Toggle Dropdown
ค้นหา
ค้นหาชื่อสินค้า
ค้าหารีวิวและบทความ
ค้นหาโปรโมชั่น
ค้นหาฟีดข่าว
ค้นหาไฮไลท์
TH
EN
หน้าแรก
สินค้า
เว็บบอร์ด
เกี่ยวกับเรา
สาขา
วิธีชำระเงิน
ติดต่อเรา
Guest
อีเมล์ / ชื่อผู้ใช้ :
รหัสผ่าน :
ลืมรหัสผ่าน
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
หรือ
ค้นหาโดย Google
ค้นหาทุกคำ
ค้นหาชื่อกระทู้
ค้นหาชื่อผู้ตั้งกระทู้
เว็บบอร์ดจับฉ่าย
หูฟังมือสอง
ซื้อขายจิปาถะ
รีวิวและบทความ
กระทู้เฮีย
คลับ
หมวดหมู่ > เว็บบอร์ด จับฉ่าย
ช่องทางการติดต่ออื่น
All
5
10
15
เทิดพระเกียรติ ในหลวง
Shared
ติดตามกระทู้นี้
แจ้งลบ
ศฝ.นศท.มทบ.๒๑
22/03/2011 10:13:37
ขอให้ในหลวงมีพลานามัยที่แข็งแรงและขอให้ในหลวงอายุมั่นขวัญ ขวัญยืนตลอดไป
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 1
ศักดิ์
24/03/2011 11:07:21
- กษัตริย์ ผู้ทรงธรรม พระมหากรุณาธิคุณปกเกล้าฯ ชาวไทย
- ทรงเป็นทุกลมหายใจ ของปวงประชาราษฎร ขอจงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
- ตามรอยเบื้องพระยุคลบาท จะขอเป็นข้าพระบาททุกชาติไป
- ทรงยึดหลักศาสนา ทรงศึกษาสรรพวิทยา ทรงนำมาปฏิบัติ ทรงขจัดปัญหาด้วยการพัฒนาโครงการพระราชดำริ -ทรงเตือนสติด้วยการปฏิบัติพระองค์เป็นตัวอย่าง ทรงสร้างค่านิยม ทรงห่วงใยประชาราษฎร์ทุกเมื่อ ทรงสละหยาดพระเสโท เพื่อประชาชนและประเทศไทยอย่างแท้จริง ทรงเป็นบุคคลที่หาได้ยากยิ่งในโลก ( ทรงเป็นพระมหากษัตริย์นักพัฒนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก )
- พระมหากษัตริย์ ที่พรั่งพร้อมด้วย ทศพิธราชธรรม
- จากความแห้งแล้งกลับกลายมาชุ่มชื้น จากผืนทรายกลับกลายเป็นดิน ด้วยพระบารมีของทั้ง สองพระองค์
- ในหลวงพระองค์ทรงงาน หนักและเหนื่อย เพื่อราษฎรของพระองค์ให้เป็นสุข
- พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงทุ่มเทพระวรกายตรากตรำ และมุ่งมั่นเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพสกนิกรชาวไทย
- ความเสียหายของชาติจะบานปลาย ถ้าคนไทยขาดความจงรักภักดี ต่อสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์
- ไทยเรามีสถาบันพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุขปกครองประเทศมาช้านาน ทรงเป็นศูนย์รวมดวงใจของคนทั้งชาติ
- พระองค์ทรงทุ่มพระวรกายตรากตรำและมุ่งมั่นเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือนร้อนของพสกนิกรชาวไทย ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญตลอดไป
- กษัตริย์ ผู้ทรงธรรม พระมหากรุณาธิคุณปกเกล้าฯ ชาวไทย
- ทรงเป็นทุกลมหายใจ ของปวงประชาราษฎร ขอจงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
- ตามรอยเบื้องพระยุคลบาท จะขอเป็นข้าพระบาททุกชาติไป
- ทรงยึดหลักศาสนา ทรงศึกษาสรรพวิทยา ทรงนำมาปฏิบัติ ทรงขจัดปัญหาด้วยการพัฒนาโครงการพระราชดำริ -ทรงเตือนสติด้วยการปฏิบัติพระองค์เป็นตัวอย่าง ทรงสร้างค่านิยม ทรงห่วงใยประชาราษฎร์ทุกเมื่อ ทรงสละหยาดพระเสโท เพื่อประชาชนและประเทศไทยอย่างแท้จริง ทรงเป็นบุคคลที่หาได้ยากยิ่งในโลก ( ทรงเป็นพระมหากษัตริย์นักพัฒนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก )
- พระมหากษัตริย์ ที่พรั่งพร้อมด้วย ทศพิธราชธรรม
- จากความแห้งแล้งกลับกลายมาชุ่มชื้น จากผืนทรายกลับกลายเป็นดิน ด้วยพระบารมีของทั้ง สองพระองค์
- ในหลวงพระองค์ทรงงาน หนักและเหนื่อย เพื่อราษฎรของพระองค์ให้เป็นสุข
- พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงทุ่มเทพระวรกายตรากตรำ และมุ่งมั่นเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพสกนิกรชาวไทย
- ความเสียหายของชาติจะบานปลาย ถ้าคนไทยขาดความจงรักภักดี ต่อสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์
- ไทยเรามีสถาบันพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุขปกครองประเทศมาช้านาน ทรงเป็นศูนย์รวมดวงใจของคนทั้งชาติ
- พระองค์ทรงทุ่มพระวรกายตรากตรำและมุ่งมั่นเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือนร้อนของพสกนิกรชาวไทย ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญตลอดไป
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 2
ศฝ.นศท.มทบ.๒๑
28/03/2011 09:53:48
บรรพบุรุษท่านต่อสู้กอบกู้ชาติ ศาสน์ ราชัน แล้วเราเป็นใครกันไม่รักษาให้จงดี ขอให้พ่อของปวงชนชาวไทยหายเหนื่อย...ขอพระองค์ทรงพระเจริญ..
บรรพบุรุษท่านต่อสู้กอบกู้ชาติ ศาสน์ ราชัน แล้วเราเป็นใครกันไม่รักษาให้จงดี ขอให้พ่อของปวงชนชาวไทยหายเหนื่อย...ขอพระองค์ทรงพระเจริญ..
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 3
ศฝ.นศท.มทบ.๒๑
28/03/2011 09:59:19
ขอให้ประเทศไทยสงบสุขเพื่อให้พ่อหลวงสบายพระทัย ขอให้พระองค์ ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน และพระอนามัยแข็งแรง ครับ
ขอให้ประเทศไทยสงบสุขเพื่อให้พ่อหลวงสบายพระทัย ขอให้พระองค์ ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน และพระอนามัยแข็งแรง ครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 4
ศฝ.นศท.มทบ.๒๑
29/03/2011 09:08:43
ขอในหลวงจงทรงพระเจริญยิ่งยืนนานอยู่เป็นร่มโพธิร่มไทรของชาวไทยไปตราบนานเท่านานและขอให้พระองค์ทรงมีสุขภาพพลานามัยแข็งแรงสมบูรณ์
ขอในหลวงจงทรงพระเจริญยิ่งยืนนานอยู่เป็นร่มโพธิร่มไทรของชาวไทยไปตราบนานเท่านานและขอให้พระองค์ทรงมีสุขภาพพลานามัยแข็งแรงสมบูรณ์
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 5
ศฝ.นศท.มทบ.๒๑
29/03/2011 09:10:45
ผู้ใดคิดร้ายทำลายชาติจะพินาศจนสิ้นดี ผู้ใดจงรักภักดีจะสวัสดีศรีมงคล
ผู้ใดคิดร้ายทำลายชาติจะพินาศจนสิ้นดี ผู้ใดจงรักภักดีจะสวัสดีศรีมงคล
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 6
ตัวย่อแปลว่าอะไรอ่ะ
29/03/2011 17:00:47
ศฝ.นศท.มทบ.๒๑ และอื่น ๆ อีกหลายตัวย่อที่คุณใช้ตั้งชื่อ
ย่อมาจากอะไรครับ สงสัยมานานแล้ว
อ่านดู เหมือนรักชาติ แต่อยากถามว่าพวกคุณว่างนักเหรอครับ
ไม่ทำหน้าที่ของตัวเองที่ได้รับมอบหมายให้ดีที่สุด มาเสียเวลานั่งโพสข้อความเว็บบอร์ด
อยู่ทำไม แทนที่จะไปทำประโยชน์ต่อประเทศชาติ เหมือนกับที่โพส ๆ มา
จริงๆ เว็บมั่นคงน่าจะตั้งกระทู้ปักหมุด เอาไว้ให้เราสรรเสริญพระบารมีพ่อหลวงของเรานะครับ
คนที่มีมารยาท ก็จะไปร่วมแสดงความจงรักภักดีที่กระทู้นั้น
ส่วนคนที่ไม่มีมารยาท ก็คงโพสเรี่ยราดเหมือนเดิม
ปล.รักชาติไม่มีใครว่า แต่ไม่มีมารยาท มันก็ทำคนอื่นรำคาญนะ
ศฝ.นศท.มทบ.๒๑ และอื่น ๆ อีกหลายตัวย่อที่คุณใช้ตั้งชื่อ
ย่อมาจากอะไรครับ สงสัยมานานแล้ว
อ่านดู เหมือนรักชาติ แต่อยากถามว่าพวกคุณว่างนักเหรอครับ
ไม่ทำหน้าที่ของตัวเองที่ได้รับมอบหมายให้ดีที่สุด มาเสียเวลานั่งโพสข้อความเว็บบอร์ด
อยู่ทำไม แทนที่จะไปทำประโยชน์ต่อประเทศชาติ เหมือนกับที่โพส ๆ มา
จริงๆ เว็บมั่นคงน่าจะตั้งกระทู้ปักหมุด เอาไว้ให้เราสรรเสริญพระบารมีพ่อหลวงของเรานะครับ
คนที่มีมารยาท ก็จะไปร่วมแสดงความจงรักภักดีที่กระทู้นั้น
ส่วนคนที่ไม่มีมารยาท ก็คงโพสเรี่ยราดเหมือนเดิม
ปล.รักชาติไม่มีใครว่า แต่ไม่มีมารยาท มันก็ทำคนอื่นรำคาญนะ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 7
นายซ่อม ๒๓
19/04/2011 11:08:41
บรรพบุรุษท่านต่อสู้กอบกู้ชาติ ศาสน์ ราชัน แล้วเราเป็นใครกันไม่รักษาให้จงดี ขอให้พ่อของปวงชนชาวไทยหายเหนื่อย...ขอพระองค์ทรงพระเจริญ..
บรรพบุรุษท่านต่อสู้กอบกู้ชาติ ศาสน์ ราชัน แล้วเราเป็นใครกันไม่รักษาให้จงดี ขอให้พ่อของปวงชนชาวไทยหายเหนื่อย...ขอพระองค์ทรงพระเจริญ..
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 8
ศฝ.นศท.มทบ.๒๑
19/04/2011 14:55:18
บรรพบุรุษท่านต่อสู้กอบกู้ชาติ ศาสน์ ราชัน แล้วเราเป็นใครกันไม่รักษาให้จงดี พระราชดำรัชของในหลวงคือ อยากให้คนไทยทุกคนรักกัน ขอให้ทุกฝ่ายหันมาจับมือกัน ช่วยกันพัฒนาประเทศเพื่อ ในหลวงของเรา
บรรพบุรุษท่านต่อสู้กอบกู้ชาติ ศาสน์ ราชัน แล้วเราเป็นใครกันไม่รักษาให้จงดี พระราชดำรัชของในหลวงคือ อยากให้คนไทยทุกคนรักกัน ขอให้ทุกฝ่ายหันมาจับมือกัน ช่วยกันพัฒนาประเทศเพื่อ ในหลวงของเรา
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 9
000
25/04/2011 09:01:28
การที่จะมีต้นน้ำลำธารไปชั่วกาลนานนั้น สำคัญอยู่ที่การรักษาป่าและปลูกป่าบริเวณต้นน้ำ ซึ่งบนยอดเขาและเนินสูงขึ้น ต้องมีการปลูกป่าโดยไม้ยืนต้นและปลูกไม้ฟืน ซึ่งไม้ฟืนนั้นราษฎรสามารถตัดไปใช้ได้แต่ต้องการมีการปลูกทดแทนเป็นระยะ ส่วนไม้ยืนต้นนั้น จะช่วยให้อากาศมีความชุ่มชื้น เป็นขั้นตอนหนึ่งของระบบการให้ฝนตกแบบธรรมชาติ ทั้งยังช่วยยึดดินบนภูเขาไม่ให้พังทลายเมื่อเกิดฝนตกอีกด้วย ซึ่งถ้ารักษาสภาพป่าไม้ไว้ให้ดีแล้ว ท้องถิ่นก็จะมีน้ำไว้ใช้ชั่วกาลนาน
การที่จะมีต้นน้ำลำธารไปชั่วกาลนานนั้น สำคัญอยู่ที่การรักษาป่าและปลูกป่าบริเวณต้นน้ำ ซึ่งบนยอดเขาและเนินสูงขึ้น ต้องมีการปลูกป่าโดยไม้ยืนต้นและปลูกไม้ฟืน ซึ่งไม้ฟืนนั้นราษฎรสามารถตัดไปใช้ได้แต่ต้องการมีการปลูกทดแทนเป็นระยะ ส่วนไม้ยืนต้นนั้น จะช่วยให้อากาศมีความชุ่มชื้น เป็นขั้นตอนหนึ่งของระบบการให้ฝนตกแบบธรรมชาติ ทั้งยังช่วยยึดดินบนภูเขาไม่ให้พังทลายเมื่อเกิดฝนตกอีกด้วย ซึ่งถ้ารักษาสภาพป่าไม้ไว้ให้ดีแล้ว ท้องถิ่นก็จะมีน้ำไว้ใช้ชั่วกาลนาน
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 10
ศฝ.นศท.มทบ.๒๑
25/04/2011 10:17:27
บรรพบุรุษท่านต่อสู้กอบกู้ชาติ ศาสน์ ราชัน แล้วเราเป็นใครกันไม่รักษาให้จงดี
บรรพบุรุษท่านต่อสู้กอบกู้ชาติ ศาสน์ ราชัน แล้วเราเป็นใครกันไม่รักษาให้จงดี
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 11
ศฝ.นศท.มทบ.๒๑
25/04/2011 10:19:03
พระราชดำรัชของในหลวงคือ อยากให้คนไทยทุกคนรักกัน
พระราชดำรัชของในหลวงคือ อยากให้คนไทยทุกคนรักกัน
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 12
.
25/04/2011 10:34:20
จะ spam ไปถึงไหนเนี่ย เอาเวลาไปป้องกันประเทศดีกว่ามั้ย
จะ spam ไปถึงไหนเนี่ย เอาเวลาไปป้องกันประเทศดีกว่ามั้ย
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 13
CatoRear
26/04/2011 09:41:41
ทรงพระเจริญ
ทรงพระเจริญ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 14
ศฝ.นศท.มทบ.21
26/04/2011 10:56:00
ท่านที่โพสความคิดเห็นที่ 6 และ 12 ศฝ.นศท.มทบ.21 เป็นหน่วยงานทางทหารที่มีหน้าที่ในการผลิตกำลังพลสำรองระดับ ผู้บังคับหมู่และผู้บังคับหมวด ให้กับกองทัพ โดยการฝึกนักศึกษาวิชาทหาร ชั้นปีที่ 1 - 5 รับผิดชอบพื้นที่ จ.นครราชสีมา และ จ.ชัยภูมิ มีชื่อเต็มว่า ศูนย์การฝึกนักศึกษาวิชาทหารมณฑลทหารบกที่ 21 การโพสข้อความเทิดทูนสถาบัน เป็นภารกิจหนึ่งที่ทหารและคนไทยทุกคน ที่มีโอกาสเข้ามามีส่วนร่วมในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ควรกระทำ เพื่อเป็นการเทิดทูนและรักษาไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ รวมถึงเพื่อเตือนสติ คนที่ไม่เข้าใจหน้าที่ของตนเองและหน้าที่ของผู้อื่น ไม่มีความรู้สึกตอบแทนบุญคุณแผ่นดินเกิด ได้ระลึกถึงหน้าที่คนความเป็นคนไทย
ท่านที่โพสความคิดเห็นที่ 6 และ 12 ศฝ.นศท.มทบ.21 เป็นหน่วยงานทางทหารที่มีหน้าที่ในการผลิตกำลังพลสำรองระดับ ผู้บังคับหมู่และผู้บังคับหมวด ให้กับกองทัพ โดยการฝึกนักศึกษาวิชาทหาร ชั้นปีที่ 1 - 5 รับผิดชอบพื้นที่ จ.นครราชสีมา และ จ.ชัยภูมิ มีชื่อเต็มว่า ศูนย์การฝึกนักศึกษาวิชาทหารมณฑลทหารบกที่ 21 การโพสข้อความเทิดทูนสถาบัน เป็นภารกิจหนึ่งที่ทหารและคนไทยทุกคน ที่มีโอกาสเข้ามามีส่วนร่วมในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ควรกระทำ เพื่อเป็นการเทิดทูนและรักษาไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ รวมถึงเพื่อเตือนสติ คนที่ไม่เข้าใจหน้าที่ของตนเองและหน้าที่ของผู้อื่น ไม่มีความรู้สึกตอบแทนบุญคุณแผ่นดินเกิด ได้ระลึกถึงหน้าที่คนความเป็นคนไทย
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 15
ศฝ.นศท.มทบ.๒๑
27/04/2011 10:17:28
พระคุณพ่อนั้นล้นเหลือ ที่กอบเกื้อต่อแผ่นดิน หยาดเหงื่อที่หลั่งริน ทุกหยดสิ้นเพื่อปวงชน
แม้กระทั่งขณะนี้ประชาชนจะเดือดร้อนจากภัยสงคราม พระองค์ท่านก็ยังทรงห่วงใยและได้นำของไปบริจาคให้กับผู้ที่เดือดร้อนตามแนวชายแดน แล้วเราจะไม่รักพระองค์ท่านได้อย่างไร
โปรดจงช่วยกันเทอดทูนสถาบันไว้ให้คงอยู่ตลอดไป
พระคุณพ่อนั้นล้นเหลือ ที่กอบเกื้อต่อแผ่นดิน หยาดเหงื่อที่หลั่งริน ทุกหยดสิ้นเพื่อปวงชน
แม้กระทั่งขณะนี้ประชาชนจะเดือดร้อนจากภัยสงคราม พระองค์ท่านก็ยังทรงห่วงใยและได้นำของไปบริจาคให้กับผู้ที่เดือดร้อนตามแนวชายแดน แล้วเราจะไม่รักพระองค์ท่านได้อย่างไร
โปรดจงช่วยกันเทอดทูนสถาบันไว้ให้คงอยู่ตลอดไป
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 16
ศฝ.นศท.มทบ.๒๑
27/04/2011 10:19:27
หยาดเหงื่อพ่อไหลรินรดแผ่นดินไทยทั่วหล้า หยาดเหงื่อซับน้ำตาชาวประชาทั้งแผ่นดินไทย
หยาดเหงื่อพ่อไหลรินรดแผ่นดินไทยทั่วหล้า หยาดเหงื่อซับน้ำตาชาวประชาทั้งแผ่นดินไทย
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 17
กธก.กร.ทบ.
09/05/2011 10:35:14
ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงขุนแปะ จังหวัดเชียงใหม่
ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงขุนแปะ ก่อตั้งขึ้นเมืองปี 2527 ตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อช่วยเหลือชาวกะเหรี่ยงและม้งให้พ้นจากความยากจน โดยได้รับการดูแลในด้านสาธารณูปโภคที่พอเพียง หลีกเลี่ยงปัญหาการบุกรุกป่าเพื่อทำไร่เลื่อนลอย และขจัดปัญหาการปลูกฝิ่นโดยสร้างอาชีพหลักทดแทน พระองค์ทรงมีพระกระแสรับสั่งให้มูลนิธิโครงการหลวงโดยหม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี องค์ประธานมูลนิธิโครงการหลวงเสด็จสำรวจพื้นที่และสภาพความเป็นอยู่เพื่อให้ความช่วยเหลือ
ลักษณะภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูงชัน สูงจากระดับน้ำทะเล 1,035 เมตร พื้นที่ทำการเกษตรเป็นที่ราบต่ำไหล่เขาง่ายต่อการพังทลายของดิน มีความอุดมสมบูรณ์เหมาะกับการปลูกพืชผัก และพืชไร่ รวมทั้งผลไม้อื่นๆ อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 24 องศาเซลเซียส
การเดินทาง
จากตัวเมืองเชียงใหม่ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 108 สายเชียงใหม่-ฮอด ถึง กม.82-83 บริเวณสามแยกไปบ้านแปะและวัดตอง ให้เลี้ยวขวา ตรงไปผ่านบ้านแปะ-บ้านทุ่งพัฒนา-บ้านบนนา-บ้านขุนแปะ ประมาณ 22 กิโลเมตร รวมระยะทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ ถึงศูนย์ฯ 103 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง
หมายเหตุ.- ใช้รถยนต์ได้ทุกประเภท ยกเว้นในฤดูฝนควรใช้รถโฟร์วิลไดร์ฟ หรือใช้บริการรถยนต์รับจ้าง จุดจอดหน้าวัดบ้านแปะ
กิจกรรมท่องเที่ยว
- ชมแปลงปลูกพืชสมุนไพรภายในศูนย์ฯ
- ชมแปลงเกษตรของชาวเขาเผากะเหรี่ยง
- วิถีชีวิตชาวไทยภูเขา เผ่าม้งและกะเหรี่ยง
- การทอผ้า หัตถกรรมชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยง
- จุดชมวิวผาดำ ชมความงามของพระอาทิตย์อัศดง
- เดินป่าศึกษาธรรมชาติ เส้นทางโครงการหลวงขุนแปะ-ผาขาว, เส้นทางโครงการหลวงขุนแปะ-ดอยอมติง
ของฝาก
- สมุนไพรอบแห้ง
- ผ้าทอ
ที่พัก + ร้านอาหาร
- บ้านพักรับรองภายในศูนย์ฯ จำนวน 1 หลัง รับรองได้ 10-15 คน
- เต็นท์บริการ ขนาด 3-4 คน ราคา 100 บาท/หลัง/คืน ถุงนอนราคา 20 บาท/ถุง/คืน กรณีนำเต็นท์มาเองคิดค่าบริการพื้นที่ 20 บาท/หลัง/คืน
- พักแบบโฮมเสตย์ จำนวน 8 หลัง ราคาคนละ 250 บาท พร้อมอาหาร 2 มื้อ (ติดต่อจองบ้านพักที่ศูนย์) หมายเหตุ.- กรุณาสำรองที่พักล่วงหน้าอย่างน้อย 2 วัน
- มีร้านอาหารบริการภายในศูนย์
หมายเหตุ.-กรุณาสำรองอาหารล่วงหน้าอย่างน้อย 2 วัน
ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงขุนแปะ จังหวัดเชียงใหม่
ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงขุนแปะ ก่อตั้งขึ้นเมืองปี 2527 ตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อช่วยเหลือชาวกะเหรี่ยงและม้งให้พ้นจากความยากจน โดยได้รับการดูแลในด้านสาธารณูปโภคที่พอเพียง หลีกเลี่ยงปัญหาการบุกรุกป่าเพื่อทำไร่เลื่อนลอย และขจัดปัญหาการปลูกฝิ่นโดยสร้างอาชีพหลักทดแทน พระองค์ทรงมีพระกระแสรับสั่งให้มูลนิธิโครงการหลวงโดยหม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี องค์ประธานมูลนิธิโครงการหลวงเสด็จสำรวจพื้นที่และสภาพความเป็นอยู่เพื่อให้ความช่วยเหลือ
ลักษณะภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูงชัน สูงจากระดับน้ำทะเล 1,035 เมตร พื้นที่ทำการเกษตรเป็นที่ราบต่ำไหล่เขาง่ายต่อการพังทลายของดิน มีความอุดมสมบูรณ์เหมาะกับการปลูกพืชผัก และพืชไร่ รวมทั้งผลไม้อื่นๆ อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 24 องศาเซลเซียส
การเดินทาง
จากตัวเมืองเชียงใหม่ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 108 สายเชียงใหม่-ฮอด ถึง กม.82-83 บริเวณสามแยกไปบ้านแปะและวัดตอง ให้เลี้ยวขวา ตรงไปผ่านบ้านแปะ-บ้านทุ่งพัฒนา-บ้านบนนา-บ้านขุนแปะ ประมาณ 22 กิโลเมตร รวมระยะทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ ถึงศูนย์ฯ 103 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง
หมายเหตุ.- ใช้รถยนต์ได้ทุกประเภท ยกเว้นในฤดูฝนควรใช้รถโฟร์วิลไดร์ฟ หรือใช้บริการรถยนต์รับจ้าง จุดจอดหน้าวัดบ้านแปะ
กิจกรรมท่องเที่ยว
- ชมแปลงปลูกพืชสมุนไพรภายในศูนย์ฯ
- ชมแปลงเกษตรของชาวเขาเผากะเหรี่ยง
- วิถีชีวิตชาวไทยภูเขา เผ่าม้งและกะเหรี่ยง
- การทอผ้า หัตถกรรมชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยง
- จุดชมวิวผาดำ ชมความงามของพระอาทิตย์อัศดง
- เดินป่าศึกษาธรรมชาติ เส้นทางโครงการหลวงขุนแปะ-ผาขาว, เส้นทางโครงการหลวงขุนแปะ-ดอยอมติง
ของฝาก
- สมุนไพรอบแห้ง
- ผ้าทอ
ที่พัก + ร้านอาหาร
- บ้านพักรับรองภายในศูนย์ฯ จำนวน 1 หลัง รับรองได้ 10-15 คน
- เต็นท์บริการ ขนาด 3-4 คน ราคา 100 บาท/หลัง/คืน ถุงนอนราคา 20 บาท/ถุง/คืน กรณีนำเต็นท์มาเองคิดค่าบริการพื้นที่ 20 บาท/หลัง/คืน
- พักแบบโฮมเสตย์ จำนวน 8 หลัง ราคาคนละ 250 บาท พร้อมอาหาร 2 มื้อ (ติดต่อจองบ้านพักที่ศูนย์) หมายเหตุ.- กรุณาสำรองที่พักล่วงหน้าอย่างน้อย 2 วัน
- มีร้านอาหารบริการภายในศูนย์
หมายเหตุ.-กรุณาสำรองอาหารล่วงหน้าอย่างน้อย 2 วัน
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 18
กธก.กร.ทบ.
09/05/2011 10:35:58
ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแกน้อย จังหวัดเชียงใหม่
เป็นเวลานานมาแล้วที่ชาวบ้านชุมชนบ้านแกน้อยยึดการปลูกฝิ่นเป็นอาชีพเสริมด้วยการปลูกข้าวไร่เลี้ยงตัวและครอบครัว เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จเยี่ยมเยือนในปี พ.ศ. 2523 ทรงทอดพระเนตรเห็นความเป็นอยู่อันแร้นแค้นของพสกนิกรบ้านแกน้อย จึงโปรดเกล้าฯ พระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ให้เป็นงบประมาณในการดำเนินงานเบื้องต้น และมอบหมายให้หม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี องค์ประธานมูลนิธิโครงการหลวงรับเอาบ้านแกน้อยเข้าร่วมในโครงการหลวง
มิถุนายน 2523 ถึง พฤษภาคม 2529 ได้รับทุนสนับสนุนเพิ่มเติมในรูปของโครงการส่งเสริมพืชทดแทนฝิ่นและการพัฒนาขั้นพื้นฐานจากกระทรวงเกษตรฯ ประเทศสหรัฐอเมริกา พร้อมทั้งกรมส่งเสริมการเกษตรร่วมกับคณะเกษตร มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ให้คัดสรรบุคลากรและวัสดุการเกษตรบางส่วนมาสมทบ
ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแกน้อย ตั้งอยู่ ที่ หมู่ 2 บ้านแกน้อย ตำบลเมืองนะ อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ รับผิดชอบพื้นที่ 91.53 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 57,210 ไร่ จำนวน 12 หมู่บ้าน 521 ครัวเรือน ประชากร 2,787 คน ประกอบด้วย มูเซอแดง จีนฮ่อ และไทยใหญ่ ลักษณะพื้นที่คล้ายแอ่งกะทะล้อมรอบด้วยหุบเขาไม่สูงชัน มีลำน้ำแม่แตงและแม่แกนไหลผ่าน
การเดินทาง
จากตัวเมืองเชียงใหม่ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 107 สายเชียงใหม่-ฝาง ถึงสามแยกเมืองงายให้เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 1178 ผ่านเมืองงาย-เมืองนะ ถึงแยกทางเข้าบ้านแกน้อยให้เลี้ยวซ้ายตรงไป ระยะทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ถึงศูนย์ประมาณ 150 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินทางราว 3 ชั่วโมงครึ่ง
หมายเหตุ.- ใช้รถยนต์ได้ทุกประเภท ยกเว้นฤดูฝนต้องใช้รถโฟร์วีลไดร์ฟ หรือใช้บริการรถยนต์รับจ้างสายเชียงใหม่-ฝาง และสายเชียงดาว-เมืองนะ
กิจกรรมท่องเที่ยว
- ชมแปลงสาธิต ผัก ผลไม้ และดอกไม้ภายในศูนย์
- ชมแปลงสาธิตการปลุกป่าของชาวบ้าน
- พิธีปีใหม่กินวอ จัดขึ้นในช่วงต้นปี
- พิธีเลี้ยงเจ้าที่ จัดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์และพฤษภาคม
- พิธีสร้างศาลา ก่อกองทราย จัดขึ้นในเดือนตุลาคม-ธันวาคม
- พิธีกรรมการกินข้าวใหม่ จัดขึ้นในเดือนมีนาคม
- ถ้ำไชยา ห่างจากศูนย์ฯ 5 กิโลเมตร
- ถ้ำบ้านห้วยถ้ำ ห่างจากศูนย์ฯ 7 กิโลเมตร
- น้ำตกห้วยจันทร์ ห่างจากศูนย์ฯ 4.5 กิโลเมตร
- จุดชมวิวบริเวณศาลเจ้าแม่กวนอิม ห่างจากศูนย์ฯ 3.5 กิโลเมตร
ของฝาก
- หัตถกรรมกระดาษ (ใช้ในพิธีศพ) อาทิ โคมไฟ ม้า สิงโต ช้าง
- ย่ามลาหู่, ผ้าทอ
- ผลิตภัณฑ์กระดาษสา
ที่พัก + ร้านอาหาร
- บ้านพักรับรองภายในศูนย์ จำนวน 1 หลัง รับรองได้ 20 คน ราคม 30 บาท/คน/คืน
- เต็นท์บริการ ขนาด 2 คน ราคา 120 บาท/หลัง/คืน ถุงนอนราคา 30 บาท/ถุง/คน/คืน (มีบริการไม่เกิน 10 ถุงนอน) กรณีนำเต็นท์มาเองคิดค่าบริการพื้นที่ 30 บาท/หลัง/คืน
ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแกน้อย จังหวัดเชียงใหม่
เป็นเวลานานมาแล้วที่ชาวบ้านชุมชนบ้านแกน้อยยึดการปลูกฝิ่นเป็นอาชีพเสริมด้วยการปลูกข้าวไร่เลี้ยงตัวและครอบครัว เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จเยี่ยมเยือนในปี พ.ศ. 2523 ทรงทอดพระเนตรเห็นความเป็นอยู่อันแร้นแค้นของพสกนิกรบ้านแกน้อย จึงโปรดเกล้าฯ พระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ให้เป็นงบประมาณในการดำเนินงานเบื้องต้น และมอบหมายให้หม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี องค์ประธานมูลนิธิโครงการหลวงรับเอาบ้านแกน้อยเข้าร่วมในโครงการหลวง
มิถุนายน 2523 ถึง พฤษภาคม 2529 ได้รับทุนสนับสนุนเพิ่มเติมในรูปของโครงการส่งเสริมพืชทดแทนฝิ่นและการพัฒนาขั้นพื้นฐานจากกระทรวงเกษตรฯ ประเทศสหรัฐอเมริกา พร้อมทั้งกรมส่งเสริมการเกษตรร่วมกับคณะเกษตร มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ให้คัดสรรบุคลากรและวัสดุการเกษตรบางส่วนมาสมทบ
ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแกน้อย ตั้งอยู่ ที่ หมู่ 2 บ้านแกน้อย ตำบลเมืองนะ อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ รับผิดชอบพื้นที่ 91.53 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 57,210 ไร่ จำนวน 12 หมู่บ้าน 521 ครัวเรือน ประชากร 2,787 คน ประกอบด้วย มูเซอแดง จีนฮ่อ และไทยใหญ่ ลักษณะพื้นที่คล้ายแอ่งกะทะล้อมรอบด้วยหุบเขาไม่สูงชัน มีลำน้ำแม่แตงและแม่แกนไหลผ่าน
การเดินทาง
จากตัวเมืองเชียงใหม่ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 107 สายเชียงใหม่-ฝาง ถึงสามแยกเมืองงายให้เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 1178 ผ่านเมืองงาย-เมืองนะ ถึงแยกทางเข้าบ้านแกน้อยให้เลี้ยวซ้ายตรงไป ระยะทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ถึงศูนย์ประมาณ 150 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินทางราว 3 ชั่วโมงครึ่ง
หมายเหตุ.- ใช้รถยนต์ได้ทุกประเภท ยกเว้นฤดูฝนต้องใช้รถโฟร์วีลไดร์ฟ หรือใช้บริการรถยนต์รับจ้างสายเชียงใหม่-ฝาง และสายเชียงดาว-เมืองนะ
กิจกรรมท่องเที่ยว
- ชมแปลงสาธิต ผัก ผลไม้ และดอกไม้ภายในศูนย์
- ชมแปลงสาธิตการปลุกป่าของชาวบ้าน
- พิธีปีใหม่กินวอ จัดขึ้นในช่วงต้นปี
- พิธีเลี้ยงเจ้าที่ จัดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์และพฤษภาคม
- พิธีสร้างศาลา ก่อกองทราย จัดขึ้นในเดือนตุลาคม-ธันวาคม
- พิธีกรรมการกินข้าวใหม่ จัดขึ้นในเดือนมีนาคม
- ถ้ำไชยา ห่างจากศูนย์ฯ 5 กิโลเมตร
- ถ้ำบ้านห้วยถ้ำ ห่างจากศูนย์ฯ 7 กิโลเมตร
- น้ำตกห้วยจันทร์ ห่างจากศูนย์ฯ 4.5 กิโลเมตร
- จุดชมวิวบริเวณศาลเจ้าแม่กวนอิม ห่างจากศูนย์ฯ 3.5 กิโลเมตร
ของฝาก
- หัตถกรรมกระดาษ (ใช้ในพิธีศพ) อาทิ โคมไฟ ม้า สิงโต ช้าง
- ย่ามลาหู่, ผ้าทอ
- ผลิตภัณฑ์กระดาษสา
ที่พัก + ร้านอาหาร
- บ้านพักรับรองภายในศูนย์ จำนวน 1 หลัง รับรองได้ 20 คน ราคม 30 บาท/คน/คืน
- เต็นท์บริการ ขนาด 2 คน ราคา 120 บาท/หลัง/คืน ถุงนอนราคา 30 บาท/ถุง/คน/คืน (มีบริการไม่เกิน 10 ถุงนอน) กรณีนำเต็นท์มาเองคิดค่าบริการพื้นที่ 30 บาท/หลัง/คืน
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 19
กธก.กร.ทบ.
09/05/2011 10:36:26
โครงการก่อสร้างถนนเชื่อมระหว่างถนนพระรามที่ 9 กับถนนเทียมร่วมมิตร
เพื่อช่วยแก้ปัญหาการจราจรติดขัดบริเวณทาง แยกรัชดาภิเษกกับถนนพระรามที่ 9 ทรงมี พระราชดำริให้กรุงเทพมหานครทำการก่อสร้างถนนเชื่อมระหว่างถนนพระรามที่ 9 กับถนนเทียมร่วมมิตรใกล้ศูนย์วัฒนธรรมโครงการก่อสร้างถนนเชื่อมระหว่างถนนพระราม 9 กับถนนเทียมร่วมมิตรเป็นโครงการตามแนวพระราชดำริ โครงการหนึ่งที่ก่อสร้างเพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรในบริเวณถนนรัชดาภิเษกและถนนพระราม 9 โดยสร้างถนนเพื่อเป็นทางลัดในพื้นที่ซึ่งเดิมเคยรกร้างว่างเปล่า ด้านข้างศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ทำให้การเดินทางของประชาชนได้รับความสะดวกและลดระยะการเดินทางระหว่างถนนเทียมร่วมมิตรกับถนนพระราม 9 โดยไม่ต้องผ่านแยก อ.ส.ม.ท.
ถนนสายนี้มีความยาวประมาณ 1,425 เมตร มีเขตทางกว้าง 19.00 เมตร ดำเนินการก่อสร้างเป็นถนนแอสฟัลต์ขนาด 4 ช่องทางจราจร กว้าง 14.00 เมตรพร้อมไหล่ทางข้างละ 2.50 เมตร รวมถึงการวางท่อระบายน้ำและรางระบายน้ำบางส่วนเพื่อจัดการระบายน้ำ การปรับปรุงส่วนต่อเชื่อมกับถนนทั้งสองด้าน และมีงานวางท่อประปาขนาด 2,000 มิลลิเมตร ของการประปานครหลวงอยู่ด้วย
กรุงเทพมหานครได้เริมดำเนินการก่อสร้าง ตั้งแต่วันที่ 20 สิงหาคม 2537 แล้วเสร็จเปิดให้ประชาชนใช้เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2537 งบประมาณที่ใช้ในการก่อสร้างรวม 33.7ล้านบาท
โครงการก่อสร้างถนนเชื่อมระหว่างถนนพระรามที่ 9 กับถนนเทียมร่วมมิตร
เพื่อช่วยแก้ปัญหาการจราจรติดขัดบริเวณทาง แยกรัชดาภิเษกกับถนนพระรามที่ 9 ทรงมี พระราชดำริให้กรุงเทพมหานครทำการก่อสร้างถนนเชื่อมระหว่างถนนพระรามที่ 9 กับถนนเทียมร่วมมิตรใกล้ศูนย์วัฒนธรรมโครงการก่อสร้างถนนเชื่อมระหว่างถนนพระราม 9 กับถนนเทียมร่วมมิตรเป็นโครงการตามแนวพระราชดำริ โครงการหนึ่งที่ก่อสร้างเพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรในบริเวณถนนรัชดาภิเษกและถนนพระราม 9 โดยสร้างถนนเพื่อเป็นทางลัดในพื้นที่ซึ่งเดิมเคยรกร้างว่างเปล่า ด้านข้างศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ทำให้การเดินทางของประชาชนได้รับความสะดวกและลดระยะการเดินทางระหว่างถนนเทียมร่วมมิตรกับถนนพระราม 9 โดยไม่ต้องผ่านแยก อ.ส.ม.ท.
ถนนสายนี้มีความยาวประมาณ 1,425 เมตร มีเขตทางกว้าง 19.00 เมตร ดำเนินการก่อสร้างเป็นถนนแอสฟัลต์ขนาด 4 ช่องทางจราจร กว้าง 14.00 เมตรพร้อมไหล่ทางข้างละ 2.50 เมตร รวมถึงการวางท่อระบายน้ำและรางระบายน้ำบางส่วนเพื่อจัดการระบายน้ำ การปรับปรุงส่วนต่อเชื่อมกับถนนทั้งสองด้าน และมีงานวางท่อประปาขนาด 2,000 มิลลิเมตร ของการประปานครหลวงอยู่ด้วย
กรุงเทพมหานครได้เริมดำเนินการก่อสร้าง ตั้งแต่วันที่ 20 สิงหาคม 2537 แล้วเสร็จเปิดให้ประชาชนใช้เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2537 งบประมาณที่ใช้ในการก่อสร้างรวม 33.7ล้านบาท
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 20
กธก.กร.ทบ.
09/05/2011 10:37:02
โครงการศูนย์ศึกษาพันธุ์ไม้ป่าสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ จังหวัดราชบุรี
ความเป็นมา
ในปัจจุบันทรัพยากรป่าไม้ได้ถูกบุกรุกทำลายลงเป็นจำนวนมาก ทำให้ความสมดุลย์ทางธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม เปลี่ยนแปลงไปซึ่งส่งผลกระทบต่อพันธุ์ไม้ที่มีค่าบางชนิดที่เริ่มจะหายากและใกล้จะสูญพันธุ์
ไปอนุชนรุ่นหลังแทบจะไม่รู้จักหรือพบเห็น ความคิดริเริ่มรวบรวมชนิดพันธุ์ไม้ท้องถิ่นและพันธุ์ไม้ที่มีค่านำมา ปลูกเป็นแหล่งอนุรักษ์พันธุ์จะก่อให้เกิดผล ประโยชน์แก่ ประเทศชาติหลายประการทั้งทางตรงและทางอ้อม อันไม่สามารถประเมินมูลค่าได้โดยการจัดสร้างสวนรวมพันธุ์ไม้ ป่าเฉลิมพระเกียรติ นับเป็นโครงการหนึ่งที่มี คุณค่าเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของหน่วยงานภาครัฐและประชาชนจัดสร้างขึ้น เพื่อถวายแด่สมเด็จพระบรม ราชินีนาถ เนื่องในวโรกาสที่จะทรงมีพระชนมพรรษาครบ 60 ปี ในพุทธศักราช 2535 นี้
วัตถุประสงค์
1. เพื่อเป็นแหล่งรวบรวมพันธุ์ไม้ท้องถิ่นดั้งเดิม และมีคุณค่าทางเศรษฐกิจ รวมทั้งพันธุ์ไม้ หายาก
2. เพื่อดำรงรักษาสภาพป่าธรรมชาติในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติสำหรับเป็นแหล่งพันธุกรรมไม้ป่า
และเป็นแหล่งป้องกันสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติของประเทศไทยในระยะยาวอย่างต่อเนื่อง
3. เพื่อฟื้นฟูสภาพป่าที่ไม่เหมาะสมกับเกษตรกรรม ซึ่งมีสภาพเสื่อมโทรมให้กลับฟื้นคืนสภาพสมบูรณ์ดังเดิม
4. เพื่อป้องกันแหล่งสำหรับศึกษาวิจัย และค้นคว้าทางด้านวิชาการป่าไม้
5. เพื่อจัดเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ควบคู่ไปกับการพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดราชบุรี
6. เพื่อทำให้ราษฎรในพื้นที่โครงการมีรายได้จากการรับจ้างปลูกป่า เพื่อเป็นรายได้เสริมในครอบครัว
ที่ตั้งโครงการ ต.ตะนาวศรี อ.สวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี
หน่วยที่รับผิดชอบโครงการ สำนักวิชาการ (ส่วนวนวัฒนวิจัย)
ระยะเวลาดำเนินการ
ระยะที่ 1 เริ่มตั้งแต่ปี 2536 - 2540 รวม 5 ปี
ระยะที่ 2 เริ่มตั้งแต่ปี 2541 - 2545 รวม 5 ปี่
พื้นที่โครงการ ประมาณ 3,000 ไร่
โครงการศูนย์ศึกษาพันธุ์ไม้ป่าสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ จังหวัดราชบุรี
ความเป็นมา
ในปัจจุบันทรัพยากรป่าไม้ได้ถูกบุกรุกทำลายลงเป็นจำนวนมาก ทำให้ความสมดุลย์ทางธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม เปลี่ยนแปลงไปซึ่งส่งผลกระทบต่อพันธุ์ไม้ที่มีค่าบางชนิดที่เริ่มจะหายากและใกล้จะสูญพันธุ์
ไปอนุชนรุ่นหลังแทบจะไม่รู้จักหรือพบเห็น ความคิดริเริ่มรวบรวมชนิดพันธุ์ไม้ท้องถิ่นและพันธุ์ไม้ที่มีค่านำมา ปลูกเป็นแหล่งอนุรักษ์พันธุ์จะก่อให้เกิดผล ประโยชน์แก่ ประเทศชาติหลายประการทั้งทางตรงและทางอ้อม อันไม่สามารถประเมินมูลค่าได้โดยการจัดสร้างสวนรวมพันธุ์ไม้ ป่าเฉลิมพระเกียรติ นับเป็นโครงการหนึ่งที่มี คุณค่าเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของหน่วยงานภาครัฐและประชาชนจัดสร้างขึ้น เพื่อถวายแด่สมเด็จพระบรม ราชินีนาถ เนื่องในวโรกาสที่จะทรงมีพระชนมพรรษาครบ 60 ปี ในพุทธศักราช 2535 นี้
วัตถุประสงค์
1. เพื่อเป็นแหล่งรวบรวมพันธุ์ไม้ท้องถิ่นดั้งเดิม และมีคุณค่าทางเศรษฐกิจ รวมทั้งพันธุ์ไม้ หายาก
2. เพื่อดำรงรักษาสภาพป่าธรรมชาติในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติสำหรับเป็นแหล่งพันธุกรรมไม้ป่า
และเป็นแหล่งป้องกันสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติของประเทศไทยในระยะยาวอย่างต่อเนื่อง
3. เพื่อฟื้นฟูสภาพป่าที่ไม่เหมาะสมกับเกษตรกรรม ซึ่งมีสภาพเสื่อมโทรมให้กลับฟื้นคืนสภาพสมบูรณ์ดังเดิม
4. เพื่อป้องกันแหล่งสำหรับศึกษาวิจัย และค้นคว้าทางด้านวิชาการป่าไม้
5. เพื่อจัดเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ควบคู่ไปกับการพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดราชบุรี
6. เพื่อทำให้ราษฎรในพื้นที่โครงการมีรายได้จากการรับจ้างปลูกป่า เพื่อเป็นรายได้เสริมในครอบครัว
ที่ตั้งโครงการ ต.ตะนาวศรี อ.สวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี
หน่วยที่รับผิดชอบโครงการ สำนักวิชาการ (ส่วนวนวัฒนวิจัย)
ระยะเวลาดำเนินการ
ระยะที่ 1 เริ่มตั้งแต่ปี 2536 - 2540 รวม 5 ปี
ระยะที่ 2 เริ่มตั้งแต่ปี 2541 - 2545 รวม 5 ปี่
พื้นที่โครงการ ประมาณ 3,000 ไร่
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 21
กธก.กร.ทบ.
09/05/2011 10:37:26
โครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน จังหวัดจันทบุรี
ความเป็นมา
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้มีพระราชดำริ เมื่อเดือนธันวาคม 2524 กับผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี ให้พิจารณาจัดตั้งศูนย์กลางการพัฒนาขึ้นในพื้นที่ที่เหมาะสมของจังหวัดจันทบุรี เพื่อยกระดับการพัฒนาให้เป็น ตัวอย่างแก่ราษฎรนำไปปฏิบัติโดยให้ใช้เงินที่มีผู้ทูลเกล้าฯ ถวายเมื่อคราวเสด็จ จ.จันทบุรี เป็นเงินทุนก่อสร้าง
ต่อมาทรงมีพระราชดำริกับม.จ. จักรพันธ์เพ็ญศิริ จักรพันธ์ องคมนตรี โดยสรุปว่า ให้จัดตั้งศูนย์ศึกษาเพื่อพัฒนา ที่ดินชายทะเลบริเวณพื้นที่อ่าวคุ้งกระเบน เพื่อพัฒนาการประมงชายฝั่งอนุรักษ์ป่าชายเลนและสภาพแวดล้อม โดยรอบ
วัตถุประสงค์
1. เพื่ออนุรักษ์สภาพป่าที่สมบูรณ์ให้คงสมบูรณ์ตลอดไป
2. เพื่อฟื้นฟูสภาพป่าที่เสื่อมโทรมให้กลับฟื้นคืนสภาพป่าที่สมบูรณ์โดยการปลูกสร้างสวนป่า
3. เพื่อประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ให้ราษฎรในโครงการฯ และบริเวณใกล้เคียงมีจิตสำนึกในการ อนุรักษ์ป่า
ที่ตั้งโครงการ หมู่ที่ 9 ต.คลองขุด อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี
หน่วยที่รับผิดชอบโครงการ
1. กองแผนงาน
2. สำนักวิชาการป่าไม้
3. สำนักส่งเสริมการปลูกป่า
4. สำนักงานป่าไม้เขตศรีราชา
5. สำนักงานป่าไม้จังหวัดจันทบุรี
ระยะเวลาดำเนินการ
ระยะที่ 1 เริ่มตั้งแต่ปี 2536 - 2540 รวม 5 ปี
ระยะที่ 2 เริ่มตั้งแต่ปี 2541 - 2545 รวม 5 ปี
พื้นที่โครงการ ประมาณ 36,000 ไร่.
โครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน จังหวัดจันทบุรี
ความเป็นมา
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้มีพระราชดำริ เมื่อเดือนธันวาคม 2524 กับผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี ให้พิจารณาจัดตั้งศูนย์กลางการพัฒนาขึ้นในพื้นที่ที่เหมาะสมของจังหวัดจันทบุรี เพื่อยกระดับการพัฒนาให้เป็น ตัวอย่างแก่ราษฎรนำไปปฏิบัติโดยให้ใช้เงินที่มีผู้ทูลเกล้าฯ ถวายเมื่อคราวเสด็จ จ.จันทบุรี เป็นเงินทุนก่อสร้าง
ต่อมาทรงมีพระราชดำริกับม.จ. จักรพันธ์เพ็ญศิริ จักรพันธ์ องคมนตรี โดยสรุปว่า ให้จัดตั้งศูนย์ศึกษาเพื่อพัฒนา ที่ดินชายทะเลบริเวณพื้นที่อ่าวคุ้งกระเบน เพื่อพัฒนาการประมงชายฝั่งอนุรักษ์ป่าชายเลนและสภาพแวดล้อม โดยรอบ
วัตถุประสงค์
1. เพื่ออนุรักษ์สภาพป่าที่สมบูรณ์ให้คงสมบูรณ์ตลอดไป
2. เพื่อฟื้นฟูสภาพป่าที่เสื่อมโทรมให้กลับฟื้นคืนสภาพป่าที่สมบูรณ์โดยการปลูกสร้างสวนป่า
3. เพื่อประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ให้ราษฎรในโครงการฯ และบริเวณใกล้เคียงมีจิตสำนึกในการ อนุรักษ์ป่า
ที่ตั้งโครงการ หมู่ที่ 9 ต.คลองขุด อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี
หน่วยที่รับผิดชอบโครงการ
1. กองแผนงาน
2. สำนักวิชาการป่าไม้
3. สำนักส่งเสริมการปลูกป่า
4. สำนักงานป่าไม้เขตศรีราชา
5. สำนักงานป่าไม้จังหวัดจันทบุรี
ระยะเวลาดำเนินการ
ระยะที่ 1 เริ่มตั้งแต่ปี 2536 - 2540 รวม 5 ปี
ระยะที่ 2 เริ่มตั้งแต่ปี 2541 - 2545 รวม 5 ปี
พื้นที่โครงการ ประมาณ 36,000 ไร่.
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 22
กธก.กร.ทบ.
31/05/2011 18:43:03
การดำเนินงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ให้เป็นไปตามแนวพระราชดำริ และบรรลุวัตถุประสงค์
มีหลักการสำคัญ ดังนี้
๑. การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
โครงการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มุ่งช่วยเหลือ แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ที่ราษฎรกำลังประสบอยู่ในขณะนั้น ซึ่งเป็นการแก้ไขอย่างรีบด่วน เช่น กรณีเขตพื้นที่อำเภอ ละหานทราย จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่ง เป็นเขตติดต่อกับประเทศกัมพูชาและเป็นพื้นที่ยากจนในเขตอิทธิพลของ ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ ที่ขบวนการพัฒนาของ รัฐยังเข้าไปไม่ถึง ในช่วงระยะเวลานั้น ภายหลังจากมีโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เข้าไปดำเนินการแล้ว ปัญหาความมั่นคงที่เคยมีอยู่ก็ลดน้อยถอยลง และหมดสิ้นไปในที่สุด แม้กระทั่งปัจจุบัน โครงการที่แก้ปัญหาเฉพาะหน้า และจะมีผลระยะ ยาวต่อไปคือ การแก้ไขปัญหาจราจร และการป้อง กันน้ำท่วมในเขตกรุงเทพมหานคร เป็นต้น
๒. การพัฒนาต้องเป็นไปตามขั้นตอน
พระองค์ทรงเน้นการพัฒนาที่สร้างความเข้มแข็งให้ชุมชน ในลักษณะของการพึ่งตนเอง โดยทรงมีพระราชประสงค์ที่จะช่วยเหลือราษฎรตามความจำเป็นและเหมาะสมกับสถานภาพ เมื่อราษฎรสามารถพึ่งตนเองได้ ก็จะสามารถออกมาสู่สังคมภายนอกอย่างไม่ลำบาก
๓. การพึ่งตนเอง
เมื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้แล้ว ก็จะเป็นการพัฒนาเพื่อให้ประชาชนอยู่ในสังคมได้ตามสภาพ ในลักษณะของการพึ่งตนเอง ตัวอย่างโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่เน้นหลัก "การพึ่งตนเอง" เพื่อพัฒนาแก้ไข ปัญหาความยากจนของราษฎร เช่น โครงการธนาคารข้าว โครงการธนาคารโค-กระบือ และโครงการพัฒนาที่ดินตาม พระราชประสงค์ "หุบกระพง" อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งดำเนินการเพื่อให้ประชา ชนมีที่อยู่อาศัยทำกิน และรวมตัวกันในรูปของกลุ่มสหกรณ์ เพื่อแก้ไขปัญหาของชุมชน และการทำมาหากินร่วมกัน เป็นต้น นอกจากนั้น โครงการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราช ดำริ ในระยะหลังก็ล้วนแต่เพื่อให้ประชาชนสามารถช่วยตัวเองได้ เพราะเป็นโครงการ ที่ สนับสนุนให้ประชาชนสามารถประกอบอาชีพให้ได้ผล และมีประสิทธิภาพ เช่น การ พัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร การให้การอบรมความรู้สาขาต่าง ๆ ทั้งด้านการเกษตร และศิลปาชีพพิเศษ เป็นต้น
๔. การส่งเสริมความรู้ และเทคนิควิชาการสมัยใหม่ที่เหมาะสม
ด้วยพระราชประสงค์ที่ต้องการให้ราษฎรได้รับในสิ่งที่ขาดแคลน และต้องมีตัวอย่างของความสำเร็จ จึงทรงพระราชทานพระราชดำริให้จัดตั้ง ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในทุกภูมิภาคของประเทศ เพื่อใช้เป็นสถานที่ศึกษา ทดลอง วิจัย และแสวงหาความรู้สมัยใหม่ที่ราษฎรรับได้ และนำไปดำเนินการเองได้ โดยต้องเป็นวิธีการที่ประหยัด เหมาะสม และสอดคล้องกับสภาพแวดล้อม
๕. การอนุรักษ์และพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติ
จากการพัฒนาประเทศในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้ทรัพยากรธรรมชาติเสื่อมโทรมลงโดยมิได้มีการฟื้นฟูขึ้นมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงทรงสนพระราชหฤทัยในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติเป็นอย่างยิ่ง เพราะมีผลโดยตรงต่อการพัฒนาการเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร ของราษฎรในพื้นที่ต่างๆ
๖. การส่งเสริมและปรับปรุงคุณภาพสิ่งแวดล้อม
จากการที่โครงสร้างทางเศรษฐกิจของประเทศได้เปลี่ยนไป สู่การผลิตที่มีภาคอุตสาหกรรม และบริการเป็นหลัก ทำให้สังคมไทยเริ่ม เปลี่ยนจากสังคมชนบท สู่ความเป็นสังคมเมืองมากขึ้น ปัญหาที่เกิดตามมาคือปัญหาทางด้านความเสื่อมโทรมของสภาพแวดล้อม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำริที่จะแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการ กำจัดน้ำเสีย ใน กรุงเทพมหานคร และในเมืองหลัก ในต่างจังหวัดด้วยวิธีการต่าง ๆ
การดำเนินงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ให้เป็นไปตามแนวพระราชดำริ และบรรลุวัตถุประสงค์
มีหลักการสำคัญ ดังนี้
๑. การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
โครงการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มุ่งช่วยเหลือ แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ที่ราษฎรกำลังประสบอยู่ในขณะนั้น ซึ่งเป็นการแก้ไขอย่างรีบด่วน เช่น กรณีเขตพื้นที่อำเภอ ละหานทราย จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่ง เป็นเขตติดต่อกับประเทศกัมพูชาและเป็นพื้นที่ยากจนในเขตอิทธิพลของ ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ ที่ขบวนการพัฒนาของ รัฐยังเข้าไปไม่ถึง ในช่วงระยะเวลานั้น ภายหลังจากมีโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เข้าไปดำเนินการแล้ว ปัญหาความมั่นคงที่เคยมีอยู่ก็ลดน้อยถอยลง และหมดสิ้นไปในที่สุด แม้กระทั่งปัจจุบัน โครงการที่แก้ปัญหาเฉพาะหน้า และจะมีผลระยะ ยาวต่อไปคือ การแก้ไขปัญหาจราจร และการป้อง กันน้ำท่วมในเขตกรุงเทพมหานคร เป็นต้น
๒. การพัฒนาต้องเป็นไปตามขั้นตอน
พระองค์ทรงเน้นการพัฒนาที่สร้างความเข้มแข็งให้ชุมชน ในลักษณะของการพึ่งตนเอง โดยทรงมีพระราชประสงค์ที่จะช่วยเหลือราษฎรตามความจำเป็นและเหมาะสมกับสถานภาพ เมื่อราษฎรสามารถพึ่งตนเองได้ ก็จะสามารถออกมาสู่สังคมภายนอกอย่างไม่ลำบาก
๓. การพึ่งตนเอง
เมื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้แล้ว ก็จะเป็นการพัฒนาเพื่อให้ประชาชนอยู่ในสังคมได้ตามสภาพ ในลักษณะของการพึ่งตนเอง ตัวอย่างโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่เน้นหลัก "การพึ่งตนเอง" เพื่อพัฒนาแก้ไข ปัญหาความยากจนของราษฎร เช่น โครงการธนาคารข้าว โครงการธนาคารโค-กระบือ และโครงการพัฒนาที่ดินตาม พระราชประสงค์ "หุบกระพง" อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งดำเนินการเพื่อให้ประชา ชนมีที่อยู่อาศัยทำกิน และรวมตัวกันในรูปของกลุ่มสหกรณ์ เพื่อแก้ไขปัญหาของชุมชน และการทำมาหากินร่วมกัน เป็นต้น นอกจากนั้น โครงการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราช ดำริ ในระยะหลังก็ล้วนแต่เพื่อให้ประชาชนสามารถช่วยตัวเองได้ เพราะเป็นโครงการ ที่ สนับสนุนให้ประชาชนสามารถประกอบอาชีพให้ได้ผล และมีประสิทธิภาพ เช่น การ พัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร การให้การอบรมความรู้สาขาต่าง ๆ ทั้งด้านการเกษตร และศิลปาชีพพิเศษ เป็นต้น
๔. การส่งเสริมความรู้ และเทคนิควิชาการสมัยใหม่ที่เหมาะสม
ด้วยพระราชประสงค์ที่ต้องการให้ราษฎรได้รับในสิ่งที่ขาดแคลน และต้องมีตัวอย่างของความสำเร็จ จึงทรงพระราชทานพระราชดำริให้จัดตั้ง ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในทุกภูมิภาคของประเทศ เพื่อใช้เป็นสถานที่ศึกษา ทดลอง วิจัย และแสวงหาความรู้สมัยใหม่ที่ราษฎรรับได้ และนำไปดำเนินการเองได้ โดยต้องเป็นวิธีการที่ประหยัด เหมาะสม และสอดคล้องกับสภาพแวดล้อม
๕. การอนุรักษ์และพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติ
จากการพัฒนาประเทศในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้ทรัพยากรธรรมชาติเสื่อมโทรมลงโดยมิได้มีการฟื้นฟูขึ้นมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงทรงสนพระราชหฤทัยในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติเป็นอย่างยิ่ง เพราะมีผลโดยตรงต่อการพัฒนาการเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร ของราษฎรในพื้นที่ต่างๆ
๖. การส่งเสริมและปรับปรุงคุณภาพสิ่งแวดล้อม
จากการที่โครงสร้างทางเศรษฐกิจของประเทศได้เปลี่ยนไป สู่การผลิตที่มีภาคอุตสาหกรรม และบริการเป็นหลัก ทำให้สังคมไทยเริ่ม เปลี่ยนจากสังคมชนบท สู่ความเป็นสังคมเมืองมากขึ้น ปัญหาที่เกิดตามมาคือปัญหาทางด้านความเสื่อมโทรมของสภาพแวดล้อม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำริที่จะแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการ กำจัดน้ำเสีย ใน กรุงเทพมหานคร และในเมืองหลัก ในต่างจังหวัดด้วยวิธีการต่าง ๆ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 23
กธก.กร.ทบ.
31/05/2011 18:43:38
โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จะมีชื่อเรียกที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้
โครงการตามพระราชประสงค์
คือโครงการที่ทรงศึกษา ทดลอง ปฏิบัติเป็นการส่วนพระองค์ จนเมื่อทรงแน่พระราชหฤทัยว่าโครงการนั้น จะเป็นผลดีและเกิดประโยชน์กับประชาชน จึงจะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รัฐบาลเข้ามารับงานต่อไป
โครงการหลวง
พื้นที่ดำเนินการของโครงการหลวงส่วนใหญ่ จะอยู่ในเขตภาคเหนือ เนื่องจากเป็นถิ่นที่อยู่ของชาวไทยภูเขา ซึ่งพระองค์ทรงพระกรุณาที่จะพัฒนาความเป็นอยู่ของชาวไทยภูเขาให้อยู่ดี กินดี เลิกการปลูกฝิ่น และการทำไร่เลื่อนลอย อีกทั้งยังทรงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาและบำรุงรักษาต้นน้ำลำธารบริเวณป่าเขา เพื่อบรรเทาอุทกภัยในเขตที่ลุ่มด้านล่าง ซึ่งการพัฒนาต่างๆ กว่าจะเกิดผล ล้วนแต่กินเวลานานนับสิบปี ซึ่งชาวไทยภูเขาเหล่านี้ ได้มีความจงรักภักดีในพระองค์ท่าน พร้อมทั้งเรียกขานพระองค์ท่านว่า “พ่อหลวง” และเรียกสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถว่า “แม่หลวง” รวมถึงเรียกโครงการของทั้งสองพระองค์ว่า “โครงการหลวง”
โครงการในพระบรมราชานุเคราะห์
โครงการในพระบรมราชานุเคราะห์ คือโครงการที่พระองค์ทรงพระราชทานข้อแนะนำ หรือแนวพระราชดำริให้ไปดำเนินการ ซึ่งโครงการประเภทนี้ จะดำเนินการโดยหน่วยงานเอกชน เช่น โครงการพัฒนาหมู่บ้านสหกรณ์เนินดินแดง อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งสโมสรโรตารีแห่งประเทศไทย เป็นผู้จัด และดำเนินงานตามแนวพระราชดำริ โครงการพจนานุกรม โครงการสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน เป็นต้น
โครงการตามพระราชดำริ
จะเป็นโครงการที่พระองค์ทรงวางแผนพัฒนา และทรงเสนอแนะให้รัฐบาลร่วมดำเนินการตามแนวพระราชดำริ ปัจจุบัน โครงการตามพระราชดำรินี้ เรียกว่า “โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ” มีลักษณะเป็นโครงการพัฒนาในด้านต่างๆ ทั้งเพื่อการศึกษา ค้นคว้าทดลองและงานวิจัย โดยโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำรินี้ มีทั้งที่เป็นโครงการระยะสั้น และโครงการระยะยาว
ในการดำเนินการโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำรินี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะทรงศึกษาข้อมูลต่างๆ อย่างเป็นขั้นเป็นตอน ทั้งการศึกษาข้อมูลจากเอกสารและการศึกษาข้อมูลจากการลงพื้นที่จริงก่อนจะลงมือปฏิบัติอย่างจริงจัง ทั้งนี้พระองค์มีพระราชดำรัสเกี่ยวกับการดำเนินการอยู่เสมอว่า แนวพระราชดำริของพระองค์ เป็นเพียงข้อเสนอแนะ ซึ่งหน่วยงานที่รับผิดชอบ ควรจะต้องนำพิจารณา วิเคราะห์ และกลั่นกรองตามหลักวิชาการ หากมีความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติ และเกิดประโยชน์คุ้มค่า จึงจะลงมือปฏิบัติต่อไป แต่หากไม่เกิดประโยชน์ ไม่เหมาะสมที่จะดำเนินการ ก็สามารถล้มเลิกได้
โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จะมีชื่อเรียกที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้
โครงการตามพระราชประสงค์
คือโครงการที่ทรงศึกษา ทดลอง ปฏิบัติเป็นการส่วนพระองค์ จนเมื่อทรงแน่พระราชหฤทัยว่าโครงการนั้น จะเป็นผลดีและเกิดประโยชน์กับประชาชน จึงจะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รัฐบาลเข้ามารับงานต่อไป
โครงการหลวง
พื้นที่ดำเนินการของโครงการหลวงส่วนใหญ่ จะอยู่ในเขตภาคเหนือ เนื่องจากเป็นถิ่นที่อยู่ของชาวไทยภูเขา ซึ่งพระองค์ทรงพระกรุณาที่จะพัฒนาความเป็นอยู่ของชาวไทยภูเขาให้อยู่ดี กินดี เลิกการปลูกฝิ่น และการทำไร่เลื่อนลอย อีกทั้งยังทรงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาและบำรุงรักษาต้นน้ำลำธารบริเวณป่าเขา เพื่อบรรเทาอุทกภัยในเขตที่ลุ่มด้านล่าง ซึ่งการพัฒนาต่างๆ กว่าจะเกิดผล ล้วนแต่กินเวลานานนับสิบปี ซึ่งชาวไทยภูเขาเหล่านี้ ได้มีความจงรักภักดีในพระองค์ท่าน พร้อมทั้งเรียกขานพระองค์ท่านว่า “พ่อหลวง” และเรียกสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถว่า “แม่หลวง” รวมถึงเรียกโครงการของทั้งสองพระองค์ว่า “โครงการหลวง”
โครงการในพระบรมราชานุเคราะห์
โครงการในพระบรมราชานุเคราะห์ คือโครงการที่พระองค์ทรงพระราชทานข้อแนะนำ หรือแนวพระราชดำริให้ไปดำเนินการ ซึ่งโครงการประเภทนี้ จะดำเนินการโดยหน่วยงานเอกชน เช่น โครงการพัฒนาหมู่บ้านสหกรณ์เนินดินแดง อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งสโมสรโรตารีแห่งประเทศไทย เป็นผู้จัด และดำเนินงานตามแนวพระราชดำริ โครงการพจนานุกรม โครงการสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน เป็นต้น
โครงการตามพระราชดำริ
จะเป็นโครงการที่พระองค์ทรงวางแผนพัฒนา และทรงเสนอแนะให้รัฐบาลร่วมดำเนินการตามแนวพระราชดำริ ปัจจุบัน โครงการตามพระราชดำรินี้ เรียกว่า “โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ” มีลักษณะเป็นโครงการพัฒนาในด้านต่างๆ ทั้งเพื่อการศึกษา ค้นคว้าทดลองและงานวิจัย โดยโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำรินี้ มีทั้งที่เป็นโครงการระยะสั้น และโครงการระยะยาว
ในการดำเนินการโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำรินี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะทรงศึกษาข้อมูลต่างๆ อย่างเป็นขั้นเป็นตอน ทั้งการศึกษาข้อมูลจากเอกสารและการศึกษาข้อมูลจากการลงพื้นที่จริงก่อนจะลงมือปฏิบัติอย่างจริงจัง ทั้งนี้พระองค์มีพระราชดำรัสเกี่ยวกับการดำเนินการอยู่เสมอว่า แนวพระราชดำริของพระองค์ เป็นเพียงข้อเสนอแนะ ซึ่งหน่วยงานที่รับผิดชอบ ควรจะต้องนำพิจารณา วิเคราะห์ และกลั่นกรองตามหลักวิชาการ หากมีความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติ และเกิดประโยชน์คุ้มค่า จึงจะลงมือปฏิบัติต่อไป แต่หากไม่เกิดประโยชน์ ไม่เหมาะสมที่จะดำเนินการ ก็สามารถล้มเลิกได้
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 24
กธก.กร.ทบ.
31/05/2011 18:44:10
โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่อยู่ในความรับผิดชอบของสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในปีงบประมาณ ๒๕๒๕ – ๒๕๔๖ มีจำนวน ๓,๒๙๘ โครงการ แยกออกเป็นประเภท
ต่าง ๆ ได้ ๘ ประเภท คือ
๑. การเกษตร
แนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในด้านการพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตทางการเกษตร จะทรงเน้นในเรื่องของการค้นคว้า ทดลอง และวิจัยหาพันธุ์พืชใหม่ๆ ทั้งพืชเศรษฐกิจ พืชสมุนไพร รวมถึงการศึกษาเกี่ยวกับแมลงศัตรูพืช และพันธุ์สัตว์ต่างๆ ที่เหมาะสมกับสภาพท้องถิ่นนั้นๆ ซึ่งแต่ละโครงการจะเน้นให้สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง มีราคาถูก ใช้เทคโนโลยีง่าย ไม่สลับซับซ้อน เกษตรกรสามารถดำเนินการเองได้ นอกจากนี้ ยังทรงพยายามไม่ให้เกษตรกรยึดติดกับพืชผลทางการเกษตรเพียงอย่างเดียว เพราะอาจเกิดปัญหาอันเนื่องมาจากความแปรปรวนของสภาพดินฟ้าอากาศ หรือความแปรปรวนทางการตลาด แต่เกษตรกรควรจะมีรายได้จากด้านอื่นนอกเหนือไปจากการเกษตรเพิ่มขึ้นด้วย เพื่อจะได้พึ่งตนเองได้ในระดับหนึ่ง
๒. สิ่งแวดล้อม
ปัญหาสิ่งแวดล้อม ถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องได้รับการดำเนินการแก้ไขควบคู่ไปกับการพัฒนาความเจริญก้าวหน้า เพราะยิ่งมีความเจริญก้าวหน้า ย่อมหมายถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมยิ่งก่อตัวและทวีความรุนแรงมากขึ้นเป็นเงาตามกันไป ซึ่งโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จะเป็นวิธีการที่จะทำนุบำรุง และปรับปรุงสภาพทรัพยากร และสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้นในด้านต่างๆ เช่น การอนุรักษ์ และพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติ ดิน น้ำ และป่าไม้
๓. การสาธารณสุข
โครงการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทาน ให้กับประชาชนในระยะแรก ๆ ล้วนแต่เป็นโครงการ ด้านสาธารณสุข เพราะพระ องค์ทรงเห็นว่า หากประชาชนมีร่างกายที่สมบูรณ์ แข็งแรง จะนำไปสู่สุขภาพจิตที่ดี และส่งผลให้การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมดีไปด้วย พระองค์จึงทรงให้ความสำคัญกับงานด้านสาธารณสุขเป็นอย่างมาก
๔. การส่งเสริมอาชีพ
โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เมื่อได้ดำเนินการบรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการแล้ว จะเกิดการส่งเสริมอาชีพแก่ราษฎรใน พื้นที่ใกล้เคียง โดยเฉพาะศูนย์ศึกษาการพัฒนาทั้งหลายนั้น จัดตั้งขึ้นมาเพื่อให้มีการศึกษา ค้นคว้า ทดลอง วิจัย เพื่อแสวงหาแนวทาง และวิธีการพัฒนาด้านต่างๆ ที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม และการประกอบอาชีพของราษฎรในภูมิภาคนั้นๆ เพื่อให้ราษฎรนำไปปฏิบัติได้อย่างจริงจัง ส่วนโครงการประเภทการส่งเสริมอาชีพโดยตรงนั้นก็มีจำนวนไม่น้อย ทั้งนี้ เพื่อเป็นการช่วยเหลือ ให้ประชาชนสามารถพึ่งตนเองได้ จึงได้มีโครงการเกี่ยวกับประเภทการส่งเสริมอาชีพโดยตรง
๕. การพัฒนาแหล่งน้ำ
การพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการเพาะปลูกหรือการชลประทาน นับว่า เป็นงานที่มีความสำคัญ และมีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับประชาชน ส่วนใหญ่ของประเทศ เพราะเกษตรกรจะสามารถทำการเพาะปลูกได้อย่างสมบูรณ์ตลอดปี เนื่องจากพื้นที่เพาะปลูกในปัจจุบันส่วนใหญ่เป็นพื้นที่นอกเขตชลประทาน ซึ่งต้องอาศัยเพียงน้ำฝน และน้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติเป็นหลัก ทำให้พืชได้รับน้ำไม่สม่ำเสมอ และไม่เพียงพอ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงให้ความ สนพระราชหฤทัย เกี่ยวกับการพัฒนาแหล่งน้ำ มากกว่าโครงการพัฒนาอันเนื่องมาจาก พระราชดำริประเภทอื่น
๖. การคมนาคมสื่อสาร
โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ด้านคมนาคมสื่อสาร ส่วนใหญ่ จะเป็นโครงการเกี่ยวกับปรับปรุงถนนหนทาง การก่อสร้างถนนเพื่อการ สัญจรไปมาได้สะดวกและทั่วถึง การคมนาคมเป็นปัจจัยพื้นฐานที่ สำคัญของการนำความเจริญไปสู่ชนบท การสื่อสาร ติดต่อที่ดียังผล สำคัญทำให้เศรษฐกิจของราษฎรในพื้นที่ดีขึ้น ราษฎรก็มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
๗. สวัสดิการสังคม
โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ด้านสวัสดิการสังคม จะเป็นโครงการเพื่อช่วยเหลือราษฎรให้มีที่อยู่อาศัย ที่ทำกิน และได้ รับสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐานที่จำเป็น ในการดำรงชีวิต ซึ่งจะทำให้ราษฎรมีชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น สามารถดำรงชีวิตอยู่ด้วยความผาสุข
๘. อื่นๆ
โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริประเภทอื่นๆ ได้แก่ โครงการ อันเนื่องมาจากพระราชดำริที่นอกเหนือจากโครงการทั้ง ๗ ประเภท ที่ ระบุมาแล้วข้างต้น เช่น โครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริทั้งหลาย โครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันน้ำทะเลกัดเซาะอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเพชรบุรี นอกจากนั้นยัง รวมถึงโครงการด้านการศึกษา การวิจัย การจัดและพัฒนาที่ดิน เป็นต้น
โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่อยู่ในความรับผิดชอบของสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในปีงบประมาณ ๒๕๒๕ – ๒๕๔๖ มีจำนวน ๓,๒๙๘ โครงการ แยกออกเป็นประเภท
ต่าง ๆ ได้ ๘ ประเภท คือ
๑. การเกษตร
แนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในด้านการพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตทางการเกษตร จะทรงเน้นในเรื่องของการค้นคว้า ทดลอง และวิจัยหาพันธุ์พืชใหม่ๆ ทั้งพืชเศรษฐกิจ พืชสมุนไพร รวมถึงการศึกษาเกี่ยวกับแมลงศัตรูพืช และพันธุ์สัตว์ต่างๆ ที่เหมาะสมกับสภาพท้องถิ่นนั้นๆ ซึ่งแต่ละโครงการจะเน้นให้สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง มีราคาถูก ใช้เทคโนโลยีง่าย ไม่สลับซับซ้อน เกษตรกรสามารถดำเนินการเองได้ นอกจากนี้ ยังทรงพยายามไม่ให้เกษตรกรยึดติดกับพืชผลทางการเกษตรเพียงอย่างเดียว เพราะอาจเกิดปัญหาอันเนื่องมาจากความแปรปรวนของสภาพดินฟ้าอากาศ หรือความแปรปรวนทางการตลาด แต่เกษตรกรควรจะมีรายได้จากด้านอื่นนอกเหนือไปจากการเกษตรเพิ่มขึ้นด้วย เพื่อจะได้พึ่งตนเองได้ในระดับหนึ่ง
๒. สิ่งแวดล้อม
ปัญหาสิ่งแวดล้อม ถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องได้รับการดำเนินการแก้ไขควบคู่ไปกับการพัฒนาความเจริญก้าวหน้า เพราะยิ่งมีความเจริญก้าวหน้า ย่อมหมายถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมยิ่งก่อตัวและทวีความรุนแรงมากขึ้นเป็นเงาตามกันไป ซึ่งโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จะเป็นวิธีการที่จะทำนุบำรุง และปรับปรุงสภาพทรัพยากร และสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้นในด้านต่างๆ เช่น การอนุรักษ์ และพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติ ดิน น้ำ และป่าไม้
๓. การสาธารณสุข
โครงการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทาน ให้กับประชาชนในระยะแรก ๆ ล้วนแต่เป็นโครงการ ด้านสาธารณสุข เพราะพระ องค์ทรงเห็นว่า หากประชาชนมีร่างกายที่สมบูรณ์ แข็งแรง จะนำไปสู่สุขภาพจิตที่ดี และส่งผลให้การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมดีไปด้วย พระองค์จึงทรงให้ความสำคัญกับงานด้านสาธารณสุขเป็นอย่างมาก
๔. การส่งเสริมอาชีพ
โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เมื่อได้ดำเนินการบรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการแล้ว จะเกิดการส่งเสริมอาชีพแก่ราษฎรใน พื้นที่ใกล้เคียง โดยเฉพาะศูนย์ศึกษาการพัฒนาทั้งหลายนั้น จัดตั้งขึ้นมาเพื่อให้มีการศึกษา ค้นคว้า ทดลอง วิจัย เพื่อแสวงหาแนวทาง และวิธีการพัฒนาด้านต่างๆ ที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม และการประกอบอาชีพของราษฎรในภูมิภาคนั้นๆ เพื่อให้ราษฎรนำไปปฏิบัติได้อย่างจริงจัง ส่วนโครงการประเภทการส่งเสริมอาชีพโดยตรงนั้นก็มีจำนวนไม่น้อย ทั้งนี้ เพื่อเป็นการช่วยเหลือ ให้ประชาชนสามารถพึ่งตนเองได้ จึงได้มีโครงการเกี่ยวกับประเภทการส่งเสริมอาชีพโดยตรง
๕. การพัฒนาแหล่งน้ำ
การพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการเพาะปลูกหรือการชลประทาน นับว่า เป็นงานที่มีความสำคัญ และมีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับประชาชน ส่วนใหญ่ของประเทศ เพราะเกษตรกรจะสามารถทำการเพาะปลูกได้อย่างสมบูรณ์ตลอดปี เนื่องจากพื้นที่เพาะปลูกในปัจจุบันส่วนใหญ่เป็นพื้นที่นอกเขตชลประทาน ซึ่งต้องอาศัยเพียงน้ำฝน และน้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติเป็นหลัก ทำให้พืชได้รับน้ำไม่สม่ำเสมอ และไม่เพียงพอ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงให้ความ สนพระราชหฤทัย เกี่ยวกับการพัฒนาแหล่งน้ำ มากกว่าโครงการพัฒนาอันเนื่องมาจาก พระราชดำริประเภทอื่น
๖. การคมนาคมสื่อสาร
โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ด้านคมนาคมสื่อสาร ส่วนใหญ่ จะเป็นโครงการเกี่ยวกับปรับปรุงถนนหนทาง การก่อสร้างถนนเพื่อการ สัญจรไปมาได้สะดวกและทั่วถึง การคมนาคมเป็นปัจจัยพื้นฐานที่ สำคัญของการนำความเจริญไปสู่ชนบท การสื่อสาร ติดต่อที่ดียังผล สำคัญทำให้เศรษฐกิจของราษฎรในพื้นที่ดีขึ้น ราษฎรก็มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
๗. สวัสดิการสังคม
โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ด้านสวัสดิการสังคม จะเป็นโครงการเพื่อช่วยเหลือราษฎรให้มีที่อยู่อาศัย ที่ทำกิน และได้ รับสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐานที่จำเป็น ในการดำรงชีวิต ซึ่งจะทำให้ราษฎรมีชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น สามารถดำรงชีวิตอยู่ด้วยความผาสุข
๘. อื่นๆ
โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริประเภทอื่นๆ ได้แก่ โครงการ อันเนื่องมาจากพระราชดำริที่นอกเหนือจากโครงการทั้ง ๗ ประเภท ที่ ระบุมาแล้วข้างต้น เช่น โครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริทั้งหลาย โครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันน้ำทะเลกัดเซาะอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเพชรบุรี นอกจากนั้นยัง รวมถึงโครงการด้านการศึกษา การวิจัย การจัดและพัฒนาที่ดิน เป็นต้น
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 25
กธก.กร.ทบ.
14/06/2011 17:48:41
โครงการห้วยองคต
พระราชดำริ
"ให้ดำเนินการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ และการทำมาหากินของราษฎรควบคู่ไปกับการพัฒนา และฟื้นฟูสภาพป่าให้กลับสู่ความอุดมสมบูรณ์อีกทั้ง โดยเน้น การบริหารและจัดการทรัพยากรธรรมชาติให้ เหมาะสมกับสภาพพื้นที่"
ความเป็นมา
โครงการห้วยองคต อันเนื่องมาจากพระราชดำริ บนเนื้อที่ป่าสงวนเสื่อมโทรม จำนวน ๒๐,๖๒๕ ไร่ ตำบลสมเด็จเจริญ กิ่งอำเภอหนองปรือ จังหวัดกาญจนบุรี เกิดจากการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานพระราชดำริให้ดำเนินการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ และการทำมาหากินของราษฎรควบคู่ไปกับ การพัฒนาและฟื้นฟูสภาพป่าให้กลับสู่ความอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง โดยทรงเน้น การบริหารและจัดการทรัพยากรธรรมชาติให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ เพื่อให้ราษฎรได้อยู่อาศัยและทำมาหากินร่วมกับการคงอยู่ ของธรรมชาติอย่างเกื้อหนุนซึ่งกันและกัน
โครงการนี้ได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๓๕ โดยมีมูลนิธิชัยพัฒนาเป็นผู้สนับสนุน โครงการ รวมทั้งส่วนราชการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมชลประทาน กรมป่าไม้ กรมส่งเสริมสหกรณ์ ฯลฯ จะใช้พื้นที่ป่าสงวนซึ่งถูกบุกรุกทำลายจนมีสภาพเสื่อมโทรม มาดำเนินการจัดสรรให้แก่ราษฎรผู้ยากจนเข้าไปประกอบอาชีพ ซึ่งได้จัดเป็นแปลงที่ดินให้ก่อสร้างที่อยู่อาศัยครอบครัวละ ๑ ไร่ ที่ดินทำการเกษตร ครอบครัวละ ๘ ไร่
วัตถุประสงค์
๑. ฟื้นฟูสภาพแวดล้อมโดยการปลูกป่าไม้ให้กลับคืนความอุดมสมบูรณ์ และเป็นแหล่งต้นน้ำลำธาร ตามเดิม
๒. บริหารทรัพยากรอย่างเหมาะสม โดยการแบ่งแยกพื้นที่ให้เป็นสัดส่วนทั้งในด้านการอนุรักษ์ การฟื้นฟูสภาพป่า การจัดสรรที่อยู่อาศัย ที่ทำกิน และพื้นที่ส่วนกลางในการก่อสร้างสาธารณูปโภคที่จำเป็น ต่าง ๆ
๓. จัดสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐาน พร้อมทั้งจัดระเบียบชุมชนให้ราษฎรได้เข้าอยู่อาศัย ในพื้นที่ที่จัดสรรให้อย่างเหมาะสม
๔. ส่งเสริม พัฒนาอาชีพให้มีรายได้ และสภาพความเป็นอยู่ดีขึ้น ควบคู่ไปกับการบริหารทรัพยากร อย่างถูกต้องเหมาะสม รวมทั้งการอนุรักษ์และรักษาสิ่งแวดล้อม
แผนการแนะนำส่งเสริมในปีงบประมาณ ๒๕๔๐
๑. เผยแพร่ประชาสัมพันธ์อุดมการณ์ หลักการ และวิธีการสหกรณ์แก่เกษตรกรในเขตโครงการห้วยองคต อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ให้มีความรู้ความเข้าใจและสมัครเป็นสมาชิกของสหกรณ์โดยดำเนินการ ต่อเนื่องตั้งแต่เดือนธันวาคม ๒๕๓๙ ถึงเดือนกันยายน ๒๕๔๐ คาดว่าจะรับสมาชิกเพิ่มได้ ๒๐๐ คน
๒. จัดประชุมใหญ่สามัญเลือกตั้งคณะกรรมการดำเนินการชุดใหม่ดำเนินการเดือนมกราคม ๒๕๔๐
๓. จัดอบรมให้ความรู้แก่คณะกรรมการดำเนินการ ประธานกลุ่มและเลขานุการกลุ่มดำเนินการเดือน กุมภาพันธ์ ๒๕๔๐
โครงการห้วยองคต
พระราชดำริ
"ให้ดำเนินการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ และการทำมาหากินของราษฎรควบคู่ไปกับการพัฒนา และฟื้นฟูสภาพป่าให้กลับสู่ความอุดมสมบูรณ์อีกทั้ง โดยเน้น การบริหารและจัดการทรัพยากรธรรมชาติให้ เหมาะสมกับสภาพพื้นที่"
ความเป็นมา
โครงการห้วยองคต อันเนื่องมาจากพระราชดำริ บนเนื้อที่ป่าสงวนเสื่อมโทรม จำนวน ๒๐,๖๒๕ ไร่ ตำบลสมเด็จเจริญ กิ่งอำเภอหนองปรือ จังหวัดกาญจนบุรี เกิดจากการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานพระราชดำริให้ดำเนินการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ และการทำมาหากินของราษฎรควบคู่ไปกับ การพัฒนาและฟื้นฟูสภาพป่าให้กลับสู่ความอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง โดยทรงเน้น การบริหารและจัดการทรัพยากรธรรมชาติให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ เพื่อให้ราษฎรได้อยู่อาศัยและทำมาหากินร่วมกับการคงอยู่ ของธรรมชาติอย่างเกื้อหนุนซึ่งกันและกัน
โครงการนี้ได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๓๕ โดยมีมูลนิธิชัยพัฒนาเป็นผู้สนับสนุน โครงการ รวมทั้งส่วนราชการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมชลประทาน กรมป่าไม้ กรมส่งเสริมสหกรณ์ ฯลฯ จะใช้พื้นที่ป่าสงวนซึ่งถูกบุกรุกทำลายจนมีสภาพเสื่อมโทรม มาดำเนินการจัดสรรให้แก่ราษฎรผู้ยากจนเข้าไปประกอบอาชีพ ซึ่งได้จัดเป็นแปลงที่ดินให้ก่อสร้างที่อยู่อาศัยครอบครัวละ ๑ ไร่ ที่ดินทำการเกษตร ครอบครัวละ ๘ ไร่
วัตถุประสงค์
๑. ฟื้นฟูสภาพแวดล้อมโดยการปลูกป่าไม้ให้กลับคืนความอุดมสมบูรณ์ และเป็นแหล่งต้นน้ำลำธาร ตามเดิม
๒. บริหารทรัพยากรอย่างเหมาะสม โดยการแบ่งแยกพื้นที่ให้เป็นสัดส่วนทั้งในด้านการอนุรักษ์ การฟื้นฟูสภาพป่า การจัดสรรที่อยู่อาศัย ที่ทำกิน และพื้นที่ส่วนกลางในการก่อสร้างสาธารณูปโภคที่จำเป็น ต่าง ๆ
๓. จัดสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐาน พร้อมทั้งจัดระเบียบชุมชนให้ราษฎรได้เข้าอยู่อาศัย ในพื้นที่ที่จัดสรรให้อย่างเหมาะสม
๔. ส่งเสริม พัฒนาอาชีพให้มีรายได้ และสภาพความเป็นอยู่ดีขึ้น ควบคู่ไปกับการบริหารทรัพยากร อย่างถูกต้องเหมาะสม รวมทั้งการอนุรักษ์และรักษาสิ่งแวดล้อม
แผนการแนะนำส่งเสริมในปีงบประมาณ ๒๕๔๐
๑. เผยแพร่ประชาสัมพันธ์อุดมการณ์ หลักการ และวิธีการสหกรณ์แก่เกษตรกรในเขตโครงการห้วยองคต อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ให้มีความรู้ความเข้าใจและสมัครเป็นสมาชิกของสหกรณ์โดยดำเนินการ ต่อเนื่องตั้งแต่เดือนธันวาคม ๒๕๓๙ ถึงเดือนกันยายน ๒๕๔๐ คาดว่าจะรับสมาชิกเพิ่มได้ ๒๐๐ คน
๒. จัดประชุมใหญ่สามัญเลือกตั้งคณะกรรมการดำเนินการชุดใหม่ดำเนินการเดือนมกราคม ๒๕๔๐
๓. จัดอบรมให้ความรู้แก่คณะกรรมการดำเนินการ ประธานกลุ่มและเลขานุการกลุ่มดำเนินการเดือน กุมภาพันธ์ ๒๕๔๐
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 26
กธก.กร.ทบ.
17/06/2011 16:29:35
ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดนราธิวาส
ในระหว่างวันที่ 18 สิงหาคม - 3 ตุลาคม 2524 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีและสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์เสด็จพระราชดำเนิน แปรประทับพระราชฐานประทับแรม ณ พระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ ทรงเยี่ยมราษฎรในหลายพื้นที่ของจังหวัดนราธิวาส ทรงทราบถึงปัญหาและความทุกข์ยากของราษฎรอันเนื่องมาจากพื้นที่ส่วนใหญ่ เป็นพื้นที่พรุสภาพดินเป็นดินเปรี้ยวจัดไม่สามารถปลูกพืชได้จึงมีพระราชดำรัสกับเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องสรุปความว่า "...ศูนย์ศึกษาการพัฒนาที่มีอยู่ในจังหวัดนราธิวาสนี้ ก็เป็นศูนย์ศึกษาที่เน้นหนักไปในทางค้นคว้าวิจัย และบริการในชีวิตความเป็นอยู่แบบที่เป็นอยู่ในภาคใต้ หนักในทางดินที่เป็นพรุ ซึ่งเป็นปัญหามากเพราะยังไม่ได้ศึกษาพอ และเกี่ยวข้องกับกรมกองหลายกรมกอง ซึ่งอาจจะยัง ไม่ปรองดองกันคือไม่เข้าใจ ก็มาวิจัยพร้อมกันที่เดียวกันก็จะได้มีความเข้าใจกันได้..." ในระหว่างวันที่ 18 สิงหาคม - 3 ตุลาคม 2524 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีและสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์เสด็จพระราชดำเนิน แปรประทับพระราชฐานประทับแรม ณ พระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ ทรงเยี่ยมราษฎรในหลายพื้นที่ของจังหวัดนราธิวาส ทรงทราบถึงปัญหาและความทุกข์ยากของราษฎรอันเนื่องมาจากพื้นที่ส่วนใหญ่ เป็นพื้นที่พรุสภาพดินเป็นดินเปรี้ยวจัดไม่สามารถปลูกพืชได้จึงมีพระราชดำรัสกับเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องสรุปความว่า "...ศูนย์ศึกษาการพัฒนาที่มีอยู่ในจังหวัดนราธิวาสนี้ ก็เป็นศูนย์ศึกษาที่เน้นหนักไปในทางค้นคว้าวิจัย และบริการในชีวิตความเป็นอยู่แบบที่เป็นอยู่ในภาคใต้ หนักในทางดินที่เป็นพรุ ซึ่งเป็นปัญหามากเพราะยังไม่ได้ศึกษาพอ และเกี่ยวข้องกับกรมกองหลายกรมกอง ซึ่งอาจจะยัง ไม่ปรองดองกันคือไม่เข้าใจ ก็มาวิจัยพร้อมกันที่เดียวกันก็จะได้มีความเข้าใจกันได้..."
สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนัก งาน กปร.) จึงมีมติอนุมัติหลักการให้จัดตั้ง "ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทอง อันเนื่องมาจาก พระราชดำริ" เมื่อวันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2525 ตั้งอยู่ระหว่างบ้านพิกุลทอง และบ้านโคกสยา ต.กะลุวอเหนือ อ.เมือง จ.นราธิวาส ถนนสาย นราธิวาส-ตากใบ ห่างจากเมืองนราธิวาส 7 กิโลเมตร มีเนื้อที่ 1,740 ไร่
ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดนราธิวาส
ในระหว่างวันที่ 18 สิงหาคม - 3 ตุลาคม 2524 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีและสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์เสด็จพระราชดำเนิน แปรประทับพระราชฐานประทับแรม ณ พระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ ทรงเยี่ยมราษฎรในหลายพื้นที่ของจังหวัดนราธิวาส ทรงทราบถึงปัญหาและความทุกข์ยากของราษฎรอันเนื่องมาจากพื้นที่ส่วนใหญ่ เป็นพื้นที่พรุสภาพดินเป็นดินเปรี้ยวจัดไม่สามารถปลูกพืชได้จึงมีพระราชดำรัสกับเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องสรุปความว่า "...ศูนย์ศึกษาการพัฒนาที่มีอยู่ในจังหวัดนราธิวาสนี้ ก็เป็นศูนย์ศึกษาที่เน้นหนักไปในทางค้นคว้าวิจัย และบริการในชีวิตความเป็นอยู่แบบที่เป็นอยู่ในภาคใต้ หนักในทางดินที่เป็นพรุ ซึ่งเป็นปัญหามากเพราะยังไม่ได้ศึกษาพอ และเกี่ยวข้องกับกรมกองหลายกรมกอง ซึ่งอาจจะยัง ไม่ปรองดองกันคือไม่เข้าใจ ก็มาวิจัยพร้อมกันที่เดียวกันก็จะได้มีความเข้าใจกันได้..." ในระหว่างวันที่ 18 สิงหาคม - 3 ตุลาคม 2524 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีและสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์เสด็จพระราชดำเนิน แปรประทับพระราชฐานประทับแรม ณ พระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ ทรงเยี่ยมราษฎรในหลายพื้นที่ของจังหวัดนราธิวาส ทรงทราบถึงปัญหาและความทุกข์ยากของราษฎรอันเนื่องมาจากพื้นที่ส่วนใหญ่ เป็นพื้นที่พรุสภาพดินเป็นดินเปรี้ยวจัดไม่สามารถปลูกพืชได้จึงมีพระราชดำรัสกับเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องสรุปความว่า "...ศูนย์ศึกษาการพัฒนาที่มีอยู่ในจังหวัดนราธิวาสนี้ ก็เป็นศูนย์ศึกษาที่เน้นหนักไปในทางค้นคว้าวิจัย และบริการในชีวิตความเป็นอยู่แบบที่เป็นอยู่ในภาคใต้ หนักในทางดินที่เป็นพรุ ซึ่งเป็นปัญหามากเพราะยังไม่ได้ศึกษาพอ และเกี่ยวข้องกับกรมกองหลายกรมกอง ซึ่งอาจจะยัง ไม่ปรองดองกันคือไม่เข้าใจ ก็มาวิจัยพร้อมกันที่เดียวกันก็จะได้มีความเข้าใจกันได้..."
สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนัก งาน กปร.) จึงมีมติอนุมัติหลักการให้จัดตั้ง "ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทอง อันเนื่องมาจาก พระราชดำริ" เมื่อวันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2525 ตั้งอยู่ระหว่างบ้านพิกุลทอง และบ้านโคกสยา ต.กะลุวอเหนือ อ.เมือง จ.นราธิวาส ถนนสาย นราธิวาส-ตากใบ ห่างจากเมืองนราธิวาส 7 กิโลเมตร มีเนื้อที่ 1,740 ไร่
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 27
กธก.กร.ทบ.
17/06/2011 16:30:13
ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดสกลนคร
จารึกประวัติศาสตร์เกี่ยวกับต้นเหตุปัญหาของศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพาน อันเนื่องมาจากพะราชดำริ จากเอกสารข้อมูลส่วนพระองค์ ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานแก่สำนักงาน กปร. (สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ) มีความตอนหนึ่งว่า
"...ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพาน อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร เดิมเป็นป่าโปร่ง คนไปตัดไม้สำหรับเป็นฟืนและใช้พื้นที่สำหรับทำการการเกษตรกรรม ป่าไม้ที่อยู่เหนือพื้นที่ถูกทำลายไปมาก จึงไม่มีน้ำในหน้าแล้ง น้ำไหลแรงในหน้าฝน ทำให้มีการชะล้าง (Erosion) หน้าดิน (Top Soil) บางลง และเกลือที่อยู่ข้างใต้จะขึ้นเป็นหย่อมๆ..."
พร้อมกันนี้ ได้พระราชทานข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาของดินบริเวณศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานฯ ว่า "เป็นดินทรายดินเค็ม ขาดน้ำ"
ต่อมาเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2525 พระราชทานพระบรมราชวโรกาส ให้หม่อมเจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ จักรพันธ์ องคมนตรี และนายสุนทร เรืองเล็ก อธิบดีกรมชลประทาน พร้อมด้วยนายเล็ก จินดาสงวน เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ณ กรมราชงครักษ์ สวนจิตรลดา ได้พระราชทานพระราชดำริเกี่ยวกับศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานฯ เป็นครั้งแรก โดยทรงให้พิจารณาวางโครงการจัดหา น้ำสนับสนุนโครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานตามพระราชดำริ จังหวัดสกลนคร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาทดลอง งานพัฒนาแบบเบ็ดเสร็จ อันได้แก่ การพัฒนาป่าไม้ การเกษตรต่างๆ ตามความเหมาะสม รวมทั้งการดำเนินงานด้านเกษตรอุตสาหกรรม สำหรับเป็นตัวอย่างให้ราษฎรนำไปปฏิบัติในพื้นที่ของตนเองได้ อันจะนำไปสู่ความสามารถในการพึ่งตนเองได้ ต่อไป และได้พระราชทานพระราชดำริ ให้กรมชลประทานพิจารณาวางโครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำตาดไฮใหญ่ ที่พิกัด 48 QUD 961-909 แผนที่มาตราส่วน 1 : 50,000 ระวาง 5843 III เพื่อจัดหาน้ำสนับสนุนศูนย์ฯ พื้นที่โครงการประมาณ 1,800 ไร่ ให้สามารถ ส่งน้ำใช้ทำการศึกษาและทดลองได้ตลอดทั้งปี
ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2526 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไดเสด็จทอดพระเนตรตรวจสภาพพื้นที่บริเวณ บ้านนานกเค้า และเสด็จพระราชดำเนินเข้าไปถึงพื้นที่บริเวณที่จะก่อสร้างอ่างเก็บน้ำตาดไฮใหญ่
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงพระราชทานพระราชดำริ ให้พิจารณานำน้ำจากอ่างเก็บน้ำตาดไฮใหญ่มาสนับสนุนพื้นที่ เกษตรกร บริเวณบ้านนานกเค้า และทรงคัดเลือกพื้นที่จัดตั้งศูนย์ ณ บริเวณบ้านนานกเค้า ตำบลห้วยยาง อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร ด้วยพระองค์เอง เพื่อเป็นพื้นที่ ตัวแทนของภูมิภาคทั้งหมด ด้วยพื้นที่นี้มีลักษณะสภาพธรรมชาติแวดล้อม และวงจรชีวภาพที่คล้ายคลึงกับภูมิภาคโดยทั่วไป ของภาคอีสาน
ดังนั้น ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพาน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จึงถือกำเนิดขึ้น เพื่อเป็นแบบจำลองของภาคตะวันออกเฉียงเหนือและเป็นพื้นที่ ส่วนย่อ ที่สอดคล้องกับการแก้ปัญหา และศึกษาวิธีการพัฒนาของภูมิภาคนี้ได้อย่างเหมาะสม
ในปี พ.ศ. 2527 ได้ดำเนินการก่อตั้งที่ทำการของศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพาน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ณ หมู่บ้านนานกเค้า ตำบลห้วยยาง อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร ตั้งอยู่เส้นรุ้งที่ 17.04 องศา ถึง 17.07 องศาเหนือและเส้นแวงที่ 104.00 องศา ถึง 104.04 องศา ตะวันออกบ้านนานกเค้า ตำบลห้วยยาง อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร 47000 โทร. 0-4274-7458-9 โทรสาร. 0-4274-7460 ถนนสาย สกลนคร - กาฬสินธุ์ ประกอบด้วยพื้นที่ 11,300 ไร่ โดยแบ่งออกเป็น 2 ส่วน 1. พื้นที่สาธิตเพื่อพัฒนาเกษตรกรรม จำนวน 2,300 ไร่ 2.พื้นที่พัฒนาป่าไม้ จำนวน 1,1000 ไร่ พื้นที่หมู่บ้านรอบศูนย์ ฯ 22 หมู่บ้าน จำนวน 11,000 ไร่
ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดสกลนคร
จารึกประวัติศาสตร์เกี่ยวกับต้นเหตุปัญหาของศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพาน อันเนื่องมาจากพะราชดำริ จากเอกสารข้อมูลส่วนพระองค์ ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานแก่สำนักงาน กปร. (สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ) มีความตอนหนึ่งว่า
"...ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพาน อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร เดิมเป็นป่าโปร่ง คนไปตัดไม้สำหรับเป็นฟืนและใช้พื้นที่สำหรับทำการการเกษตรกรรม ป่าไม้ที่อยู่เหนือพื้นที่ถูกทำลายไปมาก จึงไม่มีน้ำในหน้าแล้ง น้ำไหลแรงในหน้าฝน ทำให้มีการชะล้าง (Erosion) หน้าดิน (Top Soil) บางลง และเกลือที่อยู่ข้างใต้จะขึ้นเป็นหย่อมๆ..."
พร้อมกันนี้ ได้พระราชทานข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาของดินบริเวณศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานฯ ว่า "เป็นดินทรายดินเค็ม ขาดน้ำ"
ต่อมาเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2525 พระราชทานพระบรมราชวโรกาส ให้หม่อมเจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ จักรพันธ์ องคมนตรี และนายสุนทร เรืองเล็ก อธิบดีกรมชลประทาน พร้อมด้วยนายเล็ก จินดาสงวน เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ณ กรมราชงครักษ์ สวนจิตรลดา ได้พระราชทานพระราชดำริเกี่ยวกับศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานฯ เป็นครั้งแรก โดยทรงให้พิจารณาวางโครงการจัดหา น้ำสนับสนุนโครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานตามพระราชดำริ จังหวัดสกลนคร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาทดลอง งานพัฒนาแบบเบ็ดเสร็จ อันได้แก่ การพัฒนาป่าไม้ การเกษตรต่างๆ ตามความเหมาะสม รวมทั้งการดำเนินงานด้านเกษตรอุตสาหกรรม สำหรับเป็นตัวอย่างให้ราษฎรนำไปปฏิบัติในพื้นที่ของตนเองได้ อันจะนำไปสู่ความสามารถในการพึ่งตนเองได้ ต่อไป และได้พระราชทานพระราชดำริ ให้กรมชลประทานพิจารณาวางโครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำตาดไฮใหญ่ ที่พิกัด 48 QUD 961-909 แผนที่มาตราส่วน 1 : 50,000 ระวาง 5843 III เพื่อจัดหาน้ำสนับสนุนศูนย์ฯ พื้นที่โครงการประมาณ 1,800 ไร่ ให้สามารถ ส่งน้ำใช้ทำการศึกษาและทดลองได้ตลอดทั้งปี
ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2526 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไดเสด็จทอดพระเนตรตรวจสภาพพื้นที่บริเวณ บ้านนานกเค้า และเสด็จพระราชดำเนินเข้าไปถึงพื้นที่บริเวณที่จะก่อสร้างอ่างเก็บน้ำตาดไฮใหญ่
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงพระราชทานพระราชดำริ ให้พิจารณานำน้ำจากอ่างเก็บน้ำตาดไฮใหญ่มาสนับสนุนพื้นที่ เกษตรกร บริเวณบ้านนานกเค้า และทรงคัดเลือกพื้นที่จัดตั้งศูนย์ ณ บริเวณบ้านนานกเค้า ตำบลห้วยยาง อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร ด้วยพระองค์เอง เพื่อเป็นพื้นที่ ตัวแทนของภูมิภาคทั้งหมด ด้วยพื้นที่นี้มีลักษณะสภาพธรรมชาติแวดล้อม และวงจรชีวภาพที่คล้ายคลึงกับภูมิภาคโดยทั่วไป ของภาคอีสาน
ดังนั้น ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพาน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จึงถือกำเนิดขึ้น เพื่อเป็นแบบจำลองของภาคตะวันออกเฉียงเหนือและเป็นพื้นที่ ส่วนย่อ ที่สอดคล้องกับการแก้ปัญหา และศึกษาวิธีการพัฒนาของภูมิภาคนี้ได้อย่างเหมาะสม
ในปี พ.ศ. 2527 ได้ดำเนินการก่อตั้งที่ทำการของศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพาน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ณ หมู่บ้านนานกเค้า ตำบลห้วยยาง อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร ตั้งอยู่เส้นรุ้งที่ 17.04 องศา ถึง 17.07 องศาเหนือและเส้นแวงที่ 104.00 องศา ถึง 104.04 องศา ตะวันออกบ้านนานกเค้า ตำบลห้วยยาง อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร 47000 โทร. 0-4274-7458-9 โทรสาร. 0-4274-7460 ถนนสาย สกลนคร - กาฬสินธุ์ ประกอบด้วยพื้นที่ 11,300 ไร่ โดยแบ่งออกเป็น 2 ส่วน 1. พื้นที่สาธิตเพื่อพัฒนาเกษตรกรรม จำนวน 2,300 ไร่ 2.พื้นที่พัฒนาป่าไม้ จำนวน 1,1000 ไร่ พื้นที่หมู่บ้านรอบศูนย์ ฯ 22 หมู่บ้าน จำนวน 11,000 ไร่
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 28
รพ.ค่ายสุรศักดิ์มนตรี
24/06/2011 09:18:42
เราคงสิ้นแผ่นดินถิ่นอาศัย หากสิ้นชาติ สิ้นศาสน์ สิ้นกษัตริย์
เราคงสิ้นแผ่นดินถิ่นอาศัย หากสิ้นชาติ สิ้นศาสน์ สิ้นกษัตริย์
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 29
รพ.ค่ายสุรศักดิ์มนตรี
28/06/2011 12:08:54
ท่านให้เราอยู่ในแผ่นดินไทย และให้หลักเศรษฐกิจพอเพียง ขอให้ในหลวงหายป่วย ขอพระองค์ทรงพระเจริญ
ท่านให้เราอยู่ในแผ่นดินไทย และให้หลักเศรษฐกิจพอเพียง ขอให้ในหลวงหายป่วย ขอพระองค์ทรงพระเจริญ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 30
รพ.ค่ายสุรศักดิ์มนตรี
01/07/2011 10:33:59
ธงชาติไทยมี ๓ สี แต่ละสีมีความหมาย ช่วยไทยรักสามัคคี
ธงชาติไทยมี ๓ สี แต่ละสีมีความหมาย ช่วยไทยรักสามัคคี
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 31
รพ.ค่ายสุรศักดิ์มนตรี
04/07/2011 10:28:32
ขอให้ประเทศไทยสงบสุขเพื่อให้พ่อหลวงสบายพระทัย ขอให้พระองค์ ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน และพระอนามัยแข็งแรง
ขอให้ประเทศไทยสงบสุขเพื่อให้พ่อหลวงสบายพระทัย ขอให้พระองค์ ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน และพระอนามัยแข็งแรง
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 32
รพ.ค่ายสุรศักดิ์มนตรี
12/07/2011 09:30:53
ในหลวงจะทรงมีสิ่งของประจำพระองค์อยู่ ๓ สิ่งเสมอ คือ กล้องถ่ายรูป ดินสอที่มียางลบ และแผนที่ซึ่งทรงทำขึ้นเอง ( ตัดต่อเอง ปิดกาวเอง ) จนของสามสิ่งง่าย ๆ นี้ เป็นอุปกรณ์สำคัญที่ทำให้ความลำบากยากไร้ของชาวไทยในท้องถิ่นชนบททั่วประเทศ มีความสุขและความเท่าเทียมมากขึ้น
ในหลวงจะทรงมีสิ่งของประจำพระองค์อยู่ ๓ สิ่งเสมอ คือ กล้องถ่ายรูป ดินสอที่มียางลบ และแผนที่ซึ่งทรงทำขึ้นเอง ( ตัดต่อเอง ปิดกาวเอง ) จนของสามสิ่งง่าย ๆ นี้ เป็นอุปกรณ์สำคัญที่ทำให้ความลำบากยากไร้ของชาวไทยในท้องถิ่นชนบททั่วประเทศ มีความสุขและความเท่าเทียมมากขึ้น
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 33
m5
28/07/2011 15:49:30
ทรงเป็นทุกลมหายใจ ของปวงประชาราษฎร ขอจงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
ทรงเป็นทุกลมหายใจ ของปวงประชาราษฎร ขอจงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 34
รพ.ค่ายสุรศักดิ์มนตรี
29/07/2011 10:54:29
ขอให้ประเทศไทยสงบสุขเพื่อให้พ่อหลวงสบายพระทัย ขอให้พระองค์ ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน และพระอนามัยแข็งแรง
ขอให้ประเทศไทยสงบสุขเพื่อให้พ่อหลวงสบายพระทัย ขอให้พระองค์ ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน และพระอนามัยแข็งแรง
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 35
ป.พัน.๕ ร้อย ๒
10/08/2011 08:20:36
ขอพระองศ์ทรงพระเจริญ
ขอพระองศ์ทรงพระเจริญ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 36
กธก.กร.ทบ.
12/09/2011 17:40:35
โครงการศูนย์ศึกษาพันธุ์ไม้ป่าสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ จังหวัดราชบุรี
ความเป็นมา
ในปัจจุบันทรัพยากรป่าไม้ได้ถูกบุกรุกทำลายลงเป็นจำนวนมาก ทำให้ความสมดุลย์ทางธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม เปลี่ยนแปลงไปซึ่งส่งผลกระทบต่อพันธุ์ไม้ที่มีค่าบางชนิดที่เริ่มจะหายากและใกล้จะสูญพันธุ์
ไปอนุชนรุ่นหลังแทบจะไม่รู้จักหรือพบเห็น ความคิดริเริ่มรวบรวมชนิดพันธุ์ไม้ท้องถิ่นและพันธุ์ไม้ที่มีค่านำมา ปลูกเป็นแหล่งอนุรักษ์พันธุ์จะก่อให้เกิดผล ประโยชน์แก่ ประเทศชาติหลายประการทั้งทางตรงและทางอ้อม อันไม่สามารถประเมินมูลค่าได้โดยการจัดสร้างสวนรวมพันธุ์ไม้ ป่าเฉลิมพระเกียรติ นับเป็นโครงการหนึ่งที่มี คุณค่าเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของหน่วยงานภาครัฐและประชาชนจัดสร้างขึ้น เพื่อถวายแด่สมเด็จพระบรม ราชินีนาถ เนื่องในวโรกาสที่จะทรงมีพระชนมพรรษาครบ 60 ปี ในพุทธศักราช 2535 นี้
วัตถุประสงค์
1. เพื่อเป็นแหล่งรวบรวมพันธุ์ไม้ท้องถิ่นดั้งเดิม และมีคุณค่าทางเศรษฐกิจ รวมทั้งพันธุ์ไม้ หายาก
2. เพื่อดำรงรักษาสภาพป่าธรรมชาติในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติสำหรับเป็นแหล่งพันธุกรรมไม้ป่า
และเป็นแหล่งป้องกันสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติของประเทศไทยในระยะยาวอย่างต่อเนื่อง
3. เพื่อฟื้นฟูสภาพป่าที่ไม่เหมาะสมกับเกษตรกรรม ซึ่งมีสภาพเสื่อมโทรมให้กลับฟื้นคืนสภาพสมบูรณ์ดังเดิม
4. เพื่อป้องกันแหล่งสำหรับศึกษาวิจัย และค้นคว้าทางด้านวิชาการป่าไม้
5. เพื่อจัดเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ควบคู่ไปกับการพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดราชบุรี
6. เพื่อทำให้ราษฎรในพื้นที่โครงการมีรายได้จากการรับจ้างปลูกป่า เพื่อเป็นรายได้เสริมในครอบครัว
ที่ตั้งโครงการ ต.ตะนาวศรี อ.สวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี
หน่วยที่รับผิดชอบโครงการ สำนักวิชาการ (ส่วนวัฒนวิจัย)
ระยะเวลาดำเนินการ
ระยะที่ 1 เริ่มตั้งแต่ปี 2536 - 2540 รวม 5 ปี
ระยะที่ 2 เริ่มตั้งแต่ปี 2541 - 2545 รวม 5 ปี่
พื้นที่โครงการ ประมาณ 3,000 ไร่
โครงการศูนย์ศึกษาพันธุ์ไม้ป่าสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ จังหวัดราชบุรี
ความเป็นมา
ในปัจจุบันทรัพยากรป่าไม้ได้ถูกบุกรุกทำลายลงเป็นจำนวนมาก ทำให้ความสมดุลย์ทางธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม เปลี่ยนแปลงไปซึ่งส่งผลกระทบต่อพันธุ์ไม้ที่มีค่าบางชนิดที่เริ่มจะหายากและใกล้จะสูญพันธุ์
ไปอนุชนรุ่นหลังแทบจะไม่รู้จักหรือพบเห็น ความคิดริเริ่มรวบรวมชนิดพันธุ์ไม้ท้องถิ่นและพันธุ์ไม้ที่มีค่านำมา ปลูกเป็นแหล่งอนุรักษ์พันธุ์จะก่อให้เกิดผล ประโยชน์แก่ ประเทศชาติหลายประการทั้งทางตรงและทางอ้อม อันไม่สามารถประเมินมูลค่าได้โดยการจัดสร้างสวนรวมพันธุ์ไม้ ป่าเฉลิมพระเกียรติ นับเป็นโครงการหนึ่งที่มี คุณค่าเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของหน่วยงานภาครัฐและประชาชนจัดสร้างขึ้น เพื่อถวายแด่สมเด็จพระบรม ราชินีนาถ เนื่องในวโรกาสที่จะทรงมีพระชนมพรรษาครบ 60 ปี ในพุทธศักราช 2535 นี้
วัตถุประสงค์
1. เพื่อเป็นแหล่งรวบรวมพันธุ์ไม้ท้องถิ่นดั้งเดิม และมีคุณค่าทางเศรษฐกิจ รวมทั้งพันธุ์ไม้ หายาก
2. เพื่อดำรงรักษาสภาพป่าธรรมชาติในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติสำหรับเป็นแหล่งพันธุกรรมไม้ป่า
และเป็นแหล่งป้องกันสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติของประเทศไทยในระยะยาวอย่างต่อเนื่อง
3. เพื่อฟื้นฟูสภาพป่าที่ไม่เหมาะสมกับเกษตรกรรม ซึ่งมีสภาพเสื่อมโทรมให้กลับฟื้นคืนสภาพสมบูรณ์ดังเดิม
4. เพื่อป้องกันแหล่งสำหรับศึกษาวิจัย และค้นคว้าทางด้านวิชาการป่าไม้
5. เพื่อจัดเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ควบคู่ไปกับการพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดราชบุรี
6. เพื่อทำให้ราษฎรในพื้นที่โครงการมีรายได้จากการรับจ้างปลูกป่า เพื่อเป็นรายได้เสริมในครอบครัว
ที่ตั้งโครงการ ต.ตะนาวศรี อ.สวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี
หน่วยที่รับผิดชอบโครงการ สำนักวิชาการ (ส่วนวัฒนวิจัย)
ระยะเวลาดำเนินการ
ระยะที่ 1 เริ่มตั้งแต่ปี 2536 - 2540 รวม 5 ปี
ระยะที่ 2 เริ่มตั้งแต่ปี 2541 - 2545 รวม 5 ปี่
พื้นที่โครงการ ประมาณ 3,000 ไร่
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 37
กธก.กร.ทบ.
12/09/2011 17:41:04
โครงการอุทยานเฉลิมพระเกียรติไทยประจัน จังหวัดราชบุรี
ความเป็นมา
ในปัจจุบันทรัพยากรป่าไม้ได้ถูกบุกรุกตัดไม้ทำลายป่าเป็นจำนวนมาก เกิดการเปลี่ยนแปลงของ สภาพสิ่งแวดล้อม และความสมดุลย์ของธรรมชาติส่งผลกระทบต่อมวลมนุษย์ทั้งทางตรงและทางอ้อมพันธุ์ ไม้และสัตว์ ป่าบางชนิดเริ่มหายากหรือใกล้สูญพันธุ์แหล่งต้นน้ำลำธารด้อยคุณภาพราษฎรที่อยู่อาศัยในพื้นที่ ราบขาดแคลนน้ำอุปโภคไม่สามารถประกอบอาชีพเกษตรกรรม
วัตถุประสงค์
1.เพื่อจัดสร้างเป็นอุทยานพิเศษเฉลิมฉลองแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในวโรกาสเจริญพรรษา 5 รอบ
2. เพื่อป้องกันทรัพยากรธรรมชาติด้านป่าไม้และสัตว์ป่า รวมทั้งแหล่งต้นน้ำลำธารในพื้นที่ป่า 215,996 ไร่
3. เพื่อเป็นแหล่งศึกษาวิจัย และเป็นแหล่งท่องเที่ยวเพื่อการนันทนาการของประชาชนในพื้นที่ และบริเวณใกล้เคียง
4. เพื่อฟื้นฟูสภาพป่าในบริเวณที่ถูกบุกรุก และบำรุงป่าธรรมชาติเสื่อมโทรมให้กลับฟื้นคืนสภาพ เดิม
5. เพื่อให้ราษฎรในท้องถิ่นมีรายได้จากการรับจ้างของโครงการ ไม่อพยพหรือบุกรุกป่าสงวนอีก ต่อไปพร้อมทั้งพัฒนาอาชีพ ของราษฎรที่ร่วมโครงการให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น
ที่ตั้งโครงการ บริเวณพื้นที่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชีท้องที่ตำบลยางหัก อำเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรี
หน่วยที่รับผิดชอบโครงการ สำนักงานป่าไม้จังหวัดราชบุรี
ระยะเวลาดำเนินการ
ระยะที่ 1 เริ่มตั้งแต่ปี 2536 - 2540 รวม 5 ปี
ระยะที่ 2 เริ่มตั้งแต่ปี 2541 - 2545 รวม 5 ปี
พื้นที่โครงการ ประมาณ 215,996 ไร่
โครงการอุทยานเฉลิมพระเกียรติไทยประจัน จังหวัดราชบุรี
ความเป็นมา
ในปัจจุบันทรัพยากรป่าไม้ได้ถูกบุกรุกตัดไม้ทำลายป่าเป็นจำนวนมาก เกิดการเปลี่ยนแปลงของ สภาพสิ่งแวดล้อม และความสมดุลย์ของธรรมชาติส่งผลกระทบต่อมวลมนุษย์ทั้งทางตรงและทางอ้อมพันธุ์ ไม้และสัตว์ ป่าบางชนิดเริ่มหายากหรือใกล้สูญพันธุ์แหล่งต้นน้ำลำธารด้อยคุณภาพราษฎรที่อยู่อาศัยในพื้นที่ ราบขาดแคลนน้ำอุปโภคไม่สามารถประกอบอาชีพเกษตรกรรม
วัตถุประสงค์
1.เพื่อจัดสร้างเป็นอุทยานพิเศษเฉลิมฉลองแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในวโรกาสเจริญพรรษา 5 รอบ
2. เพื่อป้องกันทรัพยากรธรรมชาติด้านป่าไม้และสัตว์ป่า รวมทั้งแหล่งต้นน้ำลำธารในพื้นที่ป่า 215,996 ไร่
3. เพื่อเป็นแหล่งศึกษาวิจัย และเป็นแหล่งท่องเที่ยวเพื่อการนันทนาการของประชาชนในพื้นที่ และบริเวณใกล้เคียง
4. เพื่อฟื้นฟูสภาพป่าในบริเวณที่ถูกบุกรุก และบำรุงป่าธรรมชาติเสื่อมโทรมให้กลับฟื้นคืนสภาพ เดิม
5. เพื่อให้ราษฎรในท้องถิ่นมีรายได้จากการรับจ้างของโครงการ ไม่อพยพหรือบุกรุกป่าสงวนอีก ต่อไปพร้อมทั้งพัฒนาอาชีพ ของราษฎรที่ร่วมโครงการให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น
ที่ตั้งโครงการ บริเวณพื้นที่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชีท้องที่ตำบลยางหัก อำเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรี
หน่วยที่รับผิดชอบโครงการ สำนักงานป่าไม้จังหวัดราชบุรี
ระยะเวลาดำเนินการ
ระยะที่ 1 เริ่มตั้งแต่ปี 2536 - 2540 รวม 5 ปี
ระยะที่ 2 เริ่มตั้งแต่ปี 2541 - 2545 รวม 5 ปี
พื้นที่โครงการ ประมาณ 215,996 ไร่
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 38
รพ.ค่ายสุรศักดิ์มนตรี
20/09/2011 10:26:33
เรารักในหลวง ขอพระองค์ทรงพระเจริญ
เรารักในหลวง ขอพระองค์ทรงพระเจริญ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 39
กธก.กร.ทบ.
20/09/2011 16:46:51
เชื้อเพลิงอัดแท่ง (แกลบอัดแท่ง)
ในปี พ.ศ.๒๕๑๘ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำริให้นำแกลบที่ได้จากการสีข้าวของโรงสีข้าวตัวอย่างจากสวนจิตรลดา มาใช้ประโยชน์ในการปรับปรุงดิน และนำมาทำเป็นเชื้อเพลิงแท่ง จึงมีการจัดสร้างโรงบดแกลบขึ้นภายในโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา การดำเนินงานในขั้นแรกเป็นการนำแกลบผสมปูนมาร์ลและปุ๋ยเคมี เพื่อใช้ในการปรับปรุงดิน ต่อมาในปี พ.ศ.๒๕๒๓ โครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดาจัดซื้อเครื่องอัดแกลบให้เป็นแท่ง เพื่อนใช้แทนเชื้อเพลิงชนิดอื่น รวมทั้งจำหน่ายแก่บุคคลภายนอกโครงการแกลบอัดแท่งยังคงมีการทดลองและพัฒนาขั้นตอนการผลิตตามพระราชดำริอยู่ตลอดเวลา อย่างเช่นในปี พ.ศ.๒๕๒๘ มีพระราชดำริให้ทดลองอัดแกลบผสมผักตบชวา เพื่อทดลองนำผักตบชวาที่เป็นวัชพืชตามแหล่งน้ำมาทำเป็นเชื้อเพลิงแท่ง ปี พ.ศ.๒๕๒๙ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานคำแนะนำให้ติดตั้งเตากำเนิดความร้อนแทนขดลวดความร้อนที่เครื่องอัดแกลบ เพื่อนเป็นการประหยัดกระแสไฟฟ้า หลังจากนั้น เนื่องจากแกลบที่อัดแล้วไม่สามารถรักษาสภาพให้เป็นแท่ง เมื่อถูกน้ำหรือน้ำฝนจะแปรสภาพเป็นแกลบเหมือนเดิม จึงนำแกลบที่อัดแล้วไปเผาให้เป็นถ่าน ซึ่งช่วยให้สะดวกขึ้น เพราะไม่มีควันและได้ความร้อนสูงกว่าแกลบอัดแท่งที่ไม่ได้เผาเป็นถ่าน แกลบอัดแท่ง และถ่านที่ผลิตได้ นำไปจำหน่ายให้กับโครงการอื่น ๆ ภายในโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา เช่น ในระยะแรกของโรงงานแอลกอฮอล์ก็ใช้แกลบอัดแท่งเป็นเชื้อเพลิงเช่นกันนอกจากนั้นยังจำหน่ายแก่บุคคลภายนอก รวมทั้งเคยส่งไปให้ผู้อพยพในค่ายผู้ประสบภัยของสหประชาชาติด้วย จากการที่โครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดาจัดตั้งโรงสีข้าวตัวอย่างขึ้นในปี พ.ศ.๒๕๑๔ และต่อมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำริให้นำแกลบที่ได้จากการสีข้าวไปผลิตแกลบอัดแท่ง เพื่อนำไปเป็นเชื้อเพลิง แต่ยังมีแกลบเหลือเป็นจำนวนมาก ในปี พ.ศ.๒๕๔๕-๒๕๔๘ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ศึกษาและพัฒนานำแกลบที่มีคุณสมบัติเป็นเชื้อเพลิงชีวมวลมาทำประโยชน์ในภาพพลังงานความร้อนและนำไปใช้เป็นแหล่งพลังงานให้กับเครื่องทำความเย็นแบบดูดซึมชนิดใช้น้ำร้อน (Hot Water Fired Absorption Chiller) ผลิตน้ำเย็นสำหรับอาคารควบคุมสภาวะแวดล้อมเพื่อการเพาะเห็ดเขตหนาว และใช้กับเครื่องปรับอากาศให้กับอาคารวิจัยเห็ด อาคารวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ รวมทั้งศาลามหามงคลภายในโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา เพื่อเป็นโครงการตัวอย่างให้แก่ผู้ที่สนใจนำไปประยุกต์ใช้ต่อไป
เชื้อเพลิงอัดแท่ง (แกลบอัดแท่ง)
ในปี พ.ศ.๒๕๑๘ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำริให้นำแกลบที่ได้จากการสีข้าวของโรงสีข้าวตัวอย่างจากสวนจิตรลดา มาใช้ประโยชน์ในการปรับปรุงดิน และนำมาทำเป็นเชื้อเพลิงแท่ง จึงมีการจัดสร้างโรงบดแกลบขึ้นภายในโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา การดำเนินงานในขั้นแรกเป็นการนำแกลบผสมปูนมาร์ลและปุ๋ยเคมี เพื่อใช้ในการปรับปรุงดิน ต่อมาในปี พ.ศ.๒๕๒๓ โครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดาจัดซื้อเครื่องอัดแกลบให้เป็นแท่ง เพื่อนใช้แทนเชื้อเพลิงชนิดอื่น รวมทั้งจำหน่ายแก่บุคคลภายนอกโครงการแกลบอัดแท่งยังคงมีการทดลองและพัฒนาขั้นตอนการผลิตตามพระราชดำริอยู่ตลอดเวลา อย่างเช่นในปี พ.ศ.๒๕๒๘ มีพระราชดำริให้ทดลองอัดแกลบผสมผักตบชวา เพื่อทดลองนำผักตบชวาที่เป็นวัชพืชตามแหล่งน้ำมาทำเป็นเชื้อเพลิงแท่ง ปี พ.ศ.๒๕๒๙ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานคำแนะนำให้ติดตั้งเตากำเนิดความร้อนแทนขดลวดความร้อนที่เครื่องอัดแกลบ เพื่อนเป็นการประหยัดกระแสไฟฟ้า หลังจากนั้น เนื่องจากแกลบที่อัดแล้วไม่สามารถรักษาสภาพให้เป็นแท่ง เมื่อถูกน้ำหรือน้ำฝนจะแปรสภาพเป็นแกลบเหมือนเดิม จึงนำแกลบที่อัดแล้วไปเผาให้เป็นถ่าน ซึ่งช่วยให้สะดวกขึ้น เพราะไม่มีควันและได้ความร้อนสูงกว่าแกลบอัดแท่งที่ไม่ได้เผาเป็นถ่าน แกลบอัดแท่ง และถ่านที่ผลิตได้ นำไปจำหน่ายให้กับโครงการอื่น ๆ ภายในโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา เช่น ในระยะแรกของโรงงานแอลกอฮอล์ก็ใช้แกลบอัดแท่งเป็นเชื้อเพลิงเช่นกันนอกจากนั้นยังจำหน่ายแก่บุคคลภายนอก รวมทั้งเคยส่งไปให้ผู้อพยพในค่ายผู้ประสบภัยของสหประชาชาติด้วย จากการที่โครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดาจัดตั้งโรงสีข้าวตัวอย่างขึ้นในปี พ.ศ.๒๕๑๔ และต่อมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำริให้นำแกลบที่ได้จากการสีข้าวไปผลิตแกลบอัดแท่ง เพื่อนำไปเป็นเชื้อเพลิง แต่ยังมีแกลบเหลือเป็นจำนวนมาก ในปี พ.ศ.๒๕๔๕-๒๕๔๘ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ศึกษาและพัฒนานำแกลบที่มีคุณสมบัติเป็นเชื้อเพลิงชีวมวลมาทำประโยชน์ในภาพพลังงานความร้อนและนำไปใช้เป็นแหล่งพลังงานให้กับเครื่องทำความเย็นแบบดูดซึมชนิดใช้น้ำร้อน (Hot Water Fired Absorption Chiller) ผลิตน้ำเย็นสำหรับอาคารควบคุมสภาวะแวดล้อมเพื่อการเพาะเห็ดเขตหนาว และใช้กับเครื่องปรับอากาศให้กับอาคารวิจัยเห็ด อาคารวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ รวมทั้งศาลามหามงคลภายในโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา เพื่อเป็นโครงการตัวอย่างให้แก่ผู้ที่สนใจนำไปประยุกต์ใช้ต่อไป
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 40
กธก.กร.ทบ.
20/09/2011 16:47:42
ระบบผลิตน้ำเย็นโดยใช้พลังงานความร้อนจากแกลบ
ระบบผลิตน้ำเย็นโดยใช้พลังงานความร้อนจากแกลบที่มีในโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา มีขั้นตอนดังนี้
1. เตาเผาแกลบแบบไซโคลนคู่ (Double Cyclonic Furnace)
เตาเผาแกลบนี้ทำหน้าที่เปลี่ยนเชื้อเพลิงชีวมวลให้เป็นพลังงานความร้อน ด้วยการเผาแกลบเพื่อให้ได้ก๊าซความร้อน ด้วยการเผาแกลบเพื่อให้ได้ก๊าซความร้อน โดยอาศัยการหมุนของกระแสอากาศและแกลบภายในเตาที่ออกแบบให้มีลักษณะเป็นไซโคลน ประกอบด้วย ห้องเผาไหม้ ๒ ห้อง คือ ห้องเผาไหม้หลัก ทำหน้าที่เผาแกลบในช่วงแรก และห้องเผาไหม้รอง ทำหน้าที่เผาก๊าซที่เกิดจากการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์จากห้องเผาไหม้หลักซึ่งเป็นก๊าซพิษ ดังนั้นจึงทำให้ได้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และก๊าซร้อนอุณหภูมิประมาณ ๓๐๐ องศาเซลเซียสที่ปราศจากกลิ่นและควัน เป็นแหล่งความร้อนให้กับเครื่องกำเนิดน้ำร้อน (Hot Water Generator)
2. เครื่องกำเนิดน้ำร้อน (Hot Water Generator)
เป็นอุปกรณ์แลกเปลี่ยนความร้อนจากก๊าซร้อนให้กับน้ำที่ต้องการเพิ่มอุณหภูมิเป็นน้ำร้อน สำหรับเป็นแหล่งพลังงานของเครื่องทำน้ำเย็นแบบดูดซึม โดยน้ำหมุนเวียนรับความร้อนจากก๊าซร้อนจากก๊าซร้อนนำไปถ่ายเทให้กับเครื่องทำน้ำเย็นแบบดูดซึม
3. เครื่องทำน้ำเย็นแบบดูดซึม (Vapors Absorption Chiller)
เป็นเครื่องทำน้ำเย็นที่อาศัยวัฏจักรทำงานแบบดูดซึมทำหน้าที่ผลิตน้ำเย็นอุณหภูมิ ๗ องศาเซลเซียส สำหรับจ่ายให้อาคารควบคุมสภาวะแวดล้อม อาคารสำนักงานและศาลามหามงคล ระบบทำน้ำเย็นแบบนี้ นอกจากจะประหยัดพลังงานแล้ว ยังเป็นระบบที่เงียบ การบำรุงรักษาน้อย และไม่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ระบบผลิตน้ำเย็นโดยใช้พลังงานความร้อนจากแกลบ
ระบบผลิตน้ำเย็นโดยใช้พลังงานความร้อนจากแกลบที่มีในโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา มีขั้นตอนดังนี้
1. เตาเผาแกลบแบบไซโคลนคู่ (Double Cyclonic Furnace)
เตาเผาแกลบนี้ทำหน้าที่เปลี่ยนเชื้อเพลิงชีวมวลให้เป็นพลังงานความร้อน ด้วยการเผาแกลบเพื่อให้ได้ก๊าซความร้อน ด้วยการเผาแกลบเพื่อให้ได้ก๊าซความร้อน โดยอาศัยการหมุนของกระแสอากาศและแกลบภายในเตาที่ออกแบบให้มีลักษณะเป็นไซโคลน ประกอบด้วย ห้องเผาไหม้ ๒ ห้อง คือ ห้องเผาไหม้หลัก ทำหน้าที่เผาแกลบในช่วงแรก และห้องเผาไหม้รอง ทำหน้าที่เผาก๊าซที่เกิดจากการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์จากห้องเผาไหม้หลักซึ่งเป็นก๊าซพิษ ดังนั้นจึงทำให้ได้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และก๊าซร้อนอุณหภูมิประมาณ ๓๐๐ องศาเซลเซียสที่ปราศจากกลิ่นและควัน เป็นแหล่งความร้อนให้กับเครื่องกำเนิดน้ำร้อน (Hot Water Generator)
2. เครื่องกำเนิดน้ำร้อน (Hot Water Generator)
เป็นอุปกรณ์แลกเปลี่ยนความร้อนจากก๊าซร้อนให้กับน้ำที่ต้องการเพิ่มอุณหภูมิเป็นน้ำร้อน สำหรับเป็นแหล่งพลังงานของเครื่องทำน้ำเย็นแบบดูดซึม โดยน้ำหมุนเวียนรับความร้อนจากก๊าซร้อนจากก๊าซร้อนนำไปถ่ายเทให้กับเครื่องทำน้ำเย็นแบบดูดซึม
3. เครื่องทำน้ำเย็นแบบดูดซึม (Vapors Absorption Chiller)
เป็นเครื่องทำน้ำเย็นที่อาศัยวัฏจักรทำงานแบบดูดซึมทำหน้าที่ผลิตน้ำเย็นอุณหภูมิ ๗ องศาเซลเซียส สำหรับจ่ายให้อาคารควบคุมสภาวะแวดล้อม อาคารสำนักงานและศาลามหามงคล ระบบทำน้ำเย็นแบบนี้ นอกจากจะประหยัดพลังงานแล้ว ยังเป็นระบบที่เงียบ การบำรุงรักษาน้อย และไม่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 41
กธก.กร.ทบ.
20/09/2011 16:48:18
พลังงานแสงอาทิตย์
ภายในโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากแนวพระราชดำริโครงการหลวง ฯลฯ มีการนำพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้หลากหลายรูปแบบ โดยพิจารณา ถึงความเหมาะสมกับการใช้งานเป็นสำคัญ และเป็นการพัฒนาคิดค้นเทคโนโลยีที่สามารถผลิตเองได้ภายในประเทศ ซึ่งนอกจากเป็นการนำพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้ในการดำเนินการภายในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริต่าง ๆ แล้ว ยังเป็นตัวอย่างและแหล่งความรู้แก่ประชาชนที่สนใจนำพลังงานแสงอาทิตย์ไปใช้ประโยชน์ภายในครัวเรือนหรือกระกอบธุรกิจของตนเองอีกด้วย พลังงานแสงอาทิตย์ที่นำมาใช้เป็นพลังงานทดแทนแบ่งออกเป็นสองรูปแบบ คือ การใช้พลังงานแสงอาทิตย์เพื่อผลิตความร้อนและการใช้พลังงานแสงอาทิตย์เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า
1. การใช้พลังงานแสงอาทิตย์เพื่อผลิตความร้อน
การใช้พลังงานแสงอาทิตย์เพื่อผลิตน้ำร้อน แบ่งออกเป็น
• การผลิตน้ำร้อนชนิดไหลเวียนตามธรรมชาติ เป็นการผลิตน้ำร้อนชนิดที่มีถังเก็บอยู่สูงกว่าแผงรับแสงอาทิตย์ใช้หลักการหมุนเวียนตามธรรมชาติ
• การผลิตน้ำร้อนชนิดใช้ปั๊มน้ำหมุนเวียน เหมาะสำหรับการใช้ผลิตน้ำร้อนจำนวนมาก และมีการใช้อย่างต่อเนื่อง
• การผลิตน้ำร้อนชนิดผสมผสาน เป็นการนำเทคโนโลยีการผลิตน้ำร้อนจากแสงอาทิตย์มาผสมผสานกับความร้อนเหลือทิ้งจากการระบายความร้อนของเครื่องทำความเย็น หรือเครื่องปรับอากาศ โดยผ่านอุปกรณ์แลกเปลี่ยนความร้อน
การใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในระบบอบแห้ง แบ่งเป็น
• การอบแห้งระบบ Passive เป็นระบบที่เครื่องอบแห้งทำงานโดยอาศัยพลังงานแสงอาทิตย์และกระแสลมที่พัดผ่าน
• การอบแห้งระบบ Active เป็นระบบอบแห้งที่มีเครื่องช่วยให้อากาศไหลเวียนในทิศทางที่ต้องการ เช่น มีพัดลมติดตั้งในระบบเพื่อบังคับให้มีการไหลของอากาศผ่านระบบ
• การอบแห้งระบบ Hybrid เป็นระบบอบแห้งที่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ และยังต้องอาศัยพลังงานในภาพแบบอื่น ๆ ช่วยในเวลาที่มีแสงอาทิตย์ไม่สม่ำเสมอ หรือต้องการให้ผลิตผลทางการเกษตรแห้งเร็วขึ้น
2. การใช้พลังงานแสงอาทิตย์เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า - แบ่งออกเป็น ๓ ระบบ คือ
• เซลล์แสงอาทิตย์แบบอิสระ (PV Stand Alone System) เป็นระบบผลิตไฟฟ้าที่ได้รับการออกแบบสำหรับใช้งานในพื้นที่ชนบทที่ไม่มีระบบสายส่งไฟฟ้า อุปกรณ์ระบบที่สำคัญประกอบด้วยแผงเซลล์แสงอาทิตย์ อุปกรณ์ควบคุมการประจุแบตเตอรี่ แบตเตอรี่ และอุปกรณ์เปลี่ยนระบบไฟฟ้ากระแสตรงเป็นไฟฟ้ากระแสสลับแบบอิสระ
• เซลล์แสงอาทิตย์แบบต่อกับระบบจำหน่าย (PV Grid connected System) เป็นระบบผลิตไฟฟ้าที่ถูกออกแบบสำหรับผลิตไฟฟ้าผ่านอุปกรณ์เปลี่ยนระบบไฟฟ้ากระแสตรงเป็นไฟฟ้ากระแสสลับเข้าสู่ระบบสายส่งไฟฟ้าโดยตรง ใช้ผลิตไฟฟ้าในเขตเมือง หรือพื้นที่ที่มีระบบจำหน่ายไฟฟ้าเข้าถึง อุปกรณ์ระบบที่สำคัญประกอบด้วยแผงเซลล์แสงอาทิตย์ อุปกรณ์เปลี่ยนระบบไฟฟ้ากระแสตรงเป็นไฟฟ้ากระแสสลับชนิดต่อกับระบบจำหน่ายไฟฟ้า
• เซลล์แสงอาทิตย์แบบผสมผสาน (PV Hybrid System) เป็นระบบผลิตไฟฟ้าที่ถูกออกแบบสำหรับทำงานร่วมกับอุปกรณ์ผลิตไฟฟ้าอื่น ๆ เช่น ระบบเซลล์แสงอาทิตย์กับพลังงานลมและเครื่องยนต์ดีเซล ระบบเซลล์แสงอาทิตย์กับพลังงานลมและไฟฟ้าพลังน้ำ เป็นต้น
โดยภาพระบบจะขึ้นอยู่กับการออกแบบตามวัตถุประสงค์โครงการเป็นกรณีเฉพาะ หน่วยงานต่าง ๆ ของกระทรวงพลังงานสนองแนวพระราชดำริด้วยการติดตั้งระบบเซลล์แสงอาทิตย์ ผลิตกระแสไฟฟ้าในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เช่น ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริในภูมิภาคต่าง ๆ โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ โครงการฟาร์มตัวอย่างบ้านพุระกำ จังหวัดราชบุรี โครงการศูนย์ศิลปาชีพเกาะเกิด จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สถานีพัฒนาการเกษตรที่สูง จังหวัดเชียงใหม่ และโรงเรียนจิตรลดา เป็นต้น
พลังงานแสงอาทิตย์
ภายในโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากแนวพระราชดำริโครงการหลวง ฯลฯ มีการนำพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้หลากหลายรูปแบบ โดยพิจารณา ถึงความเหมาะสมกับการใช้งานเป็นสำคัญ และเป็นการพัฒนาคิดค้นเทคโนโลยีที่สามารถผลิตเองได้ภายในประเทศ ซึ่งนอกจากเป็นการนำพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้ในการดำเนินการภายในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริต่าง ๆ แล้ว ยังเป็นตัวอย่างและแหล่งความรู้แก่ประชาชนที่สนใจนำพลังงานแสงอาทิตย์ไปใช้ประโยชน์ภายในครัวเรือนหรือกระกอบธุรกิจของตนเองอีกด้วย พลังงานแสงอาทิตย์ที่นำมาใช้เป็นพลังงานทดแทนแบ่งออกเป็นสองรูปแบบ คือ การใช้พลังงานแสงอาทิตย์เพื่อผลิตความร้อนและการใช้พลังงานแสงอาทิตย์เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า
1. การใช้พลังงานแสงอาทิตย์เพื่อผลิตความร้อน
การใช้พลังงานแสงอาทิตย์เพื่อผลิตน้ำร้อน แบ่งออกเป็น
• การผลิตน้ำร้อนชนิดไหลเวียนตามธรรมชาติ เป็นการผลิตน้ำร้อนชนิดที่มีถังเก็บอยู่สูงกว่าแผงรับแสงอาทิตย์ใช้หลักการหมุนเวียนตามธรรมชาติ
• การผลิตน้ำร้อนชนิดใช้ปั๊มน้ำหมุนเวียน เหมาะสำหรับการใช้ผลิตน้ำร้อนจำนวนมาก และมีการใช้อย่างต่อเนื่อง
• การผลิตน้ำร้อนชนิดผสมผสาน เป็นการนำเทคโนโลยีการผลิตน้ำร้อนจากแสงอาทิตย์มาผสมผสานกับความร้อนเหลือทิ้งจากการระบายความร้อนของเครื่องทำความเย็น หรือเครื่องปรับอากาศ โดยผ่านอุปกรณ์แลกเปลี่ยนความร้อน
การใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในระบบอบแห้ง แบ่งเป็น
• การอบแห้งระบบ Passive เป็นระบบที่เครื่องอบแห้งทำงานโดยอาศัยพลังงานแสงอาทิตย์และกระแสลมที่พัดผ่าน
• การอบแห้งระบบ Active เป็นระบบอบแห้งที่มีเครื่องช่วยให้อากาศไหลเวียนในทิศทางที่ต้องการ เช่น มีพัดลมติดตั้งในระบบเพื่อบังคับให้มีการไหลของอากาศผ่านระบบ
• การอบแห้งระบบ Hybrid เป็นระบบอบแห้งที่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ และยังต้องอาศัยพลังงานในภาพแบบอื่น ๆ ช่วยในเวลาที่มีแสงอาทิตย์ไม่สม่ำเสมอ หรือต้องการให้ผลิตผลทางการเกษตรแห้งเร็วขึ้น
2. การใช้พลังงานแสงอาทิตย์เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า - แบ่งออกเป็น ๓ ระบบ คือ
• เซลล์แสงอาทิตย์แบบอิสระ (PV Stand Alone System) เป็นระบบผลิตไฟฟ้าที่ได้รับการออกแบบสำหรับใช้งานในพื้นที่ชนบทที่ไม่มีระบบสายส่งไฟฟ้า อุปกรณ์ระบบที่สำคัญประกอบด้วยแผงเซลล์แสงอาทิตย์ อุปกรณ์ควบคุมการประจุแบตเตอรี่ แบตเตอรี่ และอุปกรณ์เปลี่ยนระบบไฟฟ้ากระแสตรงเป็นไฟฟ้ากระแสสลับแบบอิสระ
• เซลล์แสงอาทิตย์แบบต่อกับระบบจำหน่าย (PV Grid connected System) เป็นระบบผลิตไฟฟ้าที่ถูกออกแบบสำหรับผลิตไฟฟ้าผ่านอุปกรณ์เปลี่ยนระบบไฟฟ้ากระแสตรงเป็นไฟฟ้ากระแสสลับเข้าสู่ระบบสายส่งไฟฟ้าโดยตรง ใช้ผลิตไฟฟ้าในเขตเมือง หรือพื้นที่ที่มีระบบจำหน่ายไฟฟ้าเข้าถึง อุปกรณ์ระบบที่สำคัญประกอบด้วยแผงเซลล์แสงอาทิตย์ อุปกรณ์เปลี่ยนระบบไฟฟ้ากระแสตรงเป็นไฟฟ้ากระแสสลับชนิดต่อกับระบบจำหน่ายไฟฟ้า
• เซลล์แสงอาทิตย์แบบผสมผสาน (PV Hybrid System) เป็นระบบผลิตไฟฟ้าที่ถูกออกแบบสำหรับทำงานร่วมกับอุปกรณ์ผลิตไฟฟ้าอื่น ๆ เช่น ระบบเซลล์แสงอาทิตย์กับพลังงานลมและเครื่องยนต์ดีเซล ระบบเซลล์แสงอาทิตย์กับพลังงานลมและไฟฟ้าพลังน้ำ เป็นต้น
โดยภาพระบบจะขึ้นอยู่กับการออกแบบตามวัตถุประสงค์โครงการเป็นกรณีเฉพาะ หน่วยงานต่าง ๆ ของกระทรวงพลังงานสนองแนวพระราชดำริด้วยการติดตั้งระบบเซลล์แสงอาทิตย์ ผลิตกระแสไฟฟ้าในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เช่น ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริในภูมิภาคต่าง ๆ โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ โครงการฟาร์มตัวอย่างบ้านพุระกำ จังหวัดราชบุรี โครงการศูนย์ศิลปาชีพเกาะเกิด จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สถานีพัฒนาการเกษตรที่สูง จังหวัดเชียงใหม่ และโรงเรียนจิตรลดา เป็นต้น
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 42
กธก.กร.ทบ.
20/09/2011 16:49:12
พลังงานลม
โครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดามีการใช้พลังงานลมมานานกว่ายี่สิบปี โดยใช้ในการวิดน้ำเพื่อถ่ายเทน้ำของบ่อเลี้ยงปลานิล
คุณสิริพร ไศละสูต อดีตอธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน เล่าถึงการนำพลังงานลมมาใช้ตามแนวพระราชดำริว่า "แนวพระราชดำริเรื่องการใช้พลังงานลมส่วนใหญ่เป็นเรื่องการสูบน้ำ อย่างเช่น ปราณบุรี มีภูเขาที่แห้งแล้ง เพราะคนตัดไม้ทำลายป่า พระองค์ท่านทรงมีพระราชดำริให้ปลูกป่าด้วยการใช้พลังงานลมมาใช้ในการสูบน้ำขึ้นไปบนภูเขา เพื่อให้ดินมีความชุ่มชื้น สร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะแก่การเจริญเติบโตของต้นไม้ กรมสนองพระราชดำริด้วยการนำกังหันลมไปติดไว้บนยอดเขา เมื่อกังหันหมุนก็จะทำให้เครื่องสูบน้ำทำงาน ดึงน้ำขึ้นไปให้ความชุ่มชื้นแก่ดิน ต้นไม้ก็เจริญเติบโตได้คนที่ผ่านไปแถวนั้นจะเห็นกังหันเรียงกันอยู่ วันนี้กรมมีเสาวัดลมความเร็วสูงประมาณสี่สิบเมตร แต่มีโครงการที่สร้างกังหันลมพร้อมกับการวัดลมที่ความสูงประมาณเจ็ดสิบเมตรถึงเก้าสิบเมตร เครื่องวัดลมนี้จะช่วยในการหาข้อมูลเกี่ยวกับความเร็วลมด้วย"
การพัฒนาพลังงานลมเริ่มต้นขึ้นแล้วในประเทศไทย โดยมีแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นแนวทางให้ผู้ปฏิบัติงานนำไปศึกษาพัฒนาและสามารถนำมาใช้งานได้อย่างเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมและทรัพยากรของประเทศไทย
พลังงานลม
โครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดามีการใช้พลังงานลมมานานกว่ายี่สิบปี โดยใช้ในการวิดน้ำเพื่อถ่ายเทน้ำของบ่อเลี้ยงปลานิล
คุณสิริพร ไศละสูต อดีตอธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน เล่าถึงการนำพลังงานลมมาใช้ตามแนวพระราชดำริว่า "แนวพระราชดำริเรื่องการใช้พลังงานลมส่วนใหญ่เป็นเรื่องการสูบน้ำ อย่างเช่น ปราณบุรี มีภูเขาที่แห้งแล้ง เพราะคนตัดไม้ทำลายป่า พระองค์ท่านทรงมีพระราชดำริให้ปลูกป่าด้วยการใช้พลังงานลมมาใช้ในการสูบน้ำขึ้นไปบนภูเขา เพื่อให้ดินมีความชุ่มชื้น สร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะแก่การเจริญเติบโตของต้นไม้ กรมสนองพระราชดำริด้วยการนำกังหันลมไปติดไว้บนยอดเขา เมื่อกังหันหมุนก็จะทำให้เครื่องสูบน้ำทำงาน ดึงน้ำขึ้นไปให้ความชุ่มชื้นแก่ดิน ต้นไม้ก็เจริญเติบโตได้คนที่ผ่านไปแถวนั้นจะเห็นกังหันเรียงกันอยู่ วันนี้กรมมีเสาวัดลมความเร็วสูงประมาณสี่สิบเมตร แต่มีโครงการที่สร้างกังหันลมพร้อมกับการวัดลมที่ความสูงประมาณเจ็ดสิบเมตรถึงเก้าสิบเมตร เครื่องวัดลมนี้จะช่วยในการหาข้อมูลเกี่ยวกับความเร็วลมด้วย"
การพัฒนาพลังงานลมเริ่มต้นขึ้นแล้วในประเทศไทย โดยมีแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นแนวทางให้ผู้ปฏิบัติงานนำไปศึกษาพัฒนาและสามารถนำมาใช้งานได้อย่างเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมและทรัพยากรของประเทศไทย
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 43
กธก.กร.ทบ.
20/09/2011 16:49:51
เทคโนโลยีกังหันลม
กังหันลมเป็นเครื่องจักรกลชนิดหนึ่ง ที่สามารถรับพลังงานจลน์จากการเคลื่อนที่ของลมเปลี่ยนให้เป็นพลังงานกลจากนั้นนำพลังงานกลมาใช้ประโยชน์โดยตรง เช่น การบดสีเมล็ดพืชในสมัยโบราณ การชักน้ำ การสูบน้ำ หรือผลิตพลังงานไฟฟ้าในปัจจุบัน
กังหันลมสามารถแบ่งออกตามลักษณะการจัดวางแกนของใบพัดได้ ๒ แบบ คือ
• กังหันลมแถบหมุนแนวแกนตั้ง (Vertical Axis Turbine) เป็นกังหันลมที่มีแกนหมุนและใบพัดตั้งฉากกับการเคลื่อนที่ของลมในแนวราบ
• กังหันลมแถบหมุนแนวแกนนอน (Horizontal Axis Turbine) เป็นกังหันลมที่มีแกนหมุนขนานกับการเคลื่อนที่ของลมในแนวราบ โดยมีใบพัดเป็นตัวตั้งฉากรับแรงลม
กังหันลมนำมาผลิตพลังงานได้ใน ๒ รูปแบบ คือ
• กังหันลมเพื่อสูบน้ำ (Wind Turbine for Pumping) เป็นกังหันที่รับพลังงานจลน์จากการเคลื่อนที่ของลมและเปลี่ยนให้เป็นพลังงานกลเพื่อใช้ในการชักหรือสูบน้ำจากที่ต่ำขึ้นที่สูง เพื่อใช้ในการทำนาเกลือ การเกษตร การอุปโภคและการบริโภค ปัจจุบันมีใช้อยู่ด้วยกัน ๒ แบบ คือ แบบระหัดและแบบสูบชัก
• กังหันลมเพื่อผลิตไฟฟ้า (Wind Turbine for Electric) เป็นกังหันที่รับพลังงานจลน์จากการเคลื่อนที่ของลมและเปลี่ยนให้เป็นพลังงานกล จากนั้นนำพลังงานกลมาหมุนเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเพื่อผลิตเป็นพลังงานไฟฟ้า ปัจจุบันมีการนำมาใช้งานทั้งกังหันลมขนาดเล็ก (Small wind Turbine) และกังหันลมขนาดใหญ่ (Large Wind Turbine)
เทคโนโลยีกังหันลม
กังหันลมเป็นเครื่องจักรกลชนิดหนึ่ง ที่สามารถรับพลังงานจลน์จากการเคลื่อนที่ของลมเปลี่ยนให้เป็นพลังงานกลจากนั้นนำพลังงานกลมาใช้ประโยชน์โดยตรง เช่น การบดสีเมล็ดพืชในสมัยโบราณ การชักน้ำ การสูบน้ำ หรือผลิตพลังงานไฟฟ้าในปัจจุบัน
กังหันลมสามารถแบ่งออกตามลักษณะการจัดวางแกนของใบพัดได้ ๒ แบบ คือ
• กังหันลมแถบหมุนแนวแกนตั้ง (Vertical Axis Turbine) เป็นกังหันลมที่มีแกนหมุนและใบพัดตั้งฉากกับการเคลื่อนที่ของลมในแนวราบ
• กังหันลมแถบหมุนแนวแกนนอน (Horizontal Axis Turbine) เป็นกังหันลมที่มีแกนหมุนขนานกับการเคลื่อนที่ของลมในแนวราบ โดยมีใบพัดเป็นตัวตั้งฉากรับแรงลม
กังหันลมนำมาผลิตพลังงานได้ใน ๒ รูปแบบ คือ
• กังหันลมเพื่อสูบน้ำ (Wind Turbine for Pumping) เป็นกังหันที่รับพลังงานจลน์จากการเคลื่อนที่ของลมและเปลี่ยนให้เป็นพลังงานกลเพื่อใช้ในการชักหรือสูบน้ำจากที่ต่ำขึ้นที่สูง เพื่อใช้ในการทำนาเกลือ การเกษตร การอุปโภคและการบริโภค ปัจจุบันมีใช้อยู่ด้วยกัน ๒ แบบ คือ แบบระหัดและแบบสูบชัก
• กังหันลมเพื่อผลิตไฟฟ้า (Wind Turbine for Electric) เป็นกังหันที่รับพลังงานจลน์จากการเคลื่อนที่ของลมและเปลี่ยนให้เป็นพลังงานกล จากนั้นนำพลังงานกลมาหมุนเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเพื่อผลิตเป็นพลังงานไฟฟ้า ปัจจุบันมีการนำมาใช้งานทั้งกังหันลมขนาดเล็ก (Small wind Turbine) และกังหันลมขนาดใหญ่ (Large Wind Turbine)
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 44
กธก.กร.ทบ.
23/11/2011 17:30:25
ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทราย
แต่เดิมสภาพภูมิประเทศในเขตพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และจังหวัดใกล้เคียงอื่นๆ มีความอุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมาก แต่ภายหลังได้มีราษฎรเข้ามาบุกรุกแผ้วถางป่า ทำลายป่า ทำการเกษตรอย่างผิดวิธี และใช้สารเคมีที่ส่งผลเสียต่อดินและน้ำ ขาดการบำรุงรักษาคุณภาพดิน ทำให้พื้นที่บริเวณดังกล่าวเปลี่ยนแปรสภาพไปอย่างรวดเร็ว หน้าดินถูกชะล้างความอุดมสมบูรณ์ไปหมดสิ้น ดินกลายเป็นดินทรายและดินดานที่ไม่มีแร่ธาตุ ความสมดุลทางธรรมชาติถูกทำลายโดยสิ้นเชิง เกิดภาวะฝนทิ้งช่วงความแห้งแล้งของพื้นที่แผ่ขยายเป็นวงกว้าง
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำรัสเกี่ยวกับศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทรายฯ ความตอนหนึ่งว่า
“...ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทราย อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี : เดิมเป็น ป่าโปร่ง คนไปตัดไม้สำหรับเป็นฟืนและสำหรับเผาถ่าน ต่อจากนั้น มีการปลูกพืชไร่และสับปะรดจนดินจืดกลายเป็นทราย ถูกลมและน้ำชะล้างไปหมด จนเหลือแต่ดินดาน ซึ่งเป็นดินที่แข็งตัวเมื่อถูกอากาศ ดินนี้ก็ไม่มีแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์...”
ด้วยเหตุนี้ เมื่อวันที่ ๕ เมษายน ๒๕๒๖ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงมีพระราชดำริให้พัฒนาพื้นที่เป็นศูนย์ศึกษาการพัฒนาเพื่อฟื้นฟูสภาพแวดล้อมด้วยการปลูกป่า และจัดหาแหล่งน้ำโดยจัดให้ราษฎรที่ทำกินเดิมได้มีส่วนร่วมในการรักษาป่าไม้และ ได้ประโยชน์จากป่าไม้ควบคู่ไปกับการพัฒนาเกษตรกรรมที่เหมาะสมเพื่อพัฒนาอาชีพ
ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทราย
แต่เดิมสภาพภูมิประเทศในเขตพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และจังหวัดใกล้เคียงอื่นๆ มีความอุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมาก แต่ภายหลังได้มีราษฎรเข้ามาบุกรุกแผ้วถางป่า ทำลายป่า ทำการเกษตรอย่างผิดวิธี และใช้สารเคมีที่ส่งผลเสียต่อดินและน้ำ ขาดการบำรุงรักษาคุณภาพดิน ทำให้พื้นที่บริเวณดังกล่าวเปลี่ยนแปรสภาพไปอย่างรวดเร็ว หน้าดินถูกชะล้างความอุดมสมบูรณ์ไปหมดสิ้น ดินกลายเป็นดินทรายและดินดานที่ไม่มีแร่ธาตุ ความสมดุลทางธรรมชาติถูกทำลายโดยสิ้นเชิง เกิดภาวะฝนทิ้งช่วงความแห้งแล้งของพื้นที่แผ่ขยายเป็นวงกว้าง
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำรัสเกี่ยวกับศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทรายฯ ความตอนหนึ่งว่า
“...ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทราย อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี : เดิมเป็น ป่าโปร่ง คนไปตัดไม้สำหรับเป็นฟืนและสำหรับเผาถ่าน ต่อจากนั้น มีการปลูกพืชไร่และสับปะรดจนดินจืดกลายเป็นทราย ถูกลมและน้ำชะล้างไปหมด จนเหลือแต่ดินดาน ซึ่งเป็นดินที่แข็งตัวเมื่อถูกอากาศ ดินนี้ก็ไม่มีแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์...”
ด้วยเหตุนี้ เมื่อวันที่ ๕ เมษายน ๒๕๒๖ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงมีพระราชดำริให้พัฒนาพื้นที่เป็นศูนย์ศึกษาการพัฒนาเพื่อฟื้นฟูสภาพแวดล้อมด้วยการปลูกป่า และจัดหาแหล่งน้ำโดยจัดให้ราษฎรที่ทำกินเดิมได้มีส่วนร่วมในการรักษาป่าไม้และ ได้ประโยชน์จากป่าไม้ควบคู่ไปกับการพัฒนาเกษตรกรรมที่เหมาะสมเพื่อพัฒนาอาชีพ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 45
กธก.กร.ทบ.
23/11/2011 17:31:36
แนวทางพัฒนาประเทศตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
ตลอดหกทศวรรษที่ผ่านมา พระบาทสมเด็จ(ขออภัยค่ะ! คำนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ)ทรงยึดหลักการทรงงานในลักษณะ “ทางสายกลาง” โดยทรงเน้นการพัฒนา “คน” เป็นตัวตั้ง ยึดหลัก “ภูมิสังคม” ที่คำนึงถึง
ความแตกต่างกันในแต่ละภูมิภาคและท้องถิ่น และยึดหลัก “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” เพื่อให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตสังคมไทยและปฏิบัติได้จริง ทรงย้ำว่าการพัฒนาต้องเริ่มจาก “การพึ่งพาตนเอง” ให้ได้ก่อน โดยต้องรู้จักประมาณตน มีความรอบคอบ ระมัดระวัง และ “ทำตามลำดับขั้นตอน” โดยต้องสร้างพื้นฐานความเป็นอยู่ให้พอมี พอกิน พอใช้ก่อน ด้วยวิธีการประหยัดและถูกต้องตามหลักวิชาการ เมื่อพัฒนาตนเองให้เข้มแข็งแล้วจึงค่อยพัฒนาเครือข่ายสู่สังคมภายนอกเพื่อความเจริญก้าวหน้าในลำดับต่อไปสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เล็งเห็นถึงความสำคัญของพระราชดำริดังกล่าว จึงได้เชิญผู้ทรงคุณวุฒิจากสาขาเศรษฐกิจและสาขาอื่นๆ ร่วมกันพิจารณากลั่นกรองพระราชดำรัสเกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียงที่พระราชทานในโอกาสต่างๆ สรุปออกมาเป็นนิยาม “ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” และได้อัญเชิญมาเป็นแนวทางพัฒนา
ประเทศในแผนฯ ๙ และต่อเนื่องมาถึงแผนฯ ๑๐ เนื่องจากเป็นที่ประจักษ์แล้วว่า เป็นแนวทางที่เหมาะสมกับการพัฒนาในทุกระดับ ตลอดจนเป็นที่ยอมรับไปทั่วโลกด้วย
แนวทางพัฒนาประเทศตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
ตลอดหกทศวรรษที่ผ่านมา พระบาทสมเด็จ(ขออภัยค่ะ! คำนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ)ทรงยึดหลักการทรงงานในลักษณะ “ทางสายกลาง” โดยทรงเน้นการพัฒนา “คน” เป็นตัวตั้ง ยึดหลัก “ภูมิสังคม” ที่คำนึงถึง
ความแตกต่างกันในแต่ละภูมิภาคและท้องถิ่น และยึดหลัก “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” เพื่อให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตสังคมไทยและปฏิบัติได้จริง ทรงย้ำว่าการพัฒนาต้องเริ่มจาก “การพึ่งพาตนเอง” ให้ได้ก่อน โดยต้องรู้จักประมาณตน มีความรอบคอบ ระมัดระวัง และ “ทำตามลำดับขั้นตอน” โดยต้องสร้างพื้นฐานความเป็นอยู่ให้พอมี พอกิน พอใช้ก่อน ด้วยวิธีการประหยัดและถูกต้องตามหลักวิชาการ เมื่อพัฒนาตนเองให้เข้มแข็งแล้วจึงค่อยพัฒนาเครือข่ายสู่สังคมภายนอกเพื่อความเจริญก้าวหน้าในลำดับต่อไปสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เล็งเห็นถึงความสำคัญของพระราชดำริดังกล่าว จึงได้เชิญผู้ทรงคุณวุฒิจากสาขาเศรษฐกิจและสาขาอื่นๆ ร่วมกันพิจารณากลั่นกรองพระราชดำรัสเกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียงที่พระราชทานในโอกาสต่างๆ สรุปออกมาเป็นนิยาม “ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” และได้อัญเชิญมาเป็นแนวทางพัฒนา
ประเทศในแผนฯ ๙ และต่อเนื่องมาถึงแผนฯ ๑๐ เนื่องจากเป็นที่ประจักษ์แล้วว่า เป็นแนวทางที่เหมาะสมกับการพัฒนาในทุกระดับ ตลอดจนเป็นที่ยอมรับไปทั่วโลกด้วย
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 46
กธก.กร.ทบ.
23/11/2011 17:32:02
โครงการชลประทานเมืองกาญจนบุรี-พนมทวนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
ที่มา
ร้อยตำรวจตรี พัฒนา สัมมาทิตฐิ ราษฎรภูมิลำเนาอำเภอพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี ได้มีหนังสือขอให้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณา ขอให้ทางราชการขุดคลองชลประทานต่อเชื่อมจากคลองชลประทานเดิมที่รับน้ำจากเขื่อนแม่กลอง(เขื่อนวชิราลงกรณ์เดิม) เพื่อส่งน้ำให้ราษฎรในเขตตำบลหนองโรง อำเภอพนมทวน ซึ่งประสบปัญหาขาดแคลนน้ำสำหรับอุปโภคบริโภคและทำการเกษตร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับโครงการชลประทานเมืองกาญจนบุรี-พนมทวนไว้เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2544
แนวทางการช่วยเหลือ
สภาพพื้นที่ของตำบลหนองโรงมีระดับความสูงมากกว่าตัวเขื่อนแม่กลองและคลองส่งน้ำฝั่งซ้าย 1 หากจะส่งน้ำให้แก่พื้นที่ ต้องใช้วิธีสูบเท่านั้น โดยสร้างบ่อพัก ตั้งสถานีสูบน้ำเป็นช่วงๆ และสร้างคลองส่งน้ำในพื้นที่ไม่น้อยกว่า 12 สาย การแก้ปัญหาระยะสั้น เห็นสมควรพัฒนาแหล่งน้ำขนาดเล็ก ปรับปรุงแหล่งน้ำเดิมเพื่อเก็บกักน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้ง และส่งเสริมให้เกษตรกรประกอบอาชีพตามแนวทฤษฎีใหม่ เพื่อให้สามารถประกอบอาชีพได้ตลอดปี
ประโยชน์ที่ราษฎรได้รับ
มีแหล่งน้ำสำหรับเก็บกักน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้ง สามารถประกอบอาชีพเกษตรตามแนวทฤษฎีใหม่ได้ตลอดปี ราษฎรมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
โครงการชลประทานเมืองกาญจนบุรี-พนมทวนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
ที่มา
ร้อยตำรวจตรี พัฒนา สัมมาทิตฐิ ราษฎรภูมิลำเนาอำเภอพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี ได้มีหนังสือขอให้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณา ขอให้ทางราชการขุดคลองชลประทานต่อเชื่อมจากคลองชลประทานเดิมที่รับน้ำจากเขื่อนแม่กลอง(เขื่อนวชิราลงกรณ์เดิม) เพื่อส่งน้ำให้ราษฎรในเขตตำบลหนองโรง อำเภอพนมทวน ซึ่งประสบปัญหาขาดแคลนน้ำสำหรับอุปโภคบริโภคและทำการเกษตร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับโครงการชลประทานเมืองกาญจนบุรี-พนมทวนไว้เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2544
แนวทางการช่วยเหลือ
สภาพพื้นที่ของตำบลหนองโรงมีระดับความสูงมากกว่าตัวเขื่อนแม่กลองและคลองส่งน้ำฝั่งซ้าย 1 หากจะส่งน้ำให้แก่พื้นที่ ต้องใช้วิธีสูบเท่านั้น โดยสร้างบ่อพัก ตั้งสถานีสูบน้ำเป็นช่วงๆ และสร้างคลองส่งน้ำในพื้นที่ไม่น้อยกว่า 12 สาย การแก้ปัญหาระยะสั้น เห็นสมควรพัฒนาแหล่งน้ำขนาดเล็ก ปรับปรุงแหล่งน้ำเดิมเพื่อเก็บกักน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้ง และส่งเสริมให้เกษตรกรประกอบอาชีพตามแนวทฤษฎีใหม่ เพื่อให้สามารถประกอบอาชีพได้ตลอดปี
ประโยชน์ที่ราษฎรได้รับ
มีแหล่งน้ำสำหรับเก็บกักน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้ง สามารถประกอบอาชีพเกษตรตามแนวทฤษฎีใหม่ได้ตลอดปี ราษฎรมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 47
กธก.กร.ทบ.
29/11/2011 16:53:25
พระราชดำริเกี่ยว กับการอนุรักษ์เต่าทะเล
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ มีน้ำพระราชหฤทัยห่วงใยที่เต่าทะเล ทรงตระหนักว่าทรัพยากรธรรมชาติ ทางทะเลของไทยนับวันมีแต่จะ ลดน้อยลง มีสัตว์หลายชนิดที่ใกล้จะ สูญพันธุ์ โดยเฉพาะเต่าทะเล เช่น เต่ามะเฟือง เต่าตนุ เต่ากระ เต่าหญ้า เต่าตาแดง ซึ่งในอดีตเคยมีเป็น จำนวนมาก บัดนี้ลดจำนวนลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากราษฎรนิยมเก็บไข่เต่าทะเลไปซื้อขายเพื่อประกอบอาหาร แม้กรมประมงจะ ขอแก้ไขกฎหมายประมง เมื่อ พ.ศ.2493 กำหนดให้ผู้ครอบครองเต่าทะเลมีความผิดตามกฎหมาย แต่สถานการณ์ก็ไม่ดีขึ้น
สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จึงมีพระราชดำริให้ดำเนินโครงการอนุรักษ์เต่าทะเล โดยได้ พระราชทาน เกาะมันใน จังหวัดระยอง ซึ่งรัฐบาลในสมัยนั้นถวายให้เป็น ทรัพย์สินส่วนพระองค์ จัดเป็น ศูนย์กลางอนุรักษ์และ เพาะขยายพันธุ์เต่าทะเล พระราชทานชื่อว่า โครงการสมเด็จฯอนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล เริ่มเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ.2522 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ผู้แทนจากกรมประมง เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท รับพระราชทานพ่อพันธุ์แม่พันธุ์เต่าทะเล เพื่อนำไปใช้ในการแพร่ขยายพันธุ์ศูนย์อนุรักษ์และ เพาะขยายพันธุ์เต่าทะเลนี้
ต่อมาเมื่อโครงการสิ้นสุดลงได้ เปลี่ยนชื่อเป็น สถานีอนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล สังกัดกรมประมง กระทรวงเกษตรและ สหกรณ์ ตั้งอยู่ที่ตำบลกร่ำ อำเภอแกลง จังหวัดระยอง ห่างจากชายฝั่งอ่าวมะขามประมาณ 6 กิโลเมตร มีพื้นที่ประมาณ 137 ไร่ อันมีสภาพภูมิประเทศเป็น ชายฝั่งยาว 1,200 เมตร กว้าง 550 เมตร ประกอบด้วย หาดทรายและ โขดหินน้อยใหญ่จำนวนมาก เป็น แหล่งที่เต่าทะเลชอบขึ้นมาวางไข่ ทั้งเต่ากระและ เต่าตนุ ขณะเดียวกันก็ได้ มีการแก้ไขกฎหมายเพื่อการอนุรักษ์เต่าทะเล โดยห้ามการจับและ มีไว้ในครอบครองอีกด้วย
ศูนย์ฯมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาวิจัยชีววิทยาของเต่าทะเลอนุรักษ์ และ เพิ่มจำนวนโดยการเพาะขยายพันธุ์ปล่อยสู่ทะเลตามธรรมชาติ โดยวิธีนำไข่เต่าทะเล ซึ่งส่วนใหญ่ได้ จาก เกาะคราม อำเภอสัตบ จังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็น พื้นที่ในความดูแลของกองทัพเรือ นำมาเพาะฟัก และ อนุบาล เมื่อลูกเต่ามีอายุประมาณ 6 เดือน จะ ติดเครื่องหมายเพื่อติดตามผล นำปล่อยลงสู่ทะเล ลูกเต่าส่วนหนึ่งนำไปเลี้ยงไว้เป็น แม่พันธุ์พ่อพันธุ์ต่อไป กรมประมงประกาศขอให้ผู้พบเต่าทะเลที่ติดเครื่องหมายนำส่งคืนศูนย์ เพื่อเป็น ข้อมูลศึกษาค้นคว้าวิจัย และ ยังทดลองเลี้ยงเต่าพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ เพื่อให้ผสมพันธุ์และ วางไข่ ซึ่งประสบความสำเร็จ สามารถขยายพันธุ์ลูกเต่าให้มีจำนวนมากขึ้น นำมาอนุบาลแล้วปล่อยคืนสู่ท้องทะเล
สถานที่ดำเนินการอนุรักษ์เต่าทะเล มี 2 แห่ง คือ
1. เกาะมันใน ดำเนินการเลี้ยงเต่าทะเลตั้งแต่แรกเกิดจนโตขึ้น วัดขนาดตามที่กำหนดแล้วนำไปเลี้ยงไว้ในคอกในทะเลซึ่งมีเนื้อที่ขนาด 30 ไร่ แล้วศึกษาเก็บข้อมูล
2. เกาะคราม อยู่ในพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพเรือ ศึกษาวิจัยเก็บข้อมูลความเปลี่ยนแปลงของเต่าทะเลตามธรรมชาติ โดยติดเครื่องหมายที่แม่เต่าทะเลที่ขึ้นมาวางไข่ประมาณเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม พบว่าแม่เต่าตัวเดิมจะ กลับมาวางไข่ห่างกัน 2-3 ปี หรืออาจจะ ถึง 5 ปี และ เก็บข้อมูลแม่เต่าใหม่ที่ขึ้นมาวางไข่ และ ศึกษาพบว่ามีประชากรเต่าทดแทนกันพอสมควร
ในปัจจุบัน สถานีอนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเลในชื่อ ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล อยู่ในการดูแลของกองทัพเรือ ที่สัตบ จังหวัดชลบุรี เปิดให้ประชาชนนักท่องเที่ยวเข้าชม และ ศึกษาหาความรู้เกี่ยว กับการเพาะเลี้ยงขยายพันธุ์เต่าทะเล และ ขายเต่าให้แก่ผู้ประสงค์จะ ปล่อยเต่า นำรายได้ ไปเป็น ค่าใช้จ่ายในการเพาะขยายพันธุ์และ ศึกษาวิจัยเต่าทะเลต่อไป รวมทั้งรับบริจาคด้วย
สถานีอนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล กรมประมง ที่จังหวัดระยองนี้ นอกจากดำเนินการศึกษาวิจัยการเพาะฟักไข่เต่าทะเล การผสมพันธุ์ การวางไข่ การอนุบาล การเลี้ยง ศึกษาพฤติกรรม ดูแลรักษาและ ป้องกันโรคของเต่าทะเลแล้ว ยังศึกษาค้นคว้าเกี่ยว กับปะการังชนิดต่างๆ การแพร่กระจายเติบโตของแนวปะการัง การอนุรักษ์และ ฟื้นฟูปะการัง รวมทั้งศึกษาวิเคราะห์การเจริญเติบโต การแพร่กระจายของหอยมือเสือ การปล่อยหอยมือเสือลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ และ ศึกษาค้นคว้าเกี่ยว กับถิ่นที่อยู่อาศัยของพยูน การกระจายและ แพร่พันธุ์ การเจริญเติบโตของพยูน ตลอดจนศึกษาและ สำรวจแหล่งหญ้าทะเลชนิดต่างๆที่เป็น อาหารของพยูน สัตว์น้ำที่ใกล้จะ สูญพันธุ์ในประเทศไทยด้วย
นอกจากโครงการสมเด็จฯ อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเลจะ ได้ ดำเนินโครงการสนองพระราชปณิธานเกี่ยว กับการเพาะเลี้ยงเต่าทะเล เพื่อปล่อยคืนสู่ธรรมชาติแล้วโครงการฯ ยังได้ นำเสนอต่อกระทรวงพาณิชย์ให้ออกประกาศห้ามส่งกระดองเต่าทะเลเป็น สินค้าออกตั้งแต่วันที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2524 (ตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ฉบับที่ 9 พ.ศ. 2523) พร้อมทั้งเสนอให้แก้ไขพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. 2490 ในส่วนที่เกี่ยวข้อง กับมาตรการอนุรักษ์เต่าทะเลโดยห้ามครอบครองกระดองเต่าทะเลและ ผลิตภัณฑ์จากเต่าทะเล ผู้ใดฝ่าฝืนจะ มีโทรปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ
โครงการอนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเลที่เกาะมันในประสบความสำเร็จอย่างดียิ่ง ปัจจุบันสามารถเพาะพันธุ์เต่าทะเลได้ เอง โดยวิธีการนำไข่เต่าจากธรรมชาติมาฟักแล้ว ไปเพาะเลี้ยงในบ่ออนุบาล เมื่อเติบโตพอจะ ดำรงอยู่ด้วยตัวเองได้ ก็จะ ปล่อยกลับลงสู่ทะเล เพื่อให้สามารถใช้ชีวิตตามธรรมชาติได้ ต่อไป
พระมหากรุณาธิคุณใน สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในการอนุรักษ์และ ขยายพันธุ์เต่าทะเลนี้ ได้ ก่อให้เกิดความตื่นตัวในหมู่ประชาชน ในด้านการอนุรักษ์สัตว์น้ำ เพื่อให้ดำรงอยู่คู่ท้องทะเลไทย ซึ่งจะ เป็น เครื่องหมายแสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ของท้องทะเลไทย และ แสดงให้สังคมโลกประจักษ์ในบทบาทของไทย และ ความมุ่งมั่นมานะพยายามในการอนุรักษ์ธรรมชาติ สรรพสัตว์ และ ความสามารถในการแก้ปัญหาความเสื่อมโทรมของระบบนิเวศน์และ สิ่งแวดล้อม พร้อม กับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติด้วย
พระราชดำริเกี่ยว กับการอนุรักษ์เต่าทะเล
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ มีน้ำพระราชหฤทัยห่วงใยที่เต่าทะเล ทรงตระหนักว่าทรัพยากรธรรมชาติ ทางทะเลของไทยนับวันมีแต่จะ ลดน้อยลง มีสัตว์หลายชนิดที่ใกล้จะ สูญพันธุ์ โดยเฉพาะเต่าทะเล เช่น เต่ามะเฟือง เต่าตนุ เต่ากระ เต่าหญ้า เต่าตาแดง ซึ่งในอดีตเคยมีเป็น จำนวนมาก บัดนี้ลดจำนวนลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากราษฎรนิยมเก็บไข่เต่าทะเลไปซื้อขายเพื่อประกอบอาหาร แม้กรมประมงจะ ขอแก้ไขกฎหมายประมง เมื่อ พ.ศ.2493 กำหนดให้ผู้ครอบครองเต่าทะเลมีความผิดตามกฎหมาย แต่สถานการณ์ก็ไม่ดีขึ้น
สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จึงมีพระราชดำริให้ดำเนินโครงการอนุรักษ์เต่าทะเล โดยได้ พระราชทาน เกาะมันใน จังหวัดระยอง ซึ่งรัฐบาลในสมัยนั้นถวายให้เป็น ทรัพย์สินส่วนพระองค์ จัดเป็น ศูนย์กลางอนุรักษ์และ เพาะขยายพันธุ์เต่าทะเล พระราชทานชื่อว่า โครงการสมเด็จฯอนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล เริ่มเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ.2522 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ผู้แทนจากกรมประมง เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท รับพระราชทานพ่อพันธุ์แม่พันธุ์เต่าทะเล เพื่อนำไปใช้ในการแพร่ขยายพันธุ์ศูนย์อนุรักษ์และ เพาะขยายพันธุ์เต่าทะเลนี้
ต่อมาเมื่อโครงการสิ้นสุดลงได้ เปลี่ยนชื่อเป็น สถานีอนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล สังกัดกรมประมง กระทรวงเกษตรและ สหกรณ์ ตั้งอยู่ที่ตำบลกร่ำ อำเภอแกลง จังหวัดระยอง ห่างจากชายฝั่งอ่าวมะขามประมาณ 6 กิโลเมตร มีพื้นที่ประมาณ 137 ไร่ อันมีสภาพภูมิประเทศเป็น ชายฝั่งยาว 1,200 เมตร กว้าง 550 เมตร ประกอบด้วย หาดทรายและ โขดหินน้อยใหญ่จำนวนมาก เป็น แหล่งที่เต่าทะเลชอบขึ้นมาวางไข่ ทั้งเต่ากระและ เต่าตนุ ขณะเดียวกันก็ได้ มีการแก้ไขกฎหมายเพื่อการอนุรักษ์เต่าทะเล โดยห้ามการจับและ มีไว้ในครอบครองอีกด้วย
ศูนย์ฯมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาวิจัยชีววิทยาของเต่าทะเลอนุรักษ์ และ เพิ่มจำนวนโดยการเพาะขยายพันธุ์ปล่อยสู่ทะเลตามธรรมชาติ โดยวิธีนำไข่เต่าทะเล ซึ่งส่วนใหญ่ได้ จาก เกาะคราม อำเภอสัตบ จังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็น พื้นที่ในความดูแลของกองทัพเรือ นำมาเพาะฟัก และ อนุบาล เมื่อลูกเต่ามีอายุประมาณ 6 เดือน จะ ติดเครื่องหมายเพื่อติดตามผล นำปล่อยลงสู่ทะเล ลูกเต่าส่วนหนึ่งนำไปเลี้ยงไว้เป็น แม่พันธุ์พ่อพันธุ์ต่อไป กรมประมงประกาศขอให้ผู้พบเต่าทะเลที่ติดเครื่องหมายนำส่งคืนศูนย์ เพื่อเป็น ข้อมูลศึกษาค้นคว้าวิจัย และ ยังทดลองเลี้ยงเต่าพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ เพื่อให้ผสมพันธุ์และ วางไข่ ซึ่งประสบความสำเร็จ สามารถขยายพันธุ์ลูกเต่าให้มีจำนวนมากขึ้น นำมาอนุบาลแล้วปล่อยคืนสู่ท้องทะเล
สถานที่ดำเนินการอนุรักษ์เต่าทะเล มี 2 แห่ง คือ
1. เกาะมันใน ดำเนินการเลี้ยงเต่าทะเลตั้งแต่แรกเกิดจนโตขึ้น วัดขนาดตามที่กำหนดแล้วนำไปเลี้ยงไว้ในคอกในทะเลซึ่งมีเนื้อที่ขนาด 30 ไร่ แล้วศึกษาเก็บข้อมูล
2. เกาะคราม อยู่ในพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพเรือ ศึกษาวิจัยเก็บข้อมูลความเปลี่ยนแปลงของเต่าทะเลตามธรรมชาติ โดยติดเครื่องหมายที่แม่เต่าทะเลที่ขึ้นมาวางไข่ประมาณเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม พบว่าแม่เต่าตัวเดิมจะ กลับมาวางไข่ห่างกัน 2-3 ปี หรืออาจจะ ถึง 5 ปี และ เก็บข้อมูลแม่เต่าใหม่ที่ขึ้นมาวางไข่ และ ศึกษาพบว่ามีประชากรเต่าทดแทนกันพอสมควร
ในปัจจุบัน สถานีอนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเลในชื่อ ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล อยู่ในการดูแลของกองทัพเรือ ที่สัตบ จังหวัดชลบุรี เปิดให้ประชาชนนักท่องเที่ยวเข้าชม และ ศึกษาหาความรู้เกี่ยว กับการเพาะเลี้ยงขยายพันธุ์เต่าทะเล และ ขายเต่าให้แก่ผู้ประสงค์จะ ปล่อยเต่า นำรายได้ ไปเป็น ค่าใช้จ่ายในการเพาะขยายพันธุ์และ ศึกษาวิจัยเต่าทะเลต่อไป รวมทั้งรับบริจาคด้วย
สถานีอนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล กรมประมง ที่จังหวัดระยองนี้ นอกจากดำเนินการศึกษาวิจัยการเพาะฟักไข่เต่าทะเล การผสมพันธุ์ การวางไข่ การอนุบาล การเลี้ยง ศึกษาพฤติกรรม ดูแลรักษาและ ป้องกันโรคของเต่าทะเลแล้ว ยังศึกษาค้นคว้าเกี่ยว กับปะการังชนิดต่างๆ การแพร่กระจายเติบโตของแนวปะการัง การอนุรักษ์และ ฟื้นฟูปะการัง รวมทั้งศึกษาวิเคราะห์การเจริญเติบโต การแพร่กระจายของหอยมือเสือ การปล่อยหอยมือเสือลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ และ ศึกษาค้นคว้าเกี่ยว กับถิ่นที่อยู่อาศัยของพยูน การกระจายและ แพร่พันธุ์ การเจริญเติบโตของพยูน ตลอดจนศึกษาและ สำรวจแหล่งหญ้าทะเลชนิดต่างๆที่เป็น อาหารของพยูน สัตว์น้ำที่ใกล้จะ สูญพันธุ์ในประเทศไทยด้วย
นอกจากโครงการสมเด็จฯ อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเลจะ ได้ ดำเนินโครงการสนองพระราชปณิธานเกี่ยว กับการเพาะเลี้ยงเต่าทะเล เพื่อปล่อยคืนสู่ธรรมชาติแล้วโครงการฯ ยังได้ นำเสนอต่อกระทรวงพาณิชย์ให้ออกประกาศห้ามส่งกระดองเต่าทะเลเป็น สินค้าออกตั้งแต่วันที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2524 (ตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ฉบับที่ 9 พ.ศ. 2523) พร้อมทั้งเสนอให้แก้ไขพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. 2490 ในส่วนที่เกี่ยวข้อง กับมาตรการอนุรักษ์เต่าทะเลโดยห้ามครอบครองกระดองเต่าทะเลและ ผลิตภัณฑ์จากเต่าทะเล ผู้ใดฝ่าฝืนจะ มีโทรปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ
โครงการอนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเลที่เกาะมันในประสบความสำเร็จอย่างดียิ่ง ปัจจุบันสามารถเพาะพันธุ์เต่าทะเลได้ เอง โดยวิธีการนำไข่เต่าจากธรรมชาติมาฟักแล้ว ไปเพาะเลี้ยงในบ่ออนุบาล เมื่อเติบโตพอจะ ดำรงอยู่ด้วยตัวเองได้ ก็จะ ปล่อยกลับลงสู่ทะเล เพื่อให้สามารถใช้ชีวิตตามธรรมชาติได้ ต่อไป
พระมหากรุณาธิคุณใน สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในการอนุรักษ์และ ขยายพันธุ์เต่าทะเลนี้ ได้ ก่อให้เกิดความตื่นตัวในหมู่ประชาชน ในด้านการอนุรักษ์สัตว์น้ำ เพื่อให้ดำรงอยู่คู่ท้องทะเลไทย ซึ่งจะ เป็น เครื่องหมายแสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ของท้องทะเลไทย และ แสดงให้สังคมโลกประจักษ์ในบทบาทของไทย และ ความมุ่งมั่นมานะพยายามในการอนุรักษ์ธรรมชาติ สรรพสัตว์ และ ความสามารถในการแก้ปัญหาความเสื่อมโทรมของระบบนิเวศน์และ สิ่งแวดล้อม พร้อม กับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติด้วย
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 48
กธก.กร.ทบ.
29/11/2011 16:57:36
โครงการรักษ์น้ำเพื่อพระแม่ของแผ่นดิน สืบสานแนวทางพระราชดำริสมเด็จพระราชินีของคนไทยและชาวเขา
โครงการรักษ์น้ำเพื่อพระแม่ของแผ่นดิน
สืบสานแนวทางพระราชดำริสมเด็จพระราชินีของคนไทย
พัฒนาการเกษตร-ทรัพยากร-สิ่งแวดล้อมเพื่อสุขราษฎร (รายงานพิเศษ)
ปี 2550 นี้ สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 75 พรรษา ซึ่งตลอดระยะเวลาที่พระองค์ทรงอยู่ในฐานะพระราชินีของปวงชนชาวไทยทั้งประเทศ พระองค์ทรงห่วงใยพสกนิกรของพระองค์ ไม่ว่าพระองค์จะเสด็จไป ณ แห่งหนใด ก็จะทรงมีโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริอยู่ตลอด ทุกโครงการล้วนแต่เพื่อความอยู่ดีมีสุขของราษฎรในพื้นที่นั้นๆ โครงการรักษ์น้ำเพื่อพระแม่ของแผ่นดิน เป็นอีกหนึ่งโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่กรมพัฒนาที่ดินเป็นผู้รับชอบ
โครงการรักษ์น้ำเพื่อพระแม่ของแผ่นดินได้ดำเนินการในหลายพื้นที่ลุ่มน้ำ ดังเช่น พื้นที่ลุ่มน้ำคำ บ้านห้วยหยวกป่าโซ ตำบลแม่สลองใน อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย ซึ่งเกิดขึ้นจากพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เมื่อครั้นเสด็จทอดพระเนตรพื้นที่ป่า! เขาลุ่มน้ำแม่คำเมื่อต้นปี 2546 ซึ่งมีลักษณะภูมิประเทศ เป็นภูเขาสูงชันสลับซับซ้อน ความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ตั้งแต่ 660 -1,400 เมตร อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าน้ำแม่คำ ป่าน้ำแม่สลอง และป่าน้ำแม่จันฝั่งซ้าย ราษฎรในพื้นที่ซึ่งเป็นชาวเขาเผ่าอาข่าได้บุกรุกป่าไม้เพื่อถือครองที่ดินโดยไม่มีการควบคุม มิหนำซ้ำมีการรบกวนระบบนิเวศน์ป่าไม้ทำให้ปัญหาดินเสื่อมโทรมและเกิดการพังทลายของดินได้ง่ายในฤดูฝน
ผลก็คือหน้าดินถูกพัดพาไหลลงมาทับถมรวมกับตะกอนต่างๆ ทำให้ลำห้วยตื้นเขินส่งผลกระทบต่อ! ปริมาณและคุณภาพของน้ำ ส่วนในฤดูแล้งปริมาณน้ำไม่พอต่อการอุปโภคและบริโภค ส่งผลกระทบทั้งราษฎรชาวเขาที่อยู่บริเวณต้นน้ำ และราษฎรชาวไทยพื้นราบเมื่อเกิดเหตุการณ์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าทุกปี จึงทำให้พื้นที่ต้นน้ำขาดความสมบูรณ์และเสื่อมโทรมลง กอปรกับพื้นที่ดังกล่าวอยู่ติดกับแนวเขตชายแดนไทยกับสาธารณรัฐสังคมนิยมแห่งสหภาพพม่า โดยเฉพาะเป็นเส้นทางที่ติดกับแหล่งผลิตยาเสพติดที่สำคัญของรัฐว้า ถ้าหากไม่มีการควบคุมพื้นที่และจัดระเบียบพื้นที่ชายแดนก็จะก่อให้เกิดผลกระทบด้านความมั่นคงอย่างร้ายแรงในอนาคตได้
สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จึงทรงมีพระราชดำริให้จัดตั้ง สถานีพัฒนาการเกษตรที่สูง ขึ้น ณ บริเวณบ้านห้วยหยวกป่าโซ หมู่ 9 ตำบลแม่สลองใน อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย และให้ราษฎรในหมู่บ้านใกล้เคียง ได้แก่ บ้านอาโต่ บ้านใหม่ลีซอ บ้านเล่าลิว บ้านห้วยหมาก และบ้านห้วยหยวกป่าโซ ซึ่งมีประชากร 4 เผ่า คือ อาข่าหรืออีก้อ มูเซอ จีนฮ่อ และลีซอ เข้าร่วมในโครงการ โดยเน้นในเรื่องการให้คนกับป่าอยู่ร่วมกันได้อย่างผสมผสานกลมกลืน
นายชัยวัฒน์ สิทธิบุศย์ อธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน กล่าวว่า โครงการพระราชดำริบ้านห้วยหยวกป่าโซนี้เป็นโครงการที่ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระราชดำริให้หน่วยงานต่างๆ ดำเนินการพัฒนาด้านการเกษตรที่สูง เกี่ยวกับระบบการปลูกพืชการผลิตพืชชนิดต่างๆ และการตลาดแก่เกษตรกรชาวไทยภูเขาที่อาศัยอยู่ในพื้นที่โครงการฯ และพื้นที่ใกล้เคียงเป็นการประกอบอาชีพตามหลักวิชาการแผนใหม่ ทดแทนการทำไร่เลื่อนลอย สร้างรายได้ให้คนอยู่กับป่าอย่างยั่งยืน ราษฎรสามารถดำรงชีวิตอยู่กับป่าได้ โดยไม่มีการบุกรุกทำลายป่าอีกต่อไป และช่วยดูแลรักษาป่าไม้ ให้เป็นแหล่งต้นน้ำลำธาร ช่วยอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้กลับคืนสู่สภาพที่สมบูรณ์ ตลอดจนสนับสนุนรัฐบาลในการจัดระเบียบพื้นที่ชายแดนให้ชุ่มชื้นมีความเข้มแข็ง และสกัดกั้นการแพร่ระบาดของยาเสพติดจากนอกประเทศ แก้ไขปัญหาความมั่นคงตามแนวชายแดน รวมถึงเพื่อแนะนำความรู้เกี่ยวกับการใช้ประโยชน์ที่ดินบนพื้นที่สูงอย่างยั่งยืนและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อไป
โครงการมีระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่ ปี 2550-2554 วิธีการทำงานมีทั้งสำรวจ จัดทำแผนที่ระดับขอบเขตและถือครองที่ดิน ประชุมชี้แจงเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ ซึ่งกรมพัฒนาที่ดินได้ออกแบบการจัดระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ พร้อมกับสาธิตวิธีปรับปรุงบำรุงดินสำหรับการปลูกพืช จัดระบบปลูกพืชเพื่อการอนุรักษ์ดินและน้ำ อย่างไรก็ตาม มีความเชื่อมั่นว่าโครงการพระราชดำริแห่งนี้ จะสามารถช่วยให้เกษตรกรในพื้นที่มีความเข้าใจในการทำการเกษตรในพื้นที่สูงได้อย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ ก่อให้เกิดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติได้อย่างคุ้มค่าและยั่งยืนที่สุด
นี่เป็นเพียงโครงการตัวอย่างของโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ "แม่ของแผ่นดิน" เท่านั้น ทั้งนี้ในฐานะที่เป็นคนไทยเราควรจะช่วยกันอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้คงไว้ถึงรุ่นลูกรุ่นหลานสืบไปดังพระราชปณิธานของพระราชินีอันเป็นที่รักยิ่งของคนไทยทุกคน
โครงการรักษ์น้ำเพื่อพระแม่ของแผ่นดิน สืบสานแนวทางพระราชดำริสมเด็จพระราชินีของคนไทยและชาวเขา
โครงการรักษ์น้ำเพื่อพระแม่ของแผ่นดิน
สืบสานแนวทางพระราชดำริสมเด็จพระราชินีของคนไทย
พัฒนาการเกษตร-ทรัพยากร-สิ่งแวดล้อมเพื่อสุขราษฎร (รายงานพิเศษ)
ปี 2550 นี้ สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 75 พรรษา ซึ่งตลอดระยะเวลาที่พระองค์ทรงอยู่ในฐานะพระราชินีของปวงชนชาวไทยทั้งประเทศ พระองค์ทรงห่วงใยพสกนิกรของพระองค์ ไม่ว่าพระองค์จะเสด็จไป ณ แห่งหนใด ก็จะทรงมีโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริอยู่ตลอด ทุกโครงการล้วนแต่เพื่อความอยู่ดีมีสุขของราษฎรในพื้นที่นั้นๆ โครงการรักษ์น้ำเพื่อพระแม่ของแผ่นดิน เป็นอีกหนึ่งโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่กรมพัฒนาที่ดินเป็นผู้รับชอบ
โครงการรักษ์น้ำเพื่อพระแม่ของแผ่นดินได้ดำเนินการในหลายพื้นที่ลุ่มน้ำ ดังเช่น พื้นที่ลุ่มน้ำคำ บ้านห้วยหยวกป่าโซ ตำบลแม่สลองใน อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย ซึ่งเกิดขึ้นจากพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เมื่อครั้นเสด็จทอดพระเนตรพื้นที่ป่า! เขาลุ่มน้ำแม่คำเมื่อต้นปี 2546 ซึ่งมีลักษณะภูมิประเทศ เป็นภูเขาสูงชันสลับซับซ้อน ความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ตั้งแต่ 660 -1,400 เมตร อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าน้ำแม่คำ ป่าน้ำแม่สลอง และป่าน้ำแม่จันฝั่งซ้าย ราษฎรในพื้นที่ซึ่งเป็นชาวเขาเผ่าอาข่าได้บุกรุกป่าไม้เพื่อถือครองที่ดินโดยไม่มีการควบคุม มิหนำซ้ำมีการรบกวนระบบนิเวศน์ป่าไม้ทำให้ปัญหาดินเสื่อมโทรมและเกิดการพังทลายของดินได้ง่ายในฤดูฝน
ผลก็คือหน้าดินถูกพัดพาไหลลงมาทับถมรวมกับตะกอนต่างๆ ทำให้ลำห้วยตื้นเขินส่งผลกระทบต่อ! ปริมาณและคุณภาพของน้ำ ส่วนในฤดูแล้งปริมาณน้ำไม่พอต่อการอุปโภคและบริโภค ส่งผลกระทบทั้งราษฎรชาวเขาที่อยู่บริเวณต้นน้ำ และราษฎรชาวไทยพื้นราบเมื่อเกิดเหตุการณ์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าทุกปี จึงทำให้พื้นที่ต้นน้ำขาดความสมบูรณ์และเสื่อมโทรมลง กอปรกับพื้นที่ดังกล่าวอยู่ติดกับแนวเขตชายแดนไทยกับสาธารณรัฐสังคมนิยมแห่งสหภาพพม่า โดยเฉพาะเป็นเส้นทางที่ติดกับแหล่งผลิตยาเสพติดที่สำคัญของรัฐว้า ถ้าหากไม่มีการควบคุมพื้นที่และจัดระเบียบพื้นที่ชายแดนก็จะก่อให้เกิดผลกระทบด้านความมั่นคงอย่างร้ายแรงในอนาคตได้
สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จึงทรงมีพระราชดำริให้จัดตั้ง สถานีพัฒนาการเกษตรที่สูง ขึ้น ณ บริเวณบ้านห้วยหยวกป่าโซ หมู่ 9 ตำบลแม่สลองใน อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย และให้ราษฎรในหมู่บ้านใกล้เคียง ได้แก่ บ้านอาโต่ บ้านใหม่ลีซอ บ้านเล่าลิว บ้านห้วยหมาก และบ้านห้วยหยวกป่าโซ ซึ่งมีประชากร 4 เผ่า คือ อาข่าหรืออีก้อ มูเซอ จีนฮ่อ และลีซอ เข้าร่วมในโครงการ โดยเน้นในเรื่องการให้คนกับป่าอยู่ร่วมกันได้อย่างผสมผสานกลมกลืน
นายชัยวัฒน์ สิทธิบุศย์ อธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน กล่าวว่า โครงการพระราชดำริบ้านห้วยหยวกป่าโซนี้เป็นโครงการที่ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระราชดำริให้หน่วยงานต่างๆ ดำเนินการพัฒนาด้านการเกษตรที่สูง เกี่ยวกับระบบการปลูกพืชการผลิตพืชชนิดต่างๆ และการตลาดแก่เกษตรกรชาวไทยภูเขาที่อาศัยอยู่ในพื้นที่โครงการฯ และพื้นที่ใกล้เคียงเป็นการประกอบอาชีพตามหลักวิชาการแผนใหม่ ทดแทนการทำไร่เลื่อนลอย สร้างรายได้ให้คนอยู่กับป่าอย่างยั่งยืน ราษฎรสามารถดำรงชีวิตอยู่กับป่าได้ โดยไม่มีการบุกรุกทำลายป่าอีกต่อไป และช่วยดูแลรักษาป่าไม้ ให้เป็นแหล่งต้นน้ำลำธาร ช่วยอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้กลับคืนสู่สภาพที่สมบูรณ์ ตลอดจนสนับสนุนรัฐบาลในการจัดระเบียบพื้นที่ชายแดนให้ชุ่มชื้นมีความเข้มแข็ง และสกัดกั้นการแพร่ระบาดของยาเสพติดจากนอกประเทศ แก้ไขปัญหาความมั่นคงตามแนวชายแดน รวมถึงเพื่อแนะนำความรู้เกี่ยวกับการใช้ประโยชน์ที่ดินบนพื้นที่สูงอย่างยั่งยืนและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อไป
โครงการมีระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่ ปี 2550-2554 วิธีการทำงานมีทั้งสำรวจ จัดทำแผนที่ระดับขอบเขตและถือครองที่ดิน ประชุมชี้แจงเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ ซึ่งกรมพัฒนาที่ดินได้ออกแบบการจัดระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ พร้อมกับสาธิตวิธีปรับปรุงบำรุงดินสำหรับการปลูกพืช จัดระบบปลูกพืชเพื่อการอนุรักษ์ดินและน้ำ อย่างไรก็ตาม มีความเชื่อมั่นว่าโครงการพระราชดำริแห่งนี้ จะสามารถช่วยให้เกษตรกรในพื้นที่มีความเข้าใจในการทำการเกษตรในพื้นที่สูงได้อย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ ก่อให้เกิดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติได้อย่างคุ้มค่าและยั่งยืนที่สุด
นี่เป็นเพียงโครงการตัวอย่างของโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ "แม่ของแผ่นดิน" เท่านั้น ทั้งนี้ในฐานะที่เป็นคนไทยเราควรจะช่วยกันอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้คงไว้ถึงรุ่นลูกรุ่นหลานสืบไปดังพระราชปณิธานของพระราชินีอันเป็นที่รักยิ่งของคนไทยทุกคน
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 49
นศท. ปี3 ร.ร.ยุพราชวิทยาลัย จ.เชียงใหม่
04/01/2012 13:04:30
พระทรงเป็น ยิ่งกว่า มหากษัตริย์ พระทรงเป็น นักปฏิบัติ สืบค้นหา
พระทรงเป็น นักคิด พิจารณา พระทรงเป็น นักพัฒนา คู่ฟ้าไทย
พระทรงธรรม น้อมนำ ธรรมชาติ พระเปรื่องปราชญ์ ชัดแจ้ง แถลงไข
พระทรงสร้าง ทางถูก ให้ลูกไทย พระมหากษัตริย์ไทย ครองใจ ไทยทุกดวง
พระทรงเป็น ยิ่งกว่า มหากษัตริย์ พระทรงเป็น นักปฏิบัติ สืบค้นหา
พระทรงเป็น นักคิด พิจารณา พระทรงเป็น นักพัฒนา คู่ฟ้าไทย
พระทรงธรรม น้อมนำ ธรรมชาติ พระเปรื่องปราชญ์ ชัดแจ้ง แถลงไข
พระทรงสร้าง ทางถูก ให้ลูกไทย พระมหากษัตริย์ไทย ครองใจ ไทยทุกดวง
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 50
aumaum
15/02/2012 14:46:35
ขอพระองค์ทรวพระเจริญ
เรารักในหลวง
ขอพระองค์ทรวพระเจริญ
เรารักในหลวง
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 51
bobo
16/02/2012 10:24:21
จากความแห้งแล้งกลับกลายมาชุ่มชื้น จากผืนทรายกลับกลายเป็นดิน ด้วยพระบารมีของทั้ง สองพระองค์
จากความแห้งแล้งกลับกลายมาชุ่มชื้น จากผืนทรายกลับกลายเป็นดิน ด้วยพระบารมีของทั้ง สองพระองค์
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 52
bobo
16/02/2012 10:25:45
ในหลวงพระองค์ทรงงาน หนักและเหนื่อย เพื่อราษฎรของพระองค์ให้เป็นสุข
ในหลวงพระองค์ทรงงาน หนักและเหนื่อย เพื่อราษฎรของพระองค์ให้เป็นสุข
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 53
bobo
16/02/2012 10:26:11
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงทุ่มเทพระวรกายตรากตรำ และมุ่งมั่นเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพสกนิกรชาวไทย
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงทุ่มเทพระวรกายตรากตรำ และมุ่งมั่นเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพสกนิกรชาวไทย
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 54
bobo
16/02/2012 10:26:32
ความเสียหายของชาติจะบานปลาย ถ้าคนไทยขาดความจงรักภักดี ต่อสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์
๓๓ ไทยเรามีสถาบันพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุขปกครองประเทศมาช้านาน ทรงเป็นศูนย์รวมดวงใจของคนทั้งชาติ
ความเสียหายของชาติจะบานปลาย ถ้าคนไทยขาดความจงรักภักดี ต่อสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์
๓๓ ไทยเรามีสถาบันพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุขปกครองประเทศมาช้านาน ทรงเป็นศูนย์รวมดวงใจของคนทั้งชาติ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 55
bobo
16/02/2012 10:27:06
พระองค์ทรงเป็นพระมหาบพิตรที่สถิตในดวงใจของปวงประชา
พระองค์ทรงเป็นพระมหาบพิตรที่สถิตในดวงใจของปวงประชา
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 56
bobo
16/02/2012 10:27:25
พระองค์ทรงเป็นผู้นำตามแนวพระราชดำริ ให้เจริญรอยตามเบื้องพระยุคคลบาทด้วยเศรษฐกิจพอเพียง
พระองค์ทรงเป็นผู้นำตามแนวพระราชดำริ ให้เจริญรอยตามเบื้องพระยุคคลบาทด้วยเศรษฐกิจพอเพียง
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 57
bobo
16/02/2012 10:27:45
ร้อยรัดดวงใจเพื่อเทิดไท้องค์ราชัน ที่พระองค์ทรงฝ่าฟันให้ไทยนั้นได้ร่มเย็น
ร้อยรัดดวงใจเพื่อเทิดไท้องค์ราชัน ที่พระองค์ทรงฝ่าฟันให้ไทยนั้นได้ร่มเย็น
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 58
bobo
16/02/2012 10:28:22
เราเป็นไทยมาได้จนถึงทุกวันนี้ก็ด้วยพระบารมีของพ่อหลวง
เราเป็นไทยมาได้จนถึงทุกวันนี้ก็ด้วยพระบารมีของพ่อหลวง
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 59
bobo
16/02/2012 10:28:47
๓ สถาบันหลักของชาติไทยเป็นมรดกมาจากบรรพบุรุษของเรา
๓ สถาบันหลักของชาติไทยเป็นมรดกมาจากบรรพบุรุษของเรา
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 60
bobo
16/02/2012 10:29:15
ธงชาติไทยมี ๓ สี แต่ละสีมีความหมาย ช่วยไทยรักสามัคคี
ธงชาติไทยมี ๓ สี แต่ละสีมีความหมาย ช่วยไทยรักสามัคคี
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 61
bobo
16/02/2012 10:34:28
ในหลวงพระองค์ทรงงานหนักและเหนื่อย เพื่อราษฎรของพระองค์ได้มีความสุข
ในหลวงพระองค์ทรงงานหนักและเหนื่อย เพื่อราษฎรของพระองค์ได้มีความสุข
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 62
bobo
16/02/2012 10:36:00
พระองค์ทรงเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งชาติ
พระองค์ทรงเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งชาติ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 63
bobo
16/02/2012 10:36:45
พระองค์ทรงเป็นมหาราชปกครองแผ่นดินโดยธรรม
พระองค์ทรงเป็นมหาราชปกครองแผ่นดินโดยธรรม
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 64
bobo
16/02/2012 10:37:12
จากความแห้งแล้งกลับกลายมาชุ่มชื้น จากผืนทรายกลับกลายเป็นดินดี ด้วยพระบารมีของทั้ง ๒ พระองค์
จากความแห้งแล้งกลับกลายมาชุ่มชื้น จากผืนทรายกลับกลายเป็นดินดี ด้วยพระบารมีของทั้ง ๒ พระองค์
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 65
bobo
16/02/2012 10:37:58
เราคนไทย เรารัก เราเทิดทูน ในหลวงของเรา
เราคนไทย เรารัก เราเทิดทูน ในหลวงของเรา
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 66
bobo
16/02/2012 10:38:59
ผู้ใดกระทำให้สถาบันหลักของชาติสั่นคลอน เสียหาย ผู้นั้นไม่สมควรมีชีวิตยืนอยู่บนผืนดินไทย
ผู้ใดกระทำให้สถาบันหลักของชาติสั่นคลอน เสียหาย ผู้นั้นไม่สมควรมีชีวิตยืนอยู่บนผืนดินไทย
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 67
bobo
16/02/2012 10:39:28
ความจงรักภักดีต่อสถาบันอันสูงสุด ถือว่าเป็นหน้าที่หนึ่งของคนไทยทุกคน
ความจงรักภักดีต่อสถาบันอันสูงสุด ถือว่าเป็นหน้าที่หนึ่งของคนไทยทุกคน
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 68
bobo
16/02/2012 10:39:57
พระบารมีอันแผ่ไพศาล ย่อมบริบาลผู้ที่มีความจงรักภักดีตลอดไป
พระบารมีอันแผ่ไพศาล ย่อมบริบาลผู้ที่มีความจงรักภักดีตลอดไป
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 69
better
16/02/2012 10:40:18
ผู้ใดคิดร้ายทำลายชาติจะพินาศจนสิ้นดี ผู้ใดจงรักภักดีจะสวัสดีศรีมงคล
ผู้ใดคิดร้ายทำลายชาติจะพินาศจนสิ้นดี ผู้ใดจงรักภักดีจะสวัสดีศรีมงคล
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 70
better
16/02/2012 10:40:42
บรรพบุรุษท่านต่อสู้กอบกู้ชาติ ศาสน์ ราชัน แล้วเราเป็นใครกันไม่รักษาให้จงดี
บรรพบุรุษท่านต่อสู้กอบกู้ชาติ ศาสน์ ราชัน แล้วเราเป็นใครกันไม่รักษาให้จงดี
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 71
better
16/02/2012 10:41:00
ราชันราชินีบารมีคู่แผ่นดิน หากแม้นไทยเราสิ้นจะสูญสิ้นแผ่นดินธรรม
ราชันราชินีบารมีคู่แผ่นดิน หากแม้นไทยเราสิ้นจะสูญสิ้นแผ่นดินธรรม
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 72
better
16/02/2012 10:41:36
แหลมทองจะเป็นไฟหากชาติไทยไร้ราชัน จะมีแต่ฆ่าฟันเพื่อห้ำหั่นแย่งชิงดี
แหลมทองจะเป็นไฟหากชาติไทยไร้ราชัน จะมีแต่ฆ่าฟันเพื่อห้ำหั่นแย่งชิงดี
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 73
ร้อย ปสส.ที่ ๒ ส.พัน.๓๕
01/03/2012 11:17:44
- ข้าพระพุทธเจ้า จะดำเนินรอยตามการสร้างคุณงามความดีอย่างพระองค์
- “เพียงพอ” “พออยู่พอกิน” ทำให้คนไทยทุกคนได้รู้จักยืนอยู่ได้ด้วยตนเอง
- ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน อยู่คู่ฟ้าคู่แผ่นดินไทย ทรงเป็นมิ่งขวัญของประชา ตราบชั่วกาลนิรันดร์
- ขอให้ในหลวงทรงเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้ร่มเงาแก่พสกนิกรทั่วหล้า
- ขอให้ในหลวงทรงหายจากพระอาการประชวรใน เร็ววัน
- ขอสดุดีมหาราชาผู้เปี่ยมไปด้วยทศพิธราชธรรม
- ข้าพเจ้าจะทำแต่ความดีเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พ่อหลวง
- ข้าพระพุทธเจ้า จะดำเนินรอยตามการสร้างคุณงามความดีอย่างพระองค์
- “เพียงพอ” “พออยู่พอกิน” ทำให้คนไทยทุกคนได้รู้จักยืนอยู่ได้ด้วยตนเอง
- ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน อยู่คู่ฟ้าคู่แผ่นดินไทย ทรงเป็นมิ่งขวัญของประชา ตราบชั่วกาลนิรันดร์
- ขอให้ในหลวงทรงเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้ร่มเงาแก่พสกนิกรทั่วหล้า
- ขอให้ในหลวงทรงหายจากพระอาการประชวรใน เร็ววัน
- ขอสดุดีมหาราชาผู้เปี่ยมไปด้วยทศพิธราชธรรม
- ข้าพเจ้าจะทำแต่ความดีเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พ่อหลวง
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 74
ร้อย.ปสส.ที่ ๒ ส.พัน.๓๕
13/03/2012 09:56:47
ขอให้ในหลวงมีพลานามัยที่แข็งแรงและขอให้ในหลวงอายุมั่นขวัญ ขวัญยืนตลอดไป
ขอให้ในหลวงมีพลานามัยที่แข็งแรงและขอให้ในหลวงอายุมั่นขวัญ ขวัญยืนตลอดไป
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 75
ร้อย.ปสส.ที่ ๒ ส.พัน.๓๕
14/03/2012 09:26:50
ขอให้ประเทศไทยสงบสุขเพื่อให้พ่อหลวงสบายพระทัย ขอให้พระองค์ ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน และพระอนามัยแข็งแรง
ขอให้ประเทศไทยสงบสุขเพื่อให้พ่อหลวงสบายพระทัย ขอให้พระองค์ ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน และพระอนามัยแข็งแรง
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 76
ร้อย ปสส.ที่ ๒ ส.พัน.๓๕
15/03/2012 08:58:08
ความเสียหายของชาติจะบานปลาย ถ้าคนไทยขาดความจงรักภักดี ต่อสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์
๓๓ ไทยเรามีสถาบันพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุขปกครองประเทศมาช้านาน ทรงเป็นศูนย์รวมดวงใจของคนทั้งชาติ
ความเสียหายของชาติจะบานปลาย ถ้าคนไทยขาดความจงรักภักดี ต่อสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์
๓๓ ไทยเรามีสถาบันพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุขปกครองประเทศมาช้านาน ทรงเป็นศูนย์รวมดวงใจของคนทั้งชาติ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 77
งบประมาณ รพ.ค่ายเสนาณรงค์
15/03/2012 10:17:43
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 78
งบประมาณ รพ.ค่ายเสนาณรงค์
15/03/2012 10:21:15
9qsiy7
9qsiy7
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 79
งบประมาณ รพ.ค่ายเสนาณรงค์
15/03/2012 10:45:46
ทรงเป็นพระมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยตลอดกาล
ทรงเป็นพระมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยตลอดกาล
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 80
งบประมาณ รพ.ค่ายเสนาณรงค์
15/03/2012 10:53:35
ร่วมรักสามัคคีเพื่อพ่อหลวงทรงสบายพระทัย และมีพระชนม์ยิ่งยืนนาน
ร่วมรักสามัคคีเพื่อพ่อหลวงทรงสบายพระทัย และมีพระชนม์ยิ่งยืนนาน
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 81
รพ.ค่ายเสนาณรงค์
30/04/2012 11:06:34
รักพ่อเชื่อฟังพ่อก็อยู่รอดโดยปลอดภัย รักไทยหวงแหนไทยรักษาชาติ ศาสน์ ราชัน
รักพ่อเชื่อฟังพ่อก็อยู่รอดโดยปลอดภัย รักไทยหวงแหนไทยรักษาชาติ ศาสน์ ราชัน
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 82
รพ.ค่ายเสนาณรงค์
30/04/2012 11:35:49
ไทยเรามีสถาบันพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุขปกครองประเทศมาช้านาน ทรงเป็นศูนย์รวมดวงใจของคนทั้งชาติ
ไทยเรามีสถาบันพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุขปกครองประเทศมาช้านาน ทรงเป็นศูนย์รวมดวงใจของคนทั้งชาติ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 83
รพ.ค่ายเสนาณรงค์
30/04/2012 11:37:47
พระองค์ทรงเป็นพระมหาบพิตรที่สถิตในดวงใจของปวงประชา
พระองค์ทรงเป็นพระมหาบพิตรที่สถิตในดวงใจของปวงประชา
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 84
รพ.ค่ายเสนาณรงค์
30/04/2012 11:38:18
พระองค์ทรงเป็นผู้นำตามแนวพระราชดำริ ให้เจริญรอยตามเบื้องพระยุคคลบาทด้วย เศรษฐกิจพอเพียง
พระองค์ทรงเป็นผู้นำตามแนวพระราชดำริ ให้เจริญรอยตามเบื้องพระยุคคลบาทด้วย เศรษฐกิจพอเพียง
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 85
รพ.ค่ายเสนาณรงค์
30/04/2012 11:38:46
ร้อยรัดดวงใจเพื่อเทิดไท้องค์ราชัน ที่พระองค์ทรงฝ่าฟันให้ไทยนั้นได้ร่มเย็น
ร้อยรัดดวงใจเพื่อเทิดไท้องค์ราชัน ที่พระองค์ทรงฝ่าฟันให้ไทยนั้นได้ร่มเย็น
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 86
รพ.ค่ายเสนาณรงค์
30/04/2012 11:39:11
เราเป็นไทยมาได้จนถึงทุกวันนี้ก็ด้วยพระบารมีของพ่อหลวง
เราเป็นไทยมาได้จนถึงทุกวันนี้ก็ด้วยพระบารมีของพ่อหลวง
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 87
รพ.ค่ายเสนาณรงค์
30/04/2012 11:39:36
๓ สถาบันหลักของชาติไทยเป็นมรดกมาจากบรรพบุรุษของเรา
๓ สถาบันหลักของชาติไทยเป็นมรดกมาจากบรรพบุรุษของเรา
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 88
รพ.ค่ายเสนาณรงค์
30/04/2012 11:40:03
ธงชาติไทยมี ๓ สี แต่ละสีมีความหมาย ช่วยไทยรักสามัคคี
ธงชาติไทยมี ๓ สี แต่ละสีมีความหมาย ช่วยไทยรักสามัคคี
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 89
รพ.ค่ายเสนาณรงค์
30/04/2012 11:40:48
ชาติไทยผ่านพ้นวิกฤตมาหลายคราด้วยพระบารมีของล้นเกล้า
ชาติไทยผ่านพ้นวิกฤตมาหลายคราด้วยพระบารมีของล้นเกล้า
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 90
รพ.ค่ายเสนาณรงค์
30/04/2012 11:41:08
ในหลวงพระองค์ทรงงานหนักและเหนื่อย เพื่อราษฎรของพระองค์ได้มีความสุข
ในหลวงพระองค์ทรงงานหนักและเหนื่อย เพื่อราษฎรของพระองค์ได้มีความสุข
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ตอบกระทู้ :
"เทิดพระเกียรติ ในหลวง"
รายละเอียด :
ชื่อ :
รหัสความปลอดภัย :
ตกลง
ตั้งค่าใหม่
แจกหูพิเศษ :
แจ้งลบกระทู้ / ข้อความ
สาเหตุ :
โพสที่แจ้งลบ
แจ้งโดย
เหตุที่แจ้ง
สถานะ