ถ้าจะกล่าวถึงเมืองลับแล หลายๆท่านคงจะรู้จักว่าเป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดอุตรดิตถ์ ซึ่งมีตำนานที่กล่าวถึงเมืองลับแล ในหลายๆที่ คล้ายๆกัน
แต่ที่จะกล่าวถึงนี้จะมีรายละเอียดค่อนข้างเยอะ โดยจะขอคัดลอกบทความมาให้อ่านกันเพลินๆครับ
เมืองลับแลเป็นดินแดนที่มีความเป็นอยู่คล้ายกับมนุษย์ แต่ก็มีความเป็นอยุ่และดำรงไว้ในลักษณะของเทวดาคือ กึ่งมนุษย์ กึ่งเทวดา อาหารสิ่งของเครื่งอใช้บางอย่างก็ทำขึ้นเอง บางอย่างก็ถูกเนรมิตขึ้นมา เป็นสถานที่อยู่ในลักษณะกึ่งทิพย์กึ่งมนุษย์ สัตว์เดรัจไม่สามารถอาศัยอยู่ได้ เพราะมีความคงอยู่ในสภาพจิตหรือมีลักษณะในกายทิพย์ ยังมีการกินอยู่เหมือนมนุษย์แต่ไม่เหมือนซะทีเดียว
การเกิด เมืองลับแลเป็นลักษณะของหมู่บ้านมีทั่วไปตามภูเขาและป่าไม้เพราะต้องอาศัยสถานที่ที่จะทำการซ้อนของภูมิอย่างสงบละเว้นจากความวุ่นวายคือภูมิของเมืองลับแลต้องซ้อนอยู่กับป่าไม้และภูเขาเท่านั้น
ฉะนั้นในเมืองไทยก็มีเมืองลับแลทับซ้อนอยู่หลายแห่งแต่ละแห่งก็จะมีผู้ดูแลตามแต่ละจุดคือหัวหน้าหมู่บ้าน ต่างกันก็มีบ้างเพียงเล็กน้อย หรือมากน้อยตามภูมิเดิมที่ก่อนจะเกิดเป็นเมืองลับแล เช่น ถ้าเคยเกิดเป็น ครุฑ นาค มนุษย์ ยักษ์ หรือ สัตว์ต่าง ๆ ก็มักไม่รวมกันเป็นกลุ่ม แต่จะแยกไปอยู่ตามสังคม แต่จะแยกไปอยู่ตามสังคมของตน
แต่ส่วนมากชาวเมืองลับแลจะเกิดมาจาก ภูมิเทวดา ซึ่งเป็นเทวดาผู้มีบุญน้อย คือเมื่อทำบุญมาน้อยจะทำให้จิตหรือใจถูกกระทบได้ง่าย การเป็นเทวดาแล้วมัวหลงติดกับความสุขในการเสพอย่างเพลิดเพลินในสิ่งที่เป็นทิพย์ เมื่อจิตใจไม่เข้มแข้งพอทำให้เกินเลยขอบเขตของเทวดาไปได้เช่น ความต้องการต่าง ๆ จนผู้อื่นได้รับผลกระทบหรือกระทำอันใด ๆ ซึ่งมีผลกระทบกับผู้อื่นทำให้ผู้อื่นไม่รู้สึกยินดี หรือการกลั่นแกล้งผู้อื่น จาบจ้วงผู้อื่น กระทำสิ่งที่ไม่เหมาะสม ซึ่งเหล่านึ้เรียกว่าผิดกฏสวรรค์ มีอันทำให้เกิดการจุติหรือเกิดความความผิดที่กระทำการวินิฉัยเป็นได้โดยอัตโนมัติ ผลที่ได้รับอาจจะต้องตกนรก หรือไปเกิดเป็นมนุษย์ หรือสัตว์ หรืออย่างเบาก็ได้ลดชั้นการเป็นเทวดา โดยให้ไปเกิดยังเมืองลับแล
เมืองลับแลจึงได้ชื่อว่าเป็น สวรรค์ชั้นโลกมนุษย์ แต่ก็ไม่ได้ปะปนอยู่กับมานุษย์ แยกกันอยู่เป็นเมืองเป็นหมู่บ้าน มีความเป็นอยู่แบบกึ่งทิพย์ บ้างก็มีความอยากที่จะทำนาเพาะปลูกมีความสุขกับการประกอบอาชีพเพาะปลูก เพราะว่าไม่รู้จะทำอะไรดี เรียกว่า เป็นงานอดิเรก หรือการหาของป่า การปลูกพืชสมุนไพร และการรักษาศีลเป็นหลักสำคัญ
การกินอาหาร ก็เหมือนกัน จะเป็นเป็นไปในลักษณะของการกินทิพย์ เพราะอาหารที่ทำขึ้นมักเป็นการทำในลักษณะโบราณ คือการกวนข้าวทิพย์(ซึ่งมีลักษณะ สีขาว หรือ เหลืองนวล ๆ แล้วแต่จะจริตของผู้กวน) ซึ่งจะการเป้นการกินเพื่อความสิริมงคลหรือ บูชาเทพ พรหม หรือบูชาพระ เพราะคนเมืองลับแลไม่ต้องกินข้าวอยู่แล้ว
การลงมาของเทวดาที่จะมาเกิดยังเมืองลับแล จะลงมาในลักษณะของแดนสวรรค์ คือ เมื่อผิดกฏสวรรค์ก็ตกวืดลงมาเลย ไม่ต้องสอบสวนตดีความ เป็นไปในลักษณะอัตโนมัติ เมือตกมายังหมู่บ้านใดก็ต้องเข้าไปรายงานตัวกับหัวหน้าหมู่บ้าน ๆ จะพิจารณาว่าบุคคลนี้มีความสัมพันธ์ใดๆ กับคนในหมู่บ้านนี้หรือไม่ ก็จะส่งไปตามสถานะความผูกพันกับคนที่อยู่ก่อนแล้ว ซึ่งจะตกมาอยู่ตามภูมิลำเนาเดิมตอนเป็นคน เช่นเป้นคนภาคอิสาน(ก่อนตาย)และเป็นเทวดาทำผิดกฏ ก็จะถูกส่งมาให้อยู่ในเมืองลับแลแถวภาคอิสาน(ซึ่งข้อนี้ผู้รู้ ทั้งหลายทราบกันดี)
ความเป็นอยู่ ของคนเมืองลับแลคล้ายกับการอยู่กรรมของพระ หรือการอยู่กรรมของผู้ปฏิบัติธรรม แต่ยังดีที่ความเป้นอยู่นั้นอยู่อย่างทิพย์ มีกายเป็นทิพย์จึงไม่ต้องเปลี่ยนสภาพร่างกาย บางคนไม่ต้องกินก็ได้ ไม่ต้องอาบน้ำก็ได้ แต่จะมีความรู้สึกคล้ายมนุษย์ ชอบสังคม ขอบมีการดำรงชีวิต ขอบทำอย่างมนุษย์ แต่ก็มีธรรมเยมหรือกฏของเมืองลับแลอยู่ซึ่งชาวเมืองลับแลจะรู้ได้โดยอัตโนมัติคือรู้ได้ด้วยจิตถึงส่งที่พึงกระทำคือ
1. การรักษาศีลห้าอย่างเคร่งครัด
2. ห้าออกนอกเขตเมืองลับแลโดยไม่ได้รับอนุญาต
3. ห้าประพฤติปฏิบัติตัวเลินเล่อต่อสาธารณชน
4. ห้ามเสพเยี่ยงมนุษย์