Guest
หมวดหมู่ > เว็บบอร์ด จับฉ่าย

ช่องทางการติดต่ออื่น

  • Munkonggadget
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Contact Us

สอบถามทุกท่านเกี่ยวกับการเบริน์ *แค่สาย* หน่อยจ้า

MusicCover

13/02/2012 16:20:17
ปกติเขาจะเบริน์ไดรเวอร์ตามปกติ แต่ทีนี้ผมสงสัยว่าถ้าเราเบริน์แค่สายแบบนี้จะมีผลบ้างไหมครับ

คือสมมุติว่าผมมีหูฟังแบบถอดสายได้ตัวหนึ่ง เอาเป็น TF10 หรือ SE535 ก็ได้ แต่เนื่องจากตัวไดรเวอร์ก็ใช้เวลามานาน อยากจะทำการเบริน์แค่สายเท่านั้น (สายใหม่ๆ ยังไม่เคยใช้) ผมเลยอยากรู้ว่าถ้าถอดสายออกจากหูฟังแล้วเอาแค่สายไปเสียบกับเครื่องเล่นแล้วก็เปิดทิ้งไว้เรื่อยๆ มันจะมีผลแบบเบริน์ปกติไหม พอดีอยากรู้ว่าในกรณีไม่อยากเบริน์ที่ไดรเวอร์ต้องการแค่เบริน์สายเท่านั้นมันจะมีผลไหมอะครับ

ใครรู้ช่วยตอบหน่อยจ้า
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 1

clound

13/02/2012 16:25:30
0
ทำไม่ได้ครับ ไฟมันไม่ครบวงจร ก็เหมือนกับ เอาปลั๊กไปเสียบไว้ แต่ไม่เปิดสวิทช์ครับ ก็ไม่มีกระแสไหล
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 2

MusicCover

13/02/2012 20:38:22
ขอบคุณมากครับ ที่ช่วยตอบ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 3

eeman2

13/02/2012 23:27:06
0
ฟังไปเรื่อยๆน่ะดีที่สุดครับ การเบิร์นหูฟัง มันทำให้แผ่นไดอะแฟรมที่ใช้สร้างเสียง เกิดการสั่นสะเทือน และเกิดความพริ้วของแผ่นที่ขยับตัวได้คล่องขึ้น ซึ่งเป็นการเปลี่ยนคุณสมบัติทางฟิสิกส์ของหูฟัง

แต่การเบิร์นสายนี่ ผมก็ยังไม่เข้าใจว่า มันทำให้อะไรของสายไฟเปลี่ยนไป ลวดทองแดงถูกหุ้มอยู่ในฉนวน ใช้ไปนานๆ มันก็ไม่เกิดอ๊อกไซด์ที่ผิวลวด โครงสร้างทางฟิสิกส์ก็ไม่มีผลต่อการนำสัญญาณไฟฟ้า จำนวนอิเลคตรอน จำนวนโมเลกุลมันก็เท่าเดิม ไม่ได้เปลี่ยนโครงสร้างของธาตุ ดังนั้น ถ้า"แค่สาย"นะครับ มันเป็น"แค่ความเชื่อ"ครับ อย่าไปพะวงกับมัน
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 4

clound

14/02/2012 09:56:42
0
เคยอ่านเจอ เค้าบอกว่า แรกๆสายมันยังนำกระแสได้ไม่ดีครับ เพราะมันยังไม่เคยมีไฟผ่านมาก่อนเลย พอเบิร์นแล้วกระแสจะวิ่งดีขึ้นและนิ่งขึ้นครับ เค้าว่างั้นนะ มันก็เปลี่ยนจริงๆนะครับ ถ้าหูเบิร์นครบแล้วเอาไปโมสาย ยังไม่เบิร์นสาย กับเบิร์นสายแล้วก็ต่างกันอยู่ครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 5

eeman2

14/02/2012 10:44:05
0
ไอ้เบิร์นสายนี่ไม่มีทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์รองรับนะครับ วัดค่าก็ไม่ได้ มีแต่ความเชื่อ+ความรู้สึกเพียวๆเลย สายไฟที่เคยมีไฟผ่าน กับไม่เคยมีไฟผ่าน มันไม่ได้ต่างกันนะครับ ไม่มีอิเลคตรอนตกค้างในสาย ไม่มีการเปลี่ยนโครงสร้างโมเลกุลใดๆนะครับ ไม่งั้นพัดลมที่เบิร์นแล้ว ต้องได้ลมแรงกว่าพัดลมใหม่ ตู้เย็นที่เบิร์นแล้วต้องได้น้ำเย็นกว่าตู้ใหม่แน่นอน ถ้ามีจริงรับรองว่ามีคนจะรีบพิสูจน์กันให้เห็นเลยแน่นอนครับ

แต่ถ้าบอกว่า เมื่อเปลี่ยนสายใหม่ ก็ทำให้สัญญาณวิ่งไปยังแผ่นไดอะแฟรมได้ดีขึ้น ทำให้แผ่นไดอะแฟรมบิดตัวได้มากขึ้น จนกระทั่งเข้าที่ (มันก็คือการเบิร์นหูฟังอีกรอบหนึ่งนั่นเอง) อันนี้พอจะถูไถฟังขึ้นได้บ้างครับ แต่ก็ไม่ได้มีผลมาก

สุดท้าย มันก็คือการเบิร์นไดอะแฟรมในหูของเราเองมากกว่าครับ เฮียย์แกเคยบอกไว้ว่า คิดมากเดี๋ยวฉี่เหลือง ฟังเพลงให้มีความสุขดีกว่าครับ อะไรที่คิดแล้วทุกข์ก็ลืมๆไปมั่ง อย่าไปพะวงครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 6

นายมั่นคง

14/02/2012 11:24:21
4,290
สายที่ใช้ในระบบเครื่องเสียง มันก็คือวัสดุที่เป็นตัวนำสัญญาณล่ะครับ เพียงแต่แล้วแต่ละค่ายว่าจะใช้ตัวนำแบบไหน ที่จะส่งผ่านสัญญาณแบบไหน ส่งเร็ว ส่งช้า ส่งทุ้ม ส่งแหลม ประมาณนั้นล่ะครับ 555

วิธีใช้ก็คือเปิดธรรมดานั่นเอง เพียงแต่การเบิร์นนั้น เป็นเหมือนว่าให้เราอดใจไว้วิจารณ์หลังจากมันทำงานผ่านช่วงระยะเวลาหนึ่งไปน่ะครับ อาจจะซัก 200 ชั่วโมง แล้วค่อยมานั่งทบทวนมาชอบหรือเปล่าล่ะครับ 555

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 7

roy

14/02/2012 11:27:48
0
กด like พี่อีแม้นครับ เป็นวิทยาศาสตร์จริง ยุคนี้ไอ้พวก Psuedo Science เยอะ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 8

clound

14/02/2012 11:53:46
0
ผมเองคิดว่า ถึงมันจะมีผล หรือไม่มีผลก็ตาม แต่ในเมื่อมีหูเทพหลายๆคนบอกว่า มันดีขึ้น แล้วเค้าก็มีวิธีให้ ก็ทำไปเถอะครับ ฟังออกไม่ออก ก็ช่างมัน ไม่ต้องมาวิทยาศาสตร์อะไรหรอกครับ ถ้าทำแ้ล้วมันรู้สึกดี ก็ทำไปเถอะครับ ดีกว่าไม่ทำ เพราะไม่เชื่อ แล้วมาคิดมากทีหลัง ว่าทำไมไม่ทำ ทำไปเถอะครับ ดีหรือไม่ดี ท่านก็น่าจะพอใจกว่า เพราะท่านได้ทำมันไปแล้ว มันอยู่ที่ใจท่านมากกว่า

ผมก็ไม่อยากอ้างวิทยาศาสตร์ เพราะผมไม่รู้เรื่องอะไรเท่าไหร่
แต่ที่ผมฟังมา สายตัวเดียวกัน พอเปลี่ยนตัวไม่เบิร์นใส่ ทำไมมันห่วยลงหล่ะ แล้วเบิร์นแล้ว ทำไมมันดีขึ้นหล่ะ แล้วถ้าผมฟังไม่ออก ผมก็ยังเลือกที่จะเบิร์นก่อนอยู่ดี แต่ผมก็ไม่คิดมากนะครับ เบิร์นไปเรื่อยๆ ไม่ต้องเครียดครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 9

dutchmew

14/02/2012 12:01:01
4
ผมเห็นด้วยกับพี่อีแม้นย์ครับ

ผมเชื่อในเรื่องการเบิร์นอุปกรณ์ที่มีความเคลื่อนไหว อย่างไดอะแฟรมหูฟัง

แต่การเบิร์นสาย เบิร์นเครื่องเล่นนี่ เป็นแค่เรื่องของความสุขทางใจแต่ละคนล้วนๆ

แต่ของพวกนี้ ตราบใดที่ผู้พูดยืนยันว่าเค้ารู้สึกได้ จับความแตกต่างได้
คนอื่นก็ไปเถียงอะไรไม่ได้หรอกครับ มันเป็นความรู้สึกของเค้า ไม่ว่าเค้าจะกำลังหลอกตัวเองอยู่หรือไม่ก็ตาม

เข้าทำนอง PsuedoScience ได้เหมือนกันครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 10

clound

14/02/2012 12:01:44
0
อาจารย์ที่มหาลัยผมบอกว่า
สายที่ Burn แล้ว กระแสไฟจะสูงขึ้นเล็กน้อย ต้องลองวัดดู
ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ตัวสายไฟมันเกิดอะไรขึ้น แต่ถ้ารู้ว่ามันเป็นแบบนี้ ก็จัดเต็มครับ 200 ชม. -*-
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 11

JokE_zZz

14/02/2012 14:07:51
ปกติอิเลกตรอนจะไหลเป็นเส้นตรงไปตามแนวตัวนำครับ และจะหนาแน่นมากที่ผิว โดยทฤษฎีแล้วที่จุดศูนย์กลางของตัวนำ ค่ากระแสจะเป็นศูนย์

อิเลกตรอนจะเคลื่อนที่โดยผ่านอะตอมของโลหะที่ใช้เป็นตัวนำ ดังนั้นตัวนำใหม่ๆ การเกาะกันของอะตอมตัวนำจะไม่เป็นระเบียบมากนัก ทำให้อิเลกตรอนต้องเคลื่อนที่อ้อมไป อ้อมมา เหมือนเวลาน้ำไหลผ่านโขดหินขรุขระ มันก็จะโดนชะลอ แต่พอน้ำไหลไปนานๆเข้า หินที่ขรุขระ ผิวมันก็จะโดนเซาะจนเรียบ ทำให้น้ำไหลผ่านง่ายขึ้น

โดยที่เราจะเห็นจากการที่มีการนำตัวนำไปผ่านกรรมวิธีต่างๆ เช่น Cryo ก็เพื่อให้การจัดเรียงอะตอมของโลหะเป็นระเบียบมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้การนำไฟฟ้าดีขึ้น

ที่สำคัญมากๆเลย คือ ที่ผิวตัวนำครับ ต้องเรียบ ไร้สนิมมาเกาะ เพราะอิเลกตรอนจะวิ่งหนาแน่นที่สุด ที่ผิว เหตุนี้พวกสายราคาแพงๆแต่ขึ้นเขียวๆ พวกนั้นทำให้สัญาณดรอปไปมากเลยแหละครับ แต่ส่วนใหญ่ชอบบอกกันว่าไม่มีผล ซึ่งเป็นไปไม่ได้แน่ๆ อยู่ที่ฟังออกหรือไม่

ผมเชื่อว่า หูเทพไม่มีในโลกนี้หรอกครับ มีแต่หูมนุษย์อย่างเราๆนี่แหละ ซึ่งอุปาทานมีผลอย่างมาก อย่างผมรู้ว่าสายขึ้นสนิมเขียวๆ เสียงดรอป ดังนั้นผมไม่สนว่าฟังออกหรือไม่ แต่ผมจะไม่ซื้อมาใช้เด็ดขาด เพราะเรารู้อยู่แก่ใจว่าดรอป ถ้าฟังไม่ออก ก็ต้องอาศัยทฤษฎีแบบนี้แหละครับ ไม่งั้นก็ฟังเพลงแบบไม่สบายใจ 555+
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 12

Mu8enze

14/02/2012 14:47:26
1
เข้ามาอ่านครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 13

eeman2

14/02/2012 20:21:39
0
555 ชอบครับชอบ ดันไว้ก่อน เดี๋ยวซักสี่ทุ่มกลับมาถกกันต่อ แบบนี้ค่อยสนุกหน่อย

ตอนนี้ขอไปจัดหนักจัดเต็มฉลองวาเลนไทน์แป๊ปนึงครับ เดี๋ยวจะยาว
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 14

Tum79

14/02/2012 21:25:31
0
แล้วตะกั่วที่บัดกรีใหม่ตรงขั้วกับตรงแจ๊ค ก่อน-หลังเบิร์นจะมีความแตกต่างหรือไม่ครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 15

roy

14/02/2012 21:28:48
0
เห้ยยย ผมไม่ได้ว่าคนที่เชื่อนะครับคุณ อย่าเข้าใจผิดนะครับ เดี๋ยวโกรธผม จริง ๆ ผมก็เบิร์น

เหมือนกันครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 16

นายมั่นคง

14/02/2012 21:28:53
4,290
มีดึงเช็งไว้ตอนสี่ทุ่มด้วยพี่อีแมน 55555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 17

roy

14/02/2012 21:30:04
0
ที่บอกว่ากด Like พี่อีแม้นเพราะว่าตอบแบบวิชาการ เท่ดี และมีทฤษฏีรองรับครับผม ถ้าเผื่อทำให้

ไม่พอใจก็ขอโทษนะครับ พอดีพิมพ์ห้วนไปหน่อย ^ ^
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 18

eeman2

14/02/2012 22:09:42
0
มาแล้ววววครับ

เอาน่าใจเย็นๆ เรื่องพวกนี้ไม่มีใครอยากว่าใครหรอกครับ คิดว่าเป็นการแลกเปลี่ยนความเห็นละกันครับ ผมว่าถ้าเปิดใจกว้างๆและให้เกียรติกัน การมานั่งเถียงกันแบบนี้ ดูพอมีสาระและสนุกดีออก

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 19

eeman2

14/02/2012 22:16:27
0
เอาละครับ ก่อนไปกันต่อ ขอทบทวนก่อนนะครับ ถ้าเราเปลี่ยนสายที่ดีขึ้น เราก็จะได้เสียงที่ดีขึ้น เพราะคุณภาพของวัสดุที่ดีกว่า ย่อมจะนำสัญญาณได้ดีกว่า แต่ที่เราถกกันอยู่ตอนนี้คือ สายเส้นเดียวกัน ก่อนเบิร์นกับหลังเบิร์นมันได้เสียงต่างกันจริงหรือไม่

ในทางความเชื่อ อันนี้ของใครของมันนะครับ ไม่มีผิดไม่มีถูก แต่ในทางวิทยาศาสตร์ เราลองมาดูกัน

อย่างแรกทฤษฎีที่ว่าตรงกลางสายไฟ จะไม่มีกระแสไหลนั้น ไม่เป็นจริงนะครับ สายทองแดง หรือสายตัวนำใดก็ตามจะมีค่าความหนาแน่นของกระแสที่ไหลผ่านตัวมันได้อยู่ค่าหนึ่ง เพียงแต่ว่าไฟฟ้าที่มีความถี่สูงๆ มักจะชอบไหลบริเวณผืวตัวนำ และทำให้สัญญาณที่มีความถี่ต่ำกว่า ถูกผลักเข้าไปไหลด้านในของตัวนำ นึกภาพถนนนะครับ ตามกฏจราจรคือรถเร็ววิ่งขวาสุด รถช้าวิ่งซ้ายสุด เรากำลังคุยถึงอิเลคตรอนที่มีความเร็วเท่ากับแสง ดังนั้นสัญญาณพวกนี้ จะแข่งกันวิ่งไปครับ เพียงแต่พวกความถี่สูงก็จะวิ่งรอบนอกเท่านั้นเอง แต่สายไฟทั้งเส้นมีกระแสไหลผ่านภายใต้ค่าความหนาแน่นของวัสดุที่ใช้ทำนะครับ ให้สายสัญญาณเสียงพวกนี้ มักจะชอบเป็นสายขนาดเล็กๆจำนวนมากอยู่รวมกัน เพราะเค้าต้องการให้มีพิ้นผิวเยอะที่สุดนั่นเอง และวัสดุที่ไม่ดี ก็จะมีค่าความหนาแน่นไม่มาก ทำให้เกิดการอั้นของสัญญาณ และเรื่องเหล่านี้เป็นธรรมชาติของไฟฟ้า ไม่เกี่ยวกับการเบิร์น

(ยังมีต่อ ยาวหน่อยนะครับ)
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 20

eeman2

14/02/2012 22:25:24
0
ทีนี้เรื่องอิเลคตรอนวิ่งไปนี่ จริงๆแล้วในทางอะตอม มันไม่มีที่ว่างให้อิเลคตรอนวิ่งไปหรอกครับ มันแค่กระแทกให้อิเลคตรอนให้หลุดจากอะตอม แล้วแทนที่กันไปเป็นทอดๆ แต่ความเร็วที่เกิดมันเป็นความเร็วแสง เลยดู”เหมือนกับว่า”อิเลคตรอนวิ่งไป และมันไม่สามารถทำให้อะตอมของผิวหลุดออกไฟได้นะครับ ถ้าหลุดล่ะยุ่งเลย เพราะมันคือการกัดกร่อนผิว (Corrosion) ซึ่งผิวของตัวนำเหล่านี้ ถึงจะหุ้มฉนวนเอาไว้ แต่ทางผู้ผลิตเค้าก็จะเคลือบด้วยน้ำยาเป็นฟิล์มบางๆเอาไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวของมันทำปฎิกิริยากับออกซิเจนในอากาศจนเป็นคราบสนิม (สำหรับทองแดงจะเห็นเป็นผิวหมองๆ เหมือนเวลาเราปอกเปลือกผลไม้แล้ววางทิ้งไว้ซักพักน่ะครับ) แล้วค่อยหุ้มด้วยฉนวนอีกชั้นหนึ่ง
การนำโลหะไปผ่านกระบวนการเพื่อจัดเรียงอิเลคตรอน ก็คือการทำให้มันเป็นแม่เหล็กนั่นเอง เมื่อให้พลังงานกับโลหะเนื้อดีไปขนาดนึง อิเลคตรอนในตัวมันจ้เรียงตัวเป็นระเบียบ”ได้ดีกว่า”โลหะทั่วไป และเกิดสนามแม่เหล็กขึ้น มากน้อยก็ตามชนิดโลหะและพลังงานที่ได้รับ เพราะมันจะเก็บพลังงานในรูปของพลังงานแม่เหล็ก
แต่......ทองแดงไม่ใช่ธาตุแม่เหล็กนะครับ หนำซ้ำการจัดเรียงโมเลกุลก็ต้องใช้พลังงานจำนวนนึงเลยนะครับ แต่แค่สัญญาณเสียงนี่ ไม่น่าจะมีพลังงานมากพอได้ และถ้าเกิดจัดเรียงได้จริงจะยิ่งยุ่ง เพราะสัญญาณจะถูกสนามแม่เหล็กจากการเรียงตัว รบกวนจะเสียงเพี้ยนไปอีก
ส่วนเรื่องเบิร์นแล้ว กระแสไปจะมากขึ้นเล็กน้อยนี่ยิ่งไปกันใหญ่เลยครับ ไม่มีทฤษฏีใดๆมาอ้างอิงได้เลยครับ

พอแค่นี้ก่อนนะครับ หว่งว่าคงเป็นประโยชน์ให้ผู้อ่านบ้าง

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 21

JokE_zZz

14/02/2012 23:00:37
2
ยาวจริงเลยนะครับ ถ้าถกต่อผมต้องพิมพ์ยาวขึ้นแน่ๆ ^^

แต่เห็นมีส่วนที่ผมคิดว่าไม่ถูกอยู่หลายที่ เรื่องอิเล็กตรอนวิ่งที่ผิวนั้น เหตุผลที่ว่ามาเรื่องความถี่ มันไม่ใช่ครับ แต่ผมจำไม่ได้ พอดีมีพี่ที่ทำงานเคยอธิบายไว้ ยังไงเดี่ยวผมไปถามเค้าอีกที แล้วจะมาบอกครับ

ส่วนเรื่องอิเลกตรอนวิ่งด้วยความเร็วเท่ากับแสงนั้น อันนี้ไม่ใช่แน่ๆครับ อันนี้ต้องแยกให้ออกก่อนนะครับ ว่า แสง กับอิเลกตรอนมันเป็นคนละชนิดกันเลย

แสง เป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าครับ ไม่ต้องอาศัยตัวกลางในการเคลื่อนที่
อิเลกตรอน เป็นอนุภาคที่มีประจุ มีมวล และต้องอาศัยตัวกลางในการเคลื่อนที่

ดังนั้น ความเร็วในการเคลื่อนที่ของอิเลกตรอน จึงขึ้นกับตัวกลาง ซึ่งมีค่าไม่คงที่
ส่วนอัตราเร็วแสง มีค่าคงที่ 3x10^8 m/s โดยไม่ขึ้นกับตัวกลาง (เพราะไม่ต้องอาศัยตัวกลางในการเคลื่อนที่)


ส่วนเรื่องที่การเบิร์นช่วยให้อิเลกตรอนเดินทางได้ดีขึ้น เป็นระเบียบมากขึ้นยังไง อันนี้อธิบายได้หลายหน้ากระดาษ A4 แน่ครับ แต่ถ้าอยากรู้จริงๆ ต้องเริ่มจากการศึกษาว่า โลหะจัดเรียงอะตอมกันยังไง เพราะโลหะที่นำไฟฟ้าได้นั้น คือ โลหะ Transition เท่านั้น ซึ่งเกาะกันด้วยพันธะโลหะ

หากท่านใดยังไม่รู้ พวก โซเดียม โพแทสเซียม พวกนี้คือ โลหะเช่นกันนะครับ แต่ไม่นำไฟฟ้า

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 22

JokE_zZz

14/02/2012 23:10:55
2
ส่วนเรื่องที่ว่า ตัวนำแบบฝอย (เส้นเล็กๆมารวมกันหลายๆเส้น)ทำเพื่อให้นำไฟฟ้าได้ดีนั้น ผิดถนัดเลยครับ เพราะชนิดตัวนำหลักๆ จะมี 3 แบบ คือ Solid (ตัวนำเส้นเดี่ยว), Strand (ตัวนำตีเกลียวร่วม), Flexible (ตัวนำฝอย)

ซึ่งเรียงตามลำดับการนำไฟฟ้า ได้ดังนี้
Solid > Strand > Flexible

ถ้าถามว่า ตัวนำฝอยนำไฟฟ้าไม่ดี แล้วสายแพงๆทำไมใช้ตัวนำฝอย ก็ลองแปลชื่อมันสิครับ เพราะมันยืดหยุ่นได้ดีไงครับ เพราะเมื่อเกิดการหักโค้งงอ ตัวนำฝอย จะมีการดรอปน้อย เพราะยืดหยุ่นได้ดี มีการเปลี่ยนแปลงพื้นที่หน้าตัดจากการโค้งงอน้อยที่สุดในบรรดาตัวนำทุกแบบ และยังใช้งานง่าย

คิดว่าน่าจะเคลียนะครับ ^^


ปล. ผมจบ วศ.เคมีนะครับ แต่ดันมาทำงานในบริษัทผลิตสายไฟฟ้า เลยต้องศึกษาเรื่องพวกนี้ไว้บ้าง ^^
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 23

eeman2

14/02/2012 23:18:03
0

http://www.hs8jyx.com/html/losses_in_transmission_lines.html

http://www.ubmthai.com/leksoundsmf3/index.php?topic=30439.0

http://www.leonics.co.th/html/th/aboutpower/elec_knowledge02.php

http://www.spa.ac.th/sci/chemistry1/atomic_structure/electron_configuration.htm

ฝากไปอ่านครับ สั้นๆได้ใจความทุกลิ๊งค์

การเบิร์นด้วยพลังงานจากสัญญาณเสียงน้อยนิด ช่วยปรับโครงสร้างอะตอมไม่ได้หรอกครับ และเมื่อเอาพลังงานออก อิเลคตรอนก้เข้าสู่สภาวะอิสระเช่นเดิม

ไปนอนละครับ คืนพรุ่งนี้ว่ากันต่อ สนุกดีครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 24

eeman2

14/02/2012 23:34:31
0
ขออีกนิดก่อนนอน ทฤษฏีของสายไฟส่งกำลัง เน้นไปที่การส่งพลังงานครับ

แต่สายสัญญาณ เน้นไปที่การพาสํญญาณต่างๆไปให้ได้เพี้ยนน้อยที่สุด

ความยืดหยุ่นเป็นแค่ผลพลอยได้จากการที่สายมันเส้นเล็กครับ แต่ถ้าดัดงอมากๆ สายด้านนอกของส่วนโค้งก็จะขาดง่ายเช่นกัน

อิเลคตรอนความถี่สูงชอบวิ่งที่ผิวจะเป็นทฤษฎีที่เรียนกันในวิชา Electromagnetic II ครับ จำบทไม่ได้แล้ว หลายสิบปีแล้วครับ ความจำเริ่มแย่แล้ว
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 25

JokE_zZz

14/02/2012 23:35:01
2
ลิ้งค์ที่ให้มามันพื้นฐานไปหน่อยสำหรับผมนะครับ เคมีระดับอะตอม/โมเลกุล มันมีอะไรมากกว่านั้นมากๆ ^^!

ผมบอกแล้วครับ มันเป็นเรื่องของพันธะระหว่างอะตอมโลหะ ลอง Search คำว่า พันธะโลหะ ดูนะครับ ว่าเป็นยังไง ลองทำความเข้าใจกับมันก่อน ไม่งั้นไปต่อไม่ได้แน่ๆ

การจะเข้าใจระดับนั้นต้องมีพื้นฐานทางเคมีพอสมควรนะครับ เพราะเรื่องนี้มันเป็น Physical Chemmistry เข้าใจยากสักหน่อย ผมเองก็ไม่ได้แตกฉาน แต่คิดว่าเข้าใจหลักพื้นฐานบ้างพอสมควร การจะถกกันรู้เรื่องมันต้องอยู่บนพื้นฐานเดียวกันก่อนนะครับ

เพราะไม่งั้นมันจะเหมือนจะเอาหมอมานั่งถกกับวิศวกร ยาวเลยทีนี้ ^^
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 26

digitalotis

15/02/2012 00:35:34
ผมเอง ใช้เครื่องเสียงรถยนต์ชุดเล็กๆครับ Pioneer 5150
ลำโพงหน้า Performance Color Full
ลำโพงหลัง Base รุ่นอะไรจำไม่ได้ของเก่าไม่ค่อยได้เปิด จะเปิดก็แต่ตอนมีคนนั่งหลัง
ชอบฟัง Front Stage ขึ้นเสาเอ
คู่หน้าหลัง ขับด้วย Alpine F450 มั้ง
Sub Cross Fire รุ่นไรสักอย่าง ขับด้วย Amp อะไรสักอย่าง
เดินสายใหม่ ใส่ Cap
สายสัญญาณ ตอนแรกใช้ไร้ยี่ห้อ จนเริ่มคัน จับ Monster ลง รุ่น Monster MPC I404 4C-5M Extreme Low Noise 4-Channel Car Stereo RCA Cables (5 meters)
ฟังแรกๆ เสียงมันแปล่งๆ พอฟังไปซักระยะ เหมือนดีขึ้น รายละเอียดเสียง ดีขึ้น เสียงเบส ค่อยๆกลืนกันมากขึ้น ถ้าไม่ใช่เพราะเบิรน์ ผมก็บอกไม่ถูกครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 27

digitalotis

15/02/2012 00:40:25
0
การเบริน์สาย มันก็เหมือนกับสายใหม่ ไม่เคยมีไฟฟ้าวิ่ง พอมีไฟวิ่ง มันก็เหมือนจะมีการเรียง อินเล็คตรอนใหม่ ให้ไปในทิศทางเดียวกัน ไม่อย่างนั้น ทำไม Audio Quest รุ่นแพงๆต้องมีกระเป๋าใส่ถ่าน ??? DBS??
http://www.audioquest.com/seventy-five-ohm/hawk-eye
ลองอ่านดูครับ
ก็ ง่ายๆ ลองกลับทิศ ฟิวส์ทที่เคยใช้ฟังกันน่าจะฟังออก
ทำไม เราต้องจัดเรียงสายสัญญาณ ตามตัวอักษร ??? ถ้าบอกมันไม่มีทิศ ???
เรื่องแบบนี้ลองไม่ยากครับ
แต่มันจะ Drama แน่ๆ คอยดู 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 28

digitalotis

15/02/2012 00:44:02
0
ทำไม ต้องมีเครื่องเบริ์นสาย มาขาย ? หลอกกันหรือเปล่า
แต่การใช้เครื่องเบริน์ Cable Cooker มันก็ไม่ดีเท่ากับ Burn ด้วยกันฟัง ที่เราทำๆนี่ล่ะ ช้าแต่ชัวร์
ทำไม AVR Onkyo ซื้อมาใหม่ๆ ถึงมีหมอกขาวๆ บางๆ ในภาพ ทุกอย่างต้องเบริน์ครับ
ต้องลองดู :P แรกๆ ก็ไม่เชื่อหรอก แต่พอใช้ไปสักระยะ ก็เห็นว่าหมอกหายไป ก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 29

digitalotis

15/02/2012 00:45:20
0
บ่นไปตามเรื่องตามราว ประสาคนบ้า อย่าถือสานะครับ : P
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 30

digitalotis

15/02/2012 00:50:29
0
ขอแก้คำผิดยิดครับ จากกระเป๋า เป็นกระเปาะ
อีกรุ่นที่มี
http://www.audioquest.com/reference-series/sky
สายซับเอง ก็ไม่เว้น
http://www.audioquest.com/subwoofer-cables/sub-3
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 31

dutchmew

15/02/2012 00:59:48
4
เอ๋ ..

เรื่องอิเลคตรอนมีความเร็วเท่าแสงนี่ผมไม่คุ้นเลยแฮะ

พี่อีแมนย์คอนเฟิร์มเรื่องนี้เปล่าครับ ทำเอาผมต้องไปทบทวนความรู้เก่าๆเลยเนี่ย
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 32

นายมั่นคง

15/02/2012 01:08:38
4,290
ผมมารอบดึก เก็บข้อมูลที่ถกกันล่ะจ้าๆๆๆๆๆ 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 33

Razr

15/02/2012 01:28:09
23
มาลงชื่ออ่านด้วยจ้า หวังว่าจะได้คำตอบนะครับ เพราะผมก็สงสัยเหมือนกันเกี่ยวกับการเบิร์นสาย+แอมป์
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 34

ก๊วกกี้

15/02/2012 01:38:36
37
เรื่องทิศของสายสัญญาณที่เรียงหัวไปท้ายตามตัวอักษรนั้น... ผมเคยอ่านจากนิตยสารเล่มไหนก็จำไม่ได้เป็นบทสัมภาษณ์เจ้าของหรือผู้บริหารnordost นี่ล่ะมั้ง


แกบอกว่าก็ใส่ "ทิศทาง" ไปงั้นๆ แหละ


การฟังเสียงที่เกิดจาก "อะตอมเรียงตัวใหม่" แล้วแตกต่างจากของเดิม ผมคิดว่าเป็นเรื่องเหนือมนุษย์ไปแล้วล่ะครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 35

digitalotis

15/02/2012 01:49:31
0
ทิศของสายสัญญาณที่เรียงหัวไปท้ายตามตัวอักษรนั้น...

http://hitech.sanook.com/841406/qed-silver-anniversary-xt/

ผลการต่อใช้งานในแบบย้อนทิศของ QED Silver Anniversary XT

ผลการทดสอบทำให้ผมอึ้งไปเลย ทีเดียว มิน่าเล่าที่ผ่านมาปลายๆ เสียงแหลมจึงไม่ค่อยจะเก็บตัว (มันมีอาการพร่านิดๆ ด้วยซ้ำไป เมื่อฟังด้วยระดับเสียงที่ดังมากๆ) และตอบคำถามผมได้ในประเด็นที่ว่า ทำไมเสียงกลองที่ Jim Keltner (Drum Record และ Sheffield Drive แทร็คสุดท้าย) กระหน่ำไม้กลองลงไปบนกลองทอมทอม มันจึงไม่สามารถแสดงรายละเอียดให้ได้จนถึงระดับที่น่าพอใจสักเท่าไหร่ (รวมทั้งรายละเอียดของเสียงแซ่ที่ลูบไล้ไปบนหน้ากลองและฉาบ) รวมถึงเสียงฉาบไฮแฮตที่ก็จะฟังว่า ไม่ค่อยจะเผยอจากกันสักเท่าไหร่นัก

การต่อใช้งาน QED Silver Anni- versary XT ในแบบย้อนทิศนี้ ได้คุณภาพเสียงเป็นที่น่าพอใจมากๆ (และถูกต้องด้วย) เห็นได้ชัดถึงเวทีเสียงที่เปิดเผยได้ใกล้เคียงกับ Kimber Kable 4TC (ไม่มีเวลาและไม่ได้ตั้งใจจะแยกแยะให้ละเอียดว่าประเด็นนี้ใครเหนือกว่าใคร) และต้นโน้ตที่ไม่ต้องเปรียบเทียบซ้ำสอง คือ ชัดเจนและ Clear แบบที่ Nordost Valhala, Kimber Kable 8 TC , 4 TC ทำได้

คราวนี้หางเสียงของฉาบซิมเบิลจากการ ต่อใช้งานแบบก่อนหน้านั้นที่รู้สึกว่าจะทื่ออยู่นิดๆ ก็จะพลิ้วขึ้นมา (หางเสียงยาวขึ้นด้วย) เวทีเสียงกว้างใหญ่ขึ้น ไปได้เกือบสุดๆ ทั้งทางด้านกว้าง ด้านสูงและด้านลึก (ด้านลึกเดิมก็ดีมากอยู่แล้วก็จะไม่แสดงความเปลี่ยนแปลงมาก แต่ทางด้านกว้างนี้จะเห็นได้ชัดมาก)

ไดนามิกที่คราวนี้จะออกมาอย่างน่า นับถือเลยทีเดียว ทั้งเบสที่ได้ความแน่นและกระชับเข้ามา เสียงทุกย่านที่อวบใหญ่ขึ้น (ระดับยอดเยี่ยมเลยคราวนี้) เบสด้านลึกที่ชัดเจนกว่าเดิมมาก และเสียงฉาบไฮแฮต ฉาบซิมเบิลที่อิ่มและมีเนื้อ (เป็นครั้งแรกที่ได้ยินเสียงหวิวๆ ของฉาบลอยอ้อยอิ่งได้จากสายลำโพงเส้นนี้) ไดนามิกเยี่ยมมากๆ ทั้งแม็คโครไดนามิกและไมโครไดนามิก

การแยกแยะชิ้นเครื่องดนตรีช่วงที่ ซับซ้อนมากๆ จะไม่ใช่ประเด็นแล้ว เพราะจะสามารถทำได้อย่างไม่ยากเย็น และการแยกเสียงเครื่องดนตรีต่างๆ ที่จะสามารถทำได้อย่างเป็นอิสระ (ทั้งการแยกเสียงระหว่างเครื่องดนตรีด้วยกันและเสียงตัวมันแยกจากเสียงแอ มเบี๊ยนซ์ที่สะท้อนอยู่ภายในเวทีเสียง)

คราวนี้จะได้ความเป็นตัวตนของอิมเม จที่เยี่ยมมากเลยทีเดียว มีบรรยากาศรายรอบ เห็นได้ชัดถึงบรรยากาศเสียงที่เพิ่มขึ้นในเสียงย่านต่ำๆ และในย่านเสียงกลาง, กลางสูงและเสียงแหลมด้านล่าง

ได้ทั้งความหนักแน่นในทุกย่านเสียงและความละเอียดอ่อน ได้เสียงกลางแหลมที่นุ่มนวลขึ้น (เสียงพร่านิดๆ ในย่านเสียงแหลมหายไป)
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 36

digitalotis

15/02/2012 01:51:50
0
ทิศทาง สำคัญหรือไม่ ลองดูฟวิสืที่ผ่านการ ไคโอจินิค บางตัว จะมีทิศกำกับเลย
บางตัวไม่มี แต่อยากให้ลอง สลับดู แล้วจะรู้ว่า มันมีทิศ หรือเปล่า
ส่วนตัว เคยลองแล้ว บางจุดเห็นผลชัดเจน บางจุดเห็นผลน้อย พวกต้นทาง จะเห็นผลเยอะกว่า ครับ : P

ไม่ได้ยิน ไม่รู้ก็ยินดีด้วยครับ ไม่เสียตัง : P
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 37

clound

15/02/2012 02:00:52
0
ยิ่งนานยิ่งรู้เยอะ ^^ ขอบคุณที่มาแชร์ครับ

กลับด้านก็เคยนะครับ เสียงเปลี่ยนเยอะเลย บางคน เค้าัยังฟังไปถึงกลับปลั๊กเสียบไฟเลยนะครับ อันนี้ผมเทพไม่พอ 555+
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 38

roy

15/02/2012 03:41:27
0
พี่อีแม้น จบจากคณะอะไรครับเนี่ย ม.อะไรครับ ?

อยากทราบเพราะผมเคารพพี่ครับ ไม่ได้มีสิ่งใดแอบแฝง

อันที่จริงผมไม่มีความรู้เรื่องวิทยาศาสตร์อย่างที่กล่าว ๆ มาเลย

รู้แค่เพียง งู ๆ ปลา ๆ แบบ วิทยาศาสคร์สายศิลป์ครับ

ปัจจุบันเรียนอยู่ คณะ มนุษย์ศาสตร์ เอก ประวัติศาสตร์ ครับผม

เชี่ยวชาญแต่เรื่อง ประวัติศาสตร์ การเมือง และ สังคมครับ เรื่องวิทยาศาสตร์นี่ด้อยมาก

อย่างไรก็ตาม อยากได้ความรู้เชิงวิทยาศาสตร์มาก ๆ เลยครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 39

digitalotis

15/02/2012 08:32:56
0
เค้าัยังฟังไปถึงกลับปลั๊กเสียบไฟเลยนะครับ
เคยมั้ยที่เสียบปลั๊กแล้วมีเสียงหึ่งๆ มีแสียงแปลกๆ หรือว่าเบสหาย อาการนี้เค้าเรียกว่ากลับเฟสครับ ลำโพงคอมพิวเตอร์ที่พอใช้ได้หน่อยนึง ก็จะมีเฟส ไม่เชื่อลองกลับดู แล้วลองฟังบุคลิกเบส ไม่น่าจะยากครับ

เค้าถึงบอกว่าอย่าเล่นกับไฟ 555+ มันจบยาก
เครื่องเสียงถ้ามีการว์ดีๆ ไปได้ไกลครับ ของแบบนี้ต้่องลอง

ส่วนเรื่องทิศทาง
เคยสงสัยมั้ย ทำไม ฟิวส์ Bussman บางตัว 10 บาท บางตัว 300 เพรามันผ่านกระบวนการ Cryogenic มาครับ เป็นการเรียงโมเลกุลใหม่ประมาณนั้น ลองอ่านเพิ่มดู

http://www.goodsoundhub.com/forum/index.php?topic=72.0
http://www.thaidiyaudio.net/index.php?topic=6377.0

เครื่องเสียง เหมือนมีมนต์ดำ ถ้าระบบใหญ่นิดหนึ่งแล้วทำระบบการว์ดีๆ เปลีย่นอะไรนิดหน่อยก็จับได้ไม่ยาก

เคยเปลี่ยนแค่ฟิวส์ในเครื่องกรองไฟ ทำให้อารมณ์เปลี่ยนก็มี เพลงเดิม เวลาของเพลง 3.20 นาที เท่ากัน แต่หิวส์ตัวแรก เหมือนนักร้องรีบร้อง หางเสียงสั้น หิวส์ตัวที่สอง เหมือนนักร้องเอื้อนมากขึ้น ถ้าถามผม ก็แค่ความรู้สึกที่ได้รับ

แต่การเล่นเครื่องเสียง เราเล่นเพื่ออารมรณ์ ???
บางครั้ง คนบางคนชอบหูฟังรุ่นที่ถูกกว่า รุ่นที่แพงเพราะ อารมณ์ น้ำเสียง ??? ประมาณนั้น
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 40

digitalotis

15/02/2012 08:43:57
0
ทั้งหมดที่ผมต้องการจะสื่อคือ ทุกอย่าง ต้องมีการเบริน์ทั้งสิ้น แต่ความแตกต่างจะมากจะน้อยแล้วแต่ระบบ

การ Cryogenic การที่มีการติดตั้ง DBS ลงไปในสายราคาแพง
การที่เราต่อสายโดยเรียงตามตัวอักษร

มันก็เหมือนกับว่า มันมีการจัดเรียงโมเลกุลใหม่ ประมาณนั้น

สุดท้ายนี้ เล่นเครื่องเสียงไม่มีผิดถูก มีแต่ชอบไม่ชอบ บางครั้ง การต่อสายไฟบ้านเข้าเครื่องเสียง การต่อการว์ดีๆ ลงการว์ 3 อัน ช่างไฟยังมองว่า แปลกเลย เครื่องเสียงมันกินไฟเยอะเหรอ คำถามที่โดนมากับตัว เอิ่ม ไปไม่เป็นเลย เอาเป็นว่า ผมสบายใจที่ได้ทำ แล้วมันก็ไม่ได้ลงทุนมากมาย แต่ผมเห็นผลครับ หรือว่าผมเป็นคนประหลาดหว่า ???

น้ำท่วมทุ่งไปเยอะเลย : P
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 41

JokE_zZz

15/02/2012 09:02:19
2
จริงๆ ผมควรเลิกถกกับคุณ eeman2 ตั้งแต่บอกว่าอิเลกวิ่งด้วยความเร็วเท่าแสง แล้วนะครับ
เพราะอันนี้มันบอกถึงว่าไม่เข้าใจตั้งแต่พื้นฐาน

อิเลกตรอนเป็นอนุภาค ส่วนแสงเป็นคลื่นพลังงาน มันคนละชนิดกัน

พอมาถึงเรื่องตัวนำแบบกลุ่มฝอย ยิ่งไปกันใหญ่ ที่บอกว่าได้พื้นที่หน้าตัดเยอะขึ้น อันนี้ยิ่งผิดเข้าไปใหญ่ เพราะมันเบสิกมากๆๆๆๆๆๆ

ผมจะยกตัวอย่าง นะครับ ลองวาดวงกลม 2 วงขนาด OD เท่ากัน แล้วลองวาดวงกลมเล็กๆลงในวงกลมรูปหนึ่งจนเต็ม แล้วคำนวณพื้นที่หน้าตัดดูครับ ว่าการนำวงกลมเล็กๆมาประกอบกัน กับเป็นวงใหญ่ๆเลยรูปเดียว อันไหนพื้นที่เยอะกว่า พอยังไม่จบประเด็นแรก ท่านก็ดันมาต่อเรื่องความเพี้ยน ยิ่งออกทะเลไปกันใหญ่ ผิดเข้าไปอีก

ดังนั้น ผมขอสรุปนะครับ

การเบิร์นทำให้สายนำสัญญาณได้ดีขึ้นอย่างแน่นอน อาจจะมากหรือน้อยขึ้นกับหลายปัจจัย ซึ่งสามารถอธิบายด้วยหลักการทาง เคมี และฟิสิกส์

ทุกสิ่งบนโลกมันมีเหตุผลของมันครับ การที่เราไม่รู้ ไม่ได้แปลว่ามันอธิบายไม่ได้ เพราะยังมีอีกหลายอย่างที่มนุษย์อธิบายไม่ได้ แต่มันมีคำตอบแน่ๆ เพียงแต่เรายังไม่เจอมันเท่านั้นเองครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 42

MusicCover

15/02/2012 09:38:24
กระทู้มีสาระเยอะดีครับ เจ๋งเลย

เอออ ผมขอถามอีกนิดครับ (คงไม่เกี่ยวกับกับเรื่องทฤษฎีอะไรเพราะผมก็ไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้มาก) เกี่ยวกับพวกหูฟังที่ใช้ Driver ameture คือเคยได้ยินมาต่อให้เบริน์ยังไงเสียงก็ไม่เปลี่ยน (คุ้นๆว่าผู้ผลิตเขาบอกมานะ) แต่ทำไมตอนเราใช้ไปสักพักใหญ่ๆแล้วเสียงกลับเริ่มดีขึ้น อันนี้เป็นผลของตัว Driver เองที่ผ่านการเบริน์มาแล้ว หรือเป็นเพราะสายหูฟังที่ผ่านการเบริน์มาแล้วเหรอครับ

แล้วเรื่องพวกสาย mini ต่างๆ (อันนี้เคยอ่านกระทู้เก่าๆ นานมาแล้วนะครับไม่ใช่ตัวผมเองที่เคยลอง)จำได้ว่าสายของ Kimber Hero รุ่นดังๆเมื่อก่อน ที่มีคนเคยเอาไปทำสาย Mini ตอนทำเสร็จใหม่เสียงแทบฟังไม่ได้เนื่องจากแหลมบาดหู ต้องใช้เวลาเบริน์ประมาณ 200-300 ชม. เสียงถึงจะเริ่มเข้าที่ ตกลงสายมันมีผลจริงๆเหรอเนี้ย
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 43

doss

15/02/2012 09:56:52
เดี๋ยวนะๆ ผมอ่านๆมาผมก็ไม่ค่อยเข้าใจหรอกครับ แต่คุณ Joke_zZz ครับ ผมเห็นคุณ eeman2 บอกว่าพื้นที่ผิวนะครับ ไม่ใช่ พื้นที่หน้าตัดครับ

เรื่องอื่นผมไม่รู้ครับ ผมอาศัยอ่านเอาอย่างเดียวครับ

ข้อมูลดีมากๆครับ ถกกันต่อ ผมมาเก็บข้อมูลครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 44

oxymoron

15/02/2012 10:12:06
0
มาลงชื่อว่า เข้ามาติดตามเหมือนกันครับ
กระทู้ดี มีสาระ ^^
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 45

clound

15/02/2012 10:18:44
0
อืมม ก็ก็เห็นว่า พื้นที่ผิว ไม่ใช่หน้าตัด
แต่ผมว่าในส่วนนี้ ไม่ใช่ว่าจะทำยังไงให้กระแสวิ่งไวที่สุด
เพราะมันมีสายทั้งแกนเดี่ยว แกนฝอย
วิธีวิ่งมันคงไม่เหมือนกันหล่ะครับ เสียงก็ไม่เหมือนกันด้วย และไม่ใช่ว่าตัวไหนวิ่งไวกว่้าแล้วเสียงจะดีกว่า
มันดีคนละแบบอีกครับ อย่างแกนเดี่ยว เค้าว่าเสียงจะมีมวล และมิติที่ดีกว่าฝอย แต่จะสู้ในเรื่องรายละเอียดไม่ได้ครับ

คุณ MusicCover ถกขึ้นมา ผมเลยนึกได้ว่า สาย mini มัน burn แล้วเห็นชัดกว่าสายหูฟัง สายหูฟัง ยังฟังออกยากอยู่ แต่ mini นี่ชัดเจนเลยครับ ก่อนและหลังเบิร์น
ถ้ามันไม่ใช่จากเบิร์น แล้วมันมาจากไหนครับ มันก็มีแค่แจ๊ค สาย ตะกั่ว แค่นั้นเอง ไม่มีตัวหูฟังมาเกี่ยวข้อง แสดงว่า เบิร์นก็ต้องมีผลแน่นอนครับ แถมยังเรื่องฝั่งที่เสียบอีก จะเห็นได้ว่า มีสาย mini มากมายที่กำหนดขั้วไว้เสียบ player หรือ amp ถ้าเสียบผิด เสียงก็ต่างแล้วครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 46

JokE_zZz

15/02/2012 10:41:38
2
โอ้ว สงสัยผมคงอ่านผิด

ถึงจะเป็นพื้นที่ผิว มันก็น้อยลงเหมือนกันครับ สายที่จะนำกระแสได้ดี ต้องมีผิวที่เรียบสม่ำเสมอที่สุด ลองใช้วงกลม 2 รูปที่ผมยกตัวอย่างนะครับ แล้วลองดูพื้นที่ผิวที่ Electron จะวิ่ง รูปที่ประกอบจากวงเล็กๆ เยอะๆ พื้นผิวจะเป็นรูปดอกไม้ นึกภาพออกใช่มั้ยครับ มีรอยหยักลง ตรงนั้นแหละครับ เกิดการ Loss ขึ้น ส่วนรูปที่เป็นวงใหญ่เลยวงเดียว อิเลกตรอนวิ่งได้ฉิวเลยครับ ไม่มีส่วนเว้าให้ต้องสะดุด

อย่างเช่นตัวนำตีเกลียว บางครั้งจะมีการนำไปอัดแน่น เพื่อลดส่วนเว้าให้น้อยลง เพื่อให้พื้นผิวเข้าใกล้วงกลมเรียบๆ มากที่สุด การเลือกชนิดตัวนำ ขึ้นกับการใช้งานเป็นหลักครับ ไม่ใช้ว่าคิดแต่เรื่องนำสัญญาณได้ดีอย่างเดียว

ดังนั้นการใช้ตัวนำฝอย มันใช้เพื่อความยืดหยุ่นเท่านั้นครับ ไม่ได้ให้ผลทางการนำกระแสที่ดี ลองคิดดูครับ ถ้ามีการนำตัวนำ Solid มาทำสายหูฟัง มันจะใช้การได้มั้ยครับ พอม้วนเก็บที จะเอาออกมาใช้ สายมันก็ไม่คืนรูป หงิกๆงอๆ ใช้งานไม่สะดวก ถึงเสียงจะดีเลิศ แต่ใช้งานจริงไม่สะดวก ก็ไม่เป็นที่นิยมหรอกครับผม ^^
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 47

คมกฤช

15/02/2012 10:55:28
56
มาเก็บข้อมูลด้วยคนครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 48

เพลงไพเราะ

15/02/2012 11:14:23
มันก็พูดยากนะ แต่ถ้าจะเอาแบบวิทยาศาสตร์จริงๆล่ะก็

หนึ่งเลย คือ ความรู้สึกใช้เป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ไม่ได้

เพราะคนเรามีความสามารถในการรับรู้ไม่เท่ากัน อุณหภูมิเดียวกันคนนึงร้อนอีกคนหนาวอีกคนเฉยๆ

ผมว่าถ้าจะพิสูจน์กับจริงๆ ต้องวัดที่การส่งสัญญาณในลักษณะต่างๆของกระแสก่อน-หลังเอาตารางกราฟมาเปรียบเทียบกันไปเลยครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 49

eeman2

15/02/2012 19:26:32
0
น้อง dutchmew ครับ หัวข้อนี้คือการเบิร์น "แค่สาย" น่ะครับ แล้วก็เกิดการถกกันว่า เบิร์นแล้วได้อะไร มีอะไรที่เปลี่ยนไปบ้างในทาง"วิทยาศาสตร์"เท่านั้นนะครับ เรื่องความเชื่อไม่ขอก้าวก่าย ทีนี้เรื่องการเบิร์นก็ต้องใช้สัญญาณเสียง ซึ่งก็คือสัญญาณไฟฟ้าที่ไหลผ่านสายตัวนำ ในลิ๊งค์ที่พี่ลงไว้ให้ก็บอกไว้ชัดเจนนะครับ ว่าไฟฟ้า (ซึ่งก็คือการวิ่งของอิเลคตรอนในสายตัวนำ) มีความเร็วเท่าแสง พี่อาจพิมพ์ไม่ครบ แต่ตอนพิมพ์ยังใช้ความเข้าใจเฉพาะในเรื่องของการเบิร์นสายนะครับ ไม่ใช่ความเร็วของอิเลคตรอนอิสระแบบที่เซิร์นเค้าขุดอุโมงค์ลงไปทดลองนะครับ ดังนั้นไม่ต้องเสียเซ้วฟ์ครับ การพิจารณาคำพูดหรือประโยคใดก็ตาม ขอให้ดูข้อแม้ต่างๆก่อนมาถึงความหมายของประโยคที่ต้องการสื่อด้วย

น้อง Roy ครับ โบราณคดีเป็นสาขาที่พี่อยากเรียนมากตั้งแต่อยู่มัธยมนะครับ เรียนเผื่อพี่ด้วยก็ดีครับ ถ้าดูจากชื่อ login จะเดาได้ว่า พี่เป็นช่างไฟครับ เพียงแค่ชยันอ่านกับใจรักอีกเล็กน้อย การใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์มาอธิบายเรื่องราวต่างๆ ไม่ใช่เรื่องเท่ห์หรอกครับ เพียงแค่ยึดหลักเหตุและผลตามกาลามสูตร บวกเข้ากับเซ๊นส์ของการคิดแบบวิทยาศาสตร์ หรือถ้าน้องไม่ได้เรียนมาทางนี้ ก็ลองใช้สามัญสำนึกดูเล่นๆน่ะครับ ว่ามันเป็นเหตุเป็นผลกันหรือไม่ ก็จะได้พบเห็นเรื่องราวอีกมากมายครับ
การหาข้อพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ โดยทั่วไปก็มีสองทางครับ ทางแรกคือวิธีที่ท่านเพลงไพเราะได้บอกเอาไว้ครับ ทางที่สองคือการหาทฤษฎืมาสนับสนุน”ความคิด” เพื่อให้ความคิดมีหลักวิทยาศาสตร์รองรับจนกลายเป็น”ข้อเท็จจริง”
คุณ Joke_zzz ครับ ขอบคุณสำหรับข้อโต้แย้งแบบมีเหตุมีผล ผมสนุกมากครับ แต่อยากให้อ่านข้อความของผมให้ละเอียดซักนิดนึงครับ อย่าเพิ่งใช้มิจฉาทิษฐิ จะทำให้เราพลาดเอง ไม่ว่าจะเรื่องอิเลคตรอน เรื่องพื้นที่ผิว หรือเรื่องสายเส้นเล็กๆ ทฤษฎีพื้นๆนี่แหละครับ เป็นพื้นฐานของหลักความจริงทั้งปวง กรุณาอย่าเพิ่งรีบบลั๊ฟ หรือออกแนวประชดประชัน ไม่ดีสำหรับตัวเราเองหรอกครับ เอาเหตุผลล้วนๆมาคุยกันดีกว่า ไอ้เรื่องกระแสไฟไหลผ่านแล้วผิววัสดุเปลี่ยนไปนี่ผมเคยทำเครื่องมาเลยครับ ปล่อยไฟสี่ร้อยแอมป์เข้าท่อสเตนเลส ท่อทองแดง จนร้อนแดง แล้วปล่อยให้เย็นลงตามธรรมชาติ โครงสร้างของมันจะเปลี่ยน ทำให้ดัดโค้งงอได้ง่ายขึ้นโดยไม่แตกหรือหัก แต่นั่นคือการใช้พลังงานสูงมากสร้างความร้อนให้ผิวงาน ขนาดเกิดออกซิไดเซชั่นในฉับพลัน แต่ไม่ใช่กรณีของสายสัญญาณที่ใช้ไฟเป็นมิลลิแอมป์ หรือไมโครแอมป์ครับ
อย่าไล่ผมไปอ่านทฤษฎิการเกาะกันของอะตอมเลยครับ ขอเหตุผลวิทยาศาสตร์มาเลยดีกว่าครับ ว่าภายใต้ข้อแม้การเบิร์นสาย มันมีอะไรที่เปลี่ยนไปบ้าง ถ้ายังพิสูจน์ไม่ได้ ก็บอกไว้เลยครับ ว่าตอนนี้ยังพิสูจน์ไม่ได้ ไม่ได้เป็นเรื่องเสียหายนะครับ

เรื่องเปลี่ยนวัสดุ หรือสลับขั้วที่มีบางท่านโพสท์ไว้ มันไม่ตรงกับกรณีนี้น่ะครับ ลองไปหากระทู้เก่าๆ ถ้าจำไม่ผิดเรื่อง สายไฟ AC ราคาแพง อะไรทำนองนี้แหละครับ ลองอ่านดูก่อนครับ


ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 50

LuzD_Negro

16/02/2012 10:30:02
0
เรื่องอื่นผมไม่ขอออกความเห็นอะไรครับมาอ่านเก็บข้อมูล แต่จะบอกว่า แสงประพฤติตัวเป็นได้ทั้งอนุภาคและพลังงานครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 51

eeman2

16/02/2012 10:31:24
0
ขอเสริมคห.45 นิดนึงครับ เพิ่งมีเวลาได้พิมพ์

ข้อแรก กระแสไฟฟ้าวิ่งได้เร็วเท่าแสงบนลวดตัวนำอยู่แล้วครับ (กลัวพิมพ์ให้ครบ เดี๋ยวน้อง dutchmew จะว่าเอา) เพียงแต่ความถี่สูงจะชอบวิ่งด้านนอก (บริเวณผิว) จริงๆความถี่เสียงก็ยังไม่ถือว่าสูงมาก แค่ประมาณ 20 - 20000 Hz (นั่นคือเหตุผลที่โปรแกรมต่างๆชอบริบเพลงกันที่ความถี่ 44KHz เพราะมันคือสองเท่าของความถี่ที่เราได้ยิน) ไม่ใช่วิ่งได้ช้าหรือไวกว่ากันครับ แต่สายราคาแพงที่ใช้วัสดุดีกว่า สัญญาณมันจะถูกลดทอนหรือเพี้ยนไปจากเดิมน้อยกว่าสายที่วัสดุแย่กว่า (ศัพท์ง่ายๆเรียกกันว่า drop ถ้าศัพท์เทคนิคเอาให้เท่ห์หน่อยก้ Attenuation) สัญญาณเสียงไม่ใช่สัญญาณที่มีความแรง โดยเฉพาะพวกเสียงสูง เสียงปลายแหลมๆที่ชอบทิ้งหางเสียง พวกนี้มีขนาดของคลื่นเสียงไม่มาก (Amplitude) ก้เลยมักจะดรอปหายไปกับสายน่ะครับ ในขณะที่พวกเสียงเบสมีขนาดใหญ่กว่า ถึงดรอปไปบ้าง ก็ยังฟังได้ถึงความชัดเจนอยู่ ดังนั้นไม่ว่าสายแกนเดี่ยวหรือสายฝอย ถ้าเป็นวัสดุชนิดเดียวกัน (คนละชนิดเอามาเทียบกันไม่ได้นะครับ) พื้นที่หน้าตัดเท่ากัน (พื้นที่ผิวไม่เท่ากันนะครับ) กลับไม่ส่งผลต่อเสียงต่ำมากเท่าไหร่นัก (มีผลเพียงเล็กน้อยมากๆๆๆๆ)

ส่วนเรื่องสายมินินั้น มันก็ยังคงเบิร์นซ้ำตัวหูฟัง และหูเราอยู่ดีนั่นเองครับ ไม่มีอะไรหรอกครับของพวกนี้ ฟังไปฟังไป สุดท้ายมันก็เข้าสู่ความสุขของเราเป็นตัวตั้งเท่านั้นเอง
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 52

eeman2

16/02/2012 10:37:22
0
ขอบคุณท่าน LuzD_Negro ครับ ว่าจะอุบไว้แล้วเชียว

http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%81%E0%B8%AA%E0%B8%87
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 53

JokE_zZz

16/02/2012 12:00:27
ผมว่าจะไม่ต่อแล้วเชียวนะครับ แต่เห็นมาแสดงความเห็นเรื่องแสงอีกครั้ง มันอดไม่ได้จริงๆ ครับ ยังจะผิดไม่เลิก

ถ้าแสงเป็นอนุภาค มันมีมวลเท่าไหร่ครับ เพราะสสารทุกชนิดต้องมีมวล มวลมีหน่วยเป็น gram นะครับ ลองหาข้อมูลให้ผมดูหน่อยสิครับ

ลิงค์ที่เอามา อ่านดูก็บอกไว้ชัด ว่า ก้อนพลังงาน พลังงาน มีหน่วยเป็น จูล ไม่มีมวล

ลองอ่านที่เป็นภาษาอังกฤษนะครับ อย่าอ่านภาษาไทยเลย เพราะมันอาจมีการเข้าใจผิดในทางภาษาได้

กระแสไฟฟ้าวิ่งได้เร็วเท่าแสงบนลวดตัวนำอยู่แล้วครับ
อันนี้ผมยกข้อความท่านมาเลยนะครับ ข้อความนี้ท่านไปเอามาจากไหนครับ ผมถามตรงๆ คิดเองใช่มั้ยครับ เพราะผมเคยอธิบายไปแล้ว ว่า อิเลกตรอนต้องอาศัยตัวกลางในการเคลื่อนที่ ดังนั้น ถ้าตัวนำดี ก็เคลื่อนที่ได้เร็ว ถ้าตัวนำแย่ก็ช้า เพราะฉะนั้นความเร็วจึงขึ้นกับชนิดตัวนำ(ตัวกลางที่ใช้เคลื่อนที่)

จริงๆมันเป็น Sense ที่เบสิคมากครับ เหมือนรถวิ่งบนถนนเรียบ กับถนนขรุขระ อันไหนไปได้เร็วกว่ากัน

ถ้าท่านยืนยันว่ามันเป็นแบบนั้น แสดงว่าความเร็วอิเลกตรอนมีค่าคงที่ ลองหาหลักฐานมาให้ผมดูได้มั้ยครับ ว่าเอามาจากไหน

ผมว่าท่านพอเถอะนะครับ ผมด้านวิทย์มา 9 ปี เข้าใจอะไรมากพอแล้ว ท่านอย่าพยายามหาข้อมูลใน Google แล้วคิดว่าจะเข้าใจได้ลึกซึ้งกว่าคนที่ศึกษามาได้เลยครับ เพราะยิ่งต่อ มันยิ่งผิดหนักเข้าไปอีก ไม่รู้ มันก็ไม่ได้ผิดอะไรนะครับ แต่อย่าเอาข้อมูลผิดๆมาเผยแพร่เลย

ปล. ถ้าข้อความไหนของผมอ่านแล้วทำให้รู้สึกเหมือนโดนประชด หรือทำให้ไม่สบายใจ ผมขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 54

dutchmew

16/02/2012 12:18:20
4
ขอบคุณครับ

ถามเพราะสงสัยจริงๆนะครับ ไม่ได้มีเจตนาอื่นใด อย่างที่บอกว่าฟังแล้วไม่ค่อยคุ้นหูคุ้นตาเลยกับเรื่องนี้

แต่กับประเด็นหลัก เรื่องเบิร์นสาย ผมก็ยังตีค่าให้เป็นเรื่องของความเชื่อซะ 80% อยู่เหมือนเดิม

การจับความสัมผัสด้านเสียงที่เปลี่ยนไป จากการเปลี่ยนแปลงระดับอะตอมหรือโมเลกุลนั้น
ผมว่าบนโลกนี้ต้องมีใครหลายคนทำได้แน่นอน

แต่ไม่ได้มีมากกันอย่างแพร่หลาย และแยกแยะกันได้ง่ายๆ แบบที่เราเห็นกันทุกวันนี้แน่ๆ

ผมเห็นบางคนได้สายใหม่มา เบิร์นคืนเดียว ก็บอกว่าแตกต่างกันมากมาย บรรยายกันเป็นฉากๆ..

ที่ผมคิดคือ ส่วนใหญ่จะออกแนว ก็แค่รู้ว่ามันดี ก็เลยพร้อมจะบอกตัวเองว่ามันดี แล้วก็เป็นความสุขทางใจไป
แต่การจะบอกว่าเพราะมีความสุขทางใจนั้น เลยจะมาสร้างผลให้เห็นเป็นรูปธรรมแบบวิทยาศาสตร์นั้น ใช้ไม่ได้ครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 55

clound

16/02/2012 12:41:10
0
มันเห็นชัดเจนนะผมว่า ลองดูเช่น tf10 ไดร์เวอร์จะไม่เกี่ยวข้องสักเท่าไหร่ เพราะเป็น b amature เพิ่งฟังแกะกล่อง เสียงอีกแบบนึง พอเบิร์นเสียงอีกแบบนึง
พอเบิร์นได้ที่แล้ว ฟังดู แล้วหาสายเดิมตัวที่ยังไม่เบิร์นมาฟังดู ต่างแน่นอนครับ เสียบเข้าเสียบออกหลับตาเทียบกันเลยดีกว่า
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 56

เพลงไพเราะ

16/02/2012 12:41:28
0
ลองศึกษาคำว่า โฟตอน ดูครับ

จากความรู้น้อยๆของผมเข้าใจว่าแสงประพฤติตัวเป็นได้ทั้งคลื่นและอนุภาค แต่ไม่ได้หมายถึงว่ามันจะเปลี่ยนกลับไปกลับมาเมื่อไรก็ได้ตามใจนะครับ ในเหตุการณ์หนึ่งๆมันเป็นได้อย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้นน่ะครับ ขึ้นอยู่กับว่านักวิทยาศาตร์เค้าจะเอามาใช้อธิบายปรากฏการณ์อะไร คือบางปรากฏการณ์ แสงก็ประพฤติตัวเป็นอนุภาค(นักวิทยาศาสตร์ไม่สามารถใช้คุณสมบัติของคลื่นอธิบายได้แต่สามารถใช้ คุณสมบัติว่าแสงเป็นอนุภาคอธิบายได้) บางปรากฏการณ์แสงก็ประพฤตตัวเป็นคลื่นน่ะครับ (ก็กลับกันน่ะครับ ไม่สามารถใช้คุณสมบัติของแสงที่เป็นอนุภาคอธิบายได้)

ปล ทั้งนี้ทั้งนั้นผมว่ามันเกินไปจากคำตอบที่เจ้าของกระทู้ต้องการมากเลยครับ ถ้ายังอยากได้คำตอบจริงๆก็แบบที่ผมว่าไว้เลยครับ
'วัดที่การส่งสัญญาณในลักษณะต่างๆของกระแสก่อน-หลังเอาตารางกราฟมาเปรียบเทียบกันไปเลยครับ"

ผมว่าคนที่อยู่ในที่นี้คงมีอุปกรณ์ในการทดลองเพียบพร้อมกันอยู่แล้วครับ

ปล อีกที ผมไม่ได้มีความเชี่ยวชาญในสายนี้นะครับเพราะฉะนั้นข้อมูลอาจผิดเพี้ยนไปบ้างก็อย่าได้ถือสากันนะครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 57

florida

16/02/2012 12:46:55
อยากรู้ว่าเรียนวิทย์อะไรมาตั้ง9ปี ถ้าเรียนต่ออีกซักปีสองปีอาจจะไ้ด้รู้ว่าแสงก็ประพฤติตัวเป็นอนุภาคได้ด้วย ไม่ทราบว่าเคยได้ยินคำว่าโฟตอนมั้ยครับ ถ้าไม่เคยก็กลับไปเรียนต่ออย่างที่ผมบอกนะ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 58

JokE_zZz

16/02/2012 12:52:53
2
ผมเห็นด้วยกับท่าน dutchmew เลยครับ

แต่ผมว่ามันไม่ใช่ความเชื่อหรอกครับ มันคือ อุปาทานมากกว่า พอได้อ่านรีวิวเสียงมา ก็คิดไปแล้วว่าเสียงมันต้องเป็นแบบนี้ พอได้มาใช้เอง สมองก็สั่งให้อุปาทานอย่างที่เคยได้อ่านมาแล้ว

ขนาดตัวผมเองเล่นมา 5 ปี แล้ว ยังไม่ค้นพบวิธีกำจัดอุปาทาน กับความเห่อ ไปได้อย่างหมดสิ้นเลย สิ่งที่สามารถทำได้ คือ อยู่กับมันไปนานๆครับ เหมือนคบแฟน ได้มาใหม่ๆ ก็เห่อ อะไรก็ดีไปหมด พอผ่านไปจนเริ่มชินแล้ว ก็จะรู้เองครับว่ามันใช่ หรือ ไม่ใช่

อย่าง Sony XBA-4SL ตอนแรกผมเคยรีวิวไปว่าดีกว่า W3 กับ UE700 ตอนนี้หลังจากขายมันไปเพราะความไม่ได้เรื่องของเสียงมันแล้ว ถ้าให้รีวิวใหม่ ผมขอบอกเลยว่า เสียงมันไม่เอาอ่าวเลยสำหรับผมครับ ขนาดก็อ้วนใหญ่มาก ใส่นานแล้วล้า จนผมทนมันไม่ได้อีกต่อไป เราเลยต้องเลิกกัน ^^

แต่เรื่องนึงที่ผมกล้าพูดได้เต็มปาก คือ การเบิร์นส่งผลให้เสียงดีขึ้นอย่างแน่นอน ทั้งเครื่องเล่น แอมป์ สาย โดยเฉพาะหูฟัง เพราะตั้งแต่ใช้ของมา เบิร์นแล้วฟังเพราะขึ้นแบบรู้สึกได้เลยสำหรับผม

ดังนั้น คนที่ฟังแค่ 1-10 เพลง หรือ แกะกล่องมาแล้ว อธิบายได้เป็นฉากๆ อันนั้นคิดเองดีๆนี่เองครับ ไม่เชื่อลองไปอ่านกระทู้ Sony ดูครับ คนที่มาเล่าเสียงต่อจากผม มาแนวเดียวกับผมหมดเลย ผมไม่เชื่อหรอกว่า่ทุกคน ฟังแล้วได้แนวเดียวกับผมตั้งแต่แกะกล่อง เบสมันตื้นมาก ก็บอกว่าลึก แต่ผมคงไปวิจาร์ณอุปาทานส่วนบุคคลไม่ได้

อย่าลืมครับ หูเทพไม่มีในโลก เพราะที่เห็นๆโลกนี้มีแต่มนุษย์
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 59

JokE_zZz

16/02/2012 13:00:50
2
พระเจ้า ยังมีคนมาลองภูมิผมไม่เลิก ผมไม่อยากอธิบายยืดยาวแล้วนะครับ

ผมเรียนมัธยม 6 ปี (สายวิทย์ 3 ปี) ต่อ วศ.เคมี อีก 4 ปี ทำงานในบริษัทสายไฟฟ้ามาอีก 5 ปี สงสัยจะเรียนน้อยไป คงไม่สามารถให้ความกระจ่างกับแต่ละท่านได้ ต้องขออภัยด้วยอย่างสูงครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 60

เพลงไพเราะ

16/02/2012 13:01:42
0
ชอบตรงได้หูใหม่เหมือนได้แฟนใหม่ โดนครับ^^
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 61

eeman2

16/02/2012 13:10:55
0
เอาน่า เอาน่าครับ อย่าแตกประเด็นกันเลย ขอแค่"เบิร์นสาย"ก้น่าจะพอแล้วน่าครับ ไม่งั้นเถียงกันวุ่นวาย เรื่องแสงจะเป็นอะไร อิเลคตรอนจะวิ่งเร็วกว่าเต่า ก็ไม่มีผลต่อการเบิร์นสายหรอกครับ ผมแค่เปรียบเทียบให้เห็นเท่านั้นเอง

คุณ cloud ครับ ตอนผมเอา tf10 ไปโมสาย เสียงวันแรก กับวันที่สอง วันที่สาม ก็ต่างกันไปเช่นกันครับ ความเห็นส่วนตัวผมว่าไม่ได้อยู่ที่สายหรอกครับ เพราะผมอธิบายไม่ได้ว่าสายมันเปลี่ยนแปลงยังไงแค่นั้นเอง

ท่าน Joke_zzz ครับ ต่อให้ผมบอกว่า ผมเรียนปวช.ช่างไฟมาสามปี วิศวกรรมไฟฟ้าระดับป.ตรีอีกสี่ปี (เกียรตินิยมอันดับสอง) วิศวกรรมไฟฟ้าระดับป.โทอีกสองปี สอนหนังสือในภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้ามาอีกเก้าปี แล้วก็มาทำงานสายงานวิจัยต่ออีกยี่สิบห้าปี ก้ไม่ได้แปลว่าสิ่งที่ผมพูดออกไปจะเป็นความจริงหรือเป็นความเท็จไปทั้งหมดหรอกครับ (ทั้งหมดล้อเล่นนะครับ เดี๋ยวจะคิดว่าเป็นจริง) คนเราไม่รู้กันได้ รู้แล้วลืมก็ได้ รู้ผิดแล้วรู้ใหม่ให้มันถูกก็ได้ ท่านทำงานอยู่ในสายงานด้านนี้อยู่แล้ว นั่นคือท่านมีความรู้ในรายละเอียดมากกว่าผมที่หาข้อมูลอ่านเอาตามกูเกิ้ลอยู่แล้ว ลองใจเย็นๆแล้วเปิดใจซักนิดนึงนะครับ วิทยาศาสตร์เป็นสิ่งที่อธิบายได้ มันมีเหตุและผลเหมือนหลักศาสนานะครับ ถ้ายังสนุกกับการถกกันต่อ เราเอาศาสตร์มาอธิบายกันดีกว่าครับ ผมยังสนุกกับการถกความคิดกันอยู่ ท่านยิ่งอธิบาย ภูมิความรู้ของท่านก็จะยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆนะครับ อย่าไปติดกับดักอิเลคตรอนอยู่เลยครับ มันไม่ใช่ประเด็นหลัก ขอแค่นี้ละครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 62

florida

16/02/2012 13:11:30
เป็นไงล่ะ เจอดริฟท์คร่อมรางทะลุความเร็วแสง
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 63

POL_2

16/02/2012 13:15:07
0



เห็นมีเครื่องเบิร์นด้วย
รูป: fb piyanas
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 64

เพลงไพเราะ

16/02/2012 13:17:48
0
555 ดีครับ จบสวยดี ไม่มีใครเจ็บ ^^
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 65

JokE_zZz

16/02/2012 14:21:54
2
ผมรู้สึกเหนื่อยใจนิดๆ ครับ ที่โดนท่าน florida ถามกลับมาว่ารู้จัก Photon รึเปล่า เพราะคิดว่าคงไปนั่งเปิด Google หาว่าแสงเป็นอนุภาคได้มั้ย แล้วอ่านแบบผิวเผินโดยไม่รู้แก่นแท้ว่า Photon คืออะไร เจอแค่คำว่า Particle ก็รีบมาโพสประชดผมซะแล้ว

ถ้าท่านคิดว่า Photon เป็นอนุภาค ท่านเปิด Google แล้วหาให้ผมดูหน่อยครับว่า Photon มีมวลเท่าไหร่

แสงไม่ใช่อนุภาค แต่กลุ่มพลังงานที่รวมเป็นก้อนนั้น ประพฤติตัวเหมือนอนุภาค จึงสามารถอธิบายโดยใช้หลักการของอนุภาคได้

อนุภาคมูลฐานที่ประกอบกันเป็นอะตอม มีเพียง 3 ชนิดในจักรวาลนี้เท่านั้น คือ Electron, Proton และ Neutron จำไว้ครับ อนุภาค ต้องมีมวล

สิ่งที่ไม่มีมวล ไม่ใช่อนุภาค แต่สามารถประพฤติตัวเหมือนอนุภาคได้

ขอบคุณท่าน eeman2 ครับ ที่มาเตือนสติ ว่าควรว่ากันด้วยเหตุผล หลังจากผมสติแตกไปหน่อยนึง ^^

ผมขอจบกระทู้นี้ แค่นี้ก่อนครับ สนุก+เหนื่อย เดี๋ยวจะกลายเป็นอาจารย์สอนวิทยาศาสตร์ ที่เด็กไม่ยอมฟังไปซะเปล่าๆ ออกทะเลไปไกลแล้ว ฮิ้วววววว
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 66

eeman2

16/02/2012 14:24:11
0
:)

คงได้เถียงกันต่ออีกในกระทู้ข้างหน้านะครับ 55
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 67

ฟลอริดา

16/02/2012 15:23:41
ถ้าเช่นนั้นผมก็ต้องถามใหม่แล้วล่ะครับว่าผมไปบอกตอนไหนว่าโฟตอนเป็นอนุภาค

มาบอกว่าผมไปเปิดกูเกิ้ล แหมม กะข่มเต็มที่ เจอคุณอีแมนเอาโปรไฟล์ฟาดหน้ามาหลังจากที่ไปเบ่งไปดูถูกเขาเอาไว้แล้วหงอเลยต้องหาที่ลงใหม่เหรอครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 68

dutchmew

16/02/2012 23:03:00
4
เถียงกันสนุกๆถือว่ารับความรู้จากอีกฝ่ายก็พอนะคร้าบ

แชร์ความรู้กัน เถียงกันด้วยข้อมูลก็ดีแล้ว
ไม่จำเป็นต้องดราม่า ไม่จำเป็นต้องสบประมาทกันครับ

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 69

oname2

16/02/2012 23:29:22
3
ผมเห็ยเป็นพี่ อีแม้นนนนย์ ก็รู้แล้วครับว่าไม่มี ดราม่าแน่ๆ......ดีไม่ดี เดี๋ยวพาออกทะเลด้วย...อิอิ

แต่เดี๋ยวนี้พี่ทศย์หายไปเลยอะ ไม่มีคนช่วยพาออกทะเลเลย อิอิ .....ฮุฮุ.....
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 70

davincio

17/02/2012 11:59:05
0
ผมคิดเล่นๆ นะคับ ถ้าเกิดในอนาคตมีคนผลิต Super Conductor ที่ใช้งานได้จริง แล้วเอามาใช้งานในช่วงความถี่เสียงที่เราฟังเพลงกัน คงดีไม่น้อยนะครับ อิอิ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 71

eeman2

17/02/2012 12:58:47
0
ทำเป็นเล่นไปเจ้าโอย์ พี่นี่เกรียนขั้นเทพรุ่นโมเด็ม 28.8K นะจ๊ะ 555

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 72

cal2ibsy

17/02/2012 18:46:52
2
(คนมาช้าาาาาาา)
กรณี1
ถ้าหลังเบิร์นทำให้เสียงเปลี่ยนได้จริง (สมมุติเอาเป็นว่าเปลี่ยน จะฟังออกหรือไม่อีกเรื่องนึง)
พวกเครื่องมือแพทย์-ทหาร หลังจากใช้ไปซักพัก ค่าที่ตรวจจับได้ก็คงเปลี่ยนไปด้วยล่ะมั้ง เพราะการอินพุดข้อมูลมันจะเจ๋งกว่าเดิม(ในกรณีที่เบิร์นสายแล้วเสียงเปลี่ยน)

กรณี2
แต่ถ้าไม่เปลี่ยน ยังไงมันก็ไม่เปลี่ยน แต่เราจะฟังว่าเปลี่ยนหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับว่าคิดไปเองหรือไม่

โลหะมีอิเล็คตรอนอิสระ วิ่งไปมาอย่างเละเทะในโลหะ เมื่อมีความต่างศักย์ อิเล็คตรอนจะไหลไปทางเดียว เมื่อปิดไฟฟ้า อิเล็คตรอนจะวิ่งมั่วซั่วเหมือนเดิม"ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง"
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
"สอบถามทุกท่านเกี่ยวกับการเบริน์ *แค่สาย* หน่อยจ้า"