digital-to-analog conversion เป็นกระบวนการซึ่งสัญญาณมีการกำหนดระดับ หรือสถานะจำนวนหนึ่ง ( ปกติ คือ 2 สถานะ) หรือสัญญาณดิจิตอล ให้เป็นสัญญาณที่ไม่จำกัดจำนวนของสถานะ หรือสัญญาณอะนาล๊อก ตัวอย่างเบื้องต้น คือ กระบวนการของโมเด็มในการแปลงข้อมูลคอมพิวเตอร์ เป็นความถี่เสียง (audio frequency หรือ AF) ให้สามารถส่งผ่านสายโทรศัพท์ twisted pair ในวงจรที่ทำงานให้กับฟังก์ชันนี้ เรียกว่า digital-to-analog converter (DAC) โดยพื้นฐาน digital-to-analog conversion ตรงข้ามกับ analog-to-analog conversion ในกรณีส่วนมาก ถ้า analog-to-analog converter (ADC) วางอยู่ในวงจรการสื่อสารต่อจาก DAC สัญญาณดิจิตอลส่งออก จะตรงกับสัญญาณดิจิตอลนำเข้า ในกรณีที่ DAC วางอยู่ในวงจรต่อจาก ADC สัญญาณอะนาล๊อกส่งออกจะเป็นตรงกับสัญญาณอะนาล๊อกนำเข้า

สัญญาณดิจิตอล แบบ binary จะปรากฏเป็นข้อความขนาดยาว ของ 1 และ 0 ซึ่งจะไม่มีความหมายต่อการอ่าน แต่เมื่อ DAC ใช้ถอดรหัสสัญญาณดิจิตอลแบบ binary จึงปรากฏผลลัพธ์ที่มีความหมาย ซึ่งอาจจะเป็น เสียง ภาพ เสียงดนตรี และกลไกการเคลื่อน

ทั้ง DAC และ ADC มีความสำคัญในการประยุกต์ บางอย่างของการประมวลผลสัญญาณดิจิตอล ความฉลาดหรือว่าความซื่อตรง ของสัญญาณอะนาล๊อก สามารถปรับปรุงโดยการแปลงการนำอะนาล๊อกในรูปดิจิตอล โดยใช้ ADC และปรับปรุงสัญญาณดิจิตอล แล้วจึงแปลงสัญญาณดิจิตอล "ที่ทำความสะอาดแล้ว" กลับไปเป็นสัญญาณอะนาล๊อกด้วย DAC

เอามาจากดิคในเวปครับ
http://www.widebase.net/knowledge/itterm/it_term_desc.php?term_id=DAC

Digital to Analog Converter

เป็นอุปกรณ์ที่ใช้เเปลงสัญญาณจาก Digital ไปเป็น Analog
Digital ก็พวกสัญญาณที่มาจากสื่อ Digital เช่น CD หรือไฟล์เสียงในคอมพิวเตอร์
โดยพวกอุปกรณ์ที่ทำให้เกิดเสียงให้เราไ้ยินนั้นมันต้องใช้ระบบ Analog ครับ เลยต้องมี DAC มาเป็นตัวกลาง
ซึ่งส่วนใหญ่แล้วแล้ว Source ต่างๆ ที่เราใช้จะมี DAC อยู่แล้ว เช่น ชิพ DAC ใน Player หรือ ชิพ DAC ใน Soundcard

555 ผมเองก็ รูมังไมรูมัง ครับ


สมมุตินามตามท้องเรื่อง.................


สมัยก่อนตอนที่คอมแพคดิสต์เข้ามาใหม่ๆ ก็มักจะมีสินค้าเข้ามาให้เลือกเล่นกันเยอะ

พวกซีดีเพลยเยอร์นั้น ถ้าเป้นพวกราคากลางๆ ก็มักจะมีตัวอ่านและภาคถอดรหัสดิจิตอลอยู่ในเครื่องเดียวกันมาเลย พูดง่ายๆ ซื้อตัวเดียวแล้วจบเลย เปิดฟังนอนตีพุงสบายใจเฉิบ


แต่พอนานวันเข้า คนเราก็เริ่มเรื่องมาก อยากพัฒนาให้เสียงมันดีขึ้น พูดง่ายๆ เอาให้คนที่ชอบลองได้ลองหนักขึ้น จ่ายตังค์มากขึ้น เจ๊งเพิ่มขึ้น เค้าเลยจับแยกภาคถอดรหัสสัญญาณออกมาเป็นอีกเครื่องหนึ่ง


โดยมีเครื่องหนึ่งเป็นตัวอ่านือย่างเดียว และอีกเครื่องนึงเป็นเครื่องถอดผ้า เอ๊ย.....ถอดรหัสดิจิตอลอย่างเดียวเช่นกัน ไอ้เครื่องที่อ่านอย่างเดียว เค้าเรียกกันว่า Transport ส่วนไอ้เครื่องที่อ่านอย่างเดียวเค้าเรียกกันว่า D to A หรือ D/A แปลมาจาก Digital to Analog


ก็เลยกลายเป็นธรรมเนียมไปแล้วว่า ใครอยากจะเล่นของดีๆ ก็ต้องยอมจ่ายแพงๆ ซื้อซีดีแบบแยกชิ้นมาเล่นครับ (ซึ่งก็ไม่ใช่จริงๆเสมอไปซะด้วย)


คราวนี้พอมาเป็นในวงการอื่นๆ เค้าก็มาเรียกกันใหม่ว่า DAC ซึ่งมันก็คืออันเดียวและหลักการเดียวกันนั่นแหละครับ คือ DAC ย่อมาจาก Digital to Analog Converter ครับ

หลักการก็เหมือนกัน คือก็มีตัวอ่าน 1 ตัวและไอ้ DAC เปรตนี่ ก็คือตัวถอดรหัสหรือแปลงระหัสนั่นเองครับ และในเครื่องคอมพ์ก็สามารถเพิ่ม DAC ภายนอกได้ ในเครื่องเล่นซีดีพกพา ก็สามารถหาซื้อไอ้ DAC เปรตมาเพิ่มได้อีกเช่นกัน

สรุป............คือ DAC ก็คือไอ้ตัวอะไรซักอย่างหนึ่งที่มาทำให้เสียงมันดีขึ้น โดยต้องต่อขั้นกลางระหว่างเครื่องเล่นกับเครื่องขยายครับ และเป็นอะไรที่เปลืองเงิน แต่ก็ให้ผลได้น่าพอใจสำหรับบางคนครับ



5555 ผมอธิบายแบบง่ายๆ ถั่วๆ แบบนี้ล่ะ ไม่รุ้ว่าจะผิดพลาดตรงจุดไหนมั่ง ใครอ่านเจอถ้าเห้นว่ามั่ว ช่วยบอกด้วยครับ 5555

เจี๊ยก..........โพสเสร็จเจอเก็นซ้งกับ ISe เลย

555 ขอบคุณๆๆๆ ช่วยกันตอบแบบนี้ดีจัง

ผมเพิ่งรู้ว่าพวกแผ่นเสียงนี่มันเป็นสื่อ Analog แท้ๆเลย
ซึ่งมันสามารถทำได้ด้วยมือ :139:

พอดีพึ่งอ่าน กระทู้เก่ามาอะครับ เลยสงสัยอะครับ ว่า DAC เนี่ยอะครับ มีแบบที่เป็น USB เสียบเข้ากับคอมแล้ว ใช้แทน sound Card ในเครื่องได้เลยหรือปล่าวครับ หรือว่าต้องส่งผ่านหัว 3.5 มิลเท่านั้นครับ

DAC มีแบบ USB ด้วยจ้าาาาาาา

และยังมีแบบ Optical และ Coaxial อีกด้วยจ้าาา

ซึ่งรูปแบบการเชื่อมต่อที่สามารถให้ประสิทธิภาพได้สูงสุดก็คือ Coaxial จ้าาาา

ถ้าต้องการละเอียดกว่านี้ รบกวนถาม google เลยจ้าาา

^^