สวัสดีครับเพื่อนๆ พี่ๆ ทุกคน
ก่อนอื่นขอออกตัวก่อนนะครับว่าการรีวิวครั้งนี้ ไม่มีเจตนาอะไรแอบแฝง และผมก็ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับทาง 1964Ears แต่อย่างได้นะครับ
ผมมารีวิวในฐานะคนที่ชอบฟังเพลง และอยากแบ่งปันประสบการณ์นะครับ เพราะผมก็อาศัยอ่านมามากครับ
ผมเห็นพวกสมาชิกใน Head-Fi บางคนรีวิวแล้วได้ส่วนลดด้วย ผมหละอิจฉาจริงๆ ฮ่าๆๆๆ
ผมขออนุญาตเกริ่นนิดนึงนะครับ เผื่อมีท่านไหนสนใจจะได้ไปอ่านต่อได้
ผมได้รู้จักกับ 1964Ears จากกระทู้ใน Head-fi กระทู้นี้ครับ http://www.head-fi.org/forum/thread/519457/1964-ears-the-appreciation-thread
ก็เลยไปหาข้อมูลเพิ่ม ก็ได้เจอกับ Website ของบริษัท ซึ่งคือเว็บนี้ครับ
http://1964ears.com/
และ Facebook Page คือหน้านี้ครับ http://www.facebook.com/pages/1964-EARS/128535227179813?v=info
ซึ่งก็มีรูปของหูฟังให้ดูหลายๆ รูป
ซึ่งบอกตรงๆ ว่า ครั้งแรกที่เข้าไปในเว็บของเค้า บอกได้คำเดียวว่า เว็บเห่ยมากกก
ถ้าเทียบกับเว็บของ JHAudio แล้วคนละเรื่องเลยครับ
แต่พอเข้าไปดูในส่วนของ Products ก็มีสิ่งที่น่าสนใจครับ
4 drivers $500
3 drivers $350
2 drivers $275
ค่าส่งมาไทย $50 และฟรีค่าส่งสำหรับ 4 drivers ครับ
ผมก็เลยศึกษาเพิ่มเติม โดยลองโหลด spec sheet มาอ่าน
http://1964ears.com/spec_sheets.pdf
แต่ผลก็คือ ไม่รู้เรื่องครับ
ที่รู้คร่าวๆ ก็คือตัว 1964-Q จะให้ความถี่ต่ำ ได้ดีกว่ารุ่นอื่นๆ
และเค้าบอกว่า 1964-T จะให้เสียงที่เป็นธรรมชาติที่สุดครับ
หลังจากที่ประทับใจกับราคาที่เอื้อมถึง
ผมจึงตัดสินใจที่จะติดต่อไปสอบถามข้อมูลกับ 1964Ears ครับ
ซึ่งหลังจากส่งเมลไปๆ มาๆ อยู่หลายฉบับ ก็พบว่า 1964Ears ถือว่าเป็นบริษัทที่ให้บริการดีมากๆ เลยครับ
ไม่เคยให้ผมต้องรอเมลเกินหนึ่งวัน นอกจากช่วง long weekend
เริ่มแรกผมสนใจ 1964-D 2 Drivers ครับ เพราะราคาย่อมเยาว์ ต่ำกว่าหมื่นหละครับ
แต่คุยไปคุยมา ผมดันสั่ง 1964-T ไปได้ยังไงก็ไม่รู้ ฮ่าๆๆๆ
ขั้นตอนการสั่งก็คือ
1. ผมเริ่มจากคิด Design ที่ผมต้องการ และคุยกับทาง 1964 ว่าทำได้มั้ย ส่งเมลไป ส่งเมลมา สอง สามรอบ ก็ได้ข้อสรุป ซึ่งสิ่งที่ทาง 1964 ให้เราเลือกได้ โดยไม่เสียเงินก็คือ
-สีของ Faceplate (โดยปกติ 1964 จะมี logo ของเค้าอยู่ที่ faceplate โดย default ถ้าเราไม่ได้สั่งอะไร)
-สีของ Shell
-สีของ Ear tips
-สีของสาย black, clear และความยาวสาย 50, 64
ซึ่งแต่ละข้างสามารถเลือกสีที่ไม่เหมือนกันได้ และยังสามารถส่งรูปที่มีสีที่ต้องการ เพื่อให้เค้านำไปเทียบสีได้อีก
โดย design ที่ผมสั่งไปคือ
Solid black faceplate โดยไม่เอา logo แต่ให้นำ logo ไปแทนที่ ชื่อย่อของผมข้างขวา ที่จะอยู่ด้านใน
Clear Shell
Red trans. right tip
Blue trans left tip
clear cable 60
ทาง 1964 จะมี option ให้เราเพิ่มได้ โดยต้องเสียเงินเพิ่ม 50$ เช่น carbon faceplate, glitter, custom artwork , ambient ports. แต่ผมไม่ได้เพิ่มอะไรเลย กะจะมาเลเซอร์ในไทยครับ ฮ่าๆๆ
2. ผมก็ไปทำ ear impressions และส่ง ems แนบ order ไปให้ 1964
3. ทาง 1964 จะส่ง invoice ของ paypal มาให้เราครับ ให้เราจ่ายเงิน
4. รอครับ ฮ่าๆๆ (เป็นช่วงเวลาที่ทรมานที่สุด)
หลังจากทาง 1964 เค้าทำหูฟังให้เราเสร็จแล้ว เค้าก็จะเอารูปขึ้น facebook ครับ เราก็สามารถเข้าไปดูได้ครับ
วิธีการส่งของกลับ ทาง 1964 จะใช้ USPS EMS นะครับ ซึ่งเราสามารถตกลงกับเค้าให้ devalue สินค้าได้ครับ
แต่ของผม ผมบอกให้เค้าไม่ต้องระบุหูฟังมาเลยครับ ให้ระบุเฉพาะกล่อง กลับสายเปลี่ยนครับ
ผลคือ ไม่ต้องเสียเงินช่วยชาติครับ และผ่านออกมาจากด่านเร็วมาก (อันนี้ได้เทคนิคจากพี่ในบอร์ดนี้แหละครับ ขอบคุณมากๆ ครับ)
ระยะเวลาหลังจากเค้าส่งของออกมาแล้วประมาณ 5 วันครับ ของก็จะมาถึงที่บ้านเรา
เนื่องจากช่วงที่ผมสั่ง เป็นช่วงที่ order ของเค้าเยอะมาก ผมเลยต้องรอเป็นระยะเวลานาพอสมควรเลยครับ
ผมส่ง impressions ไปวันที่ 10 /12/2010 ครับ
ได้รับหูฟังกลับมาวันที่ 15/01/2011 ครับ ประมาณเดือนกว่า
แต่ก่อนที่จะได้รับหูฟังกลับมา ผมก็เกิดเปลี่ยนใจจาก 1964-T ไปเป็น 1964-Q ครับ
เพราะอ่านรีวิวไปๆ มาๆ และปรึกษากับทาง 1964 เลยคิดว่าน่าจะชอบ 1964-Q มากกว่า
เพราะตอนแรกที่สั่ง 1964-T เพราะกลัวว่าตัว 4 drivers เบสมันจะบวมครับ
แต่หลังจากถาม 1964 แล้ว เค้าบอกว่า 4drivers จะมีเบส ที่ deep กว่ารุ่นอื่นๆ และไม่ไปกวนช่วงความถี่ย่านอื่นครับ
ก็เลยเปลี่ยนใจ และจ่ายเงินเพิ่มไป 100$ ครับ
หลังจากนั้นผมยังเปลี่ยนใจจาก solid black faceplate ไปเป็น clear faceplate ครับ
และเปลี่ยนจาก clear cable เป็น black cable ครับเพราะกลัวสายเขียว
ซึ่งทาง 1964 ก็ให้เปลี่ยนเต็มที่ครับ
ผลออกมาก็อย่างที่เห็นในรูปนี้เลยครับ
มาถึงรีวิวเรื่องรูปลักษณ์ภายนอกและสิ่งที่เค้าให้มานะครับ
-กล่องซึ่งมีสลักชื่อของเรา และคู่มือครับ
- ในกล่องครับ มีโฟมที่มีสัญลักษณ์ อยู่ที่ฝา
-ตัวหูฟังครับ
- สิ่งที่มีในกล่องครับ ที่เห็นเป็นขวดๆ คือเจลหล่อลื่นนะครับ ฮ่าๆๆๆ ใครจะเอาไปใช้ทำอย่างอื่นก็ได้นะครับ
-สายที่ได้มา น่าจะเหมือนของ westone (เท่าที่อ่านพวกฝรั่งมันบอกมา และเท่าที่ดูเองด้วย)
ซึ่งผมถาม 1964 แล้ว สามารถใช้สายร่วมกับ westone, jhaudio ได้ครับ
เนื่องจากนี่เป็นหู custom ตัวแรกของผม ผมเลยไม่สามารถเทียบความปราณีต ของ shell กับยี่ห้ออื่นได้นะครับ
แต่สำหรับตัวหูฟังตัวนี้ ผมก็ถือว่าพึงพอใจเลยครับ ออกมาตามที่ผมคิดไว้ สวยงามตรงใจเลยครับ
การสวมใส่
ตอนแรกใส่ยากมากคร้าบบบบบ อาจจะเพราะเป็นครั้งแรกของหูผมด้วย ที่ต้องโดน ciem ฮ่าๆๆ
แต่หลังจากถอดๆ ใส่ๆ อยู่ สองสามครั้ง ก็ค่อยชินครับ
ใส่พอดีครับ โดยผมไม่จำเป็นต้องใช้น้ำยาหล่อลื่นเลยครับ ฮ่าๆๆ กะว่าคงเอาไปทำอย่างอื่น
มาถึงส่วนที่ทุกคนอยากรู้นะครับ
รีวิวเรื่องเสียง
ก่อนอื่นขอออกตัวไว้ก่อนนะครับ ว่าผมไม่ได้มีโอกาสที่จะฟังหูฟังหลายๆ รุ่น และตัวนี้ก็เป็น custom ตัวแรก ซึ่งถ้าจะให้เปรียบเทียบกับหูฟังรุ่นอื่น ก็คงไม่สามารถทำได้นะครับ
เอาเป็นว่าผมพูดถึงเสียงที่ผมรู้สึกเมื่อฟังหูฟังตัวนี้แล้วกันนะครับ
ส่วนถ้าใครอยากเปรียบเทียบจริงๆ ผมยินดีให้มาลองฟังนะครับ ติดต่อผมมาทาง pm ก็ได้ครับ
วันนี้พึ่งเป็นวันแรกที่ได้ลองฟัง ผมของพูด First Impression คร่าวๆ ก่อนแล้วกันนะครับ
รายละเอียด ไว้ผมได้ฟังซักพัก แล้วจะมา update นะครับ
เท่าที่ผมลองฟัง โดยฟังกับ Hifiman HM-602 นะครับ เปิดความดังที่ Low Gain 2 ครับ
File Flac นะครับ
โดยฟังเพลงดังนี้ครับ
Wise to the line - Sheffield Lab Drum and Track
เสียงเบสเป็นเบสที่มีคุณภาพครับ หมายความว่า ปริมาณไม่ได้เยอะจนกลบย่านความถี่อื่นเลย เบสกระชับดีครับ ไม่บวม ไม่เบลอ
ส่วนเสียงเครื่องเคาะ แฉ ก็แยกออกไป ไม่มีการกวนกันครับ
เสียงกิ๊งๆ เพราะดีครับ ไม่รู้จะอธิบายยังไง ฮ่าๆๆ
Malaga - Malaga
เสียงเครื่องดนตรีแต่ละชิ้น แยกจากกันดีครับ ไม่มีกวนกัน
กีตาร์ตัวนึงอยู่บนหัว เยื้องไปด้านหน้า
อีกตัวอยู่ด้านขวา ขึ้นไปด้านบนหน่อย
มีเครื่องเคาะด้านซ้าย และขวา ไม่สูงมาก
เสียงตบมือมาจากด้านหลัง
เป็นสามมิติดีครับ ประทับใจมาก
คือพอฟังเพลงที่ไม่มีเบส ก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันเบลอๆ มัวๆ แต่อย่างใดครับ
Blame it on the boogie - Susan Wong
เสียงร้องมาจากด้านหน้าครับ ไม่ไกลมาก
ในขณะที่เครื่องดนตรี ส่วนใหญ่ จะมาจากด้านหลัง ครับ
Rhythm Basket -Brent Lewis - Old McDonald
เสียงเครื่องเคาะ และเสียงสัตว์ต่างๆ วนรอบหัวเลยครับ
มีเสียงกลองอะไรผมก็ไม่รู้ชื่อ ตีได้แน่นมากครับ
Last Christmas - Bonnie Lam
เสียงร้องอยู่กลาง บนหัว เยื้องไปด้านหน้าหน่อยครับ หวานอิ่มดีมากเลยครับ
เสียงเปียโนเป็น ฉากอยู่ด้านหลังครับ
มีเสียงเคาะปิ๊งๆ เป็นบางครั้ง เพราะดีครับ ไม่รู้เรียกว่าอะไร
เสียงเคาะเพอร์คัสชั่น และเสียงเครื่องเคาะต่างๆ เพราะมากครับ
Chico Freeman - Mandela
เสียงแซก เนียนดีครับ ไม่มีบาดหูเลยครับ
ส่วนเครื่องดนตรีอื่นๆ ก็แยกเป็น สามมิติ ตามตำแหน่ง เหมือนเพลงอื่นๆ ครับ ไม่มีทับกันให้รำคาญใจ
Eagle - Hotel California (Live)
เสียงกลองตอนต้นเพลง กระเดื่องแน่นดีครับ
สามารถแยกตำแหน่งกีตาร์แต่ละตัวได้ครับ
เสียงเครื่องดนตรีจะออกเยื้องไปด้านหลังหน่อย
และเสียงร้องก็อยู่ตรงกลาง บนหัว เยื้องไปดานหน้าครับ
เสียงกีตาร์ ใส่ดีครับ เสียงเบสไม่มากสนเสียงกีตาร์ให้หม่นหมองแบบที่ผมกลัวไว้ตอนแรก ฮ่าๆๆ
X-JAPAN - Joker
เสียงคนเดินไปเปิดประตูตอนแรก ค่อยๆ ไล่จากซ้ายไปขวาเลยครับ
กลองมี impact ดีครับ ฟังแล้วมันมาก
Sheffield Lab Heritage - Imaging Test Track
ให้ image ที่ดีครับ สามารถบอกตำแหน่ง ซ้าย ขวา ระยะ ได้ครับ
แล้วที่ผมชอบก็คือ พวกเสียงที่ไล่จากซ้ายไปขวา จะค่อยไปไล่ไปครับ
ไม่มีอาการ ที่จากซ้าย แล้วพรวดพราดไปขวาเลย
Gadamaylin - Open your ears
เสียงต่างๆ บางทีมาเหมือนไม่ได้ใส่หูฟังอยู่เลยครับ
และเป็นหูฟังตัวแรกที่ผมฟังเพลงนี้แล้วเพราะ ฮ่าๆๆ
ก่อนหน้านี้ ฟังเพลงนี้แล้วจะรู้สึกว่า อัดเสียงเบสมาห่วย จริงๆ ไม่ชอบเลย
แต่พอมาฟังด้วยหูฟังนี้ เฮ้ยๆ เบสมันลงลึกได้อีกนี่หว่า
ไม่อั้นๆ แบบที่ฟังก่อนหน้านี้ ผมไม่รู้จะอธิบายยังไงนะครับ ขอให้คำบ้านๆ ฮ่าๆๆ
ฟังเพิ่มอีกเพลงครับ Poem of chinese drums - burmester
เสียงกลองสุดยอดมากเลยครับ ได้ยินเสียงสั่นของหนังกลอง ได้อารมณ์มากครับ
พอแค่นี้ก่อนแล้วกันนะครับ ขอไปฟังเพลงต่อก่อนนะครับ
ถ้ามีอะไรเพิ่มเติม ผมจะเข้าไป update ให้ทราบนะครับ
-เพิ่มเติมนิดนึงนะครับ
พอดีมีพี่เค้าถามเรื่องเสียงสูง เทียบกับ Triple Fi10 นะครับ
ผมขอออกตัวก่อนว่า ผมไม่เคยเป็นเจ้าของ Triple fI10 นะครับ
แต่เคยฟังอยู่พักหนึ่งครับ ความเห็นผมอาจจะไม่ถูกต้องนัก ก็ขออภัยไว้ล่วงหน้าด้วยนะครับ
คือเสียงสูง ของ 1964-q กับ tf10 มันจะคนละ style กันครับ
ถ้าเป็น tf10 เสียงมันจะเด่น กว่า
แต่ถ้าเป็น 1964-q เสียงสูงมันจะไม่ได้เด่นออกมามาก มันจะ smooth ครับ ผมว่ามันเลยเป็นเหตุผลที่ทำให้มันไม่บาดหูเลย
แต่ก็ไม่ได้แบบว่าอยู่ดีๆ เสียงสูงหายไปนะครับ คือเสียงสูงมีครับ แต่ไม่ได้เด่นออกมามากเกิน เสียงกลาง และต่ำครับ
แต่ผมไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะ hm602 หรือเปล่านะครับ เพราะตอนผมฟัง tf10 ผมฟังกับ ipod photo
สุดท้าย ผมขอบอกไว้นะครับ ว่าที่ผมรีวิว ไว้ มันอาจจะไม่เที่ยงตรงมากอะไรนะครับ เพราะผมเขียนจากความรู้สึกตอนที่ฟังอยู่ล้วนๆ นะครับ ไม่ได้ฟังเทียบกับหูฟังอื่นๆ นะครับ
และยังอาจจะมีอุปธาน จากการที่เห่อของใหม่อีกด้วยนะครับ
ดังนั้น ถ้ายังไงก็อ่านพอเป็นไอเดียนะครับ
อย่าเชื่อ 100% เพราะผมก็ไม่ได้มีประสบการณ์มากมายอะไรนะครับ
สุดท้ายนี้ ถ้าผมเขียนอะไรยังไม่ดี ต้องขออภัยด้วยนะครับ เป็นรีวิวแรกที่ผมเขียนเลย ^^
ขอบคุณทุกๆ คนที่เข้ามาอ่านนะครับ
ออม