Guest
หมวดหมู่ > เว็บบอร์ด จับฉ่าย

ช่องทางการติดต่ออื่น

  • Munkonggadget
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Contact Us

OKOSHI

09/08/2011 22:15:20
0
สาย AC

ที่ขายกานในเว็บ สั่งทำเข้าหัวท้าย แตกต่างจากของเดิมมากไหมคับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 1

หมูหวาน

10/08/2011 00:10:39
0
สายสำเร็จจากโรงงาน เสียงอาจจะไม่ถูกใจครับ
เลยต้องสั่งเอาสายเปล่า เลือกหัว-ท้ายเอง เพื่อจะได้แต่งเสียงได้นิสนึงจ้าาาา
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 2

นายมั่นคง

10/08/2011 00:22:22
4,294
เยอะเหมือนกันครับ อันนี้ขึ้นอยุ่ว่าเลือกใช้เป็นสายอะไร แล้วให้สิ่งที่เรากำลังอยากได้อยู่หรือเปล่าด้วยล่ะครับ สายไฟนั้นเห็นผลมากกว่าตัวหัวท้ายปลั๊กอีกครับ

ปลั๊กผนังก็ให้ผลมากเหมือนกัน มากขนาดที่ฟังออกจะๆๆ เลยล่ะครับ 55
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 3

FolkTrance

10/08/2011 11:51:36
3
ถามหน่อยครับ คือ

ปลั๊กผนัง หรือ สาย AC แพงๆ

มีกระบวนการที่ต่างกับ ปลั๊กผนังปกติ หรือ สาย AC แบบแถมบ้านๆ หรือครับ :-D

ทำไมถึงได้เสียงดีขึ้น หรือว่าสามารถกรองสัญญาณ หรือ ทำให้กระแสไฟราบลื่นขึ้นหรือครับ

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 4

Uthen

10/08/2011 12:34:47
17
คำถามปลิดวิญญาณครับ อิอิ
แล้วจะโดนไม่ใช่น้อย 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 5

b

10/08/2011 12:55:43
เคยลองแล้ว ต่างพอตัว แต่ต้องดูอัตราความคุ้มค่ากับราคาด้วย
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 6

นายมั่นคง

10/08/2011 13:04:33
4,294
พวกของเหล่านี้เห็นผลจริงๆ ครับ คือเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นจริงๆๆ แต่ต้องขึ้นอยู่กับคนใช้มันด้วย ว่าสิ่งที่เปลี่ยนไปนั้น ถูกใจตัวเองหรือเปล่าด้วยครับ

สิ่งที่ทำให้ปลั๊กผนังนั้นขายได้ดี หรือสายไฟ AC ที่ทำได้ดีๆๆ ก็คือเทคนิคในการส่งผ่านสัญญาณผ่านตัวนำที่เลือกเฟ้นมาแล้วครับ มีขั้นตอนตั้งแต่การเลือกตัวนำ การชุบหรือเคลือบ รวมถึงการ Treatment ด้วยวิธีต่างๆๆ

เช่น Cryogenic แบบแนวแช่แข็ง หรือแนว Quantum ประเภทแนวปล่อยไฟแรงสูง ทำให้คุณภาพตัวนำดีขึ้นว่างั้นล่ะ ใครทำดีมาก ก็ตั้งราคาขายได้สูงมากล่ะครับ 555

เจ๊งหมดตูดเพราะค่าสายไฟไปเยอะเหมือนกันผม 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 7

eeman2

10/08/2011 13:38:37
0
555 วันนี้ได้มีคนทะเลาะด้วยแล้ว แสนจะดีใจ

แยกเป็นสองประเด็นนะครับ

สาย AC แพงๆนำไฟฟ้าได้ดีกว่าสายAC ทั่วไปจริงครับ การนำไฟฟ้าของสายไฟ จะขึ้นกับ ขนาดของพื้นที่หน้าตัด ซึ่งสายแพงก็จะมีจำนวนสายมากเส้นกว่า พื้นที่หน้าตัดโดยรวมเยอะกว่า เพื่อลดความหนาแน่นของประจุไฟฟ้าที่ไหลผ่าน นึกถึงถนนสี่เลน กับถนนสิบเลนนะครับ ถ้าจำนวนรถเท่าๆกัน อะไรจะวิ่งได้คล่องกว่ากัน แต่อย่าลืมอีกเรื่องนะครับว่าอิเลคทรอนวิ่งเท่าความเร็วแสง ถ้าขนาดสายAC ทั่วไป ไม่เล็กมากเกินไป โอกาสที่ไฟจะดรอปลงไปนี่แทบไม่มีเช่นกัน

ข้อต่อมาคือตัววัสดุ สายไฟที่ใช้คือทองแดงผสม แต่ส่วนผสมอื่นๆที่นอกเหนือจากทองแดง จะมากน้อย ขึ้นกับผู้ผลิต ทองแดงบริสุทธิ์มาก ย่อมให้ไฟฟ้าวิ่งได้ดีกว่า เพราะความต้านทานไฟฟ้ามีค่าน้อยกว่านั่นเอง แต่จริงๆแล้วก็ไม่ได้แตกต่างกันมากมาย เพราะถ้าความต้านทานในสายไฟมีค่ามาก สิ่งที่จะเกิดตามมาคือพลังงานสูญเสียในสายไฟที่จะแสดงให้เห็นในรูปความร้อนนะครับ เครื่องเสียงทั่วๆไป ถ้ากินไฟเกินสองแอมป์นี่ถือว่ากินไฟเยอะแล้วนะครับ ความร้อนที่เกิดก็ขนาดเตาไฟฟ้าตัวเล็กๆกันเลยเชียว แต่สายไฟขนาด 2.5 sq.mm.น่ะ ทนไฟได้ถึง 12แอมป์ ดังนั้นเรื่องความร้อน กับพลังงานสูญเสีย ก็ไม่น่าจะมีผลเช่นกัน

ต่อมาคือตัวฉนวนและสายชีลที่รวมมาในสาย AC ราคาแพง พวกนี้จะมีหน้าที่ป้องกันสัญญาณรบกวนจากภายนอก เข้ามาในสายไฟ สายACทั่วๆไป ไม่มีนะครับ แต่ในการใช้งานจริง ไฟฟ้าบ้านเราเป็นไฟสลับ ความถี่แค่ 50 เฮิร์ต ถูกส่งเข้าไปที่ชุด Power Supply เพื่อแปลงให้เป็นไฟตรง (DC) ก่อนจะถูกส่งเข้าไปให้แผงวงจรเครื่องเสียง ด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบัน สัญญาณรบกวนที่ผ่านมาในสาย AC ทั่วไป ก็จะถูกกรองออกไปเช่นกัน

ยังไม่จบ ยังมีต่อครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 8

eeman2

10/08/2011 14:07:15
0
ปัจจัยที่ส่งผลต่างมากที่สุดระหว่างสาย AC ราคาแพง กับสายทั่วไป มาอยู่ที่จุดต่อหัวท้ายครับ จุดต่อระหว่างสายไฟกับตัวเสียบปลั๊กทั้งสองด้านนี่แหละครับ สายไฟทั่วไปมักไม่ค่อยพิถีพิถันเรื่องจุดต่อเท่ากับสายไฟราคาแพง ไฟฟ้าจะวิ่งสะดวกตลอดเส้นทางได้หรือไม่ อยู่ที่ตรงจุดต่อนี้ ว่าเชื่อต่อได้ดี มีพื้นที่สัมผัสมากที่สุดเท่าที่จะทำได้หรือไม่ ถ้าเชื่อต่อไม่ดี จะทำให้ไฟวิ่งได้ไม่สะดวก เกิดความร้อน อาจถึงกับไหม้ได้ หรืออาจเกิดการอาร์คขึ้นได้ ถามว่าแล้วไอ้สายไฟทั่วๆไป มันเลวร้ายขนาดนี้เลยหรือไม่ ไม่ครับ มันอาจไม่ดีเท่าสายราคาแพง แต่ก็ไม่ได้เลวร้ายขนาดอย่างที่ว่า เพราะถ้าหัวปลั๊กหรือจุดต่อท้ายสาย ไม่ร้อน ก็แปลว่าไม่ใช่ปัญหารุนแรง เพียงแต่ไฟฟ้าคงวิ่งได้ไม่สะดวกเท่ากับสายราคาแพง

เอาละครับ มาถึงตรงนี้ เราพบว่า สายไฟราคาแพง มีจุดดีกว่าสาย AC ทั่วไปทุกด้าน ทั้งวัสดุ พื้นที่หน้าตัด การเคลือบ การป้องกันสัญญาณกวน จุดต่อ ฯลฯ ก็จะเข้าประเด็นที่สองว่า แล้วมันจะให้คุณภาพเสียงที่ต่างกันได้มากน้อยแค่ไหน ในทางทฤษฎี ตอนนี้ขอตัวไปประชุมครม.ก่อน เดี๋ยวเย็นๆค่ำๆ จะกลับมาต่อให้จบ รับรองว่าจบก่อนเรื่องของน้าย่องแน่นอน อิอิ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 9

FolkTrance

10/08/2011 16:29:00
3
ท่าทางจะกลายเป็นเรื่องชวนเสียกะตังค์ซะแล้ว วอนซะแล้วเรา เห่อๆ

รอติดตามภาคต่อตอนเย็นครับ :-)
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 10

eeman2

10/08/2011 16:32:18
0
ก่อนจะเริ่มต่อ ขอบอกก่อนนะครับว่า ที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้ จะพูดในแง่ของวิทยาศาสตร์กับทฤษฎีไฟฟ้านะครับ อาจจะไม่ถูกใจบางท่าน แต่รับรองได้ว่าถูกต้องตามหลักวิทยาศาสตร์นะครับ หลักการและทฤษฎืบางจุดอาจมีรายละเอียดเพี้ยนไปบ้างเล็กน้อย เพราะผมไม่ได้ใช้งานสิ่งเหล่านี้มาเกือบสามสิบปีแล้ว ถ้าจะมีจุดบกพร่องไปบ้าง ผมขอน้อมรับไว้เป็นความจำคลาดเคลื่อนของผมเอง ไม่ใช่ทฤษฎืผิดนะครับ

มาดูการเคลื่อนตัวของพลังงานกันก่อน จากโรงจักรไฟฟ้า ส่งไฟเป็นไฟฟ้าแรงสูงขนาด 115KV มาในเมือง ผ่านหม้อแปลงหัวเสาไฟ ลดแรงดันลงมาเหลือ 220Volt มาที่มิเตอร์ไฟบ้านเรา จากมิเตอร์ไฟก็วิ่งเข้าบ้านเรา นี่รับสัญญษณรบกวนกันมาตลอดแนวนะครับ ไฟฟ้ากระแสสลับความถี่ 50 เฮิร์ตพวกนี้ พาสัญญาณกวนมาด้วย พวกที่ร้ายแรงมีสองพวก คือฮาร์โมนิคที่สาม และที่ห้า ซึ่งมีความถี่สามเท่า กับห้าเท่า นั่นคือ 150 และ 250เฮิร์ต ส่วนฮาร์โมนิคที่เจ็ด เก้า ... ไม่ปรากฏชัดเท่าไหร่แล้ว ไอ้เจ้าฮาร์โมนิคจะทำให้ความเป็นสัญญาณ Sine wave ของไฟฟ้ากระแสสลับ มันเพี้ยนไปจากเดิม คือมันจะผิดรูปร่างไปบ้าง แม้จะไม่มากนัก ไฟฟ้าส่วนนี้วิ่งมาถึงปลั๊กไฟ ผ่านเต้าเสียบ ตัวเสียบ สายไฟ จุดต่อหลังเครื่อง เข้าไปยังเครื่อง เห็นมั๊ยครับ ความแตกต่างมันอยู่ที่สามเมตรสุดท้ายก่อนเข้าเส้นชัย แต่ก่อนหน้านั้น รับสัญญาณรบกวนกันมาเต็มๆ ยังไม่โดนกำจัดออกไป แม้แต่น้อย
ดังนั้น ระบบชีลของสายไฟราคาแพง จะช่วยป้องกันสัญญาณรบกวนที่จะมาเพิ่มในช่วงสามเมตรสุดท้าย ถ้าในช่วงนี้ สายไฟไม่วางผ่านแหล่งกำเนิดสัญญาณความถี่สูง หรือสัญญาณไฟกระชากที่ผ่านทางอากาศ เราก็จะไม่เห็นคุณสมบัติตรงนี้ถูกใช้งาน
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 11

eeman2

10/08/2011 16:35:04
0
ไฟฟ้า 220V วิ่งเข้าชุด power supply มันจะถูกหม้อแปลงแปลงให้ลดแรงดันลงไปตามสเปคที่ power supply ต้องการ อาจจะ 24V หรือ 50V หรือค่ใดๆก็ตาม ก่อนจะผ่านชุด rectifier ทำให้เป็นไฟตรง แล้วลดสัญญาณกวนที่เป็นค่ากระเพื่อมเหมือนคลื่นน้ำ ด้วยตัว capacitor ถ้าเป็นซัพพลายรุ่นเก่า ไฟส่วนนี้จะถูกจ่ายเข้าบอร์ด ที่บอร์ดจะมีตัว Voltage Regulator คอยตัดสัญญาณส่วนเกินทิ้งไป เช่นถ้าไฟเข้ามาเป็น 18V+สัญญาณกวน ผ่าน regulator เบอร์ 7815 หรือ 7915 ไฟที่ได้ออกมาก็จะมีค่าอยู่ที่ 15 volt ถ้าผ่าน 7905 ก็จะได้ไฟออกมา 5 โวลท์ ทีนี้โอกาสที่สัญญาณรบกวนที่มากับสายไฟฟ้า จะถูกกำจัดออกไปแทบจะเกือบหมดหมดแล้ว เพราะโดนดักและกรองพวกความถี่สูง ความถี่ต่ำออกจากไฟ DC ไปแล้ว ถ้าชุด rectrifier มีขนาดใหญ่พอ ค่า ripple แทบไม่เหลือเลย ถ้าชุด rectifier ไม่ใหญ่พอ ก็อาจยังมี ripple บ้าง แต่ก็จะโดน regulator กำจัดซ้ำอีกทีหนึ่ง
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 12

eeman2

10/08/2011 16:37:46
0
ยังไม่จบนะครับ แต่ผมต้องออกเดินทางแล้ว เดี๋ยวซักสองสามทุ่มจะกลับมาต่อ ท่าน FolkTrance กำเงินไว้ให้ดีดีนะครับ 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 13

cable-of-point

10/08/2011 16:48:51
รบกวนคุณ eeman2 แชร์ความรู้เกี่ยวกับทิศของสายไฟ และเรื่องของการต่อถูกเฟส หรือ กลับเฟส ของสายไฟ มีผลต่อเสียงไหม(แต่ในความคิดเห็นส่วนตัว คิดว่ามีผลอย่างมาก) ส่วนตัวรู้บ้างนิดหน่อยแต่คิดว่าบางเรื่องยังไม่รู้ ยังไม่มีประสบการณ์ เพื่อที่ผมและผู้ที่สนใจจะได้มีความรู้เพิ่มเติมมากขึ้น (ผมเคยลองทำสายไฟใช้เอง)
ขอบคุณครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 14

TroRuwA

10/08/2011 17:16:24
1
พี่ eeman2 ไขข้อข้องใจให้ท่าน cable-of-point ด้วยคร๊าบบบบ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 15

จิ๊มิ เฮนดิ๊ก

10/08/2011 20:21:48
0
ขออณุญาตินำบทความของคุณ eeman2 ไปแชร์ต่อนะครับ
ขอบคุณครับผม
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 16

eeman2

10/08/2011 20:38:02
0
มาแล้วครับ ใจเย็นๆทุกท่าน อ่านให้จบก่อน ผมขอต่อละนะ

ทีนี้ถ้าเป็น switching power supply เค้าจะเอาไฟ 220V ไปแปลงเป๋นไฟ DC ก่อน ซึ่งเป็นไฟตรงที่เรียบประมาณหนึ่งก่อน จากนั้นใช้เทคนิค PWM (Pulse Width Modulation) ตัดไฟ DC เป็นท่อนๆยาวสั้นไม่เท่ากัน เพื่อเอาไปสร้างเป็นไฟ AC ความถี่สองหมื่นเฮิร์ตขึ้นมา (20 KHz แล้วนะครับ ไม่ใช่ 50Hz แล้ว) แล้วค่อยเอาไฟ AC 20000Hz ไปแปลงเป็นไฟ DC คราวนี้ล่ะครับ มันเป็นไฟตรงที่เรียบกริ๊ปแล้วครับ มีความเสถียรสูงมาก ทีนี้ค่าความกระเพื่อมหรือ ripple ที่เกิดก็จะเกิดขึ้นที่ความถี่สองเท่า นั่นคือ 40KHz และมีค่าน้อยมาก เรียกว่าถ้าใส่ capacitor ดีๆซักตัวก็แทบจะไม่เหลือสัญญาณรบกวนแล้ว power supply แบบนี้ ยังมีข้อดีคือ ค่า noise (ไม่ใช่พี่น้อยนะครับแต่เป็นสัญญาณรบกวนแบบคลื่นกระแทก คือมาเป็นวูบๆ) ที่อยู่ในระบบไฟที่สะสมมาตั้งแต่โรงไฟฟ้า ก็จะถูกแปรสภาพและกรองทิ้งออกไปในกระบวนการนี้ด้วย ทีนี้สมมุติว่าต่อให้มันเหลืออยู่น้อยนิด มันก็จะอยู่ที่ความถี่ 40KHz แต่หูของมนุษย์เรา จะได้ยินเสียงอยู่ในช่วง 20 - 20,000 Hz ถ้าไปดูในสเปคหูฟังดีๆ ลองดูของ Grado225i ก็ได้ครับ ถ้าจำไม่ผิดมันจะตอบสนองความถี่ได้ในช่วง 18 - 18000 KHz นะครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 17

echo

10/08/2011 20:45:28
0
การกลับปลั๊ก(สำหรับปลั๊ก2ขา) มีผลมากครับ ต้องลองเอง ลองฟังดูจากเพลงที่คุ้นหู ค่อยๆฟัง ชอบแบบไหน ก็ทำสัญลักษณ์ไว้ เริ่มจาก ซีดี พอได้ข้างที่ชอบ ก็ไปแอมป์ ค่อยๆทำ ค่อยๆฟังครับ

ส่วนเรื่องทิศทางก็เหมือนกัน ถ้าผู้ผลิตไม่ได้กำหนดทิศทางมาให้ ก็ต้องลองฟังดูเองครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 18

eeman2

10/08/2011 20:52:14
0
ถึงตรงจุดนี้ เราก็จะได้ไฟตรงแบบมีความเสถียรมากหรือน้อยก็ขึ้นกับผู้ออกแบบล่ะครับ และไฟDC นี้ ก็พร้อมจะส่งเข้าบอร์ดวงจรเครื่องเสียงเราแล้ว ลองพิจารณากันด้วยเหตุและผลกันก่อนนะครับ เราจะพบว่าในกระบวนการตั้งแต่ไฟฟ้าถูกสร้างขึ้นมา ส่งมาตามสายไฟ ผ่านหม้อแปลง บลาๆๆๆๆ จนมาถึงแผงบอร์ด ข้อแตกต่างกันของหัวเรื่องนี้ อยู่ที่สามเมตรสุดท้ายเท่านั้นเองนะครับ ดังนั้น ถ้าเรามีปริมาณพลังงานไฟฟ้าที่เข้ามาในระบบอย่างพอเพียง ไม่มีอาการไฟตก ไฟกระตุก ไฟสะดุดตรงจุดต่อสายไฟ และขนาดของพื้นที่หน้าตัดใหญ่พอๆกัน (ปกติสายปลั๊กเสียบทั่วไปมักจะมีขนาด 1.5 ถึง 2.5 sq.mm. ตามแต่ผู้ผลิตและราคา แต่สาย AC ราคาแพงจะใช้สายขนาด 2.5 sq.mm. หรืออาจ สายAC ธรรมดา กับสาย AC ราคาแพง จะให้ผลลัพธ์ที่ต่างกันจากตรงไหนครับ แต่ที่เรารู้สึกว่ามันต่าง เพราะถ้าเราใช้สายไฟ AC แบบซี๊ซั๊ว สายไม่ได้มาตรฐาน ทองแดงก็ผสมมาไม่ดี พื้นที่หน้าตัดตรงจุดต่อปลั๊กก็ทำได้ไม่ไดี อันนี้มีผลแน่นอน แต่ถ้าหากว่าสายไฟมันได้มาตรฐานแล้ว วัดกันด้วยวิทยาศาสตร์ได้เลยครับ ของพวกนี้พิสูจน์ด้วยวิทยาศาสตร์ได้ครับ ใช้ตัววัดสัญญาณพวก ออสซิโลสโคปจับดูได้เลยว่า สายไฟทั้งสองแบบ ทำให้เกิดไฟ DC แตกต่างกันหรือไม่ (เป็นสายสภาพดีทั้งคู่นะครับ สายโหลยโท่ยอย่าไปพูดถึงมัน) เทสทั้งตอนโนโหลดและเปิดใช้งานปกตินะครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 19

eeman2

10/08/2011 20:58:27
0
มาถึงตรงนี้ ถ้าถามว่า งั้นเราควรลงทุนกับสายไฟ AC ในระดับไหน ตอบได้แค่ว่า ขึ้นกับความพอใจของแต่ละท่านครับ ส่วนตัวของผม ขอสายคุณภาพดี เสนใหญ่ๆแต่ไม่ต้องเว่อร์มาก จุดต่อปลั๊กทำได้ดี แค่นี้พอครับ ของแบบนี้ ลางเนื้อชอบลางยาครับ เรื่องของความเชื่อความชอบ ห้ามกันไม่ได้ครับ และไม่คิดจะห้ามด้วย ผมเคารพการตัดสินใจของแต่ละท่าน

สงสัยอะไรถามมานะครับ ถ้าตอบได้ก็จะตอบ ถ้าไม่ทราบก็จะบอกวาไม่ทราบครับ เดี๋ยวจะเริ่มทยอยตอบให้นะครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 20

นายมั่นคง

10/08/2011 21:26:21
4,294
ไอ้หยา ผมอ่านของพี่อีแมนแล้วออกไปทางวิชาการล้วนๆๆ เลยครับ 555

อ่านแล้วมึนตึ๊บเลยครับพี่ มีศัพท์แสง รวมถึงตัวเลขทางเทคนิคที่อ่านจนหลานบวชเณรก็ยังไม่รู้เรื่องจริงๆๆครับ 555

ผมว่าเรื่องปลั๊กไฟ เรื่องสายไฟ ของบรรดาเหล่าออดิโอไฟล์ มันเป็นเรื่องไสยศาสตร์ล้วนๆๆ เลยครับ คือเล่นตามทฤษฎีจริงๆ มันไม่น่าต่าง แต่แปลกจริงๆ เวลาใช้งานแล้วดันแตกต่างได้จริงๆๆล่ะครับ 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 21

eeman2

10/08/2011 21:28:12
0
การต่อถูกเฟส หรือ กลับเฟส ของสายไฟ มีผลต่อเสียงไหม
^
^
ในทางหฤษฎี ไม่มีผลครับ เพราะไฟก็เป็นไฟกระแสสลับ ถึงจะสลับการต่อ สลับปลั๊กก็ไม่มีความแตกต่างครับ แต่พอมาใช้จริงในทางปฏิบัติ มันเกิดปัญหาทางเทคนิคขึ้นมาอย่างที่พี่ echo ให้คอมเมนท์ไว้น่ะครับ เพราะเวลาใช้งานจริง อย่างแรก ไฟไหลเข้าไปในเครื่อง แล้วไปรอที่สวิทช์ปิดเปิด พอเราเปิดสวิทช์ ไฟก็ไหลต่อไปยังหม้อแปลง แล้วออกมา จนกลับไปที่ปลั๊ก เป็นอันครบวงจรแต่ถ้าสมมุติง่ายๆเรากลับปลั๊ก ไฟก็จะไหลผ่านหม้อแปลงแล้วไปรอกลับสู่ปลั๊กอยู่ที่สวิทช์ปิดเปิด ตรงนี้น่ะยังไม่ใช่ปัญหานะครับแค่ชี้ให้เห็นความแตกต่างก่อน

อีกซักพักจะมาต่อให้จบให้ได้ในคืนนี้ครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 22

AscoGenetic5

10/08/2011 21:30:19
175
สายไฟ เครื่องกรองไฟ เต้าพ่วง ปลั๊กผนัง เฟอไรต์ หัวท้าย Wattgate Furutech Oyaide Shunyata ....

มันดูดตังค์ทั้งน้าน 555

แต่เป็นอะไรที่ผมชอบเล่นที่สุดแล้วหล่ะครับ อิอิ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 23

eeman2

10/08/2011 21:32:44
0
5555 ใช่ครับเฮียย์ มันเรื่องของไสยศาสตร์ครับ 555

บอกแล้วว่าลางเนื้อชอบลางยาครับ

ไอ้ความแตกต่างที่ว่า บางเรื่องเป็นจริงครับ มีทฤษฎีรองรับครับ อย่างเรื่องสลับปลั๊กนี่ บางเครื่อง ย้ำว่าบางเครื่องนะครับ มีผลจริงๆครับ เรื่องฐานวางลำโพงนี่มีผลครับ แต่หลายเรื่องเป็นความเชื่อครับ ไม่มีเหตุผลรองรับครับ ความเชื่อเพียวๆ แล้วแต่วิจารณญาณครับ อิอิย์
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 24

cable-of-point

10/08/2011 21:39:07
13
ได้ความรู้เพิ่มเติมขึ้นอีกมากโขเลยครับ รอติดตามต่อครับ(จัดเต็มเลยครับแบบว่าชอบแต่ไม่ได้เรียนช่างมา แต่ชอบฟังเพลง ทำอย่างไรให้ฟังเพลงไพเราะขึ้นก็มีความสุขในชีวิตเล็กๆครับ)
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 25

นายมั่นคง

10/08/2011 21:39:15
4,294
ผมเองชอบเล่นพวกสายไฟ สายสัญญาณตั้งแต่รุ่นหนุ่มๆๆ คือจำได้ว่าสายไฟซื้อยี่ห้อ ฟูรูกาว่า มาใช้ ประเภททองแดงบริสุทธิ์มากๆๆ จนบ้าบอคอแตกล่ะครับ 555 ทุกวันนี้ผมมีสายไฟต่างๆ เยอะมาก เรียกว่าเยอะกว่าเมียแน่นอน (เมียมีคนเดียวไม่เหมือนบางคน 555)

แต่สายไฟ หรือปลั๊กผนัง มันสนุกตรงที่ว่า มันได้ผลจริงๆ และสายแต่ละเส้นนั้นในทางวิทยาศาสตร์ น่าจะผิดกันตรงขนาดหน้าตัด หรือโครงสร้าง แต่เอาเข้าจริง สายแต่ละเส้นมีคาแรคเตอร์ของตัวเองทั้งสิ้น

วิธีอัพเกรดหรือแก้ไขความบกพร่องเล็กๆน้อยๆ ได้ดีที่สุด ก็คือการเลือกสายไฟ ปลั๊กไฟ ปลั๊กผนังมาคัดท้ายล่ะครับ แต่ถ้าจะเอาแบบเห็นหน้าเห็นหลัง อันนั้นต้องยกเครื่องเปลี่ยนไปเลย

เอ้า ใครสงสัยถามพี่อีแมนได้เลย ผมจำได้คลับคล้ายว่าพี่อีแมนนี่สงสัยจะอยู่ กฟผ แน่ๆๆ เลยล่ะครับ 5555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 26

cable-of-point

10/08/2011 21:42:42
13
งั้นก็ถูกตัวเลยครับ กฟผ มาเองเลยครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 27

นายมั่นคง

10/08/2011 21:47:40
4,294



เอาภาพในห้องของผมมาให้ดูนิดนึง ผมเจาะฝาบ้านพรุนไปหมดเลยล่ะครับ 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 28

eeman2

10/08/2011 21:50:19
0
ลัดคิวตอบเฮียย์ก่อนละกันครับ เวลาเราพ่วงแบตเพื่อสตาร์ทรถ ถ้าใช้สายไฟเส้นเล็กเกินไป สตาร์ทให้ตายก็ไม่ติดครับ ถ้าเอารถกระบะ ไปต่อพ่วงกับรถที่ใช้แบตลูกเล็กๆ ก็ไม่มีทางสตาร์ทได้ติดครับ ดังนั้นถ้าใช้สายไฟเส้นใหญ่ขึ้น วัสดุดีขึ้น ถ้าเทียบกับสายเดิมที่ไม่ได้พิถีพิถันจุดนี้ ความนิ่งของไฟ ต่างกันแน่นอนครับ แต่ไม่ได้มากมายนักจนขนาดเป็นคนละเรื่องกัน แต่นั้นคือเครื่องเสียงระดับไฮเอนด์ที่บริโภคพลังงานมากพอสมควรนะครับ

ทีนี้ถ้าถามว่าถ้าสายไฟ AC ระดับคุณภาพใกล้เคียงกัน มีคาแรคเตอร์ต่างกัน อันนี้บอกไม่ถูกละครับ คงต้องนัดไปคุยกันที่สปา นกป.ซักสองสามยกถึงจะรู้เรื่อง ผู้สนใจก็ลงชื่อเอาไว้นะครับ เผื่อมีจำนวน เฮียย์จะได้จัดมีตติ้งนกป.กันซักครั้ง อิอิย์
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 29

นายมั่นคง

10/08/2011 21:50:43
4,294



ห้องนอนผมน่าจะติดปลั๊กผนังแบบออดิโอเกรดราวๆๆ 12 คัวล่ะครับ เจาะให้ห้องพรุนไปเล้ยยย เมียด่าช่างมัน เผลอๆให้ช่วยเจาะซะเล้ยยย 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 30

AscoGenetic5

10/08/2011 21:54:41
175
เฮียเจาะปลั๊กได้ใจมากครับ 555

ถ้าผมทำบ้าง โดนเจาะหัวแทนแน่นอน
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 31

eeman2

10/08/2011 21:55:39
0
555 เฮียย์ครับ สายปลั๊กจะดีแค่ไหน ก็ไปตีบเป็นคอขวดกันตรงเต้าเสียบนั่นแหละครับ เฮียย์ต้องรื้อผนังออก วางรางสายไฟเส้นใหญ่ๆใหม่ แล้วเปลี่ยนรุ่นเต้าเสียบให้มันใหญ่ขึ้น มีหน้าสัมผัสมากขึ้นครับ แบบนี้มันเป็นคอขวดกระจุกตรงจุดเสียบนั่นแหละครับ รื้อสถานเดียวค๊าบบบบบ

อย่าพูดเรื่องกฟผ.เลยครับ เดี๋ยวพรรคพวกผมที่ทำงานอยู่จริงๆเค้าจะตามมาตืบผมเอา 555 ขอเป็นยามอยู้รพ.เซนต์หลุยซ์ด้วยอีกคนละกัน 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 32

นายมั่นคง

10/08/2011 21:56:40
4,294



ปลั๊กพัดลม ผมยังใช้ audio grade เลยล่ะครับ เสียบแล้วพัดเย็น หอมชื่นใจขึ้น จ๊ากๆๆๆๆ 5555


เอามาให้ดูเล่นๆๆ ขำๆ ครับ ขนาดห้องนอนผมยังกะรูหนู ผมยังอดเจาะผนัง และติดปลั๊กผนัง audio grade ไว้ทั่วห้องไม่ได้จริงๆๆ 555



การจะเปิดอภิปรายใน สภา นกป ผมเห็นควรด้วยกับพี่อีแมนอย่างยิ่งเลยจ้าๆๆๆ 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 33

cable-of-point

10/08/2011 21:57:19
13
ท่าทางเฮียหมดไปเยอะจริงๆครับ หลักฐานเต็มๆเลย
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 34

นายมั่นคง

10/08/2011 21:57:54
4,294
ผมวางสายใหม่แล้วครับ ใช้สายเบอร์ 6 ซวดรวดเลยครับ สายกราวด์ใช้เบอร์ 6 เหมือนกัน

เรียกว่าผมไม่มีโอกาสตายเพราะไฟช้อต แต่มีโอกาสตายเพราะโดยเมียแทงมากกว่าจ้าๆๆๆ 5555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 35

eeman2

10/08/2011 22:00:55
0



ต้องเปลี่ยนเป็นแบบนี้ครับ ป๋าๆทั้งหลาย
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 36

cable-of-point

10/08/2011 22:02:13
13
งั้นขอถามผู้รู้เรื่องฟิวส์หน่อยนะครับ อยากทราบว่าตามหลักการที่ถูกต้อง จะต้องเสียบทิศไหนครับ มีวิธีเช็คแบบง่ายๆ นอกจากการฟังไหม แบบว่ากลับไปกลับมาจนงงไปหมดแล้งครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 37

นายมั่นคง

10/08/2011 22:05:07
4,294



แถมอีกรูปนึงครับ ผมว่าพวกปลั๊กผนังนี่ ผมใช้มาหมดทุกยี่ห้อในโลกแล้วแหง๋ๆๆๆ 555 ส่วนสายไฟ พวกแพงหนักๆๆ ไม่มีปัญญาซื้อล่ะครับ 555

ส่วนเส้นนี้เพิ่งได้มาไมกี่วันครับ คาแรคเตอร์สะใจดีมากๆๆครับ


ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 38

eeman2

10/08/2011 22:06:49
0
เฮียย์อย่าลืมติด arrester ไว้ด้วยนะครับ ช่วยลด noise ในไลน์ได้เยอะ

ส่วนพัดลมน่ะ แยกไลน์ไปเลยครับ มันกวนกันนนนนนนน

ขอไปจิบสาเกซักจอกก่อน เดี๋ยวมาครับ คัมปายยยยยยย
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 39

cable-of-point

10/08/2011 22:11:45
13



โทษที่ครับไม่นอกเรื่องไปฟิวส์ได้ไง สายนี้ก็ใช้ได้เลยครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 40

นายมั่นคง

10/08/2011 22:12:35
4,294



ฟิวส์มาแล้วจ้า ฟิวส์ราคาไม่แพง แต่คุณภาพดี ลองโทรหาคุณหมูหวานก็ได้ครับ

การใช้ฟิวส์นั้นง่ายๆๆ ให้หัวลูกศรพุ่งไปเข้าที่เครื่องเท่านั้นเองครับ


ของพวกนี้จริงๆ มันไม่ได้ซีเรียสเรื่องทิศทางครับ เพียงแต่การทำสัญลักษณ์นั้น หมายถึงเค้าอยากให้เราเคนใช้ด้านไหน ก็ให้ใช้ด้านนั้นไปตลอด

ประมาณว่าไฟมันวิ่งผ่านขั้วไหนก่อน ขั้วไหนหลัง มันมีผลทางวิทยาศาสตร์ เค้าเลยมักจะไม่ให้กลับไปกลับมา เพราะมันจะให้ผลทางเสียงต่างกัน

เช่นเดียวกับสายสัญญาณ เค้าทำด้านใดมา เค้ามักทำลูกศรบอกทิศมาให้ ให้ยึดว่าหัวลูกศรไปปลายทางตลอด เจตนาคือไม่อยากให้เราใช้กลับหัวกลับหางเท่านั้นครับ

และอีกประการหนึ่ง การรีดสายไฟจากโรงงาน เค้าจะมีวิธีการรีดจากต้นทางไปหาปลายทาง วิธีสังเกตุคือให้ดูจากตัวอักษรบนปลอกสายไฟ ถ้าตัวอักษรวิ่งไปทางไหน ก็ให้ยึดทางนั้นไว้ตลอดเลยจ้าๆๆๆ 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 41

cable-of-point

10/08/2011 22:23:18
13



อีกรูปครับ แบบว่ายังอยากถามเพิ่มอีกข้อครับว่า สายกราวน์นั้น ที่ถักเป็นชีลด์ กลับแบบในรูปจะมีความแตกต่างในทางหลักวิชาการไหมครับ สายของผมไม่เป็นชีลด์ถักครับ
ขอบคุณครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 42

cable-of-point

10/08/2011 22:27:28
13
ขอบคุณเฮียนะครับที่ตอบเรื่องฟิวส์
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 43

Uthen

10/08/2011 22:39:54
17
เร่ืองไฟคุยกันทีไรส่อแววหมดตรูดทุกที 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 44

หมูหวาน

10/08/2011 22:41:34
0
ผมพอเรียนเรื่องไฟฟ้ามาบ้าง แต่ก่อนก็ไม่ค่อยเชื่อครับ เปลี่ยนสายไฟเมตร สองเมตร มันจะมีผลได้ยังไง
แถมฟิวส์ยิ่งแล้วใหญ่ผ่านตัวนำแค่ 2-3cm. แค่เนี้ย

แต่พอลองด้วยตัวเองถึงจะรู้ ว่ามันมีผลเยอะเหมือนกันครับ แทบจะพอๆกับเปลี่ยนสายสัญญาณ

ลองเล่นดูได้ครับ แต่อย่าไปลงกับมันมาก เน้นหนักไปที่เครื่อง หูฟัง ลำโพงก่อนดีกว่าจ้าาาา

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 45

eeman2

10/08/2011 22:42:44
0
ต่อเรื่องกลับปลั๊กในคห.21ให้จบนะครับ ทีนี้ในบางวงจร เค้าเกิดต่อสายนิวตรอลหรือสายขั้วลบของวงจร เข้ากับสายดินของไฟ AC (จริงๆมันไม่ได้ต่อตรงๆโจ่งแจ้งแบบนี้นะครับ แค่เอาให้นึกภาพออกพอ) การสลับปลั๊กจึงส่งผลให้เกิดอาการ กราวน์ลอยขึ้นในวงจร สัญญาณรบกวนมันก็ไม่มีที่จะลงกราวน์เพราะมันถูกสลับกราวน์กับไฟไปแล้ว ก็เลยเกิดความเพี้ยนของเสียงขึ้น อย่างที่พี่ echo บอกน่ะครับ แต่ขึ้นกับวงจรที่ถูกออกแบบมาด้วยนะครับ ส่วนใหญ่เค้าก็จะแก้ทางมากันระดับนึงแล้ว

ในทางวิทยาศาสตร์ ไฟ 220V ความถี่ 50Hz วิ่งด้วยความเร็วเท่าแสง ไม่พิถีพิถันเรื่องสายไฟเท่าไหร่หรอกครับ ขอให้ใหญ่จนอิเลคตรอนไม่วิ่งเบียดกัน ก็เป็นอันใช้ได้ครับ ส่วนเรื่องความเชื่อกับความสนุกในการลองนี่ยกเป็นสิทธิ์ส่วนตัวอันชอบธรรมของแต่ละท่านครับ

จบเรื่องวิชาการแล้วนะครับ ผมจะไปขุดกระทู้ระทวยขาวเด้งแล้ว 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 46

FolkTrance

10/08/2011 22:47:14
3
โอ้ย!! จู่ๆก็เกิดอาการคัน อ้าก วอนซะแล้วตู 555+

ขอบคุณ คุณ eeman2 กับเฮียมั่นที่แบ่งปันครับ ข้องใจมาพอดู เพราะในงาน Bangkok HiFi 2011 ผมแทบไม่เจอห้องไหนใช้เครื่องกรองไฟอ่ะครับ (เคยอ่านเจอมีคนว่าเครื่องกรองไฟทำให้เสียงอั้นๆได้ด้วย) ผมเลยไปถามคนขายของห้องเครื่องเสียงแบรนด์นั้นๆ เขาบอกว่าต่อกับปลั๊กราง(เห็นเป็นกล่องไม้) แล้วก็สาย AC หน้าตาหล่อเหลาและดุดันครับ

ว่างๆหาข้อมูลเพิ่มเติมอีกที น่าสนใจมาก เห่อๆ :-D
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 47

eeman2

10/08/2011 23:09:20
0
กดระทวยขาวเด้งไปสามคลิป สบายใจละ เลยอยากถามปัญหาครับว่า ถ้าเราแงะปลั๊กที่ติดผนังออก แล้วดึงสายไฟออกมา เอาไปต่อตรงเข้าที่จุดต่อสายไฟของเครื่องเลย ไม่ต้องใช้สาย AC กันละ ตัดทิ้งกันไปเลย เอาสายที่ต่อปลั๊กเสียบตรงเข้าเครื่องเลย ไม่มีความต้านทานภายในของสาย AC ไม่มีการอั้นที่จุดใดๆทั้งสิ้น ท่านทั้งหลายว่า เสียงที่ได้ จะออกมาเป็นอย่างไรครับ ฉงฉัยเฉยๆๆๆๆๆๆ อิอิย์
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 48

Kesmanas

11/08/2011 00:01:46
0
^
^
^
งั้นเอาไปต่อหลังมิเตอร์เลยดีไหมครับ อิอิ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 49

นายมั่นคง

11/08/2011 00:08:27
4,294
เรื่องสายไฟนี่สนุกดีครับ


พวกสายเล็กที่เดินมาในห้องทั่วไปนั้น มักจะเป็นขนาด 2.5 สแควร์มิล ซะเป็นส่วนใหญ่ แต่พอเปลี่ยนเป็นสายโตขึ้น โดยจัมพ์จากแผงไฟใหญ่ แล้วลากมาจ่ายที่ผนัง

สุ้มเสียงนี่คนละเรื่องเลยครับ ไดนามิกเอย รูปวงเอย เวทีเอย นักร้องเอย เงินในกระเป๋าเอย..........หมดเกลี้ยงเลยคร้าบบ 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 50

Kesmanas

11/08/2011 00:09:40
0
แล้วถ้าเราจะใช้โซล่าเซลล์มาชาร์ตแบตเตอรี่และใช้ไฟ DC จากแบตเตอรี่จะดีกว่าไหมครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 51

bluemunkong

11/08/2011 04:16:13
0
โอ้ ต้องขอบคุณคุณ eeman2 มากครับที่ขยันพิมพ์และให้ความรู้

ว่าแต่ผมมีข้อสงสัยครับ

คือ ผมมี DAC Amp Hybrid อยู่ตัวนึงครับ
เปิดตอนกลางวันนี่ มันชอบจี่ ครับ เป็น ๆ หาย ๆ
แต่พอเปิดฟังตอนกลางคืน ซักเที่ยงคืนเป็นต้นไป มันนิ่ง เงียบ สงัด ไม่มีอาการจี่ใด ๆ เลย
คือมันเกิดจากสาเหตุอะไรหรอครับ?

ขอบคุณครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 52

echo

11/08/2011 10:42:09
0
คห.51 ครับ ผมเดาว่าในเวลากลางวันอาจจะมีอุปกรณ์บางตัวเป็นต้นเหตุการกวน พอกลางคืนไม่ได้ใช้อุปกรณ์ตัวนั้น เลยไม่มีเสียงกวน ลองดูครับว่าใช่ไหม

หรืออาจจะเป็นจากบ้านข้างเคียงใช้อุปกรณ์ประเภทเครื่องเชื่อมไฟฟ้าหรือเครื่องตัดเหล็ก พวกนี้กวนดีนักแล

อาจจะแก้โดยการต่อกราวน์ดูครับ ถ้าไม่หายคงต้องซื้อพวก stabilizerมาใช้ครับ ที่ใช้กับคอมก็พอได้ครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 53

eeman2

11/08/2011 11:19:05
0
ขอบคุณพี่ echo ช่วยตอบครับ

คุณ Kesmanas เรื่องแบตเตแร่นี่กลับไม่ค่อยดีอย่างที่คิดครับ ถ้าบ่ายๆไม่ติดงาน จะมาอธิบายให้ฟังครับ

เฮียย์ครับ ถ้านักเลง audiophile ระดับเฮียย์นี่ ฟมว่าการเดินสาย 6 sq.mm. เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดและได้ผลที่สุดในการจ่ายไฟแล้วครับ แต่มันมามีข้อจำกัดตอนต่อปลั๊กนี่แหละครับ ช่วงเสียงเบสที่กระหน่ำ หรือเสียงปรบมือ หรือรัวสแนร์ พวกนี้จะดึงกระแสไฟตามจังหวะการตีเลยครับ ซึ่งถ้าต่อสายกับจุดต่อหลังปลั๊กไม่ดี มันจะเกิดการอั้นของกระแสไฟได้ครับ ผมแนะนำว่าควรใช้เป็นตู้โหลดเซ็นเตอร์ไปเลยดีกว่า เอาสาย 6 ต่อเข้าตู้ ซึ่งในตู้มันจะมี busbar ซึ่งเป็นแท่งทองแดงอยู่ เราก็เอาเบรคเกอร์กดเสียบกับ busbar เข้าไปตรงๆเลย ส่วนสายไฟที่ออกจากเบรคเกอร์ ก็เอาไปต่อเข้าปลั๊กได้ หรือจะต่อตรงเข้าอุปกรณ์ก็ได้ครับ แต่ต้องดัดแปลงหัวปลั๊กนิดหน่อย อุปกรณ์ที่ต้องเพิ่มก็มีแค่กล่องไฟ+อุปกรณ์ภายใน ส่วนปลั๊กก็เอาของเดิมมาใช้ ซึ่งนอกจากจะทำให้การส่งพลังงานทำได้สะดวกขึ้นแล้ว ยังดูสวยงาม และปลอดภัยมากขึ้นสำหรับเฮียย์ด้วยครับ เวลาโดนอาซ้อจับได้เรื่องนกป. ก่อนจะคว้ามีดได้ เฮียย์ก็ปิดเบรคเกอร์ใหญ่ตัวเดียว ไฟจะดับหมดทั้งห้องเลยครับ จากนั้นเฮียย์ก็จัดการตบจูบ ตบจูบ ได้ตามสะบายเลยครับ อิอิย์
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 54

eeman2

11/08/2011 11:19:45
0



รูปตัวอย่างจ้า
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 55

eeman2

11/08/2011 11:20:08
0



อีกซักรูป
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 56

FolkTrance

11/08/2011 11:32:45
3
ตอนนี้ความรู้เกินความเข้าใจผมแล้ว ไปไกลมากๆ 5555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 57

digitalotis

11/08/2011 11:33:24
สนุกดีครับ พี่ eeman2 เป็นสาระดี ยาวด้วย
เอาอีก ชอบครับ ส่วนตัวผม ผมว่าลงที่
1. การว์ดให้ดีก่อน
2. ฟิวส์
3. ปลั๊กผนัง + สายไฟจากตู้เมนมายัง ปลั๊ก
4. เครื่องกรองไฟซักตัว
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 58

bluemunkong

13/08/2011 04:00:26
0
ขอบคุณ คุณ echo ครับ ที่ช่วยตอบครับ

แต่ก็แอบสงสัยนะ ว่าไอ้แอมป์ Solid อีกตัวมันไม่เคยหอนเลย ทั้ง ๆ ที่เสียบปลั๊กพ่วงด้วยกันแท้ ๆ

ยังไงก็ขอบคุณครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 59

นายมั่นคง

13/08/2011 10:54:16
4,294
ตอนนี้ความรู้เกินความเข้าใจผมแล้ว ไปไกลมากๆ 5555
^
ู^
^

เกินความเข้าใจของผมไปไกลเหมือนกันด้วยคนคร้าบบบ 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 60

สมัครเล่น

13/08/2011 12:35:06
412
แสดงว่า บริเวณที่เป็นจุดเชื่อมต่อกัน
ควรจะมีหน้าสัมผัสให้มากที่สุดใช่ไหมครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 61

sit39

13/08/2011 13:47:24
0
ผมลองเปลี่ยนชุดสายไฟAC และปลั๊กช์ผนังแล้ว ให้เสียงที่ดีขึ้นเห็นผลทันตาจริงๆครับ ยืนยัน นั่งยัน นอนยัน อ้างอิงทางวิชาการไม่เป็น แต่หูฟังออกครับว่าให้ผลที่ดีขึ้นจากเดิมก่อนเปลี่ยนมากค๊าบบบ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 62

ManPlayEar

13/08/2011 14:28:01
21
ผมลองเปลี่ยนชุดสายไฟAC และปลั๊กช์ผนังแล้ว ให้เสียงที่ดีขึ้นเห็นผลทันตาจริงๆครับ ยืนยัน นั่งยัน นอนยัน อ้างอิงทางวิชาการไม่เป็น แต่หูฟังออกครับว่าให้ผลที่ดีขึ้นจากเดิมก่อนเปลี่ยนมากค๊าบบบ
.....
X22 เรียกว่าดีจนต๊กกะใจครับ ^ ^
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 63

eeman2

14/08/2011 23:40:10
0
คุณสมบัติของ Power Supply ที่ดี(สำหรับระบบ Audiophile) มีสองประการเองครับ คือ

ไฟ DC ที่จ่ายเข้าวงจรเครื่องเสียง ต้องเป็นไฟที่เรียบ ไม่มีสัญญาณกวน ซึ่งจริงๆผมได้อธิบายไปแล้วว่า ต่อให้มีสัญญาณรบกวนปนเข้ามา ก็จะถูกกระบวนการแปลงไฟในส่วนต่างๆ กำจัดสิ่งรบกวนพวกนี้ออกไปได้เกือบทั้งหมดแล้ว

แต่สิ่งสำคัญประการที่สอง ที่สำคัญกว่าเรื่องแรกซะอีก คือความสม่ำเสมอของพลังงานที่ได้ออกมา ผมยกตัวอย่างไว้ในคห.28 แล้วนะครับ

ในระบบเครื่องเสียง พลังงานเอาพุทที่เครื่องเสียงต้องแสดงออกมา ก็คือพลังงานเสียงไงครับ เครื่องเสียงก็คือเครื่องที่แปลงพลังงานไฟฟ้า มาเป็นพลังงานเสียง แต่ปัญหาของเครื่องเสียงคือ พลังงานเสียงที่ออกมามันไม่นิ่ง คือมันเปลี่ยนแปลงแบบกระโชกโฮกฮากตามเสียงที่ลำโพงสร้างขึ้นมา ดังนั้นการบริโภคพลังงานผ่านสายไฟของมัน จึงเป็นแบบกระชากตามจังหวะเสียงนั่นเอง ทีนี้ถ้าสายไฟ หรือหน้าสัมผัสตรงจุดใดในระบบส่งพลังงาน เกิดติดขัด ทำให้ส่งพลังงานไม่สะดวก สิ่งที่เกิดขึ้นคือเมื่อพลังงานมาไม่ทัน ระบบเสียงทางเอาพุต ก็จะดรอปลงไปทันที กว่าพลังงานจะวิ่งมาถึง มันก็ผ่านจุดนั้นไปเสียแล้ว นั่นคือเหตุผลที่ทำไม เวลาเปลี่ยนขนาดของสายไฟให้ใหญ๋ขึ้นแล้วจะได้เสียงที่ดีขึ้นตามไปด้วย

ควรทราบนะครับว่าสายไฟก็เหมือนถนน อิเลคตรอนไฟฟ้าก็เหมือนรถที่วิ่งในถนน ถ้าปริมาณรถมากกว่าขนาดของถนน รถก็วิ่งไม่สะดวก แต่ถ้าถนนของเรามีขนาดใหญ่ มีผิวถนนที่ดี ทางเชื่อ ทางแยก ก็ทำไว้ให้ดี รถก็จะวิ่งได้อย่างรวดเร็ว แต่ถ้าถนนดี แต่ตรงจุดต่อ ทางแยก ดันบีบเหลือเลนเดียว ก็จะเกิดอาการคอขวด คือรถวิ่งไม่สะดวก

ทำนองเดียวกัน สายไฟก็จะมีค่าความหนาแน่นของสายไฟด้วย ว่าสายขนาดเท่าไหร่ จะให้ไฟฟ้าวิ่งได้สะดวกกี่แอมป์ เหมือนในคห.28 นั่นเอง

ดังนั้น สายAC ราคาแพง จะส่งผลได้เต็มที่ ก็ต่อเมื่อเรามีสายส่งขนาดใหญ่พอที่จะรับมือกับพลังงานกระชากแบบนี้ได้ จริงๆแล้ว การขยายขนาดสายไฟเป็นสาย 6 (ใช้เรียกสายไฟที่มีพื้นที่หน้าตัด 6 ตารางมิลลิเมตร) อย่างที่เฮียย์แกทำ ไม่ใช่เรื่องโอเว่อนะครับ เพราะสาย 4 ผมก็ว่าเล็กไปหน่อย ถ้าจะเพิ่มอุปกรณ์อื่นทีหลังจะลำบาก ส่วนสาย 10 ก็ใหญ่เกินไปจนวางสายยาก เพราะสายมันจะแข็งมาก ดัดงอยาก ตัดต่อยากแล้ว

นอกจากนี้ จุดเชื่อมต่อต่างๆในระบบ ก็ต้องทำให้ดี มีหน้าสัมผัสที่แน่นหนา (ไม่งั้นมันจะร้อนจี๋ เพราะไฟฟ้าวิ่งไม่สะดวก) และมีหน้าสัมผัสให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

สำกรับเรื่อง power supply ผมคงจะจบแค่ตรงนี้แล้วนะครับ สิ่งต่อไปที่เราควรจะต้องมาเปลี่ยนเองอีกเหมือนกัน และมีผลยิ่งกว่าสายไฟ AC ก็คือสายลำโพงครับ อันนี้จะเสียตังค์มากกว่าสาย AC เยอะเลยครับ

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 64

นายมั่นคง

15/08/2011 00:21:03
4,294
อ่านของพี่อีแมนแล้วเพลินมากๆๆ 555

ขอเพิ่มเติมนิดนึง ใครที่เล่นเครื่องเสียง ไม่ว่าจะเป็นแอมป์บ้าน หรือแอมป์หูฟัง ถ้าใช้ไฟบ้านล่ะก้อ ผมแนะนำว่าอย่าใช้ปลั๊กผนังที่เค้าเดินด้วยสายไฟ 2.5 ครับ เพราะกระแสมันไหลเข้าไม่ทันการ

แนะนำว่่ายังไม่ต้องเปลืองสตางค์อะไรมากมาย แค่ให้ช่างไฟ ลากเมนไฟมาจากแผงใหญ่ โดยใช้สายไฟขนาดเบอร์ 6 ก็โอเคแล้วครับ

ปลั๊กผนังยังไม่ต้องเปลืองในตอนแรก(ตอนหลังก็เปลี่ยนอยู่ดีล่ะ) ใช้ปลั๊กเกรด Hospital ไปพลางๆ ก่อน ตัวละ 200 ก็ได้ครับ

เห็นผลทันตาจริงๆในชาตินี้ล่ะจ้าๆๆๆ อัพเกรดแค่นี้ ไม่แพงด้วยล่ะคร้าบบบ


แต่ของผมดันทะลึ่งใช้ปลั๊ก audio grade ล้วนๆ ก็เลยเปลืองหน่อยล่ะจ้าๆๆๆ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 65

jenovacass

15/08/2011 00:26:56
ความรู้เต็มๆครับผม ขอบคุณครับผม
สำหรับความรู้ทั้งหมดครับผม
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 66

sit39

15/08/2011 01:19:04
0
ตามความเห็นป๋ายศและพี่อีแมนเลยค๊าบบบบ ยังของผมใช้แค่Hospital Grade ทั้งชุดยังเห็นผลทันตาเลย......จ๊ากกกกก
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 67

นายมั่นคง

15/08/2011 10:31:34
4,294
ลองดูปลั๊กยี่ห้อ Eagles ก็ได้ครับ เป็น Hospital grade คุณภาพใช้ได้

สำคัญคือเรื่องสายไฟใหญ่ที่ลากจากเมนมาเลย อันนี้ช่วยได้เต็มๆๆจ้า

คุณ sit39 นี่ลองแล้ว ติดใจยกใหญ่เลยล่ะ 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 68

jenovacass

15/08/2011 12:21:12
0
คือผมฟังเพลงกับ คอม เปลี่ยน สาย ac และ ปลั๊ค มีผลด้วยใช่ป่าวครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 69

owenn

09/12/2011 20:34:14
ผมสนใจจะเปลี่ยนปลั๊กผนังจากเดิมๆๆ ที่อายุ 20 ปี (ที่ปัจจุบันไม่มีขายแล้วติดมากับคอนโดที่ซื้อ) เป็น wattgate 381 G แต่ขนาดสายไฟมองไม่เห็นว่าขนาดเท่าไหร่แต่เดาว่าคงจะเป็น 2.5 แน่ๆ สำหรับคัตเอาไฟ ยังเป็นแบบโบราณใช้มือจับโยกขึ้นโยกลง และใช้ฟิว ก้ามปูอยู่เลย 555 เปลี่ยน wattgate 381 G ก่อนจะเห็นผลมากขึ้นแค่ไหนครับ ผมคำนวณคร่าวๆ ตรงจุดเครื่องเสียงใช้ไฟไม่เกิน 2000 วัตต์ ซึ่งสายไฟ 2.5 น่าจะเหลือๆอยู่แล้ว
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 70

owenn

10/12/2011 09:08:50
0
หรือจะเปลี่ยนตู้ไฟและใส่เบรคเกอร์ 30 แอมป์ เปลี่ยนสายไฟขนาด 6 SQ แล้วต่อด้วยปลั๊กผนังแค่เกรดโรงพยาบาลอย่าง http://www.overclockzone.com/forums/showthread.php/1269307-ปลั๊ก-PS-Audio-Hubbell-IG8300-หัวท้าย-Wattgate-SONAR-จุกปิด-RCA-Nakamichi-Banana
Hubbel HBL8300HR หรือ Levinton 8300 IGW แบบไหนจะดีกว่ากันครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 71

TaTar_N

01/12/2012 00:06:56
1
อ่านแล้วมันส์จริงๆ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
"สาย AC "