ส่วนตัวแล้ว เคยไปฟังบ้างแล้วกับลำโพง X mini แต่ก็ไม่ได้ซื้อซักที
เพราะราคาเป็นพัน ยังทำใจไม่ได้ ฮ่าๆๆ (ปัจจุบัน หลาย ๆ ที่ก็ยังขายเป็นพัน)
จนเมื่อวันก่อน เพื่อนผม มาบอกว่า เฮียมั่นโพสใน facebook ว่า
X mini II ราคา 890 บาท เพื่อนผมก็เลยมาบอกผมว่า ไปดูกันดีกว่า เขาอยากได้
ผมก็ได้เดินทางไป ห้างพันธ์ทิพย์ ประตูน้ำนี่ละครับ ร้านเฮียมั่นคง นั้นอยู่ชั้น 1 นะ
หรือมองง่าย ๆ ว่า อยู่บนหัวร้าน KFC นั่นละครับ จะเห็นเลย
ร้านใหม่ นี่ผมเพิ่งได้มีโอกาสไปนะ ดีมาก ๆ เลย ดีกว่า ที่เดิมตรงชั้น G เยอะเลย
เทสหูฟัง ได้ดีมาก ๆ เพราะเป็นร้านปิดกระจกละ คราวนี้ไม่มีเสียงภายนอกรบกวนละ
ไปถึง ก็เดินไปหา น้องหลุยส์ เลยว่า จัดมาลองฟังหน่อยซิ X-mini II นะ
หลุยส์ ก็หยิบมาให้ฟังหลายรุ่นเลย ให้เลือกสรร (หลุยส์เอ้ย ผมมีตังค์ไป พันเดียว -_-")
ผมก็เอา sony X series ไปต่อทดลองฟัง ก็ชอบใจนะครับ เสียงดังดี
และผมว่า มันไม่ได้มีแต่ความดังนะ มิติก็โอเคเลย เรียกว่า ไม่ขี้เหร่เลยกับลำโพง
ขนาดเท่ากำปั้น ไม่ต้องเสียบไฟ ประหยัดพลังงาน พกพาไปได้นอกสถานที่
ก็เลยจ่ายตังค์ซะเลย ซื้อมาสองตัว คนละตัวกับเพื่อน
เอาละ รีบบึ่งกลับบ้านดีกว่า จะได้เอามาพรีวิวแนะนำสมาชิกกัน
(เคยอ่านพรีวิวตัวนี้กันมาเยอะละ อ่านของผมบ้างนะ)
หน้าตากล่องประมาณนี้ครับ มีหลายสีนะครับ สี เงิน ดำ น้ำเงิน เขียว ส้ม ฯลฯ
ผมซื้อแบบสีดำมา ซึ่งดอกลำโพงด้านในจะเป็นสีแดง
แพ็คเกจ เล็กกระทัดรัด พอดีตัวเลย
หลาย ๆ คน อาจจะเคยเห็นลำโพงลักษณะนี้ แต่อาจจะไม่ใช่ X-mini
ซึ่งเสียงไม่เหมือนกันแน่ เพราะ X-mini คือ Original นั่นเอง
กวาดมาหลายรางวัลแล้ว
ลำโพง X-mini นี้มาพร้อมกับไดร์เวอร์ขนาด 40mm
ใช้งานได้ประมาณ 12 ชั่วโมง (เปิดระดับความดังกลางๆ )
และใช้เวลาในการชาร์จประมาณ สองชั่วโมงครึ่ง
แบ็ตเตอรี่ที่ใช้ขนาด 400 มิลลิแอมป์
ผมว่านะ ถ้าเปิดดังสุดแล้วเล่นต่อเนื่องได้ 4 ชั่วโมง ผมก็ happy แล้วละ
แกะแพ็คเกจออกมาก็เจออุปกรณ์ต่าง ๆ ดังนี้
ก็จะมี ตัวลำโพง X-mini II
สาย USB เอาไว้ต่อเชื่อมฟัง และ เอาไว้ชาร์จก็ได้ด้วย และก็คู่มือการใช้งาน
จริง ๆ ใต้เครื่องก็จะมี built in สาย line in minijack ไว้ให้แล้วนะครับ
ขนาดสั้น ๆ กระท้ดรัด
อันนี้ครับ ช่อง mini usb 5 pin เอาไว้เสียบชาร์จแบ็ต
เวลาชาร์จแบ็ต จะขึ้นไฟสีแดง ถ้าเต็ม ไฟสีแดงก็จะเปลี่ยนเป็นไฟสีฟ้า ๆ แปลว่าชาร์จเต็มแล้วจ้า
ก่อนใช้ก็อย่าลืมเปิด power ก่อนนะครับ
พาดูรอบ ๆ ลำโพง X-mini II ก่อนนะครับ อันนี้ก็ปุ่มปรับ volume แบบ อนาล็อคครับ
ผมชอบแบบนี้นะ เลื่อน ๆ หมุน ๆ
น่ารัก สวยดีจริง ๆ
เอาละ เอาสาย usb ที่แถมมา มาเสียบดีกว่า
จากนั้น เปิด power เลย
mp3 ที่นำมาใช้ในการทดสอบคราวนี้คือ iRiver H320 นั่นเอง
จริง ๆ มีช่อง line out นะครับที่เครื่อง iriver H320 น่ะ แต่ผม เสียบช่อง Phone นี่ละ
เอาแบบสากลที่เครื่องอื่น ๆ เขามีกัน ช่อง phone นี่ละ
จากนั้นก็หันลำโพงเข้าตัว ซักนิด
เออ เข้าท่าแฮะ เสียงไม่ได้เล็กตามตัวนะเนี่ย แจ่ม ๆ
อย่างที่บอกครับ ตัวเท่ากำปั้นแต่เสียงไม่เล็ก
แจ๊ก usb ขนาดปกติ ก็เอาไปเสียบกับที่ชาร์จ ipod , iphone ได้เลยครับ
พอเล่นจนสมอารมณ์ ก็เก็บย่อหด พกพาใส่กระเป๋า สะดวกสบาย
จริง ๆ ย่นหดแบบนี้ก็ฟังได้นะครับ แต่เสียงจะใสอย่างเดียวเลย ไม่มีเบส (เสียงต่ำ) เลยละ
แน่นอน ลำโพง ยังไงก็ต้อง Burn ครับ นี่ผมเพิ่งใช้ช่วงแรก ไม่ถึง 2 ชั่วโมงเลย
ผมยังยอมรับเลยว่า เสียงมันดีนะ มีแววไปได้ดี กระชับขึ้น แน่นขึ้นได้อีก
กับราคา 890 บาท กับลำโพงขนาดเล็ก ของแท้ Original มีประกันศูนย์อีกต่างหาก
สะสมให้ครบทุกสีเลยดีไหมเนี่ย ทำเป็นเล่นไป เอามาต่อกันได้หลายๆ ตัวนะครับ
จะทำเป็นต่อ 4 ตัว 5 ตัวก็ได้นะเออ ต่อยาวเป็นแพเลยก็ได้ เพราะสายที่แถมมาก็ทำได้จริง ๆ
และวันนี้ผมก็ได้ไปเดินที่สยามพาราก้อน ในส่วนของห้าง
ก็มีขายนะ X-mini II น่ะ ราคา 1,200 บาท ฮ่าๆๆ
อุดหนุนของเฮียมั่นเราดีกว่า 890 บาท มีประกันศูนย์ด้วยครับ
ที่นำมาให้ดูให้อ่านกันนั้น เพราะผมลองแล้ว ซื้อเองแล้ว รู้สึกว่า มันน่าจะบอกต่อกับสมาชิก
ก็เลยเขียนอย่างที่ได้อ่านกันนะครับ ของแบบนี้ แล้วแต่หูของใครของมันครับ
และขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละคนด้วยว่า จะนำไปใช้อะไร
ถ้าคิดจะนำไปใช้ฟังแบบจริงๆ จัง ๆ จับมิติเสียง คนร้องตรงกลาง เครื่องดนตรีซ้ายขวา
ถ้าเน้นขนาดนั้น ไปลำโพงตัวใหญ่ ๆ เลยจ้า X-mini II มันน่ารักกุ๊กกิ๊ก พกพาได้ ไม่ต้องเสียบไฟจ้า
ขอจบการพรีวิวเพียงเท่านี้ครับ
auns555