MP3 แบบ 320kbps ฟังเทียบกับ Flac ก็ยากหน่อย คือฟังผ่านๆๆ เทียบกันเล่นๆ ฟังยากเหมือนกันครับ แต่ถ้าฟัง Flac ไปนานๆๆ กลับมาเป็น MP3 แบบนี้พอจับออก ความต่างจะอยู่ตรงที่ ยิ่งไฟล์บีบอัดมาก ความหยาบกร้านจะเพิ่มขึ้นทีละนิดๆๆ จ้าๆๆ

เรื่องนี้เคยมีการถกเถียงกันมานานครับ ประเด็นเรื่องความละเอียดของไฟล์เพลงดิจิตอลทั้งหลาย เมืองนอกเคยมีการทำ AB test เกี่ยวกับเรื่องนี้ อย่างที่เฮียมั่นบอกแหละครับว่าถ้าคนที่ไม่ค่อยได้ฟัง lossless เป็นประจำมาฟังเทียบคงจะแยกแยะออกยากหน่อยครับ เพราะส่วนที่ MP3 คลิปออกไปนั้นเป็นเสียงที่คนเราไม่ค่อยได้ยินอยู่แล้วครับ แต่โดยส่วนตัวผมที่ปกติฟังเพลงจากซีดีเป็นหลัก สิ่งที่ผมรู้สึกได้คือความใสและความชัดเจนของเสียงเครื่องดนตรีต่างๆครับ

ต่างน่ะต่างแน่ครับ

แต่พอใช้งานจริงๆ ก็ขึ้นอยู่กับหูแต่ละคนแล้วว่าจะจับความต่างนั้นได้หรือเปล่า

ผมเองยังแยก 320kbps กับ flac ไม่ค่อยออกเลย

แต่ที่ผมเอาแต่ lossless ลงเครื่องเล่น เพราะมันได้ความสบายใจ อิ่มอุปาทานว่าได้ลงไฟล์ที่ดีที่สุดที่เป็นไปได้แล้ว

พอเป็น 320 มันจะตะหงิดๆในใจว่ากำลังฟังไฟล์ที่ถูกตัดทอนคุณภาพมา
แล้วก็มักจะเอาแต่สะกดจิตตัวเองว่า เสียงมันขาดๆ หายๆ
คือกลายเป็นว่าแทนที่จะฟังเพลง กลับมานั่งโฟกัสว่าเสียงกลองชิ้นไหนคมน้อยลง กีต้าร์สายไหนเสียงห้วน

ทั้งๆที่ก็แยกไม่ค่อยออกนะ 555

ขึ้นอยู่กับเพลงที่ฟังด้วยค่ะ อย่างเพลงคลาสสิคที่บันทึกเสียงมาดีๆ เวลาฟังเป็น wav จะสังเกตได้ว่าเสียงจะนุ่มนวลและลื่นหูกว่า mp3 และเวลามีเสียงสูงๆ จะไม่บาดหูมากนัก มีดีปเบสที่ดี แต่ถ้าเป็นเพลงไทยสากลแนววัยรุ่นๆ หรือแผ่นเพลงไทยบางค่าย เปิดจากแผ่นหรือจาก mp3 ที่128 kbps ก็รายละเอียดเพลงพอกัน คือซ่านๆ แห้งๆ แตกๆ น่ะค่ะ บางค่ายตีให้ 64 kbps ยังว่ามากไปเลย


ถ้าฟังพวกไลฟ์ แบบพวกบันทึกการแสดงสด ฟังแค่ 128 kbps ก็ได้ค่ะ ยังไงเราก็ไม่อยากได้ยินเสียงคนดูมากรี๊ด หรือหายใจรดต้นคออยู่แล้ว ฟังเอามันส์ เอาบรรยากาศ (โดยส่วนตัว ก็ชอบฟังแบบนี้เพราะว่ามันส์ดีไม่สนรายละเอียดมาก)

แต่ถ้าเป็นเพลงป๊อป เพลงร็อคที่มีรายละเอียดเพลงและบันทึกเสียงมาดีหน่อย ก็ฟังที่ 320 kbps ค่ะ ถ้าอยากได้เนื้อเสียงเข้มข้นขึ้นก็ฟังเป็น Flac (แต่มันต้องเป็นเพลงที่นักร้องเสียงดีๆ ดนตรีดีๆ มีซาวน์ที่ดี ถึงจะเห็นผล) ถ้าฟังปกติออกนอกบ้าน คิดว่าแค่ 320 kbps ก็พอค่ะ เราไม่มีเวลาไปเพ่งมันอยู่แล้ว

ถ้าอยากลองให้เห็นผลว่าต่างกันตรงไหน เอาไฟล์เพลงคลาสสิคดีๆ หรือพวกเพลงสากลที่บันทึกเสียงมาดีๆ ไปฟังก่อนนอนนะคะ เป็นเวลาที่น่าจะเงียบดี ไม่ค่อยมีเสียงรบกวน ถ้าไม่ง่วงไปก่อนก็จะสัมผัสได้ถึงความแตกต่าง ^_^

ขึ้นอยู่กับแนวเพลงและต้นฉบับครับ ถ้าจับผิด mp3 กับ AIFF WAV จากพวก HQCD XRCD24 แบบนี้แยกออกได้ค่อนข้างง่ายเลยครับ จริงๆมิติเสียง มันไม่ได้เปิดให้กว้างขึ้นลึกขึ้นอะไรหรอกครับ ความเนียนหนะครับที่ต่าง เสียงจะมีมวลและอิ่มขึ้น รวมถึงเสียงสูงจะทอดได้สูงขึ้น เสียงต่ำจะลงได้ลึกและเคลียร์ขึ้น เสียงร้องถ้า mp3 จะรู็สึกมันแห้งๆหยาบๆ ประมานห้วนๆ ถ้า Aiff กลางแหลมกลมกล่อมทอดยาวขึ้นมาครับ ตัวอย่างที่เห็นภาพหน่อยก็ สมมุติว่า หูฟังคุณคือจอ 100 พิกเซล เอาไฟล์ 50 พิกเซล ไปเปิดเต็มจอ มันก็เห็นเป็นเหลี่ยมๆ กลับกันเอาไฟล์ 100 พิกเซลไปเปิดบนจอ มันก็เนี่ยนพอดี ประมาณนี้หนะครับ ทั้งนี้ทั้งนั้นซิสเต็มและหูเป็นกำลังสำคัญในการแยกครับ คุณเอาจอ 10 พิกเซล ไปแยกความแตกต่างของภาพ 400พิกเซล กับ 800 พิกเซล เปิดเต็มจอแล้ว มันก็แยกไม่ออกหรอกครับ หูคุณก็เหมือนตานะครับ ถ้าสมมุติตาของคุณรับสีได้ 10 สี มีทีวี2เครื่อง ตัวนึงแสดงได้ล้านสี ตัวนึงแสดงได้ร้อยล้านสี ก็ยากที่จะแยกครับ

กระทั่ง flac เอง พอคนริป ริปแบบกากๆ คือริปไปใช้เครื่องทำนั่นทำนี่ ไฟล์ก็คุณภาพแย่ครับ

ติดสากติดเสี้ยนมาเต็มๆ ตัว flac เอง ถ้าไม่ใช่ flac0-flac3 ก็มีปัญหาที่ความถี่สูง

เช่นเสียงแหลมๆก็แตกยับ ต่ำก็มาแบบไร้น้ำหนัก ผมเองก็ฟังออกบางอัลบั้มบางแทรค

ไม่ใช่ทั้งหมดหรอกครับ เลยเลือกที่จะ ใช้ flac0 ทั้งหมดถ้าริปเอง

ส่วน mp3 320kbps ผมว่ามันยังดีกว่า flac5 ในเรื่องคุณภาพเสียงครับ

แต่มิติก็แพ้อยู่ดี หูไม่ได้ดีหรอกครับ อาศัยฟังเพลงที่ฟังบ่อยๆ เลยพอจับได้ ให้แยกเพลงคนอื่นก็บอกไม่ได้เหมือนกัน

แต่ต้องฟังเอาบ่อยๆถึงทราบครับ แต่ส่วนใหญ่พวกที่ริปflac แล้วปล่อยโหลด หาน้อยคนนักที่ริปดีๆ ตั้งใจริป และมีความอดทน

สำหรับผม ผมชอบน้ะเรื่องเทียบเสียง อาจจะเป็นเพราะผมฟังแนว Dance Electro ที่ใช้เสียงสังเคราะห์เยอะ มันเลยแตกต่างกันชัดเจนด้วยแหละครับ

แรกๆก็ไม่รู้หรอก แต่ถ้าลองฟังเพลงเดิมๆที่เราชอบแบบ FLAC แล้วไปฟังแบบ 320 KBPS จะรู้เลยฮะ

ขอบคุณทุกความคิดเห้นมากครับ ^ ^

พึ่งรู็นะครับ ว่าFLAC0ดีที่สุด เวลาริบเอง ผมริบ8 - - เห็นว่าขนาดมันเล็กดี

ฟังออกค่อนข้างชัดนะครับยิ่งดนตรีซับซ้อนอย่างพวกซิมโฟนี่ออเครสตร้าด้วย แต่ระบบเครื่องเสียงก็ต้องถึงพอควรเหมือนกัน

ที่ผมเคยทดลองคือสามารถแยกแผ่นก้อปกับแผ่นแท้ (หนักกว่าเทียบกันคนละฟอร์แมทอีก) ได้ด้วยชุดหูฟังไม่สูงมาก Marantz CD5001 + Headphone MB Quat QP400 แต่ถ้าใช้เครื่องเสียงบ้านชุดเฉียดแสนกลับแยกไม่ออก (NAD C326BEE + PSB synchrony TwoB + NAD T535 Universal player+ Supra interconnect)