Guest
หมวดหมู่ > เว็บบอร์ด จับฉ่าย

ช่องทางการติดต่ออื่น

  • Munkonggadget
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Contact Us

โอมสูง โอมต่ำ ต่างกันยังไง

reccaz

08/06/2008 13:12:39

มือใหม่น่ะครับผม อยากรู้ว่าโอมสูงกับโอมต่ำดีไม่ดีต่างกันยังไงอ่ะครับ

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 1

Lawlight

08/06/2008 20:40:24
โอมสูง เครื่องเล่นทั่วไปจะขับไม่ค่อยได้เต็มที่อะ เสียงออกไม่เต็มที่
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 2

nopphong

08/06/2008 21:40:07

เคยเขียนไว้ในนี้ครับแต่ไม่รู้ไหลไปไหนแล้ว เกี่ยวกับ impedance น่ะครับ

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 3

นายมั่นคง

08/06/2008 21:44:46



นี่เลยครับ...........

พอดีแว๊บๆไปเห็นกระทู้เข้า มีท่านนึงเถียงหัวชนฝาดังโป้กๆว่า.. impedance ไม่น่าจะมีผลกับเสียง โดยพยายามให้ความรู้ต่างๆนาๆ โดยมีการเน้นว่าถ้า ohm เพิ่มแล้วเสียงดี งั้นก็เอาหูฟังแบบมีโวลลุ่มแล้วหรี่ให้สุดเสียงก็ต้องดีสิ ??

ซึ่งผมเห็นว่าผิดและเป็นการให้ความรู้ผิดๆกับสาธารณะชน ส่วนตัวผมจะแย้งก็ไม่ได้เพราะบุคคลทั่วไปอย่างผมไม่สามารถโพสได้(ไม่อยากสมัครเพราะไม่อยากเข้าที่นั่นสักเท่าไร นานๆแวะไปดูทีเวลาไม่มีที่ไหนจะดูแล้ว) เลยขออณุญาติเอามาเปิดประเ็ด็นเพื่อความเข้าใจเรื่อง impedance ที่ถูกต้องครับ

1.impedance คืออะไร ตอบง่ายๆก็ความต้านทานของหูฟังนั่นแหละ โดยจะเป็นความต้านทานที่วัดจากไฟ DC นะครับไม่ใช่วัดที่ความถี่ที่ท่านนั้นบอก เพราะถ้าวัดจากความถี่จะวุ่นวายอย่างมาก เพราะจะมีทั้งเรื่องของค่าความเป็นขดลวดที่จะมีค่าเปลี่ยนแปลงตามความถี่ และยังมีเรื่องของตำแหน่งขดลวดด้วย ดังนั้นผู้ผลิตส่วนใหญจะวัดกันที่ DC ครับ ไม่เชื่อลองเอามิเตอร์วัดหูฟังของท่านดูได้จะได้ค่าประมาณที่บอกไว้มากน้อยผิดกันไม่มาก(ส่วนใหญ่จะมากกว่าเพราะมีความต้านทานของสายหูฟังบวกเข้าไปด้วย) จะมีบ้างที่วัดกันที่ความถี่ 1KHz ซึ่งมักจะมีกำกับบอกไว้

2.ทำไมหูฟัง impedance สูงมักจะให้เสียงดีกว่าต่ำ อันนี้ต้องดูที่โครงสร้างหูฟัง มันจะเป็นขดลวดพันอยู่บนแม่เหล็ก ซึ่งตามที่เรียนกันมาจะรู้กันว่าส่วนที่ทำปฎิกริยากันคือ ขดลวด(L) กับสนามแม่เหล็ก ไม่ใช่ ความต้านทาน(R)กับสนามแม่เหล็ก ทีนี้การที่ impedance ของหูฟังเพิ่มขึ้น หมายถึงจำนวนรอบของขดลวดต้องเพิ่มมากขึ้นผลคือค่า L มากขึ้น สุดท้ายอัตตราส่วนของ L/R (ความเป็นขดลวดต่อความต้านทาน) จะเพิ่มขึ้น การตอบสนองต่อความถี่และการสร้างสนามแม่เหล็กก็จะเพิ่มขึ้น เสียงจึงน่าจะดีขึ้น(ใช้คำว่าน่าจะเพราะมันมีเรื่องของกรวยลำโพง ชนิดของแม่เหล็ก และองค์ประกอบอื่นๆอีกมาก)

3.เรื่อง impedance ของแอมป์ที่บอกว่าคือ &dquot;ความต้านทานที่บริษัทแนะนำ และจะได้กำลังขับตามที่ระบุ&dquot; อันนี้ไม่จริงครับ เพราะ impedance ของ amp คือจุดที่บริษัทออกแบบมาเพื่อที่จะขับที่ความต้านทานนั้นๆเลย การใส่หูฟังไม่ตรง impedance ของแอมป์มีผลได้ตั้งแต่หูฟังไม่ดัง เสียงเพี้ยน จนถึงแอมป์พังครับ
กับหูฟังคงไม่เท่าไรเพราะกำลังขับต่ำ แต่ถ้าเป็นแอมป์บ้าน ออกแบบมาที่ 8 OHM แล้วเอามาใส่ 4OHM(ลำโพงรถยนต์บางตัวจะมีค่านี้) เปิดดังๆแอมป์ไหม้นะครับ ส่วนสำหรับแอมป์หลอดก็จะมีการพันขดลวดมาให้ได ้impedance สำหรับค่านั้นๆเลย หากใช้โหลดต่ำกว่าจะมีการดึงกระแสจากทางเอ้าท์พุทมากจะมีปัญหาในระยะยาวได้

สำหรับในเรื่องของวงจรคนที่ทำวงจรจะรู้ว่าสัญญาณในวงจรจะประกอบด้วยสองส่วน คือ กระแส และ แรงดัน การขยายแรงดันนั้นง่าย ใช้ opamp ทั่วไปก็จะได้รูปคลื่นสัญญาณที่ใหญ่ขึ้นและสวยงาม แต่พอจะมาขับโหลดให้มีกระแสมากขึ้นมันจะยาก ลองคิดแบบเปรียบเทียบง่ายๆคือ ถ้าคุณเขย่าหม้อเปล่าๆเร็วๆคุณย่อมทำได้ไม่ยาก แต่ถ้าหม้ออันนั้นใส่น้ำอยู่เต็มล่ะ เขย่ายากแน่ๆ แอมป์ก็เหมือนกัน การขับที่กระแสสูงทำได้ยากกว่า จึงทำให้แอมป์สำหรับขับหูฟังโอมห์สูงนั้นสามารถทำเสียงที่ได้รายละเอียดมากกว่า(เพราะใช้แรงขับน้อยกว่านั่นเอง) แต่ขณะเดียวกันแอมป์สำหรับโอมห์สูงก็ต้องใช้แรงดันที่สูงกว่าทำให้มีปัญหาเรื่องแหล่งจ่ายไฟที่จะไม่สามารถทำเป็นแบบพกพาได้

ทีนี้จะเห็นได้ว่า แอมป์สำหรับโอมห์สูง อาจจะขับหูฟังโอมห์ต่ำไม่ไหวเพราะกระแสไม่พอ ในขณะที่แอมป์สำหรับโอมห์ต่ำอาจจะขับหูฟังโอมห์สูงไม่ไหวเหมือนกันเพราะแรงดันไม่พอ

การใส่สายเพิ่มโอมห์ก็เพื่อลดกระแสที่จะเข้าหูฟังโอมห์ต่ำเพื่อจะใช้กับแอมป์ที่ มu impedance สูงกว่าได้ เมื่อมัน match กันก็จะให้เสียงที่ตรงกับที่ออกแบบมาที่สุดครับ และเมื่อกระแสลดลงแอมป์ก็ใช้พลังในการขับลดลงก็จะได้เรื่องความว่องไวในการเปลี่ยนรูปสัญญาณมา(เหมือนเอาน้ำในหม้อออกเสียบ้าง ก็ย่อมทำให้เราเขย่าได้เร็วขึ้น) เราก็เลยฟังออกว่ามันใสขึ้นเป็นต้น

4.ทำไมสายโวลลุ่มที่มากับหูฟังทำไมมันทำให้เสียงแย่ลง
อันนี้มีหลายเหตุผล เช่นตัวต้านทานภายในเป็นแบบ film carbon ซึ่งเป็นที่รู้กันสำหรับนักอิเลคว่ามันเสียงห่วย ถ้าใช้ทำ r ก็ได้แค่ r 5% ถูกๆเท่านั้น ผิดกับ r ที่ใช้ในแอมป์ทั่วไปที่เป็นแบบ metal film นี่ยังไม่นับ r ไฮโซที่ใช้ในสายเพิ่มโอมห์ที่จะยิ่งเสียงดีขึ้นไปอีก
แล้วยังมี
เรื่องของ impedance ของเครื่องเล่นที่ใช้ขับอีกด้วย ที่ส่วนมากจะออกแบบมาให้ขับที่ 20-32 Ohm ทีนี้พอเราไปใส่โวลลุ่มคั่นไว้มันก็จะเป็นการเพิ่ม impedance มันก็เลยไม่แมทซ์กัน(อาจจะทำให้ player ขับแรงดันได้ไม่ถึง หรือ กระแสที่จะไปขับหูน้อยเกินไป)เสียงก็เลยดรอบลงอีกส่วนนึงครับ

ไว้เดี๋ยวเย็นๆกลับมาต่อครับต้องไปทำงานแล้ว ใครมีอะไรจะแย้งก็ตามสบายนะครับ พอดีผมไม่ได้ตั้งตัวเป็นกูรูแบบห้ามเถียง เอาเหตุผลมาแชร์กันได้ประสพการณ์ดีครับ หรือท่านใดจะถามอะไรเพิ่มเติมก็ยินดีนะครับ
และหวังว่ากระทู้นี้คงจะไม่เป็นการให้ความรู้แบบผิดๆกับท่านใดนะครับ หากผิดพลาดประการใดก็ต้องของอภัยด้วยครับ


อ่านเพิ่มเติมได้ตรงนี้คร้าบ
http://www.munkonggadget.com/webboard_607134_26802_th?pn=0

ของพี่ nopphong เค้านะครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 4

X_Ventu

08/06/2008 22:30:18
ขอบคุณครับ เฮีย ได้ความรู้มากๆเลยครับ

แต่ขอสรุปง่ายๆให้ผมหน่อยนะครับ
(พอดีไม่ได้มาท่างช่าง)
สมมติ t10 ใส่ถ่าน AA แรงด้น 1.5 V
จะขับ KSC35 (60 ohm) ได้ไหวมั้ยครับ
มีผลเสียอย่างไรกับเครื่องบ้างนรึป่าวครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 5

X_Ventu

08/06/2008 22:50:27
ผมลองคิดแบบส่งเดชแบบส่งเดชนะครับ

T10 มีกำลังขับ 15mw (16 ohm) ต่อข้าง
หมายถึงว่า จะกินกระแส ประมาณ 30mA ต่อข้างใช่มั้ยครับ
แล้วถ้าเกิดใช้ขับ KSC35 (60 ohm) ก้อจะต้องใช้แรงดัน
30 mA x 60 ohm = 1.8 V ใช่มั้ยครับ
อันนี้ผมเข้าใจคลาดเคลื่อนรึป่าว
ช่วยแนะนำด้วยครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 6

nopphong

08/06/2008 23:25:53

แหะๆขอแก้ไขนะครับ


ข้อ 1 นั่นผมเข้าใจผิดนะครับ จริงๆเขาไม่ได้วัด imp ที่ DC แต่วัดที่ 1KHz ครับ
ซึ่งไม่ค่อยจะให้ impedance ต่างกันเท่าไรที่ความถี่ 20-5K แต่เกินนั้นจะมีผลมากพอสมควรครับ


ส่วนคำถามข้างบน ตอบยากแหะ ต้องคำนวนเยอะและขึ้นอยู่กับความไวของหูฟังด้วยไม่ใช่คิดแต่ค่า imp ของหูฟังอย่างเดียวครับ เพราะหูฟังโอมห์สูงมันจะกินกระแสน้อยลง จริงๆมันอาจจะกินกระแสไม่ถึง 30mA ก็ได้ครับ


แต่เคยเห็นแวบๆว่ามีตารางกระแสสูงสุดที่หูฟังแต่ละรุ่นต้องการ ไว้หาเจอจะเอามาให้ดูครับ


ถ้าเรารู้กระแสสูงสุดมี่หูนั้นๆต้องการ รู้ imp ของหูเราก็จะได้แรงดันที่หูต้องการ ถึงจะรู้ครับว่า 1.5V มันพอไหม


แต่โดยปรกติพวกนี้เขาจะไม่ใช้ 1.5V โดยตรง แต่เขาจะมีวงจรแปลงไฟข้างในยกระดับแรงดันมาที่ราวๆ 3.3V ครับ

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 7

X_Ventu

09/06/2008 07:43:09
ขอรบกวนเรื่อง T10 นิดนึงนะครับ พอดีในตัวเครื่องนั้น มันมี
ค่าที่ให้ set ชนอดของ ถ่าน ว่าเป็น Alkalin (1.5 V) กับ
Rechargable(1.2V) ตรงนี้จะเกี่ยวกับการยกแรงดัน เป็น 3.3V
อย่างที่คุณ Nopphong บอกรึป่าวครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 8

nopphong

09/06/2008 08:34:55

อืม...ไม่ทราบครับ


บ้างก็มีไว้เพื่อให้วงจรทำงานได้ถูกต้องตามแรงดันของแบต


บ้างก็ทำไว้เพื่อให้ชาจผ่าน usb ได้ ผมไม่เคยใช้ t10 เลยบอกไม่ได้ครับ

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 9

econ

09/06/2008 08:43:35
อ่านแล้วเข้าใจขึ้นเยอะเลยครับ thanks หลายๆเด้อ
เคยอ่านที่เค้าเถียงกันเรื่องนี้เหมือนกันกับลำโพงบ้าน
เรื่อง แอม 8 โอม กะลำโพง 4 โอมนี่แหละ เพิ่งจะมาเข้าใจก็วันนี้เอง
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 10

nopphong

09/06/2008 08:57:03

จริงๆสำหรับแอมป์บ้าน โอมห์มันต่างกันแค่ 4 โอมห์นี่ไม่ค่อยมีผลหรอกครับ เพราะโดยปรกติแอมป์บ้านมันแรงพอขับได้อยู่แล้วเพราะไม่จำกัดว่าต้องใช้แบตเหมือนแอมป์หูฟัง แต่แอมปบ้านที่ออกแบบมาที่ 8 เอาไปใส่ลำโพง 4โอมห์ขนานกันสองตัวเหลือสองโอมห์นี่อาจจะควันฉุยได้ ฮ่าๆๆ

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 11

นายมั่นคง

09/06/2008 10:22:58



เหมาให้พี่ nopphong ตอบดีกว่า 555 ขืนให้ผมตอบ พาลจะมั่วหนักเข้าไปอีก 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 12

reccaz

09/06/2008 20:22:23

ขอบคุณมากๆเลยครับที่ไขความสงสัย ถามอีกนิดครับ ผมมี Sony MDR-XD100


sensitivity 100 dB


impedance 70 โอม


พอดีซื้อมาต่อดูหนังกับ Notebook แล้วมันไม่ดังเท่าไหร่อ่ะครับ จะไปซื้อแอมป์ลูกเจี๊ยบมาขับให้มันดังขึ้นไหวมั้ยครับ

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 13

อาหงุ่น

06/09/2019 12:27:49
ลำโพง subเครื่องเสียง home terterเขียนว่า1.5โอม ใส่ในรถยนต์ได้ไหมครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
"โอมสูง โอมต่ำ ต่างกันยังไง"