ฮาโหลๆๆๆๆ ไม่มีใครตอบเลย

ถ้าจะให้ได้ 24bit จริงๆ ควรเล่นจากแผ่นโดยตรง และอุปกรณ์ที่ใช้เล่น ต้องรองรับ 24bit ด้วยนะครับ การ rip file มันจะดรอบลงมาเป็นเรื่องปกตินะครับ

ใช้ DBpoweramp ดูครับ เลือก bitrate ที่ต้องการ rip ได้

ผมใช้ DBpoweramp อยู่ครับ ต้องปรับเป็น 24 เองหรอครับ ปกติผมปรับให้มันเป็น as source ตลอดเลย

24 bits digital master ผมเข้าใจว่ามันมาเป็น file แล้ว copy ลงเครื่องได้เลยนะเนี่ย

^
คิดเหมือนผมเลยครับ

ตกลง rip ได้ไหมว่า ???

ถ้า as source อยู่แล้ว มาเท่าไหร่มันก็ควรจะไปเท่านั้นอยู่นะครับ

เดี๋ยววันอาทิตย์ถ้ามีเวลาต้องลอง rip แผ่น 24 bit ดูมั่งแล้ว ได้แผ่นมาไงยังนอนอยู่หยั่งงั้นนานแล้ว 555

ตอนแรกผมคิดว่า CD Computer ทั่วไปมันอ่านได้แค่ 16 bit นิครับ

^
^

ตรงนี้ขึ้นอยู่กับพวก dac รึ d/a interface ว่ารองรับ 24 bit รึปล่าว

ถ้า soundcard on board รึเป็น dac 16 bit ก็ไม่มีประโยชน์ ที่จะใช้ 24 bit หละ

จากที่เจ้าของกระทู้ถาม "แผ่น 24 บิต" ที่คุณบอกนี่
ใช่คำว่า "24 bit digital mastering" บนหน้าปกอย่างนี้หรือเปล่าครับ
http://www.cduniverse.com/search/xx/music/pid/7055618/a/No.+1's.htm

ถ้าใช่ เขาหมายความว่าขั้นตอนการทำเพลงน่ะเป็น 24 บิต (24 bit digital mastering)
แต่ตัว Audio CD น่ะ มันก็ยังเป็นไฟล์ 16 บิตเหมือนเดิมครับ (มาตรฐาน Audio CD มันกำหนดไว้แค่นี้)
(ความจริงแล้ว ขั้นตอนการทำเพลงทั้งในไทยและต่างประเทศ ก็ใช้ 24, 32 บิต เป็นเรื่องปกติมานานแล้วครับ
ไม่ใช่เรื่องต้องตื่นเต้นอะไร)

แต่ถ้าตัวแผ่น 24 บิตที่ว่านั้นมันมีคำอื่น อย่างเช่น.. มีโลโก้ HDCD
อันนี้ก็เป็นอีกเรื่องนึงครับ ไว้ค่อยพิมพ์ทีหลัง ตอนนี้ขี้เกียจ

^
^

ออ เข้าใจและครับ คอบคุณครับ

แล้วถ้าเป็นพวก HDCD SACD นี้เวลาเปิดในคอมมันจะเป็น 24 bit หรือป่าวครับ

การ ทำงานในระบบดิจิตอลนั้นจะมีสภาวะการทำงานเพียง 2 สภาวะเท่านั้น ซึ่งอาจจะเป็นสภาวะต่างๆ กันได้มากมาย เช่น ปิด - เปิด ,จริง - เท็จ ,สูง - ต่ำ , มี - ไม่มี เป็นต้น การทำงานในคอมพิวเตอร์จะใช้สัญญาณไฟฟ้าที่มีเพียง 2 ระดับในการทำงานเช่นกัน ได้แก่สภาวะมีไฟและไม่มีไฟ และหากนำตัวเลขในระบบเลขฐานซึ่งมนุษย์คิดค้นขึ้นมาแทนสภาวะ 2 สภาวะมาแทนการทำงานดังกล่าว ก็คงจะหนีไม่พ้นระบบตัวเลขฐานสอง ซึ่งมีตัวเลขในฐานให้ใช้เพียง 2 ตัวด้วยกันซึ่งได้แก่ เลข 0 และ 1 ดังนั้นหากเป็นสภาวะที่มีไฟจะถูกแทนด้วยตัวเลข 1 และในสภาวะไม่มีไฟจะถูกแทนด้วยตัวเลข 0 ในขณะที่มนุษย์จะใช้ตัวเลขในระบบฐานสิบ ซึ่งมีตัวเลขให้ใช้ 10 ตัว ได้แก่ 0,1,2,3,4,5,6,7,8 และ 9

ดังนั้นการที่ เราจะให้คอมพิวเตอร์เข้าใจถึงสิ่งต่าง ๆ ที่มนุษย์ป้อนให้แก่มันนั้น คอมพิวเตอร์จะต้องทำการเข้ารหัสหรือแปลงข้อมูลเหล่านั้นให้อยู่ในรูปแบบของ ระบบเลขฐานสองเสียก่อน เพราะเมื่อเป็นเลขในระบบฐานสองแล้วคอมพิวเตอร์ก็จะเข้าใจและสามารถประมวลผล ได้จนเสร็จสิ้น ต่อจากนั้นคอมพิวเตอร์จึงจะแปลงกลับให้ไปเป็นข้อมูลที่สื่อกับผู้ใช้ที่เข้า ใจได้

ประเภทของข้อมูลที่ถูกเก็บในคอมพิวเตอร์
แบ่งได้เป็น 2 ประเภท ด้วยกันกล่าวคือ
1. ข้อมูลที่เป็นประเภท Alphanumeric จะเป็นข้อมูลที่ประกอบไป ด้วยตัวอักษรสัญลักษณ์พิเศษ เมื่อถูกเก็บอยู่ในคอมพิวเตอร์จะต้องมีการเข้ารหัสเป็นรหัส ASCII (แอสกี้)หรือ EBCDIC(อีบีซีดิก) อย่างใดอย่างหนึ่งเสียก่อนคอมพิวเตอร์จึงจะเข้าใจได
้ 2. ข้อมูลที่เป็นประเภท Numeric จะเป็นตัวเลขที่สามารถใช้ในการ คำนวณได้ ซึ่งเมื่อมีการป้อนข้อมูลเหล่านี้เข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์ มันจะทำการแปลงตัวเลขประเภทนี้ให้อยู่ในรูปแบบของเลขฐานสองเสียก่อน จึงจะสามารถทำการประมวลผลได้

ตัวเลข 0 และ 1 แต่ละตัวในระบบเลขฐานสองนั้นจะถูกเรียกว่า บิต(Bit) ย่อมาจากคำว่า Binary Digit ซึ่งเป็นหน่วยพื้นฐานที่ใช้แทนข้อมูลที่ถูกเก็บอยู่ในคอมพิวเตอร์ เช่น 101010102 มีทั้งหมด 8 บิต หรือเราอาจจะมองตัวเลขฐานสอง 1 บิตเป็นเสมือนกับสายไฟ 1 เส้นในลายวงจรทางไฟฟ้าซึ่งจะมีหน้าที่ในการขนถ่ายข้อมูลจากที่หนึ่งไปสู่อีก ที่หนึ่ง และในสายไฟ 1 เส้น หรือ 1 บิตนั้นมันจะมีค่าเป็นได้แค่เพียง 0 หรือ 1 เท่านั้น

ข้อมูลหรือตัว อักษรต่าง ๆ ในโลกนี้มีมากมายหลายชนิด ดังนั้นจึงไม่สามารถใช้ตัวเลขฐานสองเพียง 1 บิตแทนตัวอักขระที่มีอยู่มากมายในโลกนี้ได้ จึงต้องตัวเลขในฐานสองหลาย ๆ บิตมาประกอบกันเพื่อแทนตัวอักขระต่าง ๆ การรวมตัวเลขในระบบฐานสองจำนวนหลาย ๆ บิตเข้าด้วยกันจะสามารถแทนตัวอักษร ตัวอักขระ หรือตัวเลข ต่าง ๆ ได้ และการรวมตัวเลขฐานสองเข้าด้วยกันจำนวน 8 หลัก หรือ 8 Bit จะถือเป็น 1 Byte หรือ 1 ตัวอักษร หรือ 1 อักขระนั่นเอง ไบต์ยังถือเป็นหน่วยของความจุข้อมูลที่เล็กที่สุดด้วย การจัดเก็บข้อมูลในคอมพิวเตอร์จะเป็นการจัดเก็บในรูปแบบของตัวเลขฐานสองนั่นเอง เช่น อักษร A จะมีตัวเลขฐานสองประกอบกันและเข้ารหัสจะได้เป็น 1100000122 หรือ B = 1100001022 เป็นต้น

หน่วยของความจุข้อมูล
1,024 Byte เท่ากับ 1 Kilobyte (KB.)
1,048,576 Byte เท่ากับ 1 Megabyte (MB.)
1,073,741,824 Byte เท่ากับ 1 Gigabyte (GB.)
1,099,511,627,776 Byte เท่ากับ 1 Tera byte (TB.)

ในเครื่องคอมพิวเตอร์จะมีส่วนประกอบที่เรียกว่า บัส (Bus) หรือ ช่องทางการขนถ่ายข้อมูล ถ้าจะมองกันง่าย ๆ มันก็เปรียบเสมือนกับเป็นถนนที่ให้รถแล่นไปมานั่นแหละครับ บัสเป็นเรื่องที่ต้องทำความเข้าใจและจินตนาการให้ดีเนื่องจากมันไม่มีตัวตน ให้เราเห็นได้ ในบัสจะมีเส้นทางเดินของข้อมูล (Data Paths) ซึ่งสามารถที่จะส่งข้อมูลจากที่หนึ่งให้ไปอีกที่หนึ่งได้ภายในคอมพิวเตอร์ สมมติว่าคอมพิวเตอร์เครื่องนั้นมีความกว้างของบัสขนาด 8 บิต(Bit) ก็หมายความว่าใน 1 ช่วงเวลา(แล้วแต่จะถูกกำหนดว่าจะให้เป็นเท่าไหร่ สมมติว่าเป็น 1 วินาทีนะครับ) จะสามารถขนถ่ายข้อมูลไปสู่จุดหมายปลายทางได้ข้อมูล 1 Byte (8 Bit = 1 Byte) ถ้าหากมีความกว้างของบัสขนาด 16 Bit , 32 Bit หรือ 64 Bit ก็จะสามารถขนถ่ายข้อมูลได้ถึง 2 Byte ,4 Byte และ 8 Byte ตามลำดับ ดังนั้น หากว่าช่องทางบัสมีความกว้างมาก ๆ การขนถ่ายข้อมูลจากที่หนึ่งไปสู่อีกที่หนึ่งก็จะได้จำนวนมากตามโดยใช้เวลา เท่าเดิม และมันจะทำให้การทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์นั้น ๆ มีความเร็วตามไปด้วยครับ

เมื่อทราบถึงหน่วยของความจุข้อมูลกันแล้ว ก็คงให้ทราบถึงความเร็วในการทำงานในช่วงเวลา ๆ หนึ่งกันด้วย เนื่องจากในเส้นทางเดินของข้อมูลหรือบัสนั้น ถึงจะมีขนาดความกว้างเป็นบิตกันแล้ว ในช่องทางนั้นจะต้องมีเรื่องของความเร็วหรือก็คือความถี่เข้ามาเกี่ยวข้อง ด้วย ตัวอย่างเช่น บัสมีขนาด 8 บิต หมายความว่า ใน 1 วินาที จะสามารถส่งข้อมูลจากจุดหนึ่งไปจุดหนึ่งได้ 1 ไบต์ ดังนั้น การกระทำการขนข้อมูล 1 ครั้งใน 1 วินาที จะถือว่าเป็นความถี่ 1 ครั้ง หรือ 1 เฮิร์ซ (Hertz) นั่นเอง แต่ในความเป็นจริงแล้วมันไม่ได้ใช้ความถี่แค่ 1 เฮิร์ซ (Hz) ในการทำงาน แต่ว่าความถี่ที่ถูกใช้ในการทำงานตรงบัสนี้จะมีความถี่เป็นล้าน ๆ ครั้ง เช่น บัสมีความกว้าง 32 บิต มีความเร็ว 100 เมกกะเฮิร์ซ (MHz) หมายความว่า ใน 1 วินาที จะสามารถขนถ่ายข้อมูลได้ เท่ากับ 4 Byte (32 บิต หารด้วย 8) แต่เนื่องจากมีความถี่ถึง 100 เมกกะเฮิร์ซ (MHz) (หนึ่งร้อยล้านครั้งใน 1 วินาที) ดังนั้นข้อมูลที่ถูกขนถ่ายไปจะมีค่าเท่ากับ 4 ไบต์ คูณกับ 100,000,000 Hz จะมีค่าเท่ากับ 4000,000,000 Byte ค่าตัวเลขความจุที่ได้นี้มีค่าเกิน 1 ล้านไบต์ เราจึงต้องทำหน่วยไบต์ให้เป็นหน่วยที่ใหญ่ขึ้นก่อน ทำได้โดยนำ 400,000,000 หารด้วย 1,048,576 Byte(จากตารางข้างล่าง) จะได้ค่าความจุประมาณ 381.47 มีหน่วยเป็น เมกกะไบต์ต่อวินาที (MB./sec)

หน่วยของความถี่
1,000 เฮิร์ท เท่ากับ 1 Kilohertz (KHz.)
1,000,000 เฮิร์ท เท่ากับ 1 Megahertz(MHz.)
1,000,000,000 เฮิร์ท เท่ากับ 1 Gigahertz (GHz.)
1,000,000,000,000 เฮิร์ท เท่ากับ 1 Terahertz (THz.)

และ แล้วเราก็ได้รู้จักกับคำว่า บิต ไบต์ และอื่น ๆ กันแล้วนะครับ คำต่าง ๆ เหล่านี้เราจะได้ยินได้เจาะเจอต่อไปในเนื้อหากันตลอดเวลา เนื้อหาต่อไปที่เราจะเข้าไปศึกษาเรื่องนั้นถือได้ว่าเป็นส่วนที่มีบทบาทมาก ทีเดียวในเครื่องคอมพิวเตอร์ การที่เราจะเลือกซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์สักเครื่องหนึ่งนะวันนี้ ก็เหมือนกับคุณเลือกซื้อเจ้าอุปกรณ์ตัวนี้นั่นเอง อุปกรณ์แรกที่เราจะได้เรียนรู้กันก็คือ หน่วยประมวลผลกลาง หรือถูกเรียกย่อ ๆ ว่า CPU (ซีพียู)

Visit Mr.Toyny Website www.technic-pc.com

โห ความรู้มากมายเลยคร้าบ ขอบคุณมากมายเลยคร้าบบ

ดันๆๆ คร้าบบ มีใครรู้ช่วยบอกหน่อยนะครับบ

HDCD หรือ CD 24bit 96 เปิดในคอม มันต้องได้ 24bit แน่ยิ่งกว่าแช่แป้งอยู่แล้วครับ ขึ้นอยู่กับ

อุปกรณ์ ของคุณ แต่ละช่วงที่ ถ่ายทอด ออกจากคอมไป สุดปลายทางที่ลำโพง ว่าลองรับหรือ

เปล่า ถ้ารองรับ แล้วมี อุปกรณ์อะไร เช่นว่า Dac หรือ Amp ที่สามารถโชว์ บ่งบอกว่า ข้อมูลที่ส่งไป

มาจากต้้นทาง 24 bit หรือ 16 bit ถ้า 24 bit ถ้ามันโชว์ วัดค่าได้ ก็หมายถึง ข้อมูลมันจะเยอะ

หน่อย อุปกรณ์ที่ใช้เล่น ยกตัวอย่างเช่น คล้ายๆ เหมือน ท่อ ส่งน้ำส่งอะไรก็แล้วแต่

นะครับ ถ้า 24bit ท่อก็ใหญ่หน่อย ถ้า 16bit ท่อก็เล็ก การส่งข้อมูลก็ไม่ได้เท่าท่อใหญ่

คอมพิวเตอร์ นี่ยิ่งกว่า เครื่องเล่น CD หรือ DVD ซะอีกครับ อภิมหาของเครื่องเล่นเลยก็ว่าได้

คอมพิวเตอร์นี่สุดยอดแห่งดิจิตอลแล้วละ สรุปว่าได้นะ รอท่านผู้เชียวชาญท่านอื่นมาตอบครับ

ให้ดู Sound Card บ้างรุ่นบ้างยี่ห้อนะครับ ยังบอกสเป็คว่ารองรับ 24bit เช่น

http://www.buycoms.com/spec.asp?ProductID=29741&ProductTypeID=35

สเป็คเค้าบอกใว้ว่ารองรับนะครับ อย่างรู้ว่ารองรับไหมต้องหาอุปกรณ์ต่อไปใช้งานที่โชว์นะครับ
Creative Sound Blaster Xterme Gamer
» รองรับพอร์ตเชื่อมต่อในแบบPCI
» รองรับช่องสัญญาณเสียงแบบ 7.1 แชนแนล
» ค่า Signal to Noise Ratio เท่ากับ109dB
» - THX
» - 24Bit/192KHz
» -X-Fi CMSS-3D
» -3D Midi, ASIO
» -มีช่อง DIGITAL I/O

ถ้าเครืื่องเล่น CD มีฮาร์ดดิส เก็บเพลง เก็บหนังได้เยอะ มีระบบประมวลผล Pentium แบบคอมพิวเตอร์ สามารถอัดได้ ก๊อปปี้ได้ ดัดแปลงได้ เหมือน คอม คุณคิดว่า ราคา เครื่องเล่น CD เครื่องนั่น จะราคาสักเท่าไหร่