เชียงใหม่ตามใจฉัน
22 ตุลาคม 2553 ผมมีโอกาสได้ไปทำอะไรตามใจตัวเองอีกครั้งที่เชียงใหม่
ครั้งนี้เป็นครั้งที่3แล้วครับ สำหรับการเดินทางไปเที่ยวเชียงใหม่ของผม หลังจากที่ได้ไปเที่ยวเชียงใหม่ครั้งแรกในชีวิตเมื่อปี 2551
ตอนนั้นตื่นเต้นมากครับ สนุกและมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก จนทำให้ผมต้องเดินทางไปเที่ยวอีกในทุกๆปีหลังจากนั้น แต่ครั้งนี้มันต่างจากครั้งก่อนๆตรงที่ ผมดันทุรังขับรถไปเองนี่แหล่ะครับ เพราะรถทัวร์เต็มหมด และก็ไม่เคยรู้เส้นทางเลย เพราะครั้งก่อนๆก็หลับบนรถทัวร์อย่างเดียว
เอ้า..ไปก็ไป อาศัยว่ามีแผนที่เก่าๆติดมือไปด้วย แล้วก็สังเกตป้ายบอกทางเอา เพราะฉะนั้นถ้าหลงทางก็ถือว่าผมไม่ผิดเพราะครั้งแรกย่อมมีผิดพลาด แล้วเรื่องหลงทางกับผมมันเหมือนเป็นของคู่กันมาตั้งแต่เกิดแล้วครับ ผมยึดคติที่ว่า “แผนที่..ไหนเลยจะสู้ความรู้สึกเราได้” เพราะความมั่นใจในความรู้สึกอย่างเต็มปรี่ของผมนี่แหล่ะครับ ที่ทำให้ผมมักจะได้เข้าไปในที่แปลกๆที่ผมไม่ได้ตั้งใจอยากจะไปอยู่บ่อยครั้ง..5555
โชคดีที่เส้นทางที่ขาไป น้ำไม่ท่วมเลย แต่ที่ลุ้นคือ น้ำมันครับ ผมอยู่ลำพูน ช่วงขึ้นเขา แล้วมันไม่มีปั๊ม ตอนนั้นก็ประมาณหกโมงเย็นกว่าๆได้ แต่มันมืดน่ากลัวมาก แต่พอลงเขาแล้วก็โชคดีเจอปั๊มครับ รีบแวะเข้าไปเติมเลย ไม่งั้นอาจจะต้องลงไปโบกรถสิบล้อหล่ะครับ
19.30น. ผมมาถึงเชียงใหม่แล้ว..ไชโย ไชโย ไชโย ดีใจยังกับได้เฮียย์เป็นเมีย
สิ่งแรกที่นึกถึงคือเรื่องกินครับ มื้อแรกของผมที่นครเชียงใหม่คือข้าวต้มกุ๊ยครับ
แหม..ชื่อมันช่างตรงกับนิสัยผมเสียเหลือเกิน คือมันหิวมากๆหล่ะ แต่ก็กินด้วยอาการสุภาพครับ ไม่อยากให้เค้าว่าเอาได้ว่าคนกรุงเทพฯอดอยาก ทั้งข้าวต้มทั้งผัดผักบุ้งทั้งผัดกุ้ยช่ายขาวทั้งยำไข่เค็ม ไหลมารวมกันอยู่ตรงคาง ยังกับแม่น้ำปิง วัง ยม น่าน ที่ไหลมาบรรจบกันฉันนั้น คือเลอะเทอะมากเลยหล่ะผม แต่ช่างเหอะ มีตังค์จ่าย กินยังไงก็ได้..55
แต่พอเช็คบิลมา 300กว่าบาท เฮ้ย..นี่มันข้าวต้มจากป่าหิมพานต์หรือไงเนี่ย เลยถามราคาไล่ทีละอย่างเลย คนที่เช็คบิลเค้าก็ชี้ที่โต๊ะผม อันนี้ 50+50+30+15+10 แล้วก็ชี้ไปอีกโต๊ะ 50+50+50+50 ผมก็มองตาม เฮ้ย..มึงบ้าแล้ว มันดันไปนับจานบนโต๊ะที่อยู่ด้านหลังผมด้วย ซึ่งคนอื่นเค้ากินเสร็จแล้วเช็คบิลไปแล้ว แต่จานยังอยู่ ยังไม่เก็บ ผมบอกโต๊ะนั้นไม่เกี่ยว ไม่เชื่อดูที่คางผมก็ได้ ว่าผมกินอะไรไปบ้าง
สักพักคนเก็บตังค์ก็เรียกเด็กมา ผมก็เอาแล้ว กะให้เด็กมากระทืบกูโชว์แขกโต๊ะอื่นว่างั้น ผมก็เตรียมจะกดเบอร์โทรหาเจ้าเต๋อย์(Rimyom)ให้มาช่วยรับเท้าแทนหน่อย อย่างน้อยจะได้เจ็บหารสอง แต่ไม่ใช่หล่ะ แกเรียกเด็กมาด่าโชว์ผมว่า มึงผิดนะ ทำไมไม่ยอมเก็บจานโต๊ะนี้ เด็กมันก็ก้มหน้าก้มตา รับผิดไป
ส่วนผมก็นิ่งๆ แต่ในใจก็คิดว่ากูอยากจะตบกบาลพร้อมบิดหัวนมมึงโชว์เด็กซะเหลือเกิน ไอ้ตูดหมึก แล้วก็ไม่มีคำขอโทษใดๆออกมาจากปากของชายผู้นั้น...ผมก็ไม่เป็นไร แต่อย่าให้เห็นมานั่งกินข้าวต้มแถวย่านศรีนครินทร์ก็แล้วกัน ที่เชียงใหม่โอเค..ผมยอม