ผมเคยลองใส่คอนแทคเลนส์ (สายตาสั้น) เมื่อนานมาแล้ว

พยายามเล็งให้มันเข้าลูกกะตา วิธีที่ถูกต้องคือเอานิ้วกลางขวาแตะคอนแทคเลนส์ไว้ ให้มันวางอยู่บนปลายนิ้ว

แล้วเอานิ้วกลางกับนิ้วโป้งซ้ายถ่างเปลือกตาให้กว้าออก แล้วค่อยๆ บรรจงเอามือขวาวางลงไปตรงๆๆบนตาดำ..........





ผมก็ทำแบบที่หมอเค้าแนะนำ พอใส่เสร็จ อ้าวเฮ้ย ทำไมมองไม่เห็น
ที่ไหนได้ มันไม่เข้าลูกตา และผ่าไปตกลงที่พื้น หาแทบตายในตอนนั้น พอหาได้ ผมก็เลิกใส่ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา........

555

ใส่ไปเรื่อยๆจนชินครับ เดี๋ยวมันจะง่ายเอง ใหม่ๆ ผมก็ทรมาน เสียเวลาใส่นาน ตอนนี้หยิบ ถ่าง แปะ จบ ที่สำคัญใช้นิ้วถ่างตาให้มันกว้างๆไว้ ครับ

ไม่ทราบว่าใช้ของยี่ห้ออะไรครับ ถ้าใช้ยี่ห้อ ที่เลนส์หนาหน่อยจะใส่ง่ายขึ้น เพราะเลนส์มันจะเป็นทรง ตั้งได้ง่าย

DUNA ครับตอนนี้ยังใส่ไม่ได้เลย ฮ่าๆๆๆ

ขอบคุณเฮียมากครับ ส่งสัยจะไม่ได้เกิดเหมือนกันครับเฮีย
ตอนนี้มันฉีกไปแล้ว เดี่ยวต้องออกไปซื้อใหม่อีก เฮ้อชีวิต

ฝืนๆใจยัดเลยครับ แรกๆขัดๆเขินๆกลัวๆแบบนี้แหละ เด๋วก็ชิน

ผมเคยใส่อยู่พักใหญ่ๆ แล้วหลังๆใช้คอมเยอะ ทนแสบตาไม่ไหวต้องมาใส่แว่นเหมือนเดิมละครับ

ต้องดูแล สุขภาพตาดีๆนะครับ ใช้ contact ความเสี่ยงเยอะเหมือนกัน

ขอบคุณทุกความเห็นครับ

contactlens แต่ละแบรนด์ มันจะมีความแตกต่างกันของสารเคมีที่มาผลิตเป็นเนื้อวัสดุ อัตราการอุ้มน้ำ ความหนา ขนาด Diameter ผ่านมาตรฐาน FDA (อย.ของเมกา)

อันไหนดีกว่ากันคงตอบไม่ได้ ต้องทดลองใช้เองด้วยครับ ยี่ห้อ A คนแรกใส่ได้ดี แต่อีกคนอาจจะใส่ไม่ได้ เกิดแพ้ เคืองตา จนต้องถอดทิ้งไปก็มี แต่มาใส่ยี่ห้อ B กลับใช้ได้ไม่มีปัญหา แต่ที่ผมขายให้ลูกค้าบ่อยๆ แล้วโดยมากไม่มีปัญหา ก็อย่างเช่น

- solflens 59 Bausch & Lomb ตัวนี้มาตรฐานดี เป็นที่นิยมและยอมรับกันทั่วโลก
- Clear all day แบรนด์ออกใหม่ จุดเด่นที่โครงสร้างผิวเลนส์แบบ Aspheric design ให้ความคมชัดมากกว่า เนื้อเลนส์บางดี
- Accuvue Clear ของ Johnson มีขายทั่วโลกเหมือน Solflens 59 เนื้อจะบางมากๆ บางคนก็ชอบ

สำหรับแบรนด์ D อันนั้นหนาจริงอะไรจริง แต่บางคนใส่ไม่ได้เลย เพราะเปลือกตามาเสียดสี จนเกิดอักเสบ เป็น House brand ที่เขาสั่งผลิตแล้วตั้งยี่ห้อของเขาเอง เหมือนน้ำปลาตรา Tesco TOPS Bic C

หลีกเลี่ยงการใช้ Big Eye หรือเลนส์เกาหลีไม่มีอย. ที่เอามาขายคู่ละไม่กี่บาท ตามตลาดนัด จริงอยู่ว่ามันสวย อันนี้ไม่เถียง แต่ถ้าเกิดปัญหาขึ้นมา ตาอักเสบ ตาบอดไปหาคนรับผิดชอบไม่ได้ไม่รู้ด้วยนะครับ

แรกๆเวลาใส่ contactlens จะยากมากๆ เพราะเรายังไม่เคยชินที่จะมีนิ้วมาแตะลูกตาโดยตรง เป็นสัญชาติญาณป้องกันตัว ตาเราจะปิดโดยอัตโนมัติ ยิ่งฝืนตายิ่งปิดไม่ยอมถ่าง แต่ถ้าใช้ไปสักระยะนึง ร่างกายเกิดความเคยชิน เราจะใส่ได้ง่ายยิ่งขึ้น ตาจะไม่หรี่ ไม่หนีเหมือนตอนที่หัดใส่ใหม่ๆ อันนี้มันจะเหมือนเป็นทักษะอย่างหนึ่งที่ต้องฝึกฝน เหมือนคนหัดว่ายน้ำ ขี่จักรยาน ถ้าหัดจนเป็นแล้ว แม้จะไม่ได้ขี่หลายปี มาขี่อีกทีก็สามารถขี่ได้ สำหรับคนชำนาญๆ เขาใส่เลนส์ภายในเวลาไม่ถึง 20 วิก็เรียบร้อยแล้ว ประมาณว่ามาซื้อจ่ายตัง แล้วขอใส่ทันที ระยะเวลาเดินไปหยิบตังทอน หันกลับมาอีกทีคุณเธอใส่เรียบร้อยแล้ว


มันแล้วแต่ความถนัดของแต่ละคนด้วยหล่ะครับ ไม่ว่าจะเป็นการใส่แว่น ใส่ contactlens หรือเบื่อมากๆ บางคนก็ไปทำ Lasik ไปรู้แล้วรู้รอด

ทุกอย่างที่ว่ามามันก็มีข้อดีข้อด้อย แตกต่างกันไป สำหรับการแก้ไขการมองเห็นด้วยวิธีต่างๆ

- ใส่แว่น อันนี้สะดวกสุด ปลอดภัยสุด แต่บางคนอาจคิดว่ามันเป็นภาระอันใหญ่หลวงในการดำเนินชีวิตก็มี บางคนคิดว่าใส่แล้วเสียบุคคลิก สายตาเยอะๆเลนส์ก็หนา ก็หนัก การใส่แว่นตาสำหรับบางคนอาจเป็นเสริมบุคคลิก ถ้าเราเลือกใส่แว่นตาที่เหมาะสมกับตัวเรา มันก็เป็นการเสริมสร้างบุคคลิกได้เช่นกัน เพราะที่เห็นมา บางคนเลือกแว่นไม่เหมาะกับใบหน้า กว้างเกิน แคบเกิน ไม่พอดี ใส่แล้วกลายเป็นเอเลี่ยนไปก็เยอะ 5555

การใส่แว่นตาในบางครั้งก็เป็นการสร้าง charactor ให้ตัวเองเช่นกัน ตัวอย่างง่ายๆเฮียมั่นคงของเรา ลองเฮียไม่ใส่หมวก สะพายกระเป๋า ใส่แว่นย้อมสีชาเข้ม เดินไปไหนรับรองว่าไม่มีใครทักแน่ๆ จะนึกว่าเป็นป๋าเทพไปเลย อิอิ หรืออย่างน้านีโน่ ก็โดดเด่นมาจากแว่นตามาตั้งแต่เข้าวงการ จนตอนนี้มีแบรนด์แว่นตาของตัวเอง หรือน้าเนก ไปไหนไม่ใส่ Oakley ไม่ใช่น้าเนกแน่นอน

- ใส่ contactlens ก็สะดวกดีสำหรับบางคน แต่ไม่อาจจะเหมาะกับทุกคน ต้องเป็นคนพิถีพิถันนิสสสนึง ต้องระวังเรื่องฝุ่น มลภาวะต่างๆ ที่จะมาสะสมระหว่างเลนส์-ตา ห้ามขยี้ตา ต้องใช้นิ้วค่อยๆเขี่ย ชั่วโมงการใส่ที่นานเกินไป หรือแอบใส่นอนหลับไปด้วยกัน ทำให้ออกซิเขนที่จะผ่านเข้าสู่ตาน้อยลง เชื้อโรคสะสม ฯลฯ ทั้งหมดนี้มีความเสี่ยงที่จะทำให้กระจกตาเป็นแผล หรืออักเสบเป็นหนอง (ใช้เยนเตร๊กทาไม่หายนะจ๊ะ)

- การทำ Lasik เป็นความใฝ่ฝันของของผู้มีปัญหาทางสายตาหลายๆคนที่จะไปทำเพื่อไม่ต้องมาใส่แว่นอีกต่อไป การทำการแก้ไขความโค้งของกระจกตาด้วยแสงเลเซอร์ ปรับการหักเหของแสงให้มาตกกระทบพอดีที่จอรับภาพในลูกตา เพื่อการมองเห็นชัดเจน เป็นการเอาชนะธรรมชาติด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์

ผลที่ได้รับสำหรับบางคนอาจจะไม่ได้ดั่งที่วาดฝันเอาไว้สวยหรู หลังจากการทำ ผลที่เกิดขึ้นได้ อาจจะเกิดแสงแฟรร์ แสงแตกเป็นรุ้งๆในยามค่ำคืนที่เจอแสงสาดเข้าหาลูกตา เกิด High order Abberation ความบิดเบือนที่อาจทำให้การมองไม่ชัดเจนสุดๆ ตาแห้ง แพ้แสง

หากสายงานบางคนที่จำเป็นต้องใช้สายตามากๆก็ไม่เหมาะที่จะทำ บางอาชีพเขาจะมีข้อบังคับเลยว่า ห้ามคนที่ทำเลสิคแล้วมาสมัคร เช่นนักบิน หรือหมอผ่าตัด ที่จะต้องทำการผ่าตัดผ่านกล้องตลอดเวลา

สังเกตุดูก็ได้ หมอตาส่วนมากเขาก็ใส่แว่นกันทั้งนั้น แม้แต่หมอเลสิคบางคนก็ยังใส่แว่นอยู่เลย

อีกส่วนนึงก็ชอบบ่นว่า คนที่ไปตัดแพงๆเป็นหมื่นๆ กรุไม่โง่ไปทำหรอก เอาตังไปทำเลิคดีกว่า อันนี้ได้ยินมาเยอะพอสมควร ก็ต้องพิจารณาผลดีผลเสียก่อนตัดสินใจไปทำด้วยนะครับ

อย่านึกว่าเสียตังเกือบแสนหรือแสนกว่าทำเลสิคแล้ว ชีวิตนี้จะไม่ต้องใส่แว่นอีกต่อไป


สรุป คนเราจะหล่อหรือไม่อยู่ที่การดูแลตัวเอง รักษาลุค แต่งเนื้อแต่งตัวให้เหมาะสมกาละเทศะ

สาระเต็มๆขอบคุณมากครับ มันไม่เหมาะกับผมจริงๆครับได้ลองแล้ว contactlens ฉีกไป
2 อันในระยะเวลา 2 วัน คงกลับไปใส่แว่นเหมือนเดิมล่ะครับ

ถ้าหล่ออยู่แล้วจะเปลี่ยนทำไม่ล่ะครับ

หล่อจากข้างใน ไม่เจ็บตัว..... หน้าตาไม่หล่อ แต่ใจหล่อ *-*....อันนี้ยั่งยืน