2 ตัวนี้จะเปรียบเทียบกันได้ในหลายด้านเหมือนกันครับ


ถ้าเปรียบราคา MS2 แพงกว่า 2 เท่าเห็นจะได้ แต่ตัวงานตั้งแต่ เฮดแบนด์ ตัวคัพ (ถ้วยอลุมิเนียม) ก็แข็งแรงกว่า ฟองน้ำก็เป้นรุ่นมาตรฐาน (Bowl Pad)

เสียง MS1 นั้นมีลักษณะล้อมๆ อยู่ใกล้ๆ หูเรา เวลาฟังจะรู้สึกว่าดนตรีจะชิดซักเล็กหน้อย แต่ไม่อึดอัดหรือรำคาญ เสียงเบสคลอและออกนุ่มบางๆ ไม่เป็นลูกนัก กลางแหลมค่อนข้างเปิด และแหลมนั้นถึงขั้นหวาน เป็นตัว Sweet ที่สุดใน Grado ครับ ฟังเพลงไม่ดุดันนัก หรือเพลง Female Vocal ค่อนข้างได้อารมณ์ความ &dquot;ฉ่ำ&dquot; พอสมควร

ยิ่งเบิร์นาน ยิ่งนุ่มและปลายแหลมดีขึ้น ไม่เป็นฝอยมากจนเกินไปเหมือนตอนก่อนเบิร์น ช่วงก่อนเบิร์นฟังดุจะแห้งเล็กน้อย แต่ผ่าน 200 ไปแล้ว เสียงจากปลายแหลม ไม่แห้ง และเหมือนมีความมนขึ้นอีกหน่อย


ต่างจาก MS2 ที่เสียงนั้นค่อนข้างหลุดออกจากศีรษะมากกว่า MS1 อีกหน่อย เสียงเบสนั้นมีความลึก และมีลูกกระทุ้ง (impact) ถ้าชอบฟังการเดินเบสในเบสแจ๊ส ที่ต้องกระตุกกระตึกระตักหน่อย MS2 ให้ได้แน่นอนครับ ในขณะที่กลางแหลม และลงไปจนถึงย่านต่ำลึก มีช่องว่างระหว่างตัวโน๊ตค่อนข้างดีกว่า ฟังแล้วเหมือนมีอากาศรายล้อมอยุ่ในชิ้นดนตรี (Airness) และตรงนี้ล่ะที่มันช่วยเรื่องความเป้น 3 มิติที่สุงกว่า MS1 ด้วยครับ

...........................ดีกว่าแน่นอนครับ

แต่ถ้าฟังระหว่าง 2 ตัวนี้ แล้วบังเอิญบอกว่าชอบ MS1 มากกว่า ผมถือว่าไม่ผิดแต่อย่างใด เพราะ MS-1 นั้นถ้าเป็นพวก ป๊อคร็อค หรือเพลงร้องแนวออดิโอไฟล์ ผมว่าไม่เลวครับ..........

555

แวะมาก่อกวนกระทู้หน่อย

ไม่ลองเหล่ AKG K-530ล่ะครับ นี่ผมเบิร์นผ่านไป สี่สิบชม.แล้วบอกได้ว่า

ในพิกัดราคาเท่านี้ มัน&dquot;น่ารัก&dquot;เอามากๆเลยครับ จืดๆ เรียบๆ แต่กลับทำตัวออกแนว มอนิเตอร์เล็กๆ ฟังเพลงได้หลากหลายแนวมากครับ

ผมชอบมันมากกว่า Senn แล้วล่ะครับ อิอิ