Guest
หมวดหมู่ > เว็บบอร์ด จับฉ่าย

ช่องทางการติดต่ออื่น

  • Munkonggadget
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Contact Us

→→เล่าเรื่องเมืองลับแล←←

innosteam

17/09/2010 07:51:43
0
ถ้าจะกล่าวถึงเมืองลับแล หลายๆท่านคงจะรู้จักว่าเป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดอุตรดิตถ์ ซึ่งมีตำนานที่กล่าวถึงเมืองลับแล ในหลายๆที่ คล้ายๆกัน

แต่ที่จะกล่าวถึงนี้จะมีรายละเอียดค่อนข้างเยอะ โดยจะขอคัดลอกบทความมาให้อ่านกันเพลินๆครับ

เมืองลับแลเป็นดินแดนที่มีความเป็นอยู่คล้ายกับมนุษย์ แต่ก็มีความเป็นอยุ่และดำรงไว้ในลักษณะของเทวดาคือ กึ่งมนุษย์ กึ่งเทวดา อาหารสิ่งของเครื่งอใช้บางอย่างก็ทำขึ้นเอง บางอย่างก็ถูกเนรมิตขึ้นมา เป็นสถานที่อยู่ในลักษณะกึ่งทิพย์กึ่งมนุษย์ สัตว์เดรัจไม่สามารถอาศัยอยู่ได้ เพราะมีความคงอยู่ในสภาพจิตหรือมีลักษณะในกายทิพย์ ยังมีการกินอยู่เหมือนมนุษย์แต่ไม่เหมือนซะทีเดียว

การเกิด เมืองลับแลเป็นลักษณะของหมู่บ้านมีทั่วไปตามภูเขาและป่าไม้เพราะต้องอาศัยสถานที่ที่จะทำการซ้อนของภูมิอย่างสงบละเว้นจากความวุ่นวายคือภูมิของเมืองลับแลต้องซ้อนอยู่กับป่าไม้และภูเขาเท่านั้น

ฉะนั้นในเมืองไทยก็มีเมืองลับแลทับซ้อนอยู่หลายแห่งแต่ละแห่งก็จะมีผู้ดูแลตามแต่ละจุดคือหัวหน้าหมู่บ้าน ต่างกันก็มีบ้างเพียงเล็กน้อย หรือมากน้อยตามภูมิเดิมที่ก่อนจะเกิดเป็นเมืองลับแล เช่น ถ้าเคยเกิดเป็น ครุฑ นาค มนุษย์ ยักษ์ หรือ สัตว์ต่าง ๆ ก็มักไม่รวมกันเป็นกลุ่ม แต่จะแยกไปอยู่ตามสังคม แต่จะแยกไปอยู่ตามสังคมของตน

แต่ส่วนมากชาวเมืองลับแลจะเกิดมาจาก ภูมิเทวดา ซึ่งเป็นเทวดาผู้มีบุญน้อย คือเมื่อทำบุญมาน้อยจะทำให้จิตหรือใจถูกกระทบได้ง่าย การเป็นเทวดาแล้วมัวหลงติดกับความสุขในการเสพอย่างเพลิดเพลินในสิ่งที่เป็นทิพย์ เมื่อจิตใจไม่เข้มแข้งพอทำให้เกินเลยขอบเขตของเทวดาไปได้เช่น ความต้องการต่าง ๆ จนผู้อื่นได้รับผลกระทบหรือกระทำอันใด ๆ ซึ่งมีผลกระทบกับผู้อื่นทำให้ผู้อื่นไม่รู้สึกยินดี หรือการกลั่นแกล้งผู้อื่น จาบจ้วงผู้อื่น กระทำสิ่งที่ไม่เหมาะสม ซึ่งเหล่านึ้เรียกว่าผิดกฏสวรรค์ มีอันทำให้เกิดการจุติหรือเกิดความความผิดที่กระทำการวินิฉัยเป็นได้โดยอัตโนมัติ ผลที่ได้รับอาจจะต้องตกนรก หรือไปเกิดเป็นมนุษย์ หรือสัตว์ หรืออย่างเบาก็ได้ลดชั้นการเป็นเทวดา โดยให้ไปเกิดยังเมืองลับแล

เมืองลับแลจึงได้ชื่อว่าเป็น สวรรค์ชั้นโลกมนุษย์ แต่ก็ไม่ได้ปะปนอยู่กับมานุษย์ แยกกันอยู่เป็นเมืองเป็นหมู่บ้าน มีความเป็นอยู่แบบกึ่งทิพย์ บ้างก็มีความอยากที่จะทำนาเพาะปลูกมีความสุขกับการประกอบอาชีพเพาะปลูก เพราะว่าไม่รู้จะทำอะไรดี เรียกว่า เป็นงานอดิเรก หรือการหาของป่า การปลูกพืชสมุนไพร และการรักษาศีลเป็นหลักสำคัญ

การกินอาหาร ก็เหมือนกัน จะเป็นเป็นไปในลักษณะของการกินทิพย์ เพราะอาหารที่ทำขึ้นมักเป็นการทำในลักษณะโบราณ คือการกวนข้าวทิพย์(ซึ่งมีลักษณะ สีขาว หรือ เหลืองนวล ๆ แล้วแต่จะจริตของผู้กวน) ซึ่งจะการเป้นการกินเพื่อความสิริมงคลหรือ บูชาเทพ พรหม หรือบูชาพระ เพราะคนเมืองลับแลไม่ต้องกินข้าวอยู่แล้ว

การลงมาของเทวดาที่จะมาเกิดยังเมืองลับแล จะลงมาในลักษณะของแดนสวรรค์ คือ เมื่อผิดกฏสวรรค์ก็ตกวืดลงมาเลย ไม่ต้องสอบสวนตดีความ เป็นไปในลักษณะอัตโนมัติ เมือตกมายังหมู่บ้านใดก็ต้องเข้าไปรายงานตัวกับหัวหน้าหมู่บ้าน ๆ จะพิจารณาว่าบุคคลนี้มีความสัมพันธ์ใดๆ กับคนในหมู่บ้านนี้หรือไม่ ก็จะส่งไปตามสถานะความผูกพันกับคนที่อยู่ก่อนแล้ว ซึ่งจะตกมาอยู่ตามภูมิลำเนาเดิมตอนเป็นคน เช่นเป้นคนภาคอิสาน(ก่อนตาย)และเป็นเทวดาทำผิดกฏ ก็จะถูกส่งมาให้อยู่ในเมืองลับแลแถวภาคอิสาน(ซึ่งข้อนี้ผู้รู้ ทั้งหลายทราบกันดี)

ความเป็นอยู่ ของคนเมืองลับแลคล้ายกับการอยู่กรรมของพระ หรือการอยู่กรรมของผู้ปฏิบัติธรรม แต่ยังดีที่ความเป้นอยู่นั้นอยู่อย่างทิพย์ มีกายเป็นทิพย์จึงไม่ต้องเปลี่ยนสภาพร่างกาย บางคนไม่ต้องกินก็ได้ ไม่ต้องอาบน้ำก็ได้ แต่จะมีความรู้สึกคล้ายมนุษย์ ชอบสังคม ขอบมีการดำรงชีวิต ขอบทำอย่างมนุษย์ แต่ก็มีธรรมเยมหรือกฏของเมืองลับแลอยู่ซึ่งชาวเมืองลับแลจะรู้ได้โดยอัตโนมัติคือรู้ได้ด้วยจิตถึงส่งที่พึงกระทำคือ

1. การรักษาศีลห้าอย่างเคร่งครัด
2. ห้าออกนอกเขตเมืองลับแลโดยไม่ได้รับอนุญาต
3. ห้าประพฤติปฏิบัติตัวเลินเล่อต่อสาธารณชน
4. ห้ามเสพเยี่ยงมนุษย์




ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 1

innosteam

17/09/2010 07:55:43
0
อายุของคนเมืองลับแล
สำหรับเรื่องของอายุคนเมืองลับแลนั้นถูกกำหนดด้วยกรรมที่เกิดเป็นรายบุคคล ซึ่งมีอายุกรรมไม่เท่ากัน แล้วแต่เป็นกรณีไป ขึ้นต่ำสุดคือ 10 ปีมนุษย์ ถึง 100 ปีและ 500 ปีก็มี โดยนับเวลาตาม สวรรค์ชั้น จาตุมหาราชิกา ซึ่งเป็นสวรรค์ชั้นที่ 1 ของภูมิเทวดา ฉะนั้นเวลาของเมืองลับแล 1 วันเท่ากับของเมืองมนุษย์ 50 วัน

ตัวอย่างการกระทำความผิดของเทวดา เมื่อเป็นผู้มีฤทธิ์แล้วไปดลใจมนุษย์ให้ทำผิดศีลก็โดนค่อนข้างหนักตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นขั้นต่ำคือ 100 ปีมนุษย์หรือเทวดาดลใจมนุษย์แล้วไปก่อเหตุร้ายแรง จะเจตนาหรือไม่ก็ตาม ถ้ามีความวุ่นวายเกิดขึ้นในหมู่มนุษย์อาจโดน 300-500ปีมนุษย์ ถ้ามีการตายเกิดขึ้นโดยสาเหตุจากเทวดาก็จะต้องลงไปเกิดทันที โดยลงโลกมนุษย์หรือไปตามกรรมชั่วเก่าที่ทำมาก่อนส่วนบุญนั้นเก็บไว้ก่อน หรือถ้าบุญมากก็ไปเกิดเป็น มาร ยักษ์ หรือ พญานาค ใน ป่าหิมพานต์

สถานะหรือสภาพของชาวเมืองลับแลดังได้กล่าวว่า เมื่อจะมาเกิดยังลับแลจะกลับสภาพร่างกายตอนเป็นมนุษย์ก่อนเป็นเทวดา ดังนั้นถ้าตายตอนวัยไหน อายุเท่าไหร่ เมื่อมาเกิดเป็นคนเมืองลับแลก็จะคงอยู่อย่างนั้นตลอดอายุของอยู่ในเมืองลับแล ตายตอนแก่ก็เกิดมาเป็นคนแก่ แต่ทารกไม่มีเพราะการเกิดเป็นทารกยังไม่ได้ทำกรรมอะไรเลย ฉะนั้นไม่มีทารกในเมืองลับแล

ดังนั้นการอยู่ในเมืองลับแล เป้นการได้แก้ตัวให้ประพฤติดี ประพฤติชอบ อยู่ในกรอบของศีลธรรม อยู่ในสภาวะของกายทิพย์ อยู่ในสภาวะแวดล้อมที่บริสุทธิ์ อยู่ในพี้นที่ที่จำกัดและมีโอกาสสร้างบุญบารมีเพิ่มชึ้น แต่ก็ยังมีโอกาสผิดพลาดได้ เพราะเมืองล้บแลอยู่ใกล้กับโลกมนุษย์ แต่ใครล่ะจะชอบความลำบากยากเข็ญในเมืองมนุษย์ ฉะนั้นชาวเมืองลับแลจึงไม่ค่อยจะเข้าใกล้มนุษย์สักเท่าไหร่ เพราะมนุษย์จะมีความไม่ดีติดตัวรวมถึงกลิ่นเหม็นสาบเหมือนซากศพ ซึ่งอาจทำให้ชาวเมืองลับแลเสื่อมถอยจากศีลธรรมได้มาก

การดับของเมืองลับแล ก็เป็นเช่นเดียวกับการเกิด คือจิตเปลี่ยนสภาพไปเฉย ๆ ด้วยบุญ การมาก็ด้วยบุญ การกลับก็ด้วยบุญ เมื่อถึงวาระแห่งการหมดกรรม จะรู้ได้ด้วยตนเอง คือ ปีติจะเกิดกับผู้ที่หมดกรรมหรือหมดวาระจากเมืองลับแลและเขาเหล่านั้นจะได้สู่ภพภูมิที่ตัวเองมา คือไปเป็นเทวดาเพื่อเสวยบุญต่อ ณ จุดที่ลงมา คือลงมาจากจุดไหนก็กลับคืนสู่จุดนั้น

ในเรื่องของทรัพย์สมบัติของชาวเมืองลับแลนั้น เป็นด้ววยฤทธิ์ที่ติดตัวไปจากการเป็นเทวดา จะเกิดด้วยการเนรมิตอย่างหนึ่ง จะเกิดด้วยการรู้ที่ซ่อนขุมสมบัติอย่างหนึ่ง เพียงสองอย่างนี้ถ้ารู้ว่าควรให้ใครได้ก็สามารถให้ได้ เมื่อรู้ว่ามีทรัพย์อยู่ เช่น โจรได้ปล้นเศรษฐีนำทรัพย์สมบัติมาซ่อนไว้ในถ้ำ ชาวเมืองลับแลรู้ที่ซ่อน เมือเศรษฐีนั้นเกิดที่ใดสมบัตินั้นก็ยังเป็นสิทธิ์ของเศรษฐะคนเดิมอย่างสุจริต เทวดาใด ๆ ก็สามารถมอบสมบัติคืนเจ้าของ หรือชาวเมืองลับแลย้ายไปไม่ให้คนชั่วหรือคนทั่วไปพบก็สามารถทำได้ แต่การที่จะทำอะไรสักอย่างต้องมีเหตุให้พึงกระทำตามความเหมาะสม มิใช่เป็นเบียดบังทรัพย์เพื่อตน อาจทำได้เพื่อเกิดประโยชน์ส่วนรวม แต่ยังไม่พบเหตุการณ์ที่ต้องกระทำเช่นนั้น แต่สมบัติของชาวเมืองลับแลมีแน่นอน แต่การมีไว้ซึ่งเพื่อเอาไว้บูชาพระถวายเป็นของส่วนรวมเก็บไว้เมื่อถึงคราวจำเป็นในการช่วยสร้างชาติ สร้างศาสนาให้เกิดความร่มเย็น

เมื่อคราวถึงวันพระ ชาวเมืองลับแลจะมีโอกาสได้เข้าวัดทำบุญฟังเทศน์ถือศีลสวดมนต์ภาวนา คนเมืองลับแลจึงมักชอบพระมาก โอกาสสัมผัสเมืองลับแลกับพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบจึงเกิดขึ้นบ่อย ยิ่งเมื่อถึงวันพระจิตใจของมนุษย์หรือกิจกรรมในเมืองมนุษย์จักอบอวลด้วยบุญทานที่เกิดขึ้น ทำให้จิตมนุษยืกับจิตของคนเมืองลับแลสื่อกันได้ง่าย เพราะมนุษย์ก็มักรักษาศีลอุโบสถกันทุกๆ วันพระ นี่ก็อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่การสื่อสารของมนุษย์และชาวเมืองลับแลสื่อสารกันได้ง่ายในวันพระ ซึ่งเป็นเรื่องที่มนุษย์ไม่ได้คาดคิดหรือตั้งใจไว้ก่อน

และพิธีกรรมที่เกิดขึ้นในวันพระของชาวเมืองลับแลนั้น เป็นเพราะว่า สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ได้เปิดให้ชาวเมืองลับแลได้ขึ้นไปทำบุญแระกอบพิธีกรรมต่าง ๆ เช่น การเวียนเทียน ในวันสำคัญทางศาสนา เพราะสวรรค์ชั้นดาวดึงส์นั้นมีวัดอยู่ และทางเบื้องบนยังเล็งเห็นว่า ชาวเมืองชับแลนั้นยังมีสถานะความเป็นเทวดาอยู่ จึงสมควรได้รับความอนุเคราะห์ตรงส่วนนี้ เพราะในเมืองลับแลนั้นไม่มีวัดไม่มีพระ

ซึ่งการขึ้นไปสู่วัดนั้น(ขอละสรรพนาม)ได้ตามดู เห็นชาวเมืองลับแลเดินกันไปสู่ภูเขาลูกหนึ่ง ที่เชิงเขามีบันไดเวียนไปทางขวาเพื่อขึ้นเขา บันได้นั้นเป็นบันไดแก้วเลื่อมพรายระยับตาดังสวรรค์เนรมิต ความกว้างยาวของบันไดเดินขึ้นได้พอดีความสูงพอประมาณตามขึ้นไม่ต่ำกว่าร้อย การเดินเวียนขวาไปเรื่อย ๆ (ขอละสรรพนาม)ต้องขออนุญาตเทพพรหมทั้งหลายเพื่อขอให้วัตถุประสงค์สำเร็จตามที่ได้อธิษฐานไว้แต่ต้น เพราะกลัวว่าการข้ามเขตเลยจากที่ขอไว้แต่ต้นของชาวเมืองลับแล และตอนนี้จะก้าวล่วงสู่สวรรค์นั้นก็เกรงว่าจะเป็นการก้าวล่วงสู่ที่สูง แต่ก็หาเป็นเช่นนั้นไม่ สาเหตุที่(ขอละสรรพนาม)ขึ้นไปคงรู้ดี แต่ขอละไว้ในที่นี้ เพื่อจะสานเรื่องเมืองลับแลให้จบ

บันไดที่ขึ้นไปสู่วัดแห่งนี้ช่างสวยงามวิจิตรตระการตาย่งเป็นลักษณะแก้วผลึกใส สีรุ้งเจิดจรัสเงาระยังเช่นเดียวกับประกายของเลื่อมเพชรประดับฉันนั้น

และเมื่อขึ้นสู่ยอดเขา มองไปลักษณะเหมือนเมฆสีขาวนวล ซึ่งสบายตายิ่งนักชาวเมืองลับแลแต่งกายงามล้ำกว่าปกติทุกวัน นุ่งใส่เสื้อผ้าใหม่ ๆ สีสันสวยงดงามตา เครื่องประดับก็พอมีบ้างตามวิสัยชาวบ้าน บริเวณวัดงดงามเจริญหูเจิรญตาไม่มีที่ใดเหมือน โบสถ์หรือวิหารสุดตระการตา องค์พระปฏิมาล้วนแล้วเป็นทองทั้งองค์ ซุ้มประตูประดับประดาด้วยเพชรนิลแต่รัศมีที่เจิดจรัสนั้นแตกต่างกันกับโลกมนุษย์อย่างสิ้นเชิง หรือที่เรียกว่า นพรัตน์ ซึ่งยากที่จะมีสิ่งใดเปรียบได้

คนเมืองลับแลมีสิ่งของมาสักการะ เป็นดอกไม้ และอาหารทิพย์ เพียงเล็กน้อย ไม่มีข้าวของรุงรังเหมือนมนุษย์เราแต่ทุกคนมีความสุขเต็มเปี่ยมมีความยิ้มแย้มแจ่มใสเบิกบานดีและความงามดั่งนางฟ้าและเทพบุตรราวกับว่าสภาพจิตของเขาทั้งหลายเปลี่ยนเข้าสู่สภาพเดิมจากภพภูมิที่พวกเขาจากมา
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 2

innosteam

17/09/2010 08:01:03
0
**ส่วนตอนนี้จะเป็นความคิดเห้นของอีกท่านนึงที่ตอบใว้ในกระทู้ของเจ้าของบทความนะครับ**

คนเมืองลับแล หน้าตา จะคล้ายๆ มนุษย์เราน่ะครับ แต่โครงหน้า จะออกจะเป็นเหลี่ยมๆ ตามแบบคนโบราณน่ะครับ แล้วหูจะออก กางๆ ผิวพรรณจะ สวยงาม และละเอียดกว่ามนุษย์ปกติอย่างเห็นได้ชัดครับ

ที่ปากประตูหน้าเมืองลับแล จะมีคนเฝ้าไว้ ถ้าศีล 5 เราไม่บริสุทธ์ ถึงแม้กายเนื้อจะหลงเข้าไป
หรือ มีกำลังสมาธิมากเพียงใดก็เข้าไม่ได้ครับ เพราะคนเฝ้าที่หน้าประตู จะไมให้เข้า
เขาจะบอกตรงๆเลย ว่าศีลคุณไม่บริสุทธ์ ให้เข้าไปไมได้
หรือถ้าคุณศีลบริสุทธ์ มีสิทธ์ที่จะเข้าไปได้ เขาก็จะถามคุณว่า จะเข้าไปทำไม?

ปกติคนเมืองลับแล จะเกลียดการผิดศีลน่ะครับ พวกเขาเลยไม่ค่อยอยากคบหา สมาคมกับคนบนโลกสักเท่าไร

เรื่องอาหาร พวกเขาก็ยังคงต้องทานกันอยู่ครับ ยังไม่ใช่อาหารทิพย์แบบเทวดาบนสวรรค์ซะทีเดียว ยังมีการปรุงอาหาร การตำน้ำพริก แบบชาวโลกกินกันอยู่น่ะครับ

ส่วนเรื่องการเสพเยี่ยงมุนษย์ก็ยังมีอยู่น่ะครับเท่าที่สัมผัสมา ชาวเมืองลับแล หรือบังบด ยังมีการเสพเรื่องพวกนี้อยู่

ผู้หญิงที่นั้น จะโชว์หน้าอกไม่ใส่เสื้อเดิน และจะใส่แต่ท่อนล่างเป็นปกติเพราะ ที่นั้น ถึงโชว์ยั่วอารมณ์แค่ไหน ปกติก็ไม่มีการผิดศีล 5 กันน่ะครับ เรื่องประพฤติผิดลุกเมียกัน ปกติที่นั่นไม่มี

ถ้าใครผิดศีล 5 ความสว่างของตัวเองจะลดลง ก็จะโดนขับไล่ออกนอกเมืองเนื่องจากทุศีล

ส่วนเรื่องการหลับนอน จะเป็นที่รวม เป็นเหมือนบ้านหลังใหญ่ๆ เวลานอน จะแยก ซ้าย-ขวา เป็นฝั่งชาย กับฝั่งหญิง

เวลาเย็นๆ ในเมืองลับแล จะมีการสวดมนต์ กันประจำ บางคาถา ก็เหมือนบนโลกมนุษย์ เช่น พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ ชินบัญชร ฯลฯ

แต่บางบท บางคาถา ฟังรู้เรื่อง แต่เป็นคาถาที่ไม่เคยได้ยิน มาก่อนน่ะครับ เป็นภาษาแปลกๆ แต่ฟังแล้วจะเย็นสบาย เพลินหูดี

มีเรื่องแปลกๆ มาเล่าให้ฟังนิดนึง
ชาวลับแลจำนวนไม่น้อยน่ะครับ ที่แปลงมาในรุปของมนุษย์ มาสมัครเป็นลูกจ้าง ทำงานตาม โรงงาน หรือตามสถานที่ต่างๆ ปะปนกับคนปกติเป็นการชั่วคราวเพราะ ต้องการปัจจัย เอาไปทำบุญตามวัดวา ต่างๆ เช่นการทอดผ้าป่า หรือ ทอดกฐิน พอเสร็จสิ้นแล้ว ก็กลับเมืองลับแล ตามเดิม


ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 3

innosteam

17/09/2010 08:06:47
0
ก็เป็นเรื่องที่ออกจะเหลือเชื่ออยู่สักหน่อย แต่สิ่งที่เราไม่รู้ ไม่เห็น ใช่ว่าจะไม่มี

หากใครอยากจะไปเที่ยวเมืองลับแล ก็คงต้องรักษาศีล 5 ข้อ และฝึกวิปัสนากรรมฐาน และที่สำคัญก็คงต้องแล้วแต่บุญ ล่ะครับ

ขอบคุณ http://board.palungjit.com/f2/เล่าเรื่องเมืองลับแล-4610-2.html สำหรับข้อมูลต่างๆครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 4

นายมั่นคง

17/09/2010 10:18:50
4,290
ผมเคยไปครับ เป็นเมืองที่เงียบสงบดีจริงๆ เลยล่ะจ้า
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 5

Mr.Burst

17/09/2010 11:26:11
3
ที่ "นครนายก" บ้านผม..ก็มีตำนานเมืองลับแลครับ...

สถานที่นั้นเราเรียกกันว่า "ดงละคร" เป็นตำบลหนึ่งไม่ไกลจากตัวเมืองนัก
เป็นเมืองเก่าแก่จนต้องขึ้นเป็นโบราณสถาน สมเด็จพระเทพฯเสด็จไปเปิดด้วยพระองค์เอง

ที่แปลกคือมันเป็นเมืองของ "ขอม" ที่โบราณมาก มีคูเมือง มีการคมนาคมที่น่าทึ่ง

ที่เรียกว่า"ดงละคร" เพราะแต่ก่อนในเมืองนี้เป็นเมืองที่มีการฟ้อนรำ ร้องรำทำเพลงกันตลอดเวลา

และวันดีคืนดี จะมีคนได้ยินเสียงวงดนตรีปี่พาทย์ดังแว่วมาไม่รู้ทิศรู้ทาง
ซึ่งผมเคยได้ยินกับหูตัวเองมาแล้ว!!! ไม่เชื่ออย่าลบหลู่

ไปเที่ยวได้นะครับ ไม่ไกลจากกรุงเทพด้วย มีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ มีสันกำแพงเมืองให้ดู...บรรยากาศหนาวๆ ชวนขนลุกครับ

รายการมิติลี้ลับ รายการเดอะช็อคก็เคยไปครับ

http://www.hotsia.com/thailandinfo/oldcity/nakhonnayok2.htm
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 6

Mr.Burst

17/09/2010 11:28:23
3
ที่ว่าดงละครเป็น "เมืองลับแล" อีกแห่งหนึ่งเช่นกัน..

ก็เพราะเจ้าเมืองเมืองขอมนี้เป็น "ผู้หญิง" ครับ และมีนางกำนัล มีทหารเป็นหญิงด้วยเช่นกัน

คนที่จะหลงเข้าไปเมืองนี้ได้ ก็ต้องเป็นคนที่มีศีลบริสุทธิ์เช่นกัน!!!

มีหลายๆอย่างคล้ายประวัติเมืองลับแลที่อุตรดิตถ์ครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 7

ป๋องแป๋ง

17/09/2010 14:10:30
0
หาอ่านเรื่องนี้ได้ในหนังสือของหลวงปู่เณรคำครับ สมัยท่านยังตอนเป็นสามเณร ท่านออกธุดง แล้วเข้าไปเมืองลับแล คนเมืองลับแลจะได้กลิ่นศีลที่บริสุทธิ์ของหลวงปู่แล้วก็จะออกมานิมนต์บิณฑบาตรหลวงปู่ตามทางเข้าหมู่บ้านเลย เรื่องนี้มีจริงครับ ผู้ที่ถึงพร้อมก็จะรับรู้ได้ล่ะครับ สาธุ สาธุ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 8

นายมั่นคง

17/09/2010 21:16:15
4,290
ผมถ่ายภาพท่านพระยาพิชัยดาบหักไว้ด้วย เดี๋ยวขอหาก่อนๆๆจ้า 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 9

innosteam

17/09/2010 22:09:56
0
เฮียมั่น ไปเที่ยวมาหลายจังหวัดแล้วสินะครับ เหลืออีกกี่จังหวัดครับที่ยังไม่ได้ไปเยือน

ถ้าเที่ยวได้ครบทุกจังหวัด คงจะดีไม่น้อยนะครับ

เที่ยวเมืองไทย ไม่ไป ไม่รู้ :)
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 10

MOD91

17/09/2010 23:31:06
6
เฮีย พูดจริง หรือว่าอำ นี่..เดียวหลงเข้าไปจริงๆ นา 555

จะไม่เชื่อก็กะไรอยู่เพราะ เรานับถือพุทธ ถ้าเราไม่เชื่อ พระธุดงค์ สายพระป่าองค์ดังๆ หลวงปู่มั่น-หลวงปู่แหวน-หลวงปู่ชา หลวงปู่ผั้น ท่านก็เคยไปและบันทึกไว้ในหนังสือ ท่านคงจะไม่โกหกเราแต่ถ้ามันเป็นเรืองโกหกทั้งเพ ไม่มีจริง เราก็ไม่ต้องไปนับถือท่าน แล้วล่ะ อันนี้ยังธรรมดา ถ้าสมัยพระพุทธเจ้า มหัศจรรย์ กว่านี้ ท่านไม่ได้ให้เราเชื่อ จริงไม่จริง ต้องพิสูจด้วยตัวเองเท่านั้นคับ วิธีมีอยู่แล้ว คับ ขึ้นอยู่ว่าท่านจะเจ๋งแค่ใหน ส่วนผม ยังอยู่ที่สมถะ อยู่เลยคับมีแว๊บ ๆแถวสัมพเวสี บ้างแต่วาสนายังไม่ถึงภูมินั้นคับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 11

cowonmania

18/09/2010 21:37:31
0
เฮียแกหมายถึง อ. ลับแล จ. อุตรดิตถ์ น่ะ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 12

_Srisombat Wanit

07/06/2014 10:09:32
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 13

crabfather

07/06/2014 10:56:22
166
เดี๋ยวมาอ่านครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 14

crabfather

07/06/2014 10:56:41
166
ดันไว้ก่อน อิอิ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 15

ปามมี่ สาวเชียงใหม่

07/06/2014 11:22:21
0
บ้านป้าหนูอยู่ที่ลับแลค่ะ เคยไปเยี่ยมแกเมื่อนานมาแล้ว สงบดีค่ะ มีร้านก๋วยเตี๋ยวต้มยำอยู่เจ้านึง อร่อยมากกกกกกกกก แล้วก้อมีร้านของทอด พวกเต้าหู้ทอด ขนมปังหน้าหมู จิ้มกับน้ำจิ้มอร่อยๆ ก้อมีค่ะ อยู่ใกล้ๆ กันเลย อร่อยมากๆ เหมือนกัน
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 16

Hsung

07/06/2014 13:59:31
346
ผมไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ครับ เพราะวิเคราะห์จากพื้นฐานนิสัย ความรู้ ของคนไทย

ที่งมงาย เชื่อคนง่าย ไม่ชอบพิสูจน์ ไม่ชอบเก็บหลักฐาน ไม่กล้าถาม ไม่กล้าสงสัย

แต่อย่างว่า เรื่องบางเรื่อง ถึงไม่เชื่อก็ไม่ควรลบหลู่ เพราะคนที่เชื่อก็มีอยู่เยอะ ซึ่งอาจจะจริงก็ได้

อย่างเรื่อง เวียนว่าย ตายเกิด ก็เหมือนกัน คนสมัยก่อนนานมาแล้ว มีคนบนโลกไม่กี่ร้อยล้านคน

ปัจจุบันมีเป็น พันๆ ล้าน ถามหน่อยเถอะว่า ถ้าเชื่อเรื่องชาติภพ คนพันๆ ล้านคน ในปัจจุบัน

ในสมัยก่อนนั้น เป็นอะไร ก่อนที่จะมาเป็นมนุษย์ในโลกนี้


ปล. สำหรับผม พวกบาปหนา ตายเท่านั้นที่จะรู้ความจริง ไม่มีบุญ บารมีเพียงพอ ที่จะเข้าใจเรื่องที่กล่าวมา
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 17

ohwownoone

07/06/2014 14:18:59
370
เมืองลับแล ผมเคยไปบ่อยๆและรู้จักดี ผมเข้าไปทีไร เหมือนกับเวลามันแปลกๆ คือ มันผ่านไปเร็วมากๆ ที่สำคัญ เป็นเมืองที่โจรเยอะที่สุดแต่หาตัวไม่เจอ แปลกมากๆ เข้าเมืองลับแลทีไรเงินหายจากกระเป๋าทุกที ทั้งเงินสดและในบัตรเครคิต

เมืองลับที่ผมไปตั้งอยู่ที่ ห้างอัมรินทร์ ครับ ไม่ทราบว่าใครเคยไปบ้าง
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 18

lek_chiangrai

08/06/2014 00:11:34
0
เมืองลับที่ห้างอัมรินทร์ นี่มีอาธรรณ์ต่อกระเป๋าสตางค์มากมายเลยครับ คุณพี่อ่าง เขาไปปุ๊บ ออกมาปั๊บสบายตัว หายปวดหัวเลย

ขนาดผมอยู่สุดขอบชายแดน ยังโดนเลยครับ แต่อยู่ไกลและจน เลยโดนแค่กระจี๊ดริด จิีบจ๊อย 555+
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 19

พัชรี

09/09/2016 16:49:42
แม่เล่าว่าก่อนท้องเรา ไปทำงานตีหินที่เขาแถวบ้านเขานั้นมีตำนานลับแลอยู่ คือกลางคืนหลับฝันว่ามีนางรำเป็นกลุ่มมารำให้ดูรำเสร็จก็มีนางรำคนที่อยู่ตรงกลางพูดว่าจะมาขอเกิดกับแม่ แต่แม่บอกว่าไม่ใด้หรอกลูกมากแล้ว เลี้ยงไม่ใหว นางรำเลยพูดว่าไม่ให้เกิดก้อจะเกิด ไปเกิดกับคนอื่นไม่ใด้หรอก และพูดต่อว่าทำผิดมาเขาไล่แล้ว อยู่ไม่ใด้
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 20

linkx

09/09/2016 20:03:51
2
ร้านของ คห.ที่ 15 ผมก็เคยไปกินแล้วหลายครั้ง
ที่ไปคือกินอาหารพื้นบ้านที่นั้นไม่เป็น ไฟท์บังคับอะ

แต่อยากบอกว่ามี อดีต ศรีภรรยา ตนนึงเป็นตนลับแล
แล้วหนี กลับไปกินตับ อดีต ศรีสามี มันเกี่ยวกันไหมเนียะ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 21

อย่าเถียงผม ก็ผมเรียนมา

05/02/2020 13:15:35
ฝรั่งเอาเมืองลับแลของเราไปใช้  แล้วเปลี่ยนชื่อเป็นมิติคู่ขนาน
พอบอกเมืองลับแล  คนไทยหัวสมัยใหม่บอกงมงาม
แต่พอฝรั่งบอกมิติคู่ขนาน  คนไทยหัวสมัยใหม่บอกเป็นวิทยาศาสตร์  น่าเชื่อถือได้
สรุป  ลองคิดเล่นๆ  ใครกันที่โง่งมงาย ???
ถ้าคนไทย  รู้จักภูมิใจและศรัทธาในความเป็นอริชน  ในชนชาติของตัวเอง
เราจะไม่เดินตามหลังประเทศใดๆเลย
ไปๆมาๆไอ้ที่เรียนๆกัน  มันก็เอาศาสตร์โบราณมาใช้เกือบทั้งนั้น
แล้วก็เปลี่ยนชื่อเรียกใหม่  ให้เป็นแบบฝรั่ง  ทำเป็นแบบเรียนแบบแผนมาสอน  ก็เท่านั้นเอง
ให้กำลังใจ 1
หยิกหู 0
"→→เล่าเรื่องเมืองลับแล←←"