ซาวด์เสตจ คือความกว้างของเวทีเสียง ประมานว่าหูที่มี ซาวด์เสตจ กว้างๆมันจะหลุดพ้น
หัวเราไปไกลๆไม่แคบจนเหมือนมากระจุกกันตรงหน้าผาก ประมานนี้แหละครับ

Soundstage ( ซาวนด์เสตจ ) คืออะไร ? ในหนังสือส่วนใหญ่มักจะเขียนไว้ว่า อาณาเขตโดยรอบที่อิมเมจหรือตัวเสียงทั้งหมดเรียงตัวอยู่ในอากาศ* อ่านแล้วงงไม๊คะ มันอะไรกันน้า เสียงที่เรียงตัวอยู่ในอากาศเนี่ย คืออย่างงี้ค่ะ ถ้าจะว่ากันด้วยเรื่อง soundstage เนี่ย ต้องพูดเรื่องระยะประกอบกันไปด้วย โดยปรกติแล้วการฟังเพลงด้วยหูฟังจะค่อนข้างอธิบายได้ง่ายค่ะ เนื่องจากจะเห็นได้ชัดเจนกว่าการฟังจากลำโพง

จริงๆแล้ว Soundstage นั้นหมายถึง สุดขอบที่ชิ้นดนตรีจะสามารถเล่นได้ถึง หรือ แสดงเสียงได้ถึงนั่นเอง อาจจะฟังดูงงๆอยู่ ถ้าจะให้ง่ายกว่านี้ ให้ลองหยิบหูฟังขึ้นมาค่ะ แล้วลองฟังดู ตำแหน่งของเสียงที่ไกลที่สุดที่ได้ยินจากหูฟัง นั่นแหละค่ะคือระยะของ soundstage

โดยปรกติแล้ว Soundstage จะถูกแบ่งแยกออกเป็น 2 อย่างคือ

- Soundstage ด้านกว้าง
- Soundstage ด้านลึก

แล้วมันต่างกันยังไงล่ะ??

คือ Soundstage ด้านกว้างเนี่ย จะหมายถึง ความกว้างของเสียงที่ออกไปทางด้านซ้ายและขวา ลองหยิบหูฟังขึ้นมาฟังอีกทีค่ะ อ้าวฟังอยู่เหรอคะ โทษทีค่ะไม่ทันมอง ฮิฮิ
ทีนี้เปิดเพลงนะคะ แล้วลองกางแขนออกกว้างๆเลยค่ะ นั่นแหละค่ะ soundstage ด้านกว้าง ทั้งนี้ soundstage ด้านกว้างสำหรับหูฟังนั้น มักจะถูกเรียกรวมว่าเป็น Soundstage เฉยๆค่ะ ส่วน Soundstage ด้านลึกจะถูกเรียกเป็นมิติแทนค่ะ เนื่องจากหูฟังไม่สามารถจับ Transparency หรือความโปร่งใสได้เหมือนกับลำโพงค่ะ ดังนั้นการจะพูดถึงความเป็นสามมิติแยกออกจาก soundstage ด้านลึกก็เห็นจะไม่สมควรค่ะ ดิฉันลงความเห็นว่าควรจะเรียกรวมไปเลยเพื่อไม่ให้เกิดความสับสนต่อคนฟัง ด้วย

ส่วน Soundstage ด้านลึก นั้น จะหมายถึง เสียงชิ้นดนตรีที่ไกลที่สุดที่ได้ยินจากข้างบนหัวของเรา หรือก็คือ มิติของเสียงกลางนั่นแหละค่ะ Soundstage ด้านลึกที่ดีจะสามารถแยกให้เห็นชิ้นดนตรีได้ชัดเจน ไม่มีการตีกันให้พร่ามัวจนสัมผัสเสียงของดนตรีแต่ละชิ้นไม่ได้

Soundstage อาจจะถูกถามเป็นประเดนแรกสำหรับการฟังหูฟังทีเดียวเชียวค่ะ เพราะถ้าหูฟังที่ให้ Soundstage ดีๆก็ย่อมจะให้มิติของชิ้นดนตรีที่ดีตามไปด้วยค่ะ แต่ข้อเสียของหูฟังที่ Soundstage กว้างๆก็จะอยู่ที่การให้ Dynamic ที่ไม่อิ่มเท่ากับหูฟังที่ Soundstage อยู่ในขอบเขตไม่กว้างขวางนัก เนื่องจากเป็นข้อจำกัดทางด้านเทคนิคค่ะ

เขียนโดย StaxFire จากเว็ป Pantip.com

ตอนนี้รู้สึกอยากลองAKG540 ซาวด์สเตจถ้าเทียบกับpanasonic RP-HV21มันห่างกันกี่ขุมเหรอครับ?เพราะเป็นตัวที่เมื่อก่อนบ้าถึงขนาดซื้อมาตุน555
หรือถ้ามีfull sizeตัวไหนเสตจกว้างๆๆที่ราคาไม่เกิน5000ก็แนะนำทีนะครับ

ขอโทษครับมือใหม่จริงๆT^T Dynamicคืออะไรครับ

ไดนามิกที่เราคุยกันบ่อยๆๆ น่าจะเป็นตัว Dynamic transient หรือไดนามิก ทรานเซี้ยน ครับ


อารมณ์ประมาณว่า มันคือระดับสัญญาณที่แตกต่างอย่างเฉียบพลัน จากเบาสุด ไปจนถึงช่วงดังสูงสุด ประมาณว่าเพลงมาดีๆๆ พอตีกลองดังโพล๊ะ เครื่องเสียงดี มันต้องพีคขึ้นสุดได้จริงๆ มันถึงจะฟังแล้วสมจริงตื่นเต้น

แต่ถ้าเครื่องเล่นไหนเสียงไม่ดี ไดนามิกมักจะขึ้นไม่ถึง ทำให้เพลงที่ฟังอาจจะเนือยๆ ฟังแล้วหลับ เรียกว่าไดนามิกดี ก็คือการตอบสนองสัญญาณจากเบาไปหาดังสุดได้ดี

ลองเอา Marshall major ฟังสลับกับ AKG k701,702 รับรองร้องอ๋อ -.-

เข้าไปอ่านที่นี่ก็ได้ครับ เขารวบรวมบทความจาก pantip เอาไว้ใน blog ของตัวเอง อ่านง่ายดี



wanball.blogspot.com/2010/05/mid.html <<== ให้ copy url ไปวางนะ

ถามเพิ่มด้วยครับ

1.เบสกระชับเก็บตัวเร็ว เห็นหัวโน๊ต หมายถึงอะไร


2. แล้วที่ข้องใจที่สุดคือ amp หรือ dac-amp แต่ละรุ่น มันจะขับเสียง หรือให้รายละเอียดเสียงในบางย่าน หรือทำให้เด่นมากกว่า player อย่างเดียว และ amp แต่ละยี่ห้อ จะให้เสียงไม่เหมือนกัน แล้วมันต่างอะไรกับปรับ EQ ครับ เช่นถ้าเราอยากให้ย่านนี้มากขึ้น เราปรับ EQ เอาก็ได้เหมือนกัน อันนี้แค่สงกะสัยในใจ แต่ใหนๆมีคนถามแล้ว ก็ขอเปิดด้วยละกัน 5555

ชงกาแฟร้อนๆ นั่งรอติดตามด้วยคนครับ

หมายความว่าถ้าใช้หูฟังที่ "soundstageกว้าง" เหมือนเวทีที่กว้าง?
ฟัีงเพลง rock อย่าง The killers, coldplay มันจะไม่กระชับ ไม่หวือหวา แต่จะแบน อะไรอย่างนี้หรอครับ??? หรือไม่เกี่ยว???
ถ้ารายละเิีอียดดนตรีเยอะๆ อย่าง sigur ros หล่ะครับ???
หรือฟังพี่ปู พงษ์สิทธ์ แทนที่จะได้ยินความละเิีอียดในเนื้อเสียงของกีต้าร์กับเสียงร้องที่ได้ยินแม้แต่เสียงกระทบสเลสในลำคอพี่ปู เราก็จะได้ยินแค่พี่ปูแบบแบนๆ เหมือนชานมน้ำแข็งละลาย เพราะ soundstage ที่มันกว้างไปหรอครับ???

ตามที่เข้าใจละกันนะครับ ผมก็ไม่ได้เป็นคนสร้างหูฟังและลำโพง 555

sound stage ของหูฟัง คือ การวางตำแหน่งเสียง ชิ้นดนตรี แหล่งกำเนิดเสียงต่างๆ ใน 3 มิติ กว้าง ยาว สูง หูฟังดีๆ จะวางได้ให้ความรู้สึกกว่าไกลลิบลับถ้ามันอัดมาให้ไกลลิบลับด้วยนะ ชิ้นดนตรีอยู่ห่างกัน เหมือนมองรูปหรือดูทีวี 3 มิติ ดีๆ อ่ะ มันจะเห็นคนลึกลงไป นูนขึ้นมา ไม่อยู่ระดับเดียวกัน ซ้ายขวาด้วย ออกไปนอกหูฟังได้ เหมือนดูหนังจอยาวๆ ซ้ายขวา

sound detail ก็ เหมือน ภาพเลยครับ เห็นชัดไม่ชัดเมื่อเทียบกับของจริง

sound Image ก็ถ้าหูที่ให้ sound stage ดีๆ กว้างๆ อัดมาดีๆ เราจะเห็นการแยกตำแหน่งใกล้เคียงของจริง แต่เหมือนกลองอันเล็กๆ คนร้องตัวเล็กๆ กีตาร์ตัวเล็กๆ สิ่งที่ได้ยินคือเสียงเป็น อุปกรณ์ชิ้นนั้นๆ แหละ แต่มันเล็กๆ เหมือนโดนย่อส่วน ต้องไปเอาแว่นขยายมาส่องฟัง 555

dynamic contrast คือ ให้ความเป็นตัวเอง ของแต่ละชิ้นดนตรี เพราะของจริงมันก็ต่างคนต่างเล่น แต่ละคนจะมี power source เป็นของตัวเอง ใครเล่นเบาเล่นหนัก มันก็ไม่เกี่ยวกัน แยกขาดจากกัน หูที่ dynamic contrast ดีๆ ก็จะเหมือนต่างคนต่างเล่น เช่น ถ้ามันตีกลองหนักๆ เราก็โดนมันตีใส่หนักๆ ด้วย ขณะที่ถ้ามีขลุ่ยตัวน้อยๆ แอบเล่นเบาๆอยู่ข้างๆ กลอง เราก็จะได้ยินขลุ่ยนั้นเล่นอย่างนุ่มนวลเบาหวิว โดยที่มีเสียงกลองอัดจัดหนักอยู่ แบบต่างคนต่างเล่น ถ้าแอมป์ไม่ถึง หูฟังไม่ถึง มันก็จะใช้ power ไปกับกลองทำให้ขลุ่ยเบาลงกว่าของจริง ถ้าแอมป์มันตะเบงเต็มที่แล้วไม่ไหวแล้ว มันก็จะเสียงเพื้ยน เสียงแหบ เสียงแกว่ง คือ noise ต่างๆ มาแทนที่

แต่อย่างว่า หูฟังมันก็มี color และ flat เหมือนกล้อง DSLR แหละ ถ่ายมาเลยเป็น flat ถ้าไม่แต่งก็ไม่สวย แต่เหมือนจริง แต่ง color แล้วดูดีสวยกว่าเดิมก็ ตามคนชอบครับ

ประมาณนี้ครับ