Guest
หมวดหมู่ > ขายของมือสอง

ช่องทางการติดต่ออื่น

  • Munkonggadget
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Contact Us

รู่สึกเซ็งกับการทำบุญค่ะ

pinkkyka

29/01/2012 20:56:55
IP : 58.10.13.198
คือเมื่อไม่กี่วันไปถวายปัจจัยที่วัดธาตุทองมาค่ะ

ขอไม่บอกว่าถวายเท่าไหร่มาค่ะ

คือเพิ่งมารู้ว่าเงินที่ถวายไป จะมีพระท่านสมศักดิ์ มาซื้อหูฟัง
ซึ่งเพิ่ง มาอ่านเจอ ค่ะ

รู้สึกแย่อย่างบอกไม่ถูกที่เจอพระแบบนี้
ได้แต่ทำใจจจ ค่ะตอนนี้
ความคิดเห็นที่ : 1

oname2

29/01/2012 21:02:17
3
IP : 101.51.142.187
มีแหล่งข่าวไหมครับ ขออ่านเป็นข้อมูลหน่อยครับ
ความคิดเห็นที่ : 2

Fatlawyer

29/01/2012 21:02:29
1
IP : 124.120.246.245
อ่านมาจากไหนเหรอครับ แล้วก็ชื่อสมศักดิ์มาอีกแล้ว คงเป็นคนละคนกับคุณสมศักดิ์คนดังในบอร์ดนี้นะ นั่นก็อยู่แถวเอกมัยด้วย อิอิ
ความคิดเห็นที่ : 3

Mr.Mit

29/01/2012 21:03:03
0
IP : 58.11.244.63
เราทำบุญ ๆ กุศลจะเกิด
1.ก่อนทำ
2.ขณะทำ
3.หลังจากทำ

คงแนะได้เพียงว่า เมื่อใจเราตั้งใจทำบุญแล้ว หลังจากนั้น คนที่รับเงินเราไป เค้าจะไปใช้จ่าย อย่างไร ...บาป บุญ จะต้องอยู่กับเค้าเอง

ส่วนตัวเราได้ บุญ ตั้งแต่ 3 ข้อด้าน บน แล้ว ครับ

ทำจิตใจให้บริสุทธิ์
ความคิดเห็นที่ : 4

Close_Up

29/01/2012 21:06:46
0
IP : 61.90.70.159
^
^
+1000 ไปครับ
ความคิดเห็นที่ : 5

leonacoff

29/01/2012 21:09:00
0
IP : 58.8.62.49
ลองอ่านดูครับเพื่อจะเข้าใจและสบายใจขึ้นครับ ยาวหน่อยนะแต่มีประโยช์นมาก

การทำทานที่จะได้อานิสงส์มากนั้น ต้องประกอบไปด้วยองค์ ๓ อย่าง คือ
๑. วัตถุสัมปทา
๒. เจตนาสัมปทา
๓. ปุคคลสัมปทา

๑.วัตถุสัมปทา หมายถึงของที่จะพึงให้ทานนั้นต้องเป็นของที่ได้มาด้วยความบริสุทธิ์คำว่า
“ของบริสุทธิ์”นั้น หมายถึงของต่างๆที่ได้มาโดยไม่ผิดศีล ๕ และไม่ผิดกฎหมายบ้านเมือง ถ้าผิดอย่างใดอย่างหนึ่งก็เรียกว่าของนั้นไม่บริสุทธิ์ เช่น การให้อาหาร สมมติว่าเราฆ่าปลา ฆ่าไก่ มาทำแกงแล้วเอาไปทำบุญ จัดว่าเป็นของไม่บริสุทธิ์ เพราะผิดศีล ๕ ข้อแรก เป็นการเอาชีวิตของผู้อื่นมาทำบุญ ย่อมจะได้ทั้งบุญและบาป ได้ทั้งคุณและโทษ บุคคลใดก็ตามที่ฆ่าสัตว์เอาไปทำบุญนั้น เวลาตายแล้วเกิดในชาติหน้า ก็จะเป็นคนร่ำรวยมีทรัพย์สมบัติมากได้อยู่เหมือนกัน แต่อายุจะสั้นพลันตายเสียโดยเร็ว ตั้งแต่เด็กแต่เยาว์ ยังมิทันที่จะบริโภคทรัพย์สมบัตินั้น และการตายก็จะต้องถูกผู้ร้ายฆ่าตายเพื่อต้องการทรัพย์ เพราะทรัพย์ต่างๆนั้นเกิดจากบุญที่ได้มาจากชีวิตของผู่อื่น ซึ่งเป็นของที่มีเวรติดต่อสืบเนื่องกันมา บุคคลใดก็ตามที่ร่ำรวยมีทรัพย์สมบัติมากแล้วถูกโจรปล้นจี้ฆ่าเจ้าทรัพย์ตายนั้น ให้พึงรู้เถิดว่า นั้นเป็นผลของกรรมเก่าของเขาเอง เพราะเจ้าของทรัพย์นั้นเมื่อชาติปางก่อนได้ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตเอาไปทำบุญ เป็นผลของกรรม เป็นผลของเวรที่ติดสืบเนื่องกันมาแต่ชาติปางก่อนทั้งนั้น และก็จะเป็นเช่นนี้ไปจนกว่าจะครบ ๕๐๐ ชาติ จึงจะหมดเวร คำที่กล่าวกันว่า “เอาบาปเป็นทุน เอาบุญเป็นกำไร” นั้นใช้ไม่ได้ไม่ควรทำ ถ้าใครไม่กลัวอายุสั้นตลอด ๕๐๐ ชาติ ยังขืนฆ่าสัตว์เอาไปทำบุญก็ช่วยไม่ได้ ฉะนั้น การฆ่าสัตว์เอาไปทำบุญ วัตถุทานอันนั้นจัดว่าไม่บริสุทธิ์ เป็นของที่มีทั้งคุณและโทษผสมกัน ไม่ควรที่บุคคลทั้งหลายที่มีปัญญาจะพึงกระทำเป็นอันขาด ถ้าไปซื้อของที่เขาฆ่ามาแล้ววางขายตามท้องตลาดตางๆไม่เป็นไร ไม่เป็นบาป ไม่มีทุกข์เป็นโทษสิ่งใด มีแต่ได้บุญอย่างเดียว แต่ถ้าเงินทองที่ไปซื้อมานั้นเป็นของไม่บริสุทธิ์ เช่น เป็นเงินทองที่ไปลักเขามาไปขโมยเขามา ได้มาอย่างผิดศีล ๕ จัดว่าไม่บริสุทธิ์ทั้งนั้น เมื่อเอาเงินทองที่ไม่บริสุทธิ์เหล่านี้ไปซื้อของมาทำบุญ ของนั้นก็พลอยไม่บริสุทธิ์ไปด้วยเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ เพราะมีโทษ มีเวร มีภัย เช่น ไปลักขโมยเอาของคนอื่นมาทำบุญ เวลาผู้นั้นตายไปเกิดในชาติหน้าเมื่อใดที่แสวงหาทรัพย์มาได้ ก็จะต้องมีคนมาลักขโมยเอาทรัพย์นั้นไปเสียบ่อยๆทำให้เหนื่อยแรงเปล่าๆ หามาด้วยความลำบากแล้วไม่ได้กินไม่ได้ใช้ ก็ต้องมาถูกขโมยไปเสียก่อน เป็นเช่นนี้บ่อยใครๆก็ไม่ชอบ แต่เมื่อผู้นั้นเคยไปขโมยของเค้ามาเมื่อขาติปางก่อน ก็ย่อมที่จะเป็นเวรที่ติดต่อกันมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และก็จะเป็นเช่นนี้ไปตลอด ๕๐๐ ชาติ หรือเป็นไปเช่นนี้ตลอดทุกภพทุกชาติไปจนกว่าจะสิ้นกรรม ฉะนั้น บุคคลที่มีปัญญาจึงควรแสวงหาวัตถุทานที่บริสุทธิ์ โดยส่วนเดียว คือไม่ผิดศีล ๕ และไม่ผิดกฎหมายบ้านเมืองด้วย เอาสิ่งของที่บริสุทธิ์โดยส่วนเดียวนี้ไปทำบุญ จึงจะได้บุญมากเต็มที่โดยส่วนเดียว ไม่มีบาปเจือปนแม้แต่เล็กน้อย


๒.เจตนาสัมปทา คือต้องถึงพร้อมไปด้วยความตั้งใจมั่นทั้ง ๓ กาล
กาลแรกเรียกว่า ปุพพเจตนา หมายถึง ก่อนที่จะให้ทาน ก็ต้องดีใจ ชื่นใจ ชอบใจ มีความปลื้มปิติยินดีปรีดาปราโมทย์ จิตรื่นเริงผ่องใส มีจิตที่สะอาดบริสุทธิ์ ไม่ขุ่นมัวเศร้าหมอง อึดอัดขัดเคืองด้วยประการทั้งปวง ยิ่งทำจิตให้เป็นสมาธิได้มากเท่าใด ก็ยิ่งได้อานิสงส์ได้บุญมากขึ้นเท่านั้น ฉะนั้น คนโบราณเขาจึงได้สอนกันต่อๆมาว่า จะทำบุญสิ่งใดต้องตั้งใจให้ดีๆให้มั่นคงแน่วแน่ อย่าทำใจวอกแวกหรือคิดเคลือบแคลงระแวงสงสัยในผลของบุญกุศลว่าจะมีหรือไม่มี อย่าคิดฟุ้งซ่านไปในเรื่องอื่นๆ ผลบุญจะมากหรือน้อย จะรุนแรงหรืออ่อน ก็ขึ้นอยู่กับเจตนานี้แลส่วนหนึ่ง คือถ้าเจตนารุนแรง ผลบุญก็รุนแรง ถ้าเจตนาอ่อน ผลบุญก็อ่อนตามไปด้วย ถ้าเชื่อเรื่องบุญเต็ม ๑๐๐ มีความตั้งใจแน่วแน่ในการทำบุญ ย่อมได้ผลบุญเต็มที่ ถ้าใจแปรปรวนโลเลไม่แน่นอนก็จะได้บุญน้อย จะได้บุญมากหรือน้อยก็อยู่ที่ใจเป็นสำคัญ เพราะพระพุทธองค์ได้ตรัสเอาไว้ว่า “บรรดาธรรมทั้งหลาย มีใจเป็นใหญ่ มีใจเป็นหัวหน้า มีใจเป็นประธาน” ฉะนั้น เมื่อบุคคลจะให้ทานสิ่งใด ก็ควรตั้งใจให้แน่วแน่มั่นคง และให้ถูกทางด้วย คำว่า ถูกทางนั้น หมายถึง ให้ถูกทางที่ดีที่สุด สูงที่สุด เป็นสุขที่สุด และยั่งยืนที่สุดด้วย ซึ่งทางที่ว่ามานี้ก็มีอยู่ทางเดียวนั้นก็คือ “พระนิพพาน” มีบาลีว่า “นิพฺพานํ ปรมํ วทนุติ พุธา” แปลว่า “พระพุทธเจ้าทั้งหลายกล่าวนิพพานว่ายวดยิ่ง” อีกบทหนึ่งว่า “นิพฺพานํ ปรมํ สุขํ” แปลว่า “นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง” ฉะนั้น บุคคลผู้มีปัญญาปรารถนาจะได้ความสุขอย่างยวดยิ่ง เวลาทำบุญกุศลสิ่งใด จึงต้องปรารถนาทำใจให้แน่วแน่มั่นคง มุ่งตรงต่อพระนิพพานทุกครั้งไปจึงจะควร เมื่อทำบุญแล้ว ปรารถนาพระนิพพานทุกครั้งบ่อยๆเข้า บุญก็จะเต็มส่วน เต็มธาตุ เต็มธรรม และจะส่งผลบุญให้ผู้มีความปรารถนานั้นสำเร็จได้ดั่งมโนรถปรารถนาทุกประการ ตรงกันข้ามกับบุคคลที่ทำบุญแล้วไม่ปรารถนานิพพาน ก็จะไปนิพพานไม่ได้ ถึงแม้เราจะปรารถนานิพพานก็จริงแต่ถ้าบุญบารมียังอ่อน ยังน้อยอยู่ ยังไม่พอ ก็ยังไปไม่ได้เหมือนกัน เปรียบเหมือนกับประเทศอเมริกา ถึงแม้เรามีความตั้งใจที่จะไปก็จริง แต่เรามีเงินน้อยไม่พอ ก็ไปไม่ได้เหมือนกัน ต้องเก็บสะสมจนกว่าจะพอถึงจะไปได้ ฉันใด พระนิพพานก็ฉันนั้น เมื่อเราบารมียังอ่อน ยังไปไม่ได้ ก็ควรจะสร้างสมกันไปเรื่อยๆทุกภพทุกชาติ ไม่ควรปล่อยชีวิตให้ว่างเปล่าปราศจากบุญกุศลที่พึ่งได้พึ่งถึง เราเกิดมาแล้วชาติหนึ่งย่อมมีโอกาสที่จะสร้างสมบุญเพิ่มพูนกุศลได้มากมายหลายประการ ข้อสำคัญอยู่ที่ใจของเราคิดจะทำจริงหรือไม่เท่านั้น บุคคลใดก็ตามที่ปล่อยเวลาและชีวิตให้ล่วงเลยไป โดยไม่ทำบุญกุศลสิ่งใดให้เป็นสาระแก่นสาร ให้เป็นที่พึ่งอันสูงสุดก็ต้องเวียนว่ายตายเกิด ได้รับแต่ความไม่เที่ยงไม่แน่นอน เป็นทุกข์ทรมานไปไม่มีที่สิ้นสุด สมด้วยพระพุทะภาษิตว่า “ขโณ โว มา อุปจฺจคา ขณาติตา หิ โสจนฺติ นิรยมฺหิ สมปฺปิตา” แปลว่า “ขณะอย่าให้ล่วงท่านไปเสียโดยเปล่าประโยชน์ เพราะบุคคลที่มีขณะอันล่วงไปแล้วย่อมจะเบียดเสียดกันเศร้าโศกอยู่ในนรก” เพราะบุคคลที่ไม่ทำบุญสิ่งใดเลย ก็มักจะทำแต่บาปโดนส่วนเดียว เมื่อทำบาปอย่างเดียว ก็ต้องตกนรกอย่างเดียว จะเป็นอื่นไปไม่ได้
กาลที่ ๒ เรียกว่า มุญจนเจตนา หมายถึงเวลาที่กำลังจะทำทานนั้น ก็ต้องมีความดีใจ ชื่นใจ ชอบใจ มีความปลื้มปิติยินดีปรีดาปราโมทย์ คือต้องตั้งใจให้ดี ให้ถูกเหมือนกับเจตนาในครั้งแรกนั่นเอง
กาลที่ ๓ เรียกว่า อปราปรเจตนา หมายถึงเมื่อให้ทานไปแล้ว จะคิดขึ้นมาเวลาใดก็ต้องมีความดีใจ ชื่นใจ ชอบใจ มีความปลาบปลื้มยินดีเหมือนกับครั้งก่อนๆนั่นเอง ถ้าใน ๓ กาล คือก่อนแต่จะให้ทาน ๑, กำลังให้ ๑, หลังจากให้แล้ว ๑, มีความมั่นคงแน่วแน่ จิตผ่องใส ดีใจ ชอบใจเหมือนกันทั้ง ๓ กาล ก็เรียกได้ว่าถึงพร้อมด้วยเจตนา เป็นเจตนาสัมปทาอย่างนี้ย่อมได้บุญมาก ได้อานิสงส์มาก ถ้าไม่ถึงพร้อมทั้ง ๓ กาล บุญกุศลนั้นก็ถดถอยน้อยลงไป เช่น เมื่อก่อนแต่จะให้ ดีใจ ชอบใจ หรือมีกำลังให้ก็ดีใจ ชอบใจ แต่เมื่อให้ไปแล้วกลับเสียดาย เกิดความเสียใจทุกข์ใจ เช่นนี้เมื่อไปเกิดในชาติหน้า ก็จะเป็นคนร่ำรวยเป็นเศรษฐีได้อยู่ แต่ก็เป็นคนตระหนี่ เรียกว่ามัจฉริยเศรษฐี คือเป็นเศรษฐีที่ขี้เหนียว ไม่ยอมใช้สมบัติที่มีมากนั้นให้เกิดประโยชน์แก่ตนและคนอื่นโดยสมควร เพราะความเสียดายที่ติดเป็นนิสัยมาเมื่อชาติปางก่อน จะบริโภคอาหารก็เลือกเอาแต่ที่ถูกๆ เลวๆ จะใช้เสื้อผ้า ก็ใช้แต่ที่เก่าๆ ขาดๆ หรือซื้อแต่ของที่ถูกๆ คุณภาพต่ำๆมาใช้ ถึงจะมีเงินมากสักเท่าไรก็ไม่มีประโยชน์ อันนี้ก็เพราะเป็นผลของกรรมที่เรียกว่า มโนกรรม คือตั้งใจไว้ไม่ดี อันเนื่องมาจากเสียดาย เกิดความเสียใจในของที่ให้ทานไปนั่นเอง ฉะนั้น เมื่อบุคคลให้ทานสิ่งใดไปแล้ว ไม่ควรจะคิดเสียดายในภายหลัง ต้องตัดใจให้ขาดจริงๆ และต้องเกิดความดีใจ ชื่นใจ ชอบใจ ต้องทำใจให้เกิดความปลื้มปิติยินดีอยู่เสมอ ทั้งก่อนที่จะให้ กำลังให้ และเมื่อให้ไปแล้ว ต้องทำใจให้ผ่องใสบริสุทธิ์มั่นคงแน่วแน่เป็นสมาธิ และต้องปรารถนาให้ถึงซื่งพระนิพพานด้วยทุกครั้ง เมื่อทำใจให้ได้ดังที่กล่าวมาทั้ง ๓ กาล ก็เรียกได้ว่า ถึงพร้อมด้วยเจตนา จัดเป็นเจตนาสัมปทา เป็นเหตุให้ได้บุญใหญ่ ได้อานิสงส์มาก


๓.ปุคคลสัมปทา หมายเอาความถึงของบุคคล มี ๒ อย่าง ผู้ให้ทาน ๑, ผู้รับทาน ๑, ทั้งผู้ให้และผู้รับจะต้องเป็นผู้มีศีลอันสะอาดบริสุทธิ์ผ่องใส ยิ่งมีศีลมากก็ยิ่งทำให้มีอานิสงส์มากขึ้น ถ้าเป็นคฤหัสถ์ก็จะต้องมีศีล ๕ เป็นอย่างน้อย จึงมีธรรมเนียมสืบๆกันมาว่าผู้ที่จะถวายทานต่างๆจะต้องอารธนาศีลก่อนที่จะถวายทานเสมอ ทั้งนี้ก็เพื่อจะให้ได้บุญมากได้อานิสงส์มากนั่นเอง แต่ถ้าบุคคลใดได้รักษาศีล ๕ อยู่เป็นประจำ ไม่ขาด ไม่ด่าง ไม่พร้อย ก็ไม่จำเป็นจะต้องไปรับศีลก่อน แต่ส่วนมากมักจะรักษากันได้ไม่ครบ ฉะนั้น จึงต้องรับกันใหม่ เพื่อให้เกิดความบริสุทธิ์แก่ผู้ให้ทาน จะได้อานิสงส์มาก ยิ่งได้รับศีล ๕ เสียก่อนก็จะทำให้ได้บุญมากยิ่งขึ้นไปอีกเป็นทับทวีคูณ ฉะนั้น ผู้ที่ตั้งใจจะถวายทานแก่พระสงฆ์ จึงจำเป็นต้องรับศีลอย่างใดอยางหนึ่งก่อนก่อนเสมอ ขาดไม่ได้ ส่วนผู้ที่จะรับทานนั้นก็มีอยู่หลายประเภท ตั้งแต่สัตว์เดรัจฉานไปจนถึงพระภิกษุสงฆ์ และก็มีอานิสงส์น้อยมากตามสมควรแก่เหตุปัจจัยไม่เสมอกันตามฐานคุณความดีของผุ้รับดังที่ได้กล่าวมาแล้วในบทก่อน ฉะนั้น ผู้ที่มีปัญญาปรารถนาจะสร้างสมบุญเพิ่มพูนกุศลที่จะให้มีผลใหญ่ มีอานิสงส์มากนับประมาณไม่ได้ จึงควรถวายสิ่งของต่างๆให้เป็นสังฆทาน หรือเป็นวิหารทาน การถวายวิหารทานนั้นก็คือ การสร้างที่อยู่ถวายแก่พระภิกษุสงฆ์อันมาแต่ทิศทางทั้ง ๔ ไม่เจาะจงภิกษุรูปหนึ่งรูปใด เมื่อเสนาสนะนั้นว่าง ภิกษุรูปใดมาถึงเห็นเข้าก็อาศัยอยู่ได้ เช่น สร้างโบสถ์ กุฎิ หอฉัน เป็นต้น จัดว่าเป็นวิหารทานได้บุญมากได้อานิสงส์ใหญ่กว่าการให้อามิสทานทั้งหมด พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า ผู้ใดให้ที่อยู่ ได้ชื่อว่าให้สิ่งทั้งปวงพร้อมหมด ผู้ใดให้ข้าว น้ำ อาหาร ได้ชื่อว่าให้กำลัง ผู้ใดให้ผ้า ได้ชื่อว่าให้ผิวพรรณ เพราะผู้ใดเมื่อนุ่งห่มผ้าแล้วย่อมมองดูสวยงาม ฉะนั้น ผู้ใดที่ให้ผ้าเครื่องนุ่งห่มในชาตินี้ เวลาตายไปในภพหน้า จะเป็นผู้ที่มีรูปร่างผิวพรรณสวยสด งดงาม น่าดู น่าชม ผู้ใดให้ยานเครื่องเดินทาง ได้ชื่อว่าให้ความสุข ผู้ใดให้ประทีป คือแสงสว่างต่างๆ ได้ชื่อว่าให้จักษุ ทั้งมังสจักษุ คือตาเนื้อ และทิพยจักษุ คือตาทิพย์ กับปัญญาจักษุ หมายถึงมีปัญญาละเอียดสุขุมลุ่มลึกแคล่วคล่องว่องไว ฉลาดแหลมคม สามารถรู้อรรถรู้ธรรมได้รวดเร็วและชัดเจนถูกต้องตามความเป็นจริง ฉะนั้น บุคคลที่มีปัญญาปรารถนาจะสร้างบุญเพิ่มพูนบุญกุศล ให้บริสุทธิ์ทุกๆอย่าง จึงต้องพยายามถวายทานให้ได้ทุกๆอย่าง เมื่อตายไปเกิดในภพชาติเบื้องหน้าจะได้มีความรู้ความสามารถดีพร้อมทุกอย่าง ทั้งทรัพย์สินเครื่องอุปโภคบริโภคก็จะบริบูรณ์ คนทุกคนจะมีอะไรดีพร้อมหรือไม่พร้อมก็อยู่ที่การสร้างสมอบรมของเขาเอง ถ้าใครทำบุญไว้ไม่พร้อมทุกอย่าง บางอย่างทำ บางอย่างไม่ทำ เมื่อตายเกิดในชาติหน้า บางอย่างก็บริบูรณ์ บางอย่างก็ไม่บริบูรณ์ เพราะเหตุที่เขาทำบุญไว้ไม่พร้อมนี่เอง โดยเหตุนี้พระพุทธองค์จึงได้ตรัสเป็นคาถาไว้ว่า “กมฺมํ สตุเต วิภชติ ยทิทํ หินปฺปณิตาย" แปลว่า กรรมย่อมจำแนกสัตว์โลกให้เป็นต่างๆกัน คือให้เลว และให้ประณีต” สัตว์โลกทั้งหลายย่อมเป็นไปตามกรรม มีกรรมเป็นของตน มีกรรมเป็นแดนเกิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นทายาท มีกรรมเป็นที่อยู่อาศัย ผู้ใดทำกรรมอันใดไว้ จะดีเป็นบุญก็ตาม จะชั่วเป็นบาปก็ตาม เขาก็ต้องรับผลของกรรมอันนั้นไปทั้งหมด จะไปยกกรรมชั่วให้ผู้อื่นหรือจะไปแย่งกรรมดีจากผู้อื่นก็ไม่ได้ ฉะนั้น ผู้มีปัญญาปรารถนาความเจริญให้แก่ตนเอง จึงต้องละเว้นกรรมชั่วด้วยประการทั้งปวง และทำกรรมดีให้ถึงพร้อมบริบูรณ์ทุกๆอย่าง ดังพระพุทธโอวาทว่า “การไม่ทำบาปทั้งปวงการยังกุศลให้ถึงพร้อม การทำจิตของตนให้ผ่องใส ๓ ข้อนี้เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย” ผู้ที่ทำบุญได้มากก็ย่อมได้รับความสุขมาก ดังบาลีว่า “สุโข ปุญฺญสฺส อุจฺจโย” แปลว่า “การสั่งสมบุญ นำความสุขมาให้” ก็อามิสทานที่จัดว่าได้อานิสงส์มากที่สุดนั้น ได้แก่ วิหารทาน แต่ของบางอย่างก็ถวายเป็นวิหารทานไม่ได้ เช่น อาหาร ผ้านุ่ง ผ้าห่ม ยารักษาโรค สิ่งต่างๆ เหล่านี้เราก็ต้องถวายเป็นสังฆทาน จึงจะได้บุญมากที่สุด การถวายสังฆทานนั้นก็คือ การถวายแก่สงฆ์ที่ไม่จำเพาะเจาะจงรูปหนึ่งรูปใด จะเป็นพระบวชใหม่หรือแม้สามเณรก็ใช้ได้ ข้อสำคัญก็อยู่ที่ความตั้งใจ พระเณรนั้นจะเก่าหรือใหม่ก็ไม่สำคัญเท่ากับความสำคัญทายกผู้ให้ทาน (ทายก หมายถึง ผู้ถวายจตุปัจจัยแก่ภิกษุสามเณร, ถ้าเป็นเพศหญิงเรียกว่า ทายิกา ) ถ้าทายกให้ทานเห็นแก่หน้าบุคคลเพียงเล็กน้อยก็ไม่เป็นสังฆทานแล้ว เป็นบุคลิกทานไปและมีอานิสงส์น้องลงมา เช่นคิดว่า เราจะถวายสังฆทานกับพระครูชื่อนั้น ท่านเจ้าคุณชื่อนี้ หรือพระรูปนั้น เณรรูปนั้น อย่างก็นี้ไม่จัดว่าเป็นสังฆทาน จัดเป็นบุคลิกทานไป เพราะจิตคิดแต่เฉพาะรูปนั้นรูปนี้ เป็นของที่มีผลน้อย ถ้าเจาะจง ๑ รูป อีก ๘ รูปมิได้เจาะจง ๘ รูปนั้นก็จัดเป็นสังฆทานได้ รูปที่เจาะจงก็เป็นบุคลิกทานไป แต่ถ้านิมนต์เพียงรูปเดียวแล้วเจาะจงจะเป็นสังฆทานไปไม่ได้เลย ถ้านิมนต์เพียงรูปเดียวแล้วไม่เจาะจงแล้วแต่พระเจ้าหน้าที่ท่านจะจัดไป แม้จัดให้เณรไปก็ถวายสังฆทานได้ ผู้ที่จะถวายสังฆทานจึงจำเป็นต้องตั้งจิตให้เป็นกลางจริงๆต้องคิดอยู่เสมอว่า เราจะถวายแก่สงฆ์ทั้ง ๔ ทิศ จะเป็นใครก็ได้ เช่น สมมติว่าเราจะถวายสังฆทานสัก ๑ รูป เราก็ต้องไปนิมนต์พระไม่เจาะจงไปบอกภักตุเทสก์ คือผู้แจกภัต หมายถึง ผู้ที่มีหน้าที่นิมนต์พระไปในงานต่างๆนั้นเอง ให้ท่านจัดพระไป ๑ รูป สมมติว่าทานให้สามเณรที่บวชวันนั้นไปรับ ถ้าเราตั้งจิตอุทิศแก่สงฆ์จริงๆแล้วก็จัดเป็นสังฆทานได้ เมื่อจิตเราบริสุทธิ์แน่วแน่ คิดอยู่แต่เพียงว่าเราได้ถวายแก่สงฆ์ไปแล้ว อย่างนี้ย่อมได้อานิสงส์มากมายสุดจะนับจะประมาณ ทีนี้สมมติใหม่ว่าท่านจัดส่งพระเถระไปรับทาน เราก็กลับไปคิดเสียอีกอย่างหนึ่งว่า เออดี เราได้พระเถระ เราจะถวายถวายสังฆทานแก่พระเถระชื่อนี้ อย่างนี้ก็ไม่จัดว่าเป็นสังฆทาน กลายเป็นบุคลิกทานไป เพราะเราไปคิดเสียว่าเป็นพระรูปนั้นรูปนี้ จิตมันไปยึดเหนี่ยวเอาบุคคลมาเป็นอารมณ์ จิตไม่เป็นกลาง ไม่เป็นสาธารแก่สงฆ์ ทานเช่นนี้ย่อมมีผลน้อย มีอานิสงส์น้อย แต่ถ้าเราคิดว่าข้าพเจ้าอุทิศแก่สงฆ์ซึ่งมาแต่ทิศทั้ง ๔ แล้วก็ถวายท่านไปด้วยใจที่บริสุทธิ์ไม่ได้คิดว่าท่านเป็นพระเถระหรือพระใหม่ พระดีหรือไม่ดี เมื่อจิตตั้งเป็นกลางๆด้วยความบริสุทธิ์ใจเช่นนี้ก็จัดเป็นสังฆทานได้ จะมีอานิสงส์ยิ่งใหญ่นับประมาณไม่ได้ เรื่องนี้มีหลักฐานอยู่ คือ สมัยหนึ่งพระพุทธเจ้าได้ตรัสกับพระอานนท์ว่า “ดูก่อนอานนท์ ต่อไปในอนาคตกาลภายภาคเบื้องหน้า จะหาพระภิกษุที่ครองผ้ากาสาวพัสตร์นั้นมิได้ จะมีก็แต่ผ้าน้อยห้อยหู และผูกอยู่ที่ข้อมือเท่านั้น หาศีลจารวัตรอันใดมิได้ มีบุตรภรรยาทำไร่ไถนาอยู่ ถ้าบุคคลใดปรารถนาจะถวายสังฆทานให้มีอานิสงส์มาก ก็จงตระเตรียมสิ่งของไว้ให้พร้อม แล้วตั้งจิตอุทิศต่อสงฆ์ซึ่งอยู่ในทิศทั้ง ๔ แล้วก็จงถวายสิ่งเหล่านั้นแก่ผุ้ที่มีผ้าเหลืองห้อยหู และผูกผ้าอยู่ที่ข้อมือนั้นเถิด อย่าให้เป็นมุโขโลกนะ คืออย่าเห็นแก่หน้าบุคคล อย่างนี้ก็จัดเป็นสังฆทานแท้เที่ยง มีอานิสงส์เป็นอสงไขยอัปปมาณ” จะป่วยกล่าวไปไยถึงในบัดนี้ซึ่งมีภิกษุสามเณรที่ทรงผ้าเหลืองอยู่มากมาย ข้อสำคัญก้อยู่ที่ใจของเรานั้นเอง ต้องทำใจให้บริสุทธิ์เป็นกลางมุ่งตรงต่อสงฆ์จริงๆก้จัดว่าเป็นสังฆทานได้ทั้งนั้น มีผลมากอานิสงส์มากทั้งนั้น อีกอย่างหนึ่ง การถวายสังฆทานนั้น หมายถึงการถวายต่อสงฆ์ ไม่จำกัดว่าของนั้นจะมากหรือน้อยประการใด เช่น เรามีข้าวครึ่งขัน แกง ๑ ถ้วย ถ้าเราตั้งจิตอุทิศต่อสงฆ์ซึ่งอยู่ในทิศทั้ง ๔ แล้วก็นำเอาข้าวกับแกงนั้นไปใส่บาตรรพระหรือเณรที่เดินบิณฑบาตผ่านมา โดยไม่เห็นแก่หน้าบุคคลว่าเป็นพระสงฆ์รูปนั้นหรือเณรรูปนี้ ก็จัดว่าเป็นสังฆทานได้ทั้งนั้น ย่อมมีผลใหญ่ มีอานิสงส์มากทั้งนั้น มิใช่ว่าจะต้องมีถ้วย ชาม กะละมัง ปิ่นโต หรืออะไรหลายๆอย่างจึงจะเป็นสังฆทาน ตรงกันข้ามถึงจะมีของมากสักเท่าใดก็ตาม ถ้าเป็นมุโขโลกนะ เห็นแก่หน้าบุคคลผู้นั้นผู้นี้ คิดเจาะจงลงไปว่าจะถวายสังฆทานแก่พระสงฆ์รูปนั้นรูปนี้ ถึงจะกล่าวคำถวายสังฆทานสัก ๑๐ เที่ยว ก็ไม่เป็นสังฆทาน ถ้าเราตั้งใจให้ท่านเป็นตัวแทนสงฆ์ ให้ท่านรับนำของต่างๆไปแจกแก่สงฆ์ทั่วทั้งวัดท่านก็นำเอาไปแจกให้ทั่วทั้งวัดดังที่เราประสงค์ อย่างนี้ก็จัดเป็นสังฆทานได้ การที่บุคคลมาถวายทานแก่สงฆ์โดยไม่เจาะจง และผู้ถวายก็มีศีล ๕ อยู่ด้วย จึงจัดว่าเป็นปุคคลสัมปทา คือถึงพร้อมทั้งบุคคลผุ้ให้และผู้รับ รวมความว่า อามิสทานที่จะให้ได้บุญมากได้อานิสงส์ใหญ่ยิ่งนั้น จะต้องถึงพร้อมไปด้วย ๑. วัตถุสัมปทา ๒. เจตนาสัมปทา ๓. ปุคคลสัมปทา ดังที่กล่าวมาฉะนี้แล
ความคิดเห็นที่ : 6

yoyuk

29/01/2012 21:09:01
0
IP : 101.109.65.165
กดLikeให้ คห.ที่3ครับ
ความคิดเห็นที่ : 7

POOHDISON_PARK

29/01/2012 21:09:41
0
IP : 115.87.26.22
^
^
ฟังไว้ ฟังไว้ (3 กับ 5)

สงสัยเฮียต้องเปิดห้องร้องเรียนซะละมั้ง ช่วงนี้มีแต่หนังชีวิต
ความคิดเห็นที่ : 8

Pexzy

29/01/2012 21:12:01
0
IP : 49.49.125.201
ตามที่คุณ leonakoff เลยครับเมื่อทำแล้วท่านจะไปทำอะไรไม่ใช่เรื่องของเรา ถ้าไม่ชอบก็เปลี่ยนไปทำวัดอื่น ทำบุญพยายามรักษาสภาวะของจิตให้ดีทั้ง3กาลครับ
ความคิดเห็นที่ : 9

sowelu

29/01/2012 21:13:48
18
IP : 115.87.58.8
บุญจะได้อยู่ที่ติตขนาดทำครับ
ความคิดเห็นที่ : 10

pinkkyka

29/01/2012 21:19:55
IP : 115.87.169.1
ค่ะ หนู๋และพวกเพื่อน รู้สึกแย่ พวกหนู๋เป็นนักศึกษา มธ ค่ะ

ซึ่งไปกันหลายยคนน่ะ ค่ะ คือหนู๋เป็นคนชอบทำบุญ ค่ะ

ซึ่ง พอรู้มาจากเพื่อนที่เล่นเวปนี้น่ะค่ะ

พระสมศักดิ์ กับ สมศักดิ์ เป็นคนเดียว กันค่ะ ซึ่ง มีพระที่วัดธาตุทองบอกค่ะ เป็นพยานได้ค่ะ
ซึ่งคงหวังดีไม่อยากให้หนู๋ ถวายปัจจัยเยอะ ซึ่งบ้านหนู๋อยู่แถวนั้น ค่ะ

แล้วพวกหนู๋รู้แย่ แย่มากกค่ะะะ แล้วมาเหตุ พระสมศักดิ์ ซื้อหูฟังหลายๆๆๆตัว เพื่อนหนู๋บอกน่ะค่ะแล้วว มันเป็นเงินที่พวกหนู๋ ถวายปัจจัยค่ะ





ความคิดเห็นที่ : 11

server

29/01/2012 21:22:22
0
IP : 27.55.0.161
เวลาผมให้ทานคนแก่รู้ทั้งรู้ว่ามันมีขบวนการแนวนี้อยู่ เลยคิดว่าทำทานเอาบุญเพื่อให้ครบหลังทำบุญ ส่วนเขาจะไปทำอะไรก็เรื่องของเขาและ ก็จะสบายใจครับ
ความคิดเห็นที่ : 12

pinkkyka

29/01/2012 21:25:23
IP : 115.87.169.1
หนู๋ไม่รู้เรื่องหูฟังน่ะค่ะ ว่ามันเป็นยังไง

แล้วพระสมศักดิ์ ซื้อขายหูฟังทีนี้ป่าว ค่ะะะะะ

แต่เพื่อนบอกว่าเยอะค่ะ

ตอนนี้หนู๋และที่บ้าน บอกว่าปล่อยไปเถอะเมื่อเราทำบุญแล้วว พระท่านจะไปใช้ไรก็เรื่องของท่าน
ความคิดเห็นที่ : 13

pinkkyka

29/01/2012 21:27:19
IP : 115.87.169.1
หนู๋ทำใจลำบากมากค่ะเรื่องนี้
ซึ่งเรื่องนี้มีหนู๋และที่บ้านและก็เพื่อนทราบค่ะ

ความคิดเห็นที่ : 14

leonacoff

29/01/2012 21:30:03
0
IP : 58.8.62.49
ก็อย่าไปติดใจอะไรเลยครับ เรารู้แล้ว ถ้าไม่สบายใจที่จะทำที่เดิมก็ไปทำที่อื่นก็ได้ครับ แล้วก็อย่าไปใส่ใจเลยครับว่าเค้าจะเอาเงินเราไปทำอะไร มันสำคัญที่เจตนา ถ้าคนนั้นนำไปใช้ในทางไม่ดีมันก็ไม่ผลอะไรกับเรา คนๆนั้นเองที่จะได้ผลที่เค้าทำขึ้นเอง ขอให้มีเจตนาที่ตั้งมั่นที่จะทำบุญก็เพียงพอแล้วครับ สู้ต่อไปนะครับ ยิ่งปีๆต่อไปนี้ผมขอแนะนำนิดนึงนะครับ พอทำบุญอะไรมาแล้วให้รีบกรวดน้ำเลยนะครับ มันจะมีภัยรูปแบบต่างๆมาให้เห็นกันอีกเยอะ เพราะฉะนั้นถ้าเราทำบุญแล้วกรวดน้ำเลยมันก็จะช่วยให้เบาลงได้บ้างนะครับ (แล้วแต่ความเชื่อส่วนบุคคลนะครับ ผมคงบอกได้เท่านี้ครับ) สู้ๆเข้านะครับ
ความคิดเห็นที่ : 15

HITMAN

29/01/2012 21:31:40
0
IP : 103.1.164.12
คิดในทางที่ดีท่านอาจซื้อไปไว้ฟังธรรมะก็ได้ครับ..เป็นส่วนตัวดีไม่รบกวนผู้อื่น.
ความคิดเห็นที่ : 16

pinkkyka

29/01/2012 21:40:03
IP : 115.87.169.1
เพื่อนหนู๋ ส่งมาน่ะค่ะ
จากระทู้จิ๋วจิ๊ด ค่ะ

"-"พระสมศักดิ์ ข้อความที่ 860
ใช่ครับผมเป็น พระครับ

ซึ่งหนู๋รู้สึกแย่ค่ะถ้าเงินที่หนู๋ ถวายปัจจัย และเงินเพื่อน และเงินพ่อแม่หนู มา ใช้จ่ายแบบนี้

ความคิดเห็นที่ : 17

POOHDISON_PARK

29/01/2012 21:42:25
0
IP : 115.87.26.22
เริ่มเยอะ
ความคิดเห็นที่ : 18

29/01/2012 21:43:10
IP : 115.87.42.148
ปูเสื่อ รอกินมาม่า

เห็นสมศักดิ์คนดังในบอร์ดนี้เล่นแต่ของแพงๆซะด้วย

เอ้าคุณสมศักดิ์ หรือ พระสมศักดิ์ มาเคลียร์หน่อยเร้วววว
ความคิดเห็นที่ : 19

leonacoff

29/01/2012 21:43:31
0
IP : 58.8.62.49
ขอแนะอีกนิดนะครับ ขอร้องละครับว่า อย่าไปติดใจเลยมันจะทำให้บุญที่เราทำไปจะไม่บริสุทธิ์และอาจจะส่งผลที่ไม่ดีในชาติหน้า ภพหน้า ขอให้มันผ่านๆไปเถอะครับ ^^
ความคิดเห็นที่ : 20

ผ่านมา

29/01/2012 21:44:26
IP : 115.87.169.1
ท่าน สมศักดิ์ครับบ จะเอาเงิน ครอบครัวน้องไป ซื้อ lcd3 ป่าวเนี้ยย

รู้สึก ซื้อหูฟัง lcd3
จิ๋วจิ๊ด
ถึงว่า ซื้อหูฟังยอมขายขาดทุนน

เพราะ เป็นเงินญาติโยม นี้เอง
ความคิดเห็นที่ : 21

29/01/2012 21:46:36
IP : 115.87.42.148
ขอต้อนรับเข้าสู่รายการ แฉแต่เช้า

คนประเภทนี้ขอให้กรรมตามสนองมัน

ปล่อยผ่านไม่ได้หรอก ต้องตามเอาเรื่องมัน
ความคิดเห็นที่ : 22

เซ็ง

29/01/2012 21:48:59
IP : 115.87.169.1
รู้สึกหูฟังที่พระสมศักดิ์มี
akg702
lcd3
lcd2
grado rs1i ps500 ps1000
westone4

เท่าที่ผ่านตา น่ะ ที่จริงมากว่ารี้อีกโห


แอมป์ไม่ตำกว่า 10 ตัว


ความคิดเห็นที่ : 23

Pexzy

29/01/2012 21:50:44
0
IP : 49.49.125.201
เพื่ออะไรครับ?
ความคิดเห็นที่ : 24

29/01/2012 21:51:56
IP : 115.87.42.148
^
แล้วมึงเพื่ออะไรล่ะครับ ?
ความคิดเห็นที่ : 25

สงสารแทน

29/01/2012 21:54:00
IP : 115.87.169.1
ผมไม่รู้น่ะเรื่องนี้ แต่ ถ้าพวกท่านนน ทั้งหลายยยไม่ทำบุญล่ะครับบบบ

บริจาค ปัจจัยสักหลักพันหรือหลัก ห้าพันนน


แล้ว มา ซื้อหูฟังงง พวกเรา จะคิดยังไงครับบบบ


เหอประเทศไทย
ความคิดเห็นที่ : 26

29/01/2012 21:54:25
IP : 115.87.42.148
พระส้นตรีนอะไรครับ เอาเงินมาเล่นหูฟัง คนเขาทำบุญมา ขอให้นรกกินกบาล
ความคิดเห็นที่ : 27

leonacoff

29/01/2012 21:54:58
0
IP : 58.8.62.49
นั่นสิครับ แสดงว่าพวกคุณไม่เข้าใจข้อความที่ลงเอาไว้ให้อ่านเลยสักนิด หรืออาจจะไม่ได้อ่านเลย ตามสบายเถอะครับ จะบุญจะปาบก็อยู่ที่เจตนาตัวเดียวละครับ -*-
ความคิดเห็นที่ : 28

Fatlawyer

29/01/2012 21:55:24
1
IP : 124.120.246.245
เข้าไปดูกระทู้จิ๋วจี๊ด ภาค 3 ความเห็นที่ 860 ตามที่เจ้าของกระทู้บอกแล้ว คุณสมศักดิ์เขียนในทำนองรับว่าเป็นพระ แต่คนอ่านแล้วคงคิดว่าพูดเล่น ยังงัยคุณสมศักดิ์เข้ามาตอบให้กระจ่างหน่อยนะครับ ผมจะได้รู้ว่าตัวเองเคยซื้อ gadget จากพระ
ความคิดเห็นที่ : 29

สงสารแทน

29/01/2012 21:55:35
IP : 115.87.169.1
พวกเราซื้อขายกับพระ จะบาปไหมครับ แบบนี้
ความคิดเห็นที่ : 30

กลัว

29/01/2012 21:57:21
IP : 115.87.169.1
กลัวนรกจะกินหัวว
เงินมาจากญาติโยม

ด้วยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย


ผมทำไงดีครับบบ

มันบาปไหมครับแบบนี้
ความคิดเห็นที่ : 31

29/01/2012 22:02:54
IP : 115.87.42.148
บาปครับ พระเมืองไทย โชว์รวย เล่น gadget ที่ไหนได้
เอาตังที่เขาบริจาค มาสนองตัญหาตัวเอง
เล่นแต่ของแพงซะด้วยนะ ใช้เงินได้คุ้มจริง
อย่างนี้ต้องประจาน
ความคิดเห็นที่ : 32

ViruSTeaM

29/01/2012 22:04:52
0
IP : 223.206.211.98
แบบนี้มันกิจของสงฆ์หรือเปล่าเนี่ย
ถ้าตัดทางโลกไม่ได้ ก็สึกออกมาเหอะ
ความคิดเห็นที่ : 33

POOHDISON_PARK

29/01/2012 22:08:13
0
IP : 115.87.26.22
ตอนนี้ยัง 50 50 อยู่ครับ
กำลังสังเกตุรูปที่ท่านสมศักดิ์เอามาลงอยู่ ว่ามีรูปไหนบ่งบอกว่าถ่ายในวัดบ้าง

แต่ถ้าให้ดีท่านสมศักดิ์ออกมาชี้แจงด้วยครับ เพราะผมก็เกือบสอยไอพอดตกน้ำของท่านมาแล้ว

ความคิดเห็นที่ : 34

ไม่อยากบอก

29/01/2012 22:10:56
IP : 115.87.169.1
100000000 เปอร์เซนต์ ท่านเป็นพระจริงครับบ

แต่ท่านเล่นหูฟังนี้อืมไม่มีความคิดเห็นครับ
ความคิดเห็นที่ : 35

กลัว

29/01/2012 22:12:17
IP : 115.87.169.1
มันบาปไหมครับบ

ตอบผมหน่อย

ผมกลัวครับ



เงินมาจากญาติโยม



ผมทำไงดีครับบบ

มันบาปไหมครับแบบนี้
ความคิดเห็นที่ : 36

สรยุทธ์ วัดสุทัศน์ จ่ะ

29/01/2012 22:14:00
IP : 183.89.251.122
เอาแล้วครับงานนี้นุ๊กอีกแล้ว เดี๋ยวไปปิดละครก่อน เว็บเฮียมั่นนี้นุ๊กกว่า

ช่วงนีเรทติ้งกำลังมาแรง แซงละครหลังข่าว ผมขอแนะให้เฮียหาโฆษณามาลงด้วยครับเฮีย 555
ความคิดเห็นที่ : 37

pinkkyka

29/01/2012 22:14:46
IP : 115.87.169.1
หนู กับเพื่อนทำบุญ หมดไปหลักพันน่ะค่ะะ

แต่ที่บ้านหนู๋ ตัวเลขเยอะอยู่

พยายามทำใจค่ะะะ พ่อแม่หนู๋ รู้ ก็ รู้สึกไม่ดีมากค่ะะะะะ


คิดว่าทำบุญๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ





ความคิดเห็นที่ : 38

สมศักดิ์

29/01/2012 22:16:45
0
IP : 115.87.123.228
ขอบคุณครับ
ต้องบอกก่อนนะครับ
ผมไม่ทราบว่าท่านเจ้าของกระทู้คือ ท่านใด
ขอบคุณที่ท่านได้ทำบุญ กับพระ ถวายทานกับพระภิกษุสามเณร

ต้องขอบอกว่า
เงินที่ท่านทำบุญมานั้น ท่านได้ประโยชน์แน่ จะกับผมหรือกับท่านรูปอื่น
ทุกวันนี้ผมสอนหนังสือเกี่ยวกับพระธรรม
แบบเรียนที่ผมทำขึ้นมาใช่สอน ก็ใช่คอมพิวเตอร์บ้างMP3บ้าง อุปกรณ์ที่เราท่านนั้นใช่กัน
นักเรียนของผมมีทั้งหมด38คน ฟังMP3ทั้งหมด และทุกคนต้องใช้หูฟัง ผมจะให้คนไปซื้อเพื่อผมใส่แบบเรียนที่ผมทำขึ้นมา

ข้อที่ว่า
ท่านสมศักดิ์ นั้นใช่ของแพง เพราะเงินของคนที่มาทำบุญ อย่างเดียวหรือป่าว ให้ท่านคิด บ้านผมทำการค้าอยู่แล้ว

และตัวผมก็ชอบเรื่องที่พวกคุณชอบอยู่แล้ว จำเป็นด้วยหรือ ที่จะนำเอาความเป็นส่วนตัวของใคร มาเปิดเผยให้สาธารณะชนรู้

ขอความคิดเห็นพี่พี่หน่อย
ว่าผมมีสิทธิ์เข้ามาเล่นในเวปนี้ไหมครับ
1.....
2.....
3.....
4.....


หมายเหตุ ผมก็เป็นปุถุชนคนธรรมดาครับ แค่เว้นจากการทำบาป
ถ้าผมไม่ควร พี่พี่แนะนำครับ ผมรับได้ครับ

ผมเชื่อว่า หลายท่านพี่ที่ไม่พอใจ ยังไงก็ขออภัยด้วย ครับผม ที่ทำให้ลำบากใจ นะครับผม



คงจากลากันเลยนะตรงนี้นะครับ
ขอบคุณพี่พี่ีที่ให้ความรู้ผมนะครับ

โชคดีนะครับ


+++ท่านเจ้าของกระทู้ครับ ขอบคุณนะครับ++++





ความคิดเห็นที่ : 39

อิอิ

29/01/2012 22:17:11
IP : 115.87.169.1
พวกเรามาบริจาคให้พระสมศักดิ์กันมั้งเถอะะะ

ท่านจะได้ซื้อ gadget

มาลดราคาให้พวกเราฟัง
ความคิดเห็นที่ : 40

หยอกเล่น

29/01/2012 22:18:48
IP : 115.87.169.1
นักเรียนใช้ หูฟัง lcd3 ด้วยอิอิ
ความคิดเห็นที่ : 41

leonacoff

29/01/2012 22:21:26
0
IP : 110.168.193.91
บาปไม่บาปก็ขึ้นอยู่กับคนที่ได้รับทานจากเราไปแล้วเค้านำไปใช้โดยที่ไม่ชอบไม่ควร ส่วนคนที่ทำทานมันคนละส่วน แต่ถ้าเกิดไม่สบายใจก็หยุดทำ แล้วไปทำกับรูปอื่นก็ได้ อย่าลืมนะครับว่าพระก็ยังคงเป็นคนเป็นแค่มนุษย์เหมือนเราๆท่านๆก็ย่อมมีทั้งดีและไม่ดี ย่อมจะมีกิเลสอยู่ได้ถ้าพระรูปนั้นยังปฏบัติได้ไม่ดีพอมากพอ ผมไม่ได้เข้าข้างใครนะเพียงแต่ไม่อยากให้เราๆท่านๆคิดไม่ดีกับปลาเน่าเพียงตัวเดียว และมันจะเป็นบาปที่ติดตัวท่านไปเพราะไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงมากน้อยแค่ไหน ถึงมันจะจริงก็ไม่ควรที่จะเอาปลาเน่าเพียงตัวเดียวมาทำให้ต้องเสื่อมเสียกันไปหมดนะครับ
ความคิดเห็นที่ : 42

rwut99

29/01/2012 22:24:39
0
IP : 119.46.218.1
เอ่อ อะไรกันอีกนี้ พระสงฆ์ องค์เจ้าก็มีดราม่าด้วย ไปกันใหญ่แล้ว

ขอเหอะเคสนี้ขอไม่ดราม่าแล้วกันนะ

ถือว่าเห็นแก่คุณพระคุณเจ้าเหอะโยม
ความคิดเห็นที่ : 43

29/01/2012 22:25:25
IP : 115.87.42.148
ผมงงกับที่พี่เขาบอกว่าใช้หูฟังเป็นสื่อการเรียนการสอน อันนี้มันฟังไม่ขึ้นนะครับ
ต้องใช้หูฟัง หรือ แอมป์ ตัวเป็นหมื่นเลยหรือครับ
ดูยังไงก็ไม่ควร แต่เชื่อเหอะ

เด๋วก็เปลียน user เข้ามาซื้อ-ขาย อยู่ในนี้อีก
ความคิดเห็นที่ : 44

เซ็ง

29/01/2012 22:26:05
IP : 115.87.169.1
แล้ววพวกนี้ล่ะ

akg702
lcd3
lcd2
grado rs1i ps500 ps1000
westone4

เท่าที่ผ่านตา น่ะ ที่จริงมากว่ารี้อีกโห


แอมป์ไม่ตำกว่า 10 ตัว

ผมว่าไม่สมควรอย่างยิ่งน่ะครับบ
ความคิดเห็นที่ : 45

พิงค์ฟรอยด์

29/01/2012 22:27:30
IP : 125.24.55.135
เล่นหูฟังไม่ผิดค่ะ ฟัง mp3 ไม่ผิดค่ะ แต่ฟังเพลงผิดวินัยสงฆ์ค่ะ เพราะว่าผิดศีล ๘

ปาณาติปาตา เวรมณี สิกฺขาปทํ สมาทิยามิ (ข้าพเจ้าสมาทานซึ่งสิกขาบท คือ เว้นจากการฆ่าสัตว์ด้วยตนเองและไม่ใช่ให้ผู้อื่นฆ่า)

อทินนาทานา เวรมณี สิกฺขาปทํ สมาทิยามิ (ข้าพเจ้าสมาทานซึ่งสิกขาบท คือ เว้นจากการลัก ,ฉ้อ ของผู้อื่นด้วยตนเอง และไม่ใช่ให้ผู้อื่นลัก ฉ้อ)

อพฺรหฺมจริยา เวรมณี สิกฺขาปทํ สมาทิยามิ (ข้าพเจ้าสมาทานซึ่งสิกขาบท คือ เว้นจากอสัทธรรม กรรมอันเป็นข้าศึกแก่พรหมจรรย์)

มุสาวาทา เวรมณี สิกฺขาปทํ สมาทิยามิ (ข้าพเจ้าสมาทานซึ่งสิกขาบท คือ เว้นจากการพูดเท็จ คำไม่เป็นจริง และคำล่อลวง อำพรางผู้อื่น)

สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺฐานา เวรมณี สิกฺขาปทํ สมาทิยามิ (ข้าพเจ้าสมาทานซึ่งสิกขาบท คือ เว้นจากการดื่มสุรา เมรัย เครื่องดองของทำใจให้คลั่งไคล้ต่าง ๆ )

วิกาลโภชนา เวรมณี สิกฺขาปทํ สมาทิยามิ (ข้าพเจ้าสมาทานซึ่งสิกขาบท คือ เว้นจากบริโภคอาหารในเวลาวิกาล)

นจฺจคีตวาทิตวิสูกทสฺสนา มาลาคนฺธวิเลปนธารณมณฺฑนวิภูสนฏฺฐานา เวรมณี สิกฺขาปทํ สมาทิยามิ (ข้าพเจ้าสมาทานซึ่งสิกขาบท คือ เว้นจากพูด ฟัง ฟ้อนรำ ขับรอ้งและประโคมเครื่องดนตรีต่าง ๆ และดูการเล่นที่เป็นข้าศึกแก่กุศล และทัดทรงตกแต่งร่างกายด้วยเครื่องประดับและดอกไม้ของหอม เครื่องทาเครื่องย้อม ผัดผิวให้งามต่าง ๆ)

อุจฺจาสยนมหาสยนา เวรมณี สิกฺขาปทํ สมาทิยามิ (ข้าพเจ้าสมาทานซึ่งสิกขาบท คือ เว้นจากนั่ง นอน เหนือเตียง ตั่ง มีเท้าสูงเกินประมาณ และที่นั่ง ที่นอนอันสูงใหญ่ ภายในใส่นุ่นและสำลี อาสนะอันวิจิตรไปด้วยลดลายงามด้วยเงินทองต่าง ๆ)

ถ้าใช้หูฟังเพื่อการศึกษา ไม่ผิดค่ะ แต่พระห้ามฟังเพลง ห้ามฟ้อนรำ ห้ามเล่นดนตรี และห้ามใช้เครื่องหอมนะคะ

ความคิดเห็นที่ : 46

loss

29/01/2012 22:29:09
0
IP : 61.90.70.81
เจออันนี้ใช่หรือเปล่าหว่า......เห๊อะๆ
ความคิดเห็นที่ : 47

เหอๆๆๆ

29/01/2012 22:30:07
IP : 115.87.169.1
....
ความคิดเห็นที่ : 48

สมศักดิ์

29/01/2012 22:30:57
0
IP : 115.87.123.228
ผมต้องขออภัย
ทุกท่านด้วยครับ
ขออภัยจิงจิงครับ


ผมรู้ว่าผิดครับ ขอโทษนะครับผม

ขอบคุณเวปมั่นคงนะครับ
ขอบคุณพี่พี่น้องน้องนะครับ
ผม รักษาโรคมะเร็งที่ผมเป็นมา ร่วม10 ปี ด้วยการฟังเพลงครับ
และตอนนี้ผมหายจากโรคแล้ว ผมเลยหลงไปกับ ของพวกนี้
เลยทำให้เกิดเรื่องในวันนี้ครับ
+++++รู้สึกผิดมากครับ++++
แต่ตอนนี้ผมพอแล้วครับ ในเมื่อเรื่องที่ผมทำขึ้นมา ทำให้ขัดต่อพี่พี่น้องน้อง
ผมจะไม่เล่นอีกต่อไปครับ เพื่อความสบายใจของทุกท่านนะครับ
ความคิดเห็นที่ : 49

เหอๆๆๆ

29/01/2012 22:31:42
IP : 115.87.169.1
แต่ฟังเพลงผิดวินัยสงฆ์ค่ะ เพราะว่าผิดศีล ๘

ปาณาติปาตา เวรมณี สิกฺขาปทํ สมาทิยามิ (ข้าพเจ้าสมาทานซึ่งสิกขาบท คือ เว้นจากการฆ่าสัตว์ด้วยตนเองและไม่ใช่ให้ผู้อื่นฆ่า)

อทินนาทานา เวรมณี สิกฺขาปทํ สมาทิยามิ (ข้าพเจ้าสมาทานซึ่งสิกขาบท คือ เว้นจากการลัก ,ฉ้อ ของผู้อื่นด้วยตนเอง และไม่ใช่ให้ผู้อื่นลัก ฉ้อ)

อพฺรหฺมจริยา เวรมณี สิกฺขาปทํ สมาทิยามิ (ข้าพเจ้าสมาทานซึ่งสิกขาบท คือ เว้นจากอสัทธรรม กรรมอันเป็นข้าศึกแก่พรหมจรรย์)

มุสาวาทา เวรมณี สิกฺขาปทํ สมาทิยามิ (ข้าพเจ้าสมาทานซึ่งสิกขาบท คือ เว้นจากการพูดเท็จ คำไม่เป็นจริง และคำล่อลวง อำพรางผู้อื่น)

สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺฐานา เวรมณี สิกฺขาปทํ สมาทิยามิ (ข้าพเจ้าสมาทานซึ่งสิกขาบท คือ เว้นจากการดื่มสุรา เมรัย เครื่องดองของทำใจให้คลั่งไคล้ต่าง ๆ )

วิกาลโภชนา เวรมณี สิกฺขาปทํ สมาทิยามิ (ข้าพเจ้าสมาทานซึ่งสิกขาบท คือ เว้นจากบริโภคอาหารในเวลาวิกาล)

นจฺจคีตวาทิตวิสูกทสฺสนา มาลาคนฺธวิเลปนธารณมณฺฑนวิภูสนฏฺฐานา เวรมณี สิกฺขาปทํ สมาทิยามิ (ข้าพเจ้าสมาทานซึ่งสิกขาบท คือ เว้นจากพูด ฟัง ฟ้อนรำ ขับรอ้งและประโคมเครื่องดนตรีต่าง ๆ และดูการเล่นที่เป็นข้าศึกแก่กุศล และทัดทรงตกแต่งร่างกายด้วยเครื่องประดับและดอกไม้ของหอม เครื่องทาเครื่องย้อม ผัดผิวให้งามต่าง ๆ)

อุจฺจาสยนมหาสยนา เวรมณี สิกฺขาปทํ สมาทิยามิ (ข้าพเจ้าสมาทานซึ่งสิกขาบท คือ เว้นจากนั่ง นอน เหนือเตียง ตั่ง มีเท้าสูงเกินประมาณ และที่นั่ง ที่นอนอันสูงใหญ่ ภายในใส่นุ่นและสำลี อาสนะอันวิจิตรไปด้วยลดลายงามด้วยเงินทองต่าง ๆ)

ถ้าใช้หูฟังเพื่อการศึกษา ไม่ผิดค่ะ แต่พระห้ามฟังเพลง ห้ามฟ้อนรำ ห้ามเล่นดนตรี และห้ามใช้เครื่องหอมนะคะ


แสดงว่าท่านผิดศีล....
ความคิดเห็นที่ : 50

hippo13893

29/01/2012 22:33:59
0
IP : 27.130.102.204
มะเร็งอวัยวะส่วนไหนหรอครับ หาหมอที่รพ.อะไรหรอครับ??
ความคิดเห็นที่ : 51

สงสัย

29/01/2012 22:34:30
IP : 110.77.225.32
เป็นพระทำไมพูดแทนตัวเองว่า "ครับ" ล่ะครับ งง
ความคิดเห็นที่ : 52

ผ่านมา

29/01/2012 22:35:38
IP : 115.87.169.1
แล้วเป็นพระทำไมต้องใช้หูฟังแพงๆๆครับ
ความคิดเห็นที่ : 53

hippo13893

29/01/2012 22:37:33
0
IP : 27.130.102.204
ขอถามต่อว่าท่านสมศักดิ์ฟังดนตรีแนวไหนครับ
ความคิดเห็นที่ : 54

ผ่านไป

29/01/2012 22:38:56
IP : 115.87.42.148
ใช้หูแพงๆจะได้เท่ไง
มะเร็งอะไรฟังเพลงแล้วหายมีงี้ด้วย
ขอดูหลักฐานหน่อยสิหลวงพ่อ
ความคิดเห็นที่ : 55

เหนื่อย

29/01/2012 22:40:26
IP : 115.87.169.1
ถ้าอยากหายจากโรคต้อง ซื้อพวกนี้จ้า


แล้ววพวกนี้ล่ะ

akg702
lcd3
lcd2
grado rs1i ps500 ps1000
westone4

เท่าที่ผ่านตา น่ะ ที่จริงมากว่ารี้อีกโห


แอมป์ไม่ตำกว่า 10 ตัว
ความคิดเห็นที่ : 56

hippo13893

29/01/2012 22:41:14
0
IP : 27.130.102.204
มีครับ เรียกว่าดนตรีบำบัดแต่เท่าที่รู้คือใช้ได้แค่ช่วยบรรเทาอาการ ผมไม่รู้มาก่อนว่าวิธีนีใช้เวลา10ปีแล้วรักษาให้หายขาดได้
ความคิดเห็นที่ : 57

เหอๆๆๆ

29/01/2012 22:44:28
IP : 115.87.169.1
ดนตรี บำบัด lcd 3
akg702
lcd3
lcd2
grado rs1i ps500 ps1000
westone4

ขายหูฟังเป็น 10 ตัว
แอมป์เป็น 10 ตัว

แล้วเงินมาจากญาติโยมด้วยเหอ
ความคิดเห็นที่ : 58

พิงค์ฟรอยด์

29/01/2012 22:45:07
IP : 125.24.55.135
ผิดแล้วทราบไม่เป็นไร ถ้าต้องใช้รักษาโรคอาจจะไม่ผิด แต่ถ้าฟังเอาเพลิดเพลิน ก็ผิดล่ะค่ะ

ถ้าท่านฟังเอาเพลิดเพลิน และผิดศีล ก็ขอให้ท่านไปปลงอาบัติเสีย และอย่าทำอีก ชาวโลกติเตียนแล้วไม่ดีค่ะ

สาธุ..
ความคิดเห็นที่ : 59

ไม่ไหว

29/01/2012 22:46:48
IP : 115.87.169.1
ในรูปจิ๋วจิ๊ดเห็นมี ipad 2 iphone 4s
galaxy tab sony arcs

เหอๆๆๆ เยอะแฮะ พระสมศักดิ์
ความคิดเห็นที่ : 60

หลงทาง

29/01/2012 22:51:01
IP : 115.87.169.1
พระสมศักดิ์ ท่านบอกว่า ผมเลยหลงไปกับ ของพวกนี้

ความหมายคือหลงไปกับ garget
ความคิดเห็นที่ : 61

butnotforme

29/01/2012 22:52:39
333
IP : 119.46.176.222
ผมห็นต่างไปจาก หลายคนนะครับ อันนี้ความเห็นส่วนตัว
ท่านสมศักดิ์ ท่านคงเป็นมะเร็งจริงๆ ตามที่ท่านบอกเพราะท่านก็เคยหลุดเล่าให้ฟังอยู่ในกระทู้จิ๋วจี๊ด แล้วท่านก็คงรักษาตัวอย่างที่ท่านบอกจริงๆ
ส่วนการเล่น Gadget นั้นผมว่าก็เป็นสิทธิของท่าน เพราะถ้าเทียบกับพวกเจ้าอาวาส วัดใหญ่ๆ ที่นั่งรถเบนซ์ หรือ มีเครื่องเสียงหลัก หลายแสน ท่านสมศักดิ์ ท่านยังใช้เงินน้อยมาก (ที่ว่ามี LCD3 คงไม่จริงเพราะท่านยังไม่ได้ซื้อ ตามอ่านกระทู้นั้นมามีคนในกระทู้นั้นแค่ 2 คนที่ซื้อคือ คุณดา กับคุณ 1.sound)
ซึ่ง ท่านเองก็บอกไว้แล้วว่า ที่บ้านท่านมีกิจการ ซึ่ง ผมก็เชื่อนะครับ แต่อีกใจนึงก็ยังเชื่ออยู่ว่า ท่านคงต้องเอาเงินญาติโยมที่มาทำบุญซื้อของมั่งหล่ะ ซึ่งตรงนี้ ผมก็ว่าท่านไม่ได้เลวร้ายอะไรมากนัก ซึ่งดีกว่าคนอีกหลายๆคนที่เรานับหน้าถือตาในวงสังคม
เท่าที่ติดตามดูกระทู้ท่าน ท่านไม่เคยโกหกเลย มีคนบางทักว่าเป็นพระท่านก็ยอมรับ
จะดุด่า ว่าท่านก็เอาพอประมาณครับ เพราะท่านก็ออกมายอมรับแล้ว
พูดจริงๆผมก็สงสารท่านนะครับ พอเป็นแบบนี้ก็มีคนมาว่าท่านซะยังกะท่านเป็นคนเลวมากๆ (พระเข้าเนต จริงๆแล้ว ถ้าเข้ามาเพื่อการศึกษา ผมว่าไม่ผิด แต่จะมีพระซักกี่องค์กัน ที่เข้าเนตมาเพื่อการศึกาาจริงๆ บางท่านอาจ Load หนังโป๊ ก็มีหรือแค่เข้า website ที่มีรูปดาราถ้าจะว่ากันจริงๆก็ผิดศีลแล้ว)

ท่านอาจทำไม่ถูกต้อง 100% แต่ท่านก็ไม่ได้ทำร้ายใครครับ

ส่วนเรื่องทำบุญนั้น ก็อย่างที่หลายๆคนบอก เราทำด้วยใจ เราได้บุญเพราะเรามีจิตใจที่เผื่อแผ่ ส่วนคนที่รับทำบุญไปจะเอาไปทำอะไรก็สุดแล้วแต่ เราไม่รู้ ซึ่งตัวผมเองไม่ค่อยทำบุญกับวัดอยู่แล้ว (โดยเฉพาะวัดที่ให้สร้างโน่นสร้างนี่ ทั้งๆที่ของมีเต็มวัดอยู่แล้ว )เนื่องจากรู้ว่าท่านยังไงซะก็อยู่ได้ เพราะมีการทำบุญตามวัดใหญ่ๆเยอะเหลือเกิน ถ้าอยากทำบุญให้คนที่เค้าได้ตังค์เอาไปใช้ประโยชน์จริงๆ ก็มีหลายทางอย่างที่เราเราท่านๆ ทราบอยู่ ถ้าน้องคนตั้งกระทู้คลางแคลงใจว่า ทำบุญแล้วพระเอาเงินมาใช้อย่างนี้ แล้วรู้สึกไม่สบายใจ ก็เอาเงินไปทำบุญทำทานในรูปแบบอื่น

ความเห็นส่วนตัวครับ


ความคิดเห็นที่ : 62

อิจฉา

29/01/2012 22:54:14
IP : 58.11.23.204
ทำบุญอย่ากให้ท่านซื้อหนังสือธรรม ก็ซื้อให้ท่าน อย่ากให้เป็นอาหารก็ซื้อถวาย อย่ากให้เป็นค่าเดิินทางก็คอยไปรับไปส่ง ทำบุญเป็นเงินแก้วสารพัดนึกก็แล้วแต่ท่านนึก
ความคิดเห็นที่ : 63

butnotforme

29/01/2012 22:57:06
333
IP : 119.46.176.222
ก็ขอบอกอีกทีคำนี้ "ท่านเองก็บอกไว้แล้วว่า ที่บ้านท่านมีกิจการ ซึ่ง ผมก็เชื่อนะครับ แต่อีกใจนึงก็ยังเชื่ออยู่ว่า ท่านคงต้องเอาเงินญาติโยมที่มาทำบุญซื้อของมั่งหล่ะ "
และขอบอกว่า ท่านก็ไม่ถูกต้อง นักหรอก
แต่พูดจริงๆ ผมสงสารท่าน ไม่อยากให้ใครด่าท่านหนักๆ เพราะพฤติกรรมท่านไม่ได้เลวมาก ครับ แค่บอกให้ท่านทบทวนสิ่งที่ท่านทำว่าถูกต้อง 100% หรือเปล่าก็พอแล้วครับ
ความคิดเห็นที่ : 64

เอาอีกๆๆ

29/01/2012 23:00:24
IP : 113.53.65.27
เห็นด้วย กับคุณbutnotforme มากๆๆ
ความคิดเห็นที่ : 65

เซ็ง

29/01/2012 23:07:17
IP : 58.9.151.199
แล้ว พระเอา เงิน ญาติโยมมาซื้อของแบบนี้ล่ะครับบบ

ผมไม่เห็นด้วยยเหรอออ

อนิจจา

คือผม เห็นในกระทู้ ซื้อขาย เป็น สิบ ยี่สิบรอบน่ะครับบบ

ซึ่งท่านได้กล่าวไว้ว่า

ท่านบอกว่า ผมเลยหลงไปกับ ของพวกนี้

ท่านหลงมาทางโลกเหอๆๆ
ความคิดเห็นที่ : 66

jomjomjom

29/01/2012 23:17:22
5
IP : 27.130.24.70
ปล่อยวาง กันนะครับย์

สิ่งของ เงินทอง เป็นเพียงวัตถุ ที่เราสมมุติขึ้นมา

พยายามฝึกการไม่เอา ใจ ไปผูกมัด ยึดติด กับสิ่งต่างๆ ครับ แล้วเราจะมีความสุขมากขึ้นครับ

(( กังฟูแพนด้า 2 ครับ ))

สำหรับคุณพิงค์ฟรอยด์ครับ ผมขออนุญาตแนะนำครับว่า พยายามปล่อยวางให้ได้ครับ คิดซะว่า ทำบุญนั่นแหละครับ ดีแล้ว … ทำใจให้ปล่อยวาง มันยากกกก พอๆ กับกินยาเม็ด เลยหละครับ …. 555 พยายามครับ

สำหรับท่าน ผมคงขออนุญาตแนะนำท่านนิดเดียวครับว่า พยายามปล่อยวางให้ได้ครับ ทำใจให้ปล่อยวาง มันยากกกก พอๆ กับกินยาเม็ด เลยหละครับ

สำหรับพวกเราย์ทุกคนย์ … ผมก็ขออนุญาตแนะนำนิดเดียวครับว่า พยายามปล่อยวางให้ได้ครับ ทำใจให้ปล่อยวาง มันยากกกก พอๆ กับกินยาเม็ด เลยหละครับ

ความคิดเห็นที่ : 67

eeman2

29/01/2012 23:17:42
0
IP : 27.130.58.234
ขอเห็นต่างนะครับพี่ตั๋น

ความเห็นของผม(ไม่มีอคตินะครับ) ผิดคือผิด ถูกคือถูก ยิ่งสำหรับคนที่อยู่ในสถานะที่ผู้คนให้ความนับถือ ผมว่า เลวคือเลว ไม่มีเลวมากเลวน้อย จุดหมายของผู้ออกบวชคือนิพพาน ซึ่ง gadget คงไม่ใช่เส้นทางสู่นิพพาน "ถ้า"เราบอกว่านักการเมืองก็โกงกินทั้งนั้น กินน้อยๆไม่เป็นไร เพราะใครๆก็กิน เรารับกับประโยคนี้ได้หรือไม่ แม่ในโลกแห่งความจริง ผมก็เคยเห็นมาหลายครั้ง แผงแถวคลองถมที่เค้าตั้งโต๊ะเตี้ยๆกัน ก็มีพี่เหลืองไปยืนเลือกหนังสารคดีกันจนเป็นเรื่องธรรมดา พี่เหลืองไปเดินเลือกพลาสติกโมเดลกันดั้มลิมิตเต็ดอิดิชั่นที่ภิรมย์พลาซ่า

เราคนเดียวอาจแก้ไขอะไรไม่ได้ แต่ถ้าเราหลายๆคนช่วยกัน มันน่าจะทำให้เกืดความเกรงกลัวต่อการโดนจับได้ (มากกว่าการเกรงกลัวต่อบาป ซึ่งมองไม่เห็น) ท่านสมศักดิ์ก็โตๆกันแล้วนะครับ อะไรควร อะไรไม่ควร ก็ไม่น่าจะต้องมาย้ำเตือนกัน ในเมื่อท่านยอมรับว่าผิดจริง เอาเงินญาติโยมไปใช้จริง (หรือถึงจะปฏิเสธก็คงไม่มีใครเชื่อ แม้บาทเดียวก็คือใช้จริงครับ) เมื่อท่านรับผืดด้วยความสำนึกผิด สำนึกบาป ท่านก็ละมันเสียเถิดครับ องคุลีมาท่านแค่"หยุด" ดวงตาก็เห็นธรรมได้ทันที ถ้าท่านสำนึกจริง ท่านก็แค่ละวางมันซะ ง่ายๆเท่านี้ละครับ ส่วนเงินของส่วนที่ญาติโยมบริจาคมา นั่นก็แล้วแต่ท่านจะใช้วิจารณญาณละครับ

ในโลกธรรม อาจแค่ปลงอาบัติ แต่ในโลกโลกี ท่านก็ต้องโดนติเตียนครับ กล้าทำก็กล้ารับครับ สาธุครับหลวงพี่
ความคิดเห็นที่ : 68

พิงค์ฟรอยด์

29/01/2012 23:18:52
IP : 125.24.55.135
การไปดูการฟ้อนรำ การขับร้อง หรือการประโคมดนตรี นั้น เข้าใจว่าเป็นอาบัติทุกกฏ ฯ ซึ่งเป็นอาบัติเล็กน้อยค่ะ ปลงอาบัติได้ แต่ทำบ่อยๆ ไม่ดี เดี๋ยวโลกติเตียน

(เข้ามาตอบทั้งหมดนี้ เพราะความเห็นที่ ๓๘ ค่ะ)

พระธรรมวินัยนั้นละเอียดมากค่ะ ลองศึกษาดูแล้วจะทราบว่าการบัญญัติพระวินัยนั้นล้วนมีที่มาที่ไป และมีการวินิจฉัยที่ซับซ้อนมากค่ะ ลองไปหาอ่านกันดู ^^ จะมีเรื่องตั้งแต่ อันไหนบ้าง เป็นเรื่องของความผิดทางเทคนิค อันไหนบ้างต้องการเจตนา อันไหนต้องมีเจตนาพิเศษ



ความคิดเห็นที่ : 69

eeman2

29/01/2012 23:19:08
0
IP : 27.130.58.234
ว๊าาา ช้ากว่าท่านนายกย์ ....

ทู้นี้หมายมั่นว่า น่าจะไปถึงเวบจ่าซะที อย่าลืมเม้นท์หนูนะฮ๊าฟฟฟฟฟฟ
ความคิดเห็นที่ : 70

tonten

29/01/2012 23:22:01
0
IP : 49.48.134.20
อยากให้เฮียทำกระทู้แบบว่า แก้ไขได้อ่า พี่เจ้าของกระทู้จะได้ พิมพ์ไม้โทถูก คริคริ (แซวเล่นนะคร้าบพี่)

จขกท. รู้สึกเซ็ง หลังจากที่ทำทานไปด้วยความตั้งใจ ส่วนนี้ผมเห็นว่า น่าจะเป็นความรู้สึก เสียดาย ซะมากกว่าเน้าะ ผมเคยเจอแบบนี้มาเหมือนกัน มันคล้ายๆกับที่ลอยกระทงแล้วมีเด็กโผล่จากน้ำมาคว่ำกระทงหาตังที่เราใส่ไป ไรงี้

แต่พี่ กระทู้ของพี่นี้ทำให้ กรรมตามสนอง กับคนที่ก่อ ไว้แบบทันตาเห็น และยังมีคนอื่นๆที่เห็นด้วย แถมเป็นประโยชน์กับคนในบอร์ด ในเวปนี้ เพราะเขาทำการซื้อขายกัน ให้รู้ว่าอะไรเป็นอะไรจริงๆ

ในความรู้สึกของผม ผมว่า ส่วนนี้เหละครับพี่ อาณิสงบุญที่พี่ทำไป

ส่วนผู้ถูกกล่าวหาผมว่า ต่อให้ใช้หูฟังหรือแอมป์ หรืออะไรๆที่แพง ที่ดีที่สุดในจักรวาล เท่าที่เงินญาติโยมจะหามาได้ จากนี้ไป คงไม่พบกับความสุข จากเสียงเพลงอีกแล้วหล่ะครับ
ความคิดเห็นที่ : 71

jomjomjom

29/01/2012 23:26:06
5
IP : 27.130.24.70
พี่อีแม้นนนย์ … แล้วมันจะไปเว็บจ่า (จ่าอะไรอ่ะ งง) ได้ไงอ่ะครับ …

((( ผมก็ติด สวัสดีฮ้าาาฟฟฟฟ เหมือนกันครับ 5555 ))
ความคิดเห็นที่ : 72

RyanGiggsXI

29/01/2012 23:26:33
0
IP : 110.168.146.30
โว้ว ๆ ขึ้นหน้าหนึ่งอีกละงานนี้ ท่าจะกลบกระแสพี่ฉงนได้ละคราวนี้ เห้อๆ
หนักใจแทนเฮียมั่นคงนะครับ ชว่งนี้มีแต่หนังดราม่าเข้าโรง สงสัยจะไกล้เทศกาลแจกออสก้า

ผมก้กำลังจะบวชอีกไม่กี่เดือนนี้เหมือนกัน แต่ก็ตั้งใจเอาไว้แล้วว่า
ชว่งบวชจะไม่นำของก่อกิเลสติดตัวไปด้วย ( โนตบุต หูฟัง โทสับ ไอพอด )
จะเก็บไว้ที่บ้านครับ ตั้งใจจะไช้ชีวิตแบบพระจริงๆ บวชเพื่อเป็นพระจริงๆ
ถึงแม้ชว่งเวลาอาจจะไม่กี่วัน แต่ซักครั้งในชีวิตที่เราตั้งใจจะละกิเลสจริงๆ
ความคิดเห็นที่ : 73

พิงค์ฟรอยด์

29/01/2012 23:27:34
IP : 125.24.55.135
โดยส่วนตัวนะคะ เวลาทำบุญ จะไม่ต้องการมองหน้าพระค่ะ เพราะทำใจถือว่าถวายแด่สงฆ์ คือเราถวายแด่ท่านไหนไม่รู้ล่ะ แต่ท่านเป็นตัวแทนสงฆ์ ตัวท่านจะดีไม่ดี ไม่ทราบค่ะ เพราะว่าถวายสงฆ์แล้ว ให้สงฆ์ไปบริหารจัดการแล้ว


แต่ที่โพสในกระทู้นี้ เพราะว่าเคยเห็นพระและเณรที่ร้านขายซีดีบ้าง ที่ร้านดีวีดีบ้าง ที่สะพานเหล็กบ้าง ซึ่งดูไม่ดีเลยค่ะ หลายรูปก็ไม่รู้ด้วยว่าผิดวินัยอยู่

กรณีนี้ผิดวินัยเล็กน้อย ปลงอาบัติได้ แต่ทำบ่อยไม่ดีค่ะ โลกติเตียนแล้วไม่ดีกับตัวท่าน ไม่ว่ารูปไหนๆ ก็ไม่ควรค่ะ

ความคิดเห็นที่ : 74

ผ่านมา

29/01/2012 23:28:59
IP : 58.9.239.213
ช่วงนี้คนดังในบอร์ดโดนกันเพียบเลย
ความคิดเห็นที่ : 75

eeman2

29/01/2012 23:31:46
0
IP : 27.130.58.234
ไปตามลายแทงนี้เลยท่านนายกย์

http://drama-addict.com/

ความคิดเห็นที่ : 76

Close_Up

29/01/2012 23:35:17
0
IP : 61.90.70.159
เสพๆๆๆๆๆๆๆ ผมติดไปแล้วนะเนี่ย 5555
ความคิดเห็นที่ : 77

Marcio

29/01/2012 23:39:46
0
IP : 223.205.11.62
เซ็งกับการทำบุญ หรือว่าเซ้งกับคนที่เราทำบุญด้วยคับ

ถ้าเซ็งอย่างหลังนั้นมันไม่สมควรที่จะเป็นเหตุให้เบื่อหน่ายการทำบุญนะคับ

เพราะตัวเราทำดีแล้ว แต่ผู้รับทานที่เป็นผู้ไม่มีศีล ไม่สำรวมในธรรม(ไม่ได้เจาะจงใคร)

พระพุทธเจ้าสอนไว้ว่า ทานนั้นต้องเลือกให้ ไม่ใช่ให้แบบไม่เลือก คือไม่พิจารณา และ

ทานต้องให้ในที่ๆมีศรัทธา ดังนั้น คุณก็ไปหาท่านผู้ที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ เห็นแล้วตนเลื่อมใส แล้วให้ทานต่อท่านผู้นั้น แต่อย่าทำบุญด้วยความจ้องจะจับผิดนะคับ แบบนั้นจะไม่ทำให้เกิดความเลื่อมใส จะทำให้ได้บุญน้อย เผลอๆ ไปคิดไม่ดีเข้ากับพระอริยสงฆ์เข้ามันจะบาปเสียด้วยซ้ำ ดังนั้นทำบุญเราทำด้วยความเลื่อมใส ความบริสุทธิ์ใจ นั้นก็ดีแล้วแหละคับ
เหมือนเราปลูกต้นไม้ เราไม่รู้หรอกคับ ว่าเมล็ดที่เราปลูกมันจะออกมาลูกดก ลูกโต เพียงใด เราทำได้แค่ตั้งใจปลูกและดูแลมันเท่านั้นคับ ส่วนผลมันจะออกมาเป็นยังไงนั้น มันก็เป็นเรื่องของมันคับ เวลาจะเป็นตัวพิสูจน์เอง


ความคิดเห็นที่ : 78

rwut99

29/01/2012 23:43:30
0
IP : 119.46.218.1
ในปัจจุบันนี้ผมว่าเราจะหา ความบริษุทธิ์ จริงๆในพระนั้นผมถือว่าทำได้ยากมาก
ยกตัวอย่างห้ามพระฆ่าสัตว์ตัดชีวิต แต่ผมไม่ทราบว่าห้ามกินเนื้อด้วยหรือเปล่า
แต่ถ้าแค่ห้ามฆ่าแต่กินได้ แล้วคนที่ฆ่าสัตว์เพื่อทำอาหารไปถวายพระกลับต้องมารับบาปแทน
อันนี้เราจะว่าอย่างไรกันดี

ส่วนเรื่องพระฟังเพลง พระเล่นเนต พระดูทีวี ถ้าห้ามหมดผมว่ามันก็คงจะเกินไปล่ะครับ
วัดอยู่ไกล้โรงเรียนๆเปิดเพลงช่วงเย็นจะให้พระนั่งอุดหูก็กระไรอยู่
อันนี้ก็อาจจะขึ้นอยู่กับ เจตนาของแต่ละท่าน

แต่การที่พระจะมาซื้อขาย เอากำไร ใช้จ่ายเงินโยม ในเรื่องแบบนี้ผมว่ามันไม่เหมาะนะครับ
ซึ่งท่านก็ได้ขออภัยไปแล้ว
ส่วนที่เหลือก็อยู่ที่พวกเราจะพิจรณาล่ะครับ

สาธุจากคนที่ยังไม่บวช
ความคิดเห็นที่ : 79

พิงค์ฟอยด์

29/01/2012 23:56:56
IP : 125.24.55.135
ตอบความเห็นที่ ๗๘ ค่ะ


มีคำตอบใน อรรถกถา มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ คหบดีวรรค
ชีวกสูตร เรื่องหมอชีวกโกมารภัจจ์ ค่ะ ขอตัดตอนมา ดังนี้


ภิกษุทั้งหลายในพระศาสนานี้เห็นคนทั้งหลายถือตาข่ายและแหเป็นต้น กำลังออกไปจากบ้านหรือกำลังเที่ยวอยู่ในป่า. แต่วันรุ่งขึ้น เมื่อภิกษุเหล่านั้นเข้าไปบิณฑบาตยังบ้านนั้น คนเหล่านั้นก็นำบิณฑบาต (อาหาร) ที่มีเนื้อปลาถวาย ภิกษุเหล่านั้นก็สงสัยโดยการเห็นนั้นว่า เนื้อปลาเขาทำมาเพื่อประโยชน์แก่ภิกษุทั้งหลายหรือหนอ.
นี้ชื่อว่าสงสัยโดยเห็น. รับอาหารที่สงสัยโดยการเห็นนั้น ไม่ควร. อาหารใด ภิกษุไม่ได้สงสัยอย่างนั้น รับอาหารนั้นก็ควร. ก็ถ้าคนเหล่านั้นถามว่า ท่านเจ้าข้า เหตุไรพระคุณเจ้าจึงไม่รับ. ฟังคำตอบของพวกภิกษุแล้ว ก็กล่าวว่า อาหารนี้ พวกเรามิได้ทำเพื่อประโยชน์แก่ภิกษุทั้งหลายดอก แต่พวกเราทำเพื่อประโยชน์ของตนเองหรือ เพื่อประโยชน์แก่ข้าราชการเป็นต้นต่างหาก รับอาหารนั้นก็ควร.
ภิกษุทั้งหลายไม่เห็นอย่างนั้นเลย แต่ได้ยินมาว่า เขาว่าคนทั้งหลายถือตาข่ายและแหเป็นต้นออกจากบ้านไป หรือเที่ยวไปในป่า. รุ่งขึ้น เมื่อภิกษุเหล่านั้นเข้าไปบิณฑบาตยังบ้านนั้น คนเหล่านั้นก็นำบิณฑบาตที่มีเนื้อปลามาถวาย ภิกษุเหล่านั้นก็สงสัยโดยการได้ยินนั้นว่า เขาทำเพื่อประโยชน์แก่ภิกษุทั้งหลายหรือหนอ.
นี้ชื่อว่าสงสัยโดยได้ยินมา. รับอาหารนั้น ไม่ควร. อาหารใดมิได้สงสัยอย่างนั้น รับอาหารนั้นก็ควร. แต่ถ้าคนเหล่านั้นถามว่า ท่านเจ้าข้า เหตุไรพระคุณเจ้าจึงไม่รับ. ฟังคำตอบของภิกษุเหล่านั้นแล้ว ก็กล่าวว่า ท่านเจ้าขา อาหารนี้ พวกเรามิได้ทำเพื่อประโยชน์แก่ภิกษุทั้งหลายดอก แต่พวกเราทำเพื่อประโยชน์แก่ตนเอง หรือเพื่อประโยชน์แก่พวกข้าราชการเป็นต้นต่างหาก รับอาหารนั้นก็ควร.
อนึ่ง ภิกษุไม่เห็น ไม่ได้ยินมา เมื่อภิกษุเหล่านั้นเข้าไปบิณฑบาตยังบ้านนั้นคนทั้งหลายรับบาตรเอาไปตกแต่งบิณฑบาตที่มีเนื้อปลานำไปถวาย ภิกษุเหล่านั้นก็สงสัยว่า เขาทำเพื่อประโยชน์แก่ภิกษุทั้งหลายหรือ.
นี้ชื่อว่าสงสัยนอกไปจากทั้งสองอย่างนั้น. รับอาหารแม้นั้นก็ไม่ควร อาหารใดมิได้สงสัยอย่างนั้น รับอาหารนั้นก็ควร. แล้วถ้าคนเหล่านั้นถามว่า ท่านเจ้าข้า เหตุไร พระคุณเจ้าจึงไม่รับ. ฟังคำตอบของพวกภิกษุแล้ว ก็กล่าวว่า ท่านเจ้าข้า อาหารนี้ พวกเรามิได้ทำเพื่อประโยชน์แก่ภิกษุทั้งหลายดอก เราทำเพื่อประโยชน์แก่ตนเอง หรือเพื่อประโยชน์แก่ข้าราชการเป็นต้นต่างหาก หรือว่าพวกเราได้ปวัตตมังสะ (เนื้อที่เขามีอยู่แล้ว) เป็นของกัปปิยะ (ควร) ทั้งนั้น จึงตกแต่งเพื่อประโยชน์แก่ภิกษุทั้งหลาย รับอาหารนั้นก็ควร. ในอาหารที่เขาทำเพื่อประโยชน์เป็นเปตกิจ (อุทิศ) สำหรับคนที่ตายไปแล้ว หรือเพื่อประโยชน์แก่การมงคลเป็นต้นก็นัยนี้เหมือนกัน.
แท้จริง อาหารใดๆ เขามิได้กระทำเพื่อประโยชน์แก่ภิกษุทั้งหลาย และภิกษุทั้งหลายก็มิได้เคลือบแคลง สงสัยในอาหารอันใด รับอาหารนั้นทุกอย่างก็ควร.
แต่ถ้าอาหารเขาทำอุทิศภิกษุทั้งหลายในวัดหนึ่ง ภิกษุเหล่านั้นไม่รู้ว่าเขาทำเพื่อประโยชน์แก่ตน ภิกษุเหล่าอื่นรู้ ภิกษุเหล่าใดรู้ อาหารนั้นก็ไม่ควรแก่ภิกษุเหล่านั้น ควรแก่ภิกษุนอกจากนี้ ภิกษุเหล่าอื่นไม่รู้ ภิกษุเหล่านั้นเท่านั้นที่รู้ อาหารนั้นก็ไม่ควรแก่ภิกษุเหล่านั้น ควรแก่ภิกษุเหล่าอื่น. แม้ภิกษุเหล่านั้นรู้ว่า เขาทำเพื่อประโยชน์แก่พวกเรา แม้ภิกษุเหล่าอื่นก็รู้ว่าเขาทำเพื่อประโยชน์แก่ภิกษุเหล่านั้น อาหารนั้นก็ไม่ควรแก่ภิกษุทั้งหมด. ภิกษุทั้งหมดไม่รู้ ก็ควรแก่ภิกษุทั้งหมดนั่นแหละ.
บรรดาสหธรรมิก ๕ รูป อาหารที่เขาทำอุทิศแก่ภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง ย่อมไม่สมควรแก่สหธรรมิกหมดทุกรูป.
ก็ถ้าบางคนฆ่าสัตว์เจาะจงภิกษุรูปหนึ่ง แล้วบรรจุบาตรเต็มด้วยเนื้อสัตว์นั้นถวาย แม้ภิกษุนั้นก็รู้อยู่ว่า เขาทำเพื่อประโยชน์แก่ตน ครั้นรับแล้ว ก็ถวายแก่ภิกษุรูปอื่น ภิกษุนั้นก็ฉันด้วยความเชื่อถือภิกษุนั้น.
ถามว่า ใครเป็นอาบัติ.
ตอบว่า ไม่เป็นอาบัติทั้งสองรูป เพราะว่า อาหารใด เขาทำเจาะจงแก่เธอ เธอก็ไม่เป็นอาบัติเพราะเธอไม่ฉันอาหารนั้น อีกรูปหนึ่ง (ฉัน) ก็ไม่เป็นอาบัติเพราะไม่รู้ ในการรับกัปปิยมังสะ (เนื้อที่สมควรแก่สมณะ) ไม่เป็นอาบัติ.
ภิกษุไม่รู้ว่าเป็นอุทิศมังสะ มารู้ภายหลังที่ฉันแล้ว ก็ไม่มีกิจคือการแสดงอาบัติ. ส่วนภิกษุไม่รู้ว่าเป็นอกัปปิยมังสะ มารู้ภายหลังฉันแล้ว ต้องแสดงอาบัติ. ภิกษุรู้ว่าเป็นอุทิศมังสะแล้วฉันเป็นอาบัติ แม้ภิกษุไม่รู้ว่าเป็นอกัปปิยมังสะแล้วฉัน ก็เป็นอาบัติทั้งนั้น เพราะฉะนั้นภิกษุผู้กลัวอาบัติ แม้กำหนดรูปเป็นอารมณ์อยู่ ถามแล้ว ค่อยรับมังสะหรือเธอรับด้วยคิดว่าจักถามแล้วฉัน ในเวลาฉันถามแล้วค่อยฉัน.
ถามว่า เพราะอะไร.
ตอบว่า เพราะเป็นของที่รู้ได้ยาก. จริงอยู่ เนื้อหมีก็เหมือนๆ กับเนื้อหมู แม้เนื้อเสือเหลืองเป็นต้น ก็คล้ายกับเนื้อมฤค เพราะฉะนั้น พระอาจารย์ทั้งหลายจึงกล่าวว่า ถามแล้วค่อยรับจึงควร.
คำว่า ไม่เห็น คือไม่เห็นเนื้อที่เขาฆ่าแล้วเอามาเพื่อประโยชน์แก่ภิกษุทั้งหลาย.
คำว่า ไม่ได้ยิน คือไม่ได้ยินว่า เขาฆ่าแล้วเอามาเพื่อประโยชน์แก่ภิกษุทั้งหลาย.
คำว่า ไม่สงสัย คือไม่สงสัย ด้วยอำนาจสงสัยว่าเห็นมาเป็นต้น.
คำว่า ปริโภคนฺติ วทามิ ความว่า มังสะที่บริสุทธิ์ด้วยเหตุ ๓ ประการนี้ ชื่อว่าบริสุทธิ์โดยส่วน ๓
จริงอยู่ การฉันมังสะที่บริสุทธิ์โดยส่วน ๓ นั้น ก็เช่นเดียวกับฉันกับข้าวและผักดองที่เกิดเองในป่า ภิกษุผู้อยู่ด้วยเมตตา ฉันมังสะเช่นนั้นย่อมไม่มีโทษ เพราะฉะนั้น เราจึงกล่าวว่า ก็มังสะนั้นควรฉันได้.
บัดนี้ เพื่อจะทรงแสดงความที่ภิกษุผู้อยู่ด้วยเมตตา ไม่มีโทษในการฉันมังสะเช่นนั้น จึงตรัสว่า อิธ ชีวก ภิกฺขุ ดังนี้เป็นต้น. ในคำนั้น ถึงพระผู้มีพระภาคเจ้ามิได้ทรงกำหนดแล้วตรัสว่า ภิกฺขุ ก็จริง ที่แท้พึงทราบว่า ทรงหมายถึงพระองค์นั่นแลจึงตรัสอย่างนี้.
จริงอยู่ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงหมายถึงพระองค์เท่านั้นใน ๓ อาคตสถาน คือในมหาวัจฉโคตตสูตร ในจังกีสูตร และในสูตรนี้. ในอนังคณสูตร หนหลังที่ว่า ปณีเตน ปิณฺฑปาเตน ท่านหมายเอาว่า บิณฑบาตที่มีค่ามากทุกชนิด ชื่อว่าบิณฑบาตอันประณีต แต่ในสูตรนี้ หมายเอามังสะที่สุก.
คำว่า อคธิโต คือ ไม่ตะกรามด้วยความอยาก.
คำว่า อมุจฺฉิโต คือ ไม่หมกมุ่นด้วยการหมกมุ่นด้วยความอยาก.
คำว่า อนชฺฌาปนฺโน คือ ไม่ถูกความอยากครอบงำ. อธิบายว่า ไม่เป็นดังกาที่ต้องการขะม้ำทั้งหมดกลืนลงคอ ด้วยการจิกทีเดียวเท่านั้น.
คำว่า อาทีนวทสฺสาวี คือ เห็นโทษโดยนัยเป็นต้นว่า อาหารนี้กักอุ่นอยู่ที่พื้นท้องคืนหนึ่ง แล้วก็ออกไปทางปากแผล (ทวาร) ทั้ง ๙.
คำว่า นิสฺสรณปญฺโญ ปริภุญฺชติ คือ กำหนดด้วยปัญญาว่า การบริโภคอาหารก็เพื่อประโยชน์อันนี้ แล้วบริโภค.
คำว่า อตฺตพฺยาพาธาย วา เจเตติ คือ คิดเพื่อทำทุกข์แก่ตน.
คำว่า สุตํ เม ตํ คือ เรื่องนั้นเราได้ยินมา พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงว่า แต่ก่อน เรื่องนั้น เราเพียงแต่ได้ยินมาเท่านั้น.
คำว่า สเจ โข เต ชีวก อิทํ สนฺธาย ภาสิตํ ความว่า ดูก่อนชีวก ท้าวมหาพรหมละพยาบาทเป็นต้นด้วยวิกขัมภนปหาน ละด้วยอำนาจการข่มไว้ ด้วยเหตุนั้น ท้าวมหาพรหมนั้นจึงชื่อว่าอยู่ด้วยเมตตา ถ้าท่านกล่าวหมายถึงข้อนี้ด้วยสมุจเฉทปหานละอย่างเด็ดขาดของเรา เมื่อเป็นเช่นนี้ เราก็อนุมัติคำนี้ของท่าน หมอชีวกก็รับ.
ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าเมื่อทรงพรรณนาเทศนาให้ยิ่งขึ้นไป แม้ด้วยอำนาจพรหมวิหารที่เหลือแก่หมอชีวกนั้น จึงตรัสว่า อิธ ชีวก ภิกฺขุ ดังนี้เป็นต้น.
คำนอกนั้นมีเนื้อความตื้นทั้งนั้น.
อรรถว่า โย โข ชีวก นี้เป็นอนุสนธิที่แยกแสดงต่างหาก.
จริงอยู่ ในฐานะนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงปิดประตู ทรงแสดงความเอ็นดูสัตว์ ก็ถ้าคนทั้งหลายถวายบิณฑบาตมีรสอย่างยิ่งแก่ภิกษุไรๆ นั้นอย่างนี้แล้ว กลับได้สวรรค์ถึงแสนกัปไซร้ เขาก็จะพึงทำกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง แม้ทำผู้อื่นให้ตายแล้ว ถวายบิณฑบาตมีรสได้ เพราะเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อจะทรงปฏิเสธความข้อนั้น จึงตรัสว่า โย โข ชีวก ตถาคตํ ดังนี้เป็นต้น.
ในคำนั้น คำว่า อิมินา ปฐเมน ฐาเนน ได้แก่ ด้วยเหตุที่หนึ่ง ซึ่งเป็นเพียงคำสั่งเท่านั้น อันนี้ก่อน.
คำว่า คลปฺปเวฐเกน ได้แก่ สัตว์ที่ถูกเชือกผูกคอลากมาหรือสัตว์ที่มีคอถูกผูกลากมา.
คำว่า อารภิยมาโน ได้แก่ ถูกเขาทำให้ตาย.
คำว่า อกปฺปิเยน อสฺสาเทติ ความว่า คนที่ให้ภิกษุฉันเนื้อหมีด้วยสำคัญว่าเนื้อหมู ฉันเนื้อเสือเหลืองด้วยสำคัญว่าเนื้อมฤค ก็พูดเสียดสีว่า ท่านยังชื่อว่าสมณะหรือ ท่านฉันอกัปปิยมังสะ.
ส่วนคนเหล่าใดรู้ว่า เนื้อหมีเหมือนเนื้อหมู เนื้อเสือเหลืองเหมือนเนื้อมฤค ในยามอาหารหายาก หรือใช้เยียวยาความเจ็บไข้ได้ก็พูดว่า นี้เนื้อหมู นี้เนื้อมฤค ให้ภิกษุฉันด้วยอัธยาศัยเกื้อกูล พระผู้มีพระภาคเจ้ามิได้ทรงหมายถึงคนเหล่านั้น ตรัสคำนี้ เพราะคนเหล่านั้นย่อมได้บุญเป็นอันมาก บุคคลผู้นี้กล่าวว่า พระเจ้าข้า ข้าพระบาทนี้ขอถึงพระผู้มีพระภาคเจ้า ทั้งพระธรรม ทั้งพระภิกษุสงฆ์ว่าเป็นสรณะ ชื่อว่าเป็นอริยสาวกผู้ประสบผล ผู้รู้คำสั่งสอนเป็นผู้เห็นสัจจะแล้ว ส่วนหมอชีวกหยั่งซึ้งพระธรรมเทศนานี้ เกิดความเลื่อมใส กระทำการชมเชย (สดุดี) ธรรมกถา จึงกล่าวอย่างนี้.
คำนอกนี้ในที่ทุกแห่งตื้นทั้งนั้น.
ความคิดเห็นที่ : 80

butnotforme

30/01/2012 00:09:34
333
IP : 119.46.176.222
พี่อีแม้นส์ กับผมมีความคิดต่างกันเรื่อง Absolute ครับ
เพราะตั้งแต่เรียนหนังสือมา ยังไม่เคยมีอาจารย์คนไหน บอกผมเลยว่า แกจะตัด grade นักเรียน ไม่ A ก็ F ไปเลย
เพราะฉะนั้น ความชั่วสำหรับผมก็เหมือนกับ Grade มีชั่วมาก ชั่วน้อย เลวมาก เลวน้อย
มี แฟนแล้วมีกิ๊ก ชั่วน้อย
มี เมีย แล้วมีอีหนู ชั่วมากขึ้น
มี เมีย แล้วมี เมียน้อย เป็นตัวเป็นตน เพราะเจ้าชู้ ชั่วมากขึ้นไปอีก
ไม่มีเมีย ชั่วที่สุด 55555 (ด่าตัวเองอีก :P )

ขำๆครับ เพราะกระทู้นี้ไม่ค่อยออกทะเลเลย
ความคิดเห็นที่ : 81

rwut99

30/01/2012 00:14:43
0
IP : 119.46.218.1
ขอบคุณ พิงค์ฟอยด์ ครับแต่อ่านแล้วผมงงเหมือนอ่านภาษา ขอมเลยอิๆๆๆ

ผมล่ะไม่ได้เรื่องจริงๆ ภาษาธรรมะ หรือภาษากฏหมายนี้

ความคิดเห็นที่ : 82

พิงค์ฟรอยด์

30/01/2012 00:31:17
IP : 125.24.55.135
สรุปเอาสั้นๆ ว่าสำคัญที่เจตนาค่ะ

ถ้าอยากอ่านการตีความพระวินัยแบบพิสดารพันลึก ลองหาอ่านหมวดปาราชิกดูค่ะ อ่านแล้วจะอึ้งว่าพระวินัยท่านพัฒนาไปไกลกว่าหลักนิติศาสตร์เสียอีก

ขอก๊อบปี้ข้อความคนอื่นมานะคะ เผื่ออ่านแล้วจะอยากไปหาอ่านต่อ.. (ชวนออกทะเลเลย)

หัวข้อ พระภิกษุสงฆ์สามารถสำเร็จความใคร่ได้หรือไม่

คำตอบจากกูรูกูเกิ้ล (โดยคุณkornsiam)

1.สำเร็จความใคร่แบบเสพเมถุน ตั้งใจเพื่อจะเสพเมถุน หรือยินดีในการถูกเมถุนธรรม(ละเมิดทางเพศ) โดยใช้องคชาตของตน กับ อวัยวะเพศของสตรี ทวารหนักชายหญิง ปากชายหญิง แม้สัตว์เดรัจฉานก็ตาม มีชีวิตหรือไม่มีชีวิตก็ดี แม้นล่วงแต่อันติมะหนึ่ง แค่แตะองคชาตกับอวัยวะที่บอกมาก็เป็นอาบัติปาราชิก ส่วนการกระทำนอกเหนือจากนั้นเป็นการร่วมเพศของบุคคลที่ขาดสูญจากความเป็นพระไปแล้ว


2.สำเร็จความใคร่แบบช่วยตัวเอง ตั้งใจเพื่อจะบำบัดความใคร่ให้น้ำอสุจิออกจากฐานได้ปรับอาบัติสังฆาทิเสส

- กรณีที่พระภิกษุรูปนั้นช่วยตัวเอง ใช้ปากของตนกับองคชาตของตน อันนี้เป็นการร่วมเพศ ปรับปาราชิก

- กรณีให้ผู้อื่นสำเร็จความใคร่ให้ อาจใช้มือผู้อื่นมากระทำแก่องคชาตของตน หากน้ำอสุจิออกจากฐานปรับสังฆาทิเสส

- กรณีพระภิกษุรูปนั้นดูสื่อลามก แม้จักมีอสุจิเคลื่อนออกมา ท่านว่าไม่ถึงสังฆาทิเสส เพราะมิได้สำเร็จความใคร่ด้วยวัตถุใดๆ

- กรณีสำเร็จความใคร่ด้วยวัตถุใดๆ เช่นพื้นห้อง อุปกรณ์ทางเพศเทียมหญิง ฯลฯ ถือว่ามีวัตถุครบโดยองค์ประกอบเพื่อจะสำเร็จความใคร่นั้น หากอสุจิเคลื่อนออกจากฐานปรับสังฆาทิเสส

- กรณีพยายามจะสำเร็จความใคร่แต่ฉุกคิดได้เสียก่อน หรือไม่กระทำต่อด้วยเหตุใดๆ ทั้งนี้อสุจิไม่เคลื่อนออกจากฐานไม่ปรับอาบัติสังฆาทิเสส อาจแค่ถุลลัจจัย

- กรณีนอนหลับฝันโดยไม่รู้ตัว แม้อสุจิเคลื่อนออกจากฐานก็ไม่ปรับอาบัติใดๆทั้งสิ้น

- กรณีถูกล่วงละเมิด อาจถูกบีบบังคับทำให้หมดสิ้นอิสรภาพไม่สามารถดิ้นรนให้พ้นจากบ่วงพันธนาการได้ และถูกผู้อื่นสำเร็จความใคร่ (เขาอาจใช้มือ หรืออวัยวะอื่นๆ ที่ไม่ใช่ อวัยวะเพศ ปาก ทวารหนัก) มากระทำชำเราจนพระภิกษุรูปนั้นสำเร็จภาวะธาตุเคลื่อน แม้ถูกล่วงละเมิดก็จริงแต่การบรรลุซึ่งความใคร่นั้นอยู่ที่ใจด้วยเช่นเดียวกัน พระภิกษุรูปนั้นต้องมีอารมณ์คล้อยตามไปกับเหตุนั้นแน่ มิฉะนั้นแล้วคงไม่มีอสุจิเคลื่อน เช่นนี้ก็ปรับอาบัติสังฆาทิเสส แม้ไม่มีเจตนาจะทำ แต่ท้ายสุดก็มีอารมณ์คล้อยตามจนอสุจิเคลื่อนจากฐานก็อาบัติเหมือนกัน


ความคิดเห็นที่ : 83

เศร้าใจแทน

30/01/2012 00:41:24
IP : 58.9.151.199
แล้วแบบนี้เจตนาเปล่าครับ

พระสมศักดิ์ ท่านบอกว่า ผมเลยหลงไปกับ ของพวกนี้

ความหมายคือหลงไปกับ garget

ความคิดเห็นที่ : 84

pandasmooth

30/01/2012 00:42:05
0
IP : 171.4.95.243
๑๔. พระวินัย

วันที่ ๑๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๒๗



พูดถึงเรื่อง “พระวินัย” เสียก่อน เราบวชมาต้องถือพระวินัยเป็นใหญ่ ขนบธรรมเนียมประเพณีของพระคือ พระวินัย ถ้าขาดตกพกพร่องเรื่องพระวินัยแล้วก็เรียกว่า ไม่สมบูรณ์

ในเรื่อง “พระวินัย” นั้นจำเป็นที่สุดจะต้องปฏิบัติเป็นเบื้องต้น ถึงหากว่าจิตยังไม่ทันเป็นพระวินัย ก็ต้องระมัดระวังต้องตั้งใจอบรมสั่งสอนตนถึงเรื่องเหล่านี้แหละ

แต่เมื่อก่อนท่านสำเร็จมรรคผลนิพพานแล้ว พระวินัยก็ไม่มากมาย แต่ข้าวเย็นก็ยังฉันกันอยู่ สมัยนั้นบิณฑบาตกลางคืนเสียอีก แต่เหตุที่ไม่เหมาะไม่ควรพระพุทธเจ้าจึงทรงห้ามปราม บางองค์ก็ยังเสียดายกินข้าวเย็น บอกว่าตอนเย็นนั้นอาหารอร่อย เขาชอบทำกันตอนเย็น อย่างนี้เป็นต้น แต่มาสมัยเดี๋ยวนี้พระวินัยมีมากขึ้น ด้วยเหตุพระประพฤติปฏิบัติเหลวไหล แล้วก็ไม่เป็นไปเพื่อมรรคผลนิพพานด้วย ของทั้งหลายเหล่านั้นพระองค์จึงค่อยทรงห้าม

พระวินัย นี้เป็นของเบื้องต้น ถ้าพระวินัยเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็นิยมนับถือ พุทธศาสนาก็จะได้ถาวรต่อไป อย่างเราก็ได้ยินกันอยู่ ใครก็พูดเป็นส่วนมาก พระไปเมืองนอกไปอเมริกาเหลวไหลหมด ใครไปก็เหลวไหลเกือบแทบทุกองค์ไปไม่ว่าธรรมยุต ไม่ว่ามหานิกาย ไปห่างเหินไกลครูบาอาจารย์ไกลผู้หลักผู้ใหญ่ทำตามอัตโนมัติของตน นั่นแสดงว่าเอาศาสนาไปหากิน นุ่งเหลืองห่มเหลืองแล้วก็เขาเข้าใจว่าเป็นพระ ก็ทำบุญทำทานเรื่อยไป จึงว่าเอาศาสนาไปหากิน ในประเทศไทยก็เหมือนกัน บางองค์บางคณะ ก็เอาศาสนาหากินเหมือนกัน ในผลที่สุดพระวินัยไม่มีเลย อย่างท่านเทศนาไว้ ท่านว่าศาสนาเสื่อมตั้งแต่ พระปรมัตถ์เสื่อมลงมาพระสูตร จนมาพระวินัย

พระปรมัตถ์ เสื่อมก็คือว่า มรรคผลนิพพานเสื่อมลงโดยลำดับ พระอรหันต์ อนาคามี สกิทาคามี เสื่อมมาถึงพระโสดาบัน ยังเหลือแต่ปุถุชน นั่นเรียกว่าศาสนาเสื่อม พระปรมัตถ์เสื่อม

พระสูตร ก็เสื่อมมาโดยลำดับ ที่พระสูตรเสื่อมนั้น เช่นจะได้เห็นถึงเรื่องพระเวสสันดรชาดก ต่างก็เอาไปแปรเป็นต่างๆ กัน เทศน์แหล่เทศน์ไหลไปต่างๆ ผิดแผกจากความเป็นจริง ผิดแผกจากธรรมวินัย อันเป็นเรื่องหากิน

พระวินัย เสื่อมนั้น ตั้งแต่ทุกกฎ ทุพภาสิต ปาจิตตีย์ นิสสัคคีย์ มาจนกระทั่งถึงสังฑาทิเสส ยังเหลือแต่ปาราชิก

เพศเสื่อม คือปาราชิก ๔ ก็เสื่อมหมดแล้ว ในผลที่สุดก็พระทำมาหากินด้วยตนเอง นั่นแสดงว่าญาติโยมเขาไม่นิยมนับถือ ไม่สงเคราะห์อาหารต่าง ๆ ทำมาหากินด้วยตนเอง ทำไร่ไถนากิน ปลูกมันกิน ในผลที่สุดไม่เหลือแล้วคราวนี้เรียกว่า เพศเสื่อม ตอนต้นธรรมวินัยเสื่อม มาตอนหลังเรียกว่า เพศเสื่อม ปาราชิกสังฑาทิเสสเสื่อมหมด ผ้าผ่อนจีวรทั้งหลายเลยไม่ถือสา ยังเหลือแต่ผ้าผู้ข้อมือผ้าเหลืองผูกข้อมือใช้เป็นเครื่องหมายว่าเป็นพระ มันเสื่อมไปอย่างนี้การเสื่อม เพราะไม่พากันรักษา

เหตุนั้นจึงต้องพากันรักษาเรื่องพระวินัย เราบวชเข้ามาแล้วได้ชื่อว่าสละทุกสิ่งทุกประการจึงค่อยมาบวช ตลอดถึงเงินทองก็ไม่ต้องจับไม่ต้องใช้ ถ้าใช้เราก็ใช้ไวยาวัจกรใช้แทน ต้องการของที่จำเป็นเครื่องปัจจัยชาติทั้ง ๔ จีวร บาตร เสนาสนะ คิลานเภสัช เราไม่ต้องการเงิน ตอนนี้พูดยากอยู่หน่อย คำว่า “ต้องการของ” ที่ต้องการของนั้นเขาว่าต้องการของก็ต้องการเงินน่ะซี เขาว่าอย่างนั้น เงินกับของนั้นต่างกัน ผู้ที่ปฏิบัติแล้วจึงค่อยรู้เรื่องเข้าใจดี เราไม่ต้องการเงิน ให้เงินนั้นเป็นของละอายน่ากลัว แต่เราต้องการของต่างหาก เวลาต้องการของกระทั่งเราไปซื้อเองก็ไม่ได้อีก ให้เขาซื้อ ต่อราคาก็ไม่ได้อีก แล้วแต่เขาจะให้ราคาเท่าไรก็เอาเถอะ

เราเป็นพระควรรักษาเรื่องของพระไว้ ไม่ควรยกโทษดูถูก อาหารการกินทุกอย่างที่เขาให้มาอย่างไร ก็ฉันอย่างนั้นไม่ต้องเลือก เลือกอาหารการกินอย่างไร ? ก็เลือกอะไรที่ชอบ ที่ไม่ชอบใจไม่ถูกใจเลยไม่ฉันของเขาซ้ำ ผ้าผ่อนเข้าของที่เขาให้ไม่ดี เลยไปซื้อเองดีกว่า อะไรต่างๆ เรื่องเสนาสนะ เขาปลูกกุฏิขึ้นมาให้อยู่ ก็ไม่เอาไม่ชอบใจปลูกเองดีกว่า หยูกยาที่เขาให้ก็ไม่เอา ต้องหาซื้อด้วยตนเอง เป็นเหตุให้ฆราวาสเขาเห็นได้ง่าย เรื่องรังเกียจของเห็นได้ง่ายที่สุด ครั้นใจเรารังเกียจแล้ว ถึงไม่พูดเขาก็เห็นได้ง่าย เขาให้ไม่ฉัน หรือฉันก็ฉันน้อยอันนี้แสดงว่ารังเกียจแล้วนั่นน่ะ ภิกษุเราไม่ควรทำ ท่านปรับอาบัติทุกกฎทำไทยทานของเขาให้เสื่อม เว้นเสียแต่ว่า อาหารบางอย่างบางชนิด กินเข้าไปแล้วมันเป็นโทษเป็นอันตรายแก่สุขภาพของเรา อันนั้นจะงดเว้นก็ได้ ไม่เป็นอาบัติ

เราบวชมาแล้ว ต้องยอมสละทุกอย่าง จึงจะเป็นพระสมบูรณ์บริบูรณ์ ยิ่งมาปฏิบัติด้วยแล้วเลือกที่รักมักที่ชัง รังเกียจที่ไม่ควรรังเกียจบางอย่างบางประการนั้นๆ อันนั้นเขายกโทษดูถูก มักง่ายนัก เขายกโทษดูถูกง่ายที่สุดนั่น พระปฏิบัติให้อาหารแล้วไม่ฉัน ให้ผ้าผ่อนไม่เอา ไม่ดีไม่ชอบใจ หาเลือกเอาอย่างนั้น กิเลสยังมีอยู่พระองค์นั้น มันไปอย่างนั้นละซี พอพูดถึง “กิเลส” มันน่าฟังเหมือนกัน มันมีกิเลสจริง ๆ ถ้าเราเลือกเราคอยฉันแต่ของดีๆ คอยรับแต่ของดีๆ ทั้งนั้น มันเป็นกิเลสอยู่ดีๆ นั่นเอง ทำหลังเขาก็เลยหาว่าพระคณะนี้ไม่สมควรที่จะทำบุญทำทานด้วย พระคณะนี้เป็นพระรุ่มพระรวย ไม่ฉันอาหารของเขา ไม่รับทานผ้าผ่อนเครื่องนุ่งห่มของเขา

ความเป็นจริงนั้น เขาเลือกเฟ้นดีที่สุด ของที่เขาให้มานั้นไม่ใช่ของเลว ของดีของเขาแล้ว เขาจึงให้มา ถ้าของไม่ดีเขาก็ไม่ให้ การทำบุญทำทานนั้นเรียกว่าเขาเลือกของดีที่สุดเท่าที่เขาจะมี แต่ของเขานั้นมีเพียงแค่นั้น เขาหาได้เพียงแค่นั้น ควรที่จะสงเคราะห์เขา เพื่อให้เขาเกิดศรัทธาปสาทะเลื่อมใส เขาจะได้นิยมนับถือ พุทธศาสนานี้จึงเจริญรุ่งเรือง ครั้นเขายกโทษดูถูกแล้วศาสนาจะอับเฉาเศร้าหมองไปโดยลำดับ อย่างบิณฑบาตเหมือนกัน เมื่อเช้าดูๆ มันก็ไม่ค่อยเหมาะสมเหมือนกัน เขาอุตส่าห์ตั้งใจแล้ว มาแต่ไกล อุตส่าห์สละทุกสิ่งทุกประการของที่เขาหามานั้นน่ะ เขาอุตส่าห์หามาเพื่อต้องการจะใส่บาตร มีแค่ไหนจนแค่ไหนเขาหามาให้ มาทำบุญทำทาน เราบิณฑบาตควรที่จะสงเคราะห์สงหาเขา แต่แทนที่จะสงเคราะห์สงหาให้เขาใส่ เราเต็มแล้วเลยพอ มันไม่เหมาะตอนนี้ ไม่เหมาะถึงอย่างไรก็ต้องไปให้ตลอดรอดฝั่งจนหมดของนั้น

ผมอุตส่าห์พยายาม แต่มันเหลือวิสัยที่จะไปให้ตลอดรอดฝั่ง เพราะสุขภาพมันไม่ให้ ทีหลังไม่ควรทำอย่างนั้น อย่าทำเลย ไม่เหมาะ มีงานการต้องเดินให้ตลอดรอดฝั่ง เราอยู่วัดนี้แหละไม่ใช่เดินไกลอะไร เดินเพียงแค่บิณฑบาตมาฉันเท่านั้นแหละ ไม่ยากเย็นอะไรหรอก เขานั้น โอ๊ย! สำบุกสำบันหาเงินหาทองมา ซื้อของมากว่าจะได้มาใส่บาตรนั้นยากแสนยาก ควรสงเคราะห์เขา มันเต็มบาตรเราก็บอกญาติโยม บอกได้ เขารู้จักว่าเต็มอยู่ แต่เขาอยากจะใส่ เขาอยากทำบุญกับเรา

เขาอยากทำบุญเขาจึงอุตส่าห์มา พอมาแล้วไม่ได้ใส่บาตร เขาวิตก มันเป็นเหตุให้ศรัทธาของเขาเสื่อมไป จึงว่าไม่ควรกระทำ

ความคิดเห็นที่ : 85

เหอๆๆๆ

30/01/2012 00:42:40
IP : 58.9.151.199
ชอบคำพูด tonten

ส่วนผู้ถูกกล่าวหาผมว่า ต่อให้ใช้หูฟังหรือแอมป์ หรืออะไรๆที่แพง ที่ดีที่สุดในจักรวาล เท่าที่เงินญาติโยมจะหามาได้ จากนี้ไป คงไม่พบกับความสุข จากเสียงเพลงอีกแล้วหล่ะครับ
ความคิดเห็นที่ : 86

pandasmooth

30/01/2012 00:47:03
0
IP : 171.4.95.243
ผมว่าศาสนาสมัยนี้เปิดช่องให้คนทำมาหากินมากเกินไป ประเทศลาวเขาไม่ทำบุญด้วยเงิน ศาสนพุทธที่ประเทศเขาถือว่าบริสุทธิ์ กว่าประเทศเรามากสังเกตุ มีข่าวพระทำผิดช่วงหลังหลังมาก ลองถามใจตัวเองก่อนครับที่บวช มาเพื่ออะไร
ความคิดเห็นที่ : 87

pandasmooth

30/01/2012 00:49:14
0
IP : 171.4.95.243
เราบวชเข้ามาแล้วได้ชื่อว่าสละทุกสิ่งทุกประการจึงค่อยมาบวช ตลอดถึงเงินทองก็ไม่ต้องจับไม่ต้องใช้ ถ้าใช้เราก็ใช้ไวยาวัจกรใช้แทน ต้องการของที่จำเป็นเครื่องปัจจัยชาติทั้ง ๔ จีวร บาตร เสนาสนะ คิลานเภสัช เราไม่ต้องการเงิน ตอนนี้พูดยากอยู่หน่อย คำว่า “ต้องการของ” ที่ต้องการของนั้นเขาว่าต้องการของก็ต้องการเงินน่ะซี เขาว่าอย่างนั้น เงินกับของนั้นต่างกัน ผู้ที่ปฏิบัติแล้วจึงค่อยรู้เรื่องเข้าใจดี เราไม่ต้องการเงิน ให้เงินนั้นเป็นของละอายน่ากลัว แต่เราต้องการของต่างหาก เวลาต้องการของกระทั่งเราไปซื้อเองก็ไม่ได้อีก ให้เขาซื้อ ต่อราคาก็ไม่ได้อีก แล้วแต่เขาจะให้ราคาเท่าไรก็เอาเถอะ

ชอบประโยคช์นี้ครับ
ความคิดเห็นที่ : 88

Guide

30/01/2012 00:53:32
IP : 58.9.151.199
เวลาต้องการของกระทั่งเราไปซื้อเองก็ไม่ได้อีก ให้เขาซื้อ ต่อราคาก็ไม่ได้อีก แล้วแต่เขาจะให้ราคาเท่าไรก็เอาเถอะ



พระสมศักดิ์มีการต่อรองราคาด้วยครับเวลาซื้อ gadget
ความคิดเห็นที่ : 89

oname2

30/01/2012 01:03:53
3
IP : 101.51.142.187
กะแล้วเชียวว่าพี่ทศย์ พี่แม้นย์ หายไปไหนมาอยู่แถวนี้นี่เอง...ฮุฮุ....
ความคิดเห็นที่ : 90

mak

30/01/2012 01:09:49
IP : 171.4.95.243
ในคาวมรู้สึกผม คุณ butnotforme ตอบกระทู้ก็ไม่ถูกนะครับ จะพูดว่าเมื่อเทียบกับ คนที่ทำเลวยิ่งกว่าก็ไม่ได้ครับแสดงว่าคนที่ทำผิดเป็นเรื่องธรรมดา ประเทศของเราถึงได้เป็นเเบบนี้ดูการเมืองเป็นแบบอย่าง ไงครับ อย่าเอาคาวมรู้สึกสวนตัวมาตอบครับ
ความคิดเห็นที่ : 91

Joker

30/01/2012 01:12:58
0
IP : 58.9.237.226
ผมรู้จักพระซื้อขาย MP3/หูฟัง มานานแล้วฮะ

เคยลงดราม่าเวบจ่าด้วย และยังมีขายหูเก่าหายากๆ ขายอยู่แถวๆนี้ด้วยฮะ~~~


ตามที่ผมเคยบวชเรียนมา แบบค่อนข้างเคร่ง สิ่งเหล่านี้ พระสงฆ์จะไม่แตะต้องหรอกครับ

เพราะคิดดู เพลงที่ฟัง มันเป็นเนื้อหารักๆใคร่ๆ จังหวะสนุกสนาน

( ไม่น่าจะฟังเพลงบรรเลง 100% หรอก )



ถามว่าผิดมั้ย ผมว่าไม่ถูก...แต่ผมพอรับได้

เพราะเดินสะพานเหล็กซื้อหนังซื้อเกมส์มีเยอะ..


แต่ ผมไม่ไหว้พระเหล่านั้น + ไม่นับถือครับ

ผมจะเลือกนับถือพระที่เคร่งในธรรมวินัย..

ส่วนคห.ต่อจากนี้ถึงจะแรงไปหน่อย

คือผมเห็นพระที่มาตอบในนี้ ใช้ภาษาธรรมดาๆเนียนๆ ไม่แสดงตัวว่าเป็นพระ

ผมคุ้นเคยกะพระที่ใช้คำว่าอาตมาแทนตัวเอง และโยม+น้อง พ่อ แม่ แทนผู้อื่นครับ

ผมว่าก็ เทาๆแล้ว...

ความคิดเห็นที่ : 92

Joker

30/01/2012 01:22:36
0
IP : 58.9.237.226
หรือ ถ้าบอกว่า เอาไปฟังพระธรรมเทศนาแบบ MP3 ไม่ต้อง..westone4 ก็ได้มั้งฮะ

พระเสียบหูฟังเดินไปเดินมา ใครเห็น ผมว่ามีครึ่งนึงอ่ะ น่าจะดูเป็นการไม่สำรวม

( นอกจากพระเซตเครื่องเสียงในวัดตามกิจของท่านผมโอเค )


ถ้าเราชาวพุทธไม่ช่วยกันปราม ลูกศิษย์ท่านเค้าก็จะเห็นกันเป็น STANDARD

รุ่นต่อๆไป....


อืม ศาสนาของเรา...
ความคิดเห็นที่ : 93

yok

30/01/2012 01:28:39
IP : 171.4.95.243
555 ปีนี้ "งบ"หมดแล้วครับ พี่ปุ๊ยย 555

ปีหน้าเก็บเงินแต่ง อีก5555
by สมศัก 844 ภาค3
ชี้แจงข้อคาวมนี้ด้วยครับ คือผมกลับไปอ่านกระทู้เก่าเก่ามา เห็นท่านเรียกพี่ คือคนที่ถูกเรียกจะเป็นไรไหม เหมือนท่าจงใจปิดสถานะ
ความคิดเห็นที่ : 94

Joker

30/01/2012 01:39:59
0
IP : 58.9.237.226
ใครบาปกว่ากันเนี่ย !!!
ความคิดเห็นที่ : 95

Joker

30/01/2012 01:40:18
0
IP : 58.9.237.226



ลืมรูป...
ความคิดเห็นที่ : 96

gippink

30/01/2012 02:00:00
0
IP : 61.90.76.35
ก่อนที่จะพิมพ์อะไรด้วยอารมณ์ ขอให้คุณ pinkkyka และทุกท่านคิดก่อนพิมพ์ เพราะนี่เป็นการพูดถึงพระเถระ

ก่อนอื่นขอทำความเข้าใจก่อนว่าพุทธบริษัท ไม่ได้มีเฉพาะพระอย่างเดียว รวมทั้งผู้ที่นับถือศาสนาพุทธด้วย

ประเด็นพูดถึงพระวินัย เรื่องศีล พระมี 227 ข้อ / ฆารวาส 5 ข้อ


จากนั้นขอให้ทุกท่านสำรวจตัวท่านเองว่าศีล 5 ข้อ ที่เรารู้จัก (บางคนยังไล่เรียงศีล 5 ไม่ถูก) ทุกท่านรักษาได้ครบไหมในหนึ่งวัน

บางวันไปกินเหล้าก็คิดเข้าข้างตัวเองว่าไม่เป็นไรแค่กินเหล้าไม่ทำให้ใครเดือดร้อน...ในขณะที่บางคนยังใช้เงินพ่อ แม่

บางครั้งก็เราก็โกหกคนอื่น โกหกพ่อ แม่ เมีย ลูก เราก็ปลอบใจตัวเองว่าโกหกเพื่อให้ตัวเองรอด ขืนพูดความจริงก็อันตราย

ฯลฯ

ทั้งๆ ที่ทุกท่านเองก็รับศีล 5 มาตั้งแต่เด็ก

หรือมีท่านใดที่ไม่เคยทำผิดศีล 5 เลย

--------
ปัจจัยที่ท่านสมศักดิ์ได้มาไม่ใช่จากการการทำบุญของฆารวาสอย่างเดียว ท่านได้จากการสอนหนังสือ ไปอบรมธรรมะตามสถานที่ต่างๆ ปัจจัยส่วนนี้ถือว่าเป็นปัจจัยจากการทำงานครับ ในส่วนที่โยมนำมาถวาย ท่านอาจจะแยกนำไปบำรุงเสนาสนะ หรือเอาไว้ใช้ในการสอนหนังสือเณรก็ได้

ขอให้คำนึงว่าก่อนพูดหรือพิมพ์ข้อความอะไรเราเป็นนายมัน

แต่เมื่อพูดหรือพิมพ์ไปแล้วสิ่งเหล่านี้จะเป็นนายของเรา

ก่อนที่จะใช้คำพูดรุนแรงขอให้ท่านคิดให้ดีก่อน อย่าใช้อารมณ์ ความมันส์อย่างเดียว

http://www.facebook.com/video/video.php?v=150373124989547


http://board.palungjit.com/f10/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B8%86%E0%B9%8C%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B9%82%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%A2%E0%B8%B5-%E0%B8%9E-%E0%B8%A1-%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%8D%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2-%E0%B8%9B%E0%B8%B8%E0%B8%8D%E0%B8%BA%E0%B8%8D%E0%B8%A1%E0%B9%82%E0%B8%99-204462.html

ความคิดเห็นที่ : 97

gippink

30/01/2012 02:00:35
0
IP : 61.90.76.35
ความคิดเห็นที่ : 98

เศร้าใจแทน

30/01/2012 02:06:31
IP : 58.9.151.199
เอ๋ user สมัครใหม่ๆๆเลยน่ะ gippink

มีคำพูด ปีหน้าแต่งเงินเมีย 55555

แล้วการเอาเงินจากญาตโยม มา สนองในการซื้อหูฟังแพงๆๆและแอมป์แพงๆๆๆใน ขณะที่เป็นท่านสมศักดิ์ เหอๆๆๆๆๆ

แล้วแบบนี้เจตนาเปล่าครับ

พระสมศักดิ์ ท่านบอกว่า ผมเลยหลงไปกับ ของพวกนี้

ความหมายคือหลงไปกับ garget




ความคิดเห็นที่ : 99

Joker

30/01/2012 02:17:25
0
IP : 58.9.237.226
พระถือศีลมากกว่าคนปกติครับ ต้องครบทุกข้อถึงครองความเป็นสงฆ์ได้ครับ

ไม่สามารถขาดศีลข้อใดข้อหนึ่งได้...

ต่างจาก คนทั่วๆไปนะครับ



แต่เท่าที่โพสมา เฉพาะศีลข้อ 8 นี่ชัดเจนมากครับ...


นจฺจคีตวาทิตวิสูกทสฺสนา มาลาคนฺธวิเลปนธารณมณฺฑนวิภูสนฏฺฐานา เวรมณี สิกฺขาปทํ สมาทิยามิ (ข้าพเจ้าสมาทานซึ่งสิกขาบท คือ เว้นจากพูด ฟัง ฟ้อนรำ ขับรอ้งและประโคมเครื่องดนตรีต่าง ๆ และดูการเล่นที่เป็นข้าศึกแก่กุศล และทัดทรงตกแต่งร่างกายด้วยเครื่องประดับและดอกไม้ของหอม เครื่องทาเครื่องย้อม ผัดผิวให้งามต่าง ๆ)


ถ้ายังไม่ละทิ้งจริงๆ จะต้องต่อศีลทุกวันหลังฟังนี่.....

ผมว่าเค้าคงรู้ผิดชอบชั่วดีแหละ แต่ไม่สามารถยับยั้งใจได้...

ผมไม่ได้มีปัญหาอะไรกะการเอาเงินใครมาซื้ออะไร ญาติโยมถวาย มันก็จบตั้งแต่ตอนนั้นแระ

แล้วแต่ท่านจะไปซื้ออะไรมา ก็แล้วแต่ครับ..

และผมไม่ได้มีปัญหากับการเห็นพระใช้มือถือ ใช้คอม จะซื้อหูฟัง/MP3 ( ไม่ใช่ลงขายตามเวบนะ ) ซื้อเกมส์/หนัง หรือ มีรถ หรือของแพงๆใช้

แต่รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างยิ่งกับพระที่ไม่รู้หน้าที่ และข้อจำกัดในศีลตัวเองครับ

ไม่รู้ว่า แท้ที่จริงกิจของสงฆ์คืออะไร...

ท่านบวชมาเพื่อ......?






ผมก็แค่ชาวพุทธ ธรรมดาๆคนนึง ที่ไม่อยากเห็นศาสนาเรา มันต่างจาก เมื่อ 2500 กว่าปีที่แล้วไปมากกว่านี้..

อีกเรื่องติดใจที่ท่านผู้นั้น คือ ไม่มีเจตนาแสดงคนว่าเป็นพระ ให้กับบุคคลทั่วไปทราบ ผมก็ว่ามันไม่ใช่แล้วล่ะครับ มีการหยอกล้อ ไปในทางที่...นะ

( การปกปิดโกหกเพื่อให้ตัวเองรอด ขืนพูดความจริงก็อันตราย > น่าจะไม่ใช่แระ )

ปล.ผมเคยโดนพระโกงการซื้อ MP3 เครื่องนึงครับ ส่งสภาพเน่าเลยมาให้ ถ่ายรูปมาอย่างกิ๊ง

และมารู้ทีหลังว่าเป็นพระ..

^_^
ความคิดเห็นที่ : 100

Joker

30/01/2012 02:20:53
0
IP : 58.9.237.226
gippink คลิปนั่นถูกต้องเลย การใช้เทคโนโลยี่เพื่อเผยแผ่ศาสนา

นั้นคือหัวใจของสงฆ์เลยครับ ทางไหนที่เข้าถึง คนทั่วๆไปมากที่สุดได้ พระท่านก็ปรับตัวได้ดีในโลกเทคโนโลยี่ครับ...


แต่เท่าที่เห็น ผมเห็นท่านที่เป็นประเด็น ไม่ได้มาเผยแพร่ศาสนาในเวบมั่นนะ..
ความคิดเห็นที่ : 101

gippink

30/01/2012 02:46:13
0
IP : 61.90.76.35
เจ้าของกระทู้ คุณ pinkkyka ยิ่งไม่ล็อคอิน ยิ่งน่าสงสัย

คุณ pinkkyka เคยเห็นท่านสมศักดิ์สวมใส่หูฟังเดินไปมาในวัดไหม เคยเห็นท่านเต้นหรืออาการไม่สำรวมไหม

ท่านมีหูฟังผิดหรือ ท่านมีก็ไม่ได้นำมาโชว์ หรือใส่ออกนอกห้องของท่าน

ดูจากการเข้ามาตั้งกระทู้โดยไม่ได้ล็อคอินเข้ามา ไม่เข้าใจว่าผู้ที่ตั้งกระทู้ มีวัตถุประสงค์เพื่ออะไร

มาดูศาสนาอื่นบ้าง ดูแล้วเปิดใจ

คลิปวีดิโอ บาทหลวง ชาวฮังการี กำลังเป็นที่สนใจในยูทูบ เนื่องจากท่านมีไอเดียสุดเก๋ไก๋? โดยเล่นสเกตบอร์ด เพื่อให้วัยรุ่นหันมาสนใจธรรมะกันมากขึ้น

“แนวคิดนี้พ่อขอยืมมาจากท่านนักบุญอิตาลี เซนต์ จอห์น บอสโก ในศตวรรษที่ 19 ที่นำการละเล่นต่างๆ มาประยุกต์ใช้เผยแผ่คำสอน ซึ่งขอยอมรับว่ามันได้ผลดีทีเดียว ตอนนี้พ่อได้เด็กวัยรุ่นที่ไม่เคยเข้าโบสถ์มาก่อนมาร่วมการฟังเทศนาถึง 3 คนแล้ว”

“พ่อเชื่อว่าการเล่นสเกตบอร์ดก็เป็นหนทางหนึ่งที่จะทำให้กลุ่มวัยรุ่นใกล้ชิดพระเจ้ามากขึ้น” บาทหลวงเลนด์ไวกล่าวทิ้งท้าย



และ

[youtube]http://www.youtube.com/watch?v=1e9-x2uz5tQ[/youtube]

คนที่โกงท่านไม่ใช่พระครับ เขาเรียกคนห่มผ้าเหลือง

ขอให้ท่านทบทวนคำนี้ของท่าน

"พระถือศีลมากกว่าคนปกติครับ ต้องครบทุกข้อถึงครองความเป็นสงฆ์ได้ครับ

ไม่สามารถขาดศีลข้อใดข้อหนึ่งได้...

ต่างจาก คนทั่วๆไปนะครับ"

****แสดงว่าท่าน Joker ไม่เคยบวช***


ก่อนจะบวชเป็นพระขนาดศีล 5 ยังรักษาไม่ได้ แค่เอาผ้าเหลืองคลุมเข้าพิธีในโบสถ์ท่านก็คิดว่าคนนั้นต้องรักษาศีลให้ครบ 227 ข้อเหรอครับ

พ่อ แม่ บางคนลูกติดยา มาบวช ก็ใช่ว่าบวชแล้วออกมานอกโบสถ์จะเป็นคนดีเลย ก็ต้องค่อยๆขัดเกลาจิตใจครับ
ความคิดเห็นที่ : 102

gippink

30/01/2012 02:57:20
0
IP : 61.90.76.35
ก่อนที่พระมหาสมปองจะเก่งได้ก็ต้องอาศัยการดู การฝึก การเปิดใจ

ความคิดเห็นที่ : 103

rwut99

30/01/2012 03:00:54
0
IP : 119.46.218.1
ผู้ใดแสร้งวางตนเป็นยุคคลสำรวมต่อหน้าคนอื่นแต่ภายในใจว้าวุ่นไปด้วยอารมณ์ปั่นป่วน
ผู้นั้นชื่อว่าลวงทั้งตนเองและคนอื่น
ผู้ใดควบคุมอารมร์ให้มั่นคงได้โดยมิได้เสแสร้ง ผู้นั้นนับว่าเป็นคนประเสริฐโดยแท้

บุคคลใดวางใจให้เสมอทั้งในมิตรและศัตรู ทั้งในเสียงสรรเสริญและคำด่าว่า
ทั้งในร้อนและหนาว ทั้งในสุขและทุกข์ได้เท่าเทียมกัน
บุคคลใดไม่ก่อความวุ่นวายแก่คนอื่น ทั้งคนอื่นก็ไม่อาจก่อความวุ่นวายแก่เขาได้เช่นกัน
บุคคลนั้นย่อมได้ชื่อว่า หลุดพ้นแล้วจากพันทนาการแห่งกรรม
นมัสเต
ความคิดเห็นที่ : 104

sasuke

30/01/2012 03:03:14
IP : 171.4.95.243
gippink คุณเป็นอะไรกับพระสมศักดิ์เปล่าครับเห็นรู้ดีจังพยายามปกป้องเถียงข้างข้างคูคู
ผิดก็คือผิด ไม่ต้องยกแม่น้ำทั้งห้า มาหรอก ศสานาพุทธครับเอาไปเทียบกับศสานาอื่นไม่ได้
ความคิดเห็นที่ : 105

rwut99

30/01/2012 03:48:23
0
IP : 119.46.218.1


สุดท้ายก่อนนอน อิๆๆๆฟังกันเล่นๆ

ส่วนจะอโหสิหรือไม่ก็แล้วแต่อะจ้า
ความคิดเห็นที่ : 106

gippink

30/01/2012 03:57:56
IP : 61.90.76.35



สงสัยไปโดนต่อม ? .....

ผมในฐานะเป็นชาวพุทธที่ต้องการปกป้องสถาบันของชาติ

ขอให้กลับไปอ่าน ความคิดเห็นที่ 38 ท่านก็ออกมายอมรับแล้ว จะอะไรอีก

ท่านกระทำความผิดร้ายแรงขนาดไหน จะเอาถึงขนาดต้องให้สึกเลยหรือ

ถ้าตามพระวินัย ปลงอาบัติก็หายหรือมีกฏหมายห้ามพระซื้อหูฟัง(ก็ไม่มี)

แต่เป็นความผิดทางโลกติเตียน นี่พระท่านก็ยอมรับแล้ว ไม่ได้โวยวาย โต้เถียง

แต่นี่พวกคุณคุยกันสนุกปาก เอามันส์เข้าว่า

ในช่วงแรกแค่อ่านเฉยๆ ไม่ได้เข้าสมัคร เพราะดูว่าท่านสมศักดิ์จะว่ายังไง เมื่อท่านออกมายอมรับแล้ว ก็ยังไม่หยุดมีแต่ออกมาแอบอ้างศาสนา

เห็นคนย่ำยีสถาบันศาสนา โดยเอาพระวินัยบางข้อมากล่าวอ้าง ยิ่งอยู่นิ่งไม่ได้

เรื่องศีล 8 นจฺจคีตวาทิตวิสูกทสฺสนา มาลาคนฺธวิเลปนธารณมณฺฑนวิภูสนฏฺฐานา เวรมณี สิกฺขาปทํ สมาทิยามิ

ศีล 8 เป็นศีลของฆารวาสที่ตั้งใจมาปฏิบัติธรรม มาศึกษาด้านการปฏิบัติ

พระท่านเวลาเข้าปริวาสกรรม หรือ ช่วงเข้ากรรมฐาน ท่านก็จะเคร่งต่อศีลทั้ง 227 ข้อ

ศีลเป็นข้อกำหนดเหมือนกฏหมายบ้านเมือง แต่ถามว่าทุกคนมีใครที่ไม่เคยทำผิดกฏหมายบ้านเมืองบ้าง

มีสมัยหนึ่ง ภิกษุวัชชีบุตร ประมาณ ๑๐๐ รูป พากันมาหาพระพุทธองค์ บอกว่า จะสึก เพราะวินัยมีมาก (ตอนนั้นมี ๑๕๐ ข้อ) ปฏิบัติไม่ใหว
พระพุทธองค์ตรัสว่า ถ้า ๑๕๐ ข้อทำไม่ใหว พวกเธอจะปฏิบัติ ๓ ข้อ คือ อธิศีล อธิจิต อธิปัญญา ได้หรือไม่
เหล่าภิกษุวัชชีบุตรตอบว่า ถ้า ๓ ข้อปฏิบัติได้ พวกภิกษุวัชชีบุตรก็พากันปฏิบัติสิกขาสาม จนพากันบรรลุอรหันต์
ความคิดเห็นที่ : 107

StartProBaby

30/01/2012 07:41:30
IP : 183.89.19.134
ทุกอย่างมันก็มีระดับหนักเบาทั้งนั้นแหละครับ ไม่มีอะไรที่ขาวไปเลย หรือดำสนิท ถ้ายอมรับความเป็นจริงทุกคนก็เป็นสีเทา จะเทามากหรือน้อยก็เท่านั้น

ความคิดของผมก็คือ พระก็เป็นแค่คนกลุ่มหนึ่งที่ศึกษาธรรมะ และทำหน้าที่เผยแพร่คำสอนของพระพุทธเจ้า พระทุกคนก็ไม่ได้เป็นสีขาวสนิท ยังมีความโลภ หลง จะมากจะน้อยก็ขึ้นอยู่กับการละเลิกกิเลสทั้งหลาย ถ้าคิดว่าบวชเป็นพระแล้วต้องไม่มีกิเลส ไม่มีความหลง ผมก็คิดว่าพระในประเทศไทยคงเหลืออยู่ไม่กี่คน

ที่เราสนใจมากกว่าน่าจะเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า ไม่ใช่ตัวพระ ซึ่งการที่เราทำบุญ หรือบริจาคของให้วัด ก็เพื่อสนับสนุนให้คนที่บวชเป็นพระศึกษาพระธรรมได้เต็มที่ ไม่ต้องมีห่วงเรื่องการใช้ชีวิต ซึ่งก็เป็นบุญอย่างหนึ่ง


ขอกล่าวถึงพระสมศักดิ์หน่อยนะครับ ถามว่าผิดไหมผมก็คิดว่าผิดเพราะยังละเลิกกิเสสกับความหลงไม่ได้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าผิดจนถึงขนาดรับกันไม่ได้ ก็ต้องนำสิ่งที่ผิดมาปรับปรุงตัวเอง ค่อยๆ ปรับให้ละเลิก กิเลศซึ่งมันก็คือทางเดินของคนเป็นพระทุกคนอยู่แล้ว

เห็นมีหลายท่านกล่าวหาว่าพระสมศักดิ์ใช้เงินบริจาคมาซื้อหูฟัง ใครสามารถยืนยันได้ มันเป็นความจริง คิดเองแล้วเหมาไปเลยว่าสิ่งที่ตัวเองคิดถูกต้องมันก็ไม่ถูก ไม่มีใครรู้ความจริงนอกจากตัวพระสมศักดิ์เอง

ขอบคุณครับ (ดา)
ความคิดเห็นที่ : 108

ชาวพุทธ

30/01/2012 07:48:53
IP : 58.9.63.150
StartProBaby ++++++

ชาวพุทธเห็นด้วย ล้านเปอร์เซ็นต์
ความคิดเห็นที่ : 109

eeman2

30/01/2012 08:00:48
IP : 180.183.136.81
พี่ joker ผมเห็นด้วยกับพี่เลยครับ

กระทู้นี้อย่าเพิ่งออกนอกประเด็นนะครับ ไม่งั้นเถียงกันคนละเรื่อง ไม่มีวันรู้เรื่อง

หัวข้อหลักคือ ท่านสมศักดิ์เล่น gadget ซึ่งท่านก็ยอมรับว่า "หลง"ไปกับมัน ดังนั้นในทางโลกท่านก็ถูกติเตียนเป็นธรรมดา ส่วนใครจะติเตียนมากน้อย ก็ต่างกันไปตามพื้นหลังนะครับ

ศาสนามิได้เสื่อม และไม่เคยเสื่อม คนที่เข้ามาอาศัยศาสนาบังหน้าต่างหากที่เสื่อม
คนเขลาเบาปัญญาที่คิดว่าตัวเองทำถูก คิกถูก โดยมิได้ใช้สติ และปัญญา ใช้แต่มิจฉาทิฐิต่างห่างที่ทำศาสนาเสื่อม

กรณีหลวงพี่สมปอง กับหลวงพี่ว.วชิรเมธี หรือพระรูปไหนก็ตามที่สอนให้คนเป็นคนดีของสังคม ผมเห็นด้วยหมดครับ ผมดูที่เจตนาและผลลัพธ์ วิธีการมันต้องพัฒนาบ้าง เพราะยุคสมัยเปลี่ยนไป ซึ่งก็ไม่เกี่ยวกับหัวกระทู้นี้นะครับ

พี่ตั๋นครับ แล้วคนมีเมียครบทุกรูปแบบ ก็แสดงว่าชั่วครบทุกรูปแบบเลยรึเปล่าครับ อิอิอิ

ปอลิง. เสียงน้องแคร์เพราะไหมครับ
ความคิดเห็นที่ : 110

สมศักดิ์

30/01/2012 08:01:31
IP : 115.87.123.228
ขอขอบคุณทุกท่านที่เตือนสติผมนะครับ
นับตั้งแต่เกิดเหตุการนี้
ผมจะทำสิ่งที่ถูกต้องไม่ให้ใครมาว่าศาสนาได้อีก

แต่ผมขอร้องความเมตตากรุณาจากพี่พี่
ได้โปรด หยุดการโพตน์ ถึงการทำที่ผมได้ทำไป เพราะเหตุผลหลายอย่าง
จะเป็นการรู้เท่าไม่ถึงการ หรือ อะไรก็ตาม
+++ผมรู้สึกผิดมากครับ+++
ซึ่งผมจะมุ่งทำความดีให้มากกว่านี้ครับผม



ต้องยอมรับว่า เป็นประสบกราณ์ ที่ผมต้องจำไปทั้งชีวิต


ผมขอขอบคุณพี่พี่
ที่เข้าใจผม
ความคิดเห็นที่ : 111

NSign

30/01/2012 08:39:25
14
IP : 58.8.178.36
ผมว่าท่านสามารถทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ในทางศาสนา ได้มากกว่าสิ่งที่ท่านได้กระทำผิดไป
หากท่านรู้ในเหตุแห่งทุกข์ และหนทางที่จะดับทุกข์
หากท่านกระทำผิดแล้วรู้สึกในความผิดที่ได้กระทำลงแล้ว และพร้อมจะแก้ไขให้ถูกให้ควรจริง


ขออนุโมทนาครับ



ความคิดเห็นที่ : 112

chirawatf

30/01/2012 08:58:12
2
IP : 182.52.134.130
ขอเป็นกำลังใจให้อีกเสียงนะครับ

ส่วนตัวผมเข้าใจดีว่าความทุกข์จากการต่อสู้กับโรคมะเร็งนี่มันหนักหนาสาหัสแค่ไหน บางคนใจไม่เข้มแข็งพอต้องบรรเทาอาการปวดด้วยยามอร์ฟีน ซึ่งต่อมาก็กลายเป็นติดยาไปอย่างเลี่ยงไม่ได้

การเสพดนตรีช่วยให้สมองหลั่งเอนดอร์ฟินด์จากสมอง (ซึ่งมีฤทธิ์เหมือนยามอร์ฟีน) ก็จะช่วยบรรเทาการเจ็บปวดจากจิตใจและร่างกายได้เหมือนกัน

ความเห็นทุกคนมีเหตุผลมากพอที่จะบอกว่าผิดหรือถูก ขึ้นอยู่กับว่ายึดถือเกณฑ์อะไรมาตัดสินครับ
ความคิดเห็นที่ : 113

mike2507

30/01/2012 09:12:02
0
IP : 125.24.7.219
ขออนุโมทนาครับ ท่านสมศักดิ์ สิ่งต่าง ๆ เริ่มใหม่ได้ครับ โดยเฉพาะสิ่งที่ดี ๆ ความรู้สึกผมที่มีต่อท่านสมศักดิ์ยังเหมือนเดิมครับ..

ความคิดเห็นที่ : 114

jmz

30/01/2012 09:19:52
8
IP : 124.122.202.201
ขอให้ทุกคนพอแล้วเถอะครับ สำหรับการโพส เพราะไมมีประโยชน์เลย

ท่านสมศักดิ์ก็ออกมายอมรับแล้ว

ผมขออนุโมทนาด้วยครับ
ความคิดเห็นที่ : 115

พ่อน้องมิว

30/01/2012 09:36:20
0
IP : 125.24.4.23
ผมขออนุโมทนาบุญ ด้วยคนครับ

วันนี้ ท้องฟ้า มืดครี้ม ฝนตก พลัมๆ เดี๋ยวท้องฟ้าก็สดใสเหมือนเดิมครับ

( ผมก็เป็นสมาชิกบอร์นี้ ที่เคย ซื้อของกับท่านสมศักดิ์ และก็พอจะรู้ว่าท่านเป็นพระแต่ยังไม่แน่ใจนัก ปัจจุบันพอเริ่มอ่านกระทู้นี้เมื่อคืน ผมรู้แล้วก็ มีความรู้สึกว่าไม่ค่อยเหมาะสม แต่พระท่านก็เป็นคนธรรมดาๆ คนนึงเท่านั้น ต้องค่อยปลง ลิเลสไปนะครับ )
ความคิดเห็นที่ : 116

Joker

30/01/2012 09:39:27
0
IP : 58.9.143.139
ขอนิดนึฮะ..ประเด็นเรื่อง ท่านสมศักดื์ ไม่ติดใจแล้ว...

แต่...

gippink



"พระถือศีลมากกว่าคนปกติครับ ต้องครบทุกข้อถึงครองความเป็นสงฆ์ได้ครับ

ไม่สามารถขาดศีลข้อใดข้อหนึ่งได้...

ต่างจาก คนทั่วๆไปนะครับ"

****แสดงว่าท่าน Joker ไม่เคยบวช***

ก่อนจะบวชเป็นพระขนาดศีล 5 ยังรักษาไม่ได้ แค่เอาผ้าเหลืองคลุมเข้าพิธีในโบสถ์ท่านก็คิดว่าคนนั้นต้องรักษาศีลให้ครบ 227 ข้อเหรอครับ

พ่อ แม่ บางคนลูกติดยา มาบวช ก็ใช่ว่าบวชแล้วออกมานอกโบสถ์จะเป็นคนดีเลย ก็ต้องค่อยๆขัดเกลาจิตใจครับ "



รู้จักองค์คุลีมารมั้ย ?

ผมว่าทุกคนในนี้ไม่ได้ถึงขนาดจะให้ท่านสึกหรอก แต่ปรามๆด้วยความปรารถนาดี

ปล. บาทหลวงเล่นสเก็ต อืมมม เอามาเทียบเพื่อ....!!!?

คุณ gippink ก็ไม่เข้าใจว่า คำว่า "พระสงฆ์ ต้องสำรวม"



โอเคนะฮะ..จบมั้ย ?
ความคิดเห็นที่ : 117

Joker

30/01/2012 09:41:07
0
IP : 58.9.143.139
คุณ gippink


"พระท่านเวลาเข้าปริวาสกรรม หรือ ช่วงเข้ากรรมฐาน ท่านก็จะเคร่งต่อศีลทั้ง 227 ข้อ

ศีลเป็นข้อกำหนดเหมือนกฏหมายบ้านเมือง แต่ถามว่าทุกคนมีใครที่ไม่เคยทำผิดกฏหมายบ้านเมืองบ้าง"


แถ..แระ
ความคิดเห็นที่ : 118

Joker

30/01/2012 09:48:16
0
IP : 58.9.143.139
แค่จะบอกว่า...

ถ้าท่านปลงใจที่จะบวช ก็ต้องพยายามที่จะรักษาศีัลให้ได้มากที่สุด ให้ครบที่สุด..

ถ้ารู้ว่าผิดข้อไหนก็พยายามแก้ไข การผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า นี่ผมถือได้ว่าไม่มีการ Update Firmware แระ


แล้วการจะ AVARTAR ไปที่ใด ในโลกอินเตอร์เนต ท่านก็ยังเป็นพระ ทั้งกายและใจ

ต่างจากคนทั่วไป ที่จะเป็นอะไรได้ต่างๆนานา ในโลกอินเตอร์เนต..

ถ้ามีการคิดแบบ ผิดนิดๆหน่อยๆไม่เป็นไรๆ ปล่อยๆไป..

ท้ายที่สุด ศาสนาเราก็จะเละเทะ เดินออกนอกเส้นทางที่ดี


ปล. ย้ายทู้ไปอยู่อีกห้องได้นะเนี่ย
ความคิดเห็นที่ : 119

สมศักดิ์

30/01/2012 09:48:32
IP : 124.121.245.163
+++++++++++++++++++
ผมขอโทษทุกท่านนะครับ
ผมไม่รู้ว่า "อนาคต" ผมจะเป็นอย่างไร
ในเรื่องที่เกิดขึ้น
ขอบพระคุณมากครับ

ปิดกระทู้ได้ไหมครับ
พี่พี่ทุกท่าน
+++++++++++++++++++
ความคิดเห็นที่ : 120

yoyuk

30/01/2012 09:53:08
0
IP : 101.109.91.64
คนที่ทำผิดแล้วออกมายอมรับผิด นี้เป็นกฎธรรมชาติของคนดีครับ ท่านสมศักด์ ท่านเป็นพระที่ดีครับ ตามความคิดผม และส่วนที่ผิด ท่านก็จะนำไปแก้ไข โดยที่ท่านไม่เคยต่อว่าคนอื่นเลย
ขอกราบคารวะท่านด้วยความเคารพครับผม
ความคิดเห็นที่ : 121

Joker

30/01/2012 09:56:33
0
IP : 58.9.143.139
สุดท้ายละ...

มีใครคนนึงเคยบอกผมว่า..

รู้มั้ย เรา ต่าง กับพระตรงไหน?

เค้าบอกว่า..

เพราะพระท่าน รักษา"ศีล" ที่มากกว่าเรา

และการที่พระท่านรักษาศีลได้มากกว่าเรา

จึงควรค่าแก่การที่เรา จะกราบไหว้ท่าน...


คนที่ผมรู้จัก ที่ถือศีล 8 เคร่งๆ ทีวีเค้าก็ไม่ดู เพลงเค้าก็ไม่ฟัง ( หมายถึงในแบบที่ตั้งใจเสียบหูแล้วปล่อยอารมณ์นะ)


ความคิดเห็นที่ : 122

Joker

30/01/2012 09:57:45
0
IP : 58.9.143.139
ไม่ได้ติดใจอะไรประเด็นท่านสมศักดิ์อีกแล้ว






+++++++++++++++++++ปิดกระทู้+++++++++++++++++++++++++
ความคิดเห็นที่ : 123

นายมั่นคง

30/01/2012 10:43:05
4,282
IP : 61.90.124.64
งั้นผมขออนุญาตจบเรื่องนี้ลงแต่เพียงเท่านี้นะครับ ขอบพระคุณทุกท่านครับ
"รู่สึกเซ็งกับการทำบุญค่ะ"