1.ถ้าแอมหูฟัง ส่นใหญ่ก็มีแค่ class A กับ AB ครับ

ไม่รู้จะอธิบายไงเหมือนกัน คือ A เนี่ย ขยายทางเดียว

AB มี 2 ฝั่งช่วยกันขยาย ประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน

AB ดีกว่า A มาก แต่มันก็มีโอกาสทำงานผิดพลาดมากกว่า A

คิดซะว่า 2 คนทำงานด้วยกัน มันก็มีโอกาสขัดแข้งขัดขากัน

แต่ทำคนเดียว ไม่มีใครให้ขัด

2.ทั้งเหมือนกัน และต่างกัน เอาง่ายสุดๆ preamp เน้นปรับสภาพสัญญาณ

power amp เน้นขยายแรงๆเอาออกลำโพงหรือหูฟัง (ผมไม่พูดเรื่องโหลดนะ)

3.แบบแยกก็มีครับ แต่ถ้ามันขับออก-และใช้นานๆไม่พัง ก็ใช้รวมในตัวเดียว

ก็ไม่ผิดครับ ที่จริงนอกจาดเรื่อง ดัง-ไม่ดัง มันมีเรื่อง โหลดที่เขา ออกแบบ

ไว้ด้วยครับ ทั้งโหลดที่สัญญาณเข้า และโหลดที่กำลังขับมันออกมา

4.SS ประหยัดไฟ เรื่องเสียงไม่มีตายตัว ไม่มีอะไรดีกว่ากัน แต่ในกรณีที่

โหลด(หูฟัง) ต้องการกระแสสูงๆ แอมหลอดที่มี output transformer

ได้เปรียบ ถ้าเล่น SS ต้อง over size ไปใช้ IC รุ่นใหญ่ๆ หรือเทคนิคใช้

แบบลำโพง PA ผมว่ามันอันตรายกับ driver หูฟังน่ะครับถ้าพลาดเปิดดัง

1.แอมป์โดยทั่วไปมีหลายคลาสครับ Class A, AB, B, C, Class T ก็มีจ้า

2.ปรีแอมป์จะเป็นภาคปรับแต่งเสียงครับ แต่พาวเวอร์จะเป็นภาคขยาย โดยรับสัญญาณที่ปรีแอมป์ปรับแต่งเรียบร้อยแล้วมาขยายต่อนั่นเองจ้า

3. แอมป์หูฟังมันเป็นคล้ายๆ กับปรีแอมป์กับเพาเวอร์รวมกันครับ คือปรุงแต่งเสียงปุ๊บ แล้วก็ขยายปั๊บในตัวเดียวกันไปเลยน่ะครับ

4. มันให้ลักษณะเสียงแตกต่างกันครับ SS อาจจะปราดเปรียวว่องไว ในขณะที่หลอดอาจจะเยื้องย่าง สง่างาม หวานๆๆ เอาใจหูหน่อยๆๆ ครับ

ไม่ค่อยมีข้อจำกัดตายตัวแล้วครับ เพราะว่าแอมป์แต่ละชนิดนั้นทำเสียงทดแทนกันได้ใกล้เคียงกันแล้วในปัจจุบัน เรียกว่าต้องเลือกจากความชอบของแต่ละท่านว่าต้องการอะไรบ้างจากแอมป์ล่ะจ้า แอมป์หลอดเหมือนๆ กัน แต่ต่างสไตล์กันไปเลยก็มีเช่นกันล่ะครับ 555

tube is very best