
Review - Sony MDR-PQ1
พระกาฬหล่อเหลาสาวเหลียว โดย เจ้า SaChaz จ้า .........
-------------------------------------------------------------------------------
กราบสวัสดีพี่น้องและมิตรรักแฟนๆ หูฟังทุกท่าน นานมากแล้วนะครับที่เราไม่ได้เจอกันในรีวิวหูฟังอย่างเคยๆ กว่าค่อนปีที่ผ่านไป เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับชีวิต :D
สำหรับผมแล้ว พูดได้คำเดียวว่าชีวิตยุ่งเหยิงวุ่นวายไร้ความสุขมากๆ ครับ หลักๆ ก็คงเป็นเรื่องการงาน ที่ขึ้นๆ ลงๆ สอดคล้องไปกับสถานะการณ์ทางการเมืองประเทศสารขัณฑ์ในขณะนั้น เรียกได้ว่าเปลี่ยนงานกันมันส์ไม่แพ้เปลี่ยนหูฟังเลยล่ะครับ (เกือบมีวาสนาได้ไปทำงานเป็นลูกน้องเฮียและพี่เบียสซะรอบหนึ่ง แฮะๆ) ยังดีที่มีคนใกล้ตัว เพื่อนฝูง และครอบครัวคอยรั้งๆ ไว้บ้าง ไม่อย่างนั้นชีวิตผมจะไปทางไหนก็ไม่รู้เหมือนกัน...

อ่าววว อย่าเพิ่งเบื่อกันสิครับ แหม คนเราไม่ได้เจอกันนานก็ขอบ่นบ้างอะไรบ้างครับ เอาเป็นว่าเข้าเรื่องกันดีกว่าครับ ย้ำกันอีกรอบครับว่านี่คือรีวิวหูฟังไม่ใช่ศาลาคนเศร้า ขออภัยที่นอกเรื่องไปบ้างครับ แฮะๆ
ครับ อย่างที่ผมจั่วหัวกระทู้มาตั้งแต่ต้นเจ้าหูฟังที่ผมจะนำมารีวิวให้ทุกท่านได้ยลกันในวันนี้นั้นก็ได้แก่ Sony MDR-PQ1 พระกาฬหล่อเหลาใส่แล้วสาวเหลียว หนึ่งในรุ่นท๊อปสูงสุดของไลน์หูฟังใหม่จาก Sony “PIIQ” ที่ทาง Sony จับตลาดวัยสะรุ่นแนว Hip-Street
ด้วยการเน้นหนักไปที่การออกแบบหูฟังแต่ละชิ้นจากเครื่องประดับและเสื้อผ้าแนว Street เจ๋งๆ แต่คงไว้ด้วยเอกลักษณ์ทางด้านเสียงของ Sony เอง แถมแต่ละรุ่นนั้นก็มีชื่อเล่นเป็นของตัวเองด้วย ซึ่งเจ้า PQ-1 นั้นทางทีมออกแบบก็ได้แนวคิดในการออกแบบมาจากกระดานเล่นสโนว์บอร์ดและเรียกชื่อมันว่า Marqii (มันแปลว่าอะไรใครบอกผมทีครับ -*-)
ฝอยกันมานาน แกะกล่องกันดีกว่าครับ,

เอาล่ะครับ ทุกท่านจะสังเกตได้ว่าหลังจากแกะกล่องมา ในแพคเกจของ PQ-1 หรือ Marqii นั้น “ไม่มีเป็ดไม่มีห่านอะไรเลย” นอกจากหูฟังและใบรับประกันแผ่นเดียว ทั้งนี้ทั้งนั้นผมมองได้หลายอย่าง อย่างแรกคืออาจจะเพราะที่มันเป็นหูฟัง Full-Size มันเลยไม่มีอุปกรณ์เสริมอะไรให้มากมายเหมือนอย่างกับหูฟัง In-Ear
อย่างที่สองก็คือมันเอาไว้ขาย”วัยยยยสะรุ่นส์” ที่ไม่ต้องการภาระอะไรมากมายกับชีวิต ซื้อมา โยนกล่อง ยัดหู วิ่งไปเหล่สาวได้อย่างว่องไวอะไรประมาณนั้น อย่างที่สามก็คือ “ราคา” นี่ละครับประเด็นหลักเลย ราคาของมัน (เจ้า Marqii) มือหนึ่งประกันศูนย์อยู่ที่ประมาณ 3,000 บาทไทยต้นๆ

นับได้ว่าอยู่ในระดับเดียวกันกับหูฟังที่ เน้นหนักไปในด้านดีไซนต์เจ้าอื่นๆ ในตลาด (แถมไม่แลดู Lame เหมือนเจ้าอื่นในสายตาของผม) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเรื่องเสียงที่ให้จะไม่เอาอ่าวเหมือนหูฟังจำพวกเดียวกันหรือไม่นั้น เราจะมาพิสูจน์กันในวรรคต่อๆ ไปโน่นนนนนนนครับ (ยังฝอยอีกนานครับ XD)
จากวรรคที่แล้วนั้น อย่างที่เราทราบๆ กันดีครับ หูฟังเท่ห์ๆ มักจะเสียงไม่ดี หูฟังเสียงดีๆ มักจะไม่เท่ห์ และหูฟังที่ทั้งเท่ห์และเสียงดีจะมีราคาแพงอิ๋บอ๋าย แต่เสียงรือเสียงเล่าอ้างจากเว็บไซต์และผู้ใช้ต่างประเทศนั้นไม่ได้จัดให้เจ้า Marqii อยู่ในกลุ่มดังกล่าวครับ

เสียงตอบรับของมันจัดว่าดีมากเลยทีเดียวไม่ว่าจะเป็นเรื่องของวัสดุงานดีไซต์หรือแม้กระทั่งเสียงที่ถูกคอกับฮิปฮอป ป๊อป ร๊อค ตรงตามความต้องการของกลุ่มเป้าหมายถือเป็นนิมิตรหมายอันดีของการเปิดตัวหูฟังแฟชั่นของทาง Sony เอง (แว่วๆ มาว่าทาง Sony Thai เตรียมดันพลพรรค PIIQ กันสุดๆ อีกด้วยละครับ แสดงว่าของเค้าอาจจะดีจริงก็ได้)
ครับ,หลังจากเลื้อยเข้ารกเข้าพงมาซะนาน เข้าเรื่องกันต่อดีกว่า แม้ว่า Marqii นั้นมันจะดูเท่ห์เหลือหลายแต่ท่านชายหลายๆ ท่านคงสงสัยปนหนักใจกับสีของเจ้า PQ-1 กันอยู่ไม่น้อยเนื่องจากมันแลดูเป็นสีชมพู้ชมพูใส่แล้วจะตุ้ดส์แตกหรือเปล่าหนอ? ผมก็คงต้องขอบอกกันตรงนี้มาสีชมพูของ Marqii นั้นดูไม่เหมือนชมพูออกสาวสักเท่าไรครับ เรียกได้ว่าเป็นชมพูที่ทอมใช้ได้ตุ้ดส์ใช้ดีหนุ่มสาวใช้พอดีๆ เลยล่ะครับ
งานประกอบโดยรวมของ PQ-1 นั้นจัดได้ว่าเข้าขั้นมาตรฐาน มีความสวยงามและแลดูจะสามารถใช้งานได้คงทนในระยะยาวในส่วนของเรื่องวัสดุที่ Sony นำมาใช้กับนั้น Marqii ส่วนใหญ่จะเป็นพลาสติก กำมะหยี่และยางสังเคราะห์ สีสรรค์ไม่ต้องพูดถึงดูกันตามรูปเลยครับ

คราวนี้มาเจาะทีละส่วนกันบ้างเริ่มจากส่วนที่คาดด้านบนของหูฟังที่เป็นพลาสติกหุ้มกำมะหยี่สีดำพร้อมสกรีนลวดลายและโลโก้ตามสไตล์และธีมออกแบบของ PIIQ เค้าละ
และถ้าเราพลิกกลับเข้ามาด้านในของส่วนเดิมก็จะให้สีสันอันเป็นเอกลักษณ์ของ Marqii (สีชมพู) พร้อมหนุนหัวที่ยื่นมาออกมาสามฐานตามรูป ตามความคิดของผมแล้วเป็นอะไรที่เจ๋งมากน่าจะมีในรุ่นอื่นด้วยแฮะ

เอาล่ะกระเถิบลงมาหน่อยที่ฐานหรือแขนยึดของเจ้า Marqii ตรงนี้ทางทีมออกแบบได้สลักกราฟฟิกทั้งแบบนูนและแบบลึกในธีมเดิม จุดเด่นที่เห็นคงเป็นตัวอักษรบอกข้างของหูฟังและโลโก้ PQ ที่เด่นนักแล
ยังไม่หมดแค่นั้นครับส่วนนี้ยังมีอีกอย่างที่เจ๋งเป้งสุดๆ หลบๆ หลืบๆ อยู่ นั่นก็คือที่ยึดแขนแบบตรีนตุ๊กแกนั่นเองครับ ไม่มีอีกแล้วสำหรับการหลวมลื่นของแกนแขนยึดหูฟัง วีธิใช้งานก็ง่ายๆ ครับ ดึงออก เลื่อนปรับขนาด ติดเข้าเหมือนเดิม เท่านี้เองครับเรียบง่ายและใช้งานได้จริงจนนึกไม่ถึงเลยทีเดียวเชียวละครับ (เคยอ่านสัมภาษณ์ทีมงานออกแบบเค้าว่ามาว่าออกแบบไว้สำหรับกันหูฟังกระชากผมตอนถอดครับ)

มาต่อกันที่ส่วนสุดท้ายนั่นก็คือเฮาส์ซิ่งหรือ Ear Cup นั่นเองครับ ด้านนอกนั้นก็ (น่าจะ..มั้งผมไม่แน่ใจ) ประกอบไปด้วยพลาสติกหุ่มกำมะหยี่สีดำสกรีนลายพาดด้วยเส้นสายสีชมพู
ถัดเข้ามาอีกนิดก็เป็นส่วนหนังเทียมครอบหูสีดำ ต่อด้วยภายในที่ทาง Sony ใช้การวางไดร์ฟเวอร์แบบลาดเอียงตามรูป ซึ่งผมพบว่านอกจากมันจะให้ความสบายหูที่มากกว่าแล้วมันยังให้มิติเสียงดีกว่าการวางแบนๆ แบบธรรมดาอีกด้วย
หลังจากที่ยลรูปร่างไปเรียบร้อย เราก็ได้มาถึงจุดสำคัญของการรีวิวนี้ (จริงๆ แล้วบางท่านคงอยากให้ผมเขียนแค่นี้ก็พอ แฮะๆ ) นั่นก็คือเรื่องของเสียงนั่นเองครับ อย่างที่บอกไปก่อนหน้าครับ ถ้าเราถือเอาราคาเป็นเกณฑ์หน้าตาความเท่ห์ของหูฟังจะแปลผกผันกับคุณภาพเสียงที่ได้จากมัน

สารภาพเลยว่าผมเองก็รู้สึกอย่างนั้นเหมือนกันกับเจ้า Marqii ในครั้งแรกที่ต่อมันเข้ากับ Walkman X Series และสวมมันเข้าหู เสียงที่ได้จากมันเมื่อแรกแกะกล่องนั้นเรียกไว้ว่าสะเปะสะปะเหมือนเสียงลูกแมวตกน้ำ เสียงกลางหายไป เสียงสูงมาไม่หมด เสียงเบสมาครบๆ แต่หนักเกินไป แน่นอนตามสูตรที่ผมคงต้องทำการเดินลมปราณของเจ้า Marqii สีชมพูเสียหน่อย เบาะๆ สัก 50 ชม ละกัน…..
50 ชั่วโมงผ่านไปไวเหมือนโกหก (แต่ผมไม่ได้โกหกนะ ผมเบิร์นเจงๆ) จนเมื่อผมรู้สึกว่าเจ้า Marqii นั้นน่าจะเกรียมได้ที่แล้ว ผมจึงบรรจงหยิบเจ้า X-Series Walkman Xเพื่อนยากมาวางไว้ด้านขวาและบรรจงหยิบ Portable Amps ที่ยืมมาอย่าง iBasso D4 Mamba ไว้ด้านซ้าย พร้อมๆ กับหยิบเจ้า Marqii สวมหัวและปรับมุมที่เหมาะสมทันทีเพื่อทดสอบสมรรถนะที่แท้จริงของหูฟังหน้าตาดีตัวนี้…..เอย
เพลงแรกที่ผมเลือกคือเพลงจากวง POP ดูโอชาย – หญิง ที่ผมชื่นชอบเป็นอย่างมากและภาวนาว่าสักวันจะหา CD เพลงลิขสิทธิ์ของวงนี้มาสะสมให้ครบเสียจงได้ นั่นก็คือวง Swan-Dive นั่นเองครับ ส่วนเพลงที่เลือกก็คือเพลง The Day That I Went Home ที่มีความหมายเริ่ดมั่กกกมาก โดยเฉพาะกับเด็กบ้านนอกอย่างผม จุดเด่นของเพลงนี้ในด้านเสียงอยู่ที่การมีคุณภาพครบๆ อยู่ทุกช่วงเสียง ไม่ว่าจะเป็นเบส เสียงร้อง การไล่มิติและทิศทางที่พอประมาณ

หลังจากฟังdกลับไป-กลับมาสามสี่รอบ ผมพบว่าหลังจากที่ได้กรุยรมปราณไปแล้วจุดเด่นของเจ้าหุฟังสุดหล่อตัวนี้นั้นอยู่ที่เบสอันทรงพลังและค่อนข้างมีคุณภาพมีดีพเบสเล็กๆ เก๋ๆ ติดอยู่อีกด้วย เสียงสูงและการแยกชิ้นดนตรีนั้นก็ทำได้อย่างไม่เลว แต่ในเรื่องเสียงร้องและเสียงกลางนั้นดูท่าจะไม่ใช่จุดเด่นของ Marqii เสียแล้ว
ผมรีเชคจุดอ่อนด้านเสียงร้องของมันอีกครั้งด้วยการเลื่อนเปลี่ยนแทรคไปที่เพลง Billie Jeans อันโด่งดังในเวอร์ชั่นของอาเจ๊ Susan Wong ในช่วงอินโทร ติ๊งๆๆ ก่อนเสียงร้องนั้นเจ้า Maqii ทำได้ประทับใจจอร์จมากครับใสหนักแน่นตรึ้บ แต่พอมีเสียงร้องเข้ามาเท่านั้นละครับวัดได้เลยว่ามันคือจุดอ่อน เสียงร้องที่ผมได้ยินนั้นบางและปิดไม่ชัดเจนเหมือนกับที่ฟังในฟูฟังอื่นๆ จุดนี้ผมค่อนข้างมั้นใจในการทดสอบครับเนื่องจากเพลงที่ว่านี้ผ่านหูผมมาสักพันครั้งได้ แฮะๆ
แต่ถ้าไม่ใช่เรื่องเสียงร้อง (และสีชมพู) ล่ะก็ ผมกล้าพูดได้เลยครับว่า Maqii นั้นมีความโดดเด่นในเรื่องของความคุ้มค่าเรื่องเสียงมากกว่าหูฟังดีไซนต์สวยในระดับราคาเดียวกันอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นเบสที่ได้ เสียงสูง การแยกชิ้น ซาวด์สเตจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Impact ของ Deep Bass ที่สะท้านถึงใจ เกินความคาดหมายของผมมั่กๆ (แต่ว่าในจุดนี้ก็คงขึ้นอยู่กับการบันทึกเสียงด้วยในอัลบั้มของ Bruno Mars นั้นทุกๆ เพลงเบสจะถึงใจโจ๋วมากติดดีพนิดๆ สะเทือนนักแล แต่ในอัลบั้มของ Timbaland (Shock Value) นั้นทั้งๆ ที่น่าจะมีการบันทึกที่ดีกว่าแต่เบสมันหายไปไหนหมดไม่รู้แฮะ )
สิ่งที่อดพูดถึงอีกอย่างไม่ได้ก็คือการสวมใส่นั่นเองครับ ในจุดนี้ก็ต้องขออวยทีมออกแบบ Maqii กันเต็มๆ การสวมใส่ถอดเข้าถอดออกทำได้อย่างดีไม่มีการรับประทานเส้นผมผู้ใส่ Earcup ไม่เล็กเกินไปคนหูกว้างอย่างผมใส่ได้สบาย แต่มีอาการหนีบหัวเล็กน้อย อาจจะแก้ไขได้เมื่อใช้ใส่ไปนานๆ

คุณภาพเสียงโดยรวมของ Marqii หลังจากต่อแอมป์แล้วนั้นจัดได้ว่ายอดเยี่ยม จุดอ่อนด้านเสียงร้องถูกเติมจนมาแบบพอดีๆ เสียงเบสทรงพลังมากกว่าเดิมมาก เรียกได้ว่ามีการปรับปรุงละพัฒนาอย่างเห็นแจ้งแจ่มจริงในทุกๆ ด้านเสียงเมื่อผูกกับแอมป์ที่คู่ควร (ในรีวิวนี้คือ iBasso D4 Mamba)
แต่ถ้าถามถึงกำลังขับ เจ้าสุดหล่อนั้น Maqii ไม่ต้องใช้ Amp ก็สามารถรีดประสิทธิภาพพลังเสียงออกมาได้หมดหมดครับ X Series ที่ว่าแรงขับน้อยๆ นั้นผมปรับเสียงไปที่ 24/30 ก็หูแตกแล้วครับ (ขึ้นอยู่กับสภาพสิ่งแวดล้อมด้วยล่ะเน่อครับ)
อีกเรื่องหนึ่งที่ผมอยากจะบอกก็คือนอกจากผู้ใส่ Marqii เดินไปมานั้นจะดูหล่อในชาตินี้แล้ว อาจจะหล่อไปถึงชาติหน้าด้วยผลบุญของการแบ่งบันความสุขด้านโสตประสาท เนื่องด้วยเหตุว่าแม้ว่าจะดูเหมือนเป็นหูฟังแนว Close แต่การเก็บเสียงนั้นยังไม่ผ่านเกณฑ์สักเท่าไร แต่สิ่งนี้จะเป็นจุดดีหรือด้อยนั้นขึ้นอยู่กับคนใส่ละกันนะครับ

สรุปแล้ว MDR-PQ 1 นั้นตามความคิดของผมน่าจะเป็นหูฟังแฟชั่นที่คุ้มค่าโคตรๆ ในเรื่องของเสียงที่สุดแล้วด้วยราคาขนาดนี้ วัยรุ่นหนุ่มสาวท่านใดที่เป็นคอฮิปฮอปป๊อบร๊อค ไทยจีนญี่ปุ่นและต้องการมองเห็นหูฟังสักตัวที่เป็นทั้งอุปกรณ์ฟังเพลงและเครื่องประดับเครื่องแต่งกาย ไม่มีผิดหวังครับสำหรับคุณภาพของเสียงและดีไซต์ที่ท่านจะได้กับหูฟังสีสวยเสียงดีตัวนี้ จัดหนักกันตามใจชอบเลยครับ !!
ปล. อ่อ ผมลืมไป มัน “ถอด” เปลี่ยนสายได้ด้วยนะครับ