ต้องลองดูครับ แต่ผมว่าไม่น่าเปลี่ยนถ้าดึงเฉพาะสัญญาณ Digital ออกมาใช้อย่างเดียวจากคอม

ผมว่า..เสียงไม่ต่างครับ สัญญาณดิจิตอล ยังไงก็อ่าน 0 อ่าน 1 เหมือนกัน

ขอบอกว่าต่างกันครับ ผมเคยเอาNotebook Acerต่อเทียบกะiMacในรูปแบบที่คุณว่ามาปรากฏว่าเสียงจากiMacดีกว่าครับ ผมว่าเปHนที่ภาคPower SupplyและภาคDigital Out ของsound card ที่แตกต่างกันครับ

มีอีกครั้งนึงลองเครื่องDeskTop PCของเพื่อน ขนาดคอมเครื่องเดียวกันแค่เปลี่ยนSound cardแต่ใช้Coax Digital Outเหมือนเดิมเด๊ะเพลงเดียวกันเด๊ะอุปกรณ์อื่นๆก็เหมือนกันเด๊ะๆเสียงก็ยังต่างกันเลยครับ

สาเหตุที่ผมอยากรู้ เพราะผมคิดเหมือน คห 1 และ คห2 แต่พอลองจริงๆ กลับได้เสียงต่างกัน เหมือนแบบพี่คณิตว่า เลยงงๆ ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น

ปล. ผมเทียบระหว่าง Notebook DELL กับ iMac นะครับ ใช้ DAC NU icon Mobile ...

ผมว่ามันอยู่ที่ภาค DAC อย่างพี่คณิตว่าละครับ...ไม่งั้นเราจะควานหา DAC เทพๆ กันไปทำไม..

ถ้าตามหลักการง่ายๆ กว้างๆ คำตอบน่าจะเป็น เหมือนกัน

แต่สัญญาณ digital ไม่ได้มีแค่ 0 1 0 1 ยังมีเรื่อง jitter ซึ่งมีผลกับความเพี้ยนของสัญญาณ

อุปกรณ์ยิ่งดีเท่าไหร่ ยิ่งจับผิดง่ายขึ้นครับ

่jitter มันเหมือนกับ vibrator รึป่าวคับพี่น้อย....

แสดงว่า ต่างเครื่องคอม สัญญาณส่งเข้า DAC ก็ต่างกัน ซึ่งยังงัยก็มีผล ผมเข้าใจถูกป่าวเอ่ย

ของพี่คณิตน่าจะหมายถึงออกจาก soundcard
แต่ถ้าต่อผ่านจาก usb port มาใช้ DAC ข้างนอกล่ะครับ?

ต่อจากUSBมาเข้าDACนอกตัวเดียวกันสายเดียวกันก็แตกต่างครับ เสียงจากiMacดีกว่าNotebook Acerแน่นอนครับ

ที่จริงz,ไม่อยากอธิบายยาวๆและฟังดูยุ่งยากเลยครับเพราะเดี๋ยวจะเครียดกันเกินไป แต่อย่างที่พี่น้อยพูดไว้เกี่ยวกะเรื่องJitterนั่นแหละครับ เนื่องโครงสร้างของข้อมูลดิจิตอลไม่ได้มีแค่องค์ประกอบของเลขฐานสองที่มีแค่0กะ1เพียงเท่านั้น มันยังมีเรื่องของสัญญานClockต่างๆในระบบรวมไปถึงการEncodeและDecodeสัญญานต่างๆเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยครับ

และไอ้Jitterหรือความผิดเพี้ยนของสํญญานClockทีเกิดในจากการรับส่งข้อมูลในระบบดิจิตอลตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทางนั้นก่อให้เกิดความเสียหายต่อคุณภาพของข้อมูลดิจิตอลที่ถูกส่งผ่านในแต่ละทอด ซึ่งความเสียหายตรงนี้ก็จะส่งผลต่อสัญญานอนาล็อกที่ถูกแปลงจากสัญญานดิจิตอลตัวนั้นในท้ายที่สุดด้วย ทีนี้พอเข้าใจกันหรือยังครับว่าทำไม

ผมเคยเขียนบทความเกี่ยวกะเรื่องJitterในระบบเครื่องเสียงดิจิตอลเป็นคนแรกๆในบ้านเราเลยก็ว่าได้ ตั้งแต่สมัยเป็นนักเขียนอิสระให้กับนิตยสารเครื่องเสียงของเมืองไทยหลายฉบับเมื่อหลายปีที่แล้วครับ จนตอนนี้ความรู้ลงหม้อลงไหไปหมดแล้ว

เอาไว้ผมไปค้นต้นฉบับบทความที่ผมเขียนเกี่ยวกะเรื่องนี้ไว้เจอเมื่อไหร่จะเอามาเม้าให้ฟังแบบเต็มๆอีกทีจ้า

5555

เห็นด้วยกับพี่คณิตตรงส่วน hardware นี่ล่ะ

คือในภาคจ่ายไฟนี่มีผลแน่ๆ และการ์ดเสียงที่ต่างกัน ที่ใช้ในการที่จะส่งสัญญาณดิจิตอลออกมา ก็น่าจะมีผลแน่ๆๆ ครับ

ตอนนี้ผมกำลังพยายามหาวิธีอัพเกรดภาคจ่ายไฟของ PSU พวก transport ต่างๆๆ อยู่ กำลังคุยกับเจ้า KingWa แห่ง audio GD ถึงเรื่องนี้อยู่เลยครับ คือผมกำลังให้เค้าวิจัยและทำภาคจ่ายไฟ PSU ไฟ DCแบบไฮเอนด์ให้ใช้กับบรรดาพวกตัวอ่านสัญญาณดิจิตอลทั้งหลายแหล่ ถ้ำทำได้เรียบร้อยอย่างที่ผมคิด คราวนี้ส่วนที่เป็นจุดอ่อนที่เคยมีในการอ่านไฟล์ดิจิตอลก็น่าจะดีขึ้น 555

หากถามว่า อ่านยังไง ดิจิตอลก็คือ 0101 แต่อย่างว่าล่ะเน้อ พวกหูคันอย่างเราๆๆ มักจะหาเรื่องทำให้มันยุ่งมากขึ้นจนได้ล่ะครับ

ใกล้ความจริงแล้วครับ แล้วจะเอามาเล่าให้ฟังจ้า 555

เข้ามารออ่านบทความเีื่รื่อง Jitter ของพี่คณิตครับ เคยคิดมาตลอดว่าเรื่อง Jitter คงไม่มีประเด็นที่น่าสนใจมากเท่าไหร่มาตลอดเลย

jitter มีผลมากครับ
ไม่งั้น อีตาคิงวา ไม่เอามาเป็นจุดขายใน dac ของเขาด้วยครับ

ต่างกันแน่นอนครับ ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบโดยละเอียดทั้งหมดครับ

แล้วสาย USB ก็มีผลมั๊ยครับ... ?

ส่วนความคิดผม ผมคิดว่าไม่ค่อยเกี่ยว แต่ถ้าผิดยังงัยช่วงแย้งด้วยนะครับ
ถ้าคิดเล่นๆ(อันนี้พูดถึงเฉพาะเรื่องสาย USB นะ) USB2 ความเร็ว 480 Mbps ส่วนไฟล์เพลงเรา ให้หรูๆก็ 1440 kb/s ผมว่าสายจะ loss ยังงัย ก็ยังส่งใหม่ได้อีกอยู่ดี แบนด์วิชยังเหลืออีกเพียบ...