลายระบบดูดซึมของลำไส้เล็กตอนต้นได้ครับ สำหรับท่านที่มีปัญหาโรคลำไส้ด้วยยิ่งอันตราย

สรุปคือ ไม่อันตราย ไม่ห้าม แต่ควรทานแต่พอดี ไม่ใช่กินแทนน้ำ อย่างตัวผมเองก็ขาด pepsi max ไม่ได้ครับ วันล่ะ 1.25 ลิตรลงท้องตลอด แต่ก็ทานน้ำเยอะเช่นกัน

ที่สำคัญคือไม่ควรทานตอนท้องว่างครับ มีโอกาสที่มันจะ direct ตรงเข้าลำไส้เล็กตอนต้นค่อนข้างสูงครับ

ระหว่างน้ำอัดลมที่ทานเข้าไป กับน้ำย่อยที่เราอาเจียนออกมา รับรองว่าถ้าท่านเอาเหรียญมาแช่ทิ้งไว้ เหรียญจะหายตัวไปกับน้ำย่อยเราซะก่อนครับ

ดื่มน้ำอัดลมมากๆ จะอิ่ม อาจจุกหรือแน่นท้องได้ครับ ผลข้างเคียงคือฉี่บ่อย แถมเรอด้วย

อันนี้แซวเล่นครับ 555+


กินมากไม่ดีครับมันจะติด เพราะมีคาเฟอีน น้ำอัดลมเหมาะกับตอนหิวกระหายน้ำมากกว่าครับ
แต่อย่ากินแทนน้ำเปล่า

กินมากๆจะทำให้เปลืองครับ
ดังนั้นเราควรเน้นกินสุราแบบเพียวๆกันดีกว่า

กินน้ำเปล่าดีที่สุดครับ

จขกท.ควรลดปริมาณลงครับ ค่อยๆลด อยู่ๆไม่กินเลยอาจหงุดหงิดได้ จากนั้นก็ไม่กินบ่อยหรือถี่มากแบบนี้ครับ
น้ำอัดลมมีน้ำตาลอยู่เยอะมากครับ ที่เสี่ยงคือเบาหวานกับมะเร็งลำไส้ เบาหวานนี่ความอ้วนผอมไม่เกี่ยวนะครับ มันเป็นการผิดปรกติกของฮอร์โมนที่จะช่วยเปลี่ยนน้ำตาลในเลือดไปเก็บเป็นไกลโคเจน(สำรองพลังงาร) ถ้ามันผิดปรกติน้ำตาลจะไม่ถูกเก็บทำให้น้ำตาลในเลือดสูง อันตรายมากครับ อีกอย่างคือมะเร็ง สารที่อยู่ในน้ำอัดลม พวกสารแต่งสี/กลิ่น รส นี่แหละตัวดีเลย สะสมในลำไส้ จะเห็นผลในระยะยาวครับ ไม่เป็นทันทีทันใด
ส่วนอันตรายจากกรดคาร์บอนิคนี่เป็นไปไม่ได้ครับ กรดไฮโดรคลอริกที่เราหลั่งตอนย่อยอาหารยังแรงกว่าหลายเท่า แต่ถ้ากินตอนท้องว่ากระเพราะจะไม่มีเมือกเคลือบ อาจกัดกระเพาะได้เล็กน้อย

ผมว่า น้ำอัดรม ถ้าจะดื่มให้ดีควรดื่ม ตอนกินกระเพาไก่ไข่ดาวนะครับ 555+

เพราะมันเข้ากันมากมาย


ปอลิ่ง. ผมไม่ชอบตอนเอาน้ำอัดลมมาผสมกับเหล้าอะครับ ไม่เห็นหร๋อยเลยครับ

อะไรที่เสริมเติมแต่งมา กินมากๆมันก็ไม่ได้ทั้งนั้นแหละครับ ^^

มีใครเป็นพวกนักบริหารบ้างน่าจะรู้วิธีจัดการกับความเสี่ยง เอามาใช้กับชีวิตบ้างก็ได้นะครับ

สุดท้ายทางสายกลางดีกว่านะ ^^

ดร.โมเสส เอลิซาฟ อายุรแพทย์ หัวหน้าทีมวิจัยจากมหา- วิทยาลัยไอโออันนินา เผยว่า การดื่มน้ำอัดลมมากๆ (โดยเฉพาะ น้ำสีดำ) กำลังจะเป็นปัญหาใหญ่ เพราะนอกจากทำลายฟัน ทำให้ กระดูกผุ ส่งผลถึงระบบเมตาโบลิซึม และเป็นสาเหตุของเบาหวานแล้ว ยังก่อให้เกิดภาวะไฮโปคาเลเมียหรือโพแทสเซียมในเลือดต่ำ ทำให้ กล้ามเนื้ออ่อนเพลีย ไม่มีแรง จนอาจถึงขั้นอัมพฤกษ์ อัมพาตอีกด้วย

จาก การเก็บข้อมูลในผู้ป่วยที่ดื่ม น้ำอัดลมวันละ 2 - 9 ลิตรต่อวันต่อเนื่อง เป็นประจำ พบว่า คนไข้มาพบหมอด้วย อาการเหนื่อยล้า กล้ามเนื้อไม่มีแรง ไม่อยากอาหาร คล้ายจะอาเจียนตลอดเวลา ผลการตรวจเลือดพบ โพแทสเซียมในเลือดต่ำและมีภาวะหลอดเลือดหัวใจอุดตันร่วมด้วย แต่หลังจากให้หยุดดื่มน้ำอัดลมและหันมารับประทานอาหารที่อุดมไปด้วย โพแทสเซียมแล้ว พบว่า อาการป่วยดังกล่าวหายไป

ประมาณการกันว่า ในแต่ละปีคนทั้งโลกดื่มน้ำอัดลมราว 500 ล้านลิตร หรือประมาณ 80 ลิตรต่อ คน และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นทุกปี โดยเฉพาะชาว อเมริกันที่ดื่มกันมากถึงคนละ 200 ลิตรต่อปี

ที่มา http://www.healthandcuisine.com/

อ้อ ลืมเตือนอีกอย่างนึง ปัญหาเรื่องฟันผุจากน้ำอัดลมแก้ได้นะครับ
โดยการเคี้ยวหมากฝรั่งแบบไม่มีน้ำตาลหลังการดื่มปริมาณมาก ๆ ในทุกครั้ง
ช่วยลดอัตราการทำลายเคลือบฟันได้ดีมากครับ หลังจากนั้นแนะนำให้บ้วนปากด้วยน้ำเปล่า
แล้วจะแปรงฟันด้วยก็รอซักครึ่งชม.ครับ เดี๋ยวจะไปทำลายเคลือบฟันเอา

ระวังเรื่องการดื่มน้ำอัดลมแบบมีแอสปาเตมกับอะซิเฟมเคด้วยนะครับ
แอสปาแตมเกิดจาก แอสปาติกแอซิด + ฟีนิลอะลานิน ซึ่งแตกตัวในร่างกายด้วยปฏิกิริยากับไนตริก และโพแทสเซียมครับ ฟินิลอะลานีนปริมาณมากเกินไปอาจทำให้มึนหัวได้ เพราะมันทำตัวเป็นยากดประสาทอย่างนึงครับ หากทานแต่พอดี น้ำอัดลมแบบไม่มีน้ำตาลอาจกลายเป็นยาคลายเครียดคุณภาพเยี่ยมได้ครับ ^^

ถ้าดื่มมาก ๆ อันตรายก็มาก แต่การจัดระเบียบการทานอาหารที่ดี ก็สามารถทำให้ทานต่อไปได้เรื่อย ๆครับ หากทานพร้อมใยอาหารบ้าง จะช่วยลดสารปรุงแต่งที่ตกค้างในลำไส้ได้ครับ
ส่วนน้ำตาล อันนี้ช่วยไม่ได้ครับ

โรคที่พบได้เด่นๆ นะครับ เกี่ยวกับอาหารที่ประกอบด้วยน้ำตาลสูง หรือ พลังงานที่ไม่มีประโยชน์
ได้แก่
เบาหวาน
ความดันโลหิตสูง
ไตวายเรื้อรัง

การดื่มน้ำอัดลมที่ไม่มีน้ำตาล หรือ น้ำตาลแอลกอฮอล์ 0 calories หรือ calories ต่ำ ไม่ได้ทำให้ช่วยลดภาวะการเกิดโรคได้ครับ
กล่าวคือ เมื่อท่านดื่มเข้าไป ประสาทการรับรู้ของเราคือ มีอาหาร มีน้ำดื่ม น้ำหวานเข้าไป กระตุ้นกระเพาะอาหาร กระตุ้นต่อมรับรส กระตุ้นต่อมรับกลิ่น กระบวนการย่อยก็จะดำเนินการขึ้น ซึ่งอย่างแรกที่ทำการเผาผลาญก็คือ น้ำตาล ที่พบเป็นด่านแรกนั่นเอง แต่แล้วคุณดื่มแบบ 0 calories จึงจะทำให้ปวดท้อง หิว อยากอาหารเพิ่มขึ้น เพราะร่างกายคุณกำลังขาดทุน เสียพลังงานในการย่อยอาหารที่ไม่มีพลังงาน ผลที่ตามมาก็คือ คุณก็จะไปหาอาหารมาสนองความหิวเหล่านั้น ซึ่งสุดท้าย น้ำอัดลมไร้พลังงาน ก็ไม่ได้มีผลดีอะไรเลยครับ

จำได้ว่าน้ำอัดลมครึ่งลิตร มีน้ำตาล 13 ช้อน กินมากๆอ้วนแน่ๆครับ

กินน้ำอัดลมแล้วรู้สึกปวดตรงอกข้างซ้ายปวดมาก อ่ะค่ะ
เลยอยากจะรู้ว่ามันเป็นอะไรมากกว่านี้รึเปล่าค่ะ

ไปพบแพทย์ดีกว่าไหมครับ ?
บางทีอาจจะเจออย่างอื่นก็ได้

ผมสงสัยคล้ายๆกัน มาถามหน่อยครับ

ผมเป็นคนชอบดื่มน้ำผลไม้แทนน้ำเปล่าครับ พวกน้ำผลไม้ทิปโก้ทั้งหลาย สัปปะรด ส้ม แอปเปิ้ล องุ่น น้ำผลไม้ผสมต่างๆ หรือไม่ก็พวกนม สามสี่วันถึงหยิบน้ำเปล่ามากินสักแก้วสองแก้ว อย่างนี้จะผลอะไรรึเปล่า หรือส่งผลระยะยาวอย่างไรบ้าง ตอนนี้ผมอายุ 25ปีครับ

แย่แล้ว ....
ผมมีอาการคล้ายๆ คุณตั๊กเลย
ผมจะเจ็บตรงระหว่างหน้าอกด้านซ้ายกับหน้าท้องอะครับ แต่ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะน้ำอัดลมหรือป่าว
ผมติดโค้กมากอะครับ ดื่นวันละ 1-2 ขวดทุกวันเลย ดื่มอย่างนี้มานานมากแล้วด้วย เกือบสิบปีละ
จะเป็นอะไรใหมนิ T_T

แต่ก่อนเคยกินเยอะมากๆครับ อาทิตย์นึง 2-3ขวด ลิตร

อยู่ๆเห็นสัจธรรม หักดิบ

ได้ผลซะงั้น เลิกกินทุกวัน เลิกซื้อขวดลิตรมาไว้ในบ้าน

กินเฉพาะตอนที่ ทานข้าวในร้านอาหารหรือเวลาอยากจริงๆเท่านั้น

กระดูกพรุน ฟันผุ หรือไม่ เป็นเพียงการคาดการณ์ของนักวิชาการ ซึ่งยังไม่สามารถสรุปได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ

ข่าวลือต่างๆใน internet เกี่ยวกับน้ำอัดลมที่ผลิตมาจาก cola นั้น ล้วนไร้สาระครับ อย่างเช่น
- ตำรวจทางหลวงต่างประเทศเอาใส่แกลลอนไว้หลังรถเอาไว้ล้างเลือด
- เอาเล็บใส่ไว้ค้างคืนตื่นมาเล็บหาย(อันนี้เคยทดสอบ เห็นมันยังอยู่ดี ไม่สลายตรงไหน แต่นิ่มขึ้น ซึ่งเคยลองแช่ไว้ในน้ำเปล่า มันก็นิ่มไม่ต่างกัน
- โรคกระเพาะ ซึ่งกรณีนี้ไม่แน่ใจน่ะครับ แต่เคยมีคนบอกว่ามันกัดกระเพาะได้น้อยมาก เพราะมันซ่าเพียงแค่แป๊บเดียวเท่านั้นซึ่งผมคิดว่าจริง ลองรินใส่แก้วไว้แล้วจิ๊บไว้ทิ้งไว้แป๊บเดียว หายซ่าแล้ว และโรคกระเพาะนี่เคยอ่านเจอหรือใครเล่าให้ฟังนี่แหละจำไม่ได้ มันเกิดจากบัคเตรีชนิดนึง กรณีนี้ไม่แน่ใจน่ะครับ เพียงแต่ได้รับฟังมา
- ใช้ล้างห้องน้ำได้สะอาดกว่าน้ำยาล้างห้องน้ำ

สิ่งเหล่านี้ล้วนไร้สาระครับ บางทีมีคนเอาเรื่องโจ๊กของฝรั่งมาแปลต่อ ด้วยสาเหตุจงใจหรือภาษาไม่แข็งแรงก็ไม่ทราบครับ ทำให้เกิดข่าวลือทำนองนี้ขึ้น

แต่น้ำอัดลมมีโทษไหม มีแน่นนอนครับ กินมากอ้วน ซึ่งความอ้วนก็พาโรคร้ายต่างๆมาเสมอครับ ผมยังกินอยู่ แต่เลือกกินครับ จะกินเฉพาะตอนนี้รู้สึกโหยน้ำตาลเท่านั้นครับ หรือไม่ก็เวลาไปสังสรรค์ กินบุปเฟ่ต์กับเพื่อนก็เอาซะหน่อยครับ ไม่ใช่กินแทนน้ำเปล่าแบบบางคน

ปล. ชาเขียวแบบขวดที่ไม่ไช่ไร้น้ำตาล มีประโยชน์และโทษไม่ต่างจากน้ำอัดลม เคยมีเพื่อนผู้หญิง น้ำหนักขึ้นเอาๆ ทั้งๆที่น้ำอัดลมไม่เคยแตะ ขนมหวานหลีกเลี่ยง จุกจิกแทบไม่มี แต่คุณเธอดื่มชาเขียวแบบขวด วันล่ะสามขวด

ปล2. การดื่มน้ำอัดลมแบบสารให้ความหวานเทียม อาจส่งผลให้น้ำหนักขึ้นทางอ้อม เพราะเมื่อร่างกายได้ลิ้มรสความหวาน แต่มันไม่ใช่น้ำตาลจริง สมองจึงเริ่มสั่งการให้หาน้ำตาลจากทางอื่น ซึ่งอาจทำให้เรากินข้าวหรืออาหารจำพวกแป้งมากกว่าปกติ(อันนี้ผู้เชี่ยวชาญบอกมาอีกทีน่ะ)

อ้วนครับ เบาหวาน

เลวร้ายครับ ที่แน่ๆ น้ำตาลปริมาณมากในน้ำอัดลมทำให้อ้วนและเสี่ยงต่อโรคร้ายแรงอีกนานาประการครับ

ตอนนี้ผมกินแบบ zero อยู่นะครับ กินวันละประมาณ 1ขวดเล็ก (18.-) เต็มที่ยังไงก็ไม่ถึง2ขวด จะมีปัญหาอะไรไหมครับ?

ผมอยู่ระหว่าง ลด ละ เลิก ครับ

เดิมผมกินแทนน้ำเปล่าเลยครับ วันละ 2-3 ลิตร ได้เลย สุขภาพเริ่มไม่ดีละครับ

เลิกดื่มได้เป็นดีที่สุด ส่วนสารแอสปาแตมที่เอามาใส่แทนน้ำตาล มันก็มีโทษต่อร่างกายได้เหมือนกัน

กระดูกพรุนแน่นอนครับ
อย่าไปฟังข้อความบนๆ แล้วเกิดความสบายใจ
ว่ามันไม่เกี่ยวกับกระดูกนะครับ
ผมดูแล้วยิ่งสงสารเหยื่อทางการตลาดมากๆ


โค้กมันทำให้ร่างกาย เก็บวิตามินที่ใช้สำหรับ
เสริมสร้างกระดูกไม่ได้ครับ หรือเก็บได้น้อยมากๆ
เลยทำให้มีปัญหาเรื่องกระดูก หรือข้อเข่า

ทั้งยังมีน้ำตาลระดับที่สูงมากๆ คือเป็นสิบๆช้อนเลย
ในหนึ่งขวด กินไปทั้งเบาหวาน ทั้งอ้วน
แล้วก็จะตามมาด้วยโรคต่างๆ เส้นเลือดอุดตัน
ความดัน โอ้ยเยอะ

เรื่องกินประจำทุกวัน แทนน้ำเปล่า นี่เป็นเรื่องปกติ
ของคนที่ไม่รู้โทษของมันครับ

เพราะอาการติดหวาน มันเกิดขึ้นได้กับทุกคน
แต่โค้กมันมีคาเฟอีนอีก คราวนี้ติดกันได้ง่ายๆเลย
จะเลิกก็ต้อง อดทนหักดิบ ซัก2-3วันเหมือนบุหรี่
ก็จะเลิกได้ยาวๆครับ

พวกของหวานๆเนี่ย ถ้าได้ติดแล้ว มันจะโหยๆ
แบบว่าอยากกินหวานตลอดทุกวัน

อย่างคุณอิทธิ ให้สัมภาษณ์ไว้ตอนแกป่วยหนักๆ
แกว่าไว้ว่า ดื่มโค้ก แทนน้ำเปล่าครับ
ดื่มทุกวัน จนสุดท้ายก็ต้องจากไปด้วยโรคร้ายครับ
แกว่ามันเป็นสาเหตุหลักเลย ของการป่วยของแกครับ

เราก้อคนนึงนะ ที่กินน้ำอัดลมเเทนน้ำเปล่า เคยได้ยินจากเพื่อนๆเเถวบ้านมาว่า จะทำให้เกิดมะเร็ง เราก้อไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ อ่ะนะ

ดื่มน้ำอัดลมทำให้ไม่ดีต่สุขภาพ ดื่มมากๆ แร้วจะทำให้อ้วน
พออ้วนแร้วก้อมีปัญหาเรื่องกลิ่นตัว
แนะนำนะค่ะ คนอ้วนที่มีกลิ่นตัวแรง แนะนำแป้ง FIC ใช้ได้ผลดีมากเรย

ที่แน่ๆอ้วนครับ
แล้วความอ้วนก็จะพาเพื่อนๆของมันมาอยู่ด้วย

ผมเลิกดื่มมาเป็นปีปีเลยครับ
พวกน้ำอัดลมนี้มันดื่มไปแล้วติด พอวันไหนผมดื่มไป วันนั้นต้องดื่มทั้งวัน มันติดเลยครับ
แต่ปันจุบันนี้ผม ดื่มน้ำป่าวที่อนุหภมิปกติ ยากมากโดนบังคับ
เพราะที่บ้านผมไม่มีน้ำดื่มที่แช่เย็นเลย ดื่มน้ำไม่เย็นนี้ยาก แท้

ร่างกายเป็นกรด
ภูมิต้านทานลดลงอย่างมากมีโอกาสเป็นหลายโรค

น้ำ อัดลมส่งผลเสียต่อร่างกายมาก ทำให้เราอ้วน พออ้วน ก้อทำให้มีกลิ่นตัวด้วย แต่ดีนะไปเจอผลิตภัณฑ์ แป้ง FIC จึงช่วยในด้านกลิ่นตัวได้ดีมาก

น้ำ อัดลมส่งผลเสียต่อร่างกายมาก ทำให้เราอ้วน พออ้วน ก้อทำให้มีกลิ่นตัวด้วย แต่ดีนะไปเจอผลิตภัณฑ์ แป้ง FIC จึงช่วยในด้านกลิ่นตัวได้ดีมาก

กินน้ำอัดลมมากๆทำให้ปวดท้อง ซึ่งหนูกินน้ำโค้กแทนน้ำเปล่ามาหลายวันแล้วรู้สึกเหมือนขาดน้ำโค้กไม่ได้มันหิวตลอดเวลาวันนึงต้องให้ได้กินสัก 1 ขวด


จึงทำให้หนูคิดว่ากินมากๆจะทำให้เราติด

เครื่องดื่มโคล่า โค้ก เป๊ปซี่ มีคาเฟอีนครับ กินบ่อยๆ ก็อาจติดได้ เหมือนคนติดกาแฟ
แต่ผมว่าที่คนติดน้ำอัดลมเป็นเพราะติดใจรสหวาน ซ่า อร่อยของมันมากกว่า กินแล้วชื่นใจ

น้ำอัดลมส่วนใหญ่จะมีน้ำตาลประมาณ 5% และเครื่องดื่มทุกชนิดที่มีรสหวานใกล้เคียงกัน ไม่ว่าจะเป็น ชาเขียว น้ำผลไม้กล่อง กาแฟเย็น ก็มีน้ำตาลใกล้เคียงกันหรืออาจจะมากกว่าด้วย กินมากๆ ก็อ้วนเหมือนกันครับ

แต่ทำไมบางคนกินกาแฟเย็น น้ำอัดลมทุกวัน ก็เห็นแข็งแรงดี ไม่อ้วน ก็เพราะเค้าออกกำลังกายครับ คุณกินน้ำตาลเข้าไป ร่างกายก็จะได้เผาผลาญหมด

มาออกกำลังกายกันเถอะ..

ผลเสียที่เกิดขึ้นหลักๆ นะครับ
1. เบาหวาน เป็นผลจากระดับน้ำตาลในเลือดสูงจากการทานน้ำอัดลมเป็นประจำ ร่างกายจะเกิดการดื้อต่อฮอร์โมนอินซูลิน ซึ่งอาจทานน้ำอัดลมที่ใช้สารให้ความหวานทดแทน (น้ำตาลเทียม) แทนได้ครับ แต่ก็ยังถกเถียงกันอยู่ว่าน้ำตาลเทียมเมื่อทานแล้วจะเพิ่มความอยากทานน้ำตาลแท้ว่าจริงไหม
2. ผู้ที่กินอาหารรสชาติหวานเป็นประจำจะเกิดการเสพติดความหวาน โรคอ้วนก็จะตามมา ทำให้เกิดโรค NCDs อื่นๆ ตามมาด้วย
3. คาเฟอีนในเครื่องดื่มน้ำดำ จะกระตุ้นให้ร่างกายมีการหลั่งกรดออกมามากขึ้น ดังนั้นถ้าใครมีโรคที่เกี่ยวข้องกับกรดในทางเดินอาหารอยู่แล้ว อาการจะแย่ลง หรืออาจเกิดโรคขึ้นมา เหตุผลเดียวกันกับทำไมไม่ควรทานกาแฟ (คาเฟอีนสูงกว่ามาก) ตอนท้องว่างครับ
4. สีผสมอาหารที่ใช้ในเครื่องดื่มน้ำดำเป็นสารก่อมะเร็ง ซึ่งทาง อย. ของอเมริกาได้ให้ทางเลือกบริษัทน้ำอัดลม 2 ทาง คือ 4.1) เปลี่ยนสูตรใช้สีผสมอาหารชนิดใหม่ 4.2) ใช้สูตรเดิมแต่ต้องระบุที่ภาชนะบรรจุว่ามีสารก่อมะเร็ง
เหตุผลหนึ่งที่ชีวิตประจำวันของคนไทยติดหวานมากขึ้นเพราะเกิดจากความเครียดครับ มีงานวิจัยพบว่าเมื่อคนเครียดจะหาอะไรหวานๆ กิน ซึ่งเค้าพบว่าเมื่อได้กินน้ำตาล serotonin ในสมองสูงขึ้น ซึ่งสารสื่อประสาทนี้ทำให้เกิดความรู้สึกมีความสุข มองโลกในแง่ดี ดังนั้นในมุมมองของผมการบำบัดการเสพติดใดๆ ต้องบำบัดทั้งทางกายและใจ ทางกายคือค่อยๆ ลดปริมาณสิ่งเสพติดนั้นลงช้าๆ จนหยุดได้ ทางใจคือต้องบำบัดความเครียดและออกจากไลฟสไตล์เดิมๆ ที่จะกระตุ้นให้เราใช้สิ่งเสพติดนั้น จนกระทั่งเลิกได้และเมื่อเราเข้มแข็งแล้ว ค่อยกลับมากินน้ำอัดลมบ้าง แค่บางครั้งให้คลายความอยากครับ

เป็นอันตรายแน่นอนครับ ผมกินน้ำอัดลมมาแบบเจ้าของกระทู้เลยครับ และกินเป็นสิบๆปี ดีที่ไม่กินเหล้าไม่สูบบุหรี่
แต่ทุกเมื้อต้องน้ำอัดลมแน่นอน

ผลตอนนี้ มีปัญหาเรื่องกระเพาะลำไส้อย่างหนัก เลิกเลยครับ
และต้องเลิกขาดเลยครับ เคยแอบกินเข้าไป ทรุดเลยครับ ทรมานมาก

อยากย้อนเวลาไปเขกกะโหลกที่เราเริ่มกินน้ำอัดลมตั้งแต่เด็กๆว่า เลิกซะเอ็ง ไม่งั้นไม่มีโอกาสกินได้อีกเลยในอนาคตเลยนะเว๋ยๆๆๆ ฮ่าๆๆๆ
เลิกน้ำอัดลมเถอะ แนะนำเลยครับ จะได้อยู่ฟังเพลงเพราะๆได้อีกนานๆ เย่

เมื่อก่อนเปนกรดไหลย้อนพอเลิกดื่มนี่หายเลยเปนเลย

ผมนาน ๆ กินทีครับ มันอดไม่ได้จริง ๆ

ดูคลิปนี้ครับ น้ำอัดลมนอกจากดื่มแล้วยัง

ลูกชายกินน้ำ โค๊ก กับ แป๊บซี่ ที่เป็นน้ำ ดำ จะปวดขา ทุกครั้งตอนแรกคิดว่า เล่นมาก ปรากฏว่า ครั้งใหนที่ กิน 2 อย่างนี้แล้วปวดขา จนร้องไห้ เป็นประมาณ 1 ชั่วโมง

ผู้ชายกินมากๆหำจะเล็กลง ส่วนผู้หญิงนมจะเล็กแทน