ขอบคุณคุณ PUPU สำหรับข้อมูลครับ
เรื่องตัวเลขทางบัญชีผมคงไม่มีความสามารถมองออกครับ 55 แต่ที่ผมคาดคะเนในใจ ผมว่าสาเหตุที่ Senn ทำต่อไม่ไหว เพราะตัวองค์กรคงเหนื่อยล้าเต็มทน และทนต่อการ disrupt ของอุตสาหกรรมยุคใหม่ไม่ไหว โครงสร้างของผู้ผลิตยุคใหม่มันต่างจากของที่ Senn เคยประกอบมาร่วมร้อยปี
วงการหูฟังตอนนี้ต่างจากเมื่อ 10 ปีก่อนเยอะ คือหูฟังรุ่นที่ขายได้ลดจำนวนลงอย่างมาก กลายเป็นว่าในหนึ่งแบรนด์มีหูฟังที่ขายได้เพียง 1-2 รุ่น ซึ่งอันนี้ก็รวม Senn ด้วยเช่นกันครับ ช่วงหลัง Senn ออกหูฟังที่สามารถเป็นรายได้หล่อเลี้ยงบริษัทได้จริงๆ ผมว่าเหลือเพียงแค่ 1 รุ่นเท่านั้น
และ 1 รุ่นของตัวเอง ยังต้องแข่งกับ 1 รุ่นของแบรนด์อื่น ซึ่งตอนนี้เวลาแข่งไม่ใช่แข่งว่าของใครคุณภาพดีกว่าอย่างเดียว แต่ต้องแข่งขันเรื่องทำราคาที่ต่ำลงมา ในขณะที่คุณภาพต้องสูงขึ้น ค่าใช้จ่ายในการวิจัยหรือพัฒนาก็ตัดออกลำบาก สายพานการผลิตก็แบกรับไว้ คนงานก็แบกรับไว้
ก็เลยถึงเวลาต้องมองหาคนใหม่ที่สามารถสานต่อธุรกิจตรงนี้ต่อไปได้มารับช่วงแทน อย่างน้อยผมว่าเป็นทางออกที่ดี คือยังมองเห็นธุรกิจที่ตัวเองรักยังคงอยู่ต่อไป ในขณะที่เลือกการที่จะไม่แข่งในชั่วโมงนี้ ดีกว่าเลือกที่จะแข่งต่อซึ่งจะเสียหายต่อไปเรื่อยๆครับ
แม้แต่ผมเองก็ต้องดิ้นรนสุดฤทธิ์ไม่งั้นอาจจะไปไม่ไหวเหมือนกันครับ ชั่วโมงนี้ทุกอย่างไม่ง่ายอย่างที่หลายๆคนเข้าใจจริงๆครับ
อันนี้ถือว่าคุยกันแบบสภากาแฟนะครับ ถูกมั่งผิดมั่ง ถือว่าเป็นทรรศนะส่วนตัวละกันนะครับ
ผมว่าตอนนี้แบรนด์ใหญ่ๆในโลกถูก disrupt กันหมด ไม่ใช่อุตสาหกรรมหูฟัง แต่อุตสาหกรรมใหญ่อย่างรถยนต์ ผมว่าตอนนี้คงทบทวนโครงสร้างและทางเดินกันวุ่นวายไปหมด อย่าลืมว่าบริษัทเก่าที่ทำธุรกิจมาหลายสิบปี ทุกอย่างค่อยๆสร้างค่อยๆขยาย ทำกันมาเรื่อยๆ จนเครือข่ายและภาระต่างๆกระจายไปทั่วโลก
อยู่มาวันหนึ่งบอกว่าเทรนด์กำลังจะไปรถยนต์ EV ผมว่าเจ้าเก่าจะหนักใจ เพราะลงทุนไปมหาศาล ในขณะผู้มาใหม่นั้นมาแบบตัวโล่งๆ ทุกอย่างมาเริ่มใหม่ ภาระต่างๆเพิ่งเริ่ม และที่สำคัญได้เรียนรู้ของเก่าไปมากพอสมควร ปัญหาของคนที่มาใหม่คือทำอย่างไรให้มันใช้งานได้เที่ยงตรง แม่นยำ ส่วนเรื่องการตลาดไม่ต้องรับรู้อะไรมาก เพราะผู้บริโภคนั้นเข้าถึงง่ายกว่าเมื่อหลายสิบปีก่อน
หูฟังก็เช่นกัน สิบกว่าปีก่อนเรายังคงเห็นแบรนด์เอเซียเป็นเหมือนตลาดรอง แบรนด์ฝรั่งแข็งแกร่งที่สุด แต่เวลาผ่านไป พอพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน ทำให้เจ้าเก่าก็ไปไม่เป็นเหมือนกัน ตอนนี้หูฟังที่เป็นแบรนด์ฝรั่งเลยที่ขายได้ แทบจะไม่เหลือเลยครับ ยกเว้นหูฟังแอปเปิ้ลที่ผมถือว่าเป็นตลาดของ consumer จ๋าๆๆ ครับ
ขอโพสรูปที่ถ่ายกับ Andreas Sennheiser (เถ้าแก่ใหญ่ของ senn) ไว้ตรงนี้หน่อยนึง แกเป็นคนน่ารักมาก ก็ได้แต่เอาใจช่วยให้ทุกอย่างราบลื่นต่อไปในธุรกิจเดิมหรืออันใหม่ที่กำลังเข้ามาครับ