วันนี้ ( 14 เม.ย. 54) วันสงกรานต์ วันหยุดชุ่มฉ่ำ ไม่ชุ่มได้ไง ออกไปไหนก็โดนสาด
พี่ไม่เล่นๆ ๆ ตู้ม เปียก ก็เฮฮากันไป ยิงทิ้งกันไปก็มี ฮ่าๆๆ เอาน่าอย่าไปซีเรียสครับ
วันหยุด ก็หยุดให้ชุ่มปอดกันไปเลย มาอ่านรีวิว Minidisc กันดีกว่านะ
สำหรับ Hitachi ตัวนี้ ไม่ใช่ของผมละ T_T
แต่เป็นของคุณ Joker (Muyan) หรือคุณโจ๊ก นั่นเอง ได้นำมาให้ผมรีวิว
หารู้ไม่ว่า จะไม่ได้กลับคืนไป ไว้เค้าจะโอนเงินให้นะเสี่ยโจ๊ก เอิ๊กๆๆๆ สองร้อยพอป่ะ
ต้องยอมรับว่า คุณโจ๊ก เป็นคนที่เก็บสะสม Minidisc ระดับต้น ๆ ของไทยเราเลย
น่าภูมิใจนะครับ มี Minidisc เพียบ ผมไม่บอกว่ากี่ตัวละกัน ผมจะทยอยหลอกล่อ
และเอามารีวิวให้อ่านกันนะครับ
คงถามว่า ทำไม ถึงได้ให้ฉายา Hitachi MDR-20 ว่าโกโบริ (เรียกกันเล่น ๆ ในกลุ่ม)
ก็เพราะว่า เจ้าฮิตาชิ รุ่นนี้ ลงท้าย ชิ ๆ ละกระมัง แต่ส่วนตัวผมว่า
เพราะมันเป็นสีทองต่างหาก ใช่ครับ อ่านไม่ผิด สีทองครับ
ผมเลยนึกถึงเวลาเขาเรียกทองของญี่ปุ่นกันว่า ขุมทองโกโบริ นั่นเอง
คุณโจ๊กได้มา ยกกล่อง (ช่างน่าอิจฉานัก)

เครื่องรุ่นนี้วางจำหน่ายปี 1994 นะครับ ก็ประมาณ 17 ปีก่อนนั่นเอง
ราคาสมัยนั้นนี่ 50,000 เยนเลยครับ (ซื้อทองสมัยนี้ได้หนัก1บาท 5 เส้นเลยละ)
ผมก็ไม่รอช้า รีบแกะอย่างไม่สนใจกล่อง เรียกว่า ฉีกกล่องกันเลย (อ่ะล้อเล็งนะ)

หลายคนที่ได้อ่านรีวิวผมมา อาจจะบอกว่า คุ้น ๆ แฮะ รูปร่างเจ้าตัวนี้
ใช่ครับ เหมือน Kenwood A7R ที่ผมได้เคยรีวิวไปครับ แน่นอน เสียงดีสุด ๆ เหมือนกันครับ
มาดูกันว่า มีอุปกรณ์อะไรกันบ้าง

เรียกได้ว่า เต็มสูบ มากันครบเครื่องครับ ไม่มีอะไรขาดหาย
นี่ครับ ของหายาก และ สำคัญมาก ๆ สำหรับคนเล่น Minidisc ทุกรุ่น

รางถ่าน AA นั่นเอง เล่น MD ต้องพยายามซื้อเครื่องที่มีรางถ่าน AA แถมมาด้วยนะครับ
เพราะลำพัง หวังเพิ่งพาแบ็ตลิเที่ยมไออ้อน อายุ 15 ปีก่อน นี่ลุ้นยากครับ
เหมือนกันกับ Kenwood A7R ครับ ชุดหูฟังติดรีโมท แยกกันไม่ออก

สมัยก่อน คงหาหูฟังดี ๆ กันยากมั้ง เลยเป็นทองเนื้อเดียวกันแบบเนี้ย แยกกันไม่ขาด
เอาละ อุปกรณ์เสริม น่าสนใจก็มีเท่านั้น มาดูตัวเครื่องกันดีกว่า

ตัวเครื่องเป็นสีทองนะครับ ก็ไม่ใช่ทองแบบในร้านทองเยาวราชนะครับ
คือ มองรู้ว่าเป็นสีทองนะครับ -_-"
สวยจริง ๆ ครับ เพราะมันอยู่กับผมนี่ละ

ตัวนี้ จะดีไซน์โคลนตัว Sharp M11 มานะครับ
ก็เหมือนกับ Kenwood A7R ครับ ที่โคลน Sharp M11 มา พวกนี้ เสียงดี แน่นอนการันตี
มาดูสันเครื่องด้านหน้าและหลังกัน

ปุ่มกดใช้งานต่าง ๆ ไม่ซับซ้อน เข้าใจง่ายครับ
อันนี้ก็สันเครื่องด้านซ้ายและด้านขวาครับ

ตัวนี้ ผมให้สภาพ 90% + เลยนะครับ สภาพดีมาก ๆ เลย
ผมพยายามถ่ายให้เห็นว่าเครื่องมันสีทองนะเนี่ย

วัสดุหรือบอดี้เครื่องนั้น ทำด้วย โลหะ กว่า 90% ครับ
มาดูปุ่มกันดีกว่า

ปุ่ม Stop ปุ่ม Play อยู่ติด ๆ กันครับ
ส่วนปุ่มปรับ Volume จะอยู่ตรงสันเครื่องด้านหน้า และก็ปุ่ม Rec. ด้วย
ตรงปุ่ม Play Mode คือ เลือกให้เล่นแบบ Random ครับ
ปุ่ม Search ก็ปุ่ม Next กับ Back นั่นเองครับ
มาดูปุ่มบนตัวเครื่องกันบ้าง

ใช้คำว่า Dynamic Bass เชียวนะ ปรับได้ 3 ระดับครับ ผมชอบฟัง 1 กับ 2 ก็เหลือเกินแล้ว
และก็ปุ่ม Repeat
ส่วนปุ่ม Edit ก็เอาไว้ใช้ พิมพ์ชื่อเพลง , ลบเพลง
ปุ่ม Display ก็เอาไว้ กดเพื่อให้หน้าจอโชว์ชื่อเพลง หรือ โชว์เวลาของเพลง นั่นเอง
อะไรก็จะไม่สุขใจเท่าเจอคำว่า Made in Japan นี่ละครับ

แค่คำนี้ ก็การันตีคุณภาพแล้วละ ^_^
เอาละ ได้เวลาทดสอบฟังแล้ว จับใส่รางถ่านเลย

ผมไม่ชอบดีไซน์ รางถ่านนี่ละครับ ทำทั้งที น่าจะทำให้ขนาดเท่าเครื่องไปเลย
เปิดฝา เตรียมใส่แผ่นแล้ว

บรรยายภาพอย่างกับ stop motion เลยนะเนี่ย -_-"
นี่ครับ หน้าจอก็จะโชว์เวลาของ Track นั้น ๆ

ถ้าเราพิมพ์ชื่อเพลงไว้ ก็กดปุ่ม Display ก็จะเปลี่ยนจาก Time เป็นชื่อเพลงนั้น ๆ ครับ
MD ทุกเครื่อง ที่ผมรีวิวนั้น ทดสอบเสียงด้วย Sen MX980 เอิ๊กๆๆ

นิยามของ Hitachi MDR-20 ก็คือ แน่น ๆ ครบเครื่อง เหมือนมาม่าต้มยำเลยครับ
เสียงร้องเด่น กลางแจ่ม ส่วนเบส ไม่ต้องห่วง ตึบ ๆ เอาแค่ ระดับ 1 ก็พอนะ
ถ้าปรับเบสไประดับ 3 เสียงเบส มันจะบูสกลบเสียงย่านอื่น ๆ ให้ด้อยได้ครับ
ผมให้คะแนนเรื่องเสียง จากเต็ม 10 ผมให้ Hitachi MDR-20 ที่ 9 เลยครับ
เท่ากับ Kenwood A7R เท่ากับ Sharp M11 เลยครับ เป็น MD รุ่นแรก ๆ ที่ยังคงยัดอะไรมาหมด
แน่น ๆ เน้น ๆ ไม่กั๊ก และกินแบ็ตมากนะครับ แบ็ตใหม่ ๆ เต็ม ๆ นี่ฟังได้ 2 ชั่วโมงครึ่งหมดแล้ว
Specs: Headphone amp: 10mW + 10mW,
0.2% THD. Freq resp.: 20-20kHz +/-3dB. 1 bit A/D and D/A. 4.5 DC input.
และที่สำคัญของรุ่นซีรียส์นี้ คือ Optical Out ครับ
Hitachi MDR-20 , Kenwood A7R และ Sharp M11 นั้นมี Optical Out เหมือนกันนะครับ
เพราะเป็นซีรียส์โคลนกันมา

สำหรับท่านที่มี รีซีฟเวอร์ มีแอมป์ หรืออะไรก็ตามที่รองรับ Optical แบบนี้
ได้สุนทรีมากกว่าแบบ Line out ปกติแน่ ๆ ครับผม
เดี๋ยวจะหาว่าโม้ ผมเลยถ่ายภาพนี้มาให้ดูว่า ถ้าต่อสาย optical ตรงช่อง Phone นั้น
แล้วจะปล่อยแสงได้เหรอ ฮ่าๆๆ นี่เลยครับ ภาพนี้คือคำตอบ

แจ่มจริง ๆ เลยนะ ตัวแค่เนี้ย (ตัวเท่าฝ่ามือ แต่หนักนะครับ ไม่ใช่เบาเลย)
บางคนสะสมของ ก็เพื่อเอาสนุก เพื่อเอาไว้โชว์
บางคนสะสมของ ก็เพื่อเอาสนุก และใจรัก แบบว่าชอบจนหลงไหล
มันก็เหมือนงานศิลปะ อย่างนึง เพราะดีไซน์เครื่อง รูปทรง รูปร่าง สีสัน มันมีเสน่ห์
ผมก็ขอจบ การรีวิว Minidisc Hitachi MDR-20 มา ณ ที่นี้ครับ
ขอบคุณทุกคนที่อ่านกันจนจบนะครับ ^_^
auns555 (อั๋น สันติ)
[email protected]
โทร. 089-0785670