ช่องทางการติดต่ออื่น
มือใหม่
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0hydeless
1
มิติ - เสียงตั้งแต่ ในหัวทะลุไปถึงท้ายทอยถ้าเกินไปได้มากถือว่ามิติดี ดูประกอบกับเสตจทางกว้างและทางลึก
กลาง แหลม - ย่านเสียงหนึ่ง อยู่ตรงกลางระหว่างกลางกับแหลม มักเป็นเสียงร้องสูงๆ หรือเสียงแกนกลางจำพวกเครื่องแก้ว เครื่องโลหะ ปลายๆเสียงที่ฟุ้งออกคือ เสียงสูง ย่านความความที่เท่าไรขึ้นไป ผมจำไม่ได้ (ข้อนี้มั่วๆเอา)
ให้กำลังใจ 0 หยิกหู 0 แจกหู 0Gaia_Blue
0
ที่ว่าภาพออกมาแบบนี้คือเราใส่หูฟังมั้ยครับ หรือว่าเราฟังจากลำโพงบ้าน หรือ ลำโพงข้างนอก มันจะได้แบบไหนครับ
ผมก็อยากทราบเหมือนกันน่ะครับ ยังนึกจินตนาการไม่ออก
ให้กำลังใจ 0 หยิกหู 0 แจกหู 0มือใหม่
ให้กำลังใจ 0 หยิกหู 0hydeless
1
ให้กำลังใจ 0 หยิกหู 0 แจกหู 0นายมั่นคง
4,294
sound stage ก็คือเวทีเสียงนั่นเอง ความกว้างจากซ้ายจรดขวา ความสูงจากพื้นจนชนเพดาน ความตื้นลึกของเวที รวมแล้วคือ soundstage นั่นเองครับ แต่ sound stage ของการฟังลำโพง กับการฟังหูฟัง มันให้อรรถรสคนละแบบครับ
การฟังจากลำโพง ให้ความสมจริงกว่า คือระยะต่างๆ ถูกวางและผลักให้ห่างจากตัวเราออกไป และมีการจำลองเวทีเสียงให้สมจริง(เท่าที่จะทำได้) แต่พวกหูฟังนั้น Stage จะต่างกัน
เพราะมันเหมือนเราเอาลำโพงมาประกบข้างหู
การขึ้นรูปก่อตัวของเวทีเสียงไม่เหมือนกับลำโพง แต่หูฟังได้เปรียบกว่า จับรายละเอียดเสียงที่หยุมหยิมได้มากกว่าลำโพงครับ
ส่วนกลางแหลม ก็คือเสียงย่านกลาง และเส่ียงย่านแหลม แต่บางทีถ้าไม่ระบุชัดเจนนัก หลายๆ คนมักจะพูดแบบรวบไปทีเดียว กลายเป็นกลางแหลม แต่จริงๆ แล้วก็เหมารวมๆๆ กันว่าเป็นย่านเสียงที่ต่อเนื่องกันครับ
ให้กำลังใจ 0 หยิกหู 0 แจกหู 0wattanaaa_j
0
คิดง่ายๆครับ จากจุดกำเนิดเสียง ไปที่จุดรับเสียง เสียงจะเดินทางเป็นรูปกรวย Soundstage จะขึ้นอยู่กับระยะที่พอดีที่สุด เหมือนตอนเวลาเซ๊ตอัพเครื่องเสียงบ้าน ต้องหาจุดตัดที่พอดีของที่นั่งกับลำโพงครับ
หูฟังก็เหมือนกัน FZ มันจะให้ Soundstage ที่กว้างกว่า IEM เสมอครับ เพราะไดรเวอร์ใหญ่กว่า จุดกำเนิดเสียงออกก็เลยใหญ้ตาม ส่วน IEM ไดรเวอร์เล็ก Soundstage ก็เล็กตามครับ
กลางแหลม ก็คือย่านความถี่ของเสียงครับ ถ้าหูฟังแจ่มๆที่เน้นจูนเสียงให้กลางแหลมชัดๆเนี่ย มักจะสามารถแยกเสียงออกได้อย่างชัดเจนครับ อย่างเพลงไหนที่มีโซโล่เบสเนี่ย สามารถแกะตัวโน๊ตเล่นได้เลยครับ แต่ถ้าพวกระดับต่ำลงมา ความแตกต่างระหว่างตัวโน๊ตน้อยมาก แยกออกได้ยากครับ
ให้กำลังใจ 0 หยิกหู 0 แจกหู 0Gaia_Blue
0
ให้กำลังใจ 0 หยิกหู 0 แจกหู 0butnotforme
333
มีแต่กลาง กับแหลม
ให้กำลังใจ 0 หยิกหู 0 แจกหู 0ืSaowBangPo
ให้กำลังใจ 0 หยิกหู 0มงคลชัย
6
**ผมจึงขอยกตัวอย่าง วงการเครื่องเสียงกลางแจ้ง
ในลักษณะของ ครอสโอเวอร์ เน็ตเวิค ที่หลายบริษัทนำออกมาจำหน่าย ก็จะมีแบบ 3 ทาง Low/midle/hight และแบบระบบ 4ทาง ก็จะเป็นแบบ Low / midle low / midle hight / hight ..ในปัจจุบันก็จะมี Tool อะไรที่เพิ่มขึ้นมามากขึ้น ทั้ง gate/Limit/Distrotion/Sustain อยู่ในตัว ครอสโอเวอร์ เน็ตเวิค ด้วย เป็นต้น
ช่วงกลาง-แหลม ที่เค้าเรียกกัน ผมคิดว่าน่าจะหมายถึง หูของเราที่ได้ยินคลื่นความถี่ที่คาบเกี่ยวกันระหว่างย่านเสียงกลาง และ เสียงสูง ซึ่งจะอยู่ที่ 2Khz-4Khz (คร่าวๆ) จึงได้นำคำพูด ในเชิงวงการเครื่องเสียงอย่างอื่นมาเรียกกัน จริงเรียกกันว่า กลาง-แหลม ประมาณนั้นครับ
ในส่วนของ Sound stage หรือ ที่เรียกๆกันว่า เวที เสียง นั้น ก็หมายถึง การระบุ ตำแหน่ง ของเสียง
ครับ ซึ่งจะมีในลักษณะของเชิง ลึก กว้าง ความลาดชัน ซึ่งมีหน่วยเรียกเป็น องศา (Phase)
เช่น นักร้อง อยู่ด้านหลัง กีตาร์อยู่ด้านหน้า คำถาม? แล้วทำไมมันถึงระบุได้ล่ะ ทำไมเราฟังผ่านหูฟังแล้วถึงรู้สึกได้
ก็เพราะ ในห้องบันทึกเสียง เขาใช้ไมค์แบบ Cardioid ในการรับทิศทางของเสียง ของเครื่องดนตรีครับ และ ด้วย ระยะของตัวไมค์กับการยืนเล่นดนตรีของนักดนตรีนั้น มีความห่างที่ไม่เท่ากัน กีตาร์ ห่างไมค์1 เมตร แซ๊ก ห่างตัวไมค์ 2 เมตร เป็นต้น จึงทำให้ รับรู้และแยกแยะ จำแนก เวที ของเสียงได้ ว่ามาจากตรงไหน
ส่วนอันนี้เป็น Credit : Facebook live for sound
Phase คือ ระยะห่างของจุดเริ่มต้นของคลื่นสัญญาณเสียง 2 คลื่น หรือระยะเวลาการเริ่มต้นของคลื่นสัญญาณเสียง 2 คลื่น งงหรือเปล่าครับคราวนี้ คำว่าระยะห่างคือ ระยะที่คลื่นสัญญาณเสียงกำเนิดออกมา 2 คลื่นสัญญาณที่มีระยะห่างเราวัดกันเป็นองศาว่าห่างกันกี่องศา หรือระยะเวลาที่คลื่นเสียงเกิดขึ้นใช้เวลาห่างกันเท่าไหร่ เราเปรียบเทียบหรือวัดความถี่ใดความถี่หนึ่งเท่านั้น เรื่องของ Phase นี้เราสามารถแบ่งออกได้หลักๆ 3 รูปแบบคือ
1.In Phase
คือลักษณะของคลื่นเสียง 2 คลื่นสัญญาณเกิดขึ้นพร้อมกันในเวลาเดียวกันโดยมีทำให้องศาที่เกิดขึ้นตรงกันคือ 0 องศา สิ่งที่ได้คือ คลื่นเสียง 2 คลื่นสัญญาณเมื่อรวมตัวกันคลื่นจะใหญ่ขึ้น นั่นเท่ากับว่าเสียงที่เราได้จะดังขึ้นอีกเท่าตัวนั่นคือ 3dB (1 เท่าของความดังเสียงคือ 3dB)
2.Out of Phase
คือลักษณะของคลื่นเสียง 2 สัญญาณเกิดในเวลาที่ต่างกันและระยะห่างของจุดกำเนิดคลื่นมีถึง 180 องศา ทำให้คลื่นเสียงที่ได้มีเสียงเบาถึงระดับ 0dB ในความถี่ใดความถี่หนึ่ง ทำให้เราไม่สามารถได้ยินเสียงนั้นได้ โดยปกติส่วนมากการเกิด Out of Phase นั้นมักจะเกิดจากการทำสายสัญญาณสลับขั้วกัน
3.Phase Shift
คือลักษณะของคลื่นเสียง 2 คลื่นสัญญาณเกิดขึ้นในเวลาที่ต่างกันและระยะห่างของจุดกำเนิดคลื่นเริ่มต้นตั้งแต่ 1 องศาไปเรื่อยๆแต่ไม่ถึง 180 องศา ทำให้เสียงบางช่วงก็ดังขึ้นและบางช่วงก็เบาลง ซึ่งในงาน Live ที่เราทำอยู่ในปัญจุบันจะไม่สามารถหลีกหนีเรื่องของ Phase Shift ไปได้เลย และ Phase Shift นี่แหละที่ทำให้เสียงเกิดมิติเสียง Stereo ขึ้นมาทำให้เพลงนั้นน่าฟังมากขึ้น
ให้กำลังใจ 0 หยิกหู 0 แจกหู 0มงคลชัย
6
ตัวอย่างการทดสอบ
- ทดสอบด้วยเครื่องเล่นคุณภาพสูงและใช้ไฟล์เพลงคุณภาพสูงบันทึกมาจากห้องอัดอย่างดี เพื่อนำมาเปรียบเทียบในหูฟังของทั้งสองรุ่น
ผลการทดสอบด้วยการฟังแล้วพบว่า
1.หูฟังยี่ห้อ XX ได้ยินเสียง ของ แซ๊กโซโฟน ห่างจากหูของเราไปทิศทางบนหัวของเราประมาณ 1 เมตร
2.หูฟังยี่ห้อ XD ได้ยินเสียง ของ แซ๊กโซโฟน ห่างจากหูของเราไปทิศทางบนหัวของเราประมาณ 3 เมตร
##นี่คือการยกตัวอย่างให้เห็นภาพน่ะครับ ผิดถูกยังไง ขออภัยครับ
ให้กำลังใจ 0 หยิกหู 0 แจกหู 0