Blind Test คือ ทดสอบเหมือนคนตาบอดครับ
พูดง่ายๆ ถ้าตายังไม่บอด ก็ทำให้ตาบอดก่อนแล้วค่อยทดสอบครับ
ส่วนวิธี ทำให้ตาบอด จะใช้นิ้วจิ้ม หรือ ควักลูกตา หรือจะใช้ผ้าปิดตา
อันนี้ก็แล้วแต่ความชอบส่วนบุคคลครับ
แล้วก็มาทดสอบกัน ส่วนจะทดสอบอะไรอันนี้ก็แล้วแต่ล่ะครับตาบอดแล้วนิ

ส่วนคนแถวนี้ที่ใช้คำนี้ ก็มันจะ ทำตาบอดแล้วทดสอบฟังเสียงหูฟัง
หรือ แอมป์ สายสัญญาณ อะไรประมาณนี้กันน่ะครับ
เพื่อจะได้รู้ว่าอ้ายคนที่ตาบอดน่ะ ฟังออกชัวร์ หรือมั่วนิ่ม 55555

มีอีกเรื่องหนึ่งครับ...
เรื่องของสาย มันมีฟิสกับด้านที่ต้องต่อเพเยอร์ด้วยหรือครับ (พอดีได้cinมาเลยเพิ่งรู้ครับ) แล้วมันเป็นแบบนี้กับทุกสายเลยหรือเปล่าครับแล้วผมจะรู้ได้งัย
ว่าด้านไหนต้องต่อกับอะไรครับ

คนเราบางทีก็ใช้ตาฟังเสียงครับ
เห็นสายสวยๆ อุปกรณ์ดีๆ ก็นึกไว้ก่อนว่าเสียงคงจะดี กับอีกอันนึงหน้าตาบ้านนอกก็บอกว่าเสียงห่วยไว้ก่อนก็มี จึงต้องทำตาบอดก่อนให้ลองฟัง จะได้ไม่ใช้ตาทดสอบเครื่องเสียงไงครับ อิอิ
ว่าแต่ xxiii ผมยังไม่ได้ขนาดแอมป์เลยแล้วจะออกแบบปริ๊นยังไงครับ ได้รูปช้าก็ทำช้านะครับฮ่าๆๆๆ

เรื่องสายมีข้างนี้เขาว่ากันมาครับแต่หูตะกั่วอย่างผมฟังไม่ออก
โดยปรกติถ้าสายมีทิศมาแล้วเขาจะเขียนไว้บนสายครับว่าด้านไหนด้านหัวด้านท้าย
แต่สำหรับสายที่ยังไม่มีทิศก็ให้ทำสัญลักษ์เอาไว้แล้วเราก็เสียบด้านเดิมทุกครั้งแค่นั้นก็พอครับ

เด๋วคืนนี้ ถ่ายรูปให้เวป เฮียนี่ล่ะครับ พี่นพ
โอ๊ย...วันนี้มันยุ่งไปหมดเลยช้า

ว่าแต่ ไอ้ บัวหิมะนี่ ทำใจกินไม่ลงจริงๆ ง่ะ เอิ๊กๆ
มันแยกชั้นระหว่าง ฝาขาวกันน้ำข้างล่างเป็น น้ำใสๆเลยอ่า
น่ากัว... ชมัด

เพิ่มเรื่องทิศทางของสายนิดครับ
ตามที่ผมรู้หลายคนแนะนำผมตรงกันคือ
ถ้าสาย มีตัวอักษร บนสายล่ะก็ เช่น CADAS
ทิศทางสัญญาณเข้าคือด้าน ตัว C เสียบกับ player
S เสียบ เข้า Amp ครับ แล้วอย่ากลับด้าน มีผลกับคุณภาพ
เสียงจริงๆครับ และก็ถ้าไม่มีอะไรบอกก็แบบพี่นพว่าครับ
เสียบด้านไหนให้ เสียบด้านเดิมตลอด อย่ากลับไปกลับมาเป้นใช้ได้

มันแยกชั้นก็อีตอนกรองมันก็รวมกันแล้ว แต่กลิ่นมันนี่สุดๆจริงๆต้องบีบจมูกกินแบบกินแบรนด์เลย ฮ่าๆๆ
อุ๊ยขออภัยนอกเรื่องสายไปหน่อย อิอิ
วันนี้ผมลองถักสายใหม่ 6 เส้น ใช้ pbj 2 กับ 47 lab อีก 4
เสียงถูกใจมากครับ แหลมลดลงกว่าสาย hero เล็กน้อย แต่เบส impact ดีมาก ฟังแล้วก็ อืม...ใครว่า 701 ไม่ค่อยมี impact ไว้เดี๋ยวมีกะตังเหลือจะเอาสาย hero มารื้อเอาสายมาถักใหม่แทน pbj เผื่อแหลมจะดีขึ้นอีกจิ๊ดนึงครับ ฮ่าๆๆ
ปล.ไปโพสเว็ปโน้นดีกว่าครับเว็ปเฮียกระทู้มันวิ่งไวแถมเซิซไม่ได้ กลัวว่ากลับมาอีกทีจะหาไม่เจอครับ

แล้วสายที่มากับCin ดูไงว่าด้านใช้เสียบเพเยอร์ครับ
พอดีผมไม่แน่ใจครับ (รูปสายของผมเอง)

ด้านตัว L เสียบ player ครับ

กล้องถ่านหมดอีกพี่ เวรกรรมจริงๆ กะลังชาร์ตอยู่ ไขน๊อต amp แล้วครับ
เด๋วผมไปโพสเวป กูรู ละกันครับไม่รู้ใส่ภาพใหญ่ได้แค่ไหน

ดูจากสายในรูปก็ jack อันที่อยู่ด้านบนหน่ะครับ เสียบplayer

000

Blind Test คือสิ่งที่พวกอ้าวตัวว่าเป็นเซียนทุกคนไม่กล้าทำ
เพราะถ้าทำเมื่อใด คนก็จะจับได้ทันทีว่าไอ้ที่คุยๆมานั้นโกหกทั้งเพ

ถ้าใครจะเถียงว่าที่พูดมานี้ไม่จริง ขอเสนอให้สมาชิกเว็บมั่นคงจัดงานมีตติ้ง
Blind Test เพื่อดูว่าใครฟังความแตกต่างของสาย ,หูฟังที่เบิร์นแล้วกับยังไม่ได้เบิร์น,
แอมป์รุ่นต่างๆ ฯลฯ ออกบ้าง

กล้ากันไหมล่ะ

พวกที่อ้างว่าฟังออกถ้าไม่เป็นหน้าม้า ก็เป็นพวกตามแห่ที่ตกเป็นเครื่องมือของพ่อค้าทั้งนั้น

เคยได้ยินนิทานเรื่อง เสื้อใหม่ของจักรพรรดิ์ ไหม 55555555

ผมไม่ใช่เซียนนะครับ แต่ Blind Test นี่ผมกล้านะครับ แต่บอกได้แค่ว่า เสียงไหนดีกว่า (แต่ก็คงมีผิดบ้างแหละ ไม่ร้อยหรอก)

แต่จะให้บอกขนาดว่า หูฟังยี่ห้อไหนเนี่ย ฟังไม่ออกครับ (เพราะไม่เคยฟังครบ และไม่คุ้นเคยกับหูฟังทุกยี่ห้อด้วย)555+

ในการทำวิจัยทางวิทยาศาสตร์(ส่วนมากเกี่ยวกับยา) ขบวนการในการศึกษาจะมีการทำ Blind study ในที่นี้ blind หมายถึงไม่รู้(ไม่ใช่ตาบอดนะครับ) เช่นเราจะทดลองใช้ยา a กับคนไข้จำนวนหนึ่งก็จะมีการจ่ายยา ทั้งยาจริง และ ยาหลอก(placebo)แก่คนไข้เพื่อเปรียบเทียบกัน เพื่อให้ไม่เกิดอคติ(Bias) จึงต้องมีการทำเป็น Blind study
Single blind study คือมีคนเดียวที่ไม่รู้(คนไข้) ส่วนหมอจะรู้ว่ายาที่ให้คนไข้คนนั้นเป็นยาจริงหรือยาหลอก
Double blind study อันนี้ทั้งคนไข้และคนให้ยา(หมอ) จะไม่รู้ทั้งสองคนว่ายาที่ให้ในรายนั้น ๆ เป็นยาจริงหรือยาหลอก มีเพียงผู้คุมโครงการวิจัยเท่านันที่ทราบ วิธีนี้จะขจัดอคติได้ดีกว่าวิธีแรก
คร่าว ๆ แค่นี้นะครับ และผม "เข้าใจว่า" อันนี้คือต้นตอของคำว่า Blind test ที่เราพูดถึงกันอยู่นี่แหละครับ