ถ้าเเบบนี้ค่อนข้างละเอียดอ่อนทีเดียวครับ เพราะเเต่ละรุ่นเสียงจะเเตกต่างกันเล็กน้อย
ยังไม่มี Research จริงๆจังๆซักที่ ว่าเเบบไหนฟันธงว่าดีกว่า เอาสะดวกใช้ดีกว่าครับ
เเต่ Foobar2000 >> DI >> NFB-11 >> LCD2 นี่ก็ถือว่าเเจ่มมากๆเเล้วครับ

ตัว program player ก็มีผลต่อเสียงเหมือนกัน เช่น foobar ต่าง version ก็มีรายละเอียดปลีกย่อยที่ต่างๆกันหน่อยด้วยครับ

ดังนั้นทางฝั่ง Mac เองก็มี program เล่นเพลงที่แตกต่างไปจากทางฝั่ง PC ก็น่าจะต่างกันครับ

แต่จะมากน้อยแค่ไหนไม่ได้ทดสอบเองไม่ฟันธงครับ

แต่ set ที่ จขกท. ว่ามาอาจจะต่างกันโคตะระน้อย หูของผมคงฟังไม่ค่อยออกอ่ะ มันก็ระเอียดอ่อนสุดๆอย่างที่ว่าอ่ะครับ :-0

ต่าง มันต้องต่างกันเพราะว่า เครื่อง PC แต่ละเครื่องเนี่ย h/w มันไม่เหมือนกัน ผลิตจากคนละโรงงาน เสียงมันจะไม่เหมือนกัน เรื่องไฟ อะไรอย่างนี้อีก

คนที่เล่นเครื่องเสียงหนักๆ เค้ามักจะเลือก Macbook เพราะว่า เสียงออกมาค่อนข้างมาตราฐาน แล้วเค้าจะใช้กับ โปรแกรม Amara ตัวกลาง เนื่องจากตัว Amara ตัวแพงสุดอ่ะ มัน Resolution ไปไกลมากกว่า Source ปัจจุบัน

วันก่อนไปนั่งฟัง mac mini โปรแกรม Amara ตัวกลาง กับ Teac Dac ตัวใหม่ ลำโพงน่าจะโมเด้นชอร์ท แอมป์มาร้าน KI Perl แต่สายสัญญาญ แต่ละเส้นเอาตายทั้งนั้น
AQ ตัวที่มี กระเปาะ สาย USB ก็แพง จำยี่ห้อไม่ได้แล้ว
มันเป็นเทรนการฟังเพลง แบบ Digital ก็ฟังได้ดีทีเดียว

เท่าที่ผมใช้อยู่
iMac > PureMusic > DI > DAC
Netbook(Sony VAIO) > Foobar WASAPI > DI > DAC

เสียงที่ได้จาก iMacดีกว่าอย่างเห็นได้ชัดนะครับ อาจเป็นเพราะการออกแบบ H/W และระบบไฟที่ดีกว่า ส่วนโปรแกมเล่นเพลงก็เป็นอีกส่วนนึ่งที่ทำให้เสียงต่างกัน

แต่ถ้าเป็น Netbook กับ Notebook ที่ต่างยี่ห้อกัน (มีการออกแบบฮารตแวและต่ำแหน่งอุบกรณ์ต่างๆที่ต่างกัน) ก็ไม่เคยลองเหมือนกันฮะ คงต้องรอเฮียหรือผู้มีประสบการณ์มาฟันธง

Foolbar v1.1 กับ Teac DAC UD-H 01
สู้ mac mini โปรแกรม Amara ตัวกลาง ไม่ได้เลย ความชัด ความสงัด
ลองมาแล้ว : P

ถ้าไปเล่นตัว Dac magic Plus น่าจะไปได้ไกลกว่านี้อีก

อันนี้ต่างกันแน่ๆๆครับ แม้แต่คนที่เคยใช้ Mac เค้ายังบอกว่า Mac Mini เสียงดีกว่า Mac Air แต่ตอนนี้ผมยังไม่มีโอกาสได้นั่งทดสอบฟังเปรียบเทียบแบบนี้จังๆๆ ซะที ไว้จะจัดการเปรียบเทียบ แบบเป็นการสัมนาซะเลยนะครับ 55

สนับสนุนเลยครับเฮีย
เอาแบบฟันธง อันดับ 1 2 3 MAC,PC,Laptopให้รู้เรื่องไปเลยครับ

ตอนแรกผมก็คิดว่าเสียงคงใกล้เคียงกัน แต่พอฟังดูแล้วมันต่างกันแบบเห็นชัดๆเลย
น่าจะเป็นการสัมนาที่สนุก อิอิ

ลืมบอกไป Output ใน Foolbar อ่ะ ให้ลองเปลี่ยนดู เสียงจะเปลี่ยนทันที แล้วแต่ชอบครับ ส่วนมาก Output ของ Dac จะดีกว่าของ วินโดวส์ พวกวาซาบิน่ะครับ

ขอบคุณทุกคำตอบครับ
พี่ digitalotis ผมยังไม่เข้าใจ เอ้าพุตของฟูลบาร์ กับเอ้าพุตของแดรก มันนับยังไงอะครับ

ถ้าผมต่อโดยตารางข้างบน
Netbook >> Foobar2000(วาซาบิ) >> DI >> NFB-11 >> LCD2
หมายความว่า เอ้าพุตจะเป็นของ NFB-11 หรอครับ ถ้าแบบนี้ ไม่ว่าเราจะเลือก เอ้าพุตในฟูลบาร์ให้เป็นอะไร มันก็ยังให้เสียงที่เหมือนกันใช่ไหมครับ

เริ่มงงครับ 555

ไม่เหมือนครับ output ที่ผ่าน Dac NB-11 เสียงดีที่สุด ส่วนจะเลือก DS หรือ wasapi ก็แล้วแต่ชอบครับ ผมชอบ wasapi มากกว่า

ตามที่เรียนมาอะครับ

ถ้าต่อแบบ NB/MAC>DI>DAC เสียงที่ได้หลัง output DAC น่าจะเหมือนกันนะครับ

เพราะตัวที่ทำหน้าที่ แปลงจากข้อมูลดิจิตอลมันคือ DAC ตัวเดียวกัน ซึ่ง input ที่
DAC ได้รับมันก็น่าจะเหมือนๆกัน ก้อ 1010 อะครับ มันจะต่างกันยังไง

อันนี้ใครพอทราบก็ช่วยอธิบายหน่อยครับ

เปิด foolbar เลือก preference ขยายหัวข้อ playback จะเจอ output ตรง Device ลองเลือกดู มีให้เล่นหลายอัน ถ้าเสียบ Dac จะมีเพิ่มอีก ลองดุๆ

จำไม่ได้ว่าตอนไปงานสัมนาลงอะไรเพิ่ม นอกจาก drive teac มันมี ASIO vitrual drive แถมมาด้วย ไว้เล่นกับ Dac มั้ง

ส่วนเรื่อง 01 เนี่ย อย่าเอามาคิดในเรื่องเครื่องเสียงเลย มันเครียด อยากให้ลองไปฟัง สาย USB ดีๆ เทียบกับ สายแถม ดู วันนั้นถ้าจำไม่ผิด น่าจะ คาร์ดาสมั้ง ความเป้นดนตรี สูงกว่ามากมาย

ใครพออธิบายหลักการจริงๆได้บ้างครับเนี่ย

ผมสงสัยมากๆ จริงๆ

เรื่องหลักการนี่คงอธิบายยากนะครับ (หรืออธิบายไม่ได้เลย)
ผมก็เคยข้องใจเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน แต่ก็ไม่ค่อยมีความรู้พื้นฐานทางนี้เท่าไร เวลาเค้าอธิบายเชิงวิชาการก็ไม่ค่อยเข้าใจอะครับ

ลองเค้าไปหาข้อมูลใน Head-fiดูสิครับ ถึงขนาดว่ามีคนตั้งคำถามไปยังองกรณ์ของ USB เอง และก็ได้คำตอบว่า ตามหลักการแล้วเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่เสียงจะดีกว่า (อันนี้พูดถึงกรณีสาย USB ทั่วไป กับ สายUSB ที่เป็นระดับ Audiophile นะครับ)

แต่ก็เป็นเรื่องที่ต่างฝ่ายต่างเชื่อในสิ่งที่ตัวเองผ่านมาแล้วก็เถียงกันไม่จบนะครับ
เดี๋ยวนี้ USB บางเส้นหลายหมื่นแล้วก็มีนะครับ ถ้ามันไม่เห็นผลก็คงไม่มีใครซื้อ

ผมสรุปว่าตามหลักการเป็นไปไม่ได้
ส่วนเสียงจะต่างกันหรือปล่าว...คุณSatErk ลองฟังจากหูตัวเองน่าจะดีที่สุดนะครับ
เรื่องนี้ ไปขอเฮียลองก็ไม่น่ายากครับ

http://www.head-fi.org/t/565791/on-usb-cables-and-controller-transfer-modes-a-series-of-questions-to-replies-from-usb-org

^
^
คำตอบจากทาง USB.org นะครับ


http://www.head-fi.org/t/554008/dont-get-why-audiophile-usb-cable-would-improve-sound-quality
^
^
อันนี้ก็ที่เค้าเถียงๆกัน(ถ้าสนใจก็ลองหาดู มีอีกหลายกระทุ้ทำนองนี้เลยครับ)... ยังไงผมว่าลองไปฟังเองก่อนแล้วค่อยเลือกข้างก็ดีครับ

ได้ผลอย่างไรมาเล่าให้ฟังบ้างนะครับ

theory vs experience ชอบๆครับ แชร์กันเยอะๆอ่านแล้วสนุกดีแถมได้ความรู้ดีด้วย

DAC ที่เรียกๆๆกันก็ย่อมาจาก digital analog converter แปลตรงตัวก็คืออุปกรณ์เปลี่ยนจากค่าดิจิตอล เป็นอนาล็อค โดยค่าดิจิตอลคือค่าที่มีแค่เลเวล คือ 0และ1 (เปิดกับปิด) เป็นอนาล็อค ที่มีค่าเป็นกราฟ

โดยหน้าที่ของมัน ท่าเอาแบบตรงๆๆคือเสียงควรจะเหมือนกันหมดและครับ แต่มันมีปัจจัยที่ต่างกันอยู่อีกอย่างคือ คุณภาพของ0กับ1 โดยการตรวจจับในตรงนี้(Bit) จะเป็นตัวนำไปประมวลผลครับ โดยสัญญานอนาล็อคที่ดีควรจะมีค่า0ที่0.4มิลิแอม และ1ที่20มิลลิแอม โดยค่าระหว่างนั้นมันก็แล้วแต่อุปกรณ์จะตีความละครับ ท่าคุณภาพไม่ต่างกันมาก เสียงที่ได้ก็น่าจะฟังกันไม่ออกละครับ

อีกอย่างการฟังเพลงผ่านดิจิตอล เป็นการฟังแบบสตรีมเหมือนเราดู youtube ครับ ท่าดิจิตอลมาดีก็ดูได้ดี ท่าดิจิตอลมาไม่ดี อุปกรณ์ก็จะข้าม bit นั้นไป เหมือนเวลาเราดูYOUTUBE แลัวกระตุกนั้นและครับ

ความรู้ดิจิตอล ปวส กับความเข้าใจส่วนตัวครับ

bit 0/1 มันน่าจะวัดจาก Voltage หรือเปล่าครับ

ซึ่งถ้าจำไม่ผิด ในสาย USB จะมีสายไฟ และ สายดิน น่าจะวัดจากความต่างศักย์ของทั้งสองเส้นนี้

สัญญานดิจิตอล มี2แบบครับ คือแยกจากแรงดัน และแยกจากกระแส โดยไช้0-20 มิลเหมือนกันครับ