
เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นเร็วๆนี้ ณ หมู่บ้านห้วยทราย ต.คอแลน อ.บุณฑริก จ.อุบลราชธานี เรื่องมีอยู่ว่าชายหนุ่มคนหนึ่งในหมู่บ้านนี้ผ่านการเป็น
ทหารมาแล้วได้งานทำในโรงพยาบาลในตัวอำเภอ มีอยู่วันหนึ่งออกเวรกะดึกต้องขับมอเตอร์ไซต์กลับบ้าน
ประมาณตี2 เส้นทางเข้าออกของหมู่บ้านนี้ต้องผ่านป่าช้า
ก่อนเข้าสู่ตัวหมู่บ้านซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติ (ป่าช้าทางภาคอีสานนั้น หมายถึงที่ๆเขาฝังคนตายเอาไว้ใต้ดินจริงๆ แล้วทำดินให้พูนๆเอาไว้เหมือนในหนังน่ะแหละ ยิ่งถ้าคนตายโหงตามประเพณีจะต้องฝังเอาไว้สามปี
จึงจะขุดมาทำพิธีกรรมทางศาสนนาได้) ทีนี้เมื่อขับรถมาใกล้จะถึงป่าช้าน้ำมันรถดันหมดพอดี
ก็เลยนึกโกรธในใจว่าน้ำมันหมดได้ไงฟะหรือว่าผีสาง
แถวนี้แกล้งกูวะเนี่ย เลยปากพร่อยด่าไปว่าถ้าเป็นผีแกล้งละก็แน่จริงออกมาให้
้เห็นซิโว้ยศพคนตายกูก็เห็นมาแยะแล้วกูไม่กลัวมึงหรอก
ปัดโธ่เว้ยพอเข็นรถไปได้สักพักรู้สึกเย็นสันหลังวาบๆ
เหมือนมีคนเดิมตามหลังมาแต่พอหันไปดูก็ไม่เห็นมีอะไร
ก็เลยเข็นรถไปเรื่อยๆแต่พอถึงตรงจุดที่เป็นบริเวณป่าช้า
จริงๆรู้สึกว่าตอนนั้นไม่มีลมพัดผ่านสักหน่อยแต่ว่าที่ปลาย
ยอดต้นไม้สูงต้นหนึ่งข้างถนนทำไมมันถึงได้โอนเอนโยก
ไปมาได้เองก็ไม่รู้แล้วก็มีเสียงดังตุ๊บที่ทางด้านหลังพอหัน
ขวับไปดูก็พบว่ามีคนนั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซต์อยู่ไม่ใช่ใคร
ที่ไหนจำได้ว่าเป็นเจ้าหน้าที่อบต.คนหนึ่งที่เพิ่งแหกโค้ง
ตายเป็นรายล่าสุดเมื่อเร็วๆนี้เองเองใบหน้าของผู้ตายราย
นี้จะหายไปซีกหนึ่งแล้วที่จำได้ดีก็เพราะตนเองก็ได้เห็น
สภาพศพของเจ้าหน้าที่คนนี้ตอนเขาตายด้วย ในตอนนั้นนอกจากจะเห็นเจ้าหน้าที่อบต.ที่มีใบซีกเดียว
ที่นั่งซ้อนท้ายรถมาด้วยแล้วยังเหลือบเห็นในหางตาถัด
ออกไปจากท้ายมอเตอร์ไซต์ยังมีใครอีกก็ไม่รู้หลายคน
เลยพากันยืนอยู่ข้างหลังๆโน่นถึงตอนนี้แกบอกว่าตอนนั้น
กลัวมากที่สุดในชีวิตแต่ด้วยความที่เป็นคนใจนักเลงใจ
แข็งจึงพยายามคุมสติมือกำแฮนด์มอเตอร์ไซต์ไว้แน่นปึ๊ก
เหงื่อชุ่มมือแข็งใจเข็นรถต่อไปทั้งๆที่รู้สึกได้ถึงความหนัก
แบบเหมือนมีคนซ้อนท้ายมาด้วยจริงๆ ไม่ยอมหันไปมองด้านหลังอีกเลย และตั้งใจว่าจะเข็นรถไปให้ถึงตรงที่มีแสงไฟอยู่ข้างหน้า
จึงจะทิ้งรถแล้ววิ่งหนี ปรากฏว่ายังไม่ทันจะถึงตรง
ที่มีแสงไฟเลย(ตรงที่มีแสงไฟฟ้านี่มันใกล้ตัวหมู่บ้านมาก
แล้ว) ก็รู้สึกว่ารถมันเบาๆเท่านั้นแหละแกก็ทิ้งรถ
ตามที่ได้ตั้งใจเอาไว้แล้ววิ่งเผ่นแน่บร้องไห้จ้าไปหาแม่
ร้องบอกว่าแม่ๆฉันถูกผีหลอกมาแม่ แม่ก็ตื่นขึ้นมาปลอบ
ขวัญกันยกใหญ่พอรุ่งขึ้นชาวบ้านรู้ข่าวก็พากันมาผูกข้อมือ
เรียกขวัญกันทั้งหมู่บ้านตามประเพณี (เขาบอกว่าผีป่าช้า
เขาก็มีขอบเขตของเขา พอจะเข้าเขตหมู่บ้านเขาก็เลยพา
กันหายไปตอนที่รู้สึกได้ว่ารถมันเบาๆแล้วน่ะแหละมันใกล
้ตัวหมู่บ้านแล้ว) ทุกวันนี้ชายหนุ่มคนนั้นก็ยังคงใช้เส้น
ทางนั้นเข้าออกของหมู่บ้านนี้ตามปกติ เพราะตามปกติก็ต้องใช้เส้นทางนี้อยู่แล้วเพียงแต่ว่าไม่ด่า
ผีสางนางไม้อีกต่อไป ถ้าเป็นคนอื่นเจออาจช็อคตายคาที
แต่เขาเป็นคนใจนักเลงใจแข็งมากก็เลยไม่ถึงขั้นประสาท
เสียน่ะครับ ทุกวันเขาก็ทำงานที่โรงพยาบาล
ในตัวอำเภอที่เดิมแหละครับ ถ้าผ่านไปก็แวะไป
คุยถามไถ่ดูได้เด้อครับเด้อ อ้อแถมท้ายอีกนิดตอนที่แกทิ้งรถแล้วออกวิ่งหนีน่ะ
แกบอกว่าเอาแชมป์โลกโอลิมปิควิ่งแข่งร้อยเมตร
มาวิ่งแข่งกับแกก็สู้แกไม่ได้หรอก ฮ่ะๆ