พวกสายไฟของค่าย Shunyata ทะยอยมาให้ท่านได้ทดลองเล่นกันก่อนครับ

โดยผมมีโครงการเอาสายเวียนให้ท่านยืมกันไปทดลองที่บ้านให้สะใจกันก่อน ใครฟังแล้วชอบใจค่อยควักสตางค์ซื้อกันได้เลย เดี๋ยวอาจจะให้ลงชื่อว่าใครจะเอาไปเล่นกันนะครับ ตอนนี้ผมเลือกรุ่น Venom 3 มาประเดิมก่อน

ส่วนรุ่นพี่ รุ่นพ่อ รุ่นปู่ ค่อยตามมาทีหลังทันทีที่พอมีที่ทางครับ 555

สาย Nordost ผมจับรุ่นบูชาครู อย่าง Blue Heaven และ Red Dawn มาก่อน และยังมีสาย USB ที่ผมมันคือสายที่สุดติ่งอีกเส้นนึงจริงๆ ครับ มันคือ สาย USB ของ Blue Heaven ครับ ราคาแรงเหมือนกัน ถ้าคิดว่ามันคือแค่สาย USB แต่ถ้าบอกว่าสิ่งที่พอใจที่สุดคือเสียง..........

อันนี้จัดไป......555



เอ้า เดี๋ยวมาคุยต่อคร้าบบ 555

ราคาเท่าไรครับสำหรับ Venom3 2m 20A standard IEC
เทียบกับรุ่นเดิมเช่น Black Mamba Cx, Python Cx, Anaconda , King Cobra เป็นอย่างไรครับ

เดี๋ยวราคาทั้งหมดผมจะเอามาแจ้งให้ทราบอีกทีครับพี่เกียรติชัย แต่เจ้า Venom 3 มันคือรุ่นเล็กสุดล่ะครับ และหัวแบบ 20A ผมจะมาแจ้งอีกทีครับ

ตอนนี้ว่าจะเอาเจ้า Venom3 ออกโปรแกรม Loaner ให้กับท่านที่สนใจด้วยจ้าๆๆๆ

สุดติ่งจริงๆครับเฮีย Venom3 เนี่ยคุณภาพเกินค่าตัวมาก

ยินดีด้วยครับเฮีย

ยินดีด้วยครับเฮีย 55

ยินดีด้วยครับ
เรียนถามเกี่ยวกับเรื่องสายไฬครับ ว่าหัวชนิด C13, C19 ต่างกันอย่างไร
ถ้าซื้อผิดหรือต้องการเปลี่ยนสายจาก สายไฬเป็นแอมป์ เป็นเครื่องเล่นซีดจะทำได้หรือไม่ครับ

ขอบคุณทุกท่านที่เอาใจช่วยให้ผมขายเน้อ 55 ทุกท่านจะได้มีที่ระบายสตางค์เพิ่มขึ้นอีก


แฮ่ะๆๆๆ ผมเพิ่งจะนำรุ่นเล็กๆ มาเพื่อเป็นการสาธิตสำหรับน้องๆ ที่เริ่มใช้แอมป์ เริ่มใช้ DAC และต้องการอัพเกรดเสียงเพิ่มขึ้น หลังจากที่อาจจะละเลย เรื่องสายไฟ สายสัญญาณ กันไป

ซึ่งมันมีผลต่อเสียงมาก ว่ากันว่า มันเป็นการคัดท้ายทิศทางของเสียงที่เราอยากได้กันเลยล่ะครับ ซึ่งตอนนี้ผมทดลองรุ่นเล็กๆๆที่คุ้มค่าก่อน (แฮ่ะๆๆ ยังไม่มีสตางค์สั่งรุ่นแพงๆๆ โคตรมาขายว่างั้น)

แต่ผมว่าเที่ยวนี้ทุกท่านจะได้ใช้ของที่คุณภาพดี โดยผมจะช่วยคัดกรองระดับคุ้มค่าสุดๆๆมาให้เล่นกันก่อนเพื่อนเลยครับ 55

พี่เกียรติชัยครับ ปลั๊กไฟที่เป็นหัวชนิด C13 กับ C19 นั้นต่างกันตรงรูปทรง และเบ้ารับตัวเมียครับ

โดย C13 นั้นจะเป็นหัวธรรมดาแบบ 6 เหลี่ยม เหมือนกับที่เราเห็นกันทั่วไปตามหลังคอมพิวเตอร์ หลังแอมป์หูฟังทั่วไป พวกนี้หัวเค้าออกแบบให้รับแรงไฟได้ไม่เกิน 15 แอมป์ครับ

ส่วน C19 นั้น หัวจะออกสี่เหลี่ยม และมักจะใช้กับเพาเวอร์แอมป์ตัวใหญ่ๆ ที่กินไฟมากๆ และมักจะมีกับพวกเครื่องกรองไฟต่างๆ อย่างของ Hydra เค้าก็ใช้พวก C19 กัน ซึ่งหัวแบบนี้ทนรับกระแสได้สูงถึง 20 แอมป์

15 แอมป์นี่เีรียกว่าแอร์บ้านขนาด 1-2 ตัน ยังใช้ไม่ถึงเลยครับ แต่สำหรับเครื่องเสียงเค้าจะออกแบบมาเผื่อเหลือให้กับทุกคนครับ

ถ้าซื้อผิด ก็สามารถตัดต่อได้ครับพี่ ไม่มีผลอะไรในการใช้งาน เพียงแต่สายไฟบางเส้นที่เค้าออกแบบมาเล่นกับแอมป์ใหญ่ๆ กับที่เค้าออกแบบมาเล่นกับซีดีนั้น อาจจะให้สุ้มเสียงไม่เหมือนกันครับพี่ ซึ่งอันนี้เป็นปรัชญาในการออกแบบของแต่ละค่าย ซึ่งเราสามารถเช็คก่อนว่าเหมาะสมกับเราหรือเปล่าได้ครับพี่

ผมใช้ Black Mamba อยู่ ก็เป็นหัว C19 เหมือนกันครับ ใช้กับเครื่องอื่นไม่ได้ นอกจากใช้เสียบกับ Hydra เท่านั้นครับ (หรืออาจจะใช้กับเพาเวอร์แอมป์ใหญ่ๆ ได้ถ้าเป็นหัว C19)

เรื่องสายไฬนี่ผมไม่มีประสบการณ์เลยครับ ไม่ใช่ว่าไม่เคยได้ยินมาก่อน
และไม่ใช่ว่าไม่เชื่อว่าสายไฬจะมีผลกับสัญญาณ หรือสัญญาณรบกวน
แต่ไม่คิดว่าหูตัวเองจะสามารถแยกแยะได้ รวมทั้งคนที่สร้างแอมป์ให้ก็ไม่เชี่อมากนัก
คงต้องทดลองฬังดูครับ และต้องขอคำแนะนำจากเพื่อนสมาชิกด้วย

อยากถามว่าถ้าเอาปลอดภัย เราใช้สายไฬแบบ 15A แล้วนี่สามารถใช้ได้ทั้งเครื่องเล่น
ดิจิตัลและแอมป์ได้ไหมครับ เพราะจริง ๆ แอมป์ผมก็กินกระแสไฬไม่เกิน 1.5A เท่านั้น

และแต่ละยี่ห้อของสายไฬจะมีหัวเช่นเดียวกับ Shunyata research หรือไม่ครับ

เสียงที่เปลี่ยนไปขึ้นกับสาย หรือขึ้นกับหัวท้ายมากกว่ากันครับ

ขอแสดงความยินดีด้วยครับเฮีย ^ ^

เรื่องสายไฟนี่มีผลมากครับ เป็นสิ่งที่ช่วยคัดท้าย สิ่งที่สายไฟจะให้ได้ก่อนต้นๆ ไม่ใช่เรื่องคาแรคเตอร์เสียงเท่าไหร่ครับ แต่ให้สังเกตุเรื่องไดนามิก และกำลัง สายที่คุณภาพดี จะให้ไดนามิกที่ดีกว่า พีคขึ้นลงได้ดีกว่า ฟังเพลงแล้วจะรู้สึกว่าได้อรรถรสกว่าครับพี่

พี่ฟังออกแน่นอนครับ วิธีง่ายๆ คือ ให้ใช้สายแถม หรือสายธรรมดาที่เค้าใช้กันทั่วไปเส้นละ 30-40 บาท เสียบฟังไปก่อน แล้วฟังไปจนชินซัก 1-2 สัปดาห์ แล้วให้ถอดสายไฟเดิมออก แล้วเปลี่ยนเป็นสายเส้นใหม่เข้าไป ฟังออกว่าดีขึ้นแน่นอนครับ

ไม่ใช่เป็นการฟังที่เราแค่รู้สึกว่าเสียงมันแค่แตกต่าง หรือไม่เหมือนเดิม แต่จริงๆ แล้วในเรื่องกำลัง ไดนามิก เรื่องขนาดของวง จะดีขึ้นทันที คนสร้างแอมป์ส่วนใหญ่เป็นวิศวะกร เค้าเชื่อในเรื่องตัวเลข กับการวัดค่า แต่ออดิโอไฟล์แล้ว มันเป็นศาสตร์ว่าด้วยการสัมผัสล้วนๆ ครับ

สายไฟแต่ละเส้นที่เราใช้ในเครื่องเสียง จริงๆ แค่สายเส้นเล็กๆ ก็รับอยู่แล้วครับ แต่การที่สายออดิโอไฟล์ดีๆ เค้ามักจะใช้ตัวนำที่ดี และปล่อยให้กระแสไหลผ่านได้สะดวก ไม่อั้น ก็เลยกลายเป็นว่าตัวนำยิ่งดี เทคนิคการพันหรือถักลวดฝอย หรือวัสดุที่ใฃ้ชีลด์ ยิ่งดีขึ้นเท่านั้นครับ

สายทั่วไปในท้องตลาด ผมมักไม่ค่อยเจอแบบ C19 ครับ ส่วนมากจะเป็น C13 ซะมากกว่า แต่ถ้าแอมป์หูฟัง ไม่จำเป็นต้องเลือกถึง C19 ครับพี่ ขอให้เลือกเป็นแบบ C13 จะเหมาะกว่า เพราะตัวเลือกจะเพิ่มมากขึ้น มีให้เลือกหลายหลายแบรนด์และรุ่นด้วยครับ

เท่าที่ผมลองมาเอง (อันนี้ส่วนตัวจริงๆ ครับ) ผมว่าพวกหัว-ท้าย ปลั๊กให้ผลน้อยมาก ผมเคยใช้หัวท้ายอย่างเดียวคู่ละหมื่นกว่า สลับเทียบกับหัวทั่วไป ก็รู้สึกว่าไม่ค่อยให้ผลถูกใจนัก แต่กับตัวสายไฟเอง ผมว่ามีผลสูงกว่าหัวท้ายครับ

ส่วนปลั๊กผนัง อันนี้จะแจ้งชัดเจนมากๆๆ พวกปลั๊กผนัง ไม่ว่าจะติดในผนัง หรือเครื่องกรองไฟ ผมว่าให้ผลมากพอสมควร แทบจะสั่งได้เลยว่า ถ้าอยากได้มิติต้องยี่ห้อนี้ อยากได้เสียงหวานกลมกล่อมต้องยี่ห้อนั้น

คอนเฟิมว่าพี่เกียรติชัยฟังออกแน่นอน และยิ่งจะหมดสตางค์มากยิ่งขึ้นไปอีกด้วยล่ะครับพี่ ลองอ่านเล่นๆๆ ที่กระทู้นี้ครับพี่ http://www.forum.munkonggadget.com/detail.php?id=36061

และอย่าลืมให้ความสำคัญกับต้นทางด้วยครับ สายไฟที่จัมพ์มาจากเมนใหญ่ และควรจะ้ต้องใช้สายไฟที่คุณภาพดีหน่อย และขนาดใหญ่หน่อย ซักเบอร์ 6 (6 แสควร์มิล) แค่เปลี่ยนสายไฟเฉยๆ มาที่ปลั๊กด้วยสายไฟ Thai Yasaki ก็เห็นผลทันตาแล้วล่ะครับพี่

มีคำถามตรงไหนเกี่ยวกับสายไฟ สายสัญญาณ ถ้าผมพอตอบได้จะรีบค้นหาให้ทันทีครับ

ขอบคุณมากครับ
อ่านแล้วครับ สรุปตามนี้ได้ไหมครับ
น่าจะเรียงเล่นๆ แบบนี้ล่ะ

1. เปลี่ยนสายไฟ จ่ายน้อยสุด แต่ได้ผลตอบสนองระยะยาวดีสุด

2. เปลี่ยนปลั๊กผนัง ที่ต่อตรงกับสายไฟ

3. สายไฟที่มีหัวท้าย เสียบจากผนัง แล้วมาเสียบก่อนเข้าตัวกรองไฟ

4. สายไฟที่เสียบเข้าเครื่อง

5. เกรดหัวท้ายปลั๊กที่เสียบเข้าเครื่อง

คงต้องกลับไปแก้ไข ข้อ 1 ผมว่าราคาไม่แพง แต่เสี่ยงกับผบทบ ท่านไม่พอใจได้ ต้องลงทุนพาไปเที่ยวไกลหน่อย อันนี้อาจแพงมากที่สุด
ข้อสองข้อสามทำอยู่แล้ว แต่อาจเพิ่มระดับตัวกรองไฬได้อีก
ข้อสี่ทำเป็นบางชิ้น ตามคำแนะนำของแต่ละยี่ห้อว่าใช้สายไฬชนิดใด คงต้องทดลองดูสำหรับแอมป์ตัวใหม่ เจ้าของแอมป์ไม่แนะนำชนิดยี่ห้อ
ข้อห้า ดูเหมือนมีความสำคัญรองแต่ราคาแพงเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน

เรื่องสายไฟนี่มีผลมากครับ เป็นสิ่งที่ช่วยคัดท้าย สิ่งที่สายไฟจะให้ได้ก่อนต้นๆ ไม่ใช่เรื่องคาแรคเตอร์เสียงเท่าไหร่ครับ แต่ให้สังเกตุเรื่องไดนามิก และกำลัง สายที่คุณภาพดี จะให้ไดนามิกที่ดีกว่า พีคขึ้นลงได้ดีกว่า ฟังเพลงแล้วจะรู้สึกว่าได้อรรถรสกว่าครับพี่
^
^

ถ้าตรงนี้ผมพอฬังออกครับ ที่ฬังไม่ออกคือทำให้ลักษณะเสียงเปลี่ยนไปชัดเจน หรือถ้าเลือกไม่ดีจะทำให้เสียงแหลมจัดจ้าน เสียงรบกวนหรือความเงียบสงัดของแบ็คกราวนด์อันนี้ผมพอรู้สึกได้



ส่วนปลั๊กผนัง อันนี้จะแจ้งชัดเจนมากๆๆ พวกปลั๊กผนัง ไม่ว่าจะติดในผนัง หรือเครื่องกรองไฟ ผมว่าให้ผลมากพอสมควร แทบจะสั่งได้เลยว่า ถ้าอยากได้มิติต้องยี่ห้อนี้ อยากได้เสียงหวานกลมกล่อมต้องยี่ห้อนั้น
^
^

ตรงนี้ก็ฬังไม่ค่อยออก อยากให้เสียงหวานกลมกล่อมเหมือนกัน

ถ้าเอาแบบระยิบระยับหวานใส ความเป็น 3D สูงก็ต้องปลั๊กผนัง Oyaide R1 หรือถ้าเอาแบบทุ้มแหลมคัลเลอร์หน่อยๆ ต้อง Wattgate ทองครับ ถ้าเอาแบบจะแจ้งเต็มๆๆ ก็ต้อง Furutech GTX-R ล่ะครับพี่ 555


แต่สายไฟต่างๆ นั้น ต้องหลังจาก system หลักลงตัวแล้ว ทั้ง source ทั้งแอมป์ ทั้งหลอด แล้วค่อยมาเติมแต่งเล็กๆน้อย ตรงสายไฟ และปลั๊กผนังกันล่ะครับ



ปล.รูปนี้เป็นชุดราคาประหยัด ที่ลงตัวระดับนึงที่สาขาประตูน้ำล่ะครับ สายไฟ สายสัญญาณไม่แพงมากนัก แต่ได้ผลดีเลิศเลยล่ะครับ

อยากเรียนถามว่าสายไฬนอกจาก Thai Yasaki แล้วที่เป็นของญี่ปุ่นมีอะไรบ้างครับ
กำลังติดต่อซื้อของจากญี่ปุ่นบางชิ้น หรือสายไฬรุ่นที่เป็น audiograde มีอะไรบ้างครับ

สายไฟนั้น ถ้าขยับจาก Thai Yasaki ทั่วไป ก็น่าจะเป็นพวกสายไฟต่างๆ ที่เค้ามาตัดเป็นเส้นๆ เพื่อทำการเสียบหลังเครื่องล่ะครับพี่เกียรติชัย ซึ่งถ้าเดินไม่ยาวมากนัก ผมก็ว่าน่าลงทุนอยู่เหมือนกันครับ

แต่มีแบรนด์ญี่ปุ่น ซึ่งเมื่อยี่สิบปีก่อนไม่มีในไทย และคุณภาพดีมากๆๆ ก็คือ furukawa ครับ
http://www.furukawa.co.th/

พี่เกียรติชัยลองสอบถามดูได้เลยครับ ผมเองก็ว่าจะสอบดูเองเหมือนกัน เพราะเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน มีเจ้านึงอยู่ซอยวัดเสมียนนารี ขายเมตรละ 1000 บาท ตอนนั้นผมยังไปซื้อมาใช้่ตั้งหลายเมตรเลยครับพี่ 555

ตอนนี้ผมเชื่อว่ามีขายอยู่แน่ๆๆครับ