easy cd-da ครับ

flac เป็น lossless ที่บีบอัดมาแล้ว ส่วน aiff ไม่มีการบีบอัด แปลงยังไงก็ต้องใหญ่ขึ้นครับ

และโดยทางทฤษฎีแล้ว แปลง lossless ไปเป็น lossless ด้วยกัน คุณภาพไม่น่าลดลง แต่มันก็เกิดขึ้นได้ 555

dBpoweramp Music Converter ครับ
เท่าที่ผมลองใช้อยู่ คุณภาพเสียงไม่ต่างครับ
ไม่ว่า flac >>> alac หรือ flac >>> aiff

มันคือไฟล์อะไรไว้ฟังกะอะไรครับ

เฮ้อ ไปเรียนซะบ้างนะ

หูท่านคงเทพมากเลยหละ !!!

ผมว่าไม่จำเป็นต้องแปลงหรอกครับ นอกจากจะเอาใช้ใน mac หรือไปใส่ iPod ก็น่าจะแปลงแค่ Apple Lossless ก็พอครับ ส่วนโปรแกรมก็ตามที่ท่านอื่นแนะนำเลยครับ

ขอมาเสริมอีกหน่อย เดาว่า จขกท.ต้องการแปลงเพื่อใช้ลง ipod

แปลงเป็น apple lossless m4a ก็เหลือเฟือแล้วครับ สำหรับไฟล์โหลดมา หิหิ..

แต่ถ้าจะ rip จากแผ่น cd แล้วต้องการหลักประกันความใหญ่ ก็ค่อยจัดเป็น aiff นะครับ 555

เฮ้อ ไปเรียนซะบ้างนะ
^
^
^
ผมว่าความเห็นแบบนี้ไม่ค่อยสร้างสรรค์เลยนะครับ โลกนี้มันไม่มีใครรู้ไปซะทุกเรื่องหรอกครับ เค้าไม่รู้เค้าก็เข้ามาถามดีๆ ไม่เห็นจำเป็นต้องมากระแนะกระแหนกันเลย ถ้าคุณจิตสังหรณ์รู้คุณก็น่าจะช่วยตอบเค้าไปจะดีกว่านะครับ


หูท่านคงเทพมากเลยหละ !!!
^
^
^
นี่ก็ไม่สร้างสรรค์เช่นกัน เรื่องเครื่องเสียงเนี่ย หูใครหูมันนะครับ มันมีปัจจัยเกี่ยวข้องมากมาย ความแตกต่างบางอย่างบางคนก็ฟังออกบางคนก็ฟังไม่ออก ถ้าคุณฟังไม่ออกนั่นไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะฟังไม่ออกด้วยนะครับ

บน Mac ผมใช้ Program "Switch" น่ะครับ ซึ่งที่ Window เองก็มีครับ โหลดแบบ Free หรือแบบ Full version มาใช้ก็ได้ครับ

เท่าที่แปลง FLAC -> AIFF ฟังออกมาไม่แตกต่างเลยครับ ยกเว้นเสียแต่จะแปลงโดย set Option เกินจริง เช่นจาก 44kHz ไปเป็น 48kHz ละก็จะได้เสียง "จิ๊ดๆ" เป็นของแถมในบางท่อนเพลงได้ครับ 555+

ผนว่าเป็น program แปลงไฟล์ mutimedia ที่ครบเครื่องและใช้ง่ายตัวนึงเลยครับ :-D

* ผมว่าใครหูเทพ คนนั้นได้เพลาเสียตังค์แล้ว เอิ๊กๆๆ

เข้ามาหาข้อมูลความรุ้ครับ

ผมน้ำครึ่งแก้ว

dBpoweramp Music Converter อีก 1 เสียงครับผมใช้อยู่ ใช้ง่ายครับไม่ยุ่งยากคุณภาพคับแก้ว

ขออย่างได้ไหมครับ
อย่าเอาความรู้ผิด ๆ มาปล่อยกัน
Lossless <-> Lossless
ไม่มีความแตกต่าง แปลงไปมายังไงก็เหมือนเดิม
Digital นะครับ ไม่ใช่ Analog
ไม่มีปัจจัยใด ๆ ทั้งนั้น

ถึงได้บอกว่ามันคิดกันไปเอง สมองคิดยังไงมันมีผลกับ perception หมด

digital ข้อมูลเป็น data เข้าใจไหม

เข้ามาเชียร์ Switch อีกแรงครับ โปรแกรมฟรี ใช้แปลงได้หลายนามสกุลมาก ความละเอียดก็มีให้เลือกเยอะกว่า Easy CD-DA ซะอีก

สามารถกดโหลดได้จากลิ้งนี้เลยครับ http://www.nch.com.au/components/switchsetup.exe

ผมใช้ Foobar 2000 ที่ฟังๆกันนั้นล่ะแปลง :)

ผมว่ามันต่างแน่ครับ เหมือนคุณเทน้ำกลับไปกลับมา มันก็ต้องมีหกมั่ง ขึ้นอยู่กับวิธีการ และภาชนะที่บรรจุ

ท่าภาชนะจุได้น้อยกว่า มันก็เหลือเท่าภาชนะปลายทาง แต่ในการเทแต่ละครั้งย่อมมีการศูนย์เสีย
จริงอยู่ที่เป็นดิจิตอลทูดิจิตอล แต่ขบวนการมันต่างกัน ไม่ไช่แค่ลบนามสกุลจากFLACแล้วไส่เป็นAIFFเลย มันมีขบวนการจัดเรียง มีค่าความสามารถของโปรแกรม ในหลายๆๆกรณีถามว่าฟังออกไหม ผมว่าผมฟังไม่ออกครับ แต่ในบางกรณ๊มันก็ชัดเจน ส่วนท่ามาท้าสอบตาบอดอีก ก็ไม่ได้ช่วยอะไรครับตามกระทู้ที่14ที่ว่าสมองคิดไงก็กระทบกันหมด เพราะในหลายทีผมฟังแล้วผมยังชอบMP3มากกว่าWAVทั้งๆๆที่มาจากต้นทางเดียวกัน ในมือถือผมที่ไช้ฟังเพลงก็มีหลายเพลงที่มีทั้งMP3และก็WAV

ส่วนตัวผมว่าสอบตาบอดไม่ช่วยอะไรหรอกครับ ความคิดมันเหนือกการตัดสินใจ คิดไงก็ตัดสินใจแบบนั้น ความรู้สึกส่งผลไม่เยอะหรอก

ท่ามีอะไรผิดก็ขอโทษตรงนี้แล้วกัน ที่ออกมาล้วนมาจากการคิดของผม
ขอบคุณครับ

แต่ผมว่าถ้ามีโปรแกรมนามสกุล exe เอาไป zip แล้วก็แตกมาเป็น exe เสร็จแล้วเอาไป rar ให้ทำซักกี่ครั้งสุดท้ายก็แตกเอา exe มาใช้งานก็น่าจะไม่มี error นะครับ

ฮ้อ ไปเรียนซะบ้างนะ
^
^
^
ผมว่าความเห็นแบบนี้ไม่ค่อยสร้างสรรค์เลยนะครับ โลกนี้มันไม่มีใครรู้ไปซะทุกเรื่องหรอกครับ เค้าไม่รู้เค้าก็เข้ามาถามดีๆ ไม่เห็นจำเป็นต้องมากระแนะกระแหนกันเลย ถ้าคุณจิตสังหรณ์รู้คุณก็น่าจะช่วยตอบเค้าไปจะดีกว่านะครับ


หูท่านคงเทพมากเลยหละ !!!
^
^
^
นี่ก็ไม่สร้างสรรค์เช่นกัน เรื่องเครื่องเสียงเนี่ย หูใครหูมันนะครับ มันมีปัจจัยเกี่ยวข้องมากมาย ความแตกต่างบางอย่างบางคนก็ฟังออกบางคนก็ฟังไม่ออก ถ้าคุณฟังไม่ออกนั่นไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะฟังไม่ออกด้วยนะครับ

------------------------------------------------------------------------------------------------
ต้องขอโทษในความไม่รู้ของผมด้วยนะครับ ขอบคุณพี่คณิตที่เข้าใจครับ หุหุ ก็ในชีวิตผมผูกพันธ์อยู่กับไฟล์เพลงแค่ไม่กี่ประเภทแถมส่วนใหญ่ก็เป็น MP3 ซะด้วยสิ คือที่ผมไม่ได้หาข้อมูลในส่วนนี้เนื่องจากผมคิดว่าผมคงไม่ได้ใช้ประโยชน์จากมันน่ะครับ เลยถามเอาน่าจะได้คำตอบเร็วกว่า เพราะจะได้คำตอบจากคนที่ใช้งานจริงด้วยอ่ะครับ

ผมจะขอแนะนำคุณ shady ดังนี้นะครับ โปรแกรมแปลงครอบจักรวาล ก็เป็นพวก

-Total converter

- WinAvi All in one

- Format factory (ไม่ค่อยดีเรื่องเสียง)

ก่อนอื่นต้องรู้ก่อนนะครับ ว่านามสกุลที่เราจะแปลงไปนะครับมี ลักษณเสียงเน้นไปย่านไหน อย่างที่ผมลองกับหูตัวเองมา แล้วก็กราฟ Analysis แล้ว mp3 จะคล้ายคึงกับ Audio ไฟล์มากที่สุด เค้าตัดเอาความถี่ที่หูเราตอบสนองน้อยที่สุดออกตาม บิตเรทที่เรากำหนดครับ
อีกตัวคือ Wmv รายนี้เค้าจะเน้นไปที่ความถี่สูงๆหน่อย ถ้าใครมีหูฟังดีๆ เช็คแล้วจะฟังออกทันทีครับ

ส่วนโปรแกรมที่ผมให้ไป ใช้ได้หมดนะครับ แต่ที่ไม่อยากแนะนำคือ Format factory เจ้านี้ไม่ค่อยพิธีภิภัณ ในการแปลงเรื่องเสียงเท่าที่ควรครับ อย่างผมแปลงวิดีโอมา Compress เสียงวิดีโอผมซะแห้งกรอบเลย

วิธีนึงถ้าคุณยังรู้สึกฟังไม่เหมือน Audio ผมแนะนำให้ Rip Wave เลยครับ ไม่มีการบั่นทอนใดๆทั้งสิ้น อิอิ มีความสุขในการฟังนะครับ ^^

"ท่าภาชนะจุได้น้อยกว่า มันก็เหลือเท่าภาชนะปลายทาง แต่ในการเทแต่ละครั้งย่อมมีการศูนย์เสีย"
ในฐานะที่ผมเรียนมาทางด้าน computer science รู้ลึกถึงข้อมูลระดับ bit
ข้อความตรงนี้ไม่จริงสำหรับ lossless format ครับ ขอยืนยัน
มันเป็นแค่การเปลี่ยน symbol ในการ represent data ที่มีความหมายเหมือนกันทุกประการ
ถ้ามันจะไม่เหมือนก็คือมันพลาดเกิด error ระหว่างส่งข้อมูล แล้วเช็คไม่เจอหลุดรอดไปได้ ซึ่งไม่ใช่ประเด็นเกี่ยวกับ format เลยครับ

ถ้าเป็น lossy format นั่นถึงจะจงใจให้มีการสูญเสียข้อมูลบางส่วนทุกครั้งที่มีการ encode โดยวิเคราะห์ตาม acoustic model ว่าข้อมูลตรงไหนไม่จำเป็น

ถึงบอกว่าคนส่วนใหญ่มั่วเอาตามความรู้สึกครับ

มีอาจาร์ยเอก ท่านนึงดีกรีระดับผู้บริหาร it เคยมานั่งถกกับเหล่าบรรดาในวงการเครื่องเสียง เรื่องการส่งสัญญาณแบบ digital และการแปลงข้อมูล

งัดหลักวิชาการมาถกกันเลย จนสุดท้ายก็ไม่ีมีใครเถียงแกออก

แกสรุปง่ายๆ ว่า "ถ้าพวกคุณเป็นนักเรียนใน class ผม ผมจะปรับตกหมดทุกคน ไม่ให้ผ่านซักคนเลย" "ถ้าสิ่งที่พวกคุณพูดนั้นถูก หมายความว่าสิ่งที่ผมเรียนมานั้นผิดหมด และสิ่งที่เป็นมาตรฐานของโลกมันผิดพลาดหมด"

คนที่ยังจะเชื่ออย่างนั้นก็คงจะเชื่อต่อไป เพราะผลกำไรก็ยังคงตกอยู่กับบริษัทที่หากินอยู่กับความรู้่สึกแบบนี้

^
^
คนที่ยังจะเชื่ออย่างนั้นก็คงจะเชื่อต่อไป เพราะผลกำไรก็ยังคงตกอยู่กับบริษัทที่หากินอยู่กับความรู้่สึกแบบนี้

ู
ความรู้สึก.... ที่หากินได้

รู้สึกอยากสวย .... บริษัทขายเครื่องสำอางค์
รู้สึกอยากกิน..... บริษัทขายอาหารเครื่องดื่ม
รู้สึกอยากอายุยืน .....บริษัทขายยา
รู้สึกอยากฟังเพลงเพราะๆ .... บริษัทขายเครื่องเสียง

ตกลงมันต่างกันตรงไหนครับ
จะมีกี่คนที่เขาทำการค้าด้วยการบอกหรือชี้แจงความจริง 100 %บ้างหรือครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าที่อยู่ในกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย ทั้งหมดนี้ก็เพื่อตอบสนองความอยากของลูกค้าทั้งนั้น

รู้ก็รู้อยู่ว่าหากบอกความจริงหมดใครจะซื้อ มันเป็นไปไม่ได้ทางการตลาด

แล้วจะเถียงกันทำไมล่ะครับ