กรุงเทพธุรกิจ 13 ตุลาคม 2554
คนกทม."ตื่นกันทำไม"?
o
สำรวจความคิดเห็น หลากนักวิชาการน้ำ..ปราโมทย์ ไม้กลัด ส่งสัยคนกทม'ตื่นกันทำไม'มั่นใจเจ้าพระยาไม่ทะลัก"รอยล"มั่นใจเมืองหลวงไม่วิกฤติ
สถานการณ์น้ำท่วมในเขตเมืองหลายพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็น อยุธยา นครสวรรค์ สร้างความตื่นตระหนกให้ชาวกรุงเทพมหานคร ที่หลายคนอยู่ในอาการ "จมข่าวน้ำท่วม" ความเครียดและตื่นตระหนกกระจายทั่วกรุงเทพมหานครอย่างรวดเร็ว
"ผมไม่รู้ว่า จะตื่นกันไปทำไม" เสียงของ นายปราโมทย์ ไม้กลัด อดีตอธิบดีกรมชลประทาน ที่วันนี้แม้จะอยู่ในวัยเกษียณอายุ แต่ก็นั่งมอนิเตอร์ตรวจสอบปริมาณน้ำ พร้อมทั้งโทรศัพท์ ประสานแนะนำเจ้าหน้าที่กรมชลประทานในระดับปฏิบัติในฐานะผู้มีประสบการณ์
เขาอธิบายว่า จากการตรวจสอบสถานการณ์น้ำ ปิง วัง ยม และน่าน อยู่ในระดับทรงตัว รวมไปถึงการปล่อยน้ำของเขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์ที่ลดปริมาณการปล่อยน้ำ ทำให้ ระดับน้ำที่ จ.นครสวรรค์ ปัจจุบัน อยู่ที่ระดับ 4,668 ลบ.ม. และในช่วง 1-2 วันนี้ระดับน้ำจะเพิ่มขึ้นมานิดหน่อยแต่ไม่มากนัก เพราะน้ำจากภาคเหนือไม่ไหลมาเพิ่มจึงไม่น่าเป็นห่วงมากนัก
หลังจากนั้นเมื่อเข้ามาตรวจสอบ ระดับน้ำที่แม่น้ำเจ้าพระยา อยู่ที่ระดับ 3,660-3,500 ล้าน ลบ.ม.ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่ทรงตัว ปริมาณฝนภาคเหนือ และบริเวณเจ้าพระยามีฝนตกบ้างแต่ไม่มากนัก จึงเชื่อได้ว่า สถานการณ์ปัญหาน้ำท่วม มีแนวโน้มที่ดีขึ้นไปเรื่อยๆ
"ผมดูจากทุกปัจจัยแล้ว ทั้งน้ำเหนือ ซึ่งอยู่ในระดับที่ไม่น่าเป็นห่วงมากนัก ปริมาณฝนก็ไม่มากเช่นกัน เพราะฉะนั้นวิเคราะห์จากทุกปัจจัยมีแนวโน้มดีขึ้น เพราะฉะนั้นสถานการณ์ที่เหลือ จึงเป็นเรื่องที่ต้องประคับประคองและเร่งระบายน้ำลงสู่ทะเล"
ส่วนสถานการณ์ที่ กทม. นายปราโมทย์บอกว่า ระดับน้ำในพื้นที่ กทม. อาจจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย และลักษณะพฤติกรรมน้ำไม่ตาย คือมีน้ำขึ้นน้ำลงปกติ แสดงว่าการระบายยังสามารถทำได้ จึงไม่น่าห่วงอะไร พื้นที่ กทม.รอบนอก ฝั่งตะวันออกอาจจะได้รับผลกระทบจากการระบายน้ำลงสู่อ่าวไทยบ้าง แต่แตกต่างจาก จ.อยุธยา หรือลพบุรี
"น้ำที่ท่วม กทม.ชั้นนอก จะไม่ท่วมแบบพรวดพราด ต่างจากอยุธยา ลพบุรี เพราะแม่น้ำเจ้าพระยาในช่วง กทม.มีลักษณะแตกต่างมีพื้นที่ราบที่เป็นลานกว้างให้น้ำแพร่กระจายเข้าไปได้"
อย่างไรก็ตาม เขาเชื่อว่า แม้จะมีน้ำเออท่วม กทม.ชั้นนอกบ้างเช่น เขต หนองจอก มีนบุรี รังสิต ปทุมธานี หรือในพื้นที่บางกรวย ปากเกร็ด แต่ก็ไม่ท่วมขังในระยะเวลานาน เพราะ กทม.ได้ออกแบบระบบป้องกันน้ำท่วมมาและการระบายเอาไว้ดีพอสมควร
ส่วนพื้นที่ กทม.ชั้นใน นายปราโมทย์ ค่อนข้างมั่นใจว่า ไม่น่าจะมีปัญหาน้ำท่วมทะลักจากแม่น้ำเจ้าพระยาแน่นอน เพราะว่าน้ำเจ้าพระยาจะไม่ทะลักเข้า กทม.ชั้นใน ที่มีคันกันน้ำที่สร้างมานานและมีความแข็งแรง รวมไปถึงถนนต่างๆ ที่ออกแบบเพื่อป้องกันน้ำท่วม ดังนั้น กทม.ชั้นใน ไม่ว่าจะเป็น สุขุมวิท ลาดพร้าว บางกะปิ หากเกิดปัญหาน้ำท่วมจะมาจากน้ำท่วมขังจากฝนที่ระบายไม่ทันมากกว่า
ความมั่นใจของ อดีตอธิบดีกรมชลประทานสอดคล้องกับความมั่นใจของ ณรงค์ จิรสรรพคุณากร ผอ.กองสารสนเทศระบายน้ำ สำนักการระบายน้ำ กทม. ซึ่งถือเป็นผู้ปฏิบัติงานโดยตรง
เขาอธิบายว่า กทม. ตั้งศูนย์ควบคุมระบบป้องกันระบบน้ำท่วม ซึ่งติดตามสถานการณ์น้ำตั้งแต่จังหวัดนครสวรรค์ และตรวจสอบเส้นทางน้ำที่จะเข้าสู่ กทม. รวมถึงประตูน้ำในทุกๆ ด้าน ซึ่งมีการพัฒนาและวางระบบป้องกันน้ำท่วม ซึ่งได้ทำมาเป็นเวลากว่า 20 ปีแล้ว
ในงาน ป้องกันน้ำท่วม ได้แบ่ง กทม. เป็น 4 ส่วน 1.ฝั่งธนบุรี 2.กทม.ในคันกั้นน้ำ 3.กทม.นอกคันกั้นน้ำ ซึ่งหมายถึง เขตมีนบุรี หนองจอก คลองสามวา และลาดกระบัง และ 4.เขตติดแม่น้ำเจ้าพระยา
ส่วนของฝั่งธนบุรีนั้น จะต้องรับน้ำจาก จ.นนทบุรี และนครปฐม ได้มีการวางระบบระบายโดยใช้คลองทวีวัฒนา และคลองมหาสวัสดิ์ เพื่อผันน้ำออกแม่น้ำท่าจีน โดยจะมีประตูน้ำอยู่บริเวณคลองมหาสวัสดิ์ที่จะรับน้ำจาก จ.นนทบุรี โดยน้ำจะถูกระบายตามคลองย่อยมาเก็บไว้ที่แก้มลิง "คลองสนามชัย" ซึ่งมีพื้นที่ 76.42 ตารางกิโลเมตร
ขณะที่แนวรับอยู่ที่ คลองรังสิต ซึ่งจะรับมาจากคลองย่อยต่างๆ ซึ่งจะมีแนวประตูกั้นน้ำอยู่ตามแต่ละคลอง จนถึงบริเวณคลองหก และยังมีการกั้นประตูน้ำส่วนหนึ่งอยู่ที่ หลักหก ปทุมธานี ซึ่งสามารถรับน้ำและระบายออกในทาง กทม.ตะวันออก และ มีส่วนหนึ่งจะผันลงอุโมงค์ยักษ์ระบายน้ำของ กทม. และตามคลองย่อย ก็จะมีสถานีสูบน้ำเร่งระบายน้ำออกตามแนวแม่น้ำเจ้าพระยา
ส่วน กทม. ฝั่งตะวันออก ณรงค์ บอกว่า ด้านบนซึ่งจะรับน้ำตามคลองต่างๆ ที่มาจาก จ.ปทุมธานี ก็จะมีประตูระบายน้ำ ส่วนที่อยู่นอกแนวคันกั้นน้ำนั้นก็ได้วางระบบระบายน้ำไว้ โดยส่วนหนึ่งจะผันออกเพื่อลงแม่น้ำบางปะกง โดยใช้คลองแสนแสบ คลองนครเนื่องเขต และคลองประเวศบุรีรมย์ ขณะที่อีกส่วนจะผันลงอ่าวไทย ผ่านคลองพระองค์เจ้าไชยานุชิต คลองจระเข้ใหญ่ คลองบางโฉลง คลองหนองงูเห่า และคลองลาดกระบัง ซึ่งแต่ละคลองก็จะมีสถานีสูบน้ำเพื่อเร่งระบายน้ำ
ณรงค์ยืนยันว่าแม้เป็นช่วงน้ำหนุนสูง ก็ไม่น่ามีปัญหา เพราะขณะนี้ สถานการณ์น้ำเหนือนั้น ค่อนข้างทรงตัว ไม่เพิ่มมากขึ้น กทม.น่าจะรับมือไหว
ความกังวลของ กทม. นั้นยังมีอยู่ สองส่วนที่เห็นได้ชัดคือ จะมีเหตุการณ์ที่คาดการณ์ลำบากอย่างมีฝนตกเพิ่ม และมีการพังประตูน้ำ ซึ่งจะทำให้มีปัญหากับการจัดการน้ำ
ขณะที่ ดร.รอยล จิตรดอน ผู้อำนวยการสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (สสนก.) กล่าวว่า จากการประเมินสถานการณ์น้ำที่จะไหลเข้าท่วมพื้นที่ กทม.นั้น เชื่อว่าจะไม่วิกฤติมากนัก ซึ่งแม้จะมีน้ำไหลผ่านเข้ามาในเขตพื้นที่เสี่ยงของ กทม.ได้ก็ตาม แต่เนื่องจากพื้นที่ไม่ได้ใหญ่มากนัก กทม. ก็สามารถระดมเครื่องสูบน้ำระบายน้ำที่เข้าท่วมออกไปตามจุดผันคลองระบายน้ำต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งหากวิกฤติจริงอย่างน้อยระดับการท่วมขัง ก็อาจจะสูงสุดไม่เกินหนึ่งสัปดาห์เท่านั้น
ระดับน้ำคลอง กทม.ปกติ
lส่วนสถานการณ์ระดับน้ำในคลองหลักของ กทม. ล่าสุดวันที่ 12 ต.ค.พบว่าคลองต่างๆ ยังมีระดับปกติ ส่วนสถานการณ์น้ำในคลองสายหลักในพื้นที่กรุงเทพมหานคร พบว่ายังอยู่ในภาวะปกติ โดยที่คลองบางเขน ถ.กรุงเทพ-นนท์ ระดับน้ำอยู่ที่ 0.39 เมตร คลองบางเขน ถ.ประชาชื่น ระดับน้ำอยู่ที่ 0.10 เมตร คลองบางเขน ถ.วิภาวดี (ขาเข้า) ระดับน้ำอยู่ที่ 0.73 เมตร คลองบางพรม คลองชักพระ ระดับน้ำอยู่ที่ 0.65 เมตร คลองบางพรม คลองฉิมพลี ระดับอยู่ที่ 0.75 เมตร คลองบางพรม ถนนกาญจนภิเษก ระดับน้ำอยู่ที่ 0.85 เมตร คลองบางพรม ถนนพุทธมณฑลสาย 3 ระดับน้ำอยู่ที่ 0.94 เมตร คลองบางซื่อ ถ.พระรามที่ 5 ระดับน้ำอยู่ที่ 0.92 เมตร
คลองบางซื่อ ถ.พหลโยธิน ระดับน้ำอยู่ที่ 0.13 เมตร คลองบางซื่อ ถ.วิภาวดี (ขาเข้า) ระดับน้ำอยู่ที่ 0.03 เมตร คลองบางซื่อ ถ.รัชดาภิเษก ระดับน้ำอยู่ที่ 0.12 เมตร คลองบางแวก ถนนพุทธมณทลสาย 1 (วัดไชยฉิมพลี) ระดับน้ำอยู่ที่ 0.71 เมตร คลองบางแวก คลองทวีวัฒนา (สถานีสูบน้ำคลองบางแวก) ระดับน้ำอยู่ที่ 0.96 เมตร คลองเปรมประชากร วัดเทวสุนทร ดอนเมือง ระดับน้ำ 0.30 เมตร และ 0.82 เมตร ตามลำดับ คลองลาดพร้าว 0.32 เมตร คลองมหาสวัสดิ์ ถนนพุทธมณฑลสาย 2 ระดับน้ำ 1.82 เมตร แม่น้ำเจ้าพระยา ปากคลองตลอด 1.83 เมตร คลองแสนแสบ เสรีไทย 24 ระดับน้ำ 0.39 เมตร
เปิดแบบจำลอง!เขตไหนรอด...เขตไหนท่วมรุนแรง
o
เปิด!แบบจำลอง เผยความรุนแรงของน้ำ 3 ระดับในกทม. พบขั้นสามท่วมสูง1-2 เมตร อยู่ฝั่งตะวันออกและตกของกทม.และขังนับเดือน ส่วนชั้นในแค่ระดับ
ปัจจุบันสถานการณ์น้าท่วมกลายเป็นปัญหาสาคัญและเร่งด่วนที่ทาให้ทุกฝ่ายวิตกกังวลถึงความรุนแรง โดยไม่ทราบแน่ชัดว่าจะมีความเสี่ยงมากน้อยเพียงใด ซึ่งอาจท้ำให้ไม่สามารถปฏิบัติตนได้ถูกต้อง
กทม.ก็เป็นอีกจุดที่มีการประเมินกันต่างๆนานา วันนี้จึงมีแบบจำลองให้พิจารณา บ้านที่อยู่อาศัยของแต่ละท่านนั้น ตั้งอยู่ในจุดเสี่ยงความรุนแรงมากน้อยแค่ไหน และหากท่วมจะสูงกี่เมตร ที่สำคัญในระดับความรุนแรงต่างๆ เราต้องเตรียมพร้อมรับมืออย่างไรบ้าง
-----------------------------------------
กลุ่มบริษัททีม ซึ่งมีประสบการณ์ความชำนาญในวิชาชีพด้านการบริหารจัดการน้ามากว่า 30 ปี กลุ่มบริษัททีม พร้อมเผยแพร่ข้อมูลที่ได้รวบรวม และวิเคราะห์โดยใช้แบบจาลองคณิตศาสตร์ โดยได้จัดทาแผนที่แสดงพื้นที่ ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดน้าท่วมในระดับต่างๆ และพื้นที่ต่างๆ (โดยเฉพาะกทม.)เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับการเตรียมความพร้อมรับมือปัญหาอุทกภัย
1. พื้นที่น้าท่วมปี 2554 : พื้นที่น้ำท่วมถึงวันที่ 10 ต.ค.2554 แสดงไว้ในรูป
2. พื้นที่เสี่ยงภัยน้าท่วม ซึ่งมีระดับความเสี่ยงและข้อควรปฏิบัติดังนี้
2.1 พื้นที่เสี่ยงน้าท่วม ระดับที่ 3 (สีแดง:เสี่ยงสูงสุด)
(1) เป็นพื้นที่น้ำท่วมแน่นอน พื้นที่ที่อยู่นอกคันพระราชดาริ จะมีสภาพการท่วมเช่นเดียวกับปี 2538 แต่ระดับสูงกว่า ประมาณ 0.50 เมตร น้ำจะท่วมสูงประมาณ 1- 2 เมตร จะท่วมนานประมาณ 1-2 เดือนจำเป็นต้องอยู่กับน้ำให้ได้ หรืออพยพไปอยู่ที่อื่น
(2) พื้นที่เสี่ยงระดับ 3 ทางตะวันออกของกรุงเทพฯ นี้ จะเป็นทางที่น้ำจะหลากจากแม่น้าเจ้าพระยา และแม่น้าป่าสัก จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ลงสู่ทะเลโดยน้ำจะใช้เวลาในการเดินทางมาก ได้แก่ พื้นที่บริเวณอาเภอวังน้อย อำเภอหนองเสือ ทางตะวันออกของอาเภอธัญญบุรี พื้นที่ทางตะวันออกของเขตหนองจอก อาเภอบางน้ำเปรี้ยว และพื้นที่ฝั่งตะวันออกของคลองพระองค์ไชยานุชิต
คันป้องกันน้ำท่วมต่างๆ มีแนวโน้มว่าจะไม่สามารถป้องกันได้ และหากมีน้ำรั่วเข้ามาในพื้นที่ใดก็จะมีระดับน้ำท่วมสูง 1.0 ถึง 2.0 เมตร แล้วแต่ความสูงต่ำของแต่ละพื้นที่
(3) พื้นที่เสี่ยงระดับ 3 ด้านตะวันตกของกรุงเทพฯ ได้แก่ อาเภอลาดบัวหลวง อาเภอลาดหลุมแก้ว อาเภอสามโคก อาเภอเมืองปทุมธานี อาเภอบางใหญ่ และพื้นที่ด้านตะวันตกของถนนกาญจนาภิเษก ที่อยู่เหนือคลองมหาสวัสดิ์ขึ้นไป และพื้นที่ริมฝั่งแม่น้าท่าจีน
(4) การเตรียมตัว ให้ขนย้ายทรัพย์ขึ้นที่สูง ไม่น้อยกว่า 1.50 เมตร จอดรถยนต์ไว้ในที่สูง และติดตามข่าวอย่างใกล้ชิด
2.2 พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม ระดับที่ 2 (สีส้ม).. ( สนามบินสุวรรณภูมิน้ำไม่ท่วม)
(1) เป็นพื้นที่มีความเสี่ยงสูง (เป็นพื้นที่ที่น้ำเคยท่วมเมื่อปี 2538 ซึ่งเป็นปีน้ำท่วมสูงสุด) เป็นพื้นที่รัฐบาลพยายามป้องกันไม่ให้น้ำเข้าท่วม (ต้องสู้กับน้ำ) หากป้องกันไม่ได้ คันจะพัง น้ำจะมาเร็วและแรง ดังนั้นให้ติดตามข่าว และติดตามระดับน้ำในคลองตลอดเวลา หากมีรั่วเข้ามาท่วมได้ น้ำจะท่วมสูงประมาณ 1-2 เมตร และจะท่วมนานประมาณ 1-2 เดือน
(2) พื้นที่เสี่ยงระดับ 2 ฝั่งตะวันออก ได้แก่พื้นที่ ฝั่งตะวันออกของอาเภอเมืองปทุมธานี อาเภอคลองหลวง พื้นที่ที่อยู่เหนือคลองรังสิตประยูรศักดิ์ พื้นที่ที่อยู่เหนือถนนสายไหม และพื้นที่ด้านตะวันออกของถนนหทัยราษฎร์ ถนนร่มเกล้า ถนนกิ่งแก้ว และพื้นที่ด้านตะวันออกของถนนบางบาหรุไปบางพลี
(3) พื้นที่เสี่ยงระดับ 2 ฝั่งตะวันตกได้แก่ พื้นที่จังหวัดนนทบุรีที่อยู่ทางตะวันออกของถนนกาญจนาภิเษก มาถึงแม่น้าเจ้าพระยา พื้นที่อาเภอสามพรานที่อยู่ใต้คลองมหาสวัสดิ์ ที่อยู่ห่างจากแม่น้าท่าจีน อาเภอกระทุ่มแบน อาเภอเมืองสมุทรสาครที่อยู่ห่างจากแม่น้าท่าจีน และพื้นที่ด้านตะวันตกของเขตจอมทอง
(3) การเตรียมตัว ให้เตรียมย้ายของมีค่าขึ้นที่สูง เตรียมวางแผนหาที่จอดรถยนต์ในที่สูงและติดตามข่าวและเฝ้าระวังใกล้ชิด
2.3 พื้นที่เสี่ยงน้าท่วม ระดับที่ 1 สีเหลือง
(1) เป็นพื้นที่มีความเสี่ยงปานกลาง เป็นพื้นที่น้าไม่ท่วมในปี 2538 แต่มีความเสี่ยงที่จะท่วมได้ในปี 2554 นี้ได้แก่พื้นที่ฝั่งตะวันออกของจังหวัดนนทบุรี และพื้นที่กรุงเทพมหานคร และสมุทรปราการที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่เสี่ยงระดับ 2 และ 3 ดังกล่าวข้างต้น
(2) พื้นที่นี้หากมีการท่วม น้าจะท่วมสูงประมาณ 0.50 เมตร
(3) ในการเตรียมตัวนั้นขอให้ติดตามข่าว และเฝ้าระวัง
--------------------------------------------------------
หมายเหตุ