Guest
หมวดหมู่ > เว็บบอร์ด จับฉ่าย

ช่องทางการติดต่ออื่น

  • Munkonggadget
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Contact Us

เมื่อสักครู่ดูหนังอินเดีย

the แพะ

15/05/2008 15:25:37

ลยเกิดสงสัยครับ ว่าทำไมต้อง นาร้าย นารายณ์ ใครสงสัยเหมือนผมบ้างเนี่ย






































เรามีคำตอบให้จ้า...


 


ตัวละครตัวดังกล่าวน่ะชื่อว่า &dquot;พระนารท&dquot; เป็นเทพแห่งดนตรี เป็นลูกของพระพรหม

ปัจจุบันพวกนักดนตรีของเราก็ยังบูชากันในฐานะเทพผู้อุปการะวิชาชีพ
แต่บางทีจะเพี้ยนไปสับสนกับ ปคนธรรพ์ที่เป็นนักดนตรีอีกคนน่ะครับ

ตามตำนานแขกพระนารทแกชอบเล่นซนๆแผลงๆ
แกเป็นคนน่ารักๆ คบหาทั่วไปหมดทั้งเทวดาทั้งอสูร

และไปได้ทุกที่จะยิ้มอยู่ตลอดไม่ค่อยโกรธใคร เป็นเทพแนวให้ความบันเทิงอะครับ

วลีติดปากแก คือ &dquot;นาร้ายณ์ นารายณ์&dquot; เพราะแกนับถือ พระนารายณ์ครับ


ตำนานมีอยู่ว่า วันหนึ่งแกสงสัยว่า เทพเจ้าสามองค์คือพระอิศวร พระพรหม พระนารายณ์ นั้นใครเจ๋งสุด

แกเลยรวบรวมความกล้าไปชี้หน้าด่าพระอิศวร กับพระพรหม ปรากฏว่าโดนไล่ถีบกลับมา แทบเอาตัวไม่รอด

จากนั้นแกก็ไปลองดีกับพระนารายณ์โดยไปด่า พระนารายณ์ถึงเกษียรสมุทร

ปรากฏว่าพระนารายณ์หลับไม่ได้ฟัง แกเลยกำเริบไปยกเท้าถีบพระนารายณ์ให้ตื่น

เท่านั้นแหละ ร่างแกก็แข็งชาด้วยผลกรรม ตกลงไปนอนนิ่งกับพื้น

พระนารายณ์ตื่นขึ้นมาเห็นก็ตกใจ จึงตรงเข้าบีบนวด และประทานพรให้หาย แบบถ่อมตัวสุดๆ

พระนารทเลยบอกว่า หูย ทำไม God ใจดีอย่างนี้
พระนารายณ์นี่แหละคือเบอร์หนึ่งในสามเทพตรีมูรติ

แต่พระนารายณ์ก็อธิบายว่าจริงๆแล้วสามเทพนั้นเป็นองค์เดียวกันหมด แต่แบ่งเป็นสามภาค

ท่านก็เป็นคนเดียวกับพระอิศวร พระพรหมนั่นแหละ

ว่าแล้วก็แสดงธรรมให้พระนารทเลเวลอัพขึ้นอีกระดับนึง

พระนารทเลยซึ้งมากๆ แต่นั้นไปไหนมาไหนก็จะร้อง
&dquot;นาร้ายณ์ นารายณ์&dquot; เป็นการสรรเสริญอะครับ


จากคุณ : เชษฐา


สุดยอดมากๆ เห็นเค้าบอกว่าเค้าชอบอ่านพวกเรื่องเทพๆ ของแขกของจีน

เล่าซะสนุกเลย กระทู้ขี้สงสัยของเราเลยกลายเป็นกระทู้มีสาระแฝงความสนุกในบัดดล

เว็บบอร์ดพันทิพย์มีคนเจ๋งๆแบบนี้อยู่ซักกี่คนกันนะ น่าสนุกจริงๆ

วันหลังต้องตั้งข้อสงสัยแปลกๆมาหาผู้รู้ตอบให้กระจ่างกันอีกซะแล้ว ...



ขอบคุณที่มาจาก


http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A4962788/A4962788.html



ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 1

nopphong

15/05/2008 19:05:22

ฮ่าๆเป็นผมกำลังนอนอยู่มีคนมาถีบล่ะก้อ ตื่นขึ้นมาโดนจักรปาหัวขาดแน่ อิอิ


 


ตอนแรกเห็นหัวข้อ กำลังจะเข้ามาถามว่าสมัยนี้นางเอกยังวิ่งร้องเพลงไปมาเวลาจีบกันเหมือนสมัยก่อนหรือเปล่าครับ

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 2

นายมั่นคง

15/05/2008 20:19:46



555 เออ จริงแฮะ พึ่งรู้เหมือนกันเนี่ย 55

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 3

Collagen

15/05/2008 22:12:01

ไหนๆ คุณพี่แพะพูดถึงเรื่องพระนารายณ์ ผมก็ขอกล่าวหน่อยนะครับ...


จากหนังสือที่ผมค้นมานะครับ ในส่วนนี้ผมไม่แน่ใจว่า คำกล่าวอ้างจากแหล่งใดถูกต้อง เนื่องจากที่ผมค้นมา ได้กล่าวไว้ว่า พระนารายณ์หรือพระวิษณุ เป็นหนึ่งในเทพเจ้าทั้งสาม ทางคติความเชื่อของพราหมณ์ ซึ่งอีก 2 องค์คือ พระศิวะ และ พระพรหม (หรือพระพรหมา) ซึ่งเรื่องกำเนิดของพระเจ้าทั้งสามองค์นั้นแตกต่างกันไปมาก ซึ่งทางผมจะพยายามค้นมาเพิ่มเติมให้ครับ...


ในส่วนของพระนารายณ์ในวรรณคดีไทยได้มีกล่าวไว้เบ่อยและมากมาย ที่เด่นๆ เรื่องหนึ่งก็รามเกียรติ์ ครับ


&dquot;โอมสิทธิสรวงศรีแกล้ว แผ้วมฤตยู เอางูเป็นแท่น แกว่นกลืนฟ้ากลืนดิน บินเอาครุฑมาขี่ สี่มือถือสังข์จักรคทาธรณี ภิรุกอวตาร อสูรแลงลาญหัก ททัคนีจรนาย&dquot;
บทร่ายนี้เป็นบทสรรเสริญพระนารายณ์ครับ ซึ่งตัดส่วนหนึ่งมากจากลิลิตโองการแช่งน้ำ ซึ่งได้กล่าวถึงลักษณะและบุคลิกของพระนารายณ์ได้ นอกจากนี้ในบทกวีของสุนทรภู่ได้กล่าวถึงพระนารายณ์ด้วยเช่นกัน (ซึ่งผมขอคัดลอกมาจาก บทกวี รำพันพิลาป ครับ)
&dquot;ขอเดชะพระนารายณ์อยู่สายสมุทร พระโพกภุชงค์เฉลิมเสริมพระเศียร
มังกรสอดประสานสังวาลย์เวียน สถิตเสถียรแท่นมหาวาสุกรี
ทรงจักรสังข์ทั้งคทาเทพาวุธ เหยียบบ่าครุฑเที่ยวทวาทศราศี
ขอมหาอานุภาพปราบไพรี  อย่าให้มีมารขวางระคางระคาย&dquot;


ซึ่งในบทกวีของสุนทรภู่และลิลิตโองการแช่งน้ำได้กล่าวถึงการสรรเสริญพระนารายณ์ให้ช่วยปราบศัตรูภัยพาลให้แตกพ่ายไป...
และเมื่อสังเกตในส่วนของพระกัตถ์ที่ทรงถือของ เป็นที่ทราบกันดีว่า พระนารายณ์มี 4 กร (4 มือ) ซึ่งทรงถือของ 5 อย่าง ดังนั้นพระนารายณ์มีอีกพระนามหนึ่งว่า &dquot;ปัญจาวุธ&dquot; หรือผู้ถืออาวุธ 5 อย่าง
มาพิจารณากันนะครับว่า 5 อย่างนั้นมีอะไรบ้าง....
จากสิสิตโองการแช่งน้ำที่ว่า &dquot;สี่มือถือสังข์จักรคทาธรณี&dquot; และจากรำพันพิลาป &dquot;ทรงจักรสังข์ทั้งคทาเทพาวุธ&dquot; นับได้ 4 อย่าง คือ
1. สังข์ มีชื่อว่า &dquot;ปาญจะชันยะ&dquot;
2. จักร มีชื่อว่า &dquot;สุทรรศนะ&dquot; หรือ &dquot;วัชรนาภ&dquot;
3. คทา มีชื่อว่า &dquot;เกโมทที&dquot;
4. ธรณี โดยมากมันทำเป็นอกบัว เพราะความเชื่อทางพราหมณ์มักเปรียบแผ่นดิน (หรือธรณี) ดังดอกบัวหลวง
นอกจาก 4 อย่างนี้แล้ว พระนารายณ์ยังมีธนูและพระขรรค์ด้วยครับ ซึ่ง ธนูมีชื่อว่า &dquot;ศารนคะ&dquot; (แปลว่าทำด้วยเขาสัตว์) และพระขรรค์มีชื่อว่า &dquot;นนทกะ&dquot; (แปลว่าชื่นใจ)


ดังนั้นแล้วพระนารายณ์มีของ 6 อย่าง แต่ในส่วนของพระขรรค์และธนู โดยมากจะนับเป็น 1 ดังนั้นพระนารายณ์ทรงถือของ 5 อย่างครับ...


เป็นเรื่องสามัญอีกทั่วไปที่พาหนะของพระนารายณ์คือครุฑ และบัลลังก์เป็นพระยาอนันตนาคราช มีที่สถิตเรียกว่า &dquot;ไวกูณฐ์&dquot; นาค อยู่ในวังบาดาล (ถ้าหากว่า ใครความจำดีๆ เมื่อประมาณ 10 กว่าปีที่แล้วมีข่าวเกี่ยวกับทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์ที่ไทยคือนจากสหรัญอเมริกา ก็กว่าถึงในส่วนนี้ครับ)
พระนารายณ์มีพระชายาชื่อพระลักษมี ซึ่งประทับอยู่เบื้องขวาแห่งวิมาณไวกูณฐ์ นัยว่าพระกายของพระลักษมีนั้นมีกลิ่นหอมดั่งดอกบัวหลวง และหอมฟุ้งไปไกลถึง 800 โยชน์
ในส่วนของวิมานไวกูณฐ์ ตามคติความเชื่อได้กล่าวว่า เป็นทองคำทั้งแผ่น กว้าง 80,000 โยชน์ วิมานเต็มไปด้วยแก้วรัตนะ เสาและช่อฟ้าใบระกาเป็นเพชรพลอยประดับทั้งสิ้น


ซึ่งในส่วนของเรื่องครุฑและนาค ถ้าหากว่ามีโอกาสผมจะขออนุญาตโม้นะครับ


กลับมาในเรื่องของพระนารายณ์ต่อนะครับ
ในคติความเชื่อของพราหมณ์ ถือว่าพระนารายณ์อวตารลงมาเป็นกษัตริย์ เพื่อปราบยุคเข็ญของแผ่นดิน บำรุงสุขประชากร
พระนารายณ์ที่ปรากฏในงานจิตรกรรมมักปรากฏในรูปของบุรุษหนุ่ม พระวรกายสีดำ ทรงเครื่องประดับอย่างกษัตริย์ เสื้อทรงสีเหลือง มีสี่กร ทรงศัตราวุธต่างๆ ดังที่กล่าวมาแล้ว มีทับทรวงแก้วชื่อ &dquot;เกาสตุก&dquot; มีวลัยแก้วชื่อ &dquot;สยมันตก&dquot; แต่อย่างไรก็ตาม สีพระวรกายของพระนารายณ์ได้เปลี่ยนแปลงได้ตามยุคสมัย และการอวตารแต่ละครั้ง ซึ่งผมของสรุปในแต่ละยุคสมัยดังนี้ครับ
ยุคที่ 1 กฤตยุค เป็นยุคที่ผู้คนทำความดี มีศีลธรรม ถือความสัตย์ พระวรกายของพระนารายณ์จึงมีสีขาว
ยุคที่ 2 ไตรดายุค ยุคนี้ความดีของมนุษย์ลดลงไป 1 ใน 4 สีกายของพระนารายณ์จึงเป็นสีแดง
ยุคที่ 3 ทวาปรยุค ยุคนี้ความดีของมนุษย์ลดลงไปกึ่งหนึ่ง สีกายของพรนารายณ์จึงเป็นสีเหลือง
ยุคที่ 4 กลียุค ยุคนี้ความดีของมนุษย์จะเหลือ 1 ใน 4 สีกายของพระนารายณืจึงเป็นสีดำ หรือสีดอกอัญชัน
ซึ่งตามคติความเชื่อของพราหมณ์ เชื่อว่ายุคปัจจุบันอยู่ในยุคที่ 4 ซึ่งก็คือกลียุค ดังนั้นสีกายของพระนารายณ์จึงเป็นสีดำครับ...


เสริมอีกนิดครับ
ในส่วนของยุคต่างๆ ตามความเชื่อทางพราหมณ์ที่แบ่งเป็น 4 ยุคดังที่ผมได้กล่าวไว้ ซึ่งในยุคหนึ่งๆ มีเวลาซึ่งเรียกว่า &dquot;สนธยา&dquot; (พลบ) กับ &dquot;สนธยางศะ&dquot; (ส่วนแห่งพลบ) ซึ่งยุคทั้ง 4 มกินระยะเวลาดังนี้ครับ
1. กฤตยุค   กินเวลา 4,000 ปีสวรรค์
 สนธยา  กินเวลา 400 ปีสวรรค์
 สนธยางศ์  กินเวลา 400 ปีสวรรค์
รวม   กินเวลา 4,800 ปีสวรรค์


2. ไตรดายุค (หรือเตรดายุค) กินเวลา 3,000 ปีสวรรค์
 สนธยา  กินเวลา 300 ปีสวรรค์
 สนธยางศ์  กินเวลา 300 ปีสวรรค์
รวม   กินเวลา 3,600 ปีสวรรค์


3. ทวาปรยุค   กินเวลา 2,000 ปีสวรรค์
 สนธยา  กินเวลา 200 ปีสวรรค์
 สนธยางศ์  กินเวลา 200 ปีสวรรค์
รวม   กินเวลา 2,400 ปีสวรรค์
4. กลียุค   กินเวลา 1,000 ปีสวรรค์
 สนธยา  กินเวลา 100 ปีสวรรค์
 สนธยางศ์  กินเวลา 100 ปีสวรรค์
รวม   กินเวลา 1,200 ปีสวรรค์


รวมทั้งสิ้น 4 ยุคได้ 12,000 ปีสวรรค์
ถ้าหากเทียบกับวัน-เดือน-ปี ของมนุษย์อย่างเราๆ ท่านๆ มีมาตราส่วนดังนี้ครับ
1 ปีมนุษย์ = 1 วันสวรรค์
โดยจำนวนวันจะเทียบตามปฏิทินจันทรคติที่ 1 ปีมี 360 วัน
ดังนั้นเมื่อคูรกลับไปจะได้ว่า
กฤตยุค มี 4,800 ปีสวรรค์ = 1,728,000 ปีมนุษย์
ไตรดายุค มี 3,600 ปีสวรรค์ = 1,296,000 ปีมนุษย์
ทวาปรยุค มี 2,400 ปีสวรรค์ = 864,000 ปีมนุษย์
กลียุค มี 1,200 ปีสวรรค์ = 432,000 ปีมนุษย์


เมื่อรวมกันจะได้ 12,000 ปีสวรรค์ ก็เท่ากับ 4,320,000 ปีมนุษย์ ซึ่งเรียกว่า มหายุคครับ ซึ่งในส่วนของยุคก็จะไปสัมพันธ์กับเรื่องไตรภูมิพระร่วงอีก ซึ่งเล่าอีกนานเลยครับกว่าจะจบ


ซึ่งผมก็ขอจบแต่เพียงเท่านี้ดีกว่าครับ...


ขอบคุณครับ


ปล. ถ้าหากว่าความความนี้ไม่เหมาะสมก็ลบได้เลยนะครับ
ปล. 2 ข้อความนี้ผมตัดและคัดลอกมาจากหนังสือ เทวดานุกรมในวรรณคดี โดน รศ.ประจักษ์ ประภาพิทยากรครับ
ปล. 3 เรื่องพระนารายณ์กวนเกษียรสมุทร ถ้ามีโอกาสจะผมมาโม้ครับ...

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 4

the แพะ

15/05/2008 23:07:13

โห นับถือๆ รอบรู้เพลง classic ไม่พอยังรู้เรื่อง นรก-สวรรค์อีก สุดยอดครับ

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 5

เบียส

16/05/2008 11:55:24



โอ๊ย !!Collagen นะ Collagen....ยิ่ง อ่านยิ่ง มันส์ วุ๊ย.....อิ อิ อิ

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 6

jo..1234

16/05/2008 16:03:13

โอ้ ............


เกิดมาเพิ่งรู้นะนี่...............ยอดมากๆเอามาอีกนะครับ และขอเซ็ฟไว้สอนลูกหลานด้วยขอบคุณครับ

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 7

nopphong

16/05/2008 20:06:10

นาร้ายนาราย

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 8

นายมั่นคง

16/05/2008 21:16:23



555 Collagen นี่ต้องเป็นพวกนักธรรมเอกแน่ๆๆๆ เลย ระดับนี้น่าจะได้เปรียญ ๙ แหง๋ๆๆๆๆๆ


ปราชญ์ประจำเว็บจริงๆๆๆๆ

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 9

สุภาพร อ่อนเฉวียง

18/08/2010 13:49:28
ชอบหนังอินเดียมาก ๆ ๆ ๆๆชอบนางเอกใส่ชุดสวยๆ มีกำไลประดับมากมาย เหมือนได้ใส่ชุดแต่งานตลอด คนไทยไม่ค่อยได้ใส่ เลย นางเอกสวย มีเสน่ดูแล้วไม่เบื่อ แต่เดี๋ยวนี้หาดูไม่ได้แล้ว หาซื้อก้อยาก
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 10

Mr.Burst

18/08/2010 14:39:37
3



อืมมม...ขอบพระคุณในความรู้เพื่อเพิ่มรอยหยักในสมองครับ...

หนังอินเดียเรื่องเดียวที่ดูจบ..คือ..

"กามาสุตรา" ครับ...
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 11

-o-[B]on[D]-o-

18/08/2010 23:05:39
3
โอ้ววพี่แพะย์เราแน่นอนจริงๆ 5555
เอามาอีกเยอะๆครับพี่วุฒิ เด๋วผมระบำพุงรอจ้าาา 5555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
"เมื่อสักครู่ดูหนังอินเดีย"