ใจเย็นๆครับผม....ของแบบนี้มันก็ต้องค่อยๆปรับปรุงแก้ไขกันไป อ่ะครับ
แต่ผมว่านะ คำติ แบบนี้ดีกว่าคำชม ส่วนตัวผมถ้าผมจะทำอะไรสักอย่างออกมาขาย ผมอยากได้ คำติ มากกว่าอีก เพราะจะได้รู้จุดบกพร่องและนำไปพัฒนา จบครับ

เห็นด้วยกับเจ้าของกระทู้มากๆครับ เนื้อหาน้อย และอ่อนมากๆ ห่างไกลลิบลับกับเนื้อหาในเว็บ gadget ต่างประเทศ ปัจจุบันคนที่จะซือนิตยสารประเภทนี้ที่เป็นภาษาไทย ก็คือคนที่ไม่ถนัดภาษาอังกฤษเท่านั้น เพราะคนที่อ่านอังกฤษได้ต่างก็พากันไปอ่านในเว็บหมดแล้ว เนื่องจากมีเนื้อหาหลากหลาย และน่าสนใจกว่าเยอะ น่าเสียดายแทนคนไทยที่ตอนแรกหวังว่านิตยสารเล่มนี้จะมาช่วยทดแทนให้ แต่กลับไม่เป็นดังหวัง

........................................................................-*-

ผมว่า ถ้ามองด้านดี เป็นสัญลักษณ์ว่า คนเล่นหูฟังมีมากขั้นนะครับ

อีกอย่างคนทั่วไปหลายคน เขาไม่สะดวก หรือมีเวลาว่างเล่นเนตนักหรอกครับ

ยังไม่นับรุ่นพ่อ รุ่นปู่บางท่านที่เล่นเน็ตไม่เป็นก็มี 555+

อีกอย่าง ทีมงานที่ทำน่ะ เสียสละมากๆนะครับที่ทำ .....

เอาเวลาไปทำงานประจำตัวเองไม่ดีกว่าเหรอครับ ?????

ใจรักทั้งนั้นแหละครับ ที่มาทำหนังสือ ..... ไม่มีก้าวแรก ก็ไม่มีก้าวที่สองครับ

สำหรับผม...คุ้มครับ

ซื้อ นสพ. บางฉบับราคา 10 บาท ยังเสียดายเงินกว่า...

ผมชอบ นิตยสาร stuff ครับ โอเครเลย ถึงจะมีเรื่องหูฟังไม่เยอะ

สำหรับผม ถ้าเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ไม่คุ้มครับ เพราะจริงๆมันมีอะไรให้เล่นตั้งเยอะ
กระดาษก็ไม่ต้องสีมากหรอก เนื้อหาก็น่าจะมีอะไรมากกว่านี้ เอาเนื้อหาเป็นกระดาษขาวดำก็ยังไหว แนะนำเพลง เอาบทวิจารณ์ใน 6moons head-fi etc. แปลมาเขียนก็ได้
พูดถึงชุดหูฟังที่ match กัน โดยเอาอุปกรณ์มา test
จัด สัมภาษณ์ เฮีย หรือ คนที่อยู่ในวงการ
แนะนำ สายไฟ สายสัญญาณ
หรือกระทั่งแนะนำที่ฟังเพลง ผับที่น่าสนใจ ถ่ายรูปนางแบบแล้วลองให้นางแบบฟังชุดหูฟังดูซิว่าคนที่ไม่ได้อยู่ในวงการนี้ มีความเห็นว่า ไวแสง มันต่างกับ w4 ยังไง อะไรแบบนี้ จริงๆมันมีอะไรให้เล่นเยอะครับ แต่ก็ไม่ว่ากันเพราะเป็นฉบับแรก ผมซื้อมาสองเล่ม ช่วยๆกัน แต่ถ้าฉบับต่อไปเป็นแบบนี้อีก คงต้อง ขอผ่านครับ

+1 พี่ตั๋นครับ แต่ให้โอกาสเค้าหน่อยดีกว่าผมว่า ยากนักที่จะมีคนทำ อาจจะปล่อยออกมาลองกระแสก่อนก็ได้ครับ รอดูต่อไปก่อนครับ อาจจะดีขึ้นก็ได้

ตาตั๋น โพสเป็นการเป็นงานก็เป็นนะเนี่ย 555

ผมว่าคุ้มค่าครับ แม้ว่าจะดูว่า บาง เนื้อหาน้อย แต่คุณต้องดูด้วยนะครับกระดาษปอนด์พิมพ์สี่สีทุกหน้า สปอนเซอร์มี3-4เจ้า คือ ร้านมั่นคง, ร้านเจท, ร้านสนุกแกทเจท ช่วยๆกันสนับสนุน ให้มีสปอนเซอร์มากขึ้น หนังสือก็จะดีเอง หากคิดว่าไม่คุ้ม ก็แล้วแต่ครับ ไปหาอ่านฟรีบทความในเวบเอาล่ะกัน สำหรับผม หนังสือดูมีคุณค่ามากกว่า

เอาไว้ให้ลูกค้าที่ร้านอ่านครับดูเขาสนใจกันดีนะ ผมแนะนำให้ลองไปคุยกับบริษัทที่นำเข้าหูฟังแต่ละยี่ห้อแล้วคัดเอามารีวิวดูครับหูฟังมีเป็นพันๆตัวทำได้อีกยาวๆครับ

ผม +1 ว่ารู้สึกไม่คุ้มครับ

- หน้าสีจะเยอะไปไหน อยากได้เนื้อหา นี่มีแต่น้ำ
- หนังสือหูฟังอ่านดูข้างในคิดว่าหนังสือพริตตี้
- หน้า Review HD800 คนทำ art work คิดได้ไง อ่านยากโคตร
- หน้า head-fi news คิดว่า catalog ขายของ
- หน้าสุดท้าย สัมพาดโรงเรียนดนตรี เกี่ยวไรกับหูฟัง คนอื่นๆในวงการหูฟังที่น่าสัมพาดมีอีกเยอะแยะไม่สัมพาดมาลง
- dudy talk ไปเหอะ มุขไม่ฮาพาเครียด

เข้าใจว่าทำหนังสือต้องเอาใจ sponcer แต่ก็อย่าให้น้ำมันเยอะกว่าเนื้อครับ

เล่มหน้า ขอดูเนื้อหาก่อนละกัน ถ้ายังไม่ปรับปรุงก็คงเลิกซื้อ
แต่ถ้าดีขึ้น ก็จะซื้อ ถือเป็นกำลังใจให้ทีมงานครับ

เข้าใจว่าทำหนังสือมันเหนื่อย กำไรก็คาดเดาอะไรไม่ได้
แต่ก็ขอเป็นกำลังใจให้ครับ

ห่วยบรม.....คงมีแต่หน้าม้าแหละครับที่มาเชียร์ อะไรห่วยว่าตามห่วยเถอะครับ - -" จริงๆแล้วหนังสือประเภทนี้ไม่ต้องมีก็ได้ครับเพราะเนื้อหาในอินเทอเน็ทเยอะมากพอแล้ว.......

ผมเห็นด้วยนะครับ ว่าไม่คุ้มกับเงินที่จ่ายไป

ควรรับฟังไว้แล้วนำไปปรับปรุงนะครับ ดีก็ว่าดีไม่ดีก็ต้องตินะครับ

อย่าไปฝืน ไม่มีประโยชน์หรอกออกมา อวย กัน

ผมไม่ไช่หน้าม้าน่ะครับเเต่อ่านเเล้วคงต้องเเสดงความคิดเห็นบ้าง
1.ผมขอตรบมือให้ทีมงานTAFที่กล้าทำหนังสือเล่นนี้ออกมาน่ะครับ
2.ผมขอเเสดงความเห็นใจทีมงานTAFครับที่เพื่อนร่วมวงการเดียวกันบางท่านออกมาเเสดงความคิดเห็นในเเง่ร้าย
3.การพูดมันง่ายครับง่ายมากๆเเต่ลงมือทำมันยากสุดๆครับ
4.ความคิดเห็นส่วนตัวของผมคิดว่าผ่านน่ะครับเเต่ก็มีบางอย่างที่ต้องปรับปรุงครับ

ลืมพิมพ์ไปนิดครับ

ผมเข้าใจว่าคนทำมีความฝันเรื่องหนังสือ.. แต่ถ้าทำตามความฝันไม่ได้ก็เลิกเถอะครับ

ผมให้โอโกกาส3ฉบับครับ ถ้าทำไปแล้วสามครั้งไม่ประสบผลสำเร็จ กรุณาเลิกทำเถอะครับ ผมถือว่าไม่ผ่าน.

แล้วก็เรื่องการรีวิวอีกครั้งครับ คุณใช้ซิสเต็มอะไร? กี่ซิสเต็มในการรีวิวครับ? คุณน่าจะเปรียบเทียบหน่อยว่าหากใช้กับแอมป์ตัวนี้เป็นอย่างไร ถ้าเปลี่ยนแอมป์แล้วเป็นอย่างไร หรือสายไฟ สายสัญญาณที่เอามาลอง ไม่ใช่ว่าคุณพิมพ์เอามันส์ ไม่เจริญหรอกครับ.

คนที่อ่านเขามีสมองพอนะครับที่จะแยกได้ว่าคุณเขียนเอามันส์รึป่าว อย่างที่คุณเขียนว่าเบสคมแต่ยังไม่ขึ้นขอบ ชาวบ้านตาดำๆคงคิดว่า "หูยเจ๋งว่ะ คิดได้ไง อยากฟังเบสคมๆ" แต่สำหรับคนที่เล่นมานาน มันไม่ใช่ครับ.

หากจะออกฉบับหน้า กรุณาเลยครับปรับปรุงด่วน แล้วเฮียมั่นคงก็อย่าโปรโมตเวอร์ด้วยๆครับ ผมเห็นหลายอย่างที่เฮียโปรโมตแล้วมันไม่ใช่...ก็เยอะนะครับ

จริงๆ ผมว่าถ้าไม่ชอบหรือคิดว่าไม่คุ้มก็น่าจะติเพื่อเป็นกำลังให้ทางผู้ผลิตนำไปปรับปรุงมากกว่า

นะครับ ซึ่งส่วนใหญ่ก็ติเพื่อก่อกันทั้งนั้น แต่ผมเห็นบางความเห็น

พูดเป็นไปในแนวที่ว่า ตูจะด่าอย่างเดียว ซึ่งไม่ได้ช่วยพัฒนาอะไรให้มันดีขึ้นเลย

แถมยังมาด่าเขาอีก ทุกสิ่งทุกอย่างมันต้องมีครั้งแรกครับ

ซึ่งก้าวแรกเนี่ยไม่จำเป็นที่จะต้องดีเสมอไป

แต่ครั้งแรกมักจะเป็นหนทางไปสู่ความสำเร็จในครั้งต่อๆ ไป

ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องอะไรก็ตาม และผมก็คิดว่าผู้ที่ทำนิตรสารเล่มนี้ขึ้นมาก็

ต้องมีเจตนาดีที่จะพัฒนาวงการนี้แน่นอนครับ

ผมว่าหนังสือ ห่วยหรือไม่ คุ้มค่า ไม่คุ้มค่า

ผู้บริโภคเป็นคนตัดสินค้า

ถ้าเค้าทำไม่ดี ผมคิดว่าไม่มีใครซื้อไปอ่าน

อย่างว่าละครับคนเราทำอะไรครั้งแรกๆ มักจะไม่ลงตัว มีแต่ปัญหา

แต่การพัฒนาของคนเราก็เกิดจากการเดินก้าวแรก และถูกคนชม ถูกคนตำหนิ

จนสามารถพัฒนาอะไรขึ้นมาได้หลายอย่าง

ผมว่าคนที่คิดจะไม่ทำอะไรเลย ผมว่าแย่กว่าคนที่ทำอะไรแล้วพลาดซะอีก

ดังนั้นผมขอชมทางทีมงาน TAF นะครับที่กล้าทำนิตยสารหูฟังเล่มแรก

แต่ต้องปรับปรุงเนื้อหา และความเหมาะสมของบทความต่อไปครับ ^^

ผมก็คิดว่ายังไม่ค่อยคุ้มเท่าไหร่อะ แต่ก็ครั้งแรกอะไม่เป็นไรครั้งต่อไปเอาใหม่ครับสู้ๆ

คิดซะว่า ซื้อมาเกับสะสมก็แล้วกัน เล่มแรกในไทยกับนิตยสารหูฟัง
ถ้าทีมงานเค้าไม่มีฝีมือพอ ทำไปอีกสักพักก็เจ๊งไปเองละ
สนใจอะไรมากมาย เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย นะเราอ่ะ

ต้องกลับไปถาม บ.ก เรื่องการวางฝัง คอลัมส์แต่ละคอลัมส์ ของพวกนี้อยู่ที่ไอเดียร์ และจุดมุ่งหมาย จะทำเอามันส์อย่างเดียวไม่ได้ เพราะขายชาวบ้าน....ส่วนตัวผมไม่ได้อ่านนะ ที่ไม่อ่านเพราะน่าปก ไม่สวย จัดองค์ประกอบภาพไม้ได้เรื่อง เสียวๆว่าข้างในจะแปร่นๆ

คิดซะว่าเป็นการชิมลางเริ่มต้นที่ดีของวงการหูฟังในบ้านเราละครับ

เหมือนกับว่าเราทำอะไรครั้งแรกก็ต้องเดาทิศทางของผู้อ่านกันไปก่อนว่าควรเป็นอย่างไร

ส่วนตัวแล้วเนื้อหาในเล่มยังไกลตัวครับ จับต้องยาก ย่อยยากไปนิดครับ และให้ความสำคัญ

กับบางอย่างมากเกินไป (ตาม คห.ที่7 และ 12)น่าจะทำให้หลากหลายกว่านี้ครับ

แนะนำเพลงบ้าง หนังบ้าง เรื่อง Entertainment ทั่วไปบ้าง เข้าใจนะครับว่าการทำ

Magazine สักเล่มนั้นต้องใช้ทุนเยอะ แต่เราก็ต้องสร้างสมดุลระหว่างธุรกิจกับอุดมการณ์

ไม่เช่นนั้นคงหาผู้อ่านได้ยากครับ คงต้องสร้างบุคลิก และตัวตน (Positioning) ของ

หนังสือไปสักระยะครับ ซึ่งผมเชื่อว่าคำติชมของผู้อ่านน่าจะเป็นคำชี้แนะสำคัญในการปรับปรุง

ของทีมงานผู้ผลิตหนังสือเล่มนี้ได้เป็นอย่างดีครับ

สู้ต่อไปครับ ในฐานะคนที่รักหูฟังยังอยากอ่านหนังสือที่เกี่ยวกับหูฟัง และอยากให้มีต่อไป

เพราะมันเพิ่งเริ่มต้นครับ...

ไม่มีใครทำอะไรได้สมบูรณ์ในครั้งแรกหรอกครับ
คนเราเกิดมายังต้องหัดพูด หัดเดิน ไม่มีเคยเกิดมาสมบูรณ์แบบ
เพราะเกิดมาไม่ดีพร้อมทุกอย่างจึงต้องพยายามพัฒนาให้ดีขึ้น

ให้เวลาก่ะพวกเขาหน่อยดีกว่าครับ รอดูเล่มหน้าๆ ต่อๆไป
ถ้ายังไม่พัฒนาอันนี้ก็ขอผ่านด้วยคน

ส่วนตัวผมชอบ 4 สีนะครับ สวยดี อ่านง่าย สบายตาดีด้วย เคยอ่านพวกขาวดำแล้วมันปวดลูกตายังไงไม่รู้
แต่ก็ต้องแลกกับราคาที่แพงขึ้น ผมก็ยอมนะ แต่อย่าเกิน 80 บาทเชียว 5555+

หน้าปก ผ่านแบบคาบเส้น

ผมเป็น MOD ของ TAF แต่ไม่ได้มีส่วนร่วมในนิตยสารเลย เพราะไม่มีเวลามาช่วย

เท่าที่คุยกัน นิตยสารเกิดจากความอยากที่จะเปิดวงการหูฟังออกในวงกว้างมากขึ้น

แต่ด้วยความจำกัดของสปอนเซอร์ที่มีน้อยนิด บุคคลากรที่จะมาทำ ค่าพิมพ์ และอะไรอีกหลายๆอย่าง

เลยออกมาได้ประมาณนี้

ผมก็เคยทำนิตยสารครับ แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จ กว่าจะติดตลาดต้องใช้เวลา 6 เดือน-1 ปี

ซึ่งนิตยสาร TAF ไม่มีเงินทุนขนาดนั้นครับ คนที่ทำงานด้านนี้คงเข้าใจดี

ไม่ต้องห่วงครับ คงไม่มีเล่มที่สองแน่

คุณคิดว่าหนังสือ TAF คุ้มค่ามั้ย???
ตอบ ไม่คุ้มค่า แต่ซื้อไว้สะสมเพราะเป็นหนังสือเกี่ยวกับหูฟังเล่มแรก (และเล่มสุดท้าย 555)

เรื่องการทำหนังสือ ต้องเรียนตามตรงเลยว่าไม่ใช่ของง่ายๆ ครับ อาจจะต้องใช้เวลาและปรับแนวทางอีกหลายกระบวนท่ากว่าจะลงตัว หรือเข้ารูปเข้ารอย แต่การมีแนวคิดว่าจะช่วยกันสร้างวงการหูฟังโดยรวมให้มีคนวงนอกมาสนใจมากยิ่งขึ้น แค่นี้ผมถือว่าเป็นแนวคิดที่ดีมากๆ แล้วล่ะ

เราคงต้องให้กำลังใจคนทำและทีมผลิต รวมถึงอาจจะให้แนวคิดหรือข้อแนะนำดีๆ เพื่อให้ทีมงานได้เดินต่อไปข้างหน้าได้อีกครับ ผมเชื่อว่าทีมงานทำหนังสือทุกท่านตั้งใจทำงานกันอย่างจริงจังแต่นอนครับ เรียกว่าเป็นการช่วยกันติเพื่อก่อก็แล้วกัน รวมถึงร่วมให้กำลังใจและคำแนะนำที่ดีกันต่อๆไปครับ..............





---------------------
มาตอบส่วนของผมเองล่ะเน้อ 555 ผมเองนั้นในส่วนของการโปรโมทสินค้านั้น ทุกวันนี้ผมเองก็ยังยึดหลักการว่าต้องไม่โกหกกัน และไม่เปรียบเทียบสินค้ายี่ห้ออื่นๆ ให้เกิดความเสียหาย เรียกว่าพยายามเขียนขำๆ บ้าๆ บอๆ อ่านเอาสนุกเข้าว่าเพียงอย่างเดียวล่ะครับ 555

แต่มั่นใจได้ว่าเรื่องแหกตา หรือโกหกขาวเป็นดำ อันนี้ผมไม่กล้าทำจริงๆ แต่ส่วนจะเขียนแล้วเวอร์ไปมั่งเล็กๆน้อยๆ อันนี้คงจะมีให้เห็นกันอยู่เนืองๆๆ ครับ ขอบคุณคุณ Fat มากๆๆครับ มีอะไรแนะนำติชมมาได้เลย ผมเองพยายามประมวลข้อมูลอยู่ตลอดเวลาครับ 555

ผมก็ว่าไม่คุ้มครับ แต่เห็นตั้งแต่แว๊บแรก บางอย่างงี้เลยหรอวะ 79 บาทกรู
แต่เอาวะ บอกไปแล้วว่าเอาเล่มนึง และก็เพื่อให้กำลังใจกัน เอามาก็ได้วะ
เนื้อหาสาระในหนังสือผมว่าน้อยกว่าที่คสดหวังไว้เยอะมากเลยครับ แทบจะดูแต่รูป

จริงๆหูฟังเป็นโลกที่ค่อนข้างข้อมูลเยอะแยะมากๆๆๆๆ เลยครับ

กว่าผมจะซื้อหูฟังอะไรหาข้อมูลเหมือนคนบ้าพอตัวครับ

ไม่ว่าจะข้อมูลเรื่องเสียง การฟังแต่ละเสียง ชื่อเรียกของเสียง แนวเสียง จากนั้นก็มาศึกษาเรื่องหูฟังแต่ละแบรนด์ หาข้อมูลตามเน็ตให้ควัก

ซึ่งผมคิดว่า นิตยสารน่าจะเน้นไปทางนี้ด้วยครับ ประมาณว่าเหมาะกับมือใหม่หัดขับที่ต้องการอยากจะได้หูฟังสักตัว ในชนิดของหูฟัง,ราคาและแนวเสียงที่ต้องการน่ะครับ

ศัพท์แสงหลายๆคำที่เรียกๆกัน บอกตามตรงผมเองก็ยังจินตนาการไปไม่ถึง แม้จะพยายามให้ใกล้เคียงก็ตาม ทั้งนี้เรียกได้ว่าอยู่ที่ประสบการณ์ของแต่ละคนจริงๆ ดังนั้นการเขียน Feeling หรือศัพท์ในการฟังเสียงต่างๆ จึงไม่อยากให้เล่นคำที่ดูยากๆ อยากให้เข้าใจง่ายๆ อย่างเช่นที่ Rep บนๆกล่าว "เบสคม" ผมก็คงจินตนาการไปไกลพอดูเหมือนกัน แต่ถ้าบอกว่าเบสมาเป็นลูกๆกระชับ กรุ๊งกริ๊ง จัดจ้าน อันนี้หลังยังพอเข้าใจ

* ผมว่าเล่มแรกๆน่าจะมุ่งเน้นไปทางให้ข้อมูลทางเทคนิคง่ายๆ เป้าหมายคือเบิกทางสู่โลแห่งหูฟัง ก็อยากให้เน้นไปทางผู้เริ่มต้นสักหน่อย และในตัวเล่มก็เสนอตัวสินค้า การเปรียบเทียบ อย่าเน้นจำนวนหน้า แต่ลงไปที่เนื้อหาครับ

ก้าวแรกทำจากใจขอชมเชยมากครับ ยังไงหากมีเล่มสอง(หวังว่า)ก็อยากให้ประมวลข้อมูลติชมและออกมาดีๆครับ

นิตยสารแข่งขันกันเยอะครับ แต่นิตยสารหูฟังนี่สิ ถ้านี้คือรายแรก ก็น่าจะมีต่อไปทำออกมาให้ดีๆไปเลยครับ เอาใจช่วย (นิตยสารบางเล่ม ตอนนี้ผมยังไม่รู้เลยว่ายังอยู่ไหม เช่น Macgazine ผมว่าราคาไม่ได้แพงแต่เนื้อหานี้สิ ประมาณว่าก็เปิดอ่านตามเว็บทุกวันน่ะครับ เลยเฉยๆ กำ =_=" )

ค่าพิมพ์แพงน่ะครับ ยิ่งพิมพ์น้อยยิ่งแพง เดียวฉบับหน้าคงเริ่มดีขึ้นๆ

+1 คห.17 ครับ
คนติก็อยากให้ติไปในเชิงสร้างสรรครับ อยากให้ติแล้วเสนอแนะ
ส่วนคนชมก็เข้าใจครับว่าให้กำลังใจผู้ริเริ่ม แต่ถ้ามีอะไรแนะนำให้ดีขึ้นก็จะยิ่งดีครับ

สำหรับผม บอกตามตรงหนังสือเล่มนี้ไม่คุ้มหรอกครับ ไม่มีไรอ่านเลย เล่นง่าย เอารีวิวที่คุณจีเจ็ดเขียนในบล็อกตัวเองมาลง


แต่ถ้ามีเล่มต่อๆไป ผมก็ซื้อครับ ต่อให้มันยังแย่แบบนี้ ก็ยังซื้อ เพราะผมถือว่าเป็นการอุดหนุนเว็ปทาฟบวกกับกลุ่มคนทำครับ


อีกอย่างหนังสือหูฟังมันไม่มี ถ้ามีคู่แข่งก็ค่อยมาพิจารณาอีกทีว่าจะซื้อเล่มไหน

ส่วนตัวผมตอนซื้อไม่ได้คิดครับว่าคุ้มหรือไม่ ผมซื้อเพราะอยากอ่านหนังสือหูฟังภาษาไทยเล่มแรกของโลกครับ
บอกตามตรงไม่ได้คาดหวังอะไรไว้เลย แต่พออ่านแล้วก็ต้องขอบอกว่าพอใจกับรูปเล่มโดยรวมทั้งหมด จะมีติบ้างก็ตรงอ่านยากกับบางไปนิด แต่ที่ผมนับถือจริงๆคือใจคนทำครับ ใครๆก็คิดฝันได้ แต่มีใครจะกล้าลงมือทำ รู้ก็รู้ว่าอาจจะขาดทุน(แน่ๆ) แต่ก็ยังทำเพื่อให้ฝันเป็นจริง แค่นี้ผมก็ยกนิ้วให้แล้วครับ

ออกมาอีกนะครับ ผมอยากเห็นการพัฒนาในเล่มต่อๆไป สังคมที่ชอบจับผิดจะไม่มีช่องให้เกิดสิ่งสร้างสรรค์ ผมเลือกที่จะให้กำลังใจครับ ผมจะได้เห็นสิ่งใหม่ๆเกิดขึ้นในโลกและในสังคมเราอีก

สู้ๆนะครับเป็นกำลังใจให้เสมอ ออกอีกก็ซื้ออีก คอนเฟิร์ม อิอิ

ขอแสดงความคิดเห็นด้วยครับ
ในแง่ของคุณภาพหนังสือกับราคา หลายๆท่านอาจจะมองว่าไม่คุ้มค่าเมื่อเรานำไปเปรียบเทียบหนังสือในราคาใกล้เคียงกันในท้องตลาด
แน่นอนครับว่าอาจจะเทียบกันไม่ได้ เพราะ ไม่ใช่มืออาชีพ หนังสือหนึ่งเล่มกว่าที่จะทำออกมาได้ต้องผ่านขั้นตอนและความคิดของหลายฝ่ายในกองบก. มีทีมงานที่รับผิดชอบแต่ละฝ่าย มีทีมงานที่เป็นมืออาชีพ เครื่องมือ อุปกรณ์ ทีมงานพร้อมกว่ากันเยอะครับ

แต่หนังสือ TAF 01 อาจจะน้อยในเรื่องเนื้อหา จำนวนหน้าน้อย แต่ก็นับว่าเป็นหนังสือที่ทำมาด้วยใจ ต้องเข้าใจส่วนหนึ่งว่า เล่มแรกๆไม่ว่าหนังสืออะไร มักจะขาดๆเกินๆ ไม่มีทางที่จะทำให้หนังสือถูกใจคนได้ทุกคนครับ
อีกทั้งต้องเข้าใจและทำใจว่า เขาเหล่านั้นไม่ใช่มืออาชีพที่มีทีมงานเพียบพร้อม แต่เป็นคนกลุ่มเล็กๆที่อยากจะทำให้วงการนี้เติบโต ถ้าไม่เริ่มก้าวแรกก็ไม่มีก้าวต่อไป ผมสนับสนุนนะครับ ทำมาครั้งหน้าผมก็อุดหนุน อีกกี่เล่มก็อุดหนุน ต้องให้กำลังใจคนทำด้วยครับ คำติสำคัญ แต่การให้กำลังใจเพื่อที่จะก้าวต่อไปก็สำคัญไม่แพ้กัน

เรื่องราคา ต้องคิดถึงจำนวนปริมาณด้วยนะครับ ถ้าเป็นหนังสือขายดีพิมพ์กันทีเป็นหมื่นเป็นแสนเล่ม 79 บาทที่จ่ายไปคงได้ปริมาณเยอะกว่านี้ ยิ่งพิพม์น้อยต้นทุนยิ่งสูง เท่าที่เคยสัมผัสมาบ้างเกี่ยวกับการทำหนังสือ ผมว่าเล่มนี้แทบจะไม่ได้กำไรเลย ดูแล้วเหมือนราคาทุนล้วนๆ
staff ก็ทำกับเต็มที่ ทั้งงานประจำยังต้องมาทำหนังสือ ทำออกมาได้ขนาดนี้ผมว่าไม่เลวเลยครับ
ค่อยๆแก้ไขค่อยๆปรับปรุง เล่มต่อๆไปคงจะเห็นความก้าวหน้าและรูปแบบที่ดีขึ้น ให้กำลังใจทีมงานนะครับ

ในฐานะคนทำงานสิ่งพิมพ์เหมือนกัน....

ได้โปรด...

ให้กำลังใจ.... "การเริ่มต้น" สักนิดเถอะครับ....

ได้โปรด....เถอะครับ

ในฐานะของผู้บริโภค ทุกท่านสามารถแสดงความคิดเห็นได้เต็มที่ตามสิทธิอันพึงมีพึงได้ เพราะเงิน
มูลค่าเจ็ดสิบเก้าบาทถ้วน เป็นเงินที่ควักออกมาจากกระเป๋าของท่าน เงินทองก็ใช่ว่าจะได้มาง่ายๆ ต้อง
ทำงานแลกมา ซื้อหนังสือเล่มนึงซึ่งผู้อ่านทุกคนมีสิทธิ์เต็มที่ในการวิพากษ์ วิจารณ์ ติ ชม ด่าคนทำว่าเฮงซวยห่วยแตกดีเลิศอย่างไรก็ได้ ซื้อมาคุ้มหรือไม่คุ้มก็จ่ายเงินไปแล้ว ดิฉันไม่ตำหนิท่านที่วิจารณ์หนังสือว่าทำออกมาไม่ดี ไม่คุ้มค่าเงิน คนทำก็เหมือนไม่ใช่มืออาชีพ บทความอ่านแล้วไม่ได้เรื่องสู้ไปอ่านในเวปฝรั่งยังจะดีกว่า ไม่ต้องจ่ายซักสตางค์แดงเดียวอีกต่างหาก ดีก็ว่าดี...ไม่ดีจะให้ชมว่าดีก็ใช่ที่ ถ้าแจกฟรีก็ว่าไปอย่าง คนอ่านคือคนที่สะท้อนความจริงได้ดีที่สุด และความจริงก็เป็นความจริงวันยังค่ำ เงินทุกบาทมีค่าเอาไว้ซื้อความสุข ความพอใจของเรานี่นา เหมือนควักเงินซื้อตั๋วหนัง เข้าไปดูก็ใช้เวลา คาดหวังว่าน่าจะสนุกคุ้มค่าเงินค่าเสียเวลา แต่ถ้ามันตรงกันข้ามก็เสียความรู้สึกเสียดายเงิน ทำอะไรไม่ได้ขอยำมันให้เละก็ยังดีวะ...เข้าใจความรู้สึกของท่านจริงๆค่ะ

งาน THAILAND CAN JOIN ที่ผ่านมา ประสบความสำเร็จเป็นที่น่าชื่นชมยินดี ทีมงานโล่งใจไปว่าจัดงานครั้งแรกออกมาได้เป็นที่น่าพอใจ คนที่เสียเวลามางานไม่ด่าก็ถือว่าดีแล้วค่ะ ใครจะไปรู้ว่าเบื้องหลังมันยุ่งยิ่งวุ่นวายขนาดไหน การประสานงานกับคนหมู่มากไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ไม่เชื่อลองถามเฮียมั่น เฮียเบียสดูสิคะ ถ้ามีแค่คนไม่กี่คนกับทีมงานเล็กๆ งานจะออกมาอีท่าไหนไม่อยากจะคิดเลย ดูแล้วมีแต่ขาดทุนกับเสมอตัว เหมือนงานออกบูททั่วๆไปที่แต่ละค่ายต่างก็ขนสินค้าของตัวเองออกมาอวด ประชันกัน สินค้าพวกนี้ก็คุ้นหน้าคุ้นตากันดี หาได้เกลื่อนไปในบ้านเรา....งานนี้โชคดีอย่างมากที่ผู้หลักผู้ใหญ่ท่านได้ช่วยสร้างความฮือฮาให้กับวงการเป็นอย่างมาก ไหนจะคนรักหูฟัง เครื่องเสียงหลายๆท่านพร้อมใจกันมาช่วยสร้างสีสันให้กับงาน ขนของรักของหวงที่ทำเองกับมือมาแบ่งปันให้คนอื่นได้ชื่นชมบ้าง ถ้าไม่มีท่านที่กล่าวมา งานนี้น่าจะจืดชืด ไม่มีอะไรใหม่ๆที่น่าสนใจ ครั้งหน้าจะเกิดขึ้นหรือไม่ก็ต้องลุ้นว่าครั้งแรกสอบผ่านมั้ย....ครั้งนี้ผ่านฉลุย ปีหน้าและปีต่อๆไปเจอกันใหม่ นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการประกาศศักยภาพของวงการหูฟังของบ้านเรา ทั้งนี้เกิดจากความร่วมมือร่วมใจของคนในวงการอย่างนับจำนวนคนแทบไม่ถ้วน ตั้งแต่ผู้ใหญ่รวมไปถึงน้องๆที่อาสามาเฝ้าของ..

สำหรับทีมงานนิตยสาร TAF ...นิตยสารเรื่องหูฟังเล่มแรกของเมืองไทย!!! แน่นอนว่าความคาดหวังของผู้ติดตามต้องมีมากทีเดียว หลายๆท่านที่คลุกคลีอยู่กับวงการหูฟังมาเป็นเวลานาน ได้ศึกษาเรื่องหูฟังจากเวปไซด์เมืองนอกซึ่งเป็นที่ยอมรับเชื่อถือ หรือจากแหล่งอื่นๆที่คนเล่นหูฟังทั้งโลกได้ติดตามอ่านมาเป็นเวลานานเท่าไหร่ลองถามตัวท่านดู...นิตยสาร TAF ทำขึ้นมาด้วยใจรักของคนกลุ่มเล็กๆกลุ่มนึง อย่าไปเทียบกับ " ครั้งแรก "ของงานแสดงหูฟัง THAI CAN JOIN เลยค่ะ งานนี้มีเฮียมั่นเป็นหนึ่งในโต้โผใหญ่ที่ใครๆก็รู้จักรักใคร่ ยินดีช่วยแม้ยังไม่ร้องขอ เฮียมั่นอยู่ในวงการนี้มานาน เป็นที่รักยอมรับนับถือของคนส่วนมาก ถึงแม้จะก่งก๊ง ติงต๊อง เฮฮา มีสาระบ้างไม่มีบ้างแต่ก็เป็นสเน่ห์ที่เป็นเอกลักษณ์ส่วนตัว เรียกได้ว่ามีทั้งพรสวรรค์และพรแสวง งานนี้แจ้งเกิดเต็มตัวซึ่งต้องยกเครดิตให้เฮียมั่นและทีมงานไปเต็มๆที่วิ่งไปวิ่งมา ประสานงานกับผู้หลักผู้ใหญ่ แบกความรับผิดชอบไว้ 100% ก็ควรค่าแล้วสำหรับคำชื่นชมของคนที่ไปงาน....ส่วน " ครั้งแรก " ของนิตยสาร TAF.. หน้าตาทีมงานก็เพิ่งเคยเห็นกันในรูปถ่ายงานไทย แคน จอย นี่เอง ..ความเห็นส่วนตัวของดิฉันมองว่านิตยสารเล่มนี้ทำขึ้นโดยความตั้งใจจริง ใช้เวลาส่วนตัวอย่างมาก ตัวอย่างที่จะแอบดูว่าเล่มอื่นๆเค้าทำกันยังไงก็ดันไม่มีซะอีก...จุดประสงค์เพื่อต้องการเผยแพร่ให้วงการหูฟังเป็นที่รู้จักในวงกว้างขึ้น ผู้จัดทำมีความประสงค์ดีที่จะริเริ่มพัฒนาวงการ ซึ่งเป็นความคิดที่สร้างสรรค์ค่ะ เป็นก้าวแรกที่แม้ตั้งใจมากขนาดไหนแต่ก็ไม่วายล้มลุกคลุกคลาน ถูกด่า ถูกวิจารณ์มากก็เป้นเรื่องธรรมดา แต่ก้าวต่อๆไปจะซวดเซน้อยลงเรื่อยๆจากประสบการณ์ที่ผ่านไป โถ..จะให้เจ๋งเหมือน FHM อย่างไรได้...ทีมงานเก็บความท้อถอยจากเสียงวิพากษ์วิจารณ์ให้เป็นความท้าทายเถอะค่ะ เราก็ลูกผู้ชายคนนึง รักที่จะทำ ตั้งใจพัฒนาให้มันดียิ่งๆขึ้นไป เสียงติ เสียงด่าขอให้ถือว่าเป็นคำอวยพรให้เรามีลูกฮึดมากขึ้น ว่าที่จริงต้องขอบคุณทุกเสียงติเตียนนะคะ ดิฉันขอชื่นชมในความตั้งใจของทุกคนที่นิตยสารเล่มแรกทำจนสำเร็จ อย่าให้เป็นเล่มสุดท้ายเลยค่ะ ทำไปเรื่อยๆมีคนที่เข้าใจคอยให้การสนับสนุนอยู่ก็มิใช่น้อย รู้ๆกันอยู่ว่าไม่มีใครคิดจะทำมาหากินเอากำรี้กำไรจากนิตยสารเล่มนี้หรอกเพราะคนทำแต่ละท่านมีการงานประจำดีๆเงินเดือนเยอะๆกันทั้งนั้น จะรออ่านเล่มต่อๆไปค่ะ ขอให้กำลังใจทีมงานทุกคนในฐานะพี่ๆน้องๆร่วมวงการ ที่อยากเห็นเราค่อยๆโตขึ้น... นอกจากรักเสียงเพลง รักหูฟังแล้ว สิ่งที่พวกเราหลายคนมีเหมือนๆกันคือรักพวกพ้องและอยากเห็นการพัฒนาของวงการหูฟังค่ะ

เล่มต่อไป ใครไม่ซื้อไม่ว่าหาอ่านฟรีได้ อ่านแล้วจะติจะวิจารณ์ยังไงเอาให้เต็มที่..อยากให้คนอ่านนอกจากติแล้วกรุณาแนะนำด้วยค่ะ....เสนออย่างสร้างสรรค์ สำคัญทุกความหมายนะคะ

"หนังสือ" = "Content is KING"

จับความต้องการของ "ผู้อ่านให้ได้ครับ"

แต่จาก comment คงเห็นแล้วว่ามันยังไม่ใช่
ยังอยากอ่านเล่ม 2 3 4 .... ต่อไปครับ เป็นกำลังใจให้

เล่มหลังๆน่าจะดีขึ้นครับผม นี่แค่เล่มแรกครับ

โดยรวมผมเอาไว้อ่านเล่นๆก็โอเคนะอีกอย่างมันสีทั้งเล่มโฮ่วๆๆๆ

เอาไว้โต๊ะรับแขกครับเผื่อเค้าสนใจ*0*และยุยง

ถ้าทำด้วยใจ ทำไมต้องขายแพงหรือไม่แจกไปเลยครับ?


ดู A day สิครับ แค่เล่มแรกก็กรี๊ดแล้ว!!!!

ปล. ก่อนจะลงมือผลิตพิมพ์ขาย มีการวิจัยกันมาก่อนมั้ยครับว่าผู้อ่านคาดหวังอะไรจากหนังสือเล่มนี้. สี่สีทั้งเล่ม มันจำเป็นจริงหรือ? ส่วนใหญ่หูฟังก็ดำๆทั้งนั้น แอมป์ส่วนใหญ่ก็สีดำ ทำไมต้องสี่สี??? สี่สีเฉพาะบางหน้าก็ได้มั้งครับ อยากทราบว่าผู้ทำมองการณ์ไกลแค่ไหนครับ คิดว่ามันจะอยู่ยั่งยืนสักกี่ปี ทำด้วยสมองครับหนังสือไม่ใช่ทำด้วยใจ. เพราะหลายรายเจ๊งก็เพราะด้วย "ใจ" นี่แหละ !!! สุดท้ายก็ไม่ใช่ทำด้วย "ใจ" แต่ทำด้วย "กำไร" และ "อื่นๆ" อีกทั้งสิ้น.

75 บาทรวมส่งให้ก็ดีนะครับ แต่กว่าผมจะได้ก็ปาไป 21 วันหลังจากวันส่ง ไม่รู้ไปรษณีย์เล่นตลกอะไร
ฉบับบหน้าคิดค่า EmS ก็ได้ครับ 5555
อ่านเล่นๆก็รู้สึกบันเทิงดี
รอซื้ออยู่นะครับ เอามาอ่านให้มีอะไรบันเทิงเล่นๆ 555

ครับ มันเป็น ความหวังของ คน ซื้อ คิดก่อนจะอ่าน ว่า น่าจะมี อย่างนั้น อย่างนี้
พอเปิด แล้ว ใจหาย ความรู้ไม่มีเรย น่าจะ ใส่ ข้อ มูล เครื่องเล่น หูฟัง อย่างมีลูกเล่น
ชวนติดตาม คล้าย ฯนิตยสาร ปูน ปูน (ที่ชอบพกพา) เป็นกำลังใจ ครับ
อย่าท้อ สงเสริม ครับ นาน นาน ออกเล่ม ก้อได้ครับ

ผมก็ ซื้อมาอ่านนะ

ส่วนตัว ผมคิดว่า มีสิ่งที่ต้องปรับปรุงอีกเยอะครับ ไม่ว่าจะเป็น เนื้อหา การวาง Layout

การจัดลำดับ คอลัมม์ แต่ผมคิดว่า ทุกสิ่งทุกอย่าง ต้องมีก้าวแรกเสมอครับ

ดีกว่าคนที่ไม่คิดจะยอมก้าวออกไปไหน จากจุดนี้ผมขอชม ทีมงาน Taf ครับ

ถ้ามีออกมาอีก ผมก็จะซื้อเหมือนเดิมครับ เป็นการช่วยเหลืออุดหนุน วงการ หูฟัง ไทย :)

ถามว่าคุ้มไหม?
ตอบว่ายังไม่คุ้ม อาจเป็นเพราะว่าส่วนตัวมีความคาดหวังสูง
ขอเนื้อหาที่เป็นความรู้สำหรับมือใหม่ที่เริ่มเล่นครับ
แต่ก็เอาใจช่วยให้มีฉบับหน้าต่อไป

ขอบอกว่าตัวเล่มนี่ไม่คุ้มเลยครับ

แต่ต้องบอกว่าคุ้มในฐานะอนาคตของวงการนี้ครับ

จริงๆพี่ๆผู้หลักผู้ใหญ่ในเว็บ TAF มีเยอะมากเลยนะครับ ผมเชื่อว่าพวกท่านคงมีคำแนะนำดีๆเกี่ยวกับ content ที่ควรจะมีในหนังสือให้กับทีมงานผู้ผลิตได้มากมายแน่นอนครับ ลองปรึกษาพวกท่านดู

คนดีๆอยู่ใกล้ตัวมีเยอะเน้อ

ขอเป็นกำลังใจให้ครับในถานะทำงานด้านสิ่งพิมพ์เหมือนกัน เลยเข้าใจครับ ว่ามันยากขนาดไหน แต่ยังไงก็ต้องมีการปรับปรุงกันต่อไปครับ อย่ายอมแพ้ครับ

หนังสือเฉพาะทางก็แบบนี้แหละครับ สปอนเซอร์มันน้อย.....สู้ๆครับ

ไม่อ่านอ่ะ เซ็งเป็ด

ราคาขนาดนี้ - เนื้อหาขนาดนั้น = ผมว่ามันบ้าเกินไป
ผมบอกตรงๆข้อมูลหูฟังบนโลกนี้มันมีเยอะแยะมากมาย ถึงคุณจะทำต่อ ข้อมูลที่หามาถ้าไม่ได้แตกต่างจากที่มีบนโลกไซเบอร์ มันก็จบแล้ว หรือคุณว่าไง ..หนังสือด้านนี้มันดีครับแต่กว่าจะทำมันก็สายไปแล้ว
..คุณจะบอกอะไรคนซื้อว่าซื้อแล้วข้างในลูกค้าจะได้รับอะไรบ้าง นอกจากรีวิวหูฟังที่มีอยู่อย่างกลาดเกลื่อน ผมยังมองไม่เห็นเลยว่าคุณจะมีทางอะไรใหม่ๆมาเสนอลูกค้า
-จะพาไปชมโรงงานการผลิต?
-พาดูวิธีออกแบบหูฟังจากมืออาชีพ?
-มีจัดชิงโชคแจกหูฟัง?
-สอนการทำแอมป์พกพา?
-สอนทำสายสัญญาณต่างๆ?
-จัดสัมพาทย์คนดังกับหูฟังตัวโปรด?
-แงะหูฟังโชว์ไส้ใน?
-วิธีการซ่อมหูฟัง?
-แนะนำแหล่งซื้อหูฟัง?(จะมีสักกี่ร้าน)
...การทำหนังสือเฉพาะด้าน มันยากมากที่จะหาอะไรใหม่ๆมาเสนอลูกค้า ผมไม่อยากให้เจ็บตัวไปมากกว่านี้แนะนำนะครับจบโปรเจคไปเถอะ - -" ผมพูดจากใจไม่ได้มากวน อะผมยกตัวอย่างให้หนึ่งวงการ เคยเห็นหนังสือ3Dบ้านเราไหมครับ(ผมทำงานด้านนี้) ไขว่ขว้ามากอยากเห็นหนังสือวงการ3D บ้านเรา
ผลที่ได้รับมาคือ ไม่ว่าจะออกมากี่ค่ายๆ พับเสื่อกลับบ้านหมด ไอ้ที่ยังรอดๆมาได้ ก็ไปแปลเอามาจากหนังสือนอกหมดไม่ก็ลอกจากทางอินเทอร์เน็ทมาทั้งดุ้น ไม่ก็ซื้อลิขสิทธิ์มาแปลขาย - -" มันถึงจะพอไปได้ ตอนนี้เลิกสนใจและหวังกับมันไปแล้ว (สาเหตุอื่นมีอีกเยอะขี้เกียจบรรยาย) แล้วทางTAF พร้อมแค่ไหนครับ? กับหนังสือเฉพาะวงการ เฉพาะด้านเล็กๆในบ้านเรา Goodluck

ถูกต้องตามความเห็นข้างบนครับ ทุกอย่างมีในเวบหมดแล้ว แต่คงลืมไปเรื่องนึง คือ เสน่ห์ของหนังสือครับ หนังสือที่ได้เปิดทีละหน้า ได้อ่าน ได้ดู มันเป็นความสุขที่ไซเบอร์ให้ไม่ได้ ไม่เช่นนั้น หนังสือต่างๆคงขายไม่ได้ เพราะข้อมูลที่เขาทำก็มีในเวบหมดแล้ว


อ่านหนังสือที่ชอบริมหาดทราย ความรู้สึกแบบนี้ไซเบอร์ให้ไม่ได้ครับ


สุดท้ายขออนุญาตพื้นที่เวบเฮียเป็นกำลังใจให้ทีมงานTAF นำข้อติติงและคำแนะนำไปพัฒนาในเล่มต่อๆไปครับ

เป็นกำลังใจให้ทีมงานTAF ครับ ขอให้เล่มหน้าพยายามเพิ่มเนื้อหาให้มากกว่านี้ก็จะดีครับ ถ้าเริ่มตั้งแต่มือใหม่หัดฟังได้ก็จะดีมากเลยครับปรับปรุงไปเรื่อยๆอย่าท้อ กับคำคนที่ไม่ได้ตั้งใจติเพื่อก่อ แต่ติเพื่อ ดิสเครดิต นะครับ

ทุกอย่างมีใน net หมดครับ แต่ผมว่าคงมีคนขี้เกียจเข้าไปอ่านอีตา srajan เขียนใน 6moons หรือ อ่าน อีตา skylab เขียนใน head-fi เรื่อง amp พกพา
คงไม่ไปนั่งอ่านอีตา spritzer เขียนเกี่ยวกับ O2MKI ใน head-fi ผมว่าเรื่องพวกนี้เอามาแปลเป็นไทยให้อ่านได้
ผมจะเอา Link เกี่ยวกับ LCD2 ให้ดู อันนึง
ผมว่าถ้าใครไม่ไปเล่น head-fi คงไม่ได้อ่าน แถมอ่านไปอ่านมายังขี้เกียจอีก สู้มีภาษาไทยในมือไม่ได้
ลองดูหนังสือ ภาพยนตร์ หรือ เพลง ต่างประเทศซิครับ ก็แปลซะเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็อยู่ได้ เพราะเค้าก็เอาความรู้ ความเห็นจากนักวิจารณ์ภายในประเทศ เข้าไปปนปนด้วย
เรื่องหูฟังหน่ะมีอะไรเยอะ เช่นพูดถึงเรื่อง สายไฟก็ได้ จริงอยู่มีคนเคยเขียนแล้ว แต่ก็อาจนานหลายปีแล้ว (เคยอ่านต่วยตูนย์ มั๊ยครับ เอาเรื่องที่เคยกล่าวถึงแล้วเช่นเรื่อง สงครามกรุงทรอย หรือ สงคราม crusade นี่ก็หลายครั้ง)
ผมว่า จะทำต่อก็ได้ แต่ทำเนื้อหาให้มันหลากหลายขึ้น ทันสมัยทันเหตุการณ์ ราคา 79 บาทหน่ะไม่แพงครับ
แล้วที่คุณเป็ด บอกว่าอาจจะทำเล่มเดียวจบ ผมว่าก็คงแล้วแต่ปัจจัยต่างๆซึ่ง ก็คงแล้วแต่การพิจารณาของผู้จัดทำ
แต่ถ้าทำแค่ 1 เล่มแล้วบอกว่า ทำความฝันของตัวเองสำเร็จแล้ว คือได้ออกหนังสือ
ผมเสียดายอะไรหลายอย่าง เช่น เรื่องของ title หนังสือหูฟังเล่มแรก ของประเทศไทย แต่นี่ก็เป็นแค่ความเสียดายแบบตลกๆ แต่ที่เสียดายจริงๆ คือ เรื่องที่มีความพยายามแล้ว แต่หมดความพยายามเร็วไปหน่อย ที่ว่าจะทำเล่มเดียว
แต่อย่างว่า เราไม่ได้ทำหนังสือเอง ก็คงพูดคงวิจารณ์ไปได้ดังที่ตัวเองคิด แต่ผู้จัดทำคงจะมีเหตุผล มีปัจจัยต่างๆ ที่ต้องพิจารณาเยอะ
เอาใจช่วยครับ

มาคุยกันต่อแบบบรรยากาศเบาๆ ละกันครับ

จริงๆผมไม่อยากให้ใช้คำว่าติติง แต่ถ้าเป็นไปได้เราใช้คำว่าหารือร่วมกันจะดีกว่าครับ เพราะเท่าที่เห็นอยู่ วงการหูฟังนั้นเล็กแค่หยิบมือ จะหมุนซ้ายหมุนขวาก็แทบจะรู้จักกันหมด เอาเป็นว่าเราหารือว่าแนวทางที่ดี และน่าจะเหมาะกับคนอ่าน นั่นคืออะไร

การเขียนรีวิวแบบมาตรฐานที่เราเคยอ่านมาจากรุ่นน้า รุ่นอาทั้งหลาย จนกลายเป็น Pattern ที่แข็งแกร่ง การรีวิวโดยเรียงอุปกรณ์อะไรที่ใช้ร่วมในการทดสอบ การเล่าว่าใช้แผ่นซีดีแผ่นไหน แทร็คไหน ในการอ้างอิง ผมว่าบางทีคนที่ทำตรงนี้ได้ ต้องคร่ำหวอดอยู่กับงานเขียนด้านนี้มาโดยเฉพาะ และประกอบเป็นอาชีพหลักกันเลยล่ะครับ

สำหรับหนังสือ TAF นั้น การจะเฟ้นหาตัวคนรีวิวนั้นอาจจะทำไม่ได้ในชั่วพริบตา การเอาข้อมูลจากต่างประเทศมาแปล หรือการทำคอลัมน์หลักต่างๆ ล้วนแล้วแต่ต้องใช้เวลา และต้องเป็นการทำไปแก้ไขไป ไม่สามารถจะทำได้ในคราเดียว เนื่องจากการทำสิ่งเหล่านี้ ต้องใช้เงินทุนมากพอสมควรครับ การจะมีนักเขียนที่มีฝีมือ นักแปลฝีมือดีและสามารถเขียนประจำได้ แน่นอนว่าต้องลงทุนว่าจ้างกันเป็นประจำ

มีอีกสิ่งหนึ่งที่ผมมองเห็นคือ ถ้าไม่ทำ แล้วใครจะเป็นผู้ทำ ?? การทำหนังสือหูฟัง ซึ่งเป็นหนังสือเฉพาะทาง และเป็นการเฉพาะทางสำหรับคนเล่นที่กลุ่มเล็กแค่หยิบมือเดียว ผมว่าโจทย์มันยาก ต่างจากวงการอื่น พวกรถ พวกกล้อง ตลาดมันใหญ่มโหฬาร จำนวนผู้บริโภคสูงกว่าหูฟังมากมายนัก การจะลงทุนกับกลุ่มคนที่มีอยู่มากมายดูเหมือนความเสี่ยงจะน้อยกว่าวงการหูฟัง

ขอบคุณทุกท่านที่ร่วมออกความเห็นกันครับ ผมเชื่อว่าทุกคนหวังดี และอยากให้ทุกอย่างสามารถเดินต่อไปได้ด้วยดี ขอแต่ทุกคนให้กำลังใจ และมอบโอกาสให้กันและกัน ผมเชื่อว่าทีมงานหนังสือทุกคนไม่ได้นิ่งนอนใจ และยังคงมุ่งมั่นที่จะปรับแก้ไข ให้เป็นที่ถูกใจทุกท่านได้ในอนาคตอย่างแน่นอนครับ.........

555 เอ้า ตอนนี้ถึงส่วนของผมเองล่ะ 555

ขอบคุณคุณแมวมากๆๆครับ ที่ชมจนผมชักจะเคลิ้มเลยล่ะ จ๊ากๆๆๆ 555 จริงๆ แล้วงาน CanJoin ที่ผ่านมานั้น ผมเชื่อว่าในแง่ของรายได้จากการจำหน่ายสินค้าในงาน ผมว่าผู้ประกอบการแต่ล่ะราย ถึงขั้นเป็นลม บางรายสลบ ผมเชื่อว่าไม่มีใครขายได้กำรี้กำไรอะไรมากมายจากงานนี้ล่ะครับ 555 แต่ทางผู้ร่วมงานเค้าทราบล่วงหน้าอยู่แล้วล่ะครับ ว่าเป็นงานกึ่งโชว์ มากกว่าเน้นขาย


แต่ไหนๆ เล่าแล้วก็ต้องขอเล่าต่อเลย ตอนแรกสุดที่ผมคุยกับทางสมาคมเครื่องเสียงเสร็จเรียบร้อย ผมก็ยังนึกในใจว่า แล้วกูจะทำไงดีวะเนี่ย เป็นจังหวะที่พี่เกียรติชัยโทรมาคุยด้วยตามปกติ ผมเลยเรียนให้พี่เกียรติชัยทราบ ว่าเราจะจัดงานอย่างที่ CanJam จัดกัน แต่จะจัดกันแบบไทยประยุกต์


เท่านั้นเอง ไม่ต้องฟังมากกว่า 3-4 คำ พี่เกียรติชัยเอ่ยปากหนักแน่นชัดเจนว่า ดีๆๆๆ ยินดีมากๆๆ ยินดีให้การสนับสนุนเต็มที่ทุกอย่าง ซึ่งกลายเป็นจุดเริ่มของงาน และเป็นจุดแข็งที่สุดของการประชาสัมพันธ์งาน เพราะหูฟังที่สามารถดึงดูดใจคนที่จะมางาน น่าจะเป็นหูฟังที่หายาก ราคาสูง ซึ่งแน่นอนมันต่างจากหูฟังที่มีขายอยู่ทั่วไปแน่ๆๆครับ 555


ผมเองในเรื่องของการโปรโมท ขอยอมรับว่าโปรโมทเวอร์ไปอยู่เหมือนกัน 555 อย่างเช่นหูฟัง Orpheus นั้น ราคาที่ผมทราบมานั้นประมาณสามแสนกว่าๆ แต่พอเราจะชูเป็นจุดขายให้สื่อมวลชน ผู้ใหญ่ทางสมาคม รวมถึงคนทั่วไปที่ติดตามอ่านทางเว็บไซด์

ผมก็ต้องอาศัยวิญญาณหลงจู๊โรงจำนำ ตีราคาให้มันดึงดูดใจไว้ก่อน คือห้าแสนบาท ซึ่งผมเชื่อว่า คนมากมายให้ความสนใจ และหันขวับมาแลดู ก็อาจจะเป็นด้วยความกังขาว่าหน้าตามันเป็นยังไง ไอ้หูฟังตัวละห้าแสน

ซึ่งอันนี้ผมเชื่อว่าเพื่อนๆ คงไม่ได้ติดใจว่าผมโกหก หรือให้ข้อมูลเท็จนะครับ มันคือการทำประชาสัมพันธ์ข่าวให้แลดูตื่นเต้นและน่าสนใจมากยิ่งขึ้นเท่านั้นเอง

งานนี้บอกตามตรง หากขาดพี่เกียรติชัย และพี่ๆ ทาง TAF ที่ช่วยขนของมาให้ทดสอบกัน งานคงกร่อย และไม่รู้จะเอาอะไรมาเป็นจุดขาย จะให้ผมไปเล่นออกลิงออกค่างกระโดดโลดโผนยังไง มันก็กร่อยสนิทอยู่ดี 555

หากงาน CanJoin จะประสบความสำเร็จอยู่บ้าง ผมถือว่าเป็นความสำเร็จร่วมกันของทุกๆคน ไม่ใช่ผม เพียงแต่ผมอาสารับมาทำแล้ว ผมต้องทำหน้าที่ของผมให้ดีที่สุด เท่านั้นล่ะครับ


เข้าคูหากาเบอร์ 555 อย่าลืม !!!

จ๊ากๆๆๆๆๆ

ด้วยความที่วงการค่อนข้างแคบ ข้อจำกัดมันมีหลายอย่างน่ะครับ

สปอนเซอร์ - ตรงนี้เป็นปัญหาใหญ่มากครับ จะควักเงินตัวเองทำต่ออีก ก็คงจะไม่ไหวละครับ
ค่าพิมพ์ - ด้วยจำนวนพิมพ์ที่ไม่สูงมาก พิมพ์เยอะก็ไม่รู้จะขายใคร ต้นทุนต่อหน่วยเลยสูง
นักเขียน - มาด้วยใจ ไม่ได้ค่าตัวแต่อย่างใด ฝีมือการรีวิวเราก็พอรู้กันอยู่แล้ว
บทความ - ด้วยความนับถือต่อลิขสิทธิ์ เลยไม่ได้เอาบทความจากเว็ปนอกมาแปลลงไปดื้อๆแบบคนอื่นๆเขาน่ะครับ

แต่ส่วนตัว ผมอยากให้ทำเป็น magazine บนเว็ปไซท์มากกว่าครับ เดี๋ยวนี้คนไม่ซื้อหนังสือกันแล้ว หาดูจากเน็ทกันหมด เพลงยังรอโหลดกันเลยครับ

ถามผมนะ..

เนื้อหาสำคัญกว่าภาพลักษณ์เยอะ..

ไม่ต้องถ่ายรูปนางแบบกับหูฟังเลยก็ได้..


อยากอ่าน เน้นๆ เกี่ยวกับหูฟัง + สาย + แอมป์ + บทวิจารณ์

ไม่ได้อยากดูรูปสวยๆ /นางแบบ หรือ ARTWORK ที่เท่ห์ มีแต่น้ำ ไม่มีเนื้อครับผม..

เริ่มนับหนึ่งได้แล้ว สู้ต่อไปครับ

ผมว่ารีวิวหูฟัง จัดหนักซักเล่มล่ะรุ่นก็พอแล้วล่ะ
ที่เหลือก็คุยเรื่องเพลงบ้าง ,DIY ,สถานที่เที่ยว ,Trend ,อื่นๆ อีกมากมาย
(อันนี้เสนอแนะครับผม)


ยังไงก็ขอสนับสนุนในเล่มต่อๆ ไปล่ะครับ
ผลิตน้อยค่าใช้จ่ายก็สูงเป็นธรรมดาครับ

สนับสนุนให้ทำต่อครับ เห็นด้วยที่ควรเพิ่มเนื้อหาครับ เพราะเป็นนิตยสารเกี่ยวกับ gadget มีบทความจาก ต่างประเทศบ้าง สัมภาษณ์คนในวงการในเมืองไทย ของเล่นแปลกๆจาก ต่างประเทศ รูปน่ารักๆมีบ้างพอชื่นใจ ประมาณนี้ครับ

มองในแง่ดี ทีมงานได้เข้ามาอ่าน ความคิดเห็นต่างๆ เอาไปปรับปรุง เล่มแรกและการเริ่มต้นบางทีทีมงานอาจมองไม่เห็นในรายละเอียดหลายๆอย่าง สู้ๆครับเป็นกำลังใจให้ครับ

ขอบบอกไว้ก่อนเลยว่า
ติได้ครับ แต่อย่าใช้อารมณ์ร่วม

หนังสือ มีดีกว่าเน็ตอยู่แล้วครับ
แค่สัมผัสทีละหน้ามันก็ได้อารมณ์แล้ว
ถ้าจะเอาแต่ตามเว็บฝรั่ง
แล้วเมื่อไหร่คนไทยจะได้เริ่มของ"ตัวเอง"กันละครับ

เพิ่งเริ่มเล่มแรก อย่าเพิ่ง"ด่า"ของที่"ตัวเอง"เริ่มครับ
เนื้อหาอาจจะน้อย มีแต่ภาพผู้หญิง จะอะไรก็ตามแต่
แค่"ติ"พอครับ ถ้าช่วยกัน"เตือน"ครั้งหน้าต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน
แค่คนกลุ่มเล็กๆที่อยากจะเริ่มอะไรสักอย่าง อย่าเพิ่งเหยียบครับ
ช่วยๆกันเถอะ คนกันเองทั้งนั้น

ส่วนราคาที่ว่าแพง ผมว่าถ้าเคยทำสมุดหาเงินเข้าคณะ คงจะรู้
ว่ามันลำบากขนาดไหน กว่าจะหาสปอนเซอร์หานู่หานี้
แถมคิดราคาให้มันขายยังไงให้ออกได้ก็ยากแล้ว
การทำหนังสือสักเล่มมันคงยากกว่ามาก ราคา 79 บาท
ถ้าจ่ายไปแล้วลำบาก ก็อย่าซื้อเล่มต่อไปเถอะครับ

ไม่ได้จะอวย รู้ว่ามันเป็นสิทธิผู้บริโภค แต่จะทำไงได้
ก็ผมสงสารคนที่ตั้งใจทำ

บทความ DIY ของคนไทยก็น่าสนนะครับ อนาคตจะได้มี amp ดีๆของคนไทยสู่ตลาดโลกบ้าง อิอิ

เปิดๆ ดูแล้ว มันไม่มีอะไรเลยนอกจากเอาเด็กแก้มกลมมายืนโพสท่าไปมา ไม่เวิร์ค

เนื้อหาอ่อนมาก เล่นง่ายเอารีวิวเก่าๆ แล้วยังเ็ป็นของคนเดิมๆ อีก ผมไม่คิดว่าคนๆเดียวจะเก่งไปทุกเรื่องหรอก เพียงแค่คนรู้จักมานาน ไม่จำเป็นต้องถูกไปหมด

สำหรับรีวิวผมเสนอให้ึคนที่มี system พร้อมจริงๆ ประสบการณ์การเล่นมากจริงๆ มาให้ึความเห็นดีกว่า กะแค่ "เบสคม" "มิติดี" "แหลมไปไกล" อะไรทำนองนี้ใครๆ ก็เขียนได้ครับ นั่งเทียนเอายังได้เลย วันดีคืนดีไปเอาหูเขามาลองฟังแล้วเขียนๆแบบนี้ไม่มีโปรเลยครับ ผมก็เขียนได้แบบนี้ จะเอาคำพูดสวยหรูยังไงก็ได้ เท่าที่ผมดูคนรีวิว system กับประสบการณ์การเล่นยังสู้คนบางคนใน taf ไม่ไ่ด้เลย

เสนอให้ไปดูต่างประเทศดู 6moons ไรงี้ คนทำ pro เห็นได้ชัด มีความน่าเชื่อถือ เพราะอะไร เพราะ system เขาพร้อมสุดๆ ประสบการณ์รีวิวการทดสอบมันก็เลยได้คุณภาพตามมา ความน่าเชื่อถือมันก็เยอะครับ แต่นี่เอาหูมาเสียบกัีบ.....อะไรไม่ีรู้ที่มี ก้องๆ แก้งๆ แล้วเขียน ถ้าอ่านเอาเล่นอ่านได้ แต่เอามาเป็นบรรทัดฐานเป็นเรื่องเป็นราว ไม่ผ่านครับ


แล้วไอ้ "ผู้ชายโลว์เทคไม่ใช่สเปค" อะไรแบบนั้น ใครคิดครับ อ่านแล้วขมวดคิ้วเลย หนังสือ buzz เหรอ

คำพูดเนื้อหาก็แบบเด็กๆ พิมพ์กันในบอร์ดครับ ไม่ค่อยเป็นทางการ เชิงวิชาการเลย เหมาะกับการทำอ่านในกลุ่มมากกว่า

สุดท้ายเท่าที่เปิดๆดูกันหลายๆคน คนข้างๆส่งเป็นเสียงเดียวกันครับ "ใครเลือกนางแบบวะ"

+1 นางแบบปกไม่ผ่านครับ

ยังไม่ได้อ่านเลยว่ะ

ถ้ามีเล่มสอง ก็ขอให้ทีมงานตีโจทย์ให้แตกละกันครับ
ว่าคนรออ่านคาดหวังอะไร

ความคาดหวังมันเยอะเกิน
เรื่องนางแบบไม่สวยนี้อย่าบ่นเลยนะ สวยของคนหนึ่งมันอาจจะไม่ของอีกคนก็ได้
เนื้อหานี้ก็พูดยาก แล้วแต่ว่าจะเอาใจกลุ่มไหน คนเริ่มเล่น หรือเซียนๆในวงการ
แต่เนื้อหามันก็น้อยไป ไม่ครอบคุลมจริงๆ

ส่วนคนที่ไปดูถูกคนรีวิวว่าแค่นี้ใครก็เขียนได้ มันก็จริงครับใครก็เขียนได้
ถ้าแค่เขียนน่ะนะ ที่ยากคือฟังแล้วคิดกลั่นกรองเป็นคำพูดให้ตรงกับเสียงที่ได้มากกว่าครับ
เวลาตำหนิติเนี้ย เก่งกันทั้งนั้น นี้มันไม่ใช่ติเพื่อก่อไปแล้วละผมว่า นี้มันด่าให้เลิกแล้ว

Everybody deserved a 2nd chance na krub.

คุ้มกว่าข้าวเกรียบใน นั่งเล่นนะ 99 บาท ถาดเดียว

ยังไม่เคยอ่านเลยแต่ดูแต่ละความเห็นแล้วนึกถึงหนังสือ comabat เลย
เปิดตัวฮือฮาสำหรับหนังสือเฉพาะกลุ่ม แต่จากงานที่ออกมา....ทำให้ปัจจุบัน...ไปเสียแล้ว ^_^"

1.เนื้อหาไม่ผ่าน
2.การออกแบบอาร์ตเวอร์ค น่าจะทำได้ดีกว่านี้
3.กระดาษดีมาก สี่สีทั้งเล่ม ทำให้ต้นทุนสูง

อยากให้ทำต่อครับ สัญญาว่าจะซื้อทุกเล่มจนกว่าจะเลิกทำ

เนื้อหายังต้องปรับปรุงในหลายๆส่วนครับ แต่หลายๆอย่างก็ทำออกมาได้โอเคครับ

ถ้าออกมาอีก ผมก็ซื้ออีกครับ

หลากหลายความคิดเห็น... เล่มแรก ก้าวแรก ยากครับ ก้าวต่อไปจะเริ่มมั่นคงแล้วต่อๆไปก็ยืนต้นโตไปเรื่อยๆครับเอาใจช่วย
เล่มสองมาซื้ออยู่แล้วครับ

ค่อยๆๆปรับกันไปครับเล่มแรกก็งี้ครับว่างแนวทางกลางๆๆไว้ก่อนจะได้ปรับปรุงให้ดีขึ้นครับ

ทำอะไรคนก็ตำหนิครับ แต่สิ่งที่คุณทำอยู่ไม่มีใครทำครับ ผมคนนึงละที่อุดหนุนงานที่ไม่คิดว่ามีใครคิดจะทำ+กล้าทำชิ้นนี้ เห็นข้อบกพร่องของหนังสืออยู่เหมือนกัน แต่สำหรับเล่มแรกกับมือสมัครเล่ม ผมถือว่าดีครับ โดยเฉพาะส่วนพิสูจน์อักษร (ไม่รู้เรียกถูกปล่าวนะ) เก็บงานดีมาก ดีกว่าการ์ตูนค่ายดังที่ออกมาแปล+วรรคตอนไม่ได้เรื่องที่ผมตามอ่านอยู่ เรื่องบทความศัพท์อ่านยากไม่ต้องพูดถึง คนเขียนในวงการนี้มันน้อย ต้องค่อยๆ พัฒนากันไป ต้องหาคนช่วยมากกว่านี้ครับ ดูจากหน้าสารบัญทีมงานยังกระจึ๋งเดียวอยู่เลยพ่อคุ๊ณ

เรื่องต้นทุนไม่ต้องพูดถึง ไม่ต้องคนทำหนังสือก็รู้อยู่แล้ว คูณภาพกระดาษแบบนี้มัน พรีเมี่ยมขนาดไหน อย่าว่าแต่ทำเพื่อกำไรเลย ไม่คิดว่างานแบบนี้ทำแล้วจะคุ้มค่าเหนื่อยครับ ถ้าใจไม่ถึงจริง คิดแบบละเอียด ผมว่ามันต้องมีหลายองค์ประกอบ ไหนจะค่าพิมพ์, ทำกราฟฟิค , นางแบบ, เสื้อผ้า แต่งหน้าทำผม, ช่างกล้อง ฯลฯ อีกมากมายจิปาถะ

ทำออกมาได้ราคานี้ผมว่าก็เก่งแล้วละครับ ไม่ใช่ว่าติไม่ได้ แต่ผมคิดเหมือน คห. 64 นะ
นี่มันด่าให้เลิกแล้ว คนตั้งกระทู้แรกๆ ผมก็ชื่นชมนะกล้าที่มาโพสเพื่อติติง จะได้ส่งถึงคนทำหนังสือ แต่อ่านไปอ่านมามันชักจะเกเรียนมากกว่า

อีกอย่างคนมาคอมเมนต์กันเยอะแบบนี้แปลว่าคนติดตามครับ หนังสือประสบความสำเร็จแล้วละคุณคนทำ ภูมิใจซะ เล่มหน้าออกอีกซื้ออีก 79 บาท เดี๋ยวนี้ข้าวมื้อนึงยังแพงกว่า

จบข่าว!

จริงครับ ดังวามเห็นข้างบน ที่คนออกมาติ ผมว่าแทบทุกคนอยากให้มันอยู่ต่อไป และอยากให้มันดีขึ้น ผู้จัดทำอ่านแล้วควรจะดีใจเพราะมีคนสนใจติดตามเยอะ

bann por mung kaow meae neng paeng kwa

ทำต่อไปครับ หนังสือหัวที่เกี่ยวกับเรื่องหูฟังมันหายากยิ่งจริงๆ ทุกสิ่งมีจุดเริ่มต้นค่อยพัฒนาเนื้อหากันต่อไปเน้อเป็นกำลังใจให้ค๊าบบบบ

bann por mung kaow meae neng paeng kwa
----------

ลองมาเที่ยวเกาะแถวบ้านผมดูมั่งก็ได้นะ มื้อนึง 79 บาท กินไม่อิ่มหรอก 555

คุณคห.74 ทำไมต้องหยาบคายด้วยครับ เขาแค่เปรียบเทียบ ผมกินก๋วยเตี๋ยวชามละ35 สองชามก็ 70 โอเลี้ยงอีกแก้ว 15บาทก็เกิน79 แล้วครับ

เล่มหน้าก็จะสนับสนุนอยู่นะครับ แต่สำหรับเล่มแรก ผมว่ายังไม่ค่อยโอเคเท่าไร
การทดสอบหูฟังเวลาเอาไปเปรียบเทียบกับรุ่นอื่น คนทั่วไปอ่านแล้วจะนึกไม่ออกครับ เพราะคนทั่วไปไม่ได้ฟังในรุ่นที่เอามาเปรียบเทียบครับ

จัดอาร์ตเวิร์คว่างๆเยอะไปหน่อย เนื้อหาดูไม่ค่อยแน่นครับ สักพักคงเข้าที่เข้าทาง
แต่นางแบบผมว่าโอเคแล้วครับ เล่มบางไปหน่อย แต่ก็เข้าใจเพราะว่าสปอนเซอร์น้อยกว่าพวกหนังสือ stuff กับ t3 เยอะ

ผมให้กำลังใจอยู่นะ ^^

ทุกย่างก้าวย่อมมีอุปสรรคครับ เป็นกำลังใจให้ทีมงานจัดทำครับ แต่ยากที่สุดคือเปลี่ยนคำติ เป็นแรงบันดาลใจในการมุ่งให้ประสบความสำเร็จในที่สุด ก่อนจะท้อไปก่อนครับ สู้ๆ ครับ