Toggle Dropdown
ค้นหา
ค้นหาชื่อสินค้า
ค้าหารีวิวและบทความ
ค้นหาโปรโมชั่น
ค้นหาฟีดข่าว
ค้นหาไฮไลท์
TH
EN
หน้าแรก
สินค้า
เว็บบอร์ด
เกี่ยวกับเรา
สาขา
วิธีชำระเงิน
ติดต่อเรา
Guest
อีเมล์ / ชื่อผู้ใช้ :
รหัสผ่าน :
ลืมรหัสผ่าน
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
หรือ
ค้นหาโดย Google
ค้นหาทุกคำ
ค้นหาชื่อกระทู้
ค้นหาชื่อผู้ตั้งกระทู้
เว็บบอร์ดจับฉ่าย
หูฟังมือสอง
ซื้อขายจิปาถะ
รีวิวและบทความ
กระทู้เฮีย
คลับ
หมวดหมู่ > เว็บบอร์ด จับฉ่าย
ช่องทางการติดต่ออื่น
All
5
10
15
Thailand’s Got Talent เกมโชว์แหกตา!
Shared
ติดตามกระทู้นี้
แจ้งลบ
Geek
09/04/2011 16:23:08
Thailand’s Got Talent เรียลิตีโชว์ที่กลายเป็น Talk of The Town ทันทีที่ออกอากาศ ส่วนหนึ่งมาจากชื่อเสียงอันโด่งดังไปทั่วโลกของรายการต้นฉบับจากประเทศอังกฤษ และอีกส่วนหนึ่งมาจากกลเม็ดการเขียนสคริปต์ของทีมผู้สร้างอย่างเวิร์คพอยท์ ในขณะที่คนทั่วประเทศกำลังเสียน้ำตา หัวเราะร่า เห็นใจ ทึ่ง เอ็นดู รู้สึกรัก และรู้สึกเกลียดไปกับรายการนี้ น้อยคนที่จะรู้ว่าพวกเขากำลังถูก ‘แหกตา’ ขนานใหญ่จาก “เวิร์คพอยท์”
ความรู้สึกอินไปกับตัวรายการซึ่งแทบจะไม่ต่างอะไรจากการนั่งดูละครทำให้ผู้ชมนั่งเฝ้าหน้าจอรอคอย “ตัวละคร” ของพวกเขาออกมาแสดงความสามารถ โดยมีบรรดาคณะกรรมการทั้งสามท่านเป็นผู้ชี้ชะตา สิ่งสำคัญที่ทำให้รายการ Got Talent มีพลังดึงดูดยิ่งกว่าละครหลังข่าวก็คือ “ความสามัญธรรมดา” ของตัวละครที่คนดูรู้สึกคล้ายเป็นตัวแทนของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นเด็กผู้หญิงหน้าตาขี้เหร่ แต่งตัวโทรมๆ ผู้ชายหัวเถิกที่อยากได้เงินไปรักษาแม่ หรือชายหนุ่มติดดินคนหนึ่งที่มีความฝันว่าชีวิตวันข้างหน้าต้องดีกว่าเก่า ทั้งหลายเหล่านี้ล้วนสนับสนุนให้ผู้ชมติดตามรายการนี้อย่างสม่ำเสมอ
บางคนดูแล้วได้กำลังใจ บางคนดูแล้วเกิดข้อสงสัยในตัวคณะกรรมการ บางคนรู้สึกว่ามัน ‘เฟก’ บางคนเข้าใจว่าคือแบบฟอร์มของรายการที่มาจากต้นฉบับประเทศอังกฤษ บางคนรู้สึกไม่ชอบคณะกรรมการ บางคนรักผู้เข้าแข่งขันคนนี้แต่เกลียดผู้เข้าแข่งขันอีกคน ไม่ว่าผู้ชมจะรู้สึกรักหรือเกลียดแต่ความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวลเหล่านี้แหละที่ทำให้มีคนเรือนหมื่น “ติด” รายการนี้อย่างงอมแงม เพราะไม่ว่าคุณจะดูเพราะชอบ หรือดูเพราะแช่ง แต่มันก็ทำให้คุณต้องเปิดดู!!
แต่ก่อนที่จะติดตามรายการในรอบท้ายๆ (ที่เหลืออีกเพียงไม่กี่สัปดาห์) ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์อยากจะขอชวนคุณมาพิสูจน์ความไม่ชอบมาพากลที่เกิดขึ้นกับรายการดังกล่าวในทุกซอกทุกมุม ดังนี้
Got Talent หรือ Got Story?
นับตั้งแต่รายการ Britain’s Got Talent ออกอากาศที่ประเทศอังกฤษ ผู้เข้าแข่งขันหลายพันคนที่พ่วงพาความสามารถ(และความประหลาด)ก็เดินเข้ามาสมัคร แต่ผู้ที่จะผ่านเข้าไปสู่รอบท้ายๆ ได้มักจะต้องมีสตอรีหรือเรื่องราวเป็นของตัวเองด้วยกันทั้งสิ้น
และนั่นก็ทำให้เกิดความพยายามสร้างสตอรีขึ้นในการแข่งขัน Thailand’s Got Talent !!
จริงอยู่ที่ผู้เข้าแข่งขันบนเวที Got Talent ที่ต่างประเทศมักจะมีเรื่องราวเข้ามาสร้างอารมณ์ให้ผู้ชมเสมอ แต่การเข้ามาของเรื่องราวที่ไม่ว่าจะเป็นดรามาเข้มข้นเรียกน้ำตาหรือดรามาน่ารักๆ ที่พอให้ยิ้มตามเหล่านั้นเป็นสิ่งที่เกิดตามหลังความสามารถ หรือ Talent ของพวกเขาเสมอ
พูดง่ายๆ ว่าความสามารถต้องมาก่อน นั่นคือเก่งจริง มีความสามารถในด้านนั้นๆ อยู่เยอะจริงๆ แล้วค่อยนำเรื่องราวของตัวเองผนวกเข้ามาให้คนดูรู้สึกอินกันมากขึ้น แต่สำหรับการประกวด Got Talent ในบ้านเราแทบจะเรียกได้ว่าความสามารถเป็นรองเรื่องราวอย่างเห็นได้ชัด ทำให้เกิดกรณีขึ้นเวทีมานำเสนอเรื่องราวเป็นหลักอย่างนักแซกโซโฟนพ่อลูกอ่อนที่ยังไม่ทันได้บรรเลงความสามารถก็ขายเรื่องดรามาว่าต้องการนำเงินไปรักษาแม่ที่ป่วยจากวีทีอาร์ก่อนขึ้นเวทีเสียแล้ว
จึงไม่ต้องสงสัยว่าผู้ชมจะรู้เรื่องราวของเขามากกว่าจะจดจำชื่อเพลงที่เขาเป่าในวันนั้นได้ จุดที่น่าสังเกตอีกประการก็คือ “การชงเรื่อง” ของคณะกรรมการซึ่งเป็นหนึ่งในผู้แสดงหลัก ที่เราจะพบได้บ่อยครั้งว่าพวกเขาจงใจ “ชง” ให้ผู้เข้าประกวดในฐานะพระเอกนางเอกเหล่านั้นพรีเซ็นต์เรื่องราวของตัวเอง อย่างกรณีของนักเป่าแซกโซโฟนที่มีสตอรีดรามา กรรมการก็เอ่ยปากถามออกมาตรงๆ ว่า “ถ้าได้เงินจะเอาไปทำอะไร?” ซึ่งเป็นคำถามที่พวกเขาไม่เคยเอ่ยกับผู้เข้าแข่งขันรายอื่นๆ เลยแม้แต่คนเดียว
แม้จะเป็นจังหวะที่ไม่เนียนสักเท่าไหร่ แต่ก็ทำให้การแสดงดำเนินต่อได้ นักเป่าแซกโซโฟนมีโอกาสได้บอกเรื่องราวของตัวเองพร้อมกับร้องไห้ หลังจากนั้นการแสดงหรือความสามารถของเขาก็ดูดีจนถึงขั้นผ่านเข้ารอบ
หรือกับเด็กผู้หญิงอายุ 15 ปีที่มาจากจังหวัดสระบุรีที่ปรากฏตัวในสภาพผมเผ้ากระเซอะกระเซิง หน้ามัน สิวเพียบ และสวมเสื้อผ้าสุดเชยเฉิ่ม รายนี้ขายเรื่องราวกับผู้ชมตั้งแต่ในวีทีอาร์แบบฮาร์ดเซลว่า “หนูเป็นเพียงเด็กบ้านนอกธรรมดาๆ ที่หน้าตาขี้เหร่ ไม่เคยเรียนร้องเพลงมาจากที่ไหน และเพิ่งจะอายุได้เพียง 15 ปีเท่านั้นเองนะคะ”
แล้วเธอก็ทำให้คณะกรรมการกับผู้ชมในห้องส่ง(ซึ่งอาจจะรวมไปถึงผู้ชมทางบ้านด้วย) อ้าปากค้างด้วยน้ำเสียงที่ทรงพลังสไตล์ Jennifer Holiday ทั้งหลบเสียงลงต่ำ เค้นเสียงทุ้มใหญ่น่าเกรงขาม และสำรอกเสียงจนคอปูด ทำให้คณะกรรมการและผู้ชมในห้องส่งปรบมือลั่น หลายคนแสดงท่าทางตกตะลึงเพราะนึกไม่ถึงว่าเด็กบ้านนอกจะร้องเพลงได้ทรงพลังขนาดนี้
แต่สตอรีที่เด็กผู้หญิงคนนี้นำมาพรีเซ็นต์ดูจะเป็นขนบเดียวกันกับซูซาน บอลย์ คุณป้าเฉิ่มๆ ที่ได้อันดับที่สองบนเวที Britain’s Got Talent ปีที่แล้ว (และโด่งดังไปทั่วโลกจนทำให้หลายคนรู้จักการประกวดนี้ )ไปสักหน่อย ซึ่งก็คงไม่ใช่เรื่องผิดบาปอะไร ถ้าการพยายามสร้างความรู้สึกแตกต่างในคาแร็กเตอร์กับความสามารถแบบคาดไม่ถึงให้เกิดขึ้นในใจของผู้ชมเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องที่ “สร้าง” ขึ้นมาอย่างจงใจ
เมื่อโลกในยุคปัจจุบันถูกเชื่อมต่อด้วยระบบเวิลด์ไวด์ การปกปิดเรื่องบางอย่างทำได้ยากขึ้น และนั่นก็ทำให้สตอรีที่แท้จริงของเด็กวัย 15 ปีจากจังหวัดสระบุรีรายนี้ถูกเปิดโปง มีคนนำเรื่องราวพร้อมคลิปวิดีโอยืนยันว่าแท้จริงแล้วเธอไม่ใช่เด็กบ้านนอกเฉิ่มๆ เหมือนที่พยายามสร้างภาพ แต่เธอเคยเรียนร้องเพลงอย่างจริงจังและเคยลงประกวดรายการ Singing Kid ของสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ด้วยชุดสวยเต็มรูปแบบทั้งเสื้อผ้าหน้าผมมาแล้ว ที่สำคัญเธอยังใช้เพลงเดียวกับที่ร้องบนเวที Thailand Got Talent อีกต่างหาก
เรื่องราวที่ถูกสร้างขึ้น และเรื่องราวที่ตั้งใจนำมาเสนอเพียงบางแง่มุมทั้งหลายเหล่านี้มีวัตถุประสงค์เดียวก็คือการทำให้ผู้ชมรู้สึกอินไปกับตัวละคร(ผู้เข้าประกวด) เป็นการเพิ่มเรตติ้งให้แก่รายการอย่างไม่ต้องสงสัย สิ่งที่น่าสนใจก็คือ การสร้างเรื่องและการพยายามขายสตอรีเหล่านี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากตัวผู้เข้าแข่งขันฝ่ายเดียว เกิดจากบริษัทเวิร์คพอยท์ที่เป็นผู้ปั้นเรื่องให้ หรือเป็นการพบกันครึ่งทางของผู้เข้าแข่งขันที่อยากได้เงินรางวัลกับผู้ผลิตรายการที่อยากได้เรตติ้งกันแน่ แต่ที่แน่ๆ ก็คือ เวิร์คพอยท์ในฐานะผู้ผลิตรายการคงจะปฏิเสธได้ยากว่าไม่มีส่วนรู้เห็นกับผู้เข้าแข่งขันเลย
กรรมการร่างทรง?
คณะกรรมการบนเวที Thailand’s Got Talent ก็คือ นิรุตติ์ ศิริจรรยา, พรชิตา ณ สงขลา และ ภิญโญ รู้ธรรม เป็นสามคนในรายการที่ได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไปในทางลบมากที่สุด
กรรมการไม่มีมาตรฐาน ทำอะไรไม่มีเหตุผล ตัดสินจากความรู้สึกของตัวเองล้วนๆ พฤติกรรมการแสดงออกไม่เหมาะสม กรรมการไม่เด็ดขาด ฯลฯ เป็นข้อหาที่กรรมการทั้งสามได้รับจากผู้ชม ถึงขนาดที่มีผู้ชมหลายคนบอกว่า จุดอ่อนเดียวของรายการ Thailand’s Got Talent อยู่ที่กรรมการ
การตัดสินให้คนเดินเข้าสู่รอบต่อไปด้วยคำพูดสั้นๆ ที่ว่า “ผ่าน” หรือ “ไม่ผ่าน” โดยไม่มีการเสนอแนะติชมทำให้คนดูรู้สึกได้ถึงมาตรฐานที่อ่อนด้อยของกรรมการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการแสดงที่ “ขัดตา” ผู้ชมได้ผ่านเข้าไปสู่รอบต่อไปอยู่เรื่อยๆ
ทั้งการขึ้นมายืนร้องเพลงรักไม่ต้องการเวลาของน้องแพรวา เด็กผู้หญิงอายุ 4 ขวบที่ต้องยอมรับในความน่ารัก แต่ในขณะเดียวกันก็เกิดความกังขาในเรื่องความสามารถ เพราะหากเทียบกับเด็กในรุ่นวัยไล่เลี่ยกันที่ก้าวขึ้นไปประกวดบนเวที Got Talent ประเทศอื่น จะพบความแตกต่างของความสามารถที่นำขึ้นมาโชว์อย่างชัดเจน เพราะในขณะที่เด็ก 4 ขวบบ้านเราร้องเพลงป็อปตลาด แต่เด็กสี่ขวบที่อังกฤษหรือที่ประเทศจีนกลับออกมาบรรเลงเปียโนเพลง Moonlight Sonata ของบีโธเฟนกันอย่างพลิ้วไหว
โชว์เต้น Cover ศิลปินเกาหลีที่เราเห็นกันดาษดื่นก่อนคอนเสิร์ตนักร้องเกาหลีที่เมืองไทยแต่มีแฟนคลับเข้าไปเชียร์มากมายจนกรรมการต้องให้ผ่าน หรือจะเป็นการแสดงร้องเพลงมั่วๆ ของหมอดูหน้าตี๋ท่าทางไม่เต็มเต็งที่กรรมการบอกเพียงแค่ว่ารู้สึก “พอใจ” ก็เลยให้ผ่าน โชว์เหล่านี้นี่เองที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกถึงความด้อยมาตรฐานของกรรมการทั้งสาม
แต่ทว่า ในความเป็นจริงแล้วกรรมการทั้งสามไม่ได้มีอำนาจล้นเหลือเหมือนเช่นที่พวกเขาแสดงออกบนเวทีเลย ไม่ว่าจะเป็น นิรุตติ์ พรชิตา หรือภิญโญ ทั้งสามล้วนเป็นเพียงผู้แสดงที่มีบทบาทเป็นทั้งพระเจ้าและซาตานกำหนดชีวิตพระเอกนางเอกเหล่านั้น ผู้เข้าประกวดที่จะได้เข้ารอบจะมี “สเปก” ที่ถูกกำหนดไว้อยู่แล้วจากเบื้องบน ทั้งผู้เข้าประกวดแบบเดี่ยวและแบบกลุ่มที่จะต้องมีคละเคล้ากันไป และนั่นก็ทำให้ทีมเชียร์ลีดดิ้งหูหนวกจากนนทบุรีไม่ผ่านเข้ารอบ ทั้งๆ ที่มีสตอรีดรามาเป็นของตัวเอง แต่โควตาผู้แข่งขันแบบทีมและโควตาคนพิการเต็มแล้วนั่นเอง
ในรอบท้ายๆ ของเวที Got Talent ทุกประเทศเราจะเห็นคนที่มีลักษณะดังต่อไปนี้ เด็กอายุน้อยๆ, คนที่มีเรื่องดรามาสุดๆ , คนที่สร้างเซอร์ไพรส์ให้คนดู ผู้เข้าประกวดแบบทีม และคนบ้าๆ บอๆ ที่มาเป็นสีสัน ทั้งหมดนี้อาจจะเป็นได้ทั้งผู้ชาย ผู้หญิง คนพิการ และมักจะหลงเหลืออยู่ที่ความสามารถในการร้องเพลง การเต้น และการเล่นดนตรีเท่านั้น
ไบเบิลของ Got Talent หรือไบเบิลของเวิร์คพอยท์?
ทุกประเทศที่ซื้อลิขสิทธิ์รายการ Got Talent ไปทำ จะต้องสร้างรายการตามคัมภีร์ของต้นฉบับประเทศอังกฤษ ตั้งแต่เรื่องพื้นๆ อย่างโลโก้ สัญลักษณ์ เวที ฉากหลัง การตัดต่อ ไปจนถึงเรื่องที่ลงลึกกว่านั้นอย่างผู้ชมในห้องส่งกับพิธีกรบนเวทีที่จะต้องมีโอเวอร์แอ็กติ้งตลอดเวลา ไปจนถึงคณะกรรมการทั้งสามคนที่มีคาแร็กเตอร์ให้สวมมาอย่างเสร็จสรรพ
แต่การตัดสินซึ่งเป็นสิ่งที่รายการพยายามพรีเซ็นต์ว่าเป็นอิสระของกรรมการนั้นยังเป็นสิ่งที่มีความไม่โปร่งใสอยู่มาก หากดูของต้นฉบับตลอดจนของประเทศอื่นๆ เปรียบเทียบจะเห็นได้ชัดว่ามีความหลากหลายของผู้ที่เข้ารอบท้ายๆ มาตลอดทุกปี แต่ทุกโชว์ล้วนเป็นโชว์ที่ผู้ชมต่างก็ยอมรับในความสามารถของผู้เข้าประกวดทำให้พวกเขายอมรับในคำตัดสินของกรรมการกันอย่างสบายใจ
แต่การล็อกสเปกผู้เข้ารอบบนเวที Thailand’s Got Talent ที่ทำให้ผู้เข้ารอบบางคน “ขัดตา” คนดูอย่างแรงก็ทำให้เกิดคำถามถึงเรื่องโควตาของผู้เข้ารอบว่า แท้จริงแล้วเป็นใบสั่งจากเจ้าของลิขสิทธิ์หรือความประสงค์ของเวิร์คพอยท์กันแน่
โมเดลลิ่งที่รับหน้าที่พาผู้ชมเข้ามา “แสดงออก” ในห้องส่ง ทั้งหัวเราะ ร้องไห้ ลุกขึ้นยืนปรบไม้ปรบมือ หรือโห่ไล่เป็นเรื่องธรรมดาที่ประพฤติปฏิบัติกันมานานแล้ว รวมทั้งการที่มีโมเดลลิ่งพาผู้เข้าประกวดมาสมัครก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่การยื่นสเปกของผู้เข้าประกวดไปให้โมเดลลิ่งค้นหาเพื่อพามา “เข้ารอบ” เป็นเรื่องที่ไม่ยุติธรรมต่อผู้เข้าประกวดที่ไม่มีสังกัด
ซึ่งนี่ก็เป็นเรื่องน่าสงสัยว่าอาจจะเกิดขึ้นในการผลิตรายการที่ออกตัวว่าเป็นเกมโชว์ที่เปิดโอกาสให้คนทั่วไปมาแสดงความสามารถ เพราะคำถามที่ผู้สมัครไร้สังกัดได้ยินมากับหูในวันที่เดินเข้าไปสมัครก็คือ “มีใครติดต่อน้องให้มาสมัครรายการนี้เหรอ?”
เด็ก สตรี คนชรา สูตรสำเร็จของเวิร์คพอยท์
หากย้อนไปดูรายการเกมโชว์ของเวิร์คพอยท์จะพบความไม่ชอบมาพากลหลายประการ ความรู้สึกนี้ลุกลามบานปลายไปสู่วงกว้างจนทำให้เกิดกระแส “ไม่เชื่อถือ” เกมโชว์เวิร์คพอยท์ขึ้นเมื่อหลายปีก่อน และครั้งนั้น “ปัญญา นิรันดร์กุล” ก็ออกมาปฏิเสธเสียงแข็งว่า “รายการของผมไม่มีทางเตี๊ยมแน่นอน”
แต่คนที่ติดตามรายการแฟนพันธุ์แท้, เกมทศกัณฐ์, เกมทศกัณฐ์เด็ก และหลานปู่กู้อีจู้ ไม่รู้สึกเช่นนั้น หากตัดเรื่องความเก่งกล้าผิดมนุษย์ของผู้เข้าแข่งขันรายการออกไป จะพบว่าส่วนมากของผู้ที่ชนะหรือแชมป์ที่ต้องยืนหยัดอยู่คู่กับรายการมักจะมีคุณสมบัติบางประการที่ดึงดูดผู้ชมให้ติดตามเชียร์เสมอ
เกมทศกัณฐ์ในยุคสมัยหนึ่งก็มีทีมสาวสวยนิสิตจุฬาฯ ซึ่งมีดีกรีเป็นถึงพรีเซ็นเตอร์โฆษณามาแข่งขัน และน่าแปลกที่พวกเธอครองความเป็นแชมป์ได้นานกว่า 5 เดือน และทุกๆ เทปที่ผ่านไปพวกเธอก็มาปรากฏตัวด้วยใบหน้าน่ารัก หุ่นสวยๆ เรียกเรตติ้งให้แก่รายการได้เป็นอย่างดี
ทั้งน้องเดียวแห่งรายการเกมทศกัณฐ์เด็กที่มีทั้งความน่ารักน่าเอ็นดูและความฉลาดเป็นกรด อีกทั้งยังมีคาแร็กเตอร์ความทะเล้นนิดๆ ที่เรียกรอยยิ้มกับเสียงหัวเราะของผู้ชมได้ และถ้าย้อนกลับไปดูเทปเก่าๆ ของรายการนี้จะพบว่าเวิร์คพอยท์ตั้งใจผลิตรายการดังกล่าวมาเพื่อทำการค้า ดึงเอาเด็กหน้าตาน่ารักที่เป็นพรีเซ็นเตอร์โฆษณาและนางแบบตัวน้อยมาเป็นผู้แข่งขันที่ยืนระยะนานหลายเดือน เพื่อทำให้ผู้ชมเกิดความรู้สึกผูกพันนอกเหนือไปจากความรู้สึกเอ็นดูเด็กจากหน้าตาของน้องๆ เหล่านั้นแล้ว
คงไม่แปลกอะไรถ้าหากเวิร์คพอยท์จะยึดสูตรสำเร็จของตัวเองดังที่รายการเกมทศกัณฐ์เด็กกับหลานปู่กู้อีจู้(ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนเป็นหนูน้อยกู้อีจู้) ได้สร้างฐานแฟนๆ ทั่วประเทศสำเร็จมาแล้วบนเวที Thailand’s Got Talent ด้วยการปล่อยให้เด็กตัวเล็กๆ เข้ารอบเพียงเพราะเหตุผลที่ว่า “เด็กน่ารัก” โดยไม่ได้คำนึงถึงคำว่า Talent ที่แปลว่า พรสวรรค์
เพราะสตอรีที่ขายได้อย่างแน่นอนในสังคมไทยก็มักจะวนเวียนอยู่ที่เด็ก สตรี และคนชรา เล่นล้ออยู่กับความรู้สึกเอ็นดู สงสาร เห็นใจ ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลจะเป็นการเขียนบทขึ้นมาหรือไม่นั้นไปถามจากปาก “ปัญญา” คงจะไม่ได้คำตอบ สิ่งเดียวที่รู้ก็คือ หากบอสใหญ่ยังคิดว่าคนดูกินหญ้าเป็นอาหารแล้วไม่เลิก “โกหก” ก็คงจะหวัง “ความจริง” อะไรไม่ได้สักประการจากรายการที่ผลิตโดยบริษัทเวิร์คพอยท์เอ็นเทอร์เทนเมนท์
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
ความคิดเห็นที่ 67
ผมเป็นคนหนึ่งที่ได้เข้ารอบที่สองในรายการนี้ ขอเล่าเบื้องหลังให้ฟัง คิวของผมเป็นวันอัดรายการวันสุดท้ายของรอบสอง(๑๙ ม.ค. ๕๔)ที่โรงละครอัษฎาธร(ขอโทษถ้าเขียนชื่อผิดเพราะจำไม่ได้ชัดเจน) ทางทีมงานนัดผู้เข้าประกวดเวลา ๐๗.๐๐ น.
ผมมาจากต่างจว. เลยมาถึงตั้ง๐๖.๐๐ น.(มาคนแรก) ก็นั่งคอยไปเรื่อย ผมได้เตรียมอุปกรณ์การแสดงของผมมาค่อนข้างมาก คือ เครื่องดนตรีมีกลองไฟฟ้า เบส กีต้าร์ ซึ่งการ set up อุปกรณ์ต่างๆต้องใช้เวลามากพอสมควร(ใครที่เล่นดนตรีคงทราบดี) ผมจึงมาแต่เช้าหรือเป็นคนแรกๆ จะได้มีเวลาเพียงพอการการเตรียมการ แต่ปรากฎว่าผมรออยู่๔ ชั่วโมง ๕๐ นาที ได้เริ่มจัดการก่อนการอัดรายการ ประมาณ ๑๐ นาที(สิบนาที) รายการจะเริ่มอัดเที่ยงวัน เวลา๑๐ นาทีสำหรับการ set up เครื่องดนตรี ๓ ชิ้น รวมถึงการ sound check (ขออภัยที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษ) ใครที่เล่นดนตรีคงเข้าใจว่าเวลามันน้อยมาก อย่างน้อยต้อง ครึ่งชั่วโมงหรือ ๔๕ นาที ระหว่างเตรียมอุปกรณ์ ทีมงานก็ประกาศให่เร่งมือตลอดมันเหมือนโดนกดดันมาก แต่ไม่เป็นไรเราก็ทำไป ลืมบอกไปครับว่าการแสดงของผมคือ คนเดียวเล่นดนตรีทั้งวง ตอนที่ sound check เสียงทุกอย่างก็ปกติ หลังจากนั้นก็พักเวที เปิดให้คนดู (หน้าม้า) และให้กรรมการเข้ามาประจำที่ พักสักประมาณ ๒๐ นาที ผมเป็นโชว์แรกของวันนั้นเลย ปรากฎว่า ตอนเล่นกีต้าร์ เสียงโอเค แต่พอไปเล่นเบส เสียงแทบไม่ได้ยิน พอเล่นกลองคราวหนักกว่าเก่า เสียงแตก ฟังไม่ได้เลย สุดท้ายทางรายการต้องหยุดการอัดเพื่อแก้ไข แต่ก็แก้ไม่ได้ โดยบอกว่าเครื่องของผมช็อต ผมคิดในใจ มันช็อตตรงไหน เล่นอยู่ทุกวันก็ปกติ ทุกวันนี้ก็ยังปกติ สุดท้ายเล่นไม่จบเพราะกรรมการ กด กากบาททั้งสามคน สำหรับคอมเม้นท์ ของกรรมการ บนเวทีผมไม่ออกเถียง แต่ทางรายการน่าจะหาผู้ที่มีความรู้ทางดนตรีจริงๆมาสักคนหนึ่งเพื่อตัดสิน เพราะเท่าที่ดู กรรมการใช้ความชอบตัวเองเป็นคนตัดสิน ซึ่งกรรมการบางคนยังไม่รู้จักเครื่องดนตรีที่ผมเล่นด้วยซ้ำไป เพราะกรรมการคนหนึ่งยังถามผมว่า"กีต้าร์ที่ผมเล่นนั้นเป็นกีต้าร์อะไร ผมไม่รู้จัก แต่ผมว่ามันสวยดี" (น่าจะพูดประมาณนี้) ถ้าเป็นกรรมการที่เป็นนักดนตรีจริงๆ เขาจะรู้ว่ามันคือ Silent guitar มันผลิตขายมาเป็น ๑๐ ปีแล้ว ท้ายที่สุดก็ตกรอบ สรุปสิ่งที่น่าเสียดายไม่ใช่ตกรอบ แต่ไม่ได้มีโอกาสแสดงสิ่งที่เตรียมมาจริงๆอย่างสมบูรณ์ ถ้าใครก็ตามที่เกี่ยวข้องกับรายการนี้ ได้รับรู้ถึง กระทู้นี้ ผมจะขอบคุณมากเป็นอย่างมาก ถ้าไม่เอาการแสดงของผมออกอากาศ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 1
FolkTrance
09/04/2011 17:08:52
3
จริงๆผมดูก็ขัดอารมณ์หน่อยเหมือนกันทั้งกรรมการและผู้ชม(บางครั้งก็โห่ร้องออกหน้าเกินไปหน่อย) แต่ไม่ได้ติดรายการนี้เลย =_=" หรือง่ายๆก็คือดูจาก youtube ที่คนส่งๆกันมามากกว่าครับ
แต่บางคนก็เกิดเหมือนกัน เล่นซะ Robbie willia อ้าปากค้าง
555+
ใน OCZ ก็มีคนนึงประกวดเข้ารอบ 2 เหมือนกันบอกว่าคนต่างจังหวัดบางคนมาแต่เช้า ให้รอๆๆๆ----- บางประมณ 3ทุ่มก็มีคนแจ้งว่าคุณตกรอบ =_=?
จริงๆผมดูก็ขัดอารมณ์หน่อยเหมือนกันทั้งกรรมการและผู้ชม(บางครั้งก็โห่ร้องออกหน้าเกินไปหน่อย) แต่ไม่ได้ติดรายการนี้เลย =_=" หรือง่ายๆก็คือดูจาก youtube ที่คนส่งๆกันมามากกว่าครับ
แต่บางคนก็เกิดเหมือนกัน เล่นซะ Robbie willia อ้าปากค้าง
555+
ใน OCZ ก็มีคนนึงประกวดเข้ารอบ 2 เหมือนกันบอกว่าคนต่างจังหวัดบางคนมาแต่เช้า ให้รอๆๆๆ----- บางประมณ 3ทุ่มก็มีคนแจ้งว่าคุณตกรอบ =_=?
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 2
ย่องมาฟัง...
09/04/2011 17:12:51
0
ชอบคลิปข้างบนมากๆเลยครับผม...555
ชอบคลิปข้างบนมากๆเลยครับผม...555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 3
Todz
09/04/2011 17:15:08
5
อึ้ง ก๊าฟ !!!!
อึ้ง ก๊าฟ !!!!
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 4
echo
09/04/2011 17:47:18
0
ทำตรงไป ตรงมา ก็จืดชืด ไม่ได้เรตติ้ง ไม่ได้กะตังค์ มันคือธุรกิจ อย่าคิดมาก อิอิ
ทำตรงไป ตรงมา ก็จืดชืด ไม่ได้เรตติ้ง ไม่ได้กะตังค์ มันคือธุรกิจ อย่าคิดมาก อิอิ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 5
กุหลาบ
09/04/2011 17:52:12
0
รายการ ไม่ได้แยกแยะ เลยนะว่า มืออาชีพ กับ มือสมัครเล่น..แล้ว เอามาแข่งขันกัน..บางคน ร้องมา อึ้งกันตามๆเลย...ทำไม่ร้องเก่งจัง...นักร้องอาชีพครับ
ถ้าเบิร์ด ธงชัยขึ้นเวทีนี้ละครับ....
ไอ้เจ้า วิลเลี่ยมทำเป็นงง....มาเมืองไทยบ่อยๆนะ จะพาไป...
ไอ้หมอนี่มันรอบจัด เอามาล่ารางวัลได้ไง..มันไม่แฟร์
ยินดีกับเฮียด้วยนะครับที่ได้นักร้องอาชีพ มาร้องเพลง...ผมฟังยังไงๆก็เป็นนักร้องอาชีพ...มันไม่แฟร์....คุณเอาเปรียบคนอื่นเค้า...พวกเรา และ เฮียเป็นบันไดไปใบชานะครับ...ผมไม่ได้ประกวดนะครับ.....เป็นแค่ ความเห็นส่วนตัว
คล้าย กับแข่ง กีฬา มหาลัย..แล้ว มีนักกีฬา ทีมชาติมาลงแค่...จริงอยู่ไม่ผิดกติกา เพราะเขาเป็นนักศึกษา...มันแฟร์แล้วหรือ..กีฬาของไทย ถึงไม่ไปถึงไหน
กราบขออภัยทุกท่านนะครับ ที่อาจทำให้ บางท่านไมพอใจ..แต่มันเป็นเรื่องจริง
รายการ ไม่ได้แยกแยะ เลยนะว่า มืออาชีพ กับ มือสมัครเล่น..แล้ว เอามาแข่งขันกัน..บางคน ร้องมา อึ้งกันตามๆเลย...ทำไม่ร้องเก่งจัง...นักร้องอาชีพครับ
ถ้าเบิร์ด ธงชัยขึ้นเวทีนี้ละครับ....
ไอ้เจ้า วิลเลี่ยมทำเป็นงง....มาเมืองไทยบ่อยๆนะ จะพาไป...
ไอ้หมอนี่มันรอบจัด เอามาล่ารางวัลได้ไง..มันไม่แฟร์
ยินดีกับเฮียด้วยนะครับที่ได้นักร้องอาชีพ มาร้องเพลง...ผมฟังยังไงๆก็เป็นนักร้องอาชีพ...มันไม่แฟร์....คุณเอาเปรียบคนอื่นเค้า...พวกเรา และ เฮียเป็นบันไดไปใบชานะครับ...ผมไม่ได้ประกวดนะครับ.....เป็นแค่ ความเห็นส่วนตัว
คล้าย กับแข่ง กีฬา มหาลัย..แล้ว มีนักกีฬา ทีมชาติมาลงแค่...จริงอยู่ไม่ผิดกติกา เพราะเขาเป็นนักศึกษา...มันแฟร์แล้วหรือ..กีฬาของไทย ถึงไม่ไปถึงไหน
กราบขออภัยทุกท่านนะครับ ที่อาจทำให้ บางท่านไมพอใจ..แต่มันเป็นเรื่องจริง
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 6
ching10
09/04/2011 17:57:12
0
คำว่ารายการ ที่ออกผ่านทีวีมา
ก่อนจะออกมา มันก็เซทไว้เสียทั้งหมดหนะครับ
เพื่อให้ความบันเทิง สำหรับคนดู ก็เท่านั้นเอง
จะอิน จะไม่อิน อย่างน้อยคนที่รู้สึก ก็ต้องเปิดดู
ซึ่งสุดท้าย มันก็เป็นเรื่องธุรกิจ ทุกอย่าง วางแผนไว้ เซท ทุกอย่างไว้ เพื่อให้เกิดผล
คำว่ารายการ ที่ออกผ่านทีวีมา
ก่อนจะออกมา มันก็เซทไว้เสียทั้งหมดหนะครับ
เพื่อให้ความบันเทิง สำหรับคนดู ก็เท่านั้นเอง
จะอิน จะไม่อิน อย่างน้อยคนที่รู้สึก ก็ต้องเปิดดู
ซึ่งสุดท้าย มันก็เป็นเรื่องธุรกิจ ทุกอย่าง วางแผนไว้ เซท ทุกอย่างไว้ เพื่อให้เกิดผล
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 7
ผ่านมา
09/04/2011 18:14:24
ถ้าร้องเพลง ตามร้านตามผับ แล้วประกวดไม่ได้ นี่ก็กีดกัน กันไปหน่อยละครับ
บางคนขาดโอกาส ก็ใช้เวทีเป็นโอกาส
ส่วนเรื่องที่รายการจะใช้ประโยชน์ในทางธุรกิจ มันก็ WIN WIN ด้วยกันนะครับ
เพราะอย่างน้อยก็มองแล้วว่า เขามีโอกาส ที่จะขายได้
สำหรับ คนที่เป็นหนึ่งจริง มีเวที หรือไม่มีเวทีให้ประกวด เขาก็มีที่ยืนของเขาอยู่แล้วครับ
***แต่ไม่ชอบที่ ให้ผ่านตอนแรก แล้วมาบอกตกรอบตอนหลังนี่ เสียความรู้สึกแย่ทำใมไม่กรองจนได้จำนวนที่พอใจละ -*- ********
ถ้าร้องเพลง ตามร้านตามผับ แล้วประกวดไม่ได้ นี่ก็กีดกัน กันไปหน่อยละครับ
บางคนขาดโอกาส ก็ใช้เวทีเป็นโอกาส
ส่วนเรื่องที่รายการจะใช้ประโยชน์ในทางธุรกิจ มันก็ WIN WIN ด้วยกันนะครับ
เพราะอย่างน้อยก็มองแล้วว่า เขามีโอกาส ที่จะขายได้
สำหรับ คนที่เป็นหนึ่งจริง มีเวที หรือไม่มีเวทีให้ประกวด เขาก็มีที่ยืนของเขาอยู่แล้วครับ
***แต่ไม่ชอบที่ ให้ผ่านตอนแรก แล้วมาบอกตกรอบตอนหลังนี่ เสียความรู้สึกแย่ทำใมไม่กรองจนได้จำนวนที่พอใจละ -*- ********
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 8
Mister
09/04/2011 18:47:56
0
ASTV ชื่อนี้ เชื่อถือข้อมูลได้หรือ
ASTV ชื่อนี้ เชื่อถือข้อมูลได้หรือ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 9
Uthen
09/04/2011 19:01:52
17
อะไรก็ช่างมันเถอะครับ ดูแล้วมีความสุขก็พอแล้ว
ทุกวันนี้ความสุขหายากขึ้นทุกวันนะ....
อะไรก็ช่างมันเถอะครับ ดูแล้วมีความสุขก็พอแล้ว
ทุกวันนี้ความสุขหายากขึ้นทุกวันนะ....
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 10
มนุษย์แฮม
09/04/2011 19:08:03
0
อ่านไม่ไหว ปวดตาครับ 555
แต่ผม ไม่ชอบ การที่ เอาคาแรคเตอร์ ของกรรมการ ฝรั่ง มาซะหมดจนไม่เหลือความเป็นตัวเองนี่แหละ >.<
อ่านไม่ไหว ปวดตาครับ 555
แต่ผม ไม่ชอบ การที่ เอาคาแรคเตอร์ ของกรรมการ ฝรั่ง มาซะหมดจนไม่เหลือความเป็นตัวเองนี่แหละ >.<
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 11
เจ็บม้าม
09/04/2011 19:13:19
4
สำหรับผมนะ ผมคิดว่า
ที่คนเก่งๆบางคนไม่ผ่าน เพราะว่าเค้าไม่ได้คะแนนจิตพิสัยจากกรรมการ
ส่วนพวกข้อมูล อย่าลืมฟังหูไว้หูนะครับ
สำหรับผมนะ ผมคิดว่า
ที่คนเก่งๆบางคนไม่ผ่าน เพราะว่าเค้าไม่ได้คะแนนจิตพิสัยจากกรรมการ
ส่วนพวกข้อมูล อย่าลืมฟังหูไว้หูนะครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 12
match12
09/04/2011 19:37:01
** ร่วมรับรางวัลใหญ่ ในช่วงปีใหม่ไทยนี้ กับ 12Bet **
แจก IPOD และรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย มูลค่าเกินบรรยาย..
จะขอรับสิทธิ์โบนัสได้อย่างไร?
1. ทำการฝากเงินในเดือนเมษายนนี้
2. ตรวจสอบ หมายเลขการฝากเงินสำเร็จ
3. ส่งอีเมลเข้ามาแจ้ง หากหมายเลขการฝากเงิน สำเร็จ ตัวท้ายของคุณเป็น
" 13, 413, 5413 หรือ 25413 "
รางวัลอื่นๆ อีกมากมายรอคุณอยู่.... 12bet88 ดอทคอม
** ร่วมรับรางวัลใหญ่ ในช่วงปีใหม่ไทยนี้ กับ 12Bet **
แจก IPOD และรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย มูลค่าเกินบรรยาย..
จะขอรับสิทธิ์โบนัสได้อย่างไร?
1. ทำการฝากเงินในเดือนเมษายนนี้
2. ตรวจสอบ หมายเลขการฝากเงินสำเร็จ
3. ส่งอีเมลเข้ามาแจ้ง หากหมายเลขการฝากเงิน สำเร็จ ตัวท้ายของคุณเป็น
" 13, 413, 5413 หรือ 25413 "
รางวัลอื่นๆ อีกมากมายรอคุณอยู่.... 12bet88 ดอทคอม
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 13
yokboa
09/04/2011 21:33:02
1
ถ้าเรียกว่า แหกตา
ผมว่า the star มันก็แหก
ตามนิสัย ASTV เลือกกัดเฉพาะคนที่กูอยากกัด
ถ้าเรียกว่า แหกตา
ผมว่า the star มันก็แหก
ตามนิสัย ASTV เลือกกัดเฉพาะคนที่กูอยากกัด
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 14
สันติ
09/04/2011 22:08:28
50
ในความคิดผม
ผมดูเอาสนุกจริงๆ นะ
ไม่แคร์ว่า มันจะ จริง ปลอม แต่อย่างไร
คือ อยากให้มีรายการอะไรก็ได้ ที่มีโชว์ อะไรก็ได้ ที่มีมากกว่า ร้องเพลง
เพราะไม่ว่าตอนนี้ ไม่ว่าจะประกวดอะไร ก็มีแต่ร้องเพลง ๆ
ดังนั้น ถ้ามี เต้น มีการแสดงอื่น ๆ มันก็ทำให้น่าดู น่าสนใจขึ้นนะครับ
ผมว่าเป็นอีกรายการที่ช่วยให้ช่วงเย็นๆ วันอาทิตย์
ไม่ต้องคอยดูแต่ ละครซิทคอม ทำให้ได้เปลี่ยนช่องบ้าง ฮ่าๆๆ
จากบ้านนี้มีรัก เป็น รายการไทยแลนด์ก๊อททาเล้นท์ บ้าง
เพลินดีนะครับ อย่างน้องอ้วน ๆ ที่ร้องเพลง โอเปร่า น่ะ (ที่แม่เขาขายข้าวขาหมู)
ร้องได้ดีครับ กล้าดี ที่จะเอาเพลงแบบนี้มาร้อง
รายการนี้ มีมาหมด หน้าตาดี หน้าตาไม่ดี เล่นดี เล่นห่วย ผมว่ามันก็คือสีสรรรายการนะ
อย่างคนนึง ที่โชว์ ลีดส์กีตาร์ล่องหน (ช่างกล้า)
แม้ไม่ผ่าน แต่ก็สนุกดีครับ มันย้อนถึงตัวเองว่า เราก็เคยทำแบบนี้เหมือนกันแหะ
แต่ไม่กล้าโชว์คนบนเวที แต่คนนี้เขากล้า
ส่วนคนที่โชว์ถอดแก้ผ้า ผมว่า เอ่อ.... -_-" ผ่านไปละกันครับ ไม่อยากพูดถึง
ใครจะคิดยังไง
ผมขอให้กำลังใจ ผู้ทำรายการ ผู้ผลิตรายการครับ
จะจริง หรือ ปลอม มันคือ ความบันเทิง ถ้าเราสนุก มีความสุข ก็จบแล้วครับ อย่าไปจำมัน
ในความคิดผม
ผมดูเอาสนุกจริงๆ นะ
ไม่แคร์ว่า มันจะ จริง ปลอม แต่อย่างไร
คือ อยากให้มีรายการอะไรก็ได้ ที่มีโชว์ อะไรก็ได้ ที่มีมากกว่า ร้องเพลง
เพราะไม่ว่าตอนนี้ ไม่ว่าจะประกวดอะไร ก็มีแต่ร้องเพลง ๆ
ดังนั้น ถ้ามี เต้น มีการแสดงอื่น ๆ มันก็ทำให้น่าดู น่าสนใจขึ้นนะครับ
ผมว่าเป็นอีกรายการที่ช่วยให้ช่วงเย็นๆ วันอาทิตย์
ไม่ต้องคอยดูแต่ ละครซิทคอม ทำให้ได้เปลี่ยนช่องบ้าง ฮ่าๆๆ
จากบ้านนี้มีรัก เป็น รายการไทยแลนด์ก๊อททาเล้นท์ บ้าง
เพลินดีนะครับ อย่างน้องอ้วน ๆ ที่ร้องเพลง โอเปร่า น่ะ (ที่แม่เขาขายข้าวขาหมู)
ร้องได้ดีครับ กล้าดี ที่จะเอาเพลงแบบนี้มาร้อง
รายการนี้ มีมาหมด หน้าตาดี หน้าตาไม่ดี เล่นดี เล่นห่วย ผมว่ามันก็คือสีสรรรายการนะ
อย่างคนนึง ที่โชว์ ลีดส์กีตาร์ล่องหน (ช่างกล้า)
แม้ไม่ผ่าน แต่ก็สนุกดีครับ มันย้อนถึงตัวเองว่า เราก็เคยทำแบบนี้เหมือนกันแหะ
แต่ไม่กล้าโชว์คนบนเวที แต่คนนี้เขากล้า
ส่วนคนที่โชว์ถอดแก้ผ้า ผมว่า เอ่อ.... -_-" ผ่านไปละกันครับ ไม่อยากพูดถึง
ใครจะคิดยังไง
ผมขอให้กำลังใจ ผู้ทำรายการ ผู้ผลิตรายการครับ
จะจริง หรือ ปลอม มันคือ ความบันเทิง ถ้าเราสนุก มีความสุข ก็จบแล้วครับ อย่าไปจำมัน
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 15
drrewatt
09/04/2011 22:48:15
1
เอาอะไรกับสื่อสั่วๆ
เอาอะไรกับสื่อสั่วๆ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 16
JokerXIII
10/04/2011 00:40:32
1
มันก็โชว์แหกตาอยู่แล้วอ่ะครับ ไม่ว่าจะประเทศไหนเท่าที่ผมดูมา ยังไง๊ยังไงมันก็เตรี๊ยมกันมาแน่นอนอยู่แล้ว เค้าทำเอาความบันเทิงน่ะครับ เป็นคนที่เชิญมาเพื่อให้รายการมันมีสีสัน แต่เค้าก็เปิดโอกาสให้คนที่มีความสามารถสมัครไปด้วยเหมือนกัน ใครเจ๋งจริงก็ได้ไปต่อครับ เจ๋งไม่ได้เเปลว่าเก่ง เจ๋งคือคุณต้องมีจุดขาย มีความแปลกมีความบันเทิง
กรรมการเค้ามาเพื่อคัดคนพวกนั้นครับ คนที่จะฉุดเรทติ้งรายการเค้าได้ ดังนั้นการที่ตัดสินโดยใช้แต่ความชอบก็ดูเหมาะสมดีครับ
ถ้าผมเล่นดนตรีไม่เป็น ผมไม่มีสิทธิ์รู้สึกเหรอว่าเพลงนั้นเพราะหรือไม่เพราะ ถ้าผมวาดรูปไม่เป็นผมจะไม่รู้สึกเลยเหรอ ว่ารูปที่ดูอยู่ตรงหน้านั้นสวยไม่สวย?(ในความคิดของตัวเอง)
เงินรางวัลตั้ง 10 ล้าน ก็ต้องแข่งขันกันหน่อยครับ ต่อให้เป็นนักร้องนักดนตรีอาชีพที่มีสังกัด ก็คงยากที่จะมีรายได้เท่ารางวัล ก็ไม่แปลกที่เค้าจะมาลงแข่งด้วย ผมว่าเวทีนี้เปิดกว้างดีออกครับ เหมือนเป็นการแข่งรถไม่จำกัดรุ่น มีเฟอรารี่ก็เอามาแข่งได้ มีคูโบต้าก็เอามาแข่งได้ ฟรีสไตน์ดีออก ถ้าจะมีใครได้ 10 ล้านไปเค้าก็ต้องคู่ควรจริงๆครับ พวกที่ตื่นตาตื่นใจแค่ครั้งแรก แล้วรอบลึกๆไม่มีการพัฒนาโชว์ของตัวเองเนี่ย ยังไงก็ตกรอบอยู่ดีครับ ไม่งั้นป้าซูซานคงชนะเลิศไปแล้ว...
ตราบใดที่การแสดงบนเวทีแขนงใดๆยังต้องการจะมีคนดูอยู่ ก็ต้องใช้ความชอบของคนดูนั่นแหละ เป็นตัวตัดสินครับ
มันก็โชว์แหกตาอยู่แล้วอ่ะครับ ไม่ว่าจะประเทศไหนเท่าที่ผมดูมา ยังไง๊ยังไงมันก็เตรี๊ยมกันมาแน่นอนอยู่แล้ว เค้าทำเอาความบันเทิงน่ะครับ เป็นคนที่เชิญมาเพื่อให้รายการมันมีสีสัน แต่เค้าก็เปิดโอกาสให้คนที่มีความสามารถสมัครไปด้วยเหมือนกัน ใครเจ๋งจริงก็ได้ไปต่อครับ เจ๋งไม่ได้เเปลว่าเก่ง เจ๋งคือคุณต้องมีจุดขาย มีความแปลกมีความบันเทิง
กรรมการเค้ามาเพื่อคัดคนพวกนั้นครับ คนที่จะฉุดเรทติ้งรายการเค้าได้ ดังนั้นการที่ตัดสินโดยใช้แต่ความชอบก็ดูเหมาะสมดีครับ
ถ้าผมเล่นดนตรีไม่เป็น ผมไม่มีสิทธิ์รู้สึกเหรอว่าเพลงนั้นเพราะหรือไม่เพราะ ถ้าผมวาดรูปไม่เป็นผมจะไม่รู้สึกเลยเหรอ ว่ารูปที่ดูอยู่ตรงหน้านั้นสวยไม่สวย?(ในความคิดของตัวเอง)
เงินรางวัลตั้ง 10 ล้าน ก็ต้องแข่งขันกันหน่อยครับ ต่อให้เป็นนักร้องนักดนตรีอาชีพที่มีสังกัด ก็คงยากที่จะมีรายได้เท่ารางวัล ก็ไม่แปลกที่เค้าจะมาลงแข่งด้วย ผมว่าเวทีนี้เปิดกว้างดีออกครับ เหมือนเป็นการแข่งรถไม่จำกัดรุ่น มีเฟอรารี่ก็เอามาแข่งได้ มีคูโบต้าก็เอามาแข่งได้ ฟรีสไตน์ดีออก ถ้าจะมีใครได้ 10 ล้านไปเค้าก็ต้องคู่ควรจริงๆครับ พวกที่ตื่นตาตื่นใจแค่ครั้งแรก แล้วรอบลึกๆไม่มีการพัฒนาโชว์ของตัวเองเนี่ย ยังไงก็ตกรอบอยู่ดีครับ ไม่งั้นป้าซูซานคงชนะเลิศไปแล้ว...
ตราบใดที่การแสดงบนเวทีแขนงใดๆยังต้องการจะมีคนดูอยู่ ก็ต้องใช้ความชอบของคนดูนั่นแหละ เป็นตัวตัดสินครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 17
sit39
10/04/2011 02:39:20
0
ดูไปสนุกๆก็เป็นการผ่อนคลายค๊าบบบ วงการมายาก็คือมายาเน้ออออ. อย่าได้ซีเรียส รับชมเพื่อความบันเทิงเท่านั้นอ่ะค๊าบบบบบ
ดูไปสนุกๆก็เป็นการผ่อนคลายค๊าบบบ วงการมายาก็คือมายาเน้ออออ. อย่าได้ซีเรียส รับชมเพื่อความบันเทิงเท่านั้นอ่ะค๊าบบบบบ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 18
Ohm
10/04/2011 22:53:28
0
ดูผ่านๆ เปิดไปเจอก็ดูหน่อยนึง
ไม่มีอะไรโดดเด่น
พิธีกร overacting ไปหน่อย
ดูผ่านๆ เปิดไปเจอก็ดูหน่อยนึง
ไม่มีอะไรโดดเด่น
พิธีกร overacting ไปหน่อย
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 19
chok
11/04/2011 07:35:55
2
จะ ASTV หรือ TGT มันก็คื่อสื่อๆ หนึ่งที่คุณเลือกบริโภคครับ ต่างกันที่ประเภทเท่านั้น
คคห.5 ดูบอลประเพณีซิครับ นักเตะบางคนมีความสัมพันธ์กับ มหา'ลัยในแง่ไหน
ผมยังไม่แน่ใจ ศิษย์เก่า ศิษย์ปัจจุบัน ศิษย์อนาคต
จะ ASTV หรือ TGT มันก็คื่อสื่อๆ หนึ่งที่คุณเลือกบริโภคครับ ต่างกันที่ประเภทเท่านั้น
คคห.5 ดูบอลประเพณีซิครับ นักเตะบางคนมีความสัมพันธ์กับ มหา'ลัยในแง่ไหน
ผมยังไม่แน่ใจ ศิษย์เก่า ศิษย์ปัจจุบัน ศิษย์อนาคต
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 20
Jake Dog Ears
11/04/2011 08:08:27
0
แต่ผมก็เชื่อว่ามีความจริงอยู่ในรายการนี้ครับ เพราะวง Accidental เป็นเพื่อนผม
แต่ผมก็เชื่อว่ามีความจริงอยู่ในรายการนี้ครับ เพราะวง Accidental เป็นเพื่อนผม
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 21
ผีฟรีคิก
11/04/2011 09:08:56
0
ผมว่ามันไม่หลากหลายเหมือนของเมืองนอกครับ ของไทยนี่คนเข้ารอบเน้นแต่พวกสายดนตรีจริงๆ หรือย่างเต้นโคฟเวอร์ที่มีแฟนคลับมาเยอะๆนั่นก็ขัดใจ
บางคนกรรมการบอกมีความสามารถนะเก่งนะแต่ไม่สนุกไม่ผ่าน เอ้ามันเวทีโชว์ความสามารถไม่ใช่เหรอไม่ใช่เวทีเอนเตอร์เทนเม้นท์
ผมว่ามันไม่หลากหลายเหมือนของเมืองนอกครับ ของไทยนี่คนเข้ารอบเน้นแต่พวกสายดนตรีจริงๆ หรือย่างเต้นโคฟเวอร์ที่มีแฟนคลับมาเยอะๆนั่นก็ขัดใจ
บางคนกรรมการบอกมีความสามารถนะเก่งนะแต่ไม่สนุกไม่ผ่าน เอ้ามันเวทีโชว์ความสามารถไม่ใช่เหรอไม่ใช่เวทีเอนเตอร์เทนเม้นท์
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 22
Mr.Burst
11/04/2011 10:00:04
3
อะไรๆ ที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของ "การค้า"
ย่อมแสวงหา "ผลประโยชน์" ทั้งนั้นแหละครับ
ถ้าไม่อยากเครียด เสียอารมณ์ ก็เลือก "ไม่ดู" หรือ "ดูเอาสนุก" ก็พอ
อะไรๆ ที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของ "การค้า"
ย่อมแสวงหา "ผลประโยชน์" ทั้งนั้นแหละครับ
ถ้าไม่อยากเครียด เสียอารมณ์ ก็เลือก "ไม่ดู" หรือ "ดูเอาสนุก" ก็พอ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 23
ryder2000
11/04/2011 12:46:36
0
เกือบทุกรายการมันคือธุรกิจ
คนที่เข้ามาที่รายการก็คือสินค้า
สินค้าตัวไหนขายได้ก็อยู่สินค้าตัวไหนขายไม่ได้ก็ต้องไป
เกือบทุกรายการมันคือธุรกิจ
คนที่เข้ามาที่รายการก็คือสินค้า
สินค้าตัวไหนขายได้ก็อยู่สินค้าตัวไหนขายไม่ได้ก็ต้องไป
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 24
ประสบการณ์
11/04/2011 13:00:59
ผมเคยเข้าประกวดรายการ รายการ1ในลักษณะนี้ ขอบอกเลยว่าผู้เข้าแข่งขันทุกคนเข้ามาด้วยความหวังและความฝัน ที่อยากจะโชว์ในสิ่งที่ตัวเองคิดว่าดีที่สุด แต่ทุกอย่างต้องเปลี่ยนไปเมื่อก้าวเข้ามาอยู่หลังรายการ ตอนผมไปแข่งขันรายการเมื่อปีที่แล้ว พวกผมเป็นนักศึกษา ทางรายการนัดน้องครับมาอัดเทปกันแต่เช้านะครับ เจอที่ห้องส่ง ณ Moo. Star นะครับน้อง ตี5นะครับน้อง พวกผมเหวอครับ แม่เจ้าตี5นัดถ่ายอะไรกันวะเนี่ย แล้วทุกครังไปถ่ายไม่มีค่ารถให้ แต่บางกลุ่มมีรถตู้ของรายการไปรับ+ส่ง มีคนของรายการไปรับ มีเทรนเนอร์[กรรมการ]ไปรับ เซ็งเลยครับแล้วอีกอย่างที่คนไทยชอบครับ เด็ก ออกมาทำอะไร ก็จะบวกคะแนนให้ไป50%แล้วครับ คนไทยรักเด็ก ผมไม่ได้แอนตี้เด็กนะครับเก่งๆมี แต่ไม่ใช่เห็นว่าเด็กทำอะไรแล้วเก่งไปหมด
รายการที่ว่าพวกผมไปโชว์ ที่มีชุด1 เป็นชุดที่ล้อเรียนพี่ เสนาหอย อะครับ คงมีคนเคยเห็น
ผมเคยเข้าประกวดรายการ รายการ1ในลักษณะนี้ ขอบอกเลยว่าผู้เข้าแข่งขันทุกคนเข้ามาด้วยความหวังและความฝัน ที่อยากจะโชว์ในสิ่งที่ตัวเองคิดว่าดีที่สุด แต่ทุกอย่างต้องเปลี่ยนไปเมื่อก้าวเข้ามาอยู่หลังรายการ ตอนผมไปแข่งขันรายการเมื่อปีที่แล้ว พวกผมเป็นนักศึกษา ทางรายการนัดน้องครับมาอัดเทปกันแต่เช้านะครับ เจอที่ห้องส่ง ณ Moo. Star นะครับน้อง ตี5นะครับน้อง พวกผมเหวอครับ แม่เจ้าตี5นัดถ่ายอะไรกันวะเนี่ย แล้วทุกครังไปถ่ายไม่มีค่ารถให้ แต่บางกลุ่มมีรถตู้ของรายการไปรับ+ส่ง มีคนของรายการไปรับ มีเทรนเนอร์[กรรมการ]ไปรับ เซ็งเลยครับแล้วอีกอย่างที่คนไทยชอบครับ เด็ก ออกมาทำอะไร ก็จะบวกคะแนนให้ไป50%แล้วครับ คนไทยรักเด็ก ผมไม่ได้แอนตี้เด็กนะครับเก่งๆมี แต่ไม่ใช่เห็นว่าเด็กทำอะไรแล้วเก่งไปหมด
รายการที่ว่าพวกผมไปโชว์ ที่มีชุด1 เป็นชุดที่ล้อเรียนพี่ เสนาหอย อะครับ คงมีคนเคยเห็น
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 25
Chanon2497
11/04/2011 13:15:59
0
ทำอะไรแล้วไม่ได้ตังค์จะมีใครทำละครับ... ผลประโยชน์มาก่อนทุกสิ่งอยู่แล้ว
ทำแล้วไม่ได้อะไร จะมีใครทำละครับ
อย่าคิดอะไรมากครับ รายการส่วนใหญ่ หรือเกือบทั้งหมด(บนโลก)ในปัจจุบัน มันก็ทำนองนี้ทั้งนั้น
มันกลืนกับ Live Style ของคนยุคนี้ไปแล้ว ดูเอาเพลิน ๆ ครับ อย่าคิดมาก เพราะชื่อมันก็บอกอยู่
แล้วว่า "วงการมายา"
ทำอะไรแล้วไม่ได้ตังค์จะมีใครทำละครับ... ผลประโยชน์มาก่อนทุกสิ่งอยู่แล้ว
ทำแล้วไม่ได้อะไร จะมีใครทำละครับ
อย่าคิดอะไรมากครับ รายการส่วนใหญ่ หรือเกือบทั้งหมด(บนโลก)ในปัจจุบัน มันก็ทำนองนี้ทั้งนั้น
มันกลืนกับ Live Style ของคนยุคนี้ไปแล้ว ดูเอาเพลิน ๆ ครับ อย่าคิดมาก เพราะชื่อมันก็บอกอยู่
แล้วว่า "วงการมายา"
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 26
ภาค 2
26/04/2011 13:02:17
ถูก "ต้ม" แล้วคร๊าบบ...!! "เสี่ยตา" ลับลวงแหล ชุบตัว "เบลล์" ตุ๊ดทาแลนท์
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
มหกรรมแหกตา -ลวงโลก (อีกสักครั้ง) ของรายการ Thailand’s Got Talent ยังคงดำเนินต่อไป เมื่อ “เบลล์” นันทิตา ฆัมภิรานนท์ “ผู้หญิงข้ามเพศ - ตุ๊ดทาเลนด์” ซึ่งเข้ารอบ 120 ทีมและไม่ผ่านเข้ารอบ 48 ทีม แต่บังเอิญเทปที่ออกอากาศในวันที่ 13 มีนาคม 2554กระแสตอบรับดี “เสี่ยตา” สั่งเวิร์คพอยท์ถ่ายซ่อมตัดต่อให้ “เข้ารอบ” ร่วมมือพร้อมใจกันดันผ่านรายการ “เช้าดูวู้ดดี้” เปิดตัวให้สัมภาษณ์ผ่าน “นิตยสาร Who?” เพื่อจะพาเธอโกอินเตอร์ (อีกครั้ง) รายการนี้ บริษัท ยูนิลีเวอร์เป็นเพียงสปอนเซอร์หลักหาใช่ผู้นำเข้าแต่อย่างใด เจ้าของแท้จริงคือ Sony BEC ที่อ้างตัวว่าเป็นแค่พาร์ตเนอร์ นักร้องจากประเทศอังกฤษ ร็อบบี วิลเลียมส์ (อดีตสมาชิกวงเทค แดท) อุ้มเธอเข้าสู่กระแสโลกด้วยคำอุทาน “Is she a guy?”
อดีต “เบลล์” นันทิตา เป็นหนึ่งในสมาชิก Venus Flytrap รุ่น 2 ที่ด่วนหมดสัญญาไปกับSony BMG ก่อน
กระแส “เบลล์ฟีเวอร์” นี้หากดูเผินๆ ก็คงจะไม่มีอะไรแปลกประหลาด การที่สาวประเภทสองซึ่งมีเสียงไพเราะสามารถร้องเพลงได้ดีทั้งเสียงของผู้หญิงและเสียงของผู้ชายจะได้รับความนิยมและเป็นที่รู้จักในวงกว้าง มีคนชื่นชมทั้งเสียงร้อง รูปร่างหน้าตา และชีวิตที่ต้องต่อสู้เนื่องจากครอบครัวไม่ยอมรับ จนกระทั่งเกิดแฟนคลับทั้งในประเทศและต่างประเทศมากมาย แต่ถ้าหากได้รับรู้ข้อมูลบางประการเกี่ยวกับ “เบลล์ นันทิตา” ในการประกวด Thailand’s Got Talent ตลอดจนความเป็นจริงของสังคมสาวประเภทสองแล้ว อาจจะทำให้ความคิดที่เคยมีเปลี่ยนแปลงไปก็เป็นได้
เธอหลอกคนทั้งโลก
“คุณหลอกผมมาตั้งแต่แรกพบ” “นิรุตติ์ ศิริจรรยา” กรรมการคนหนึ่งบนเวที Thailand’s Got Talent บอกกับ “เบลล์ นันทิตา ฆัมภิรานนท์” ในวันที่เธอปรากฏตัวครั้งแรกต่อหน้าคณะกรรมการและผู้ชมในห้องส่ง ในวันนั้นเบลล์ออกมาด้วยใบหน้าสะสวย รูปร่างผิวพรรณเป็นสาวสะพรั่งผมยาวเลยบ่าสีดำสนิท หลังจากให้สัญญาณเริ่มการแสดง เบลล์ร้องเพลงอยากรู้แต่ไม่อยากถามด้วยเสียงผู้หญิงใสๆ ก่อนจะหักมุมด้วยการร้องเพลง UNLOVABLE ด้วยเสียงผู้ชายแบบแมนเต็มร้อยจนเรียกเสียงฮือฮาทั้งห้องส่ง
หลังจากที่เทปการแสดงของเบลล์ออกอากาศในวัน 13 มีนาคม เบลล์ก็กลายเป็นทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ คนทั้งประเทศแสดงความชื่นชม เธอเริ่มมีแฟนคลับเป็นของตัวเอง โลกอินเตอร์เน็ตร้อนฉ่าด้วยกระแสเบลล์ฟีเวอร์ คลิปตอนเธอแสดงความสามารถที่มีคนนำไปลงในยูทิวบ์แบบต่างกรรมต่างวาระมีคนคลิกเข้าไปดูเป็นหลักแสน (ก่อนจะถึงหลักล้านในเวลาต่อมา) ซึ่งอาการเซอร์ไพรส์ของคนดู กรรมการ และผู้ชมทางบ้านนั้นเป็นสิ่งที่เบลล์บอกว่าเธอวางแผนมาตั้งแต่แรกแล้ว นั่นคือจุดประสงค์ของเธอที่ต้องการจะหลอกคนดู ต้องการทำเซอร์ไพรซ์ เนื่องจากเธอมีความสามารถร้องได้ทั้งเสียงผู้หญิงและเสียงผู้ชายมานานนับสิบปี ตั้งแต่เธอเริ่มร้องเพลงเป็นอาชีพแล้ว
ความจริงที่หลายคนไม่เคยรู้
ถึงจะสร้างความเซอร์ไพรส์ได้ในวันแรกแต่การแสดงของเบลล์ นันทิตาก็ถูกเขี่ยออกในวันตัดสินรอบเซมิไฟนัลที่ต้องการทีมผู้เข้าประกวดที่ผ่านเข้ารอบเพียง 48 ทีมจากทั้งหมด 120 ทีมที่คัดมาทั่วประเทศ ด้วยเหตุผลที่ภิญโญ รู้ธรรม หนึ่งในคณะกรรมการบอกอย่างชัดเจนว่า “เสียงดี แต่ไม่มีทาเลนต์อะไร ไม่มีอะไรเป็นจุดขาย คุณก็ทำได้เหมือนที่นางโชว์ทั่วไปเขาทำกัน”
สิ่งที่ภิญโญพูดในวันนั้นไม่ได้เกินเลยหรือผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริง เพราะในสังคมของเราทุกวันนี้ การร้องเพลงสองเสียงหญิงชายในลักษณะที่เบลล์แสดงบนเวที Thailand’s Got Talent เป็นสิ่งที่สาวประเภทสองจำนวนไม่น้อยสามารถทำได้ โดยเฉพาะผู้ที่เป็นนักร้องอาชีพ
“ความสามารถเสมอเหมือนนางโชว์ทั่วประเทศ” ซึ่งหลุดออกจากปากของภิญโญจึงเป็นคอมเมนต์ที่ถูกต้องแน่นอนและตรงไปตรงมาที่สุด
สาวประเภทสองและคนที่ใกล้ชิดคลุกคลีหรือรู้จักคนกลุ่มนี้ต่างรู้กันดีว่า สาวประเภทสองที่ร้องเพลงได้สองเสียงทั้งเสียงดั้งเดิมแบบชาย รวมถึงการใช้กลวิธี “เสียงหลบ” ด้วยการบีบเสียงให้ใสเล็กแบบผู้หญิงเป็นเรื่องที่มีคนทำได้มากมายนัก โดยส่วนมากมักเป็นผู้ที่ประกอบอาชีพกึ่งนักร้อง - นางโชว์ตามผับบาร์ และนักร้องอาชีพซึ่งมีลูกเล่นสร้างความบันเทิงให้ผู้ฟังด้วยการแต่งหญิงเต็มตัวแล้วร้องเพลงด้วยเสียงชายกับหญิงสลับกันไปมา นักร้องชื่อดังที่สามารถทำได้ตามนี้ก็คือ มัม ลาโคนิค นักร้องสาวประเภทสองชื่อดัง และโจแอน บุญสูงเนิน นักร้องสาวเทียม เจ้าของฉายา “ กะเทยร้อยเสียง” ที่ทำงานในผับบาร์จนเป็นที่รู้จักกันทั่วไปก็ทำได้มากกว่าด้วยซ้ำ เพียงแต่บรรดานักร้องที่ว่านี้ หน้าตาไม่ได้แอ๊บสวยได้อย่างเธอเท่านั้นเอง
หลังจากถ่ายทำรอบคัดเลือกทีมเข้าประกวดเพื่อผ่านเข้าสู่รอบเซมิไฟนัลสิ้นสุดลงในค่ำคืนวันที่ 31 มกราคม เบลล์เก็บกระเป๋ากลับบ้านไปประกอบอาชีพนักร้องและดีเจที่คลื่นวิทยุเมืองย่าโมบ้านเกิดเหมือนในอดีตที่ผ่านมา แต่หลังจากที่เทปการแสดงความสามารถรอบคัดเลือกของรายการ Thailand’s Got Talent ออกอากาศ และมีผู้นำคลิปการแสดงของเธอไปเผยแพร่ต่อในโลกอินเทอร์เน็ตจนเกิดกระแสดังกล่าว เธอก็ถูกเรียกตัวจากทางรายการให้ไป “ถ่ายซ่อม”
เพราะทางเวิร์คพอยท์ในฐานะบริษัทรับจ้างผลิตกับเจ้าของลิขสิทธิ์ได้ทำการประชุมตกลงกันแล้วว่า “เบลล์ - นันทิตา” จะเป็นขุมทรัพย์ที่หากปล่อยทิ้งไปต้องเสียดายไปตลอดชีวิต เพราะอย่างน้อยที่สุดบรรดาแฟนคลับทั่วประเทศกับแฟนคลับในต่างประเทศที่รวมกันแล้วน่าจะถึงหลักแสนก็มีกำลังทรัพย์เพียงพอที่จะติดตามเธอ
ระยะเวลาเพียงสั้นๆ หลังจากเทปการแสดงรอบคัดเลือกทั่วไปในวันที่ 13 มีนาคมของเบลล์ นันทิตาออกอาอากาศ ก่อนถึงวันที่เทปรายการรอบประกาศผลเซมิไฟนัลเผยแพร่ในวันที่ 10 เมษายน เวิร์คพอยท์จึงเรียกทีมงาน คณะกรรมการ และผู้ชมพักตร์อาชาในห้องส่งให้กลับมารวมตัวกันอีกครั้งเพื่อถ่ายเจาะการประกาศผลว่าให้เบลล์ นันทิตาเป็นหนึ่งในผู้ผ่านเข้ารอบ 48 ทีม แล้วนำเทปดังกล่าวไปต่อเติมกับเทปการประกาศผลแท้จริงที่ทำกันเสร็จไปตั้งแต่วันที่ 31 มกราคม
นับว่าเป็นการโปะเข้าไปอย่างหน้าด้านๆ ของเวิร์คพอยท์โดยมี “กระแสตอบรับ” เป็นตัวแปร ซึ่งเรื่องนี้หากไม่ใช่ผู้เข้าประกวด คณะกรรมการ ผู้ชมในห้องส่ง ทีมงาน และคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องจริงๆ ก็ยากที่จะล่วงรู้เนื่องจากฝ่ายตัดต่อของเวิร์คพอยท์ทำงานเก่งขั้นเทพกันอยู่แล้ว
เดินหน้าดัน
เมื่อไม่ใช่การประกาศผลสดๆ จึงสามารถตัดต่อเพิ่มเติมผู้เข้าประกวดที่สามารถ “ทำเงิน”ได้ให้แพลมเข้ามาได้อย่างเนียนๆ หลังจากที่เบลล์กลายเป็นตัวละครที่ผ่านเข้ารอบ 48 ทีมได้เรียบร้อยแล้ว พันธมิตรทั้งสองก็เดินหน้าผลักดันให้เบลล์แจ้งเกิดในวงกว้างทันที
ตั้งแต่การเรียกกระแสด้วยการพาไปออกรายการต่างๆ เริ่มตั้งแต่รายการ “เช้าดูวู้ดดี้” ที่สอดคล้องกับคอนเซ็ปท์ “วู้ดดี้เกิดมาขาย” เวิร์คพอยต์กับ Sony BEC (ซึ่งเป็นต้นสังกัดที่แท้จริง) จึงร่วมมือกันซื้อเวลาหนึ่งช่วงแล้วให้เบลล์ไปนั่งให้วู้ดดี้แสดงอาการโอเวอร์แอ็กติ้งคารวะบูชาเสียงร้องทั้งสองเพศของเบลล์ ช่วยขยับกระแสเบลล์ฟีเวอร์ให้ลุกลามในวงกว้างได้เป็นอย่างดี
ต่อจากนั้นก็มีรายการอื่นๆ ติดต่อให้เบลล์ไปออกตามมาเรื่อยๆ ทั้งรายการรอบเรื่องเมืองไทย ทางดูดีชาแนล รายการแมงโก้คาเฟ่ ทางแมงโก้ทีวี ร้องเพลงโชว์ตัวที่งานแถลงข่าวการประกวดมีสทิฟฟานี ยูนิเวิร์ส 2011 รวมถึงลงปกนิตยสาร Who? ฉบับล่าสุดอีกด้วย
โผล่หน้าโชว์เสียงปรากฏตัวเป็นว่าเล่นท่ามกลางสายตาน้อยอกน้อยใจของผู้เข้าประกวดรายอื่นๆ เพราะผู้เข้าประกวดทุกคนรู้ดีว่าการประกวด Thailand’s Got Talent นั้น จะต้องเซ็นสัญญากับต้นสังกัดว่าห้ามไปออกสื่อทุกประเภทหรือแม้แต่โชว์ตัวทุกรูปแบบโดยพลการ นั่นหมายความว่าก่อนจะไปออกสื่อต่างๆ ได้นั้นจะต้องขออนุญาตกับทางต้นสังกัดก่อน ซึ่งถ้าหากต้นสังกัดไม่อนุญาตผู้เข้าประกวดรายนั้นหรือทีมนั้นก็ไม่มีสิทธิ์ปรากฏตัวเด็ดขาด
แน่นอนว่าทุกๆ การออกสื่อของเบลล์อยู่ในการรับรู้ของ Sony BEC และเวิร์คพอยท์ ซึ่งมันก็ช่วยเพิ่มกระแสเบลล์ฟีเวอร์และกระแสของรายการได้เป็นอย่างดี ดูๆ แล้วก็ไม่น่าจะมีอะไรเสียหายผิดแปลก ถ้าหากผู้เข้าแข่งขันรายอื่นๆ จะได้รับสิทธิที่เท่าเทียมกับผู้หญิงข้ามเพศรายนี้บ้าง
สังเกตกันให้ดีๆ ว่ามีผู้เข้าประกวดรายไหนหรือทีมใดได้ไปปรากฏตัวออกสื่อถี่เยอะเทียบเท่าเบลล์ นันทิตาบ้าง ที่ผ่านมีเพียง สมศักดิ์ กีตาร์มือเดียวที่เคยไปนั่งให้สัมภาษณ์ในรายการเรื่องเด่นเย็นนี้ของสรยุทธ สุทัศนะจินดา เพียงครั้งเดียวเท่านั้น หากจะบอกว่าที่เบลล์ได้ปรากฏตัวตามสื่อเยอะกว่าคนอื่นก็เพราะความสามารถก็คงจะไม่ใช่ เพราะอย่างที่บอกว่าการร้องเพลงสองเสียงไม่ใช่เรื่องมหัศจรรย์หรือสิ่งแปลกใหม่ ยิ่งเมื่อเทียบกับการแสดงบีทบ็อก การโชว์ตัวอ่อน หรือการร้องเพลงแบบโอเปราก็จะเห็นได้ว่าการร้องเพลงไพเราะสองเสียงของเบลล์ถือว่าธรรมดามาก
หรือถ้าจะบอกว่าการที่เธอได้ไปออกสื่อต่างๆ เพราะโปรไฟล์ก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้เข้าไปใหญ่ เนื่องจากมีผู้เข้าประกวดที่มีเรื่องราวน่าสนใจกว่าเธอไม่น้อย การต่อสู้เพื่อดำรงไว้ซึ่งสิทธิทางเพศของเธอเป็นเพียงเรื่องสามัญของสาวประเภทสองนับหมื่นทั่วประเทศหรือนับแสนทั่วโลก
จะบอกว่าไม่มีผู้เข้าประกวดรายใดที่มีผู้ติดต่อให้ออกสื่อนั้นลืมไปได้เลย เพราะก่อนหน้านี้ “ดร๊าฟ ศตวรรษ ถินจันทร์” ผู้เข้าประกวดชายหน้าตาดี หุ่นเพอร์เฟค ก็ได้รับการติดต่อจากนิตยสาร Men’s Health ให้ไปถ่ายแบบ แต่ทางต้นสังกัดผู้กุมชะตาชีวิตของเขาในช่วงนี้กลับปฏิเสธไม่ให้เขาได้ลงนิตยสารดังกล่าวหน้าตาเฉย
(หมายเหตุ - ในโปรไฟล์เก่าที่ ซูเปอร์บันเทิงมีอยู่หน้าการประกวดรายการ Thailand’s Got Talent พบว่า “ดร๊าฟ” ศตวรรษ ถินจันทร์ ผู้นี้ เป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 1 ภาควิชาศิลปะการแสดง และกำกับการแสดง คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เคยผ่านการประกวดจนได้รางวัลจากเวที “10 หนุ่มหน้าใส Tea Tree” เมื่อปี 2009 และ “ Prince Seventeen 2010” (นิตยสาร เซเวนทีน) มีความสามารถพิเศษหลายด้านเช่น การร้องเพลงแจ๊ซ และคลาสสิคในภาษา อิตาเลียน,เยอรมัน,ฝรั่งเศส,สเปน ตลอดจนมีความสามารถในเล่นเครื่องดนตรีหลายชนิดเช่น เปียนโน, แซกโซโฟน และกีต้าร์ เป็นต้น)
การที่เบลล์ปรากฏตัวออกมาให้เราได้พบเห็นถี่บ่อยขนาดนี้จึงไม่ใช่เพียงเพราะความสามารถ หน้าตา หรือเรื่องบังเอิญแต่เป็นมหกรรมการทำงานร่วมกันของสองพันธมิตรอย่าง Sony BEC และเวิร์คพอยท์ที่โหนกระแสเบลล์ฟีเวอร์หลังจากที่โยนหินถามทางไปก่อนหน้านี้นั่นเอง
เสพติดความสำเร็จจาก “ วีนัส ฟลายแทร็ป”
จากความสำเร็จของ “วีนัส ฟายแทร็ป(venus flytrap)” กลุ่มนักร้องนักเต้นสาวประเภทสองจำนวน 5 คนในสังกัดของ Sony BMG ที่เรียกเสียงฮือฮาได้ตั้งแต่ออกอัลบั้ม Visa For Love ไปเมื่อปี พ.ศ. 2549 ซึ่งแม้ตัวเพลงจะไม่เป็นที่จดจำของผู้คนสักเท่าไหร่ แต่เรื่องการโชว์นั้นพวกเธอเก็บกินมาได้ยาวนานต่อเนื่องหลายปีเลยทีเดียว
ด้วยความที่เป็นวงซึ่งมีจุดขายอยู่ที่การโชว์นี่เอง ทำให้วีนัส ฟลายแทร็ปเดินสายตระเวนโชว์ในแบบเวิลด์ทัวร์ สร้างชื่อเสียงและกอบโกยเงินทองให้แก่ต้นสังกัดไม่ใช่น้อย แต่ในขณะที่วีนัสฟลายแทร็ปกำลังเดินหน้าไปได้สวยอยู่นั้นเอง สมาชิกในวงที่มี นก ยลดา(เกริกก้อง) สวนยศ เป็นหนึ่งในตัวหลัก(ปัจจุบันเธอได้ผันตัวเองมาเป็นประธานกลุ่มสตรีข้ามเพศและไม่อนุญาตให้ใครเรียกเธอว่ากะเทย!) ได้เกิดแตกคอกันอย่างรุนแรง ถึงขนาดที่ไม่สามารถร่วมทางเดินกันได้เหมือนเดิม เป็นเหตุให้วีนัส ฟลายแทร็ป ต้องเปิดโครงการ venus flytrap search for the missing puzzle ขึ้นที่อาคารมาลีนนท์ เพื่อเฟ้นหาสาวประเภทสองจำนวน 2 คนมาร่วมวงแทนที่ “นกและแอมมี่” สมาชิกอีกรายที่แยกออกไป เรื่องเล่าให้เงามืดบอกว่า ที่วงแตกเพราะบรรดานักร้องสาวข้ามเพศในครั้งนั้นหลายคนในวงแย่งผู้ชายคนเดียวกัน นายแบบที่ถูกรุมตอมในครั้งนั้นชื่อ “ไมค์” !?
และในครั้งนี้เองที่วีนัส ฟลายแทร็ปได้สมาชิกใหม่เพิ่มเข้ามาสองคน และหนึ่งในนั้นก็คือ เบลล์ นันทิตา คนนี้นี่เอง (อีกคนคือ มิว พันธกานต์)
เบลล์ได้เข้ามาร่วมกลุ่ม ฝึกหัดร้องเพลง เรียนเต้น และทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกับวงวีนัสฟลายแทร็ปอยู่ระยะหนึ่ง แต่จังหวะเวลาในการทำอัลบั้มให้พวกเธอยังไม่ลงตัว จนในที่สุดเบลล์ก็หมดสัญญากับวีนัสฟลายแทร็ปไปเมื่อปีที่แล้ว และนั่นก็ทำให้เธอมีชื่อเป็นหนึ่งในสมาชิกวงวีนัสฟลายแทร็ปที่ยังไม่เคยมีผลงานอัลบั้มเพลงออกมาอย่างจริงจัง แต่หน้าตา ลีลาและความสามารถของเธอนั้นคุ้นเคยติดตรึงอยู่ในความทรงจำของทีมงาน Sony BMGเป็นอย่างดี ซึ่งก็คงไม่ต้องสงสัยเลยว่า เพราะเหตุใดเบลล์ นันทิตาจึงได้เดินเข้ามาประกวดรายการนี้
กลิ่นความสำเร็จของวงวีนัสฟลายแทร็ปคงจะลอยเข้าจมูกของผู้บริหาร Sony BEC อีกครั้ง หลังจากที่เห็นกระแสตอบรับที่ดีเลิศเกินคาดของเบลล์ นันทิตา การกลับลำเปลี่ยนบทให้เบลล์กลับเข้ามา ตลอดจนพยายามผลักดันจนออกนอกหน้า ปั่นราคาให้เบลล์มีค่าสูงเกินสาวประเภทสองรายอื่นๆ ไปไกลลิบ ยัดเยียดเรื่องราวของเบลล์ให้แก่ศิลปินฝรั่งอย่าง “ร็อบบี้ วิลเลียมส์” ในระหว่างที่เขาไปเป็นแขกรับเชิญรายการทอล์กโชว์ของประเทศเนเธอร์แลนด์ ทั้งๆ ที่เนื้อหาการพูดคุยในวันนั้นไม่ได้มีส่วนไหนที่สามารถโยงไปถึงเรื่องของเบลล์ได้เลยด้วยซ้ำ แต่การดูคลิปการร้องเพลงสองเสียงของเบลล์ในครั้งนั้นก็ทำให้ร็อบบี้ประหลาดใจและอุทานเชิงถามพิธีกรออกมาว่า “Is she a Guy? ” และประโยคสั้นๆ นั้นก็กลายมาเป็นถ้อยคำที่ใช้โฆษณาหนุนดันเบลล์ในเวลาต่อมา
ความยุติธรรมอยู่ที่ไหน?
ในขณะที่เบลล์ได้รับการผลักดันอย่างออกนอกหน้าเช่นนี้ ผู้เข้าประกวดรายอื่นๆ กลับแทบจะไม่มีพื้นที่ให้โผล่ขึ้นมาแนะนำตัว หากสามารถแหวกผ่านเรื่องของเบลล์เพื่อไปพบกับเรื่องของ “เฟิร์ส เกณิกา เขียนแม้น” เด็กสาวบ้านนอกที่มีเสียงทรงพลัง ซึ่งแม้ทั้งประเทศจะรู้แล้วว่าเธอไม่ได้เป็นเด็กเฉิ่มเชยอย่างที่เธอพยายามสร้างภาพ แต่รายการก็ยังมีพื้นที่ให้เธอแสดงออกและยินยอมให้เธอผ่านเข้าไปสู่รอบไฟนัลได้อย่างไม่น่าเชื่อ
นอกจากนั้นยังมีเรื่องของ “ อัจจ์ กัลป์ยาณคุปต์” ชายผู้มาประกวดเพื่อหาเงินไปรักษาแม่ ผู้ซึ่งเน้นการเป่าปี่(ร้องไห้) มากกว่าการเป่าแซ็กโซโฟนที่เขาสะพายขึ้นไปโชว์บนเวที เรื่องของ “สมศักดิ์ เหมรัญ” นักกีตาร์มือเดียวและ “ก้องภพ แก้วเรือง” นักดนตรีพิการที่สร้างกำลังใจให้แก่คนดูตั้งแต่แรกปรากฏตัว ทั้งๆ ที่ในจำนวนผู้เข้าประกวดที่ผ่านเข้ารอบเซมิไฟนัลมีถึง 48 ทีม แต่พื้นที่ในการประชาสัมพันธ์ของรายการกลับมีให้เพียงแค่ไม่กี่ทีม ซ้ำซากจำเจจนถือได้ว่ามีคนรู้จักผู้เข้าประกวดอยู่แค่หยิบมือ และมีทีมผู้เข้าประกวดหลายทีมที่ผู้ชมเพิ่งเคยเห็นหน้าในวันที่พวกเขาต้องส่งคะแนนไปโหวตให้
การที่ผู้เข้าประกวดไม่ได้รับพื้นที่ในการประชาสัมพันธ์ตัวเอง ไม่มีภาพการแสดงความสามารถในครั้งก่อน ไม่มีคลิปวิดีโอแสดงความสามารถบนเวทีของเขาในเว็บไซต์หลักของรายการ ก็เพราะพวกเขาเหล่านั้นไม่มีสตอรี่ที่น่าสนใจ ตลอดจนไม่มีความพยายามที่จะสร้างสตอรี่ขึ้นมาเหมือนกับผู้เข้าประกวดรายอื่นๆ ที่รายการพยายามหนุนเชียร์
ในทางการตลาดถ้าตั้งใจนำไปต่อยอดทางธุรกิจแล้ว ทั้ง “สมศักดิ์ กีต้าร์มือเดียว” , “ก้องภพ นักดนตรีพิการ” หรือ “เฟิร์ส เด็กหญิงบ้านนอกเสียงทรงพลัง” ก็ไม่อาจจะนำมาแปรรูปผลิตเป็นศิลปินในสังกัดได้เหมือนกับ “เบลล์” ผู้หญิงข้ามเพศที่ร้อง 2 เสียง แม้ว่า กรรมการภิญโญ รู้ธรรมจะเคยกล่าวประโยคสัจธรรมว่า “ไม่มีจุดขาย”บนเวทีการประกวด แต่วันนี้เพราะ “กระแสตอบรับ” จึงถูกพลิกผันเอาเธอกลายเป็น “จุดขาย” ของตลาดเพลงปัจจุบันที่เน้น “การโชว์” มากกว่า “ตัวเพลง” และทั้งหมดนี้คือเหตุผลที่ทำให้เกิดกระบวนการ “ชุบตัวและย้อมแมว” เพื่อให้ “เบลล์” นันทิตา ฆัมภิรานนท์” นักร้อง 2 เสียงของหญิงข้ามเพศซึ่งมีความสามารถในระดับพื้นๆ ธรรมดา (มาก) ให้ยืนรอจ่อคิวเตรียมเป็นศิลปินในสังกัด Sony BEC ในอนาคต
ถูก "ต้ม" แล้วคร๊าบบ...!! "เสี่ยตา" ลับลวงแหล ชุบตัว "เบลล์" ตุ๊ดทาแลนท์
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
มหกรรมแหกตา -ลวงโลก (อีกสักครั้ง) ของรายการ Thailand’s Got Talent ยังคงดำเนินต่อไป เมื่อ “เบลล์” นันทิตา ฆัมภิรานนท์ “ผู้หญิงข้ามเพศ - ตุ๊ดทาเลนด์” ซึ่งเข้ารอบ 120 ทีมและไม่ผ่านเข้ารอบ 48 ทีม แต่บังเอิญเทปที่ออกอากาศในวันที่ 13 มีนาคม 2554กระแสตอบรับดี “เสี่ยตา” สั่งเวิร์คพอยท์ถ่ายซ่อมตัดต่อให้ “เข้ารอบ” ร่วมมือพร้อมใจกันดันผ่านรายการ “เช้าดูวู้ดดี้” เปิดตัวให้สัมภาษณ์ผ่าน “นิตยสาร Who?” เพื่อจะพาเธอโกอินเตอร์ (อีกครั้ง) รายการนี้ บริษัท ยูนิลีเวอร์เป็นเพียงสปอนเซอร์หลักหาใช่ผู้นำเข้าแต่อย่างใด เจ้าของแท้จริงคือ Sony BEC ที่อ้างตัวว่าเป็นแค่พาร์ตเนอร์ นักร้องจากประเทศอังกฤษ ร็อบบี วิลเลียมส์ (อดีตสมาชิกวงเทค แดท) อุ้มเธอเข้าสู่กระแสโลกด้วยคำอุทาน “Is she a guy?”
อดีต “เบลล์” นันทิตา เป็นหนึ่งในสมาชิก Venus Flytrap รุ่น 2 ที่ด่วนหมดสัญญาไปกับSony BMG ก่อน
กระแส “เบลล์ฟีเวอร์” นี้หากดูเผินๆ ก็คงจะไม่มีอะไรแปลกประหลาด การที่สาวประเภทสองซึ่งมีเสียงไพเราะสามารถร้องเพลงได้ดีทั้งเสียงของผู้หญิงและเสียงของผู้ชายจะได้รับความนิยมและเป็นที่รู้จักในวงกว้าง มีคนชื่นชมทั้งเสียงร้อง รูปร่างหน้าตา และชีวิตที่ต้องต่อสู้เนื่องจากครอบครัวไม่ยอมรับ จนกระทั่งเกิดแฟนคลับทั้งในประเทศและต่างประเทศมากมาย แต่ถ้าหากได้รับรู้ข้อมูลบางประการเกี่ยวกับ “เบลล์ นันทิตา” ในการประกวด Thailand’s Got Talent ตลอดจนความเป็นจริงของสังคมสาวประเภทสองแล้ว อาจจะทำให้ความคิดที่เคยมีเปลี่ยนแปลงไปก็เป็นได้
เธอหลอกคนทั้งโลก
“คุณหลอกผมมาตั้งแต่แรกพบ” “นิรุตติ์ ศิริจรรยา” กรรมการคนหนึ่งบนเวที Thailand’s Got Talent บอกกับ “เบลล์ นันทิตา ฆัมภิรานนท์” ในวันที่เธอปรากฏตัวครั้งแรกต่อหน้าคณะกรรมการและผู้ชมในห้องส่ง ในวันนั้นเบลล์ออกมาด้วยใบหน้าสะสวย รูปร่างผิวพรรณเป็นสาวสะพรั่งผมยาวเลยบ่าสีดำสนิท หลังจากให้สัญญาณเริ่มการแสดง เบลล์ร้องเพลงอยากรู้แต่ไม่อยากถามด้วยเสียงผู้หญิงใสๆ ก่อนจะหักมุมด้วยการร้องเพลง UNLOVABLE ด้วยเสียงผู้ชายแบบแมนเต็มร้อยจนเรียกเสียงฮือฮาทั้งห้องส่ง
หลังจากที่เทปการแสดงของเบลล์ออกอากาศในวัน 13 มีนาคม เบลล์ก็กลายเป็นทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ คนทั้งประเทศแสดงความชื่นชม เธอเริ่มมีแฟนคลับเป็นของตัวเอง โลกอินเตอร์เน็ตร้อนฉ่าด้วยกระแสเบลล์ฟีเวอร์ คลิปตอนเธอแสดงความสามารถที่มีคนนำไปลงในยูทิวบ์แบบต่างกรรมต่างวาระมีคนคลิกเข้าไปดูเป็นหลักแสน (ก่อนจะถึงหลักล้านในเวลาต่อมา) ซึ่งอาการเซอร์ไพรส์ของคนดู กรรมการ และผู้ชมทางบ้านนั้นเป็นสิ่งที่เบลล์บอกว่าเธอวางแผนมาตั้งแต่แรกแล้ว นั่นคือจุดประสงค์ของเธอที่ต้องการจะหลอกคนดู ต้องการทำเซอร์ไพรซ์ เนื่องจากเธอมีความสามารถร้องได้ทั้งเสียงผู้หญิงและเสียงผู้ชายมานานนับสิบปี ตั้งแต่เธอเริ่มร้องเพลงเป็นอาชีพแล้ว
ความจริงที่หลายคนไม่เคยรู้
ถึงจะสร้างความเซอร์ไพรส์ได้ในวันแรกแต่การแสดงของเบลล์ นันทิตาก็ถูกเขี่ยออกในวันตัดสินรอบเซมิไฟนัลที่ต้องการทีมผู้เข้าประกวดที่ผ่านเข้ารอบเพียง 48 ทีมจากทั้งหมด 120 ทีมที่คัดมาทั่วประเทศ ด้วยเหตุผลที่ภิญโญ รู้ธรรม หนึ่งในคณะกรรมการบอกอย่างชัดเจนว่า “เสียงดี แต่ไม่มีทาเลนต์อะไร ไม่มีอะไรเป็นจุดขาย คุณก็ทำได้เหมือนที่นางโชว์ทั่วไปเขาทำกัน”
สิ่งที่ภิญโญพูดในวันนั้นไม่ได้เกินเลยหรือผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริง เพราะในสังคมของเราทุกวันนี้ การร้องเพลงสองเสียงหญิงชายในลักษณะที่เบลล์แสดงบนเวที Thailand’s Got Talent เป็นสิ่งที่สาวประเภทสองจำนวนไม่น้อยสามารถทำได้ โดยเฉพาะผู้ที่เป็นนักร้องอาชีพ
“ความสามารถเสมอเหมือนนางโชว์ทั่วประเทศ” ซึ่งหลุดออกจากปากของภิญโญจึงเป็นคอมเมนต์ที่ถูกต้องแน่นอนและตรงไปตรงมาที่สุด
สาวประเภทสองและคนที่ใกล้ชิดคลุกคลีหรือรู้จักคนกลุ่มนี้ต่างรู้กันดีว่า สาวประเภทสองที่ร้องเพลงได้สองเสียงทั้งเสียงดั้งเดิมแบบชาย รวมถึงการใช้กลวิธี “เสียงหลบ” ด้วยการบีบเสียงให้ใสเล็กแบบผู้หญิงเป็นเรื่องที่มีคนทำได้มากมายนัก โดยส่วนมากมักเป็นผู้ที่ประกอบอาชีพกึ่งนักร้อง - นางโชว์ตามผับบาร์ และนักร้องอาชีพซึ่งมีลูกเล่นสร้างความบันเทิงให้ผู้ฟังด้วยการแต่งหญิงเต็มตัวแล้วร้องเพลงด้วยเสียงชายกับหญิงสลับกันไปมา นักร้องชื่อดังที่สามารถทำได้ตามนี้ก็คือ มัม ลาโคนิค นักร้องสาวประเภทสองชื่อดัง และโจแอน บุญสูงเนิน นักร้องสาวเทียม เจ้าของฉายา “ กะเทยร้อยเสียง” ที่ทำงานในผับบาร์จนเป็นที่รู้จักกันทั่วไปก็ทำได้มากกว่าด้วยซ้ำ เพียงแต่บรรดานักร้องที่ว่านี้ หน้าตาไม่ได้แอ๊บสวยได้อย่างเธอเท่านั้นเอง
หลังจากถ่ายทำรอบคัดเลือกทีมเข้าประกวดเพื่อผ่านเข้าสู่รอบเซมิไฟนัลสิ้นสุดลงในค่ำคืนวันที่ 31 มกราคม เบลล์เก็บกระเป๋ากลับบ้านไปประกอบอาชีพนักร้องและดีเจที่คลื่นวิทยุเมืองย่าโมบ้านเกิดเหมือนในอดีตที่ผ่านมา แต่หลังจากที่เทปการแสดงความสามารถรอบคัดเลือกของรายการ Thailand’s Got Talent ออกอากาศ และมีผู้นำคลิปการแสดงของเธอไปเผยแพร่ต่อในโลกอินเทอร์เน็ตจนเกิดกระแสดังกล่าว เธอก็ถูกเรียกตัวจากทางรายการให้ไป “ถ่ายซ่อม”
เพราะทางเวิร์คพอยท์ในฐานะบริษัทรับจ้างผลิตกับเจ้าของลิขสิทธิ์ได้ทำการประชุมตกลงกันแล้วว่า “เบลล์ - นันทิตา” จะเป็นขุมทรัพย์ที่หากปล่อยทิ้งไปต้องเสียดายไปตลอดชีวิต เพราะอย่างน้อยที่สุดบรรดาแฟนคลับทั่วประเทศกับแฟนคลับในต่างประเทศที่รวมกันแล้วน่าจะถึงหลักแสนก็มีกำลังทรัพย์เพียงพอที่จะติดตามเธอ
ระยะเวลาเพียงสั้นๆ หลังจากเทปการแสดงรอบคัดเลือกทั่วไปในวันที่ 13 มีนาคมของเบลล์ นันทิตาออกอาอากาศ ก่อนถึงวันที่เทปรายการรอบประกาศผลเซมิไฟนัลเผยแพร่ในวันที่ 10 เมษายน เวิร์คพอยท์จึงเรียกทีมงาน คณะกรรมการ และผู้ชมพักตร์อาชาในห้องส่งให้กลับมารวมตัวกันอีกครั้งเพื่อถ่ายเจาะการประกาศผลว่าให้เบลล์ นันทิตาเป็นหนึ่งในผู้ผ่านเข้ารอบ 48 ทีม แล้วนำเทปดังกล่าวไปต่อเติมกับเทปการประกาศผลแท้จริงที่ทำกันเสร็จไปตั้งแต่วันที่ 31 มกราคม
นับว่าเป็นการโปะเข้าไปอย่างหน้าด้านๆ ของเวิร์คพอยท์โดยมี “กระแสตอบรับ” เป็นตัวแปร ซึ่งเรื่องนี้หากไม่ใช่ผู้เข้าประกวด คณะกรรมการ ผู้ชมในห้องส่ง ทีมงาน และคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องจริงๆ ก็ยากที่จะล่วงรู้เนื่องจากฝ่ายตัดต่อของเวิร์คพอยท์ทำงานเก่งขั้นเทพกันอยู่แล้ว
เดินหน้าดัน
เมื่อไม่ใช่การประกาศผลสดๆ จึงสามารถตัดต่อเพิ่มเติมผู้เข้าประกวดที่สามารถ “ทำเงิน”ได้ให้แพลมเข้ามาได้อย่างเนียนๆ หลังจากที่เบลล์กลายเป็นตัวละครที่ผ่านเข้ารอบ 48 ทีมได้เรียบร้อยแล้ว พันธมิตรทั้งสองก็เดินหน้าผลักดันให้เบลล์แจ้งเกิดในวงกว้างทันที
ตั้งแต่การเรียกกระแสด้วยการพาไปออกรายการต่างๆ เริ่มตั้งแต่รายการ “เช้าดูวู้ดดี้” ที่สอดคล้องกับคอนเซ็ปท์ “วู้ดดี้เกิดมาขาย” เวิร์คพอยต์กับ Sony BEC (ซึ่งเป็นต้นสังกัดที่แท้จริง) จึงร่วมมือกันซื้อเวลาหนึ่งช่วงแล้วให้เบลล์ไปนั่งให้วู้ดดี้แสดงอาการโอเวอร์แอ็กติ้งคารวะบูชาเสียงร้องทั้งสองเพศของเบลล์ ช่วยขยับกระแสเบลล์ฟีเวอร์ให้ลุกลามในวงกว้างได้เป็นอย่างดี
ต่อจากนั้นก็มีรายการอื่นๆ ติดต่อให้เบลล์ไปออกตามมาเรื่อยๆ ทั้งรายการรอบเรื่องเมืองไทย ทางดูดีชาแนล รายการแมงโก้คาเฟ่ ทางแมงโก้ทีวี ร้องเพลงโชว์ตัวที่งานแถลงข่าวการประกวดมีสทิฟฟานี ยูนิเวิร์ส 2011 รวมถึงลงปกนิตยสาร Who? ฉบับล่าสุดอีกด้วย
โผล่หน้าโชว์เสียงปรากฏตัวเป็นว่าเล่นท่ามกลางสายตาน้อยอกน้อยใจของผู้เข้าประกวดรายอื่นๆ เพราะผู้เข้าประกวดทุกคนรู้ดีว่าการประกวด Thailand’s Got Talent นั้น จะต้องเซ็นสัญญากับต้นสังกัดว่าห้ามไปออกสื่อทุกประเภทหรือแม้แต่โชว์ตัวทุกรูปแบบโดยพลการ นั่นหมายความว่าก่อนจะไปออกสื่อต่างๆ ได้นั้นจะต้องขออนุญาตกับทางต้นสังกัดก่อน ซึ่งถ้าหากต้นสังกัดไม่อนุญาตผู้เข้าประกวดรายนั้นหรือทีมนั้นก็ไม่มีสิทธิ์ปรากฏตัวเด็ดขาด
แน่นอนว่าทุกๆ การออกสื่อของเบลล์อยู่ในการรับรู้ของ Sony BEC และเวิร์คพอยท์ ซึ่งมันก็ช่วยเพิ่มกระแสเบลล์ฟีเวอร์และกระแสของรายการได้เป็นอย่างดี ดูๆ แล้วก็ไม่น่าจะมีอะไรเสียหายผิดแปลก ถ้าหากผู้เข้าแข่งขันรายอื่นๆ จะได้รับสิทธิที่เท่าเทียมกับผู้หญิงข้ามเพศรายนี้บ้าง
สังเกตกันให้ดีๆ ว่ามีผู้เข้าประกวดรายไหนหรือทีมใดได้ไปปรากฏตัวออกสื่อถี่เยอะเทียบเท่าเบลล์ นันทิตาบ้าง ที่ผ่านมีเพียง สมศักดิ์ กีตาร์มือเดียวที่เคยไปนั่งให้สัมภาษณ์ในรายการเรื่องเด่นเย็นนี้ของสรยุทธ สุทัศนะจินดา เพียงครั้งเดียวเท่านั้น หากจะบอกว่าที่เบลล์ได้ปรากฏตัวตามสื่อเยอะกว่าคนอื่นก็เพราะความสามารถก็คงจะไม่ใช่ เพราะอย่างที่บอกว่าการร้องเพลงสองเสียงไม่ใช่เรื่องมหัศจรรย์หรือสิ่งแปลกใหม่ ยิ่งเมื่อเทียบกับการแสดงบีทบ็อก การโชว์ตัวอ่อน หรือการร้องเพลงแบบโอเปราก็จะเห็นได้ว่าการร้องเพลงไพเราะสองเสียงของเบลล์ถือว่าธรรมดามาก
หรือถ้าจะบอกว่าการที่เธอได้ไปออกสื่อต่างๆ เพราะโปรไฟล์ก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้เข้าไปใหญ่ เนื่องจากมีผู้เข้าประกวดที่มีเรื่องราวน่าสนใจกว่าเธอไม่น้อย การต่อสู้เพื่อดำรงไว้ซึ่งสิทธิทางเพศของเธอเป็นเพียงเรื่องสามัญของสาวประเภทสองนับหมื่นทั่วประเทศหรือนับแสนทั่วโลก
จะบอกว่าไม่มีผู้เข้าประกวดรายใดที่มีผู้ติดต่อให้ออกสื่อนั้นลืมไปได้เลย เพราะก่อนหน้านี้ “ดร๊าฟ ศตวรรษ ถินจันทร์” ผู้เข้าประกวดชายหน้าตาดี หุ่นเพอร์เฟค ก็ได้รับการติดต่อจากนิตยสาร Men’s Health ให้ไปถ่ายแบบ แต่ทางต้นสังกัดผู้กุมชะตาชีวิตของเขาในช่วงนี้กลับปฏิเสธไม่ให้เขาได้ลงนิตยสารดังกล่าวหน้าตาเฉย
(หมายเหตุ - ในโปรไฟล์เก่าที่ ซูเปอร์บันเทิงมีอยู่หน้าการประกวดรายการ Thailand’s Got Talent พบว่า “ดร๊าฟ” ศตวรรษ ถินจันทร์ ผู้นี้ เป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 1 ภาควิชาศิลปะการแสดง และกำกับการแสดง คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เคยผ่านการประกวดจนได้รางวัลจากเวที “10 หนุ่มหน้าใส Tea Tree” เมื่อปี 2009 และ “ Prince Seventeen 2010” (นิตยสาร เซเวนทีน) มีความสามารถพิเศษหลายด้านเช่น การร้องเพลงแจ๊ซ และคลาสสิคในภาษา อิตาเลียน,เยอรมัน,ฝรั่งเศส,สเปน ตลอดจนมีความสามารถในเล่นเครื่องดนตรีหลายชนิดเช่น เปียนโน, แซกโซโฟน และกีต้าร์ เป็นต้น)
การที่เบลล์ปรากฏตัวออกมาให้เราได้พบเห็นถี่บ่อยขนาดนี้จึงไม่ใช่เพียงเพราะความสามารถ หน้าตา หรือเรื่องบังเอิญแต่เป็นมหกรรมการทำงานร่วมกันของสองพันธมิตรอย่าง Sony BEC และเวิร์คพอยท์ที่โหนกระแสเบลล์ฟีเวอร์หลังจากที่โยนหินถามทางไปก่อนหน้านี้นั่นเอง
เสพติดความสำเร็จจาก “ วีนัส ฟลายแทร็ป”
จากความสำเร็จของ “วีนัส ฟายแทร็ป(venus flytrap)” กลุ่มนักร้องนักเต้นสาวประเภทสองจำนวน 5 คนในสังกัดของ Sony BMG ที่เรียกเสียงฮือฮาได้ตั้งแต่ออกอัลบั้ม Visa For Love ไปเมื่อปี พ.ศ. 2549 ซึ่งแม้ตัวเพลงจะไม่เป็นที่จดจำของผู้คนสักเท่าไหร่ แต่เรื่องการโชว์นั้นพวกเธอเก็บกินมาได้ยาวนานต่อเนื่องหลายปีเลยทีเดียว
ด้วยความที่เป็นวงซึ่งมีจุดขายอยู่ที่การโชว์นี่เอง ทำให้วีนัส ฟลายแทร็ปเดินสายตระเวนโชว์ในแบบเวิลด์ทัวร์ สร้างชื่อเสียงและกอบโกยเงินทองให้แก่ต้นสังกัดไม่ใช่น้อย แต่ในขณะที่วีนัสฟลายแทร็ปกำลังเดินหน้าไปได้สวยอยู่นั้นเอง สมาชิกในวงที่มี นก ยลดา(เกริกก้อง) สวนยศ เป็นหนึ่งในตัวหลัก(ปัจจุบันเธอได้ผันตัวเองมาเป็นประธานกลุ่มสตรีข้ามเพศและไม่อนุญาตให้ใครเรียกเธอว่ากะเทย!) ได้เกิดแตกคอกันอย่างรุนแรง ถึงขนาดที่ไม่สามารถร่วมทางเดินกันได้เหมือนเดิม เป็นเหตุให้วีนัส ฟลายแทร็ป ต้องเปิดโครงการ venus flytrap search for the missing puzzle ขึ้นที่อาคารมาลีนนท์ เพื่อเฟ้นหาสาวประเภทสองจำนวน 2 คนมาร่วมวงแทนที่ “นกและแอมมี่” สมาชิกอีกรายที่แยกออกไป เรื่องเล่าให้เงามืดบอกว่า ที่วงแตกเพราะบรรดานักร้องสาวข้ามเพศในครั้งนั้นหลายคนในวงแย่งผู้ชายคนเดียวกัน นายแบบที่ถูกรุมตอมในครั้งนั้นชื่อ “ไมค์” !?
และในครั้งนี้เองที่วีนัส ฟลายแทร็ปได้สมาชิกใหม่เพิ่มเข้ามาสองคน และหนึ่งในนั้นก็คือ เบลล์ นันทิตา คนนี้นี่เอง (อีกคนคือ มิว พันธกานต์)
เบลล์ได้เข้ามาร่วมกลุ่ม ฝึกหัดร้องเพลง เรียนเต้น และทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกับวงวีนัสฟลายแทร็ปอยู่ระยะหนึ่ง แต่จังหวะเวลาในการทำอัลบั้มให้พวกเธอยังไม่ลงตัว จนในที่สุดเบลล์ก็หมดสัญญากับวีนัสฟลายแทร็ปไปเมื่อปีที่แล้ว และนั่นก็ทำให้เธอมีชื่อเป็นหนึ่งในสมาชิกวงวีนัสฟลายแทร็ปที่ยังไม่เคยมีผลงานอัลบั้มเพลงออกมาอย่างจริงจัง แต่หน้าตา ลีลาและความสามารถของเธอนั้นคุ้นเคยติดตรึงอยู่ในความทรงจำของทีมงาน Sony BMGเป็นอย่างดี ซึ่งก็คงไม่ต้องสงสัยเลยว่า เพราะเหตุใดเบลล์ นันทิตาจึงได้เดินเข้ามาประกวดรายการนี้
กลิ่นความสำเร็จของวงวีนัสฟลายแทร็ปคงจะลอยเข้าจมูกของผู้บริหาร Sony BEC อีกครั้ง หลังจากที่เห็นกระแสตอบรับที่ดีเลิศเกินคาดของเบลล์ นันทิตา การกลับลำเปลี่ยนบทให้เบลล์กลับเข้ามา ตลอดจนพยายามผลักดันจนออกนอกหน้า ปั่นราคาให้เบลล์มีค่าสูงเกินสาวประเภทสองรายอื่นๆ ไปไกลลิบ ยัดเยียดเรื่องราวของเบลล์ให้แก่ศิลปินฝรั่งอย่าง “ร็อบบี้ วิลเลียมส์” ในระหว่างที่เขาไปเป็นแขกรับเชิญรายการทอล์กโชว์ของประเทศเนเธอร์แลนด์ ทั้งๆ ที่เนื้อหาการพูดคุยในวันนั้นไม่ได้มีส่วนไหนที่สามารถโยงไปถึงเรื่องของเบลล์ได้เลยด้วยซ้ำ แต่การดูคลิปการร้องเพลงสองเสียงของเบลล์ในครั้งนั้นก็ทำให้ร็อบบี้ประหลาดใจและอุทานเชิงถามพิธีกรออกมาว่า “Is she a Guy? ” และประโยคสั้นๆ นั้นก็กลายมาเป็นถ้อยคำที่ใช้โฆษณาหนุนดันเบลล์ในเวลาต่อมา
ความยุติธรรมอยู่ที่ไหน?
ในขณะที่เบลล์ได้รับการผลักดันอย่างออกนอกหน้าเช่นนี้ ผู้เข้าประกวดรายอื่นๆ กลับแทบจะไม่มีพื้นที่ให้โผล่ขึ้นมาแนะนำตัว หากสามารถแหวกผ่านเรื่องของเบลล์เพื่อไปพบกับเรื่องของ “เฟิร์ส เกณิกา เขียนแม้น” เด็กสาวบ้านนอกที่มีเสียงทรงพลัง ซึ่งแม้ทั้งประเทศจะรู้แล้วว่าเธอไม่ได้เป็นเด็กเฉิ่มเชยอย่างที่เธอพยายามสร้างภาพ แต่รายการก็ยังมีพื้นที่ให้เธอแสดงออกและยินยอมให้เธอผ่านเข้าไปสู่รอบไฟนัลได้อย่างไม่น่าเชื่อ
นอกจากนั้นยังมีเรื่องของ “ อัจจ์ กัลป์ยาณคุปต์” ชายผู้มาประกวดเพื่อหาเงินไปรักษาแม่ ผู้ซึ่งเน้นการเป่าปี่(ร้องไห้) มากกว่าการเป่าแซ็กโซโฟนที่เขาสะพายขึ้นไปโชว์บนเวที เรื่องของ “สมศักดิ์ เหมรัญ” นักกีตาร์มือเดียวและ “ก้องภพ แก้วเรือง” นักดนตรีพิการที่สร้างกำลังใจให้แก่คนดูตั้งแต่แรกปรากฏตัว ทั้งๆ ที่ในจำนวนผู้เข้าประกวดที่ผ่านเข้ารอบเซมิไฟนัลมีถึง 48 ทีม แต่พื้นที่ในการประชาสัมพันธ์ของรายการกลับมีให้เพียงแค่ไม่กี่ทีม ซ้ำซากจำเจจนถือได้ว่ามีคนรู้จักผู้เข้าประกวดอยู่แค่หยิบมือ และมีทีมผู้เข้าประกวดหลายทีมที่ผู้ชมเพิ่งเคยเห็นหน้าในวันที่พวกเขาต้องส่งคะแนนไปโหวตให้
การที่ผู้เข้าประกวดไม่ได้รับพื้นที่ในการประชาสัมพันธ์ตัวเอง ไม่มีภาพการแสดงความสามารถในครั้งก่อน ไม่มีคลิปวิดีโอแสดงความสามารถบนเวทีของเขาในเว็บไซต์หลักของรายการ ก็เพราะพวกเขาเหล่านั้นไม่มีสตอรี่ที่น่าสนใจ ตลอดจนไม่มีความพยายามที่จะสร้างสตอรี่ขึ้นมาเหมือนกับผู้เข้าประกวดรายอื่นๆ ที่รายการพยายามหนุนเชียร์
ในทางการตลาดถ้าตั้งใจนำไปต่อยอดทางธุรกิจแล้ว ทั้ง “สมศักดิ์ กีต้าร์มือเดียว” , “ก้องภพ นักดนตรีพิการ” หรือ “เฟิร์ส เด็กหญิงบ้านนอกเสียงทรงพลัง” ก็ไม่อาจจะนำมาแปรรูปผลิตเป็นศิลปินในสังกัดได้เหมือนกับ “เบลล์” ผู้หญิงข้ามเพศที่ร้อง 2 เสียง แม้ว่า กรรมการภิญโญ รู้ธรรมจะเคยกล่าวประโยคสัจธรรมว่า “ไม่มีจุดขาย”บนเวทีการประกวด แต่วันนี้เพราะ “กระแสตอบรับ” จึงถูกพลิกผันเอาเธอกลายเป็น “จุดขาย” ของตลาดเพลงปัจจุบันที่เน้น “การโชว์” มากกว่า “ตัวเพลง” และทั้งหมดนี้คือเหตุผลที่ทำให้เกิดกระบวนการ “ชุบตัวและย้อมแมว” เพื่อให้ “เบลล์” นันทิตา ฆัมภิรานนท์” นักร้อง 2 เสียงของหญิงข้ามเพศซึ่งมีความสามารถในระดับพื้นๆ ธรรมดา (มาก) ให้ยืนรอจ่อคิวเตรียมเป็นศิลปินในสังกัด Sony BEC ในอนาคต
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 27
boomer1983
26/04/2011 13:37:46
0
ผมว่าเค้าคงรู้กันเยอะแหละครับเรื่องนี้แต่ไม่มีใครอยากพูดมากกว่า เหอะๆ
ผมว่าเค้าคงรู้กันเยอะแหละครับเรื่องนี้แต่ไม่มีใครอยากพูดมากกว่า เหอะๆ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 28
ห่าน
26/04/2011 13:49:51
ASTV สื่อแหกตา ?
ก็พอกันละ ไปว่ารายการคนอื่นเขาแหกตา
ตัวเองไม่เคยทำเล๊ย ไม่เคยเลยจริงๆ
ความสามารถธรรมดาอะไร ใชjสิร้องเพลงใครๆก็ร้องได้
ร้องสองเสียงกระเทยทั่วๆไปก็ทำได้ แต่คำถามคือทำได้ดีแบบเขาไหม
เด็ก เฟิสนั้นซะเปล่า เสียงก็งั้นๆ เทคนิคก็ไม่ดี ตะโกนอย่างเดียว
ขาดความไพเราะ ความผ่อนคลาย อารมณ์ ฯลฯ
ยังได้เข้ารอบ ทำไมอันนี้จะไม่ได้ละ
ASTV สื่อแหกตา ?
ก็พอกันละ ไปว่ารายการคนอื่นเขาแหกตา
ตัวเองไม่เคยทำเล๊ย ไม่เคยเลยจริงๆ
ความสามารถธรรมดาอะไร ใชjสิร้องเพลงใครๆก็ร้องได้
ร้องสองเสียงกระเทยทั่วๆไปก็ทำได้ แต่คำถามคือทำได้ดีแบบเขาไหม
เด็ก เฟิสนั้นซะเปล่า เสียงก็งั้นๆ เทคนิคก็ไม่ดี ตะโกนอย่างเดียว
ขาดความไพเราะ ความผ่อนคลาย อารมณ์ ฯลฯ
ยังได้เข้ารอบ ทำไมอันนี้จะไม่ได้ละ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 29
SorN.
26/04/2011 20:33:40
0
งานนี้รู้กันเยอะครับเพียงแต่ไม่พูดออกมา
คุณห่านคุณคงดูแต่พวกสี่อฟรีทีวีล่ะสิ
ปิดหูปิดตาดีแต่ว่าคนอื่นเขาทั้งๆที่ไม่มีความรู้อะไร
งานนี้รู้กันเยอะครับเพียงแต่ไม่พูดออกมา
คุณห่านคุณคงดูแต่พวกสี่อฟรีทีวีล่ะสิ
ปิดหูปิดตาดีแต่ว่าคนอื่นเขาทั้งๆที่ไม่มีความรู้อะไร
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 30
golf8023
28/04/2011 18:52:37
ดูเพื่อความบันเทิงเท่านั้นครับ อย่าคิดมากกกก
ดูเพื่อความบันเทิงเท่านั้นครับ อย่าคิดมากกกก
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 31
tampz9761
28/04/2011 19:04:33
0
ดูเพื่อความบันเทิงแค่นั้นแหละครับ และผมคิดว่าชาวบ้านเขาก็คงดูแค่สนุก
ดูเพื่อความบันเทิงแค่นั้นแหละครับ และผมคิดว่าชาวบ้านเขาก็คงดูแค่สนุก
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 32
ตถตา
23/05/2011 14:41:10
นิสัยคนไทยก็ช่างติ อยู่แล้วไม่ว่าจะเป็นติเพื่อก่อ หรือติเพื่อทำลาย
แต่ยังไงก็แล้วแต่ กรรมการอาจไม่ดีในสายตาหลายๆคน
รายการอาจจะมีการแหกตาคนดูอย่างที่พูดๆกัน
หรือแม้แต่ผู้เข้าแข่งขันอาจไม่มีทาเล้นท์จริงๆอย่างที่ว่ากัน
แต่สิ่งที่น่าประทับใจคือเรามีรายการระดับโลกให้ดูให้ชมเป็นของประเทศไทย
บางคนคิดว่า ถ้ามีแล้วเป็นแบบนี้อย่ามีดีกว่า
ผมว่าไม่จริง ถ้าเปรียบเทียบก็เหมือนว่า ถ้าบ้านเรามีระบบ 3จี ขึ้นมาจริง แล้วมันเกิดปัญหา
คุณจะบอกว่า อย่ามีระบบ 3จี ดีกว่าอย่างนั้นหรือ
ผมว่ามันเป็นแนวทาง ไม่ว่าจะเป็นการวิจารณ์ทั้งในทางร้ายและทางดี มันจะทำให้รายการนี้
พัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆในปีต่อๆไป และจะมีความเป็นสากล พร้อมทั้งถูกใจคนไทยทุกคนด้วย
ของทุกอย่างต้องใช้เวลาครับ คุณมีแฟนคุณยังต้องใช้เวลาคบหากันเลย
คุณจะมาตัดสินว่าอะไรดีหรือไม่ดีตั้งแต่ พบเห็นไม่กี่ครั้งได้อย่างไร?
นิสัยคนไทยก็ช่างติ อยู่แล้วไม่ว่าจะเป็นติเพื่อก่อ หรือติเพื่อทำลาย
แต่ยังไงก็แล้วแต่ กรรมการอาจไม่ดีในสายตาหลายๆคน
รายการอาจจะมีการแหกตาคนดูอย่างที่พูดๆกัน
หรือแม้แต่ผู้เข้าแข่งขันอาจไม่มีทาเล้นท์จริงๆอย่างที่ว่ากัน
แต่สิ่งที่น่าประทับใจคือเรามีรายการระดับโลกให้ดูให้ชมเป็นของประเทศไทย
บางคนคิดว่า ถ้ามีแล้วเป็นแบบนี้อย่ามีดีกว่า
ผมว่าไม่จริง ถ้าเปรียบเทียบก็เหมือนว่า ถ้าบ้านเรามีระบบ 3จี ขึ้นมาจริง แล้วมันเกิดปัญหา
คุณจะบอกว่า อย่ามีระบบ 3จี ดีกว่าอย่างนั้นหรือ
ผมว่ามันเป็นแนวทาง ไม่ว่าจะเป็นการวิจารณ์ทั้งในทางร้ายและทางดี มันจะทำให้รายการนี้
พัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆในปีต่อๆไป และจะมีความเป็นสากล พร้อมทั้งถูกใจคนไทยทุกคนด้วย
ของทุกอย่างต้องใช้เวลาครับ คุณมีแฟนคุณยังต้องใช้เวลาคบหากันเลย
คุณจะมาตัดสินว่าอะไรดีหรือไม่ดีตั้งแต่ พบเห็นไม่กี่ครั้งได้อย่างไร?
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 33
probank
23/05/2011 15:40:35
0
ขี้เกียจอ่านอ่ะ...เยอะอ่ะ 55+
ขี้เกียจอ่านอ่ะ...เยอะอ่ะ 55+
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ตอบกระทู้ :
"Thailand’s Got Talent เกมโชว์แหกตา!"
รายละเอียด :
ชื่อ :
รหัสความปลอดภัย :
ตกลง
ตั้งค่าใหม่
แจกหูพิเศษ :
แจ้งลบกระทู้ / ข้อความ
สาเหตุ :
โพสที่แจ้งลบ
แจ้งโดย
เหตุที่แจ้ง
สถานะ