ถ้าเทียบกับทีวี clarity คือความแจ่มใสไม่มัวซัว

ส่วน resolution คือความละเอียด ก็จะเทียบกับจำนวนเส้นหรือ pixel ของจอน่ะครับ ยิ่งเยอะยิ่งคมชัด ถ้าเรื่องเสียงก็ประมาณดีดคอร์ดกีต้าร์แล้วฟังออกว่าดีดกี่สาย

ถ้าได้สองอย่างรวมกันก็ แจ่ม คม ละเอียด ใช้ได้ทั้งภาพและเสียงครับ

มี clarity แต่ไม่มี resolution จะชวนรำคาญ เพราะใส คม แต่โน้ตติดกันหนึบหนับแยกไม่ออก
มี resolution แต่ไม่มี clarity ก็พอทนได้ครับ รายละเอียดดี แต่เสียงทึบๆหน่อย
แต่ตามจริง 2 อย่างนี้มักจะมาคู่กันอยู่แล้ว ถ้ามาดีมากๆก็จะเข้าทาง analytical

คือจำแนกแยกแยะรายละเอียดของเสียงได้ดีมากๆจนฟังแล้วอาจจะเหนื่อย

สู้ฟังสบายๆรื่นหู ลื่นไหล มีความสมจริงของวงและดนตรีสูง musicality ดี อย่างนี้อาจจะดีกว่า

ส่วน decay ไม่ค่อยแน่ใจ แต่น่าจะหมายถึงความค่อยๆแผ่วของปลายเสียงที่ยังจับรายละเอียดได้ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับ clarity กับ resolution นั่นแหละ

ว่าไปเท่าที่รู้ไม่มากครับ ท่านอื่นเชิญต่อได้เลยครับ

ขอบคุณท่าน betterake ครับ เข้าใจมากขึ้นเลย

Musicality คำนี้ส่วนมากผมเห็นคนแทบจะทุกคนใช้คำว่า มีความเป็นดนตรี น่ะครับ ประมาณว่าฟังแล้วเหมือนฟังดนตรี สมจริงสมจัง ประมาณนั้นจ้าๆๆๆ

อ่อ โอเครครับ เข้าใจแล้วครับ

พอดีเรื่องดนตรี ๆ เนี่ย ออกงง ๆ นิดหน่อย ในความหมาย music และ sound มันแปลว่าอะไร ถ้าเป็นคอมก็เข้าใจได้ทันทีว่ามันคืออะไรไรงี้

ขอบคุณเฮียมั่นคงครับ

ไม่งงหรอกครับ ถ้าแปลแบบลูกทุ่งตรงๆๆ ก็คือ เครืืองไหนดี ก็เหมือนเรานั่งฟังเพลงจริงๆ มีความเป็นดนตรีสูง หรือมีความเป็นเพลงสูง แต่ถ้าเครื่องไหนไม่ดี ก็เหมือนฟังกระป๋อง หรือเสียงสังเคราะห์ประมาณนั้นจ้าๆๆๆ 555

แต่เวลาเรียก ส่วนมากคนจะใช้คำร่วมกันว่า มีความเป็นดนตรี ใช้คำนี้ มันทำให้เห็นภาพร่วมกัน เหมือนกันจ้าๆๆๆ