เพราะไม่แน่ใจว่าในนี้ มีคนเล่น Minidisc กันบ้างหรือเปล่า
แต่สำหรับตัวผม ผมชอบอะไรที่เป็น พวกกลไก แมคคานิค ทำนองนี้นะครับ
ผมจะเล่นทั้ง Minidisc และ Discman ครับ แต่ก็ไม่ได้เล่นเยอะนะครับ
ก็ซื้อเล่นเฉพาะตัวดี ๆ เจ๋งๆ แต่กว่าจะได้ตัวดี ๆ เจ๋งๆ นั้น ก็ต้องเสาะหา
และลองไปหลายตัวเหมือนกันครับ (ก็กลายเป็นเล่นเยอะนั่นเองครับ -_-")
MD หรือ Minidisc นั้น เป็น format ที่มีคุณภาพครับ ให้เสียงใกล้เคียง CD เลยทีเดียว
แต่พกพาง่ายกว่า และยิ่งมีหูฟังดี ๆ ยิ่งได้ อรรถรส มากเลยครับ
เทคโนโลยี MD นี้ ที่เลือนหายตายไปเพราะ MP3 เข้ามาแทนครับ
เพราะ MD นี้ มันยุ่งยากในการใช้งานครับคือ ต้องมานั่งอัดเพลงใส่ แผ่น minidisc ครับ
อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว บางท่านอาจจะถามผมว่าแผ่น MD นี่น่าตาเป็นไงไม่เคยเห็น
หน้าตาแผ่น Minidisc จะมีหน้าตาแบบนี้ครับ
จะมีแผ่นลักษณะคล้าย ๆ แผ่น cd ขนาดเล็ก อยู่ในกรอบพลาสติกอีกที
ตัวแผ่นจะมีสองด้าน ด้านนึงเป็นด้านที่ฉาบด้วยแม่เหล็ก ด้านนี้เอาไว้ในการบันทึก
ส่วนด้านล่าง ก็จะเป็นเหมือน CD ครับ ก็เป็นด้านที่เอาไว้อ่านนั่นเอง
ซึ่งการบันทึกเพลงนั้นก็ทำได้โดยการเอา cd player มาต่อ หรือเครื่องเล่นอะไรก็ได้
ที่สามารถปล่อยสัญญาณแบบ line out หรือจะแบบ optical ก็ได้ทั้งนั้นครับ
หรือจะปล่อยจากช่อง Phone แล้วมา line in ที่ MD ก็ได้ครับ แต่ถ้าให้ตอบว่า
สัญญาณอัดแบบไหนดีที่สุดก็ต้องตอบว่า ปล่อยแบบ Optical มา Line in Optical
ที่ MD นี่ละครับ สัญญาณมาดีที่สุดครับ เพียวๆ เลย
ระยะเวลาการอัดก็เท่ากับเวลาจริง ๆ ของเพลงครับ เรียกการอัดแบบนี้ว่า SP ครับ
ซึ่งผมนิยมใช้แบบนี้นะ
ปัจจุบัน พวกรุ่นใหม่ๆ ก็จะมีระบบอัดแบบ LP ก็อัดได้เพลงจำนวนเยอะกว่า SP
แต่คุณภาพเสียงก็ด้อยลงไปนะครับ ส่วนตัวผมจะอัดแบบ SP คือ หนึ่งต่อหนึ่งเลย
นึกถึงการอัดเทปนั่นละครับ อารมณ์เดียวกันเลย สมัยรุ่น ๆ อัดเพลงใส่เทปจีบสาวอ่ะครับ
เลยชอบการอัดเพลง ฮ่าๆๆ
เพราะการอัดเพลงลง MD ยุ่งยากกว่า MP3 ในยุคนี้เยอะครับ
หนำซ้ำในเรื่องความจุของแผ่น MD ครับ แม้ปัจจุบัน จะมี Net MD ซึ่งการอัดเพลงทำเพลง
โดยการใช้ไฟล์ MP3 ลากวางแล้วก็ตาม เรื่องความจุของแผ่น MD ก็ยังสู้ความจุเครื่องเล่น MP3 ไม่ได้
ยกตัวอย่าง ความจุแผ่น Hi MD นี่สูงสุดก็แค่ 1 GB แต่ดูความจุของ เหล่า ipod สิครับ T_T
จึงทำให้ไม่ได้รับความนิยมครับ แต่เรื่องเสียงนี่ ต้องไปหาโอกาสทดลองฟังกันเองครับ
เพราะ ผมจะไม่เขียนว่า อะไรเสียงดีกว่าอะไรนะครับ ต่างคนต่างชอบครับ
ส่วนตัวผมไม่มีโอกาสได้หาซื้อ MD ยี่ห้อ JVC แบบพกพามาเล่นเลยก็เพราะเหตุผลที่ว่า แพง และ
ถ้าไม่แพงก็ซื้อไม่ทัน และใน yahoo japan ก็แพงมาก ทั้ง JVC และ Victor
(ซึ่งก็เป็นบริษัทเดียวกันอ่ะนะครับ)
จนมาวันนึง เรียกได้ว่า ของมันจะมาเป็นของเรา ผมเจอใน ebay ที่อังกฤษ
เห็นว่ามีกล่อง ของครบ ซึ่งผมก็เคยเห็นนะ MD JVC R70 เนี่ย แต่ไม่เคยเห็นกล่องมันเลย
ก็เลยสนใจ ติดต่อคนขายไป ว่าส่งไทยไหม เขาก็ยินดี แต่ผมดันกด bid ไม่ได้
เนื่องจาก ตอนที่เขาตั้งขายนั้น เขาส่งเฉพาะใน UK เท่านั้น และ ณ ตอนนั้นก็มีคน bid
อยู่ด้วยแล้ว ดังนั้น เขาจึงไม่สามารถยกเลิกแล้วตั้งใหม่ได้ คราวนี้ก็เลยงานเข้า
ผมก็เลยใช้บริการคุณบอล (ไว้ใจได้ครับ)
http://forums.overclockzone.com/forums/showthread.php?t=674361
ว่า ต้อง bid ให้ผมละงานนี้ และงบประมาณก็ไม่อั้น เอิ๊กๆๆ
Minidisc JVC R70 รุ่นนี้วางจำหน่ายเมื่อเดือน ก.ค. 1999 นะครับ ก็ 11 ปีที่แล้วนั่นเอง
หลังจาก bid ไปชนะเรียบร้อย จนของส่งมาถึงเมืองไทยก็ประมาณ 1 อาทิตย์ครับ
เพราะใน UK ส่งถึงบ้านเราเร็วกว่า USA ครับ
และแล้ว ผมก็ได้มา ขาว ๆ สวย ๆ เลย จริง ๆ ต้องเขียนว่า เงิน ๆ สวยๆ เลย
กล่องเรียกว่า เก่า เยิน เลยทีเดียว เพราะกล่องกระดาษแบบนี้ไม่ทนแน่ ๆ
เหมือนกล่องรังเบียร์ ทำนองนั้นน่ะครับ ฝรั่งเขานิยมพวกที่รีไซเคิลง่ายๆ นะครับ
แต่ที่สำคัญสำหรับผมคือเลขซีเรียลข้างกล่อง ก็ตรงกับ เลข ซีเรียลตัวเครื่องครับ
แค่นี้ก็ปลื้มแล้วครับ ผมชอบ Minidisc
จากนั้นก็แกะกล่องออกมาก็เจออุปกรณ์ดังนี้
นั่งเช็คดูดีๆ แล้ว ที่ขาดมาก็คือ ซองผ้า นั่นเอง ไม่เป็นไร ไม่ให้ก็ไม่เอา
อ้อ และก็แบ็ตลิเที่ยมที่แถมมา ดันชาร์จไม่เข้าแล้ว ดีนะที่มีรังถ่าน AA แถมมาให้
แบ็ตใช้รุ่นเดียวกับของ Aiwa เลยครับ ลิเที่ยมอ่ะ ไปหาในเน็ต แพงมาก ๆ T_T
หูฟัง ก็ JVC ของแท้ ๆ (แต่ก็ไม่ใช้ เก็บไว้สะสม ^_^)
และก็มีรีโมทมาให้ด้วย สภาพดีมาก ๆ ไม่มีริ้วรอยเลยครับ จอใสกริ๊ง
กดใช้งานก็จะมีไฟ backlight ให้ด้วยนะ ด้านมุมซ้ายบน ก็จะมีปุ่มไว้ปรับ Bass ครับ
ส่วนด้านขวามือ ก็คือเป็นแกน เอาไว้กด PLAY, FF , RW ครับ ใช้งานได้ปกติดี
แท่น แท้น จับใส่รังถ่าน AA แล้วก็เริ่มใช้งานเลยดีกว่า (ใช้ถ่านสามก้อนแนะ)
สภาพเครื่องสวยมากครับ ผมให้ 95% เลยครับ จอไม่มีริ้วรอยเลย ไม่มีฝุ่นในจอด้วยนะ
แต่เดี๋ยวก็มีฝุ่นเข้าเพราะผมนี่ละใช้บ่อยๆ -_-"
มีให้ดูหลายภาพครับ สวย ๆ
ด้านข้างเครื่องทางขวามือ ก็จะมีปุ่มพื้นฐานการใช้งานครบถ้วน
Play,Pause / Stop/ FF/ RW
ส่วนด้านหน้าเครื่องก็จะมีปุ่ม open เปิดฝาใส่แผ่น และก็ปุ่มแดง ๆ คือปุ่ม REC.
หลายคนอาจจะสงสัยว่าปุ่มกลม ๆ ใหญ่ๆ นั่นคือปุ่มอะไร ไม่ใช่ Volume แน่ๆ
มันคือปุ่ม JOG dial เอาไว้ใช้ในการเลือกเมนูการใช้งาน เช่น edit, move, eraser ฯลฯ
เวลาตั้งชื่อเพลงครับ แล้วเราก็จะหมุนเลือกตัวอักษรครับ
อ๊ะๆ สำคัญนะครับ ถ้าเราเล่นเครื่องปกติต้องมานั่งกด ๆ ๆ แต่นี่หมุนนะ
ทำให้ใช้งานได้สะดวกสบายมากขึ้นเชียวละ
ภาพนี้ก็ด้านข้างเครื่องทางซ้ายนะครับ ก็จะมีรูเสียบหูฟัง
รู line in optical และก็รูเสียบ mic นะครับ
และก็ภาพหลังเครื่องนะครับ รุ่นนี้ใช้ไฟถึง 6V เลยทีเดียวเชียว
นี่ก็แผ่นหลังขาว ๆ ครับ
แน่นอน Made in japan ครับ
ถ่ายให้ดูเยอะ ๆ หน้าปัดจอยังเนียน ๆ ไม่มีริ้วรอยเลยครับ
ตัวเครื่องวัสดุเป็นโลหะทั้งส่วนหน้าและหลังเลยครับ
20 bit ADC and DAC. 24 bit calculation ATRAC
40 second shock memory. Digital and analog syncho recording
Output : Headphone 5mW/ch at 10% THD / 16ohms to 47 kohms
ใช้แบ็ตลิเที่ยมไออ้อน ฟังได้ 10 ชั่วโมง (แต่แบ็ตผมเสื่อม T_T)
ใช้ถ่าน AA อัลคาไลน์ ฟังได้ 25 ชั่วโมง (ผมใช้ถ่านชาร์จอ่ะ)
นี่ครับ ถ่าน AA สามก้อน เอิ๊ก เครื่องหนักเลย
หลังจากดูภาพกันไปเต็มอิ่มแล้ว ผมขอพูดเรื่องเสียงบ้าง (ความเห็นส่วนตัว)
ต้องยอมรับเลยครับว่า JVC R70 ตัวนี้ ให้เสียงที่มีคุณภาพมาก ๆ
อย่างที่เขียนไว้หน้ากล่องว่า High Quality Sound (ผมขอยอมรับเลยครับ)
ซึ่ง ผมรู้สึกเช่นนั้นจริง ๆ ทั้งกำลังขับที่หนักหน่วง เสียงกลาง เสียงแหลมที่รายละเอียดดีมาก
เบสนี่ สามารถปิด เปิด การใช้งานได้ เรียกได้ว่า หนักหน่วงเต็มเหนี่ยวเลยทีเดียว
ผมขอใช้คำว่า ถ้ามีโอกาสได้เจอ Minidisc รุ่นนี้ JVC R70
ถ้าคนที่คิดจะเล่น Minidisc แนะนำให้ซื้อไว้ซักเครื่องครับ หรือจะสะสมก็ได้
รับรองว่าไม่ผิดหวังจริง ๆ
ถ้าถามว่าจะหาจากไหนละก็ ebay ครับ ไม่ก็ yahoo japan ครับ ยังพอมีคนมาปล่อยขายครับ
ผมฟังกับหู earbud Sharp MD นี่ สุขใจสุด ๆ เลย เปิด Vol. 13 ก็พอ
Vol. มันจะ max ที่ 25 น่ะครับ และผมก็ได้ลองกับหู Grado 325is
ผมเปิดที่ Vol.15 ครับ เสียงที่ให้นั้น สุขสุด ๆ ครับ มันส์ครบรสจริงๆ
ถ้าเป็นอาหารก็คือ กินได้เลย ไม่ต้องปรุง (เพราะไม่มี EQ ให้ปรุงอ่ะ)
แต่ก็แปลกน่ะ ผมใช้หู Yuin PK2 ฟังแล้วไม่ชอบนะ เหมือนเสียงมันหลอก ๆ หู
คือ เครื่องเล่นเนี่ย มันต้องจับคู่ให้ตรงกันจริง ๆ ด้วยเนอะ
ภาพนี้ ถ่ายกลางคืน ^_^
ก็เอามาให้ดูกันครับ ภาพเยอะหน่อย ข้อมูลไม่ค่อยมีแหะๆ -_-"
เพราะโดยรวมมันดีไปหมดทุกอย่าง คือถ้ามีคะแนนเต็ม 10 ผมขอให้คะแนน
สำหรับ MD JVC R70 ที่ 9.7 คะแนนเลยครับ (ความเห็นส่วนตัวนะครับ)
ของแบบนี้ ไม่สามารถหามือหนึ่งได้แล้วนะครับ นานมาก ๆ แล้ว
ดังนั้น การซื้อมือสอง ต้องลุ้นจริง ๆ ครับ แล้วแต่ดวงเลยว่าจะได้ของดีหรือของเสีย
และมันอาจจะเล่นได้ดี 7 วัน ที่เหลือก็เสียเลย ก็มีโอกาสเป็นได้นะครับ
ดังนั้น รีวิวผมนี้ ไม่มีเจตนาจะสร้างกระแส ปลุกกระแส ใด ๆ ให้หันมาสนใจ MD นะครับ
แค่เพียงต้องการแชร์ เล่าให้ฟัง อ่านเอาสนุก เท่านั้นเองครับ
" เครื่องเล่นอะไรก็ดีเหมือนกันทุกเครื่องครับ ถ้ามันสร้างความสุขในการฟังเพลงให้เรา "
