Mark Levinson เป็นแบรนด์เครื่องเสียงระดับไฮเอนด์ชั้นนำของโลกอีกแบรนด์ที่สร้างชื่อเสียงมาอย่างยาวนาน

จุดที่ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์และการออกแบบเป็นอย่างมากคือในช่วงปี 1995 ที่ได้มีการปล่อยปรีแอมป์ Mark Levinson no.38 ซึ่งในยุคนี้ทาง Mark Levinson ใช้เทคโนโลยีดิจิตอลเข้ามาอย่างเต็มตัว การควบคุมการทำงานทั้งหมดของเครื่องผ่านซอฟท์แวร์ (software-controlled)

ในภาควอลลุ่มคอนโทรลซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของปรีแอมป์ ตั้งแต่ Mark Levinson no.38 จนถึง no.380s จะมีการทำงานเป็นการรับข้อมูลสัญญาณอนาล็อกเข้ามาผ่าน ADC แปลงเป็นสัญญาณดิจิตอลส่งต่อไปยังชิป DAC 12Bit (DAC8222F) เพื่อทำการปรับเพิ่มลดระดับเสียงโดยใช้ชิป DAC ตัวนี้ (เป็นการเพิ่มลด bit rate) ด้วยเหตุนี้เสียงของปรีแอมป์ Mark Levinson ตั้งแต่ no.38, no.38s, no.380 และ no.380s จะได้รับอิทธิพลทางเสียงจากชิป DAC ในตำแหน่งนี้เป็นสำคัญ

จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญคือเมื่อทางทีมวิศกรของ Mark Levinson ต้องการที่จะสร้างปรีแอมป์ระดับท็อปสุดของค่าย (Reference Pre-amp) จึงออกแบบใหม่ทั้งหมดออกมาเป็น Mark Levinson no.32 Reference แยกเพาเวอร์ซัพพลาย (ภาตจ่ายไฟ) ออกจากภาคอนาล็อก ในส่วนของภาควอลลุ่มคอนโทรลใช้การออกแบบ ladder volume control (วอลลุ่มแบบสเต็ปจับคู่ตัวต้านทาน) โดยใช้ microprocessor ในการจับคู่ตัวต้านทานที่ละเอียดถึง 65,000 สเต็ป

เทคโนโลยีภาควอลลุ่มแบบใหม่ใน Mark Levinson no.32 Reference นี้ เป็นการออกแบบเพื่อให้ได้เสียงที่มีไดนามิกเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น ละเอียดยิ่งขึ้น สมบูรณ์ทั้งความถูกต้องของสัญญาณอินพุทที่รับเข้ามาและถ่ายทอดออกไป การกำหนดแจกแจงรูปวงและเสียงที่ไม่ผิดเพี๊ยนเพราะการแปลงสัญญาณ

หลังจากที่ทางทีมงานประสบความสำเร็จอย่างสูงกับ Mark Levinson no.32 Reference ในอีกหลายปีต่อมาก็ได้สร้างรุ่นน้องที่นำเอาเทคโนโลยี ladder volume control มาใช้ใน Mark Levinson no.326s ออกมาเป็นตัวปิดท้ายตำนานความยิ่งใหญ่ของปรีแอมป์ในซีรี่ย์ Reference

ทั้งนี้ผมได้แนบภาพรายละเอียดราคา และปีที่ผลิตวางขายของปรีแอมป์ Mark Levinson แต่ละรุ่นมาให้ได้ดูกันครับ